จขกท ตอนนี้ก็ยังอยู่ในภารกิจตามหาแม่ของลูกอยู่นะครับ ดูจากกระทู้เก่าๆ

เล่าความเดิมคือ ก่อนหน้านี้เคยมีแฟนสมัยเรียนมหาลัย แล้วก็เลิกรากันไป แล้วก็ทำงานมางกๆ 10 ปี การงานมั่นคงแล้วพึ่งหันมามองสาวๆ รู้สึกว่าผ่านมาแค่ 10 ปี การคบหากันเป็นแฟนในไทยมันเปลี่ยนไปเยอะเลย

สาวๆ (ส่วนใหญ่ก็รุ่นน้อง) เดี๋ยวเธอกล้ากว่าแต่ก่อนเยอะ เมื่อก่อนต้องถือกระเป๋าเดินตามต้อยๆเป็นปี เธอก็ยังไม่ยอม เดี๋ยวนี้คบได้หลักเดือนเธอก็ชวนเราไปลึกซึ้งกันเสียแล้ว เหมือนพวกเธอจะชอบเรื่อง "เป็นแฟนกันต้องมีอะไรกัน (จะได้เหมือนคู่อื่นๆ)" กับ "อยู่ก่อนแต่ง" มากเลย
บางทีก็แอบคิดว่า คบกันแบบนี้รู้สึกเปลืองตัวจุง (เป็นผู้ชายพูดแบบนี้ก็อายๆหน่อย )

ทัศนคติเรื่องเพศในไทยเปลี่ยนไปเยอะหรือเป็นเพราะผมบังเอิญเจอสาวสมัยใหม่เยอะเอง มาแชร์ประสบการณ์เรื่องนี้กันหน่อยครับ

 
ผมไม่ได้แค่ตามไม่ทัน  แต่ไม่ไว้ใจเลย    เลยชอบแต่สาวใหญ่แบบสามสิบกว่าๆเกือบสี่สิบขึ้นไปเท่านั้น   แม้แต่ตอนเที่ยวกะหรี่ก็จะเลือกแต่สาวใหญ่อายุ 40-50 กว่าขึ้นไป แต่มากที่สุดคือ 59 เพราะรู้สึกว่าเย็ดแล้วมันกว่ากะหรี่สาวๆ  ที่เจ๊าะแจ๊ะเกินไป  แถมไม่ไว้ใจความปลอดภัยที่เหมือนมีผัวมันตามมาเฝ้าด้วย

ผมไม่ได้แค่ตามไม่ทัน  แต่ไม่ไว้ใจเลย    เลยชอบแต่สาวใหญ่แบบสามสิบกว่าๆเกือบสี่สิบขึ้นไปเท่านั้น   แม้แต่ตอนเที่ยวกะหรี่ก็จะเลือกแต่สาวใหญ่อายุ 40-50 กว่าขึ้นไป แต่มากที่สุดคือ 59 เพราะรู้สึกว่าเย็ดแล้วมันกว่ากะหรี่สาวๆ  ที่เจ๊าะแจ๊ะเกินไป  แถมไม่ไว้ใจความปลอดภัยที่เหมือนมีผัวมันตามมาเฝ้าด้วย

พอจะบอกช่วงอายุท่านคร่าวๆได้ไหมครับ อายุ 30 การงานดี จีบสาวก็ยังฮ็อตอยู่นะ

แล้วก็ถึงผมจะตั้งกระทู้ผิดหวังสาวๆหลายๆครั้ง แต่กลายเป็นว่า 2 ปีนี้ผมได้หลับนอนกับสาวๆมากที่สุดในชีวิต ก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีเราก็คิดว่ามันไวไปมั้ยที่จะลึกซึ้ง แต่เธอก็เสนอมาซะงั้น

ขนาดผมต้องยอมไปตรวจเลือดครั้งแรกอะครับ (สมัยหนุ่มๆไม่เค๊ย ไม่เคย มาครั้งแรกตอนนี้ อย่างอาย)

เวลาผมมองหนุ่มสาวควงกันสมัยก่อนจะคิดว่าใสๆ อาจซั่มกันซัก 50% เดี๋ยวนี้เห็นคู่หนุ่มสาวจะมองว่า 80-90% ซั่มกันแล้วแน่นอน

 ต้องถามสาวๆแล้วหล่ะ 555
เอาจริงๆนะ ผู้ชายก็เริ่มไม่ได้ให้ความสำคัญของเจ้าสาวของเขาต้องเป็นสาวบริสุทธิ์เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงมองว่าการมีเซ็กซ์จึงไม่ได้ผิดอะไร พึงพอใจ(รักกัน) ก็ใช้เซ็กซ์มาแสดงความรักกันก็แค่นั้น

ต้องถามสาวๆแล้วหล่ะ 555
เอาจริงๆนะ ผู้ชายก็เริ่มไม่ได้ให้ความสำคัญของเจ้าสาวของเขาต้องเป็นสาวบริสุทธิ์เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงมองว่าการมีเซ็กซ์จึงไม่ได้ผิดอะไร พึงพอใจ(รักกัน) ก็ใช้เซ็กซ์มาแสดงความรักกันก็แค่นั้น

ส่วนใหญ่น่าจะยังแคร์แต่หาไม่ได้มากกว่าครับ เพราะสาวบริสุทธิ์ส่วนใหญ่คือสเปคสูง ที่บ้านหวง จีบไม่ติด เอื้อมไม่ถึง

ผมยังเห็นคนเล่นมุกประเภท "สินสอดจะมีไปทำไม ให้คนเก่าๆมาช่วยจ่ายด้วยสิ" ประจำน่ะครับ
คือประเพณีเราปรับตัวตามแนวคิดของคนสมัยใหม่ไม่ทันจริงๆ

แต่ผมใช้ชีวิตแบบนี้ก็ยังไม่เคยไปเปิดซิงสาวคนไหนน่ะนะ

เป็นยุคที่กระแสวัฒนธรรมใหม่ๆ มาแรงครับ ผมยี่สิบกว่าๆ ตามน้องอ่อนกว่านิดๆหน่อยๆยังไม่ค่อยทันเลย เปลี่ยนแปลงแบบสับสวิตซ์เลยนะคนสองยุคเนี่ยทั้งมุม ทั้งความคิดการวางตัว ยิ่งเด็กลงไปกว่านั้นมันยิ่งมีฟีเจอร์ใหม่ๆให้เราได้งงกันอีกเยอะ!!

ผมอายุ 30 กว่า ๆ เคยลองคุยกับสาวอายุ 20 ต้น ๆ บอกตรง ๆ ว่าโคตรมึน ตามไม่ค่อยทัน 5555+

เป็นสาวใต้ สวย ขาว หุ่นดี เป็นเด็กนั่งดริ้งค์ เพื่อนผมชวนให้คุย เชียร์ให้จีบ เพราะมันอยากเห็นผมมีเมียสักที ผมก็ตามประสาหนุ่มโสด ก็เลยจีบเธอ เลี้ยงเหล้า เลี้ยงอาหารเธอ ให้ทิปเธอไปหลายร้อยอยู่ พอแลกไลน์เท่านั้นแหละ พูดมากเลยน้องเอ้ย 55555+ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มมาขอยืมเงิน ชวนผมไปเที่ยวข้างนอก อยากให้ผมไปคนเดียว อยากให้ผมขับรถไปหาน้องเค้า ตอนนั้นคิดเลยว่า ถ้าไปหา มีอยู่สองอย่างคือ ต้องได้เสียกันแน่ หรือไม่ก็อาจโดนผัวหรือกิ๊กน้องรุมกระทืบก็ได้ (อาจมองโลกแง่ร้ายไป แต่เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังบรรทัดล่าง)

แต่ผมไม่ได้ไปหรอก ผมรู้สึกว่าน้องคนนี้มีลับลมคมใน มีจริตจก้าน แอบไปส่องในเฟสเธอ อืมมม คิดถูกละ ที่ทำแบบนั้น เธอเป็นเด็กเที่ยว แล้วดูเหมือนว่าจะมีผู้ชายคนอื่นมาติดพันเธอด้วย ก็เลยปลีกตัวออกมาเลย น้องเค้าก็เหมือนจะรู้ตัว ก็เลยบล็อคไลน์ผมทิ้ง (กะไว้แล้ว)

พูดจากประสบการณ์โดยตรงนะ เห็นด้วยกับเรปบน คือสาวซิง ๆ (ที่หมายถึงผู้หญิงที่โตแล้ว ทำงานแล้ว เชื่อเถอะว่ายังมี) มักจะสเป็คสูงมาก เบ้าหน้าต้องดี ไม่หล่อก็ต้องดูดีไว้ก่อน เนี๊ยบ การศึกษาต้องดี การงานต้องดี มีความเป็นผู้นำ มีความเป็นสุภาพบุรุษ ฯลฯ เข้าถึงตัวและหัวใจเธอได้ยากมาก เข้าใจว่าเพราะยังไม่เคยผิดหวังกับความรัก เลยมองความรักเอาไว้สูงส่ง เพอร์เฟ็ค แต่ถ้าจีบพวกเธอติด พวกเธอจะรักเรามากและรักตลอดไป (ทั้งนี้และทั้งนั้น อาจไม่ใช่ทุกคน มันเป็นประสบการณ์โดยตรงของผมอ่ะนะ)


ต่างจากผู้หญิงที่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อน พวกเธอจะคุยได้ง่ายขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น แต่บางคนนี่ไม่ไหวครับ ง่ายเกินไปจนเรายังกลัว 55555+

ผมอายุ 30 กว่า ๆ เคยลองคุยกับสาวอายุ 20 ต้น ๆ บอกตรง ๆ ว่าโคตรมึน ตามไม่ค่อยทัน 5555+

เป็นสาวใต้ สวย ขาว หุ่นดี เป็นเด็กนั่งดริ้งค์ เพื่อนผมชวนให้คุย เชียร์ให้จีบ เพราะมันอยากเห็นผมมีเมียสักที ผมก็ตามประสาหนุ่มโสด ก็เลยจีบเธอ เลี้ยงเหล้า เลี้ยงอาหารเธอ ให้ทิปเธอไปหลายร้อยอยู่ พอแลกไลน์เท่านั้นแหละ พูดมากเลยน้องเอ้ย 55555+ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มมาขอยืมเงิน ชวนผมไปเที่ยวข้างนอก อยากให้ผมไปคนเดียว อยากให้ผมขับรถไปหาน้องเค้า ตอนนั้นคิดเลยว่า ถ้าไปหา มีอยู่สองอย่างคือ ต้องได้เสียกันแน่ หรือไม่ก็อาจโดนผัวหรือกิ๊กน้องรุมกระทืบก็ได้ (อาจมองโลกแง่ร้ายไป แต่เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังบรรทัดล่าง)

แต่ผมไม่ได้ไปหรอก ผมรู้สึกว่าน้องคนนี้มีลับลมคมใน มีจริตจก้าน แอบไปส่องในเฟสเธอ อืมมม คิดถูกละ ที่ทำแบบนั้น เธอเป็นเด็กเที่ยว แล้วดูเหมือนว่าจะมีผู้ชายคนอื่นมาติดพันเธอด้วย ก็เลยปลีกตัวออกมาเลย น้องเค้าก็เหมือนจะรู้ตัว ก็เลยบล็อคไลน์ผมทิ้ง (กะไว้แล้ว)

พูดจากประสบการณ์โดยตรงนะ เห็นด้วยกับเรปบน คือสาวซิง ๆ (ที่หมายถึงผู้หญิงที่โตแล้ว ทำงานแล้ว เชื่อเถอะว่ายังมี) มักจะสเป็คสูงมาก เบ้าหน้าต้องดี ไม่หล่อก็ต้องดูดีไว้ก่อน เนี๊ยบ การศึกษาต้องดี การงานต้องดี มีความเป็นผู้นำ มีความเป็นสุภาพบุรุษ ฯลฯ เข้าถึงตัวและหัวใจเธอได้ยากมาก เข้าใจว่าเพราะยังไม่เคยผิดหวังกับความรัก เลยมองความรักเอาไว้สูงส่ง เพอร์เฟ็ค แต่ถ้าจีบพวกเธอติด พวกเธอจะรักเรามากและรักตลอดไป (ทั้งนี้และทั้งนั้น อาจไม่ใช่ทุกคน มันเป็นประสบการณ์โดยตรงของผมอ่ะนะ)


ต่างจากผู้หญิงที่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อน พวกเธอจะคุยได้ง่ายขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น แต่บางคนนี่ไม่ไหวครับ ง่ายเกินไปจนเรายังกลัว 55555+

มีแน่นอนครับ พอสมควรเลย แต่สาวสเปคสูงส่วนใหญ่พวกเธอจะมีความคิดที่ว่า จะไม่ยอมให้ใครมาหาความสุขบนเรือนร่างง่ายๆ ถ้าไม่รอแต่งงาน ก็ต้องคบกันแบบยาวมากๆจนไว้ใจจริงๆ

ต่างกับสาวๆส่วนใหญ่สมัยนี้ ที่จะนิยม "เอาตัวเข้าแลก" รู้กันไปเลย ต่อให้ไม่ใช่ก็วิน-วิน สนุกด้วยกันทั้งสองฝ่าย


คือใน คห ผม มันจะกลับกันกับเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนผมจบใหม่ๆอะครับ สมัยนั้นสาวๆที่ไม่ยอมมีอะไรกับแฟน (รอแต่งงานก่อน) จะมีเยอะสุด รองลงมาคือคนที่ยอมมีอะไรกับแฟน ตอนนี้จะกลับกันคนที่ยอมมีเซ็กส์กับแฟนจะเยอะสุด ส่วนคนที่รอแต่งงานจะกลายเป็นส่วนน้อยแทน

คีย์เวิร์ดของยุคนี้คือ "เคยมีแฟนแล้ว = เคยมีเซ็กส์แล้ว" สมัยก่อนมีแฟนคบกันห่างๆได้ ไม่จำเป็นต้องมีอะไรกัน แต่สมัยนี้มีแฟนคือมีอะไรกันแล้ว 70% ได้


เอาจริงๆ ภารกิจตามหาแม่ของลูกของผม ผมว่าผมก็เริ่มหลงทางแล้วล่ะครับ ไม่รู้ว่ามันคือการตามหาแม่ของลูก หรือการคบกับสาวๆและมีเซ็กส์กับพวกเธอกันแน่ มันหลงทางจริงๆ ผมอาจต้องพัก

เอาเข้าจริงๆ มันก็เป็นมาทุกยุคทุกสมัยแหละสหายเอย...
ไม่ว่าวันเวลามันจะผ่านมาผ่านเลยอย่างไร? ผู้หญิงก็คือผู้หญิง
ยุคสมัย+สภาพแวดล้อม+สิ่งเร้าต่างๆ+พื้นเพปูมหลังเธอๆหล่อนๆ ฯลฯ
ล้วนเป็นปัจจัยในการหล่อหลวม"หญิง"ขึ้นมา มากน้อยอย่างไรก็ตามแต่สัดส่วนปัจจัย
หากให้แบ่งแล้วไซร้... พวกหัวเก่าอนุรักษ์มักจะอยู่ที่ร้อยละ50-60
พวกก้าวหน้าปรู๊ดปร๊าดเนี่ยราวร้อยละ20-25  ที่เหลือก็เป็นพวกโลเลแกว่งไกวไปมา
ตัวเลขนี้สามารถใช้ได้กับทุกระดับสังคมชั้นของพวกหล่อนๆเธอๆ
อย่างใน ตย.ที่เป็นพวกสาวดริ๊งค์ราตรี(สาวใต้) มันก็ขึ้นกับสติสตังค์ของเราผู้ๆเองแหละ
หรือในกรณีสาวๆที่เติบใหญ่มาในแวดวงการศึกษาไต่เต้า (ที่เรียกขานว่าพวกจบใหม่) กลุ่มนี้พยายามใช้เงื่อนไขสเตตัสมาเป็นเกณฑืสูง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสาวเต็มที่จึงมักเขวไปเขวมากับรสนิยมเพศส่วนตน....(ไม่เจนจบอย่างพวกสาวกลางคืน)
ดังนั้น หากเป็นการหาแม่ให้ลูก หรือเมียให้บ้าน ก็ต้องเปิดกว้างและพิจารณาจาก"ความต้องการ"ในเรื่องนี้ของเธอหรือหล่อนด้วย ถ้าเธอ"ตัดสินใจ"เลือกแล้ว เธอก็มักจะคงมั่นในจุดนั้น
แต่ทุกเรื่องทุกประการมันก็มักจะบิดเบี้ยวได้ เพราะไม่ว่าอย่างไร มันย่อมเป็นกระบวนการไม่ใช่ข้อยุติลงหรือจุดจบเอนดิ้งเรื่องราว หรือที่มักจะได้ยินคำกล่าวที่ว่า การจบลงคือการเริ่มต้นใหม่อีกนั่นเอง...(การแต่งงานการมีลูก..ไม่ใช่การจบ หากเป็นการเริ่มต้น...)

ขอให้สหายท่านจงมีโชคชัยในการการแสวงหานี้ด้วยเทอญ

ผมอายุ 30 กว่า ๆ เคยลองคุยกับสาวอายุ 20 ต้น ๆ บอกตรง ๆ ว่าโคตรมึน ตามไม่ค่อยทัน 5555+

เป็นสาวใต้ สวย ขาว หุ่นดี เป็นเด็กนั่งดริ้งค์ เพื่อนผมชวนให้คุย เชียร์ให้จีบ เพราะมันอยากเห็นผมมีเมียสักที ผมก็ตามประสาหนุ่มโสด ก็เลยจีบเธอ เลี้ยงเหล้า เลี้ยงอาหารเธอ ให้ทิปเธอไปหลายร้อยอยู่ พอแลกไลน์เท่านั้นแหละ พูดมากเลยน้องเอ้ย 55555+ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มมาขอยืมเงิน ชวนผมไปเที่ยวข้างนอก อยากให้ผมไปคนเดียว อยากให้ผมขับรถไปหาน้องเค้า ตอนนั้นคิดเลยว่า ถ้าไปหา มีอยู่สองอย่างคือ ต้องได้เสียกันแน่ หรือไม่ก็อาจโดนผัวหรือกิ๊กน้องรุมกระทืบก็ได้ (อาจมองโลกแง่ร้ายไป แต่เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังบรรทัดล่าง)

แต่ผมไม่ได้ไปหรอก ผมรู้สึกว่าน้องคนนี้มีลับลมคมใน มีจริตจก้าน แอบไปส่องในเฟสเธอ อืมมม คิดถูกละ ที่ทำแบบนั้น เธอเป็นเด็กเที่ยว แล้วดูเหมือนว่าจะมีผู้ชายคนอื่นมาติดพันเธอด้วย ก็เลยปลีกตัวออกมาเลย น้องเค้าก็เหมือนจะรู้ตัว ก็เลยบล็อคไลน์ผมทิ้ง (กะไว้แล้ว)

พูดจากประสบการณ์โดยตรงนะ เห็นด้วยกับเรปบน คือสาวซิง ๆ (ที่หมายถึงผู้หญิงที่โตแล้ว ทำงานแล้ว เชื่อเถอะว่ายังมี) มักจะสเป็คสูงมาก เบ้าหน้าต้องดี ไม่หล่อก็ต้องดูดีไว้ก่อน เนี๊ยบ การศึกษาต้องดี การงานต้องดี มีความเป็นผู้นำ มีความเป็นสุภาพบุรุษ ฯลฯ เข้าถึงตัวและหัวใจเธอได้ยากมาก เข้าใจว่าเพราะยังไม่เคยผิดหวังกับความรัก เลยมองความรักเอาไว้สูงส่ง เพอร์เฟ็ค แต่ถ้าจีบพวกเธอติด พวกเธอจะรักเรามากและรักตลอดไป (ทั้งนี้และทั้งนั้น อาจไม่ใช่ทุกคน มันเป็นประสบการณ์โดยตรงของผมอ่ะนะ)


ต่างจากผู้หญิงที่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อน พวกเธอจะคุยได้ง่ายขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น แต่บางคนนี่ไม่ไหวครับ ง่ายเกินไปจนเรายังกลัว 55555+

มีแน่นอนครับ พอสมควรเลย แต่สาวสเปคสูงส่วนใหญ่พวกเธอจะมีความคิดที่ว่า จะไม่ยอมให้ใครมาหาความสุขบนเรือนร่างง่ายๆ ถ้าไม่รอแต่งงาน ก็ต้องคบกันแบบยาวมากๆจนไว้ใจจริงๆ

ต่างกับสาวๆส่วนใหญ่สมัยนี้ ที่จะนิยม "เอาตัวเข้าแลก" รู้กันไปเลย ต่อให้ไม่ใช่ก็วิน-วิน สนุกด้วยกันทั้งสองฝ่าย


คือใน คห ผม มันจะกลับกันกับเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนผมจบใหม่ๆอะครับ สมัยนั้นสาวๆที่ไม่ยอมมีอะไรกับแฟน (รอแต่งงานก่อน) จะมีเยอะสุด รองลงมาคือคนที่ยอมมีอะไรกับแฟน ตอนนี้จะกลับกันคนที่ยอมมีเซ็กส์กับแฟนจะเยอะสุด ส่วนคนที่รอแต่งงานจะกลายเป็นส่วนน้อยแทน

คีย์เวิร์ดของยุคนี้คือ "เคยมีแฟนแล้ว = เคยมีเซ็กส์แล้ว" สมัยก่อนมีแฟนคบกันห่างๆได้ ไม่จำเป็นต้องมีอะไรกัน แต่สมัยนี้มีแฟนคือมีอะไรกันแล้ว 70% ได้


เอาจริงๆ ภารกิจตามหาแม่ของลูกของผม ผมว่าผมก็เริ่มหลงทางแล้วล่ะครับ ไม่รู้ว่ามันคือการตามหาแม่ของลูก หรือการคบกับสาวๆและมีเซ็กส์กับพวกเธอกันแน่ มันหลงทางจริงๆ ผมอาจต้องพัก

พูดจริงๆเลยนะครับ หากจะหาแม่ให้ลูกอย่าคิดถึงเรื่องซิงครับ ส่วนใหญ่ที่ซิงจะเลือกเยอะ สเปกสูง มีลักษณะเฉพาะที่ผช.80%บนโลกไม่เข้าใจ ส่วนอีก  19.99% น่าจะมีครอบครัวไปแล้วเรียบร้อย เดาใจยากมาก ภารกิจยากกว่าพิชิตมังกรเสียอีก

หากให้แนะนำจริงๆ ผมคิดว่าตัดเรื่องสาวบริสุทธิ์ แล้วมองหาคนที่อายุน้อยกว่าเราสัก 5-7 ปี เคยผ่านความรักมาบ้าง มีความเข้าใจความรัก เคยผ่านการผิดหวัง เขาจะมีมุมมองของความรักและมีประสบการณ์ ขอบอกตามตรงนะครับ สาวกลุ่มนี้หากเขามีรักใหม่กับใครเขาจะรักจริงไม่รักแบบงี้เง้างมงาย และมีเหตุผลในการรักษาชีวิตคู่มากกว่าคนไม่มีประสบการณ์ความรักเลย ส่วนเรื่องเซ็กส์เอาไว้ทีหลังเลยครับ หากคิดจะหาแม่ของลูกจริงๆ ตอนมีลูกแล้วกว่าคุณจะหาเวลาสองต่อสองให้ฟีเจอริ่งแสนยากครับ นอกจากไวไฟกันทั้งคู่

ผมอายุ 30 กว่า ๆ เคยลองคุยกับสาวอายุ 20 ต้น ๆ บอกตรง ๆ ว่าโคตรมึน ตามไม่ค่อยทัน 5555+

เป็นสาวใต้ สวย ขาว หุ่นดี เป็นเด็กนั่งดริ้งค์ เพื่อนผมชวนให้คุย เชียร์ให้จีบ เพราะมันอยากเห็นผมมีเมียสักที ผมก็ตามประสาหนุ่มโสด ก็เลยจีบเธอ เลี้ยงเหล้า เลี้ยงอาหารเธอ ให้ทิปเธอไปหลายร้อยอยู่ พอแลกไลน์เท่านั้นแหละ พูดมากเลยน้องเอ้ย 55555+ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มมาขอยืมเงิน ชวนผมไปเที่ยวข้างนอก อยากให้ผมไปคนเดียว อยากให้ผมขับรถไปหาน้องเค้า ตอนนั้นคิดเลยว่า ถ้าไปหา มีอยู่สองอย่างคือ ต้องได้เสียกันแน่ หรือไม่ก็อาจโดนผัวหรือกิ๊กน้องรุมกระทืบก็ได้ (อาจมองโลกแง่ร้ายไป แต่เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังบรรทัดล่าง)

แต่ผมไม่ได้ไปหรอก ผมรู้สึกว่าน้องคนนี้มีลับลมคมใน มีจริตจก้าน แอบไปส่องในเฟสเธอ อืมมม คิดถูกละ ที่ทำแบบนั้น เธอเป็นเด็กเที่ยว แล้วดูเหมือนว่าจะมีผู้ชายคนอื่นมาติดพันเธอด้วย ก็เลยปลีกตัวออกมาเลย น้องเค้าก็เหมือนจะรู้ตัว ก็เลยบล็อคไลน์ผมทิ้ง (กะไว้แล้ว)

พูดจากประสบการณ์โดยตรงนะ เห็นด้วยกับเรปบน คือสาวซิง ๆ (ที่หมายถึงผู้หญิงที่โตแล้ว ทำงานแล้ว เชื่อเถอะว่ายังมี) มักจะสเป็คสูงมาก เบ้าหน้าต้องดี ไม่หล่อก็ต้องดูดีไว้ก่อน เนี๊ยบ การศึกษาต้องดี การงานต้องดี มีความเป็นผู้นำ มีความเป็นสุภาพบุรุษ ฯลฯ เข้าถึงตัวและหัวใจเธอได้ยากมาก เข้าใจว่าเพราะยังไม่เคยผิดหวังกับความรัก เลยมองความรักเอาไว้สูงส่ง เพอร์เฟ็ค แต่ถ้าจีบพวกเธอติด พวกเธอจะรักเรามากและรักตลอดไป (ทั้งนี้และทั้งนั้น อาจไม่ใช่ทุกคน มันเป็นประสบการณ์โดยตรงของผมอ่ะนะ)


ต่างจากผู้หญิงที่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อน พวกเธอจะคุยได้ง่ายขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น แต่บางคนนี่ไม่ไหวครับ ง่ายเกินไปจนเรายังกลัว 55555+

มีแน่นอนครับ พอสมควรเลย แต่สาวสเปคสูงส่วนใหญ่พวกเธอจะมีความคิดที่ว่า จะไม่ยอมให้ใครมาหาความสุขบนเรือนร่างง่ายๆ ถ้าไม่รอแต่งงาน ก็ต้องคบกันแบบยาวมากๆจนไว้ใจจริงๆ

ต่างกับสาวๆส่วนใหญ่สมัยนี้ ที่จะนิยม "เอาตัวเข้าแลก" รู้กันไปเลย ต่อให้ไม่ใช่ก็วิน-วิน สนุกด้วยกันทั้งสองฝ่าย


คือใน คห ผม มันจะกลับกันกับเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนผมจบใหม่ๆอะครับ สมัยนั้นสาวๆที่ไม่ยอมมีอะไรกับแฟน (รอแต่งงานก่อน) จะมีเยอะสุด รองลงมาคือคนที่ยอมมีอะไรกับแฟน ตอนนี้จะกลับกันคนที่ยอมมีเซ็กส์กับแฟนจะเยอะสุด ส่วนคนที่รอแต่งงานจะกลายเป็นส่วนน้อยแทน

คีย์เวิร์ดของยุคนี้คือ "เคยมีแฟนแล้ว = เคยมีเซ็กส์แล้ว" สมัยก่อนมีแฟนคบกันห่างๆได้ ไม่จำเป็นต้องมีอะไรกัน แต่สมัยนี้มีแฟนคือมีอะไรกันแล้ว 70% ได้


เอาจริงๆ ภารกิจตามหาแม่ของลูกของผม ผมว่าผมก็เริ่มหลงทางแล้วล่ะครับ ไม่รู้ว่ามันคือการตามหาแม่ของลูก หรือการคบกับสาวๆและมีเซ็กส์กับพวกเธอกันแน่ มันหลงทางจริงๆ ผมอาจต้องพัก

พูดจริงๆเลยนะครับ หากจะหาแม่ให้ลูกอย่าคิดถึงเรื่องซิงครับ ส่วนใหญ่ที่ซิงจะเลือกเยอะ สเปกสูง มีลักษณะเฉพาะที่ผช.80%บนโลกไม่เข้าใจ ส่วนอีก  19.99% น่าจะมีครอบครัวไปแล้วเรียบร้อย เดาใจยากมาก ภารกิจยากกว่าพิชิตมังกรเสียอีก

หากให้แนะนำจริงๆ ผมคิดว่าตัดเรื่องสาวบริสุทธิ์ แล้วมองหาคนที่อายุน้อยกว่าเราสัก 5-7 ปี เคยผ่านความรักมาบ้าง มีความเข้าใจความรัก เคยผ่านการผิดหวัง เขาจะมีมุมมองของความรักและมีประสบการณ์ ขอบอกตามตรงนะครับ สาวกลุ่มนี้หากเขามีรักใหม่กับใครเขาจะรักจริงไม่รักแบบงี้เง้างมงาย และมีเหตุผลในการรักษาชีวิตคู่มากกว่าคนไม่มีประสบการณ์ความรักเลย ส่วนเรื่องเซ็กส์เอาไว้ทีหลังเลยครับ หากคิดจะหาแม่ของลูกจริงๆ ตอนมีลูกแล้วกว่าคุณจะหาเวลาสองต่อสองให้ฟีเจอริ่งแสนยากครับ นอกจากไวไฟกันทั้งคู่

พอได้อ่านที่ท่านพูด ก็นึกขึ้นได้ เกี่ยวกับสาวซิง ผมมีเรื่องจริงจากเพื่อนผมจะมาเล่าให้ฟังครับ

เพื่อนผมสมัยเรียน เคยมีแฟน อยู่แถวบ้านมัน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ พอโตขึ้นก็นึกชอบ เลยจีบ แถมจีบติดด้วย และที่สำคัญคือเพื่อนผมคนนี้ได้เปิดซิงแฟนมัน แฟนมันสวย น่ารัก เด็กเรียน (เป็นดรัมเมเยอร์โรงเรียนด้วย) มันรักของมันมากจริง ๆ มันพาไปเที่ยวไหนมาไหน ผู้ชายมองกันตรึม 5555+ เพราะอิจฉา

ถึงขนาดว่าพอฝ่ายหญิงใกล้จะเรียนจบ ม.6 ก็ให้ญาติผู้ใหญ่ไปคุยกับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง เพื่อพูดคุยจองตัวเอาไว้ ถ้าเรียนจบ ป.ตรี มีงานทำ ก็จะให้ทั้งสองคนแต่งงาน เพื่อนผมนี่รักแฟนคนนี้มาก มันตั้งใจและวาดฝันว่า แฟนมันคนนี้จะเป็นแม่ของลูกมันในอนาคต รักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก

แต่รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? สุดท้าย พอแฟนเพื่อนผมไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัย แฟนเพื่อนผมไปเจอผู้ชายคนใหม่ที่หล่อกว่า รวยกว่า เหนือกว่าเพื่อนผมทุกอย่าง สุดท้ายแฟนเพื่อนผมก็ปันใจไปหาคนใหม่ เอาแฟนใหม่มาเที่ยวบ้าน แนะนำตัวให้พ่อแม่ของเธอ เพื่อนผมนี่โกรธมาก กะว่าจะเอาปืนไปยิงทั้งสองคนเลย (ความรุนแรงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ไม่แนะนำให้ทำตาม) ทั้งเจ็บ ทั้งแค้น ทั้งอาย

บางทีการที่เราได้ผู้หญิงเป็นคนแรก ก็ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะรักเราคนเดียวตลอดไปซะที่ไหน พอเธอได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าเรา เหนือกว่าเรา จะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะไม่ปันใจเป็นอื่น ถึงเราจะเป็นผู้ชายคนแรกของเธอก็ตาม เนี่ย ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละครับ ผมคิดว่าคนเราทุกคน ทั้งชายและหญิง ล้วนต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรู้จักพอรู้เปล่า แต่ในกรณีของแฟนเพื่อนผม เธอต้องการมากกว่านั้น คนรักสมัยเรียน คนแถวบ้านอย่างเพื่อนผม มันยังดีไม่พอ

เพื่อนผมเคยเล่าว่ามันเกือบแล้ว ไปหยิบปืนมาแล้ว แต่มันนึกขึ้นได้ว่าถ้าทำแบบนั้น แล้วพ่อกับแม่มันละ มันทำแล้วได้อะไร แค่ได้ระบายความแค้น แต่พ่อกับแม่มันจะยังไงต่อ สุดท้ายมันเลยไม่ทำ ก็นับว่าเป็นโชคดีของเพื่อนผมที่คิดได้ในวินาทีสุดท้าย

มันเลยกลายเป็นเรื่องฝังใจมันจนเกือบทำให้มันพลาดสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไป เพราะตอนหลังมันได้รู้จักกันรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย คนนี้ดูน่ารัก หวาน ๆ เรียบ ๆ เป็นแม่ศรีเรือน สวนแฟนเก่าของจะออกแนวลูกคุณหนูหน่อย ตอนแรกมันก็เหมือนยังไม่ได้คิดจริงจังอะไร แต่ตอนหลังมันก็คิดได้ว่ามันควรจะปล่อยวางเรื่องอดีตและเริ่มต้นชีวิตใหม่ สุดท้ายเพื่อนผมก็เลยมาคบกับรุ่นน้องคนนี้ ได้แต่งงานกันแล้วก็มีลูก ดูมันมีความสุขกับชีวิตครอบครัวมากทีเดียว

จริง ๆ ผมจะบอกว่า บางกรณี การที่เราได้ผู้หญิงซิง ก็ใช่ว่าเธอจะเป็นของตายของเราตลอดไป ผมว่านะ สุดท้ายแล้ว ไอ้เยื้อพรมจรรย์มันไม่ได้สำคัญเท่ากับ "ศีล" ครับ ผมหมายถึงถ้าคนสองคนศีลไม่เท่ากัน ศีลไม่เสมอกัน ผมว่ามันไปกันยาก

แล้วก็ ขอยืมวลียอดฮิตที่เค้ามักพูดกันว่า อะไรก็ตาม ใครก็ตาม ถ้าเขาเป็นของ ๆ เรา เป็นคนของเรา ไม่ว่ายังไง ก็ต้องเป็นของเราอยู่ดี แต่ถ้าไม่ใช่ สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายละครับ

พอได้อ่านที่ท่านพูด ก็นึกขึ้นได้ เกี่ยวกับสาวซิง ผมมีเรื่องจริงจากเพื่อนผมจะมาเล่าให้ฟังครับ

เพื่อนผมสมัยเรียน เคยมีแฟน อยู่แถวบ้านมัน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ พอโตขึ้นก็นึกชอบ เลยจีบ แถมจีบติดด้วย และที่สำคัญคือเพื่อนผมคนนี้ได้เปิดซิงแฟนมัน แฟนมันสวย น่ารัก เด็กเรียน (เป็นดรัมเมเยอร์โรงเรียนด้วย) มันรักของมันมากจริง ๆ มันพาไปเที่ยวไหนมาไหน ผู้ชายมองกันตรึม 5555+ เพราะอิจฉา

ถึงขนาดว่าพอฝ่ายหญิงใกล้จะเรียนจบ ม.6 ก็ให้ญาติผู้ใหญ่ไปคุยกับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง เพื่อพูดคุยจองตัวเอาไว้ ถ้าเรียนจบ ป.ตรี มีงานทำ ก็จะให้ทั้งสองคนแต่งงาน เพื่อนผมนี่รักแฟนคนนี้มาก มันตั้งใจและวาดฝันว่า แฟนมันคนนี้จะเป็นแม่ของลูกมันในอนาคต รักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก

แต่รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? สุดท้าย พอแฟนเพื่อนผมไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัย แฟนเพื่อนผมไปเจอผู้ชายคนใหม่ที่หล่อกว่า รวยกว่า เหนือกว่าเพื่อนผมทุกอย่าง สุดท้ายแฟนเพื่อนผมก็ปันใจไปหาคนใหม่ เอาแฟนใหม่มาเที่ยวบ้าน แนะนำตัวให้พ่อแม่ของเธอ เพื่อนผมนี่โกรธมาก กะว่าจะเอาปืนไปยิงทั้งสองคนเลย (ความรุนแรงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ไม่แนะนำให้ทำตาม) ทั้งเจ็บ ทั้งแค้น ทั้งอาย

บางทีการที่เราได้ผู้หญิงเป็นคนแรก ก็ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะรักเราคนเดียวตลอดไปซะที่ไหน พอเธอได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าเรา เหนือกว่าเรา จะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะไม่ปันใจเป็นอื่น ถึงเราจะเป็นผู้ชายคนแรกของเธอก็ตาม เนี่ย ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละครับ ผมคิดว่าคนเราทุกคน ทั้งชายและหญิง ล้วนต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรู้จักพอรู้เปล่า แต่ในกรณีของแฟนเพื่อนผม เธอต้องการมากกว่านั้น คนรักสมัยเรียน คนแถวบ้านอย่างเพื่อนผม มันยังดีไม่พอ

เพื่อนผมเคยเล่าว่ามันเกือบแล้ว ไปหยิบปืนมาแล้ว แต่มันนึกขึ้นได้ว่าถ้าทำแบบนั้น แล้วพ่อกับแม่มันละ มันทำแล้วได้อะไร แค่ได้ระบายความแค้น แต่พ่อกับแม่มันจะยังไงต่อ สุดท้ายมันเลยไม่ทำ ก็นับว่าเป็นโชคดีของเพื่อนผมที่คิดได้ในวินาทีสุดท้าย

มันเลยกลายเป็นเรื่องฝังใจมันจนเกือบทำให้มันพลาดสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไป เพราะตอนหลังมันได้รู้จักกันรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย คนนี้ดูน่ารัก หวาน ๆ เรียบ ๆ เป็นแม่ศรีเรือน สวนแฟนเก่าของจะออกแนวลูกคุณหนูหน่อย ตอนแรกมันก็เหมือนยังไม่ได้คิดจริงจังอะไร แต่ตอนหลังมันก็คิดได้ว่ามันควรจะปล่อยวางเรื่องอดีตและเริ่มต้นชีวิตใหม่ สุดท้ายเพื่อนผมก็เลยมาคบกับรุ่นน้องคนนี้ ได้แต่งงานกันแล้วก็มีลูก ดูมันมีความสุขกับชีวิตครอบครัวมากทีเดียว

จริง ๆ ผมจะบอกว่า บางกรณี การที่เราได้ผู้หญิงซิง ก็ใช่ว่าเธอจะเป็นของตายของเราตลอดไป ผมว่านะ สุดท้ายแล้ว ไอ้เยื้อพรมจรรย์มันไม่ได้สำคัญเท่ากับ "ศีล" ครับ ผมหมายถึงถ้าคนสองคนศีลไม่เท่ากัน ศีลไม่เสมอกัน ผมว่ามันไปกันยาก

แล้วก็ ขอยืมวลียอดฮิตที่เค้ามักพูดกันว่า อะไรก็ตาม ใครก็ตาม ถ้าเขาเป็นของ ๆ เรา เป็นคนของเรา ไม่ว่ายังไง ก็ต้องเป็นของเราอยู่ดี แต่ถ้าไม่ใช่ สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายละครับ

จริงๆ ศีลเสมอกันก็มักนำไปสู่คนที่มีแนวคิดทางเพศคล้ายๆกันด้วยครับ หนุ่มขี้อายเรียบร้อยอยู่ติดบ้านก็อยากที่จะลงเอยกับสาวนักเที่ยวชอบ one night stand


จริงๆ เรื่องซิงไม่ซิงผมไม่ซีเรียส เพราะผมก็ไม่ซิง แต่เรื่องนึงที่ผมซีเรียสนะคือ ผมไม่อยากให้คู่ชีวิตผมเคยผ่านการอยู่กินกับชายอื่นมาก่อน (ที่สมัยนี้นิยมเรียกว่า อยู่ก่อนแต่ง)

อาจผ่านมาเป็นครั้งคราวไม่เป็นไร แต่ถึงกับไปอยู่กินกันเลย ผมไม่ค่อยโอเค

ผมว่าความตื่นเต้นของพวกเธอที่จะได้ใช้ชีวิตคู่ ที่เรียกว่าช่วงข้าวใหม่ปลามัน มันหายไปอะ ถ้าผมจะมีเมียผมก็อยากให้เมียแชร์ช่วงเวลาดีๆแบบนี้กับผม ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกอยู่คนเดียว

พอได้อ่านที่ท่านพูด ก็นึกขึ้นได้ เกี่ยวกับสาวซิง ผมมีเรื่องจริงจากเพื่อนผมจะมาเล่าให้ฟังครับ

เพื่อนผมสมัยเรียน เคยมีแฟน อยู่แถวบ้านมัน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ พอโตขึ้นก็นึกชอบ เลยจีบ แถมจีบติดด้วย และที่สำคัญคือเพื่อนผมคนนี้ได้เปิดซิงแฟนมัน แฟนมันสวย น่ารัก เด็กเรียน (เป็นดรัมเมเยอร์โรงเรียนด้วย) มันรักของมันมากจริง ๆ มันพาไปเที่ยวไหนมาไหน ผู้ชายมองกันตรึม 5555+ เพราะอิจฉา

ถึงขนาดว่าพอฝ่ายหญิงใกล้จะเรียนจบ ม.6 ก็ให้ญาติผู้ใหญ่ไปคุยกับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง เพื่อพูดคุยจองตัวเอาไว้ ถ้าเรียนจบ ป.ตรี มีงานทำ ก็จะให้ทั้งสองคนแต่งงาน เพื่อนผมนี่รักแฟนคนนี้มาก มันตั้งใจและวาดฝันว่า แฟนมันคนนี้จะเป็นแม่ของลูกมันในอนาคต รักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก

แต่รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? สุดท้าย พอแฟนเพื่อนผมไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัย แฟนเพื่อนผมไปเจอผู้ชายคนใหม่ที่หล่อกว่า รวยกว่า เหนือกว่าเพื่อนผมทุกอย่าง สุดท้ายแฟนเพื่อนผมก็ปันใจไปหาคนใหม่ เอาแฟนใหม่มาเที่ยวบ้าน แนะนำตัวให้พ่อแม่ของเธอ เพื่อนผมนี่โกรธมาก กะว่าจะเอาปืนไปยิงทั้งสองคนเลย (ความรุนแรงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ไม่แนะนำให้ทำตาม) ทั้งเจ็บ ทั้งแค้น ทั้งอาย

บางทีการที่เราได้ผู้หญิงเป็นคนแรก ก็ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะรักเราคนเดียวตลอดไปซะที่ไหน พอเธอได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าเรา เหนือกว่าเรา จะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะไม่ปันใจเป็นอื่น ถึงเราจะเป็นผู้ชายคนแรกของเธอก็ตาม เนี่ย ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละครับ ผมคิดว่าคนเราทุกคน ทั้งชายและหญิง ล้วนต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรู้จักพอรู้เปล่า แต่ในกรณีของแฟนเพื่อนผม เธอต้องการมากกว่านั้น คนรักสมัยเรียน คนแถวบ้านอย่างเพื่อนผม มันยังดีไม่พอ

เพื่อนผมเคยเล่าว่ามันเกือบแล้ว ไปหยิบปืนมาแล้ว แต่มันนึกขึ้นได้ว่าถ้าทำแบบนั้น แล้วพ่อกับแม่มันละ มันทำแล้วได้อะไร แค่ได้ระบายความแค้น แต่พ่อกับแม่มันจะยังไงต่อ สุดท้ายมันเลยไม่ทำ ก็นับว่าเป็นโชคดีของเพื่อนผมที่คิดได้ในวินาทีสุดท้าย

มันเลยกลายเป็นเรื่องฝังใจมันจนเกือบทำให้มันพลาดสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไป เพราะตอนหลังมันได้รู้จักกันรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย คนนี้ดูน่ารัก หวาน ๆ เรียบ ๆ เป็นแม่ศรีเรือน สวนแฟนเก่าของจะออกแนวลูกคุณหนูหน่อย ตอนแรกมันก็เหมือนยังไม่ได้คิดจริงจังอะไร แต่ตอนหลังมันก็คิดได้ว่ามันควรจะปล่อยวางเรื่องอดีตและเริ่มต้นชีวิตใหม่ สุดท้ายเพื่อนผมก็เลยมาคบกับรุ่นน้องคนนี้ ได้แต่งงานกันแล้วก็มีลูก ดูมันมีความสุขกับชีวิตครอบครัวมากทีเดียว

จริง ๆ ผมจะบอกว่า บางกรณี การที่เราได้ผู้หญิงซิง ก็ใช่ว่าเธอจะเป็นของตายของเราตลอดไป ผมว่านะ สุดท้ายแล้ว ไอ้เยื้อพรมจรรย์มันไม่ได้สำคัญเท่ากับ "ศีล" ครับ ผมหมายถึงถ้าคนสองคนศีลไม่เท่ากัน ศีลไม่เสมอกัน ผมว่ามันไปกันยาก

แล้วก็ ขอยืมวลียอดฮิตที่เค้ามักพูดกันว่า อะไรก็ตาม ใครก็ตาม ถ้าเขาเป็นของ ๆ เรา เป็นคนของเรา ไม่ว่ายังไง ก็ต้องเป็นของเราอยู่ดี แต่ถ้าไม่ใช่ สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายละครับ

จริงๆ ศีลเสมอกันก็มักนำไปสู่คนที่มีแนวคิดทางเพศคล้ายๆกันด้วยครับ หนุ่มขี้อายเรียบร้อยอยู่ติดบ้านก็อยากที่จะลงเอยกับสาวนักเที่ยวชอบ one night stand


จริงๆ เรื่องซิงไม่ซิงผมไม่ซีเรียส เพราะผมก็ไม่ซิง แต่เรื่องนึงที่ผมซีเรียสนะคือ ผมไม่อยากให้คู่ชีวิตผมเคยผ่านการอยู่กินกับชายอื่นมาก่อน (ที่สมัยนี้นิยมเรียกว่า อยู่ก่อนแต่ง)

อาจผ่านมาเป็นครั้งคราวไม่เป็นไร แต่ถึงกับไปอยู่กินกันเลย ผมไม่ค่อยโอเค

ผมว่าความตื่นเต้นของพวกเธอที่จะได้ใช้ชีวิตคู่ ที่เรียกว่าช่วงข้าวใหม่ปลามัน มันหายไปอะ ถ้าผมจะมีเมียผมก็อยากให้เมียแชร์ช่วงเวลาดีๆแบบนี้กับผม ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกอยู่คนเดียว

สูตรความรักของแต่ละคนมันก็แตกต่างกันไป ไม่มีอะไรตายตัว พูดยาก ทั้งนี้และทั้งนั้น มันอยู่ที่รสนิยม ทัศนคติ และประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาด้วยครับ ไม่มีผิด ไม่มีถูก

ไอ้เรื่องอยู่ก่อนแต่ง ผมไม่ค่อยซีเรียสอะไร สมัยผมเรียนมหาลัย ผมก็เห็นหลายคู่ออกไปเช่าหออยู่ด้วยกัน มันก็เหมือนอยู่ก่อนแต่งกลาย ๆ บางคู่ก็เลิกรากันไป แต่บางคู่ก็สามารถประคับประคองความสัมพันธ์จนแต่งงานกันในท้ายที่สุด (ตอนวัยทำงานก็เช่นกัน)

บางครั้ง ถ้าเรารักผู้หญิงสักคน และเรามองว่า เธอคนนี้แหละที่ใช่ เพียงแต่บางครั้งเธออาจจะมีอดีต มีรอยตำหนิ ผมว่าเราก็ต้องเลือกที่จะปิดตาไว้ข้างนึงบ้างเหมือนกันครับ ถ้าคิดจะรักแล้ว ก็อย่าไปรื้อฟื้นอดีตเลยดีกว่า อยู่กับปัจจุบันและทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า

แต่ว่า ผมขออย่างเดียว สำหรับฝ่ายหญิง "อย่ามีลูกติด" ก็พอละครับ ถ้ามีลูกติด ผมขอบายอย่างเดียว 5555+

พอได้อ่านที่ท่านพูด ก็นึกขึ้นได้ เกี่ยวกับสาวซิง ผมมีเรื่องจริงจากเพื่อนผมจะมาเล่าให้ฟังครับ

เพื่อนผมสมัยเรียน เคยมีแฟน อยู่แถวบ้านมัน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ พอโตขึ้นก็นึกชอบ เลยจีบ แถมจีบติดด้วย และที่สำคัญคือเพื่อนผมคนนี้ได้เปิดซิงแฟนมัน แฟนมันสวย น่ารัก เด็กเรียน (เป็นดรัมเมเยอร์โรงเรียนด้วย) มันรักของมันมากจริง ๆ มันพาไปเที่ยวไหนมาไหน ผู้ชายมองกันตรึม 5555+ เพราะอิจฉา

ถึงขนาดว่าพอฝ่ายหญิงใกล้จะเรียนจบ ม.6 ก็ให้ญาติผู้ใหญ่ไปคุยกับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง เพื่อพูดคุยจองตัวเอาไว้ ถ้าเรียนจบ ป.ตรี มีงานทำ ก็จะให้ทั้งสองคนแต่งงาน เพื่อนผมนี่รักแฟนคนนี้มาก มันตั้งใจและวาดฝันว่า แฟนมันคนนี้จะเป็นแม่ของลูกมันในอนาคต รักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก

แต่รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? สุดท้าย พอแฟนเพื่อนผมไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัย แฟนเพื่อนผมไปเจอผู้ชายคนใหม่ที่หล่อกว่า รวยกว่า เหนือกว่าเพื่อนผมทุกอย่าง สุดท้ายแฟนเพื่อนผมก็ปันใจไปหาคนใหม่ เอาแฟนใหม่มาเที่ยวบ้าน แนะนำตัวให้พ่อแม่ของเธอ เพื่อนผมนี่โกรธมาก กะว่าจะเอาปืนไปยิงทั้งสองคนเลย (ความรุนแรงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ไม่แนะนำให้ทำตาม) ทั้งเจ็บ ทั้งแค้น ทั้งอาย

บางทีการที่เราได้ผู้หญิงเป็นคนแรก ก็ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะรักเราคนเดียวตลอดไปซะที่ไหน พอเธอได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าเรา เหนือกว่าเรา จะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะไม่ปันใจเป็นอื่น ถึงเราจะเป็นผู้ชายคนแรกของเธอก็ตาม เนี่ย ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละครับ ผมคิดว่าคนเราทุกคน ทั้งชายและหญิง ล้วนต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรู้จักพอรู้เปล่า แต่ในกรณีของแฟนเพื่อนผม เธอต้องการมากกว่านั้น คนรักสมัยเรียน คนแถวบ้านอย่างเพื่อนผม มันยังดีไม่พอ

เพื่อนผมเคยเล่าว่ามันเกือบแล้ว ไปหยิบปืนมาแล้ว แต่มันนึกขึ้นได้ว่าถ้าทำแบบนั้น แล้วพ่อกับแม่มันละ มันทำแล้วได้อะไร แค่ได้ระบายความแค้น แต่พ่อกับแม่มันจะยังไงต่อ สุดท้ายมันเลยไม่ทำ ก็นับว่าเป็นโชคดีของเพื่อนผมที่คิดได้ในวินาทีสุดท้าย

มันเลยกลายเป็นเรื่องฝังใจมันจนเกือบทำให้มันพลาดสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไป เพราะตอนหลังมันได้รู้จักกันรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย คนนี้ดูน่ารัก หวาน ๆ เรียบ ๆ เป็นแม่ศรีเรือน สวนแฟนเก่าของจะออกแนวลูกคุณหนูหน่อย ตอนแรกมันก็เหมือนยังไม่ได้คิดจริงจังอะไร แต่ตอนหลังมันก็คิดได้ว่ามันควรจะปล่อยวางเรื่องอดีตและเริ่มต้นชีวิตใหม่ สุดท้ายเพื่อนผมก็เลยมาคบกับรุ่นน้องคนนี้ ได้แต่งงานกันแล้วก็มีลูก ดูมันมีความสุขกับชีวิตครอบครัวมากทีเดียว

จริง ๆ ผมจะบอกว่า บางกรณี การที่เราได้ผู้หญิงซิง ก็ใช่ว่าเธอจะเป็นของตายของเราตลอดไป ผมว่านะ สุดท้ายแล้ว ไอ้เยื้อพรมจรรย์มันไม่ได้สำคัญเท่ากับ "ศีล" ครับ ผมหมายถึงถ้าคนสองคนศีลไม่เท่ากัน ศีลไม่เสมอกัน ผมว่ามันไปกันยาก

แล้วก็ ขอยืมวลียอดฮิตที่เค้ามักพูดกันว่า อะไรก็ตาม ใครก็ตาม ถ้าเขาเป็นของ ๆ เรา เป็นคนของเรา ไม่ว่ายังไง ก็ต้องเป็นของเราอยู่ดี แต่ถ้าไม่ใช่ สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายละครับ

จริงๆ ศีลเสมอกันก็มักนำไปสู่คนที่มีแนวคิดทางเพศคล้ายๆกันด้วยครับ หนุ่มขี้อายเรียบร้อยอยู่ติดบ้านก็อยากที่จะลงเอยกับสาวนักเที่ยวชอบ one night stand


จริงๆ เรื่องซิงไม่ซิงผมไม่ซีเรียส เพราะผมก็ไม่ซิง แต่เรื่องนึงที่ผมซีเรียสนะคือ ผมไม่อยากให้คู่ชีวิตผมเคยผ่านการอยู่กินกับชายอื่นมาก่อน (ที่สมัยนี้นิยมเรียกว่า อยู่ก่อนแต่ง)

อาจผ่านมาเป็นครั้งคราวไม่เป็นไร แต่ถึงกับไปอยู่กินกันเลย ผมไม่ค่อยโอเค

ผมว่าความตื่นเต้นของพวกเธอที่จะได้ใช้ชีวิตคู่ ที่เรียกว่าช่วงข้าวใหม่ปลามัน มันหายไปอะ ถ้าผมจะมีเมียผมก็อยากให้เมียแชร์ช่วงเวลาดีๆแบบนี้กับผม ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกอยู่คนเดียว

สูตรความรักของแต่ละคนมันก็แตกต่างกันไป ไม่มีอะไรตายตัว พูดยาก ทั้งนี้และทั้งนั้น มันอยู่ที่รสนิยม ทัศนคติ และประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาด้วยครับ ไม่มีผิด ไม่มีถูก

ไอ้เรื่องอยู่ก่อนแต่ง ผมไม่ค่อยซีเรียสอะไร สมัยผมเรียนมหาลัย ผมก็เห็นหลายคู่ออกไปเช่าหออยู่ด้วยกัน มันก็เหมือนอยู่ก่อนแต่งกลาย ๆ บางคู่ก็เลิกรากันไป แต่บางคู่ก็สามารถประคับประคองความสัมพันธ์จนแต่งงานกันในท้ายที่สุด (ตอนวัยทำงานก็เช่นกัน)

บางครั้ง ถ้าเรารักผู้หญิงสักคน และเรามองว่า เธอคนนี้แหละที่ใช่ เพียงแต่บางครั้งเธออาจจะมีอดีต มีรอยตำหนิ ผมว่าเราก็ต้องเลือกที่จะปิดตาไว้ข้างนึงบ้างเหมือนกันครับ ถ้าคิดจะรักแล้ว ก็อย่าไปรื้อฟื้นอดีตเลยดีกว่า อยู่กับปัจจุบันและทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า

แต่ว่า ผมขออย่างเดียว สำหรับฝ่ายหญิง "อย่ามีลูกติด" ก็พอละครับ ถ้ามีลูกติด ผมขอบายอย่างเดียว 5555+

จริงๆก็ถามได้ครับ ก่อนจะสานสัมพันธ์ ถามแนวคิดอ้อมๆก็ได้ว่า คิดไงกับเรื่องแบบนี้

แต่ถ้าคบกันไปแล้ว หาเหตุผลมาเลิกก็ออกจะแหม่งๆ


ยังไงถ้ามีลูก ผมไม่เห็นด้วยกับการมีเซ็กส์เร็วเกินไปหรือมีเซ็กส์ในวัยเรียนอะนะ

ผมว่าสังคมไทยยังมีครอบครัวที่เลี้ยงลูกมาแบบอนุรักษ์นิยมอยู่ไม่น้อย การรีบมีเซ็กส์จะตัดตัวเลือกเราไปเยอะเลย

คิดง่ายๆเด็กผู้ชายเคยมีแฟนเก่าแค่จับมือถือแขน แม้แต่ตัวเองก็ยังซิง มาเจอว่าคนใหม่เคยซั่มมาแล้ว เขาก็เหวอสิครับ

นอกจากนั้นการมีเซ็กส์เร็ว จะเหมือนเป็นการดึงดูดผู้ชายไม่ดีเข้ามาอีกมหาศาล เพราะพวกนี้มันจะเมาท์กันเอง และมันจะคิดว่าผู้หญิงแบบนี้เอาแล้วทิ้งก็ได้ เพราะ "ง่าย"

กว่าจะอายุเท่าไร ผู้ชายถึงจะเริ่มไม่สนใจอดีตของคนรัก ? ผมว่า 25+ แล้วถ้ามีเพศสัมพันธ์เร็ว ตั้งแต่พึ่งวัยรุ่น จะต้องเจอผู้ชายไม่ดีอีกเท่าไหร่ ?


อนาคตสังคมไทยอาจเปลี่ยนไปอีกก็ได้ แต่ตอนนี้ผมขอคิดแบบนี้ก่อนครับ

พอได้อ่านที่ท่านพูด ก็นึกขึ้นได้ เกี่ยวกับสาวซิง ผมมีเรื่องจริงจากเพื่อนผมจะมาเล่าให้ฟังครับ

เพื่อนผมสมัยเรียน เคยมีแฟน อยู่แถวบ้านมัน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ พอโตขึ้นก็นึกชอบ เลยจีบ แถมจีบติดด้วย และที่สำคัญคือเพื่อนผมคนนี้ได้เปิดซิงแฟนมัน แฟนมันสวย น่ารัก เด็กเรียน (เป็นดรัมเมเยอร์โรงเรียนด้วย) มันรักของมันมากจริง ๆ มันพาไปเที่ยวไหนมาไหน ผู้ชายมองกันตรึม 5555+ เพราะอิจฉา

ถึงขนาดว่าพอฝ่ายหญิงใกล้จะเรียนจบ ม.6 ก็ให้ญาติผู้ใหญ่ไปคุยกับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง เพื่อพูดคุยจองตัวเอาไว้ ถ้าเรียนจบ ป.ตรี มีงานทำ ก็จะให้ทั้งสองคนแต่งงาน เพื่อนผมนี่รักแฟนคนนี้มาก มันตั้งใจและวาดฝันว่า แฟนมันคนนี้จะเป็นแม่ของลูกมันในอนาคต รักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก

แต่รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? สุดท้าย พอแฟนเพื่อนผมไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัย แฟนเพื่อนผมไปเจอผู้ชายคนใหม่ที่หล่อกว่า รวยกว่า เหนือกว่าเพื่อนผมทุกอย่าง สุดท้ายแฟนเพื่อนผมก็ปันใจไปหาคนใหม่ เอาแฟนใหม่มาเที่ยวบ้าน แนะนำตัวให้พ่อแม่ของเธอ เพื่อนผมนี่โกรธมาก กะว่าจะเอาปืนไปยิงทั้งสองคนเลย (ความรุนแรงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ไม่แนะนำให้ทำตาม) ทั้งเจ็บ ทั้งแค้น ทั้งอาย

บางทีการที่เราได้ผู้หญิงเป็นคนแรก ก็ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะรักเราคนเดียวตลอดไปซะที่ไหน พอเธอได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าเรา เหนือกว่าเรา จะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะไม่ปันใจเป็นอื่น ถึงเราจะเป็นผู้ชายคนแรกของเธอก็ตาม เนี่ย ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละครับ ผมคิดว่าคนเราทุกคน ทั้งชายและหญิง ล้วนต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรู้จักพอรู้เปล่า แต่ในกรณีของแฟนเพื่อนผม เธอต้องการมากกว่านั้น คนรักสมัยเรียน คนแถวบ้านอย่างเพื่อนผม มันยังดีไม่พอ

เพื่อนผมเคยเล่าว่ามันเกือบแล้ว ไปหยิบปืนมาแล้ว แต่มันนึกขึ้นได้ว่าถ้าทำแบบนั้น แล้วพ่อกับแม่มันละ มันทำแล้วได้อะไร แค่ได้ระบายความแค้น แต่พ่อกับแม่มันจะยังไงต่อ สุดท้ายมันเลยไม่ทำ ก็นับว่าเป็นโชคดีของเพื่อนผมที่คิดได้ในวินาทีสุดท้าย

มันเลยกลายเป็นเรื่องฝังใจมันจนเกือบทำให้มันพลาดสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไป เพราะตอนหลังมันได้รู้จักกันรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย คนนี้ดูน่ารัก หวาน ๆ เรียบ ๆ เป็นแม่ศรีเรือน สวนแฟนเก่าของจะออกแนวลูกคุณหนูหน่อย ตอนแรกมันก็เหมือนยังไม่ได้คิดจริงจังอะไร แต่ตอนหลังมันก็คิดได้ว่ามันควรจะปล่อยวางเรื่องอดีตและเริ่มต้นชีวิตใหม่ สุดท้ายเพื่อนผมก็เลยมาคบกับรุ่นน้องคนนี้ ได้แต่งงานกันแล้วก็มีลูก ดูมันมีความสุขกับชีวิตครอบครัวมากทีเดียว

จริง ๆ ผมจะบอกว่า บางกรณี การที่เราได้ผู้หญิงซิง ก็ใช่ว่าเธอจะเป็นของตายของเราตลอดไป ผมว่านะ สุดท้ายแล้ว ไอ้เยื้อพรมจรรย์มันไม่ได้สำคัญเท่ากับ "ศีล" ครับ ผมหมายถึงถ้าคนสองคนศีลไม่เท่ากัน ศีลไม่เสมอกัน ผมว่ามันไปกันยาก

แล้วก็ ขอยืมวลียอดฮิตที่เค้ามักพูดกันว่า อะไรก็ตาม ใครก็ตาม ถ้าเขาเป็นของ ๆ เรา เป็นคนของเรา ไม่ว่ายังไง ก็ต้องเป็นของเราอยู่ดี แต่ถ้าไม่ใช่ สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายละครับ

จริงๆ ศีลเสมอกันก็มักนำไปสู่คนที่มีแนวคิดทางเพศคล้ายๆกันด้วยครับ หนุ่มขี้อายเรียบร้อยอยู่ติดบ้านก็อยากที่จะลงเอยกับสาวนักเที่ยวชอบ one night stand


จริงๆ เรื่องซิงไม่ซิงผมไม่ซีเรียส เพราะผมก็ไม่ซิง แต่เรื่องนึงที่ผมซีเรียสนะคือ ผมไม่อยากให้คู่ชีวิตผมเคยผ่านการอยู่กินกับชายอื่นมาก่อน (ที่สมัยนี้นิยมเรียกว่า อยู่ก่อนแต่ง)

อาจผ่านมาเป็นครั้งคราวไม่เป็นไร แต่ถึงกับไปอยู่กินกันเลย ผมไม่ค่อยโอเค

ผมว่าความตื่นเต้นของพวกเธอที่จะได้ใช้ชีวิตคู่ ที่เรียกว่าช่วงข้าวใหม่ปลามัน มันหายไปอะ ถ้าผมจะมีเมียผมก็อยากให้เมียแชร์ช่วงเวลาดีๆแบบนี้กับผม ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกอยู่คนเดียว

สูตรความรักของแต่ละคนมันก็แตกต่างกันไป ไม่มีอะไรตายตัว พูดยาก ทั้งนี้และทั้งนั้น มันอยู่ที่รสนิยม ทัศนคติ และประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาด้วยครับ ไม่มีผิด ไม่มีถูก

ไอ้เรื่องอยู่ก่อนแต่ง ผมไม่ค่อยซีเรียสอะไร สมัยผมเรียนมหาลัย ผมก็เห็นหลายคู่ออกไปเช่าหออยู่ด้วยกัน มันก็เหมือนอยู่ก่อนแต่งกลาย ๆ บางคู่ก็เลิกรากันไป แต่บางคู่ก็สามารถประคับประคองความสัมพันธ์จนแต่งงานกันในท้ายที่สุด (ตอนวัยทำงานก็เช่นกัน)

บางครั้ง ถ้าเรารักผู้หญิงสักคน และเรามองว่า เธอคนนี้แหละที่ใช่ เพียงแต่บางครั้งเธออาจจะมีอดีต มีรอยตำหนิ ผมว่าเราก็ต้องเลือกที่จะปิดตาไว้ข้างนึงบ้างเหมือนกันครับ ถ้าคิดจะรักแล้ว ก็อย่าไปรื้อฟื้นอดีตเลยดีกว่า อยู่กับปัจจุบันและทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า

แต่ว่า ผมขออย่างเดียว สำหรับฝ่ายหญิง "อย่ามีลูกติด" ก็พอละครับ ถ้ามีลูกติด ผมขอบายอย่างเดียว 5555+

จริงๆก็ถามได้ครับ ก่อนจะสานสัมพันธ์ ถามแนวคิดอ้อมๆก็ได้ว่า คิดไงกับเรื่องแบบนี้

แต่ถ้าคบกันไปแล้ว หาเหตุผลมาเลิกก็ออกจะแหม่งๆ


ยังไงถ้ามีลูก ผมไม่เห็นด้วยกับการมีเซ็กส์เร็วเกินไปหรือมีเซ็กส์ในวัยเรียนอะนะ

ผมว่าสังคมไทยยังมีครอบครัวที่เลี้ยงลูกมาแบบอนุรักษ์นิยมอยู่ไม่น้อย การรีบมีเซ็กส์จะตัดตัวเลือกเราไปเยอะเลย

คิดง่ายๆเด็กผู้ชายเคยมีแฟนเก่าแค่จับมือถือแขน แม้แต่ตัวเองก็ยังซิง มาเจอว่าคนใหม่เคยซั่มมาแล้ว เขาก็เหวอสิครับ

นอกจากนั้นการมีเซ็กส์เร็ว จะเหมือนเป็นการดึงดูดผู้ชายไม่ดีเข้ามาอีกมหาศาล เพราะพวกนี้มันจะเมาท์กันเอง และมันจะคิดว่าผู้หญิงแบบนี้เอาแล้วทิ้งก็ได้ เพราะ "ง่าย"

กว่าจะอายุเท่าไร ผู้ชายถึงจะเริ่มไม่สนใจอดีตของคนรัก ? ผมว่า 25+ แล้วถ้ามีเพศสัมพันธ์เร็ว ตั้งแต่พึ่งวัยรุ่น จะต้องเจอผู้ชายไม่ดีอีกเท่าไหร่ ?


อนาคตสังคมไทยอาจเปลี่ยนไปอีกก็ได้ แต่ตอนนี้ผมขอคิดแบบนี้ก่อนครับ

สำหรับผม ถ้าคิดจะสานสัมพันธ์กับใคร ผมก็ต้องเช็คเหมือนกัน ไม่ได้ว่าจะรับได้ทุกอย่าง ถ้านิสัยใจคอ ทัศนคติ ไปกันได้ ก็โอเค ส่วนเรื่องเซ็กส์ ก็ต้องมาปรับจูนกัน ทุกอย่างผมมองว่ามันต้องพบกันครึ่งทางละครับ

อย่างผมเนี่ย ที่ยกประเด็นเรื่องลูกติด สมัยเรียนผมก็เคยมีเพื่อนที่มหาลัยมาชอบ เป็นสาวเหนือ ขาว สวยแบบสไตล์สาวเหนือเลย นิสัยดีใช้ได้เลยแหละ ทำงานกลุ่มด้วยกัน เธอก็เหมือนจะชอบผมเหมือนกัน แต่ติดปัญหาคือ "เธอมีลูกติด" ลูกเธอโตแล้วด้วย ผมเลยพอเดาออกว่าเธอมีลูกตั้งแต่ยังเรียนมัธยมเลย

เอาจริง ๆ ผมก็คิดว่าเธอคงจะเคยมีแฟนมาบ้าง ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่เพราะมีลูกติด ที่เป็นเงื่อนไขที่ผมปักธงเอาไว้ ผมเลยต้องตัดใจ ผมเองก็เห็นว่าเธอตั้งใจทำงาน หาเงินส่งให้ลูกเรียนที่ภาคเหนือ ผมก็คิดว่าอดีตเธอคงไม่น่าจดจำนัก แต่ถึงกระนั้น เธอก็มีความรับผิดชอบในฐานะแม่ ก็นับว่าเธอเป็นคนที่ดีคนนึงเลยละ คือรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ

ผมเองเองถึงจะบอกว่าไม่ได้ซีเรียสอะไรเรื่องอดีตของผู้หญิง แต่ผมก็ปักธงชัดเจนในใจว่า "มีลูกติด" เมื่อไร ผมบาย ผมก็ไม่ยุ่งกับเธอเลย คือถ้าจะคุย คุยเรื่องงานอย่างเดียว เรื่องเรียนอย่างเดียว เสียดายอยู่เหมือนกัน แต่ทำไงได้ ผมเองก็มีธงในใจของผม ถ้ามีลูกติดเมื่อไร เราจบกัน

ผมว่าคุณเองก็มีธงใจในของคุณ ซึ่งผมจะไม่ตัดสินว่ามันผิดหรือถูกนะครับ ผมเองก็มีธงในใจเหมือนกัน คิดซะว่าเราแลกเปลี่ยนทัศนะกันนะครับ

แล้วก็ ทุกวันนี้ ผมก็ยังโสดนะ ยังไม่มีเมีย ไม่มีกิ๊ก ทำแต่งาน ดูหนัง ฟังเพลง เล่นกีต้าร์ เล่นเกม ไปตามเรื่อง ว่าง ๆ ก็มานั่งปั่นนิยายแก้เซ็ง ให้คนในบอร์ดอ่านสนุก ๆ แล้วก็เขียนขายบนดินหาเงินเหมือนที่ท่านเห็น เหตุผลว่าทำไมถึงโสด ไม่มีใครเอา? คำตอบคือ เปล่าเลยครับ สมัยผมยังเรียน ผมเองก็เคยมีประสบการณ์ความรัก เป็นทั้งคนที่เคยไปหักอกทำร้ายจิตใจเค้า แล้วก็โดนเค้าทำร้ายจิตใจ คละเคล้ากันไป

ถึงจุดหนึ่งก็เริ่มรู้สึกว่า ผมอยากจะพอแล้วกับความรัก ไปทำอย่างอื่นดีกว่า ผมรู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวสบายใจกว่า ถ้างุ่นง่านก็ค่อยไปลงอ่างไปนาบน้อง ๆ สักที แต่ช่วงนี้ไม่ไหว โควิดระบาด กลัว 5555+