ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ร้านคาราโอเกะ [ Part 7 ] ตอนที่ 94 ( ประสบการณ์ของนายโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, กรกฎาคม 19, 2022, 01:46:35 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

COKE

อ้างจาก: ΜoNoTΩИ∑ ★★★ เมื่อ กรกฎาคม 19, 2022, 01:46:35 ก่อนเที่ยง
สวัสดีครับ สวัสดี ร้านเกะมาละครับ

ตอนนี้โควิดเหมือนจะกลับมาแล้วก็ขอให้อย่าเพิ่งลดการ์ดกันนะครับ

ถึงจะมีประกาศปลดล็อคการใส่ Mask แล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้

ก็ขอให้ทุกท่านดูแลตัวเองใส่ Mask ตอนออกจากบ้านด้วยครับ

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา



ปล. สำหรับท่านที่ต้องการอ่าน ซีรีย์คาราโอเกะ หรือ ทุกซีรีย์ย้อนหลัง



สามารถคลิกที่ภาพ เพื่อวาร์ปไปห้องสมุดนายโทนได้เลยครับ








★★★★★★★★★★★



ปล.2 สำหรับใครสมาชิกใหม่ที่พึ่งสมัครเมมยูซเซอร์เข้ามาแล้วพออ่านเรื่องนี้แล้วอยากอ่านต่อก็ง่ายๆครับ
ตามภาพเลย ขั้นตอน 1 2 3  แต่ระวังการคอมเมนต์ไว้ให้ดีๆ อย่ามาแต่ อีโม นะ




★★★★★★★★★★★


ปล.3 เนื่องจากตอนนี้เป็นการเล่าระหว่างผมกับพี่หมิวสลับกัน เพราะงั้นเพื่อไม่ให้สับสัน

ประโยคไหนที่พี่หมิวเล่าผมจะขอเน้นสีแดงไว้ครับ



★★★★★★★★★★★



ความเดิมตอนที่แล้ว


อยู่ดีๆชิบะมันก็เริ่มแผนการหักหน้าคุณท่านขึ้นมา ซึ่งผมไม่รู้ว่า

ที่มันต้องการคืออะไร เป็นการเอาคืนให้คุณเคย์ หรือต้อการหักหน้าทีมของทาเคชิ

แล้วตั้งใจให้ทางคุณเคย์ได้รับเอฟเฟคไปด้วย ซึ่งระหว่างที่ผมกำลังตกอยู่ในวงล้อมนั้น

พระบิดาก็ได้สำแดงเดช !!!!


★★★★★★★★★★★





ก่อนอื่นต้องขอเริ่มจากหมิวเล่าก่อนนะ ตอนนั้นที่พี่แมนพูด เห้ย ไอ้โทนดูพ่อด้วย ! ตอนนั้นหัวใจเราหล่นเลยนะแบบวู่บไปเลย แล้วไม่ทันจะได้หันไปมองไฟก็ดับแล้ว เราใจสั่นไปหมดเลย คือรู้ว่ามันคงไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออก แต่เรานึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นที่โทนเอามีดไปจ่อคอคุณเคย์ แล้วเรามองกลับมาว่าถ้าเป็นพ่อเราล่ะเราคงร้องไห้อ่ะ เรากำมือจ๋าแน่นเลยตอนนั้น จ๋าก็บอกหมิวแกใจเย็น หมิวไม่เป็นไรนะ เราพยายามสงบสติอารมณ์นะตอนนั้น



แต่ว่าพอไฟติดขึ้นมาภาพที่เห็นคือพ่อเรายังคงยืนอยู่แบบเดิม แต่ภาพที่เห็นใกล้ๆกันคือ พ่อทศเขาขยับมือกร่อกๆ ตอนนั้นทุกคนคือเงียบเลยโดยเฉพาะชิบะ เพราะการ์ดของเขากำลังทรุดลงเหมือนคนสติหลุดแล้วลงไปนอนหมดสติทันที พ่อทศเหยียบซ้ำเข้าไปอีกทีแล้วพูดว่า อย่าเข้ามาตอนมืดๆซิ่ เดี๋ยวก็ได้ตายหรอก.... เราช็อคเลยนะตอนนั้น พ่อทศทำได้ยังไง





ต้องย้อนกลับไปช่วงเดือนก่อนที่จะวางแผนจัดงานเซ็นสัญญากัน วันนั้นประชุมกันหลายฝ่ายเลยล่ะ พ่อทศเองก็มาเข้าประชุมด้วยเพราะว่าเขารับผิดชอบเรื่องการจัดทีม จัดคน ไอ้ที่เห็นว่าเจ้าโทนเล่าว่าพี่รุจน์จัดทีมน่ะไม่ใช่ทั้งหมด เพราะว่าพ่อทศเขาเป็นคนที่ลงมือคัดคนด้วยตัวเอง วันนั้นบอร์ดบริหาร ทุกคนก็มาประชุมกันที่บริษัทเลย พ่อทศเองก็มีรถไปรับที่บ้านสวนนั่นแหละ เนื้อหาการประชุมของเราอย่างแรกเลยคือ พ่อเรามาแจ้งข่าวเรื่องงานเซ็นสัญญาที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนแน่นอนเพราะว่าทีมเจ้าโทนทำงานสำเร็จและถูกใจคุณเคย์มากๆ ตอนนั้นคือพวกเราเฮกันเลยนะ ผู้บริหารหลายท่านก็ปรบมือดีใจกันใหญ่เลย มันเป็นความสำเร็จที่เฝ้ารอ มา 3 ปี





แต่เราน่ะก็ยังกังวลอยู่นิดหน่อยเพราะว่าถ้าทุกคนที่อ่านมาแล้วลองเทียบไทม์ไลน์ดู มันจะเป็นช่วงที่เจ้าโทนไปทำงานเชียงใหม่กลับมาและยังมีความอึมครึมระหว่างเตยอยู่ ซึ่งเราเองก็ออกตัวให้ได้ไม่เต็มตัวมากนักเพราะก็ทำผิดกับเตย แต่ด้วยความได้เปรียบเรื่องตัวเล็กตัวโต มันอาจจะทำให้เราเคลียร์ปัญหานี้ก็ได้ ช่างเถอะเรื่องนั้นกลับมาเรื่องประชุมก่อน พอพ่อแจ้งข่าวดีกับทุกคนแล้ว พ่อทศก็อื้มเก่งกว่าหมานิดนึง พี่แมนก็บอกโหพ่อคร๊าบงานใหญ่เลยนะครับนั่น พ่อทศก็บอกนะว่าถ้าพอใจกับงานแค่นี้มันก็ไม่ไหวนะแมน แต่ก็เอาเถอะถือว่าเก่งนะที่ไปทำงานแบบนั้นได้เก่งเหมือนแม่ เก่งเหมือนแม่





เราก็บอกโหพ่อคะไม่คิดจะบอกว่าเก่งเหมือนพ่อเลยเหรอ พ่อทศบอกว่าเรื่องหัวไว เรื่องทำงาน ยกความดีให้ทิพย์เขาเถอะ แล้วเรื่องที่จะคุยกันล่ะว่าไง ตอนนั้นผู้บริหารหลายคนก็เข้ามาด้วย พ่อทศเองด้วยความที่มีตำแหน่งเป็นถึงที่ปรึกษาฝ่ายรักษาความปลอดภัย ที่ทุกๆคน ย้ำว่าทุกๆคนยอมรับ ก็ถือว่าเป็นคนที่มีอิทธิพลคนนึงในบริษัทเลยนะ




คือพูดตามตรงพ่อทศเขาเหมือนมีวิสัยทัศน์ มีแนวคิดอะไรบางอย่าง ที่เมื่อพูดออกมาพวกลุงๆผู้บริหารก็เถียงกันไม่ออกเลย เหมือนว่าสิ่งที่พ่อทศพูดมันคือพื้นฐานของคนเราอ่ะ พวกนั้นเลยเถียงอะไรไม่ออก พูดตรงๆคือเป็นความคิดแบบชาวรากหญ้าที่พูดมาแล้วสะเทือนถึงพวกที่อยู่บนๆ สูงๆ สะเทือนเลย แล้วด้วยฝีมือการสอนที่พ่อทศแสดงออกมา มันทำให้สามปีนี้ทีมรักษาความปลอดภัยแกร่งขึ้นเหมือนก้าวกระโดดเลย นั่นเลยทำให้ทุกๆฝ่ายยอมรับพ่อทศแบบเลี่ยงไม่ได้ และยอมจำนน




แต่พ่อทศเองเขาก็ไม่ได้อวดเบ่งอะไรเลยจริงๆ เขาก็ยังเป็นคนเดิมที่เดิมเข้ามาในบริษัทวันแรก แต่วันแรกก็แสบเหมือนกันเล่นหยิบปืนยิงพี่รุจน์เฉยเลย ช่างเถอะๆ เรื่องการประชุมพ่อก็บอกว่าคงจะจัดงานเซ็นสัญญาให้สมเกียรติของเคย์เขานะ เพราะยังไง ฝั่งนั้นเองก็ชื่อเสียงไม่ใช่ธรรมดา




การที่จะเขายอมกลับมาร่วมธุรกิจกับเราถือว่าเขาให้เกียรติเรามากเหมือนกัน ตอนนั้นพี่แมนก็พูดว่าแล้วทางบริษัทนั้นล่ะครับพ่อ พ่อเราก็บอกว่าไม่มีปัญหา ทางพ่อกับคุณ – ชื่อหุ้นส่วนใหญ่ -  ตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว พี่แมนก็ยืนขึ้นพรวด แล้วพูดว่าถ้างั้นก็เท่ากับว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แล้วซิ่ครับ พ่อก็บอกอื้มตามนั้นแหละ
ตอนนั้นทุกคนก็ปรบมือลั่นเลย สมกับเป็นคุณพ่อจริงๆ แล้วคุณพ่อเลยพูดว่า งั้นเพื่อให้เกียรติทางนั้นเราควรไปที่นั่นด้วย ส่วนพวกลำดับพิธีการ – ชื่อเลขา -  ช่วยลำดับคร่าวๆมาทีนะ เลขาก็ตอบค่ะท่านประธาน ตอนนั้นพี่แมนพูดขึ้นมาว่าส่วนไอ้เจ้าของผลงานก็คงทำตัวเงียบๆเหมือนเคยซิ่นะ





เราก็ถามว่าโทนน่ะเหรอ พี่แมนบอกอื้มคงใช่ พี่แมนบอกว่าถ้าตัวมันรู้ว่าได้แก้ไขความผิดพลาดเมื่อ 3 ปีก่อนได้แล้ว มันก็คงปลดล็อคไอ้ความรู้สึกผิดนั่นได้สักที อุตส่าห์บอกไปแล้วว่าอย่าคิดมาก ผิดก็ผิดทั้งหมด คุณอาท่านนึงที่เป็นคนเดียวกับที่ออกหน้าให้โทนเมื่อ 3 ปีก่อน เขาก็ถามขึ้นมาว่า แมน อาไม่ได้สงสัยอะไรในการตัดสินใจของแมนหรอกนะเพราะผลลัพธ์มันก็ success อาเองก็มองที่ผลงานมากกว่าประวัติหรืออายุงาน แต่อาถามหน่อยที่ให้โทนไปทำงานมันจะไม่แคลงใจ ฝ่ายอื่นๆเหรอ เพราะเท่าที่ดูรายงาน อายุงานของโทรก็แค่ปีเดียวเองนะ




ตอนนั้นพี่แมนก็พูดว่า ผมตั้งใจจะอธิบายเรื่องนี้อยู่แล้วครับคุณอา และผู้บริหารหลายๆท่าน พี่แมนสั่งให้ปิดไฟและเริ่มฉายภาพบนจอโปรเจคเตอร์ ซึ่งมันเป็นตัวเลขเกี่ยวกับผลงานของไอ้ลิงบ้าตลอด 1 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการประเมินจากทางคุณเคย์ และพี่แมนก็พูดว่าถึงคุณเคย์กับพ่อจะค่อนข้างสนิทกัน แต่เรื่องงานถ้าไม่เป๊ะคุณเคย์ก็ไม่ยอม ถึงเรื่องข้อมูลงานต่างๆอาจจะหย่อนได้บ้าง แต่สำหรับเรื่องมารยาทการเข้าหา พวกคุณอาน่าจะรู้ดีว่าคุณเคย์เขาซีเรียสแค่ไหนใช่ไหมครับ พี่แมนโยนคำถามแบบปลายเปิดออกมา พวกผู้บริหารหลายคนก็พยักหน้าเห็นด้วยทุกคน




พี่แมนพูดต่อว่าถึงจะไม่แสดงออกมาเป็นคำพูด แต่เขาก็จะทด จะลบ แต้มไว้เสมอ ซึ่งตัวเลขนี้ทางคุณเคย์ช่วยสรุปแบบคร่าวๆครับ ผู้บริหารท่านนึงท่านตกใจ ยกมือถามว่าเดี๋ยวนะคุณเคย์ส่งมาให้เองเลยเหรอ พี่แมนตอบว่าด้วยความสัตย์จริงครับ ข้อมูลนี้คุณเคย์ส่งเข้า mail ผมเองครับ พี่แมนกด ภาพออกมา มันเป็นโน๊ตเล็กๆ จดเอาไว้เพื่อประเมิน ซึ่งแปลจากญี่ปุ่นเป็น eng  เรื่องวิชาการ ความแม่น ความไหลลื่น เจ้าโทนยังอยู่แค่ระดับมาตรฐาน ดีแต่ไม่ถึงกับโดดเด่น แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร ส่วนคุณพลอยและจอยนี่สูงมาก ไม่แปลกใจเลย เพราะแต่ละคนประสบการณ์สุดยอดอยู่แล้ว





แต่เรื่องมารยาทการเข้าหา การทำความเคารพสถานที่ การลุก การนั่ง การทานข้าว  เจ้าโทนคือได้สูงลิ่วเลย สูงลิ่วแบบพวกผู้บริหารเก่งๆนี่เทียบไม่ติดเลย ซึ่งนี่แหละมันเป็นจุดที่คุณเคย์เขาสนใจ แล้วคลิปนึงที่ตอกย้ำว่าคะแนนเรื่องนี้เจ้าโทนไม่ได้มาแบบง่ายๆคือ มันจะเป็นภาพวงจรปิดของทางโรงแรมนั่นแหละ เป็นภาพตอนกำลังรับประทานอาหารกันอยู่ เจ้าโทน พลอย และ จอย คือนั่งพับขาแบบญี่ปุ่นกินข้าวนิ่งเลยนะ แต่พวกผู้บริหารทุกคนขยุกขยิกอยู่ไม่สุข แล้วก็มานั่งขัดสมาธิบ้าง แล้วทุกคนลองนึกว่าตัวเองเป็นคุณเคย์คนที่เป๊ะๆเรื่องมารยาทซิ่ ใครจะมีภาพลักษณ์ดีกว่ากัน




แล้วไหนจะคลิปที่ไอ้ลิงทโมนเข้าไปทุ่มคนของคุณเคย์ลอยเคว้ง รวมถึงการโชว์ทักษะมวยไทยเบาๆ ปกป้องพลอยกับจอยอีก พ่อทศตอนนั้นพูดเลย เห้ยๆ ๆ เดี๋ยวๆไปทำงานหรือไปทำอะไรนั่น ไปเจรจาซ็นสัญญาแล้วไปทำร้ายคนของเขาได้ไงนั่น พี่แมนบอกว่าเป็นบททดสอบเล็กๆจากคุณเคย์เท่านั้นเองครับพ่อทศ




คุณเคย์เขาบอกว่า การที่โทนได้รับเลือกอาจจะเป็นที่แคลงใจและเกิดข้อสงสัยในหมู่ผู้บริหารแผนกอื่นๆ เลยสร้างบททดสอบเล็กๆขึ้นมาว่าเหตุผลที่เลือกไอ้โทนไปเพราะอะไร การพักผ่อนแบบไพรเวทแบบนั้นอย่างน้อยก็ต้องปกป้องตัวเองและทีมงานได้ ซึ่งไอ้โทนทำได้ดีครับ คือแมนคือเขาซัพพอร์ทไอ้ลิงบ้าจริงๆ แต่ในการซัพพอร์ทก็มีเหตุมีผลนะ ไม่ใช่หลับหูหลับตาซัพพอร์ท เพราะผลงานของไอ้ลิงบ้า ถ้าเทียบกับคนที่มีอายุงาน 1 ปี ถือว่าโดดเด่นมากนะ ยิ่งผลจากการจัดสัมมนาที่เป็นหัวเรือใหญ่จัดงาน มันก็ยิ่งตอกย้ำว่าไอ้ลิงบ้าเก่งจริงๆ หรือจะเรียกว่าใช้โอกาสไม่เปลือง เพราะถ้ามองกันดีๆ ต่อให้ถูกยื่นโอกาสมาให้บ่อยๆ




แต่ไม่ทำให้มันสำเร็จยังไงผลงานมันคงไม่ออกมาแบบนี้ พี่แมนพูดอีกว่าปัญหาคือชิบะครับ คู่หมั้นของรุกะเขาจะมาที่กรุงเทพฯด้วย เราก็มองพี่แมนเลย ชิบะนี่มันต้นฉบับของคนเก่งนิสัยแย่เลยนะ อ่ะพูดตามตรง หล่อ เก่ง เป็นที่หมายตาของสาวๆในแวดวงธุรกิจของที่นั่น แต่นิสัยเพลย์บอยกับไอ้การชอบเอาชนะและหักหน้าคนอื่นนี่แหละที่ถึงขั้นชั่วเลย แล้วคือจงใจหักต่อหน้าเลยนะ ไม่รู้จะชื่นชมว่าทำหันซึ่งๆหน้า หรือด่าว่าทุเรศดี




ทำไมรุกะถึงยอมรับหมั้นไอ้คนแบบนี้กันนะ แล้วมาบอกเราว่าชอบไอ้ลิงบ้า อยากให้เราหาโอกาสได้ใกล้ชิดหน่อย และนี่แหละคือสิ่งที่เรากลัว เรากลัวว่ารุกะนางจะเข้าหาไอ้ลิงบ้ามากเกินไป ปล่อยใจให้ไอ้ลิงบ้าเกินไป จนไอ้ลิงบ้าเทใจมาให้ และวันนึงที่ไอ้ลิงรู้ความจริง เรากลัวว่าจะเป็นเหมือนตอนที่เรียนจบใหม่ๆ และเลิกกับแฟนนั่นแหละ ตอนนั้นมันแย่มากเลยนะ ปล่อยตัวไม่สนใจอะไรเลย จากคนหุ่นดีๆ ก็กลายเป็นหมี แถมผมทรงพี่ปั๊ปโปเตโต้ก็กลายเป็นทรงมนุษย์ถ้ำยุคเมโสโปเตเมีย




ตอนนั้นน่ะไม่เท่าไรนะ เหมือนยังไม่ได้จับอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ตอนนี้นี่ซิ่ ทำงานแล้ว มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบแล้ว ถ้ามาเฮิร์ทเพราะรุกะอีกจะทำไง คือโอเคถึงจะมี ดาว มิ้นท์ แก้ม อยู่แล้ว แต่คือเพราะความที่รุกะเป็นผู้หญิงในอุดมคติ เราก็คิดเผื่อไว้ว่าโทนอาจจะหลงรุกะก็ได้ รูปร่างดี หุ่นสวย หน้าหวานๆ แถมยังเป็นสาวญี่ปุ่น นี่มันคือนางในอุดมคติของไอ้ลิงบ้าชัดๆ เราเลยกลัวว่าถ้ารู้ความจริงนั้นมันจะแย่เอาอ่ะซิ่ เราก็ได้แต่ภาวนาให้โทนอย่าถลำลึกไปเลยนะ แค่ความเอาใจใส่จาก 3 คนนั้นก็พอแล้ว แล้วประเด็นเลยคือชิบะจะเสนอหน้ามาทำไม เราถามว่าแล้วจะป้องกันยังไงดีพี่แมน น้องไม่ไว้ใจชิบะเลยนะ พี่แมนก็พูดว่าทุกคนก็คิดเหมือนแกนั่นแหละไอ้หมิว ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะมาไม้ไหน  ตอนนั้นพ่อทศยืนฟังอยู่ก็พูดขึ้นมาว่า




เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าทำไมดูเครียดกันจัง ตอนนั้นพ่อเราก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังนะ... พ่อทศก็เงียบแปปนึงแล้วพูดว่าห่วยแตกจริงๆนั่นแหละ ที่พลาดท่าให้เด็กเมื่อวานซืนบุกเข้าประชิดตัวแบบนั้น ครั้งแรกยังพอทำใจฟังได้ แต่ครั้งที่สองมีเวลาเตรียมตัว แทนที่จะพาหนี กลับย่ามใจคิดจะไปสู้ระยะประชิด.. แล้วถ้าไม่มีอาวุธแบบนั้นโทนมันก็กินเรียบซิ่ พ่อทศพูดมาเหมือนเรื่องสบายๆเลย แล้วพวกเราก็เถียงไม่ออกด้วยเพราะว่าทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ ล้วนอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย





พ่อทศบอกว่า เอาจริงๆลุงก็ไม่เคยเจอคนที่ชื่อชิบะนะก็อยากจะเห็น อยากมองด้วยตาเอง แต่ดูจากที่ทุกคนในห้องนี้พูดเป็นเสียงเดียวอย่างนี้ก็คงต้องคิดไปก่อนว่าชิบะเป็นคนแบบนั้นจริงๆ และมันคงจะเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการปะทะกันขึ้นมา แล้วพี่แมนก็พูดว่า ทางญี่ปุ่นเป็นคนรีเควสมาเองด้วยนะครับว่าขอทีมงานเดิมกับเมื่อ 3 ปีก่อน แล้วโทนมันก็อยู่ในนั้นด้วยครับ โดยเฉพาะ... โทนมันก็เหมือนเป็นคนหักหน้าของฝั่งนั้นด้วย พ่อทศฟังแล้วก็บอกว่า ถ้างั้นครั้งนี้ก็อาจจะมีเรื่องที่ต้องใช้กำลัง จริงๆก็ไม่อยากให้ไอ้ลูกหมานั่นเข้ามาวุ่นวายนะให้มันเป็นพนักงานออฟฟิศนั่นแหละดีแล้ว แต่ว่าก็คงช่วยอะไรไม่ได้ พ่อทศพูดมาเหมือนเขาคิดล่วงหน้าเอาไว้แล้วอ่ะ




เรื่องความปลอดภัยเบื้องต้น แมนร่างเอกสารขึ้นมาเลยนะว่าสถานที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์เป็นเขตปลอดอาวุธ ถ้ามีเครื่องตรวจจับด้วยจะยิ่งดี พี่แมนตอบได้ครับพ่อทศ ตอนนั้นพ่อทศก็เงียบไปแปปนึง ตอนนั้นพ่อเราถามว่าแล้วทศคิดว่าไงเรื่องนี้ ตอนนั้นพ่อทศยกมือปรามนะ แล้วพ่อเราก็หยุดเลย คือเอาจริงๆ มีแค่พ่อทศคนเดียวมั้งที่กล้าทำแบบนี้ อาจจะเพราะเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นพนักงานของที่นี่ต่างจากพวกผู้บริหารหลายๆคน เพราะงั้นพ่อทศเขาคิดอะไรก็ทำมันออกมา แต่ไม่ใช่ว่าทำแบบเสียมารยาทนะ ตลอดเวลาพ่อทศเขาทำทุกอย่าง พูดทุกอย่างด้วยเหตุผลจริงๆ พ่อทศยกมือปรามแล้วพูดว่า ต้องถามคนในบริษัทก่อนนะ ถามทีมบริหารว่าคิดยังไงกับสถานการณ์นี้




หน้าที่ของทีมรักษาความปลอดภัยคือปรับรูปแบบให้เข้ากับแผนของบริษัทและตัวบุคลากรคนสำคัญเพราะงั้นไม่ต้องเกรงใจ คุยกันก่อนเลย พ่อเราก็อื้มขอบใจนะทศแล้วก็หันมาขอโทษกลุ่มผู้บริหาร พวกลุงๆป้าๆ ก็ส่ายหัวบอกไม่เป็นอะไร ๆ ๆ กันแทบทุกคน คราวนี้ทุกคนรู้ยัง ทำไมพวกผู้บริหารถึงยอมรับในตัวพ่อทศ หลังจากนั้นแผนงานการเซ็นสัญญา ทั้งพาร์ททางการ และพาร์ทสังสรรค์ก็เริ่มขึ้น พ่อทศก็มานั่งฟังด้วยแล้ว โห แล้วบอกเลยจังหวะถอดแว่น ออร่าเจ้าพ่อนี่พวยพุ่งมาก น่าเกรงขามอ่ะ




เหมือนพ่อเราจะสายบุ๋น ส่วนพ่อทศสายบู๊อ่ะ แล้วคือพ่อทศเขาเป็นคนไม่ใช้โทรศัพท์นอกจากโทรออก เพราะงั้นเขาจะฟังแผนการต่างๆตลอดเวลา พอสรุปจบจากฝ่ายวิชาการแล้ว มีผู้บริหารท่านนึงหันมาถามพ่อทศว่า ทศคิดว่าไงมีแผนอะไรซัพพอร์ทบ้างไหม ตอนนั้นพ่อทศพูดขึ้นมาทันที แมนทีมที่ว่าทำงานกับพวกญี่ปุ่นมีใครมั่ง พี่แมนก็ครับพ่อทศ แล้วร่ายรายชื่อออกมาทันที รวมถึงไอ้ลิงบ้าด้วย ตอนนั้นพ่อทศก็ถอนหายใจ เห้อออ ไอ้ลูกหมาเอ๊ยย ก่อเรื่องไว้แล้วซิ่เนี่ย แล้วพ่อทศก็พูดว่า แมนรวบรวมข้อมูลการฝึกซ้อมแล้วส่งมาภายใน 2 วัน พี่แมนตอบครับพ่อทศ พ่อทศหันมาหาเราแล้วพูดว่า สงสัยจะเลี่ยงไม่ได้แล้วมั้ง ถ้าไปพูดดีๆให้กลับมาคงยาก เพราะงั้นมัดมือชกไปเลย



พ่อทศพูดว่าหมิว ทำยังไงก็ได้บังคับให้โทนมันมาทำงานด้วยความเต็มใจซะ เอ๋าา เราก็งงว่าเอ้าทำไมเป็นเราล่ะ แล้วบังคับให้เต็มใจนี่จะดีเหรอ พ่อทศบอกอีกว่า พาพวกทีมเก่าๆไปด้วย ยกเว้นรุจน์ห้ามไป และให้พาเด็กใหม่ที่ยังสด ที่อยากแสดงฝีมือออกไปด้วย ตามนิสัยของไอ้ลูกหมา ถ้าโดนบังคับ ยังไงก็คงได้ออกแรงกันนิดหน่อยนั่นแหละ แล้วคุณอาผู้บริหารก็ตกใจถามว่าจะดีเหรอทศ โทนออกจากทีมของคุณแมนไปเกือบ 3 ปีนะ พ่อทศบอกไม่เป็นไร  ถ้าแค่พวกทีม 2 ทีม 3 โทนมันยังรับมือไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำอะไรกินแล้ว ยังไงซะพวกทีม 2 ทีม 3 ก็คงข้องใจแน่ๆ ถ้ามีเด็กที่ไหนไม่รู้ถูกเรียกตัวกลับเข้าในทีม เพราะงั้นการให้ได้รู้ ได้เห็นด้วยตาตัวเองนั่นแหละ เป็นคำตอบที่เร็วที่สุด





ตอนนั้นเราก็บอกได้ค่ะ หนูรีบจัดการให้เลยค่ะ แต่พ่อทศบอกยังก่อน เราก็อ้าว งง.. พ่อทศถามว่างานเซ็นสัญญาจะเริ่มเมื่อไร พี่แมนก็ตอบทันที วันนี้ เดือนนี้ เวลานี้. ซึ่งมีเวลาอีก 40 วันนิดๆ พ่อทศบอกว่า ก่อนเริ่มงาน 10 วัน ค่อยไปตามมันกลับมา แล้วให้จัดตารางซ้อมฝึกกล้ามเนื้อให้โทนมันด้วย ตอนนั้นคุณลุงผู้บริหารท่านนึงก็พูดว่า




จะดีเหรอทศ เพราะโทนเองก็ไม่ได้ทำงานที่บริษัทเรานะ  ตอนนั้นพ่อทศก็พูดขึ้นมาว่ายังไงซะก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ตอนนั้นพี่แมนบอกว่า ผมจัดการเรื่องการขอตัวให้ได้ครับพ่อทศ พ่อเราก็อื้มงั้นเรื่องนี้ให้แมนจัดการนะ ตอนนั้นพ่อเราก็บอกว่า งั้นผมรบกวนเวลาพวกคุณเท่านี้นะ เชิญตามสบาย คุณพ่อพูดกับพวกผู้บริหาร พวกท่านก็รีบยืนขึ้นแล้วพูดว่า ท่านประธานมีอะไรเพิ่มเติม สามารถตามตัวพวกผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ



พ่อเราก็บอกขอบใจทุกคนนะ แล้วพอผู้บริหารเดินออกไป พี่รุจน์ก็เดินเข้ามาทันที มาถึงก็ทำความเคารพพ่อเราแล้วก็ยกมือไหว้สวัสดีครับอาทศ พ่อเขานั่งนิ่งแปปนึงแล้วถามว่า คำร้องที่ขอทีมงานเก่าเมื่อ 3 ปีก่อนเป็นทางฝั่งนั้นใช่ไหม พี่รุจน์บอกครับ เป็นทางฝ่ายนั้น พ่อทศถามอีกว่า ระบุได้ไหมว่าใคร ทางเคย์ หรือทางคู่หมั้นคุณหนู พี่รุจน์บอกว่า มัน E mail มาจากทางคุณเคย์ครับ... พ่อทศบอกอืมมันคลุมเครือล่ะนะ




พ่อเราก็ถาม คิดว่าไงทศ พ่อทศยืนขึ้นแล้วบอกว่า ยังไงซะก็คงเลี่ยงการปะทะไม่ได้  เพราะงั้นคงต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน พี่ทศหันมาบอก แมนหาตารางว่าง 1 วันสำหรับทีมที่ต้องดูแลทางญี่ปุ่น มาที่บ้านพ่อ 6 โมงเช้านะ พี่แมนบอกว่าพรุ่งนี้ได้เลยครับพ่อทศ พ่อทศบอกว่าไม่ต้องรีบตัดตารางงานหรอก เอาที่ว่างจริงๆแล้วค่อยมากัน แต่พี่รุจน์ก็บอกพรุ่งนี้สามารถสลับทีม 2 กับ 3 ได้เลยครับ พ่อทศบอกอื้มงั้น มาที่บ้านไม่เกิน 6 โมงเช้า แจ้งทุกคนด้วยนะรุจน์ พี่รุจน์บอกครับอาทศ ผมขอตัวก่อนครับ




แล้วพี่รุจน์ก็เดินออกไป ตอนนั้นพ่อทศบอกว่า แมนพ่อฝากวานเรื่องข้าวมื้อกลางวันกับเย็นหน่อยนะ ทิพย์เขาคงทำไม่ทัน พี่แมนบอกได้ครับพ่อทศ ตอนนั้นพ่อเราก็บอกว่าขาดเหลืออะไรบอกได้เลยนะทศ พ่อทศบอกว่าไม่เป็นอะไร ให้พวกเด็กๆมันจัดการเองก็ได้ พ่อเราก็บอกอื้มนั่นซิ่นะ งั้นฝากด้วยนะทศ พ่อทศตอบอื้ม แล้วพ่อทศก็เดินออกมาเลย พี่แมนยังอยู่กับพ่อ ส่วนเราเดินตามพ่อทศมา พ่อทศหยิบมือถือโทรหาใครบางคนนะ พอเอ่ยชื่อมาเราตกใจเลย




เพราะนั่นเป็นชื่อของพี่ชายเสี่ยที่เราเล่าไปใน เธอ เขา ฉัน นั่นแหละ พ่อทศบอกว่าเห้ยนี่ข้าเอง เอ็งพอจะหาของให้หน่อยได้เปล่า ตอนนั้นเราใจเต้นตึ้กๆเลยหาอะไร หาอะไร พ่อทศบอกว่า เอาเชือกป่าน 28 มิล นะ หามาให้ 6 เมตรซัก 5 เส้น ขอภายในวันนี้นะรบกวนหน่อย เดี๋ยวข้ารออยู่ที่บ้านตรงสวนโล่งนะ อืมๆ ขอบใจมาก แล้วพ่อทศก็วางสายเลย




คือพูดนิดเดียวแล้ววางเลย ตอนนั้นเดินลงมาคนก็ยกมือไหว้พ่อทศ พ่อทศก็สวัสดี สวัสดี สวัสดี แล้วพอลงมาข้างล่างคนขับรถก็รออยู่แล้ว พ่อทศบอกว่าหมิวฝากจัดการเรื่องไอ้ลูกหมาหน่อยนะ เราก็บอกค่ะได้ค่ะพ่อ พอพ่อทศขึ้นรถกลับไปแล้วเราก็รีบโทรหาร้านข้าวกล่องที่รู้จักเพื่อ สั่งทำข้าวกล่องทันที พี่แมนโทรมาถามว่าเตรียมข้าวยังเราบอกเรียบร้อยแล้ว



วันนั้นเรากลับบ้านไปเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคนในทีมที่อยู่ในทีมเมื่อ 3 ปีก่อน แต่ข้อมูลของโทนนั้นไม่ได้เก็บมาเลยเพราะว่าไม่ได้อัพเดทนานมากแล้ว   10 โมงวันรุ่งขึ้นเรากับพี่แมนก็นัดร้านข้าวให้เอาข้าวกล่องมาที่บ้านสวน เราบอกสถานที่คร่าวๆ เขาก็บอกว่ารู้จักๆ ก็เลยไปรอเราที่ตลาดแถวบ้านพ่อทศ แล้วก็ขับรถเข้าไปในบ้านสวน




พอเข้ามาจอดรถภาพแรงที่เราเห็นคือพวกพี่รุจน์ พี่รัชน์ คือยืนหอบแฮ่กๆ ๆ ๆ แต่ว่าพวกสมาชิกคนอื่นๆคือนอนแผ่ลงไปกับพื้นดิน พื้นสวนหมดแล้ว เรากับพี่แมนตกใจนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่น่าตกใจคือพ่อทศเขาใส่นวมแบบสนับมือมวยกรง แล้วยืดเช็ดเหงื่อ พ่อทศเองก็หอบเล็กน้อยเท่านั้น






พ่อทศเขาถอดนวมออกแล้วบอก รุจน์กับรัชน์ทำได้ดีมากนะ ส่วนพวกที่เหลือก็ทำได้ดี แต่ถ้าได้ดีกว่านี้จะดีมากนะ แล้วพวกที่นอนหอบแฮ่กๆ ก็พยายามหอบสังขารขึ้นมาตอบครับ พ่อทศถอนหายใจฟู่ววว พักกินข้าวกินน้ำกันก่อนนะ แล้วก็เดินไปข้างในสวน พี่แมนหน้าตาตื่นถามว่าเกิดอะไรขึ้นพี่รุจน์ พี่รุจน์ที่ดูจะพูดได้ ก็บอกว่า อาทศเขาพาทำสวนครับสภาพก็เป็นอย่างที่นี่แหละครับ พี่รัชน์เองพอพ่อทศเดินไปแล้วก็ทิ้งตัวหอบแฮ่ก ๆ ๆ เลย พี่แมนก็ตกใจเข้าไปถามเป็นไงมั่ง พี่รุจน์ก็พูดกับพี่รัชน์ว่า อาทศเขาก็บอกแล้วว่าถ้าไม่ไหวก็ทิ้งตัวเลย จะฝืนยืนทำไมรัชน์





พี่รัชน์ตอบเสียชื่อรองหัวหน้าทีมซิ่แบบนั้นน่ะพี่รุจน์ แล้วพี่รัชน์ก็หอบแฮ่ก ๆ ๆ ๆ  พี่แมนถามว่าเดี๋ยวๆ ทำสวนนี่ทำอะไรบ้าง แล้วพอเรามองไปรอบๆก็มีพวกถุงปุ๋ย แล้วก็ไอ้คานหาบน้ำอ่ะทุกคน แล้วก็มีที่ผ่าฟืน เลื่อยไม้ พี่รุจน์บอกว่าก็โปรแกรมทำสวนของอาทศนั่นแหละครับ ทั้งทีมคือนอนลงไปหมดเลย มีพี่รัชน์ที่นั่งหอบ ส่วนพี่รุจน์ยังยืนไหว พูดไหว สมแล้วที่เป็นอดีตทหารมือดี พี่แมนถามเดี๋ยวก่อนพี่รุจน์ทำสวนเหรอ พี่รุจน์บอกครับคุณแมน พวกผมมาตอน 6 โมงเช้า อาทศก็รออยู่แล้วครับแล้วก็พาพวกผมไปทำสวน ผสมกับปีนเชือกกลางสวน





เอ๊ะเชือก ใช่เชือกที่พ่อทศคุยกับพี่ชายเสี่ยเมื่อวานหรือเปล่า พี่รุจน์เราบอกว่า แล้วก็หาบน้ำจากคลองไปไล่รดน้ำ ผ่าฟืน เลื่อยไม้ แบกบุ๋ยไปใส่ต้นไม้ แล้วเมื่อกี้อาทศขอให้ผมกับรัชน์ช่วยสอย ยุทธวิธีการต่อสู้มือเปล่าของทหารให้ครับ พี่รุจน์พูดแล้วปาดเหงื่อเลย สภาพแต่ละคนคงไม่ต้องบอกอ่ะว่าเหนื่อยแค่ไหน พี่แมนบอกว่าไม่ต้องฝืนก็ได้นี่พี่รุจน์ พี่รัชน์ ตอนนั้นพี่รัชน์ที่นั่งหอบแฮ่กอยู่ก็พูดขึ้นมาว่า





ถ้าอาทศเขาไม่ทำด้วย พวกผมก็คงไม่เหนื่อยแบบนี้หรอกครับ พี่แมนก็เห้ยอะไรนะ พี่รัชน์ว่าไรนะ พี่รัชน์ตอบไม่ไหวพี่รุจน์ก็เลยตอบว่าก็ตั้งแต่เช้า อาทศเขาก็ทำทุกอย่างพร้อมพวกผมนี่แหละครับ แล้วไม่มีท่าทีจะเหนื่อยเลยสักนิด เหมือนน้าแกใช้ชีวิตประจำวันแบบนี้นี่แหละครับ





มีสมาชิกคนนึงพูดว่าแค่เดินบนดินนิ่มๆก็เดินลำบากแล้ว ยังต้องแบกถุงปุ๋ยอีกขาล้าไปหมด แล้วไหนจะต้องแบกน้ำจากคลองอีก อาทศเขารู้จักคำว่าเหนื่อยบ้างไหมนั่น แล้วเขาก็หอบแฮ่กๆ ๆ โอยย ไม่แปลกใจทำไมไอ้โทนมันถึงอึดเกินคนแบบนั้น เพราะทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็กล่ะมั้ง   ตอนนั้นพ่อทศเดินมาแล้ว แม่ทิพย์ก็ถือกระติกน้ำมาด้วย หอมเลยน้ำมะลิ พ่อทศก็บอกว่ารุจน์ โปรแกรมฝึกของทีมญี่ปุ่น จากวันนี้ไปถึงวันเริ่มงาน ให้ประยุกต์จากวันนี้ไปนะ




พี่รุจน์บอกได้ครับอาทศ แม่ทิพย์ก็บอกอ้าวหนูหมิวมาเมื่อไรลูก เราก็เดินไปยกมือไหว้สวัสดีค่ะแม่ทิพย์ แม่ทิพย์ก็บอกจ้าไหว้พระเถอะลูก พี่แมนก็สวัสดีครับแม่ทิพย์ ตอนนั้นพ่อทศถอดเสื้อนะเราลืมบอก แล้วบอกเลยว่าหุ่นพ่อทศ พวกเด็กๆมีอายนะ ถึงผิวหนังจะไม่ได้เต่งตึงแบบวัยรุ่น





แต่มัดกล้ามเนื้อยังคงชัดทุกไลน์กล้าม แล้วยิ่งรอยสักพญาเสือคู่นี่มองยังไงก็น่าเกรงขาม ตอนนั้นเรานึกอะไรขึ้นได้ เราถามว่าพ่อทศคะ จะไม่ตามไอ้ลิง... จะไม่ตามโทนมาฝึกตอนนี้จริงๆเหรอคะ ทำไมต้องรอให้ถึงแค่ 10 วันก่อน ตอนนั้นพี่แมนก็บอกว่านั่นซิ่ครับพ่อทศ พ่อทศบอกว่าจริงๆแค่ 7 วันก็พอแล้ว เราก็มองหน้าพี่แมน กับพี่รุจน์เลย ตอนนั้นทุกคนก็เริ่มขยับเข้ามาใกล้ๆ พ่อทศบอกว่า





สิ่งที่จำเป็นสำหรับไอ้โทนคือการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ อย่างหนักและให้จนจ่ออยู่กับการฝึก ให้เริ่มงานหลังจากที่ฝึกหนักมาไม่นาน มันจะทำให้สมาธิยังคงดีอยู่ ทักษะติดตัวมันมีมากพอแล้ว ไม่ต้องไปยัดอะไรให้มันเพิ่มเพราะพ่อเองก็ไม่ได้อยากให้มันมาทำงานนี้เท่าไร แต่ครั้งนี้มันเลี่ยงไม่ได้เลยต้องตามตัวมันกลับมา






ตอนนั้นพี่แมนถามว่าทำไมถึงให้ฝึกแค่กล้ามนื้อล่ะครับพ่อทศ พ่อทศมองมาที่พวกเรานะและถามขึ้นมาว่ารุจน์ การประเมินทักษะของไอ้ลูกหมาที่ได้ A+ นั่นเพราะความเกรงใจหรือเปล่าเลยประเมินให้ พี่รุจน์บอกว่าไม่ครับ แลพทุกคนก็บอกว่าไม่เลยครับถ้าเอาแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวเพียวๆไม่สนพวกประสบการณ์ ไอ้โทนแพ้แค่พี่รุจน์กับพี่รัชน์ครับ




แต่ตอนนั้นพี่รัชน์บอกว่า เอ่อถ้าเอาจริงๆผมก็เอาไม่อยู่ครับ มีแค่พี่รุจน์คนเดียวที่เอาอยู่ มันจะมีช่วงนึงที่เหมือนโทนมันเคลื่อนไหวดีขึ้นถึงจะแค่แปปเดียวก็เถอะ พ่อทศพูดอื้มก็ตามนั้นแหละ เหตุผลที่พ่อบอกให้หมิวไปตามตัวมันมาในช่วง 10 วันก่อนทำงานและนวดมันให้หนัก เพราะพ่ออยากให้ตอนที่ทำงานโทนมันยังมีสมาธิอยู่ มันยังจดจำเกี่ยวกับการฝึกเมื่อ 2 หรือ 3 วันก่อนเริ่มงานได้ พี่แมนถามว่าทำไมล่ะครับพ่อทศ พ่อทศมองแม่ทิพย์นะ





แล้วหันมาถามพวกเราว่ารู้จักภวังค์กันไหม คือเราเข้าใจคำว่าภวังค์นะ แต่ตอนนั้นพี่รุจน์เหมือนเข้าใจความหมายที่พ่อทศจะสื่อก่อนเลยคนแรก พ่อทศบอกว่าภวังค์คือการจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งนึงจนเกิดสมาธิ ปล่อยจิตใจให้ดิ่งลงไปในห้วงสมาธิ ตอนเด็กๆแม่เขาให้โทนนั่งสมาธิในสวนช่วงวันพระตลอด เพราะจะให้ฝึกจิตอย่างที่พ่อกับแม่ก็ทำกันมาตลอดตอนอยู่ที่ค่ายฝึกมวย




การจะเข้าภวังค์ มันมีขั้นตอนมากมาย ต้องทำให้คนๆนั้นทำบางอย่างซ้ำๆจดจ่อกับมัน มีแรงกระตุ้น มีแรงจูงใจให้ทำ ทำซ้ำทุกวัน ทำให้หนักทุกวัน ถ้าทำได้อะไรๆก็จะไหลลื่นไปหมด เหมือนตอนอ่านหนังสือตอนสอบ ถ้าเกิดไฟติดขึ้นมาก็จะทำทุกอย่างได้คล่องปร๋อราวกับรู้ทุกอย่างถึงแม้จะแค่ชั่วคราวก็ตาม พี่แมนก็ถาม เดี๋ยวครับพ่อทศจะบอกว่าโทนมันเข้าภวังค์ได้เหรอครับ แม่ตอบว่าใครๆก็ทำได้ถ้ามีสมาธิมากพอ แต่ว่ามันก็ไม่ได้เว่อวังขนาดที่ทำให้คนเราเหนือมนุษย์เหมือนในหนังในละครหรอกนะ แค่จะทำให้ทุกอย่างมันไหลลื่นตามใจคิด แต่มันก็อยู่ที่ฝึกทักษะอะไรนั้นมา




สมมติอย่างโทนน่ะฝึกมาได้ 80 % แต่ในเวลาปกติใช้ออกมาได้แค่ 50 % 60 % ตอนเข้าภวังค์ก็อาจจะดึงสมาธิออกมาได้จนถึง 80 % นั่นแหละ แต่ถ้าไปอยู่ต่อหน้าคนที่เต็ม 100 % ก็เท่านั้น เหตุผลที่โทนสู้รุจน์ไม่ดี เพราะในภาวะปกติ รุจน์เองก็มีความชำนาญ ความเก่ง และประสบการณ์มากกว่าโทนอยู่แล้ว เพราะงั้นไม่ว่ายังไงโทนก็ชนะรุจน์ไม่ได้ มันก็เท่านั้นแหละ ถ้าเป็นสำหรับนักกีฬาสมัยนี้ คงเรียกว่าโซน หรือ เข้าโซนนั่นแหละ





ตอนนั้นแม่พูดขึ้นมาอีกว่า ที่รัชน์บอกว่าบางครั้งโทนก็เคลื่อนไหวแปลกๆ ก็อาจจะเพราะเหตุนั้นก็ได้ แต่เพราะด้านประสบการณ์และพื้นฐาน รัชน์เองก็มากกว่าโทนอยู่แล้ว เพราะงั้นต่อให้โทนใช้สมาธิมากขึ้นก็ทำได้แค่ทัดเทียมหรือเสมอกันเท่านั้น พี่รัชน์ก็พูดครับน้าทิพย์ พ่อทศก็บอกว่างั้นก็คงเข้าใจกันแล้วใช่ไหม เพราะงั้นที่พ่อเขาให้ตามตัวโทนกลับมาในระยะเวลาสั้นๆ เพราะต้องการให้หมกมุ่นอยู่กับการฟื้นร่างกายและฝึกซ้อมเพื่อรื้อคืนทักษะเท่านั้น ไม่ต้องไปสอนอะไรใหม่ๆให้เพราะที่แม่สอนให้มันก็พอแล้ว ถึงโทนจะไปฝึกไปหัดอะไรมามากมาย สุดท้ายคนเราก็จะนึกถึงสิ่งแรกๆอยู่แล้ว พี่แมนก็รีบพูดเลยว่าแม่ครับ.. งานนี้อาจจะต้องมีการปะทะน่ะครับ




แม่บอกว่าไม่เป็นไร ถ้าเป็นไปตามที่พ่อคาดการไว้ยังไงโทนก็จะไม่แพ้ง่ายๆหรอก การต่อยตีที่ไม่มีกติกา มันยิ่งทำให้โทนมีอิสระในการคิด การวางแผน แต่ก็ถ้าถึงขึ้นหักแขนหักขาก็ห้ามๆหน่อยนะ แล้วแม่ก็หัวเราะเบาๆ ง่า บ้านนี้น่ากลัว แล้วพี่แมนก็ถามว่าพ่อทศครับ แต่ว่าพ่อทศไม่เห็นต้องลงทุนซ้อมกับพวกนี้เลยครับ ตอนนั้นพ่อทศก็หัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า พ่อแค่ออกกำลังกายเอง จะให้ยืนสั่งอย่างเดียวพ่อไม่เอาหรอก




และนั่นคือคำที่พ่อทศพูดไว้ ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน ไม่ใช่แล้วพ่อทศ ไม่ใช่แล้วค่ะ คือไฟดับไปแปปเดียว พอมันติดขึ้นมากลายเป็นว่าพ่อซัดพวกญี่ปุ่นลงไปกองแล้วคนนึงแล้วท่าทางดูสบายๆด้วย ส่วนพ่อของเราก็ยังไม่ได้ขยับหนีไปไหน คำพูดที่พ่อทศพูดว่าอย่าเข้ามาตอนมืดๆ เดี๋ยวก็ตายหรอก มันกลายเป็นคำพูดที่น่ากลัวขึ้นมาเลย




ทั้งๆที่น่ากลัวแต่ก็อุ่นใจนะ เราจะเข้าไปหาพ่อยังไงดีล่ะ ตอนนั้นจ๋าบอกแก ! หมิว ! พ่อทศทำอะไรน่ะ เราก็บอกว่าชั้นก็ไม่รู้แก ตายังพร่าอยู่เลย พ่อทศนั่งลงไปสะกิด สะกิด ไม่ตื่น คนนั้นหมดสติไปจริงๆแล้ว ตอนนั้นชิบะก็พูดเลย เราพอจำได้ว่า มีคำที่แปลว่า ตาเฒ่า อะไรประมาณนั้น - จอยมาบอกทีหลังว่า ชิบะพูดว่า แกทำอะไรน่ะตาแก่ – พ่อทศก็ยืนขึ้นขยับปกเสื้อนิดนึง แล้วก็กลับไปยืนข้างๆพ่อเราเหมือนเดิม






เอาล่ะกลับมาที่ผมเล่าบอกแล้วเว้ยยยย อย่าว่าแต่คนอื่นที่ตกใจ ผมนี่ก็ตกใจขนาดสว่างๆแบบนี้ผมยังเก็บพวกมันไม่ได้ซักคน แต่พ่อผมนี่มืดๆแบบนั้นทำไปได้ไงหว่า เดี๋ยวนะ พ่อผม ... ทำอะไรลงไป ทำไมไฟดับไม่ถึง 10 วินาที ไอ้นั้นแม่งนอนลงไปกองแล้วล่ะ แล้วการขยับมือกร่อกแกร่ก แบบนั้น การขยับข้อศอกแบบนั้น หรือว่าหมัดเขวี้ยงควาย เฮ้ยผมไม่ได้เอาฮาตามหนังนักสู้พันธุ์ข้าวเหนียวนะ ผมพูดจริงหมัดเหวี่ยงควายหรือหมัดเขวี้ยงควายมันมีจริงๆนะ ลอง GooGle ได้เลย




พ่อก็ถามมองอะไรไอ้ลูกหมา แล้วคือไฟดับอีก ผมก็พลาดอีกแล้วที่ไม่ได้เตรียมตัว ชิบะแม่งจะย้อนรอยเหตุการณ์วันนั้นนี้หว่า แล้วพอไฟสว่างขึ้นมาอีกที ภาพที่เห็นคือพ่อผมบีบคอการ์ดญี่ปุ่นอีกคนนึงไว้ แล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า จะเล่นซ่อนแอบกับชาวสวนน่ะคิดดีแล้วเหรอไอ้หนู พ่อผมผลักออกไปนะ แต่ไอ้ห่านั่นก็ไม่เลิก มันง้างแตะ กะว่าใส่ก้านคอเลย



พ่อผมยกแขนขึ้นมากัน แต่จังหวะพ่อผมนี่โคตรแม่นเพราะเขาขยับข้อศอกให้มันรับกับหน้าแข้ง จนมันเกิดเป็นแม่ไม้มวยไทยที่ชื่อ



" ปักลูกทอย "







เป็นแม่ไม้สำหรับป้องกัน จริงๆใช้ป้องกันการเตะแหละ แต่ผมหาภาพไม่ได้ พอเจ็บขามันก็ถอย พ่อผมก็บอกว่าดูไว้ไอ้ลูกหมา แล้วคือพอขามันบาดเจ็บจังหวะการเดินมันก็ทื่อลง เหมือนพ่อผมกะเอาไว้แล้ว พอเดินเข้าไปมันก็ง้างหมัดเข้ามา พ่อผมยกแขนซ้ายกันไว้ แล้วเหมือนฟาดท่อนแขนลงที่หน้าอกดังอั้ก !!!!







" ไอ - ยะ - รา ฟาด งวง  "



เฮ้ย !!! เดี๋ยวๆท่านี้พ่อไม่เคยสอน เคยเห็นพ่อทำอยู่แต่พ่อไม่เคยสอน ทำไมมันเหมือนหนังต้มยำกุ้งวะนั้น แล้วดังอั้ก แต่ไอ้ห่านั่นก็อึดชิบมันล้มลงไปนอนกอง แต่ก็ยังไม่หลับ มันลุกขึ้นมาทั้งๆที่เจ็บขานั่นแหละ แล้วไอ้ที่อยู่ใกล้ๆผมมันจะวิ่งเข้าไป ผมก็ก้าวถอย ๆ ๆ แล้วดึงกระชากคอเสื้อมันหมุนตามเข็มนาฬิกา แล้วบิดโมโรเต้ เซโออินาเงะ ทุ่มลงดังอั้ก !!! 







จะเข้าไปหาพ่อกูเหรออย่าเสือก แต่พอผมจะหันไปแล้วหา กลับกลายเป็นว่าไอ้คนเมื่อกี้กระเด็นมาแล้ว เฮ้ย !!! มอญยันหลักหรือเปล่าวะ พ่อยกขาสูงแบบนั้นน่าจะใช่แล้วหล่ะมั้ง




อันนี้หมิวเล่าต่อ ใช่แล้วจังหวะเมื่อกี้ที่โทนก้าวขา Half Circle Step แล้วทุ่มการ์ดคนนั้นไปด้วยท่า morote seoi nage






ทางฝั่งพ่อทศก็เดินไปถีบมอญยันหลักใส่หน้าอกเต็มๆ จนคนตัวใหญ่ถึงกับกลิ้งอ่ะ




อ่ะผมเล่าต่อครับ ไอ้คนนั้นลงมากลิ้งตรงหน้าผม แล้วมันถีบผมเฉยเลย แต่มันช้าผมเลยล็อคขอเท้ามันแล้วหมุนเหวี่ยงทิ้งเลย แล้วด้วยความซวยของมันคือมันกลิ้งไปตรงที่พ่อผมยืนอยู่ ต้องชมว่าไอ้ห่านี่ใจสู้ชะมัด พอมันลุกขึ้นมันก็ปรี่เข้าหาพ่อผมทันที ทั้งๆที่เจ็บขานั่นแหละ พ่อผมโยกหลบแล้วอัปเปอร์คัทเข้าที่สีข้างมันจังๆจนตัวงอ



แล้วพ่อผมจับเหมือนจะตีเข่า แต่ไม่ได้ล็อคคอ พ่อผมจับที่ข้อมือแล้วบิดหมุนสวนทางข้อต่อ จนแขนมันลั่นเลยมั้ง  แล้วจังหวะนั้นพ่อผมก็ตีเข่านะ แต่จุดที่กระทบไม่ใช่ที่ท้อง พ่อผมตีเข่า ซ้าย ขวา ใส่ขาของมันเต็มๆ แบบดังปั้ก ปั้ก เขาเรียกว่า



" หัต ถี ยาด ตรา "







พอจังหวะที่การ์ดแม่งเซถอยมาเพราะความเจ็บที่ขา พ่อผมสืบเท้าซ้ายนำอย่างไว ขวาตาม แล้วตวัดขาขวาเตะเข้าก้านคอแล้วคือตวัดลงเข้าซอกคอโคตรแม่น ผมก็เฮ้ย !!! พ่อผมรู้จักท่าเตะคาราเต้ท่านี้ได้ไง ไอ้การ์ดคนนั้นลงไปนอนกองเลย เฮ้ย !!! สองคนแล้วนะ ที่พ่อผมเก็บไปอ่ะเฮ้ย !!! เดี๋ยวนะ มันไม่ใช่  ไม่ใช่บราซิลเลี่ยนคิ๊ก







เพราะจังหวะของพ่อคือเตะหวดจังหวะเดียว งั้นมันคืออะไรงง พ่อผมก็มองหน้าแล้วถามงงอะไรไอ้ลูกหมา แม่ก็เคยสอนให้ไม่ใช่ไง แล้วจังหวะนั้นเสียงคนก็ตะโกนโทนระวัง ผมรีบม้วนหน้าท่ายูโดที่เรียกว่า สามเหลี่ยม ม้วนมาข้างหน้าเลย ไอ้คนที่โดนผมกระทืบไปตอนแรกมันไม่จบ ไอ้ชิบหายนี่ก็อึดจัง เมื่อกี้พ่อพูดว่าอะไรนะ แม่สอนผมเหรอ สอน สอน เตะ เตะ ...  หรือว่า "นาค ขนด หาง "













 



สุดยอดเลย




Panya Sripaks







pap