ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

พิษสวาทบ่วงบาศกามา ตอน 7

เริ่มโดย Orgasmic writer, กันยายน 06, 2021, 01:12:15 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Kraken5

หลิวจะหลุดรอดไปจากวงจรนี้ หรือว่าจะโดนเรียกมาติวเพิ่มตอนหลังกันนะ???  ::JubuJubu::


จักรวาลต้องห้าม


sfog


rb26dett

อ้างจาก: Orgasmic writer เมื่อ กันยายน 06, 2021, 01:12:15 หลังเที่ยงพิษสวาทบ่วงบาศกามา ตอน 7

ลลิดากลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากที่พักรักษาตัวอยู่นานหลายวัน เธอพยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติ​ ทักทายผู้คนให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้น แต่ลึก ๆ แล้วภายในจิตใจของเธอก็ยังรู้สึกกังวลจนแอบคิดฟุ้งซ่าน​ไปต่าง ๆ นานา ไม่ทันไรเหตุการณ์​ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อลลิดาบังเอิญเดินสวนกับชายผู้ทำลายชีวิตของเธอจนป่นปี้ตรงทางเดินหน้าห้องน้ำ เธอพยายามรีบเดินผ่านเขาไปโดยไม่หันไปสบสายตา จิตใจก็เต้นโครมครามด้วยความลุ้นระทึก จนทั้งคู่ได้เดินพ้นกันไปอย่างเงียบ ๆ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่แล้วสุขุมก็เอ่ยปากพูดขึ้นด้วยเสียงที่ช่าง​น่ากลัวดั่งน้ำเสียงพญามัจจุราชจนลลิดาสะดุ้งเฮือกราวกับถูกฟ้าผ่าลงมากลางใจ

"อาการป่วยดีขึ้นแล้วหรอครับหลิว?" สุขุมเปิดด้วยถามคำถามครึ่ง ๆ กลาง ๆ ที่ลลิดาเดาทางได้ยากว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก

"ดะ ดะ ดีขึ้นมากแล้วค่ะ" ลลิดาตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนอยากจะร้องไห้ และลุ้นระทึกว่าสุขุมจะพูดสิ่งใดต่อหลังจากนี้

"ดีแล้วครับ ถ้ายังไม่หายดีก็อย่าเพิ่งโหมทำงานหนักล่ะ" สุขุมพูดเสริมอีกเพียงหนึ่งประโยคแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น ทิ้งให้ลลิดาที่ยังตกใจกลัวยืนตัวสั่นอยู่ตามลำพัง

[หรือเราจะคิดมากเกินไป เขาอาจจะทำตามสัญญาที่จะไม่มายุ่งกับเราอีกแล้วก็ได้]� หลิวคิดในใจ

.
.
.

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องทำงานของมนัสนันท์ดังขึ้น พร้อมการปรากฎตัวของสุขุมที่ในมือแบกเอกสารมาให้เซ็นอย่างเช่นเคย

"เข้ามาได้เลยค่ะ" มนัสนันท์ไม่ได้รู้สึกเฉลียวใจอะไรที่สุขุมชอบนำเอกสารมาด้วยตัวเอง เพราะเหตุผลที่เขาเคยอ้างมันก็ฟังดูเป็นเหตุเป็นผล จนตอนนี้มันแทบจะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของคนทั้งสองไปแล้ว แต่พอสุขุมเดินเลี้ยวเข้าห้องไปก็ต้องพบกับความผิดหวัง ที่ในวันนี้เจ้านายสาวกลับใส่ชุดที่ค่อนข้างมิดชิด จนเขาคงชวดเห็นของดี

"ตกลงตอนนี้เราได้สถานที่จัดสัมมนาแล้วหรือยังคะ?" ระหว่างกำลังจรดปลายปากกาวาดเส้นลายมือชื่อของตนเองอยู่นั้น มนัสนันท์ก็ถามถึงความคืบหน้าเรื่องสถานที่ที่จะใช้จัดสัมมนาของสายงานในอีก 3 เดือนข้างหน้าจากสุขุม

"ก็กำลังหาที่ที่เหมาะสมอยู่ครับ"

[เหมาะสมกับเราทั้งสองคนน่ะ] สุขุมคิดในใจ จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังคงหาสถานที่จัดสัมมนาไม่ได้ เพราะมัวแต่จะหาที่พักแบบบังกะโลที่แต่ละหลังตั้งอยู่ไม่ติดกันมาก เผื่อเขาจะมีจังหวะได้ลงมือกระชับความสัมพันธ์ฉันท์ผัวเมียกับเจ้านายสาวตรงหน้าได้ 

"ดูทุกคนจะคาดหวังกันไว้มากเลยนะคะ ก็พี่สุขุมเล่นบรรยายซะขนาดนั้น" มนัสนันท์พอรู้ว่ายังไม่ได้สถานที่ ก็มีความกังวลใจอยู่ลึก ๆ เพราะสุขุมเล่นบรรยายภาพขายฝันไว้ซะกลางที่ประชุม

"ไม่ต้องเป็นห่วงครับคุณมาย ผมจะหาที่พักที่ถูกใจทุกคนให้ได้ทันเวลาแน่นอน" สุขุมยังมั่นใจว่าเขาจะสามารถหาที่พักที่เหมาะเจาะตรงความต้องการของเขาได้ทันกาล

"ว่าแต่คุณมายชอบแบบไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ"

"ถ้าได้ที่ที่เงียบสงบอย่างที่พี่สุขุมว่าก็คงจะดีค่ะ" มนัสนันท์ไม่ขออะไรมากไปกว่าสถานที่ที่เงียบสงบให้เธอได้ใช้เวลาพักผ่อนจิตใจจากความเหนื่อยล้าได้อย่างแท้จริง

"โอเคครับ" เป็นคำตอบที่ช่างเข้าทางสุขุมซะเหลือเกิน เขาอยากจะให้มันเงียบเชียบจนเหลือแค่เธอและเขาเพียงสองคนเท่านั้นถ้าเป็นไปได้

.
.
.

สำหรับลลิดาทุกอย่างในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นปกติ ทั้งเจ้านายและเพื่อนร่วมต่างก็ปฏิบัติตัวกับเธอเหมือนที่เคยเป็นมา สิ่งที่ไม่ปกติเพียงสิ่งเดียวในตอนนี้คือจิตใจของเธอ ที่ยังรู้สึกหวาดระแวง​อยู่ตลอดเวลา สายตาของหนุ่ม ๆ ในออฟฟิศที่มองมาหาเธอเพราะความสวยจับใจบนใบหน้าก็ยังเป็นสายตาเช่นเดิม แต่มันกลับทำให้ลลิดาทึกทักไปเองว่าพวกเขาอาจจะเป็นคนที่ร่วมวงกินโต๊ะเธออยู่ในคืนนั้น หรือพวกเขาอาจจะรู้เรื่องราวคาวสวาทและกำลังซุบซิบนินทาเธออยู่ จิตใจที่สั่นไหวไปกับสิ่งเร้ารอบข้างทำเอาหลิวแทบไม่มีสมาธิในการทำงาน รายงานหนึ่งหน้ากระดาษ A4 ที่ควรใช้เวลาตรวจสอบแค่หลักนาที แต่เธอกลับใช้เวลากับมันไปเป็นชั่วโมง หลิวนั่งเหม่อคิดวกวนซ้ำไปซ้ำมา จนเพื่อนร่วมมาเดินมาเรียกไปทานอาหารกลางวัน

"หลิว หลิว" แพร เพื่อนร่วมแผนกของลลิดายืนเรียกหลิวเพื่อลงไปหาอะไรทาน แต่ดูเหมือนผู้ถูกเรียกจะไม่ได้ยินแม้เธอจะยืนอยู่ใกล้ในระยะเอื้อมมือสัมผัสถึง

"ค๊ะ!!" ลลิดาสะดุ้งตัวโยนหลุดออกจากภวังค์เมื่อถูกมือของแพรมาสะกิดเรียก

"แพรจะชวนไปกินข้าวน่ะ ทำไมสีหน้าหลิวดูไม่ค่อยดีเลย ยังไม่หายดีหรือเปล่า?" แพรเห็นเพื่อนเหม่อลอย ใบหน้าก็ซีดฝาดจึงรู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้

"ดีขึ้นเยอะแล้วแพร ป่ะ ลงไปหาอะไรทานกัน คิดถึงก๋วยเตี๋ยวร้านหัวมุมจะแย่อยู่แล้ว" ลลิดาพยายามกลบเกลื่อนความผิดปกติของตนเองด้วยการแสดงใบหน้าที่ร่าเริง เพื่อไม่ให้ใครสังเกตุพิรุธได้

หากบอกว่าการทานอาหารกลางวันครั้งนี้ดูจะเป็นการทานที่ลำบากใจที่สุดในชีวิตของหลิวก็คงไม่เกินจริงไปมากนัก เพราะเธอต้องเผชิญกับผู้คนจำนวนมากทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก โดยมีสายตาหลายคู่จับจ้องมองมาที่เธอเป็นตาเดียวกัน จนก๋วยเตี๋ยวร้านโปรดที่เธอกินไม่เคยเหลือ ก็ถูกทิ้งจนเส้นขึ้นอืดเพราะทานไม่ลง

"ทำไมทานน้อยจัง อิ่มแล้วหรอหลิว?" แพรเห็นเพื่อนของเธอทานอาหารได้เพียงหยิบมือก็อดที่จะทักไม่ได้

"เหมือนอยู่ ๆ ก็ปวดหัวน่ะ เดี๋ยวบ่ายเราขอตัวกลับก่อนนะ ฝากบอกหัวหน้าให้ที" หากเป็นอย่างนี้ต่อไปเธอคงต้องประสาทกินแน่ ๆ อีกทั้งงานก็ไม่เดิน ลลิดาจึงตัดสินใจว่าจะขอลางานช่วงบ่าย โดยไหว้วานให้เพื่อนช่วยแจ้งหัวหน้างานให้ ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะไปอย่างร้อนลน

หลิวหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาแฟนหนุ่ม ซึ่งแม้ตอนนี้จะยังเป็นเวลาที่กฤษณ์ทำงานอยู่ แต่เธอก็พยายามใช้น้ำเสียงอันออดอ้อนผสมผสานกับความน่าสงสารจนแฟนหนุ่มใจอ่อนและจะขับรถมารับ หลิวคิดว่าการที่ได้มีเขาอยู่ข้าง ๆ น่าจะทำให้เธอหายคิดฟุ้งซ่านได้บ้าง ระหว่างที่รอกฤษณ์มารับ หลิวจึงหนีขึ้นไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองเพราะไม่อยากพบปะเจอหน้าผู้คนจนคิดสะระตะให้จิตตก ผ่านไปประมาณสิบห้านาทีแฟนหนุ่มก็โทรมาหาเพื่อให้หลิวลงไปรอข้างล่าง เธอรีบร้อนหยิบกระเป๋าจนเผลอทำกุญแจหล่นลงพื้นอย่างไม่รู้ตัว

"อ้าว ยังไม่กลับอีกหรอหลิว?" แพรที่ทานอาหารเรียบร้อยและขึ้นมาจังหวะพอดีกับที่หลิวกำลังจะลงลิฟท์ จึงถามไถ่อย่างเป็นห่วง

"กำลังจะไปแล้วแพร หลิวฝากบอกหัวหน้าหน่อยนะ" หลิวยื่นมือไปเกาะกุมมือเพื่อนสาวและส่งสายตาอ้อนวอน

"ได้ซิ ไม่มีปัญหา หายไวไวนะหลิว พักผ่อนเยอะ ๆ" แพรรับฝากด้วยความยินดี และเดินกลับมายังโต๊ะทำงานของตน จนสายตาเกิดไปสะดุดอยู่ที่กุญแจที่ลักษณะคล้ายกุญแจบ้านตกอยู่ข้างโต๊ะทำงานของหลิว เธอจึงรีบก้มหยิบมันและวิ่งตามหลิวไป แพรลงลิฟท์มาจนถึงชั้นล่างและมองเห็นหลิวเดินอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก จึงพยายามรีบเดินตามจนระยะใกล้พอที่จะเรียกหลิวแล้ว แต่สุดท้ายเธอก็ต้องหยุดชะงักเมื่ออยู่ ๆ รถที่รู้สึกคุ้นตามาจอดตรงหน้าหลิวและรับเพื่อนของเธอไป แพรยังยืนครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะนึกได้รีบโทรหาหลิวเรื่องกุญแจ

"ฮัลโหลแพร" ลลิดารู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นแพรพรรณโทรมาหาทั้งที่เพิ่งจะแยกจากกันเมื่อสักครู่

"หลิว หลิวทำกุญแจบ้านตกหรือเปล่า? เราเจอกุญแจตกอยู่ตรงโต๊ะของหลิวน่ะ" แล้วหลิวก็ถึงบางอ้อถึงสาเหตุที่เพื่อนของเธอโทรมาหา

"โอ๊ะ!! จริงด้วยแพร ทำไมหลิวซุ่มซ่ามแบบนี้นะ" หลิวรีบค้นดูกุญแจในกระเป๋าสะพายก็หาไม่เจอ จึงคิดว่านั่นคงเป็นกุญแจคอนโดของเธอแน่ ๆ

"หลิวยังอยู่ออฟฟิศไหม เดี๋ยวเราเอาไปให้ก็ได้นะ" แพรพรรณทั้งที่เห็นว่าลลิดาขึ้นรถไปแล้วกับตา แต่ก็ยังแกล้งถามเสมือนตัวเองไม่ได้เห็นเหตุการณ์

"หลิวขึ้นรถแท็กซี่มาแล้วนะสิ เดี๋ยวหลิวไปขอกุญแจสำรองมาใช้ก่อนก็ได้" ลลิดาที่แม้จะนั่งอยู่ในรถหรูของกฤษณ์ แต่เธอกลับหลอกไปว่าตนเองขึ้นแท็กซี่ออกมาด้วยเหตุผลบางอย่าง

"อ๋อ โอเค งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เราเอาให้นะ" แพรรู้สึกประหลาดใจในคำตอบของเพื่อนร่วมงาน แต่ก็ต้องพูดเออออกลับไป ก่อนจะกดวางสาย

[ทำไมหลิวต้องโกหกเราด้วย?] เป็นคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจของแพรพรรณในตอนนี้

ขณะที่ในรถหรูหลังจากลลิดาวางสายจากเพื่อนไปแล้ว กฤษณ์ก็เอ่ยสอบถามเธอด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ

"ไม่มีใครเห็นใช่ไหมครับ?"





LoveU2017


bybee



Minerality