ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

สมิงน้ำมัน ภาค ตะละแม่สุธาริณี

เริ่มโดย manutnammun, พฤศจิกายน 09, 2024, 03:50:30 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

manutnammun

ตอน ยาตราทัพ

ศุภมัสดุ พระพุทธศักราช 2544 ปีมะเส็งนักษัตรสัปตศก ลุวันขึ้น 12 ค่ำ เดือนแปด สมิงน้ำมันได้รับหนังสือจากเมงจะสอด ความว่า

......เราเมงจะสอดขออวยพรมายังพี่ท่านสมิงน้ำมัน ด้วยแต่เดิมที่ข้าพเจ้าได้แต่งภรรยาไประยะเวลาหนึ่งนั้น   มิได้ออกท่องเที่ยวแลทำสงครามกับน้อง ๆ มานาน   ในวันนี้ ข้าพเจ้าได้รับใบเบิกทางจากภรรยาให้สามารถกลับสู่เคหาได้ในเวลายามวิกาล จึงแต่งหนังสือมายังพี่ท่านเพื่อชักชวนเดินทางสู่ศึกสงครามร่วมกัน อนึ่งด้วยข้าพเจ้านั้นเปรียบคนค่อมชงฆาสั้น จะข้ามแม่น้ำที่ลึกกว้างไปหาน้องนางนั้นมิได้ เห็นแต่พี่ท่านผู้เดียวซึ่งจะเป็นสำเภายนต์ช่วยส่งข้าพเจ้าให้ข้ามพ้นถึงน้องอย่างปลอดภัย ถ้าพี่ท่านจะช่วยสงเคราะห์ได้หรือมิได้ประการใด ขอให้มีหนังสือถึงข้าพเจ้าแต่พอได้ทราบ......

สมิงน้ำมันได้แจ้งความในหนังสือดังนั้นแล้วก็ยินดีหาที่เปรียบมิได้ จึงแต่งหนังสือออกไปถึง  ลักษณะความในหนังสือนั้นว่า

.......เราสมิงน้ำมันขออวยพรมายังท่านเมงจะสอด ด้วยทุกวันนี้ข้าพเจ้าคิดถึงท่านอยู่เป็นอันมาก  ในเมื่อท่านได้รับใบเบิกทางจากภรรยา จงอย่าช้าให้เสียประโยชน์  เร่งมาถึงแต่ข้าพเจ้าโดยเร็วเถิด ความที่ท่านต้องการให้ข้าพเจ้าเป็นสำเภายนต์นำท่านสู่น้องนางนั้นจงอย่าวิตก  ข้าพเจ้ายินดีรับอาสาให้สำเร็จดังที่ท่านประสงค์ให้จงได้.........

ครั้นเมงจะสอดได้แจ้งในหนังสือนั้นแล้ว ยินดีดั่งราวกับได้ทิพยสมบัติ รีบเร่งมาพบแลร่วมทางด้วยพาหนะเดียวกัน ตรงไปยังเรือนแห่งนารี ครั้นเมื่อถึงจุดหมาย  หลังจากเล็งแลไปยังนารีแต่ละนางแล้ว    เมงจะสอดจึ่งว่า ข้าพเจ้ายังไม่พบปะนารีใดโดนจิตใจของข้าพเจ้าแม้แต่น้อย ฤาพี่ท่านเลือกนางใดได้   อย่าได้รั้งรอข้าพเจ้าให้เสียเวลานานเกินควรเถิด
 

สมิงน้ำมันได้สดับฟังเมงจะสอดดังนั้นจึ่งว่า ท่านเมงจะสอดไยจักยกให้ข้าพเจ้าทำสงครามแต่ผู้เดียวเล่า ในเมื่อท่านมิพึงใจอิสตรีอันเนาอยู่ในเรือนนี้ ข้าพเจ้าจักนำพาท่านไปสู่เรือนอื่นที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อเฟ้นหานารีร่วมรบกับท่านให้จงได้  ซึ่งผังภูมิประเทศในละแวกใกล้เคียงนี้  ยังมีเรือนอื่นรอให้ท่านตระเวณทัศนาอยู่

เมงจะสอดฟังตลอดแล้วเหมือนคนไข้ได้ยาทิพย์  ที่หน้านิ่วเพราะพิษโรคพบน้องไม่สมฤทัยรุมเร้าระบมนั้นหายไปในฉับพลัน    ใบหน้าแลด้วยรอยยิ้มระรื่น  พลางว่า   เมื่อเป็นเช่นนั้น  พี่ท่านสมิงน้ำมันจักช้าอยู่ไย วานจงเร่งนำทางข้าพเจ้าไปยังเรือนทั้งหลายที่ว่านั้นโดยเร็วเถิด

สมิงน้ำมันได้ฟังเมงจะสอดกล่าวความก็หัวเราะแล้วว่า เราพากันเดินไปโดยพักพาหนะไว้เสียแต่ที่นี้ มิต้องนำพาไปให้ยุ่งยาก เมื่อไปเรือนใดแล้ว ท่านมิพบพานน้องใดโดนใจ จงเร่งส่งสัญญาณสายตาให้ข้าพเจ้าเพื่อเปลี่ยนไปยังเรือนอื่น  ข้าพเจ้าจักได้กระทำตามสัญญาณที่ท่านบ่งบอกมา

เมงจะสอดจึ่งออกจากเรือนเงาลางนั้นไปกับสมิงน้ำมัน     สำรวจชัยภูมิเรือนรถาแล้วหาพบพานน้องนางผู้ถูกใจไม่ จึ่งพากันไปเรือนนารี   ครั้นเมื่อนั่งยังโถงรับอาคันตุกะ ก็สะดุดตาสาวน้อยนางหนึ่ง กระซิบกับสมิงน้ำมันว่า   ข้าพเจ้าเฟ้นหาอิสตรีที่จะร่วมรบพบพานแล้ว  พี่ท่านเล่าแลเห็นเค้ามูลบ้างแล้วหรือไม่ประการใด

สมิงน้ำมันฟังดั่งนั้นก็แจ้งมัคคุเทศก์ให้ติดตามสาวในชุดหนังฟอก (ยีนส์)  ที่เดินผ่านพ้นสายตาไปเมื่อครู่มา พลางว่า  ท่านเมงจะสอดมิต้องเป็นห่วงกังวล ข้าพเจ้าเล็งนางนี้ไว้แล้ว เชิญท่านกับแม่นางที่เลือกไว้แยกย้ายกันไปสู่สมรภูมิเถิด เมื่อรู้ผลแพ้ชนะแล้ว กลับมาพบกันที่นี้เพื่อเดินทางกลับโดยพร้อมกัน เมงจะสอดก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นพ้องกับวาจา


manutnammun

ตอน ตะละแม่ผู้เลอโฉม

ในระหว่างทางเดินสู่สมรภูมิ  สมิงน้ำมันประสานมือกับตะละแม่ไว้  พลางใช้นิ้วชี้เขี่ยอุ้งมือเป็นเชิงทักทาย    ตะละแม่ผู้เลอโฉมนั้นเบือนสายตามาประสบ ยิ้มอยู่พลางเปล่งเสียงพร้อมพยักหน้ารับว่า ค่ะ  สมิงน้ำมันฟังดั่งนั้นก็คึกคะนองอยู่ในใจ  ใช้นิ้วเขี่ยอุ้งมืออีกหลายครั้ง  สาวเจ้าก็อมยิ้มผงกศีรษะแลรับคำว่า ค่ะ ทุกครั้งไปเป็นที่สนุกสนานทั้งผู้เขี่ยและผู้ถูกเขี่ย

เมื่อถึงยังห้องแล้ว สมิงน้ำมันจึ่งถามว่า ตะละแม่มีนามว่าอันใด แลเนาอยู่แห่งใดหรือ  ตะละแม่ก็แย้มยิ้มพลางเอ่ยว่า ข้าพเจ้ามีนามว่าสุธาริณี   ถิ่นเดิมนั้นอยู่เบื้องไกลโพ้นจากกรุงเทพฯ ราชธานีหลวง   แล้วพี่ท่านเล่า มีนามใด มาแต่หนใด   สมิงน้ำมันจึ่งว่า ข้าพเจ้ามีนามว่าสมิงน้ำมัน อาศัยอยู่ใจกลางกรุงฯ แลเดินทางมายังเรือนนี้หลังจากเสร็จภาระกิจการงานประจำวัน เพื่อค้นหาสาวงามอันพึงปรารถนา  เมื่อข้าพเจ้าเดินทางมาถึงที่นี้ เพียงตะละแม่เดินผ่านสายตา  ข้าพเจ้าบังเกิดความรู้สึกดั่งศรเสียบทรวง  ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนั้นเกินกว่าจะหักห้ามใจไว้ได้ ต้องส่งเสียงร้องให้มัคคุเทศก์ช่วยนำพาแม่นางให้มาพานพบ

ตะละแม่สุธาริณีแย้มยิ้มด้วยความชอบใจ แลว่า    สงสัยพี่ท่านจักทานน้ำผึ้งต่างอาหารเป็นแน่แท้  คำพูดจึ่งได้หวานจับใจผู้รับฟังเป็นยิ่งนัก  สมิงน้ำมันจึ่งว่า  แม่นางเอย คำพูดที่ข้าพเจ้ากล่าวนั้นกลั่นออกมาจากใจ หาใช่พูดเพราะเพียงเล่ห์ลิ้นคารมไม่ วานแม่นางวางมือไว้ตรงดวงใจของข้าพเจ้า จักสัมผัสถึงจังหวะเต้นที่ร่ำร้องแต่เพียงคำว่า ชอบ ชอบ ชอบ แลชอบ ตะละแม่ผู้นี้   ตะละแม่สุธาริณีขวยเขินสะเทิ้นอยู่ภายในใจ ค้อนคมให้แลว่า   ที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า พี่ท่านทานน้ำผึ้งนั้นเกรงว่าจักน้อยไปเสียแล้ว วานท่านถอดเสื้อผ้าลงน้ำพร้อมข้าพเจ้าเถิด  เผื่อว่าความหวานจักละลายลดลงได้บ้าง  สมิงน้ำมันฟังดั่งนั้นก็หัวเราะก่อนกระทำตามคำบอกของตะละแม่

จากสายตาแห่งสมิงน้ำมันอันจับจ้องไปยังเรือนร่างของตะละแม่สุธาริณียามปราศจากพัสตราภรณ์นั้น แลดูอิ่มในที่ควรจะอิ่ม แลดูอวบในที่ควรจะอวบ ผิวเนียนสีน้ำผึ้งละออตา ยวนใจชายให้ใหลหลง ยามเมื่อใช้สองแขนสองมือลูบไล้ทำความสะอาดร่างกายนั้นเล่า ทรวงอกก็ไหวสะท้อนขึ้นลงเป็นที่เพลินตาเพลินใจยิ่งนัก

หลังจากเช็ดเรือนร่าง แลก้าวกลับมายังแท่นยี่ภู่แล้ว   ตะละแม่กล่าวต่อสมิงน้ำมันว่า ข้าพเจ้าใคร่ขอร้องพี่ท่านประการหนึ่ง  พี่ท่านพอจะให้แก่ข้าพเจ้าได้หรือไม่   สมิงน้ำมันจึ่งว่า แม่นางสุเอย สิ่งใดที่ท่านต้องการ วานเร่งแจ้งข้าพเจ้ามาเถิด   ตะละแม่ยิ้มพรายพลางว่า  ข้าพเจ้าใคร่ขอสำเร็จกิจกรรมยามหฤหรรษ์โดยอยู่เบื้องบนพี่ท่านก่อนจะได้หรือไม่   สมิงน้ำมันแย้มยิ้มกล่าวตอบ ข้าพเจ้านึกว่าจะเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนประการใด  ด้วยเรื่องเพียงเท่านี้ ข้าพเจ้ายินดีกระทำตามความพึงพอใจของแม่นางโดยไม่อิดเอื้อนแม้แต่น้อย

ตะละแม่สุธาริณีได้ฟังถ้อยคำอนุญาตแล้ว จึงเข้าเล้าโลมยังส่วนกลางลำตัวอาชาของสมิงน้ำมันจนตั้งตระหง่านก่อนสวมใส่อานแลขึ้นควบสู่จุดหมาย ระหว่างขยับแลโยกตัวยามอยู่บนลำตัวของสมิงน้ำมัน ตะละแม่ใช้มือซ้ายลูบคลำเรือนร่างด้านบนของตนเอง แลใช้นิ้วในมือขวาไหวระริกยังจุดกลางของลำตัวขณะที่ควบอาชาของสมิงน้ำมันอยู่   ตราบจนวาระถึงสู่จุดหมายปลายทาง   ตะละแม่เชิดใบหน้าขึ้นสู่ด้านบนก่อนโถมเบื้องล่างของตนบดขยี้อาชาอย่างเมามันทั้งที่ยังอยู่ในท่านั่งจนสงบนิ่ง

เมื่อแลเห็นตะละแม่สุธาริณีบรรลุจุดหมายแล้ว  สมิงน้ำมันจึ่งใช้สองแขนโอบลำตัวตะละแม่ไว้  แล้วผ่อนร่างให้ตะละแม่ลงนอน  พลางเริ่มไซ้อกของตะละแม่ที่ตั้งเต้าอยู่นั้นไปรอบทักษิณาวัตร โดยยึดจากยอดเกสรเป็นจุดศูนย์กลาง  ริมฝีปากเริ่มดื่มด่ำถันราวทารกที่กระหายกษิรธาราจากเต้าแห่งมารดร  ปลายลิ้นระริกวนเวียนอยู่เบื้องปลายเกสร  ฟันที่ขบเบา ๆ ลงยังโดยรอบแห่งปทุมราวจะเฟ้นหาสิ่งที่ต้องการแต่กลับหาพานพบไม่  ปลายทนต์ส่วนบนจึ่งเข้าสะกัดกั้นยอดเกสรไว้   แล้วใช้ลิ้นดุนดันแลบเลียเกสรจากโคนสู่ปลายอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ในแต่ละครั้งที่ทำการ  ตะละแม่สุธาริณีสูดลมหายใจเข้าเบื้องลึก แอ่นอกขึ้นเบื้องสูงประหนึ่งมิรู้สึกตน  พลางครวญครางอย่างแผ่วเบาอยู่ในลำคอ



manutnammun

ตอนสัญญาณเภรี

เมื่อแลเห็นตะละแม่พ่ายกลศึกพยุหะชัยยะปทุม สมิงน้ำมันจึ่งโถมอาวุธทั้งที่ยังคงสวมใส่ฝักเข้าสู่จุดสำคัญของตะละแม่ พลางแทงซ้ายทะลวงขวาอย่างไร้ปรานี แม้ตะละแม่จักร้องครวญครางโอดโอยอยู่เบื้องหน้าก็ตาม   ระหว่างที่ประดาบด้วยความฮึกเหิมนั้น   สมิงน้ำมันพลันแว่วเสียงสัญญาณเภรี (เสียงกริ่งโทรศัพท์มือถือ) ตีดังมาจากทัพหลัง   จึ่งตระหนักว่า ถ้าแม้นมิใช่เมงจะสอด ก็ย่อมจะต้องเป็นขุนพลทวนทู่อันประจำอยู่เมืองไกลส่งสัญญาณมาเป็นแม่นมั่น   แต่ครั้นยามนี้ จะถอนทัพกลางศึกที่ติดพันอยู่เพื่อรับสารที่ส่งมา ย่อมมิบังควรต่อวิสัยอันพึงแก่การกระทำแห่งชายชาติสมิงที่แก่กล้าไปด้วยเขี้ยวเล็บอาคม

เมื่อตรึกตรองดั่งนั้น สมิงน้ำมันจึ่งไม่รอช้า   เร่งกระหน่ำดาบหมายให้ศึกที่รบอยู่นั้น รู้ผลแพ้แลชนะให้รวดเร็วขึ้น  เสียงเภรีที่แว่วมาไม่หยุดยั้งเสมือนเสียงเร่งให้รีบทำการ   เสโทแห่งสมิงน้ำมันเริ่มรินหลั่งไหลเป็นสายธารหยดหยาดทั้งใบหน้าแลลำตัว   ตะละแม่สุธาริณีซึ่งนอนพริ้มตาอยู่ หายินยอมเปิดสายตาเพื่อรับรู้สถานการณ์ที่บังเกิดขึ้นไม่  ยังคงบิดกายเขม็งเกลียวรองรับอาวุธจากสมิงน้ำมัน  จวบจนทนพิษบาดแผลที่กำเริบขึ้นมามิได้  ต้องส่งเสียงร้องครวญครางแลแน่นิ่งไปอีกครั้งพร้อมเสียงสัญญาณที่ขาดหายในขณะเดียวกัน

สมิงน้ำมันถอนดาบที่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดน้ำออกจากลำตัวของตะละแม่   แลก้าวไปยังทัพหลังเพื่อหยิบเภรีมาวางไว้ข้างตัว พร้อมที่จะรับข่าวสารอันส่งมาอีกครั้ง  แต่สัญญาณหาส่งมาไม่  จึ่งวางเภรีไว้ที่ข้างกาย  แลจับตัวตะละแม่ที่นอนระทวยให้อยู่ในท่าที่สามารถรุกประชิดจากด้านหลัง  พลางกวัดแกว่งอาวุธที่ค้างคาอยู่เมื่อครู่เข้าจุดสำคัญของตะละแม่อีกครั้ง   กระจกฝรั่งที่ติดตั้งอยู่เบื้องหน้าอีกทั้งเบื้องข้างแลเงาสะท้อน ให้เห็นสมิงน้ำมันกำลังคุกเข่าลงดาบประหนึ่งเลือดเดือด  ตะละแม่ก้มศีรษะแลเอนลำตัวส่วนบนซบลงกับแท่น  หายอมส่งเสียงร้องแต่ประการใดไม่

เบื้องนั้น การสัประยุทธกระทำกันอย่างดุเดือด สมิงน้ำมันรบกับตะละแม่ด้วยใจเริง   ครั้นต่อมือกันอยู่ครู่ใหญ่  เสียงเภรีพลันส่งสัญญาณบอกข่าวมาอีกครา  คราครั้งนี้เภรีถูกตระเตรียมวางไว้อยู่ข้างกาย   สมิงน้ำมันจึ่งหยิบขึ้นรับสารอันมาจากขุนพลทวนทู่ได้โดยง่าย  แต่อาวุธที่เมื่อครู่รุกได้อย่างรวดเร็วก็กลับเชื่องช้าลง   ตะละแม่อ่านอาการทั้งนี้ด้วยอากัปกิริยาออก  จึ่งกระหน่ำแรงจากด้านหลังแลโหมกำลังเร่งตอบกลับด้วยตะโพกที่โยกย้อน    สมิงน้ำมันนั้นเล่า มือหนึ่งถือเภรี มือหนึ่งเกาะกุมเบื้องท้ายตะละแม่   แม้จะขาดความถนัด พะวักพะวงอยู่สองฝ่ายก็ตาม แต่ยังรักษาทัพไว้ได้อย่างมั่นคง มิได้ถอยร่นเสียกระบวนแต่ประการใด
       
การเจรจาส่งข่าวจากขุนพลทวนทู่ใช้เวลาครู่ใหญ่    สมิงน้ำมันเกรงจักเสียเชิงชาย จึ่งแจ้งต่อขุนพลว่าสารอันส่งมานั้นจักรับเพิ่มเติมในภายหลัง    ครั้นวางเภรีลง  สองมือจึ่งพลิกวางยังเบื้องเอวด้านบนของตะละแม่ได้ถนัด  พลางโต้กลับอย่างคล่องแคล่ว   กรอกอาวุธทั้งด้านซ้ายแลขวาชุลมุนเป็นเพลงเร็ว   เมื่อสบช่องได้เชิงถนัดแล้ว  จึ่งจ้วงคมดาบลงเบื้องลึกดื่มด่ำ   ร่างของตะละแม่พลันสั่นสะท้านแลเอนกายซวนซบลงบนแท่นยี่ภู่

หลังจากสมิงน้ำมันถอนอาวุธ   ตะละแม่จึ่งพลิกตัวลงนอนก่อนก้าวลงจากแท่นบรรจถรณ์  เยื้องย่างเพียงสองสามก้าวจึ่งลงนั่งพักพิงพนักเบาะนวม แย้มยิ้มหัวเราะแลว่า เดิมข้าพเจ้านั้นประมาทพี่ท่านสมิงน้ำมันไว้ในใจว่า หลังเสร็จกิจพี่ท่านคงมีอาการเข่าอ่อนล้า ไม่สามารถเดินเหินได้ฉับพลันทันที หาคาดไม่ว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าคาดการณ์นั้นกลับบังเกิดขึ้นแก่ตัวข้าพเจ้าเอง  แต่ข้าพเจ้าได้กำไรจากพี่ท่านมากกว่า โดยที่พี่ท่านได้เพียงหนึ่ง   ข้าพเจ้าสิได้ถึงสาม

สมิงน้ำมันปรนถ้อยโลมว่า แม่นางสุเอย แม้นข้าพเจ้าจะได้เพียงหนึ่ง แต่เป็นหนึ่งที่ข้าพเจ้าหฤหรรษ์ยินดีเสมอได้เสพย์ผลไม้ต้องห้าม อันตัวพึงประจงห่อแต่ครั้งลูกยังน้อย ๆ แล้ว ยามสุกงามเต่งงอมได้ที่ ก็ปลิดลงด้วยมือตนเอง  รสแห่งผลไม้นั้นเอมโอชโดยธรรมดาโลกอย่างหนึ่ง  และเอมโอชอย่างอื่นเกิดแต่คอยจับตาสังเกตรูปพรรณสัณฐานแห่งผลไม้เตือนความกระหายให้บังเกิดอีกเล่า  ผลไม้ต้องห้ามนั้นก็เลิศรสสบปากสบใจยิ่งกว่าผลไม้สามัญ  แม่นางสุนั้นประหนึ่งผลไม้ต้องห้ามดังที่ข้าพเจ้าเปรียบเปรยไว้

ตะละแม่สุธาริณีฟังกระนั้นบังเกิดความยินดีในดวงจิตหาที่เปรียบมิได้  ชักชวนสมิงน้ำมันให้อาบน้ำร่วมกันอีกครั้งก่อนจัดกระบวนทัพกลับแลร่ำลากันด้วยความอาลัย


manutnammun

ตอน ภาษิตที่ควรพิจารณา

หลังแยกจากตะละแม่แล้ว    สมิงน้ำมันจึ่งรอเมงจะสอดตามนัดหมาย   ยามเมื่อพบปะกลับแลเห็นใบหน้าของเมงจะสอดส่อแวววิตกกังวลอยู่  เมงจะสอดกล่าวแก่สมิงน้ำมันว่า อันใบเบิกทางที่ภรรยาให้ข้าพเจ้ามานั้น สามารถกลับในยามวิกาลก็จริงอยู่  แต่ยามนี้ผิดเวลาไปมากนัก  ข้าพเจ้าจึ่งเป็นกังวลด้วยเหตุฉะนี้  สมิงน้ำมันหัวเราะแลว่า ไยท่านต้องวิตกดั่งราวท่านมิเคยมุสาภรรยามาก่อน  ข้าพเจ้าจักเล่าภาษิตที่ยึดถือไว้อันประกอบด้วยอุบายกับน้องสี่ประการ คุณตัวเองแปดประการ แลมุสาภรรยาเก้าประการให้ท่านฟัง

อันอุบายกับน้องสี่ประการนั้น   สามัญญอุบาย  คือ  รู้หลักการทั่วไปในการทำสงครามกับน้อง ๆ หนึ่ง นิกะอุบาย คือ รู้ประกอบฤกษ์พานาทีที่จะได้และเสียกับน้อง ๆ หนึ่ง  เล่ห์อุบาย คือ รู้ในเล่ห์กลต่าง ๆ ของน้อง ๆ หนึ่ง  ธนะอุบาย คือ รู้อุบายที่จะขวนขวายต่อรองราคากับน้อง ๆ หนึ่ง เป็นสี่ประการด้วยกัน

และคุณตัวเองแปดประการนั้น  สิเนหะทัสสะนา คือ เห็นน้องแล้วให้มีจิตเมตตารักใคร่หนึ่ง สัจจัง คือกล่าวถ้อยคำเป็นสัตย์เที่ยง มิได้ลำเอียงเข้าด้วยน้อง ๆ หนึ่ง   อะวิโรธะนัง คือ มิได้เบียดเบียนน้อง ๆ หนึ่ง      สุรยุทธัง  คือ   เมื่อเข้าสู่สงครามกับน้อง ๆ ให้องอาจ อย่าได้หวาดไหวคร้ามกลัวปัจจามิตรหนึ่ง   
สีละวา ให้ประกอบไปด้วยมารยาทกับน้อง ๆ หนึ่ง    อะโรคยา ให้รู้จักป้องกันโรคหนึ่ง   จาโคปะนะ คือ บริจาคทรัพย์ให้แก่น้อง ๆ มิได้อาลัยหนึ่ง   คุณตัวเองแปดประการดังนี้

มุสาภรรยาเก้าประการนั้น  ลัพพันรุโน เพื่อจะพรางภรรยาจึงมุสาหนึ่ง   มุตตะมายา คือ จะให้พ้นภัยจากภรรยาจึงมุสาหนึ่ง    ชีวิตะมายา คือ จะเอาตัวรอดจากภรรยาจึงมุสาหนึ่ง   ไชยะสิโน จะเอาชัยชนะแก่ภรรยาจึงมุสาหนึ่ง    ยะสะวาจา น้องบอกความลับแต่ตัวแล้วมีภรรยาถามต้องอำไว้จึงมุสาหนึ่ง  มะมะละหิยา จะแก้ไขทุกข์ที่มาจากภรรยาของตัวเราจึงมุสาหนึ่ง   อะลิกะวะจะนัง  เอาถ้อยคำไม่จริงมาบอกแก่ภรรยาเพื่ออำความของตัว จึงมุสาหนึ่ง  มนุสสะหิงสา คือ จะปลดเปลื้องความยากของตนจากภรรยา จึงมุสาหนึ่ง  กุสะสัพพาภาคี มีเจตนาจะยังโลกทั้งปวงให้ตั้งอยู่ในการกุศลสงบสุขจากภรรยา จึงมุสาหนึ่ง   มุสาเก้าประการดังนี้

อันความซึ่งเรากล่าวทั้งนี้   ขอให้ท่านเมงจะสอดจงจำไว้อย่าได้ประมาทลืมหลง   แลเมื่อท่านได้ใช้จักมีชัยต่อไปในภายภาคหน้าอย่างมั่นคงมิต้องสงสัย

เมงจะสอดได้ฟังสมิงน้ำมันกล่าวดังนั้น  ก็มีใจยินดียิ่งนัก พูดสรรเสริญว่า  พี่ท่านนี้สมควรที่เป็นปราชญ์มิเสียทีที่ได้ศึกษามา จะว่ากล่าวสิ่งใดก็ยุติด้วยเหตุผลเป็นสุนทรไพเราะนัก ควรจะเชื่อฟังได้   ข้าพเจ้าจักนำภาษิตซึ่งพี่ท่านกล่าวมาไปใช้ให้บังเกิดประโยชน์ต่อไป    สมิงน้ำมันฟังดังนั้นก็หัวเราะอยู่ มิได้กล่าวต่อประการใด

ขอได้รับการคารวะ

จาก
สมิงน้ำมัน

1819

อ่านเพลินๆ สำนวนเนื้อหา แรกอาจจะงง ในภาษาการใช้ แต่ อ่านๆไปเริ่มชินในโวหารสำนวน มันก็อ่านเพลินดี  ครับ
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

Phukit Methitharathon

เห็นความตั้งใจในการใช้ภาษา นำเสนอในรูปแบบที่ไม่ค่อยคุ้นตา อ่านแล้วจึงทำให้ค่อนข้างไม่ค่อยเกิดอรรถรสต่อเนื่อง แต่ก็ยังเป็นกำลังใจให้นะครับ

therasak

ต้องมีสมิงรอเสียบ และสมิงเสียบสุด อีก 2 คน ครบทีมทหารเสือ

swss2511


Bounce

อ่านแล้วเพลิดเพลิน ให้อรรถรสไปอีกเยี่ยงนึง นับว่าน่าติดตามตอนต่อไปเป็นยิ่งนัก

Bounce

สมิงน้ำมันนี่ จำได้ว่าเคยอ่านนานมาแล้ว น่าจะผ่านศึกมาโชกโชน จนช่ำชอง บรรยายได้อารมณ์สุนทรีย์ยิ่งนัก