ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ฉันตัดสินใจถูกหรือเปล่า(11) ตอนจบ

เริ่มโดย rattiya, เมษายน 12, 2025, 03:04:24 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

rattiya

---ชี้แจงก่อนอ่าน---
     ตอนจบ เป็นการเฉลยประเด็นที่เป็นปมเล็กๆ ในตัวเรื่องทั้งหมด และบทสรุปของเรื่อง ไม่มีฉากอีโรติกนะคะ

------------------------------------------------------------------

     ฉันเดินทางมาถึงสนามบินแห่งนี้ตอนเที่ยงคืน(เวลาท้องถิ่น) จริงๆ แล้ว ตั้งใจจะเดินทอดน่องลากกระเป๋าไปต่อเครื่องอีกเทอร์มินอลหนึ่งด้วยตัวเอง แต่เห็นรถชัตเตอร์บัสไฟฟ้าไร้คนขับแล่นมาเทียบสถานีขณะเดินผ่านพอดิบพอดี จึงตัดสินใจอาศัยเดินทางไปยังอีกเทอร์มินอลหนึ่งด้วย  โอกาสและการเปลี่ยนแปลงสอดแทรกเข้ามาในการดำเนินชีวิตของเราทุกคนเสมอๆ
     ฉันมาถึงเทอร์มินอลสองค่อนข้างเร็ว จึงเลือกหาที่นั่งเพื่อรอเวลา อีกหลายชั่วโมงกว่าเครื่องทรานซิทจะออก
     ตลอดการเดินทาง...ฉันมักจะเผลอก้มมองแหวนหมั้นของเขาอยู่บ่อยครั้ง...
     ฉันยังคงสวมแหวนที่นิ้วนางด้านซ้ายเช่นเดิม เหตุผลการลาออกจากงานที่เพิ่งได้รับการบรรจุ ที่ดูน่าเชื่อถือและคิดได้ในตอนนั้น ก็คือการลาออกไปแต่งงาน และไปเป็นแม่บ้าน แน่นอนว่าเพื่อนร่วมงานทุกคนต้องสอบถามถึงเขาคนนั้น แต่ฉันก็พูดตัดบทได้ไม่ยาก โดยอ้างว่าคนๆนั้นเป็นนักธุรกิจต่างชาติ เพราะคนในบริษัททุกคนก็รับรู้อยู่แล้วว่า ฉันมาทำงานที่บริษัทแห่งนี้ได้ เพราะได้รับการแนะนำจากนักธุรกิจต่างชาติ ยักษ์ใหญ่ในวงการสื่อเจ้าหนึ่ง
     ทำไมน้ำตาฉันเริ่มซึมออกมาอีกแล้ว มันเหือดหายไปแล้วตั้งแต่เย็นวันนั้นไม่ใช่หรือ?
     เย็นวันนั้น หลังจากออกจากบ้านหลังนั้น ระหว่างเดินทางเพื่อนำของจำเป็นกลับไปให้คุณคริสที่โรงพยาบาล พี่พงษ์พูดถึงรหัสที่ใช้เปิดห้องลับ เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ฉันรับรู้ได้ถึงความขมขื่น เขากำลังจะร้องไห้ ฉันเข้าใจในทันทีนั้นว่า ทำไมพี่พงษ์จึงมีท่าทางแปลกๆ หลังจากประตูห้องลับในห้องนอนถูกเปิดออก
     "เลข 6 หลัก คือ วัน เดือน ปี ที่พี่ฉลองจบการศึกษา เป็นคืนที่พี่ข่มขืนคริส...เป็นครั้งแรก..."
     นับจากวินาทีนั้น ฉันรับรู้ได้ว่า ฉันไม่มีทางจะเข้าไปอยู่ในใจของเขา แทนที่คุณคริสได้เลย
     ในคืนนั้น ฉันส่งเมลล์ไปบอกเลิกกับพี่พงษ์อย่างเป็นทางการ เขาพยายามแชทไดเร็กเข้ามาคุยกับฉันอยู่หลายครั้ง แต่ฉันไม่ต้องการจะรับสาย
     ...มันไม่ใช่ว่าฉันเกลียดเขา ตรงกันข้าม ฉันยังรักเขาจนหมดหัวใจ... แต่มันเป็นเพราะ ฉันไม่กล้าที่จะอยู่ต่อหน้าเขา ไม่กล้าแม้แต่จะได้ยินเสียง เพราะฉันรู้ดีว่า หากต้องคุยกับเขาซึ่งหน้า มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่ฉันจะใจแข็งพอ ไม่ย้อนกลับไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง
     เมื่อคืน ผู้จัดการคลับที่ฉันเคยตัดสินใจเลิกทำงาน โทรมาขอความช่วยเหลือ ฉันไม่อยากกลับไปเป็นสวิงเกอร์สาวอีก แต่การได้ออกไปทำอะไรที่ไม่ต้องมีใจ ไม่ต้องคาดหวัง ทำอะไรให้มันสะใจอีกสักครั้ง หรืออีกหลายครั้ง มันคงจะดีกว่าการทุ่มเทใจให้ใครเพียงคนเดียว โดยที่ในใจของเขามีแต่ผู้หญิงคนนั้นอยู่เป็นแน่
     ฉันตัดสินใจตกลงรับงาน หาตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่เร็วที่สุดเพื่อตรงไปประเทศญี่ปุ่นในทันที แต่ไฟล์ทบินที่เร็วที่สุด กลับต้องมาทรานซิทที่นี่ก่อน
     วันนี้เป็นวันธรรมดา ดูเหมือนว่าในเวลานี้ อยู่ในช่วงที่สนามบินระงับการแลนด์ดิ้งของสายการบินพาณิชย์ไปแล้ว พื้นที่โดยรอบสถานี จึงดูเงียบเหงา ผู้โดยสารที่รอต่อเครื่องก็ดูบางตากว่าปกติ
     ฉันปาดน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาที่แก้ม ลุกขึ้นเดินไปทำธุระที่ห้องน้ำฝั่งตรงข้าม ดูเหมือนว่า อะไรๆ รอบตัวฉันจะผิดแผนไปเสียทั้งหมด ห้องน้ำผู้หญิงที่จะเข้าก็ปิดล็อค ติดป้ายเอ้าท์ออฟเซอร์วิส ฉันมองหาห้องน้ำใกล้ๆ แต่สุดท้ายแล้ว ฉันก็คิดอยากจะลองทำอะไรแผลงๆดูบ้าง
     ฉันลองขยับกลอนประตูห้องน้ำหญิง มันถูกล๊อคอยู่ ไม่สามารถเข้าไปได้ ฉันมองดูห้องน้ำชายที่ประตูถัดไป มันไม่ได้ติดป้ายห้ามใดๆ ไว้ แต่มีเครื่องมือทำความสะอาดวางขวางทางเข้าอยู่ ฉันเดินเข้าไปขยับกลอนประตูห้อง มันไม่ได้ถูกล็อคไว้เหมือนห้องน้ำหญิงที่อยู่ข้างๆ
     ฉันค่อยๆ ขยับเครื่องมือทำความสะอาดที่ขวางอยู่หน้าห้องน้ำชายออกเล็กน้อย  ให้พอมีที่ว่างที่สามารถแทรกตัวและนำกระเป๋าลากเข้าไปภายในได้ ฉันแอบย่องเข้าไปในห้องน้ำชายที่ปิดอยู่ แปลกที่ไฟในห้องยังคงเปิดสว่างไสว ฉันไม่ได้เฉลียวใจอะไร ตรงเข้าไปทำธุระในห้องน้ำอย่างรีบเร่ง เพราะกลัวว่าแม่บ้าน หรือผู้โดยสารผู้ชายอาจจะเข้ามาในห้องน้ำนี้ เมื่อไหร่ก็ได้
     ฉันกดน้ำทำความสะอาดเมื่อเสร็จธุระ แต่โดยที่ไม่ได้คาดคิด มีเสียงกดน้ำจากห้องด้านใน ดังขึ้นหลังจากที่ฉันกดแค่อึดใจ ฉันก้าวออกมาจากห้องน้ำ เดินมาล้างมือที่อ่างใต้กระจกเงา ชำเลืองมองห้องทางขวาผ่านกระจก มันสะท้อนเห็นผู้ชายคนหนึ่ง สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้ม เสื้อท็อปคลุม กำลังเปิดประตูก้าวออกมาอย่างรีบเร่ง มือขวาลากกระเป๋าสีชมพูหวาน มือซ้ายพยายามใส่กางเกงแบบลวกๆ เข็มขัดยังไม่ได้คาด เมื่อเห็นฉันเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย ดูท่าทางของเขายิ่งรุกรน จนดูไม่น่าไว้วางใจ
     แต่เมื่อมองบุคลิกและหน้าตาของเขา ฉันรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
     "ขอโทษค่ะ พอดีห้องน้ำหญิงข้างๆมันปิด... เอ่อ... ดิฉันเคยพบคุณมาก่อนหรือเปล่าคะ...เอ่อ... ดร.มัลคอนใช่มั้ยคะ"
     เขาเงยหน้าขึ้นมองฉัน ส่งรอยยิ้มที่ดูผ่อนคลายลงมาให้
     "คุณน้ำทิพย์... ดีใจจัง... เราไม่ได้เจอกัน 2 ปีได้แล้วมั้ง..."  เขาเรียกชื่อที่ฉันใช้ในวงการสวิงกิ้ง
     ดร.มัลคอน เคยเป็นคู่สวิงของฉันในคลับแห่งหนึ่ง จำได้ว่าเขาเคยขอให้ฉันเปลี่ยนชื่อเป็น "สุวรรณา" เพื่อทำรักแทนรุ่นน้องฯ คนเอเชียที่เขาแอบหลงรัก เขาคือแพทย์ที่ค้นพบความพิเศษในร่างกายของฉัน และเคยบอกว่า คนที่ได้ร่วมรักกับฉัน คือคนที่โชคดีที่สุดในโลก
     ฉันสังเกตพิรุธอะไรบางอย่างของเขาได้
     "กระเป๋าสวยนะคะ เอ่อ... หมอน่าจะล้างมือหน่อยนะ ดิฉันเห็นคราบอะไรขาวๆ ที่นิ้วกลางขวา แล้วก็..." ฉันหันกลับไปมองที่ห้องน้ำด้านใน ห้องที่เขาเดินออกมาเมื่อครู่ ประตูห้องน้ำยังคงปิดสนิทอยู่
     "มีรอยลิปสติกเลอะอยู่ที่มุมปาก แล้วก็ ที่คอนิดหน่อยด้วยค่ะ..."
     เขาหัวเราะแก้เขิน เป็นการยอมรับที่ถูกจับได้
     "คุณสุวรรณาครับ ออกมาเถอะ เราโดนจับได้แล้ว..."
     สาวสวยแบบไทยๆ รูปร่างสูงโปร่ง ตาคม ในชุดกระโปรงสีสุภาพ อายุไม่น่าจะเกิน 30 เปิดประตูก้าวออกมาหาเขา ลากกระเป๋าสีดำใบย่อมๆ ซึ่งน่าจะเป็นของคุณหมอออกมาด้วย เธอส่งยิ้มให้ฉัน ปัดผมลงมาปิดใบหน้าบางส่วน หน้าแดงกล่ำเพราะเขินอายอย่างเห็นได้ชัด ฉันเห็นรอยน้ำสีขาวข้น ยังติดที่แก้มและผมด้านซ้ายของเธอเล็กน้อย จึงชี้บอก แล้วหยิบกระดาษในกระเป๋าส่งให้เธอจัดการ
     ฉันทำตาโตยิ้มล้อเลียนเขา แสดงความดีใจกับความสมหวังของเขาจากใจจริง
     "จริงดิ... สุวรรณา รุ่นน้องที่มหาลัยฯ ใช่ไหมคะ พระเจ้า... เธอสวยมาก แสดงความยินดีด้วยนะคะ"
     ดร.มัลคอน จัดการลบร่องรอยที่ฉันจับได้ออกจนหมด เขาทำความสะอาดให้ผมของหญิงสาวที่เขาหลงรัก
     "คุณน้ำทิพย์เชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม... เราแอบหลงรักกันและกัน แต่กลับสารภาพรักกันหลังจากไม่ได้พบกันเกือบ 10 ปี... ถ้าเป็นคู่กันแล้ว ยังไงก็คงได้เจอกัน..."
     "ใช่ค่ะ ถ้าคู่กัน ยังไงก็ต้องได้เจอกัน... แต่ตอนนี้ เราออกจากห้องน้ำก่อนดีมั้ยคะ ก่อนที่ใครจะมาเจอ แล้วจับเราไปประจาน..."
     เราทั้งสามคนหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน ฉันเดินนำพวกเขาออกไปนอกห้อง ดร.มัลคอนกับแฟนชวนฉันไปนักพักทานกาแฟที่เลาน์ของสายการบิน ทั้งคู่รอทรานซิทไฟล์ทเดียวกันกับฉันแต่เป็นบิสิเนสคลาส เขาเสนอจะติดต่ออัพเกรดที่นั่งให้ แต่ฉันปฏิเสธ ไม่อยากจะไปรบกวน หรือ เป็นก้างขวางคอข้าวใหม่ปลามันเท่าไรนัก
     ฉันเผลอก้มมองแหวนหมั้นที่นิ้วนางด้านซ้าย ถ้าพรหมลิขิตมีจริง เราอาจจะได้พบกันอีก
     "...ถ้าเป็นคู่กันแล้ว... ยังไงก็ต้องได้รักกัน..."
     ฉันคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้นจริงๆ
------------------------------

1819

อ้าวจบ แบบ ต่างคนต่างเดืนทาง และ จิตนาการว่าคงจะได้เจอกัน  ความในใจพงษ์ ก็ ยังไม่เครียส์
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

therasak

ทางเลือกนี้คงดีสำหรับทุกคน อยู่กับคนไม่มีใจให้เจ็บปวดเสมอ