เมื่อปี42เกิดภาวะฟองสบู่แตกเศษกิจย่ำแย่แต่ผมโชคดีทางธุรกิจมีรายได้เข้ามาเป็นกำไรมากและในช่วงนั้นมีเพื่อนทางธุรกิจได้แลกเช็คไว้กับผมหลายราย มีอยู่รายหนึ่งชื่อคุณอรอุมา แลกเช็คไว้กับผมในวงเงินสูงมากซึ่งผมยอมปล่อยเงินนั้นเพราะในช่วงนั้นธุรกิจของคุณอรอุมา กำลังไปได้ดี และผมกับครอบตรัวคุณอรอุมา ก็สนิทกันพอสมควร หลังจากนั้นประมาณปีกว่าๆธุรกิจของคุณอรอุมา ก็ย่ำแย่จนมาถึงต้นปี46ธุรกิจของคุณอรอุมา จำต้องปิดตัวลงพร้อมกับหี้นสินมากมายแต่คุณอร ก็เคลียหนี้จนเหลือของผมเป็นรายสุดท้ายซึ่งเป็นยอดหนี้ที่สูงมาก คุณอร ก็ขอผลัดผ่อนเป็นต้นปี47 พอครบกำหนดคุณอร ก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งผมก็รู้ดีว่ายังไงหนี้ก้อนนี้ก็เกือบจะเป็นหนี้สูญ ต้องฟ้องกันถึงขั้นล้มละลายยึดทรัพย์สินขายทอดตลาดเลยที่เดียว ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะพอชำระหนี้หรือไม่
คุณอร นั้นอายุ 36 แก่กว่าผมประมาณ2ปี แต่งงานตั้งแต่ยังเด็กมากๆประมาณอายุ15/16 มีลูก2คนคนโตเป็นผู้หญิงชื่อเอ้ อายุ 16 ปี กำลังเรียนอยู่ ม.5 ลูกคนเล็กเป็นผู้ชายชื่ออาท อายุ 15 ปี กำลังเรียนอยู่ ม.4 คุณอร เลิกกับสามีเมื่อลูกคนเล็กอายุได้สามขวบ ซึ่งคุณอรต้องดูแลคนในบ้านคือคุณแม่คุณอร กับน้องสาวคุณอรวิสา อายุ30ปียังไม่แต่งงานทำธุรกิจอยู่กับคุณอร จนปิดกิจการ
เมื่อครบกำหนดผมได้ไปหาคุณอร ที่บ้านคุณอร ซึ่งผมเคยไปมาหาสู่กันเนื่องจากสนิทกันพอสมควรแต่ไม่โทรไปบอกก่อนเพราะกลัวคุณอรหลบหน้าไม่ยอมมาคุยเรื่องหนี้สินพอไปถึงคุณอรไม่อยู่บ้านเจอแต่น้องเอ้อยู่บ้านคนเดียวบอกให้รอสักพักหลังจากหาน้ำมาให้ผมดื่มแล้วผมก็ออกมาเดินเล่นรอบๆบ้าน ซึ่งต่อไปถ้าไม่ขายทอตลาดก็ต้องเป็นสมบัติของผมแน่นอน ผมเดินเล่นสักพักก็เหลือบเห็นน้องเอ้นั่งอ่านหนังสืออ่านเล่นอยู่บนซุ้มชิงช้าข้างบ้าน ผมได้แอบมองและสังเกตุเห็นว่า นัองเอ้รูปร่างดีมาก สูงประมาณ170 ผิวขาวอมชมพู หน้าท้อแบน สวยหน้าตาน่ารักยิ่งไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนแล้วดูเป็นสาวเกินวัยมาก ผมแอบมองอยู่สักพักผมก็มีความคิดแปลกๆเลยเดินไปนั่งที่ซุ้มชิงช้าตรงข้ามกับน้องเอ้ น้องเอ้ ยิ้มแล้วถามว่า
"พี่เสือจะเอาอะไรค่ะ"
"พี่ไม่เอาอะไรล่อกอย่างคุยด้วยนะ เอ้รู้มัยว่าพี่มาหาแม่เค้าเรื่องอะไร"
น้องเอ้หน้าสลดลง "รู้คะเรื่องที่แม่เป็นหนี้พี่เสือ"
"แล้วรู้มัยว่าแม่เค้าคงไม่สามารถใช้หนี้พี่ได้" น้องเอ้ส่ายหน้า "แล้วรู้มัยถ้าเป็นคดีความบ้านและทรัพย์สินต่างๆของแม่เค้าจะต้องเอาออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินมาชดใช้หนี้" น้องเอ้ส่ายหน้าแล้วทำตาแดง "แล้วเอ้จะไปอยู่ที่ใหน" ผมลุกต่อ "พี่สนิทกับครอบครัวเอ้และพอรู้ว่าทรัพย์สินที่แม่เค้ามีไม่พอมาชำระหนี้แน่ๆ" น้องเอ้เริ่มน้ำตาใหล " พี่เองก็ยากช่วยแต่ธุรกิจคือธุรกิจ มันเป็นระบบบริษัทจำเป็นต้องให้ชำระหนี้...แต่ยังพ่อยืดยุ่นได้ถ้าเอ้ อยากช่วยแม่" น้องเอ้เงยหน้ามองผม
"พี่เสือจะให้เอ้ช่วยแม่ยังงัย"
"ช่วยได้แน่แต่พี่บอกเอ้ก่อนนะว่าพี่ไม่ได้บังคับแล้วแต่ว่าเอ้จะตกลงหรือไม่"
"แล้วเอ้ต้องทำยังงัย"
"คือระบบบริษัทถ้ามีชื่อเข้าถึอหุ้นในบริษัทโดยใช้ยอดหนี้เข้าเป็นหุ้น" ผมอำน้องเอ้ "แล้วจะเอายอดหนี้ของแม่เอ้เข้าเป็นหุ้นได้ยังงัย" "คือมีวิธีเดียวคือเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกับพี่"
"ยังงัยเอ้ไม่เข้าใจ"
"คือคนในครอบครัวเอ้ต้องมาแต่งงานกับพี่แล้วใช้สิทธิ์เข้าถือหุ้น...เอ้ก็รู้ว่าพี่ยังโสดยังไม่มีครอบครัว...เอ้คิดว่าใครควรจะแต่งงานเข้ามาใช้สิทธิ์เข้าถือหุ้น" ผมรุกต่อไม่ให้น้องเอ้มีเวลาคิด "ก็มีแต่แม่เค้ากับเอ้สองคน...แต่แม่ของเอ้พี่ไม่แต่งด้วยแน่ๆ" "แต่เอ้ยังเรียนอยู่เลย" น้องเอ้เริ่มเข้าใจความต้องการของผม "เรื่องเรียนไม่ใช่ปัญหาเอ้จะยังได้เรียนจนกว่าเอ้จะไม่อยากเรียน" ผมไม่ให้น้องเอ้มีเวลาคิดนาน "เอาเป็นว่าเป็นข้อเสนอของพี่ก็แล้วกัน...พี่ไม่ได้บังคับเอ้นะ...พี่คิดว่าวิธีนี้เป็นทางที่พี่จะช่วยครอบครัวของเอ้ได้.เอาเป็นว่าตอนนี้เอ้กับพี่รู้กันแค่สองคนยังไม่ต้องบอกแม่เค้า..เอาข้อเสนอ ของพี่ไปคิดดูว่าเห็นดีด้วยมั๊ย..แล้วโทรมาบอกพี่วันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน...ถ้าเอ้ตกลง..เรื่องแม่เค้าพี่จะพูดเอง" เอ้มองหน้าผมแปลกๆงงๆ
"เดี๋ยวพี่กลับเลยก็แล้วกัน" เอ้ยกมือไหว้ผมหันหลังเดินจะกลับ...แล้วผมนึกในใจใหนๆก็ใหนๆแล้วผมหันกลับเดินเข้าไปหาเอ้โน้มตัวไปจูบหน้าผากน้องเอ้เบาๆ "พี่ชอบเอ้นะ" แล้วผมก็กลับไปรอโทรของเอ้ที่บ้าน จริงๆแล้วยังงัยๆผมก็ไม่ถึงกับจะฟ้องเอาทรัพย์สินขายทอดตลาดแต่จะให้ครอบครัวคุณอรอยู่ต่อไปแต่ให้โอนทรัพย์สินมาเป็นของบริษัทและให้คุณอรมาทำงานร่วมกันแต่พอไปเจอน้องเอ้วันนั้นแล้วคือพูดง่ายๆ อยากได้น้องเอ้มาทำเมีย ผมคิดว่าแห้วแล้วแต่ตกค่ำวันนั้นน้องเอ้โทรมาหาบอกว่าอย่าช่วย แม่ผมงี้เนื้อเต้นเลยสรุปแล้วน้องเอ้ก็ย้ายเข้ามาอยู่บ้านผม...เรื่องที่จะเล่านี้เริ่มที่บ้านผมเรื่องของผมกับเอ้ขอไว้เป็นส่วนตัวหน่อย
หลังจากเอ้ ย้ายเข้ามมาอยู่บ้านผม ผมกับเอ้มีความสุขมากแต่เอ้ก็ยังไปโรงเรียนเหมือนปกติช่วงสองอาทิตย์แรกพอเอ้ กลับจากเรียนเรียกว่าโดดเข้าใส่กันไม่มียั้ง ผมเองจะเรียกว่าหลงเอ้เอามากๆแบบว่ารับส่งเองไม่มีขาดและได้แจ้งกับทางโรงเรียนว่าผมเป็นผู้ปกครองคือผมรับภาระทั้งหมดทั้งเอ้และอาทน้องชายเอ้ เรื่องมันเกิดเมื่อเอ้มาขอไปเที่ยวหลังสวนจตุจักร กับเพื่อนในกลุ่ม ผมนะรู้ดีว่าไปเที่ยวแบบนั้นมันเสี่ยงแค่ใหน ก็ผมหวงของผมนี่จะไม่ให้ไปก็ไม่อยากขัดใจเอ้ ก็ขอตามไปด้วยแล้วเป็นเจ้ามือเสียเลย พวกเพื่อนๆในกลุ่มไม่รู้ว่าผมกับเอ้เป็นอะไรกันรู้แค่เป็นพี่ชายญาติกันตกลงคืนนั้นก็เลยเป็นสารถีตามส่งสาวๆกลับบ้าน เอ้และเพื่อนๆพึ่งออกมาเที่ยวกันครั้งแรกดูสนุกสนานกันมาก เห็นว่ามากับผมจึงสนุกและเมามันกันเต็มที่ได้ยินว่าจะหาเวลามาเที่ยวกันอีกผมเห็นว่าไม่ค่อยเหมาะเพราะต้องหนีเที่ยวกันผมเลยปิ๊งไอเดีย ที่บ้านผมกว้างขวางคือมีห้องกึ่งใต้ดินซึ่งเมื่อก่อนใช้ทำเป็นสำนักงานเป็นห้องโล่งกว้าง10x15เมตร พอมีอาคารสำนักงานผมก็ทำเป็นห้องโฮมเทียเตอร์เก็บเสียงอย่างดีแอร์เย็นเจี๊ยบ ผมจึงลงมือปรับปรุงหมดไปหลายกะตังติดตั้ง โปรเจ็กเตอร์จอใหญ่และตั้งเคาร์เตอร์บาร์10ที่เว้นฟลอร์กลางห้องไว้รอบห้องสั่งต่อโซฟายาวยาวตลอดแนวห้องพร้อมโต๊ะวางแก้วเล็กๆเป็นช่วงๆเท่านี้ห้องโฮมเทียเตอร์ของผมก็กลายเป็นผับย่อยๆ ตอนผมปรับปรุงห้องเอ้ไม่รู้ครับเพราะไปโรงเรียนแล้วผมต้องการให้แปลกใจเล่น แล้วผมก็ไปพันธ์ทิพย์สั่งไล้ DVD nonstop RCA และคาราโอเกะ หลายชุด ส่วนระบบแสงใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อนจัดหามาให้
ปรับปรุงห้องเสร็จ ได้สามสี่วันพอดีตรงกับวันหยุดยาวผมจึงให้เอ้ไปชวนเพื่อนบอกว่าจะพาไปเที่ยวกันอีกให้มารวมตัวกันที่บ้านนี่...เอ้เรียนอยู่โรงเรียนหญิงล้วนในกลุ่มมีหกคนรวมเอ้ด้วยมี นัน,เก๋,วา,หมิว,มิว ผมเห็นว่าคนน้อยไปกลัวไม่สนุกกันเลยให้เอ้โทรไปชวนอาทที่บ้านคุณอรให้อาทชวนเพื่อนมาด้วย อาทฉลองศรัธาอีกเกือบสิบคนเเป็นเพื่อนชายสามคนเพื่อนหญิงอีกห้าคนเป็นนักเรียนม.4คนลโรงเรียนกับเอ้...กะมาล้มทับผมเต็มที่ ประมาณ5โมงเย็นกลุ่มของอาทมาถึงก่อนผมให้แม่บ้านจัดอาหารเป็นบุปเฟ่ไว้ที่สนามหญ้าหน้าบ้านเกือบ 6โมงเย็นกลุ่มของเอ้ก็มากันครบทีมแต่ละคนแต่งตัวเปรี้ยวมากผมบอกให้กินกันให้อิ่มเลยเวลาไปเที่ยวจะได้ไม่หิวกัน...แล้วเอ้ก็ขอเพื่อนนอนที่บ้านได้มั๊ยผมให้ค้างได้แต่ต้องให้พ่อ-แม่ที่บ้านอนุญาตก่อนตกลงค้างกันหมดทั้กลุ่ม หลังจากมีปาร์ตี้กันย่อยประมาณทุ่มกว่าๆ ผมก็บอกว่าไปกันได้แล้ว พวกน้องๆก็ถามไปที่ใหนพี่ยังหัวค่ำอยู่เลยยังไม่มีคนเที่ยวล่อกพี่ร้านยังไม่เปิดเลย...ผมเลยตอบกลับว่าแต่ร้านพี่เปิดแล้วตามมาเลย...แล้วผมพาเดินนำลงไปยังบาร์น้อยๆของผมซึ่งเปิดแอร์เตรียมไว้และให้ลูกน้องที่ทำงานมาทำหน้าที่บาร์เทนดี้และDJ ชั่วคราวสองคน ผมมีเครื่องดืมSpy แช่ในถังน้ำแข็งใบใหญ่เอาได้แบบไม่อั้นนอกนั้นก็มีน้ำอัดลมไว้แทบทุกรส...ผมลงทุนซื้อตู้ทำ Popcon..มาทำเป็น Mixcer เป็นกับแกล้มได้ทั้งคืน พอพวกน้องๆลงมาที่บาร์น้อยๆของผมก็กรีสกันใหญ่ เอ้ถึงกับกระโดดมาหอมแก้มผมแล้วบอกว่า"พี่เสือน่ารักที่สุดเลย" พอพวกผมและน้องๆลงมาในบาร์น้อยๆของผมDJลูกน้องผมก็หลี่ไฟแล้วเปิดDVD nonstop RCA ขึ้นที่จอโปรเจ็กเตอร์เสียงเพลง ดังกระหึ่ม พร้อมเปิดระบบแสงที่ทำไว้ ทีนี้ความมันก็เริ่ม...ดิ้นกันมันสุดๆ ดื่มเต้นกันมันมาก ผมก็นั่งจิบเบียร์อยู่ที่หน้าเคาร์เตอร์ดูน้องๆเต้น พอเต้นกันเหนื่อยก็เปลี่ยนกันร้องคาราโอเกะ ในกลุ่มของเอ้ไม่มีใครยอมดืมน้ำอ้ดลมเลย ดื่มแต่Spy เพราะเรียกได้ตลอดแล้วไม่ต้องกลับบ้านก็เลยดืมกันจนผมต้องบอกให้เพราๆกันหน่อย พอใกล้เที่ยงคืนผมให้กลุ่มของอาทกลับกันได้แล้วดูท่าทางยังไม่อย่ากกลับกันแต่ผมไม่ยอมให้อยู่เพราะน้องๆเค้าไม่ได้ขออนุญาติทางบ้านผมให้คนรถเอารถตู้ไปสงให้ถึงบ้านทุกคนแล้วบอกว่าวันหน้าค่อยมาเที่ยวกันใหม่ถ้าจัดอีกจะให้อาทไปชวนเวลานี้ก็เหลือแต่กลุ่มของเอ้กับลูกน้องผม ก็นั่งร้องเกะกัน แต่จากการดื่มSpy กันแทนน้ำเลยก็ว่าได้ก็เมากันแทบทั้งกลุ่มมีเอ้กับนันยังพอดูแลเพื่อนได้แต่ก็เมาเหมือนกันส่วนผมแค่กลึ่มๆ ผมให้แม่บ้านจัดห้องนอนรวมไว้ให้กลุ่มของเอ้เกือบตีสามผมให้ไปอาบน้ำนอนกันได้แล้วต่างคนต่างเมาหมิวเมาแล้วอวกเดือดร้อนผมซิทีนี้ เพราะอวกเลอะเสื้อกางเกงที่ใส่ พวกในกลุ่มก็เมาไม่อาบน้ำกันแล้วพากันเข้าห้องนอนกันเลย ผมกับเอ้ก็ช่วยกันประคองหมิวไปล้างตัวและเปลี่ยนชุดในห้องของผมกับเอ้ เพราะในห้องที่จัดไว้ไม่มีห้องน้ำในตัวแล้วเสื้อผ้าเอ้ก็อยู่ในห้องของผมกับเอ้ พอประคองเข้าไปในห้องน้ำหมิวอวกมาใส่ตัวผมทีนี้เละทั้งคู่ เอ้เห็นผมเลอะไปทั้งตัวก็บอกว่า
"พี่เสือจัดการให้ทีนะ...เอ้ไม่ไหวแล้วเมา"
"เห้ย!แล้วใครจะล้างตัวให้หมิว"
"ก็พี่เสือไง...ใหนๆตัวก็เปื้อนแล้ว"
"ให้พี่ล้างตัวให้หมิวนี่นะ"
"เอาน่าพี่เสือนึกว่าเป็นเอ้ก็แล้วกัน...เอ้ไม่ไหวแล้วเมาขอไปนอนก่อน" พูดเสร็จก็เดินไปนอนแทนที่จะนอนในห้องนี้
กลับเดินไปนอนห้องที่จัดไว้ให้พวกเพื่อนๆ ผมก็หันมาเขย่าตัวหมิว
"ลุกล้างตัวไหวมั๊ย" หมิวหลับตาส่ายหัว
"ไม่ไหวพี่" หมิวฟุบอยู่กับอ่างอาบน้ำ
ผมเปิดน้ำผสมน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำและเดินไปในห้องที่จัดไว้ปรากฎว่าหลับกันเกลื่อนไปหมดกลับเข้าไปในห้องแล้วถอดเสื้อผ้าที่เลอะอวกออกแล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวแทนเวลานั้นไม่ได้คิดอะไรเลย แล้วเตรียมชุดนอนของเอ้ไว้เปลี่ยนให้หมิวแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำแล้วไปเรียกหมิวอีกครั้ง
"ไหวมั๊ยหมิว" หมิวส่ายหัว ผมเลยค่อยๆถอดเสื้อสายเดี่ยวที่เลอะออกและค่อยๆถอดกางเกงยีนเอวต่ำออก เผยให้เห็นสัดส่วนจากที่ไม่ได้คิดอะไร พอเห็นสองเต้าที่ล้นบราไร้สายสีเนื้อ และโหนกเนื้อที่ดันกางเกงใน เป็นรูปร่างชัดเจน ทำให้ไอ้เสือน้อยของผมพุ่งดันผ้าขนหนูเด่ยังกับเสากระโดงเรือ แล้วผมก็เรียกหมิวอีกครั้ง
"หมิว พี่ล้างตัวให้นะ" หมิวพยักหน้าแต่ยังหลับตาอยู่ ผมอุ้มหมิวลงในอ่างอาบน้ำ แล้วพยายามทำใจถอดบราออกผิวขาวๆนมตั้งเต้าหัวนมสีชมพู เอาฟองน้ำมาบีบสบู่เหลว ไล้ไปตามตัวโดยเฉพาะเต้าทั้งสองใหนๆก็ใหนๆผมใช้มือลูบไล้ วนเน้นหัวนม ไอ้เสือน้อยของผมแข็งเป็นลำพงกหัวงึกๆๆ แล้วก็บรรจงถอดกางเกงใน ตัวน้อยออกบีบสบู่เหลวลงกลางฝ่ามือ ค่อยๆลูบไล้ ลงไปบนโหนกเนื้อที่มีขนอ่อนอยู่กระจุกนึงลากมือลงไปตามหลืบร่องแทบจะไม่มีส่วนใหนของหมิวที่ไม่โดนผมลูบไล้ ด้วยสบู่เหลว ด้วยความอึดอัดของไอ้เสือน้อยของผมๆดึงผ้าขนหนูที่นุ่งอยู่ออกแล้วล้างสบู่เหลวออกจากตัวหมิว หัวนมสีชมพูแข็งสู้มือเสียงหลิวครางเบาๆไอ้เสือน้อยของผมแข็งเป็นลำจนผมต้องสาวเข้าสาวออกจนน้ำพุ่งกระฉูดเพื่อคลายความอึดอัด แล้วผมก็ล้างตัวผมจนสะอาดแล้วอุ้มหมิวลงบนผ้าขนหนูที่ผมถอดออกค่อยๆเช็ดตัวหมิว จนตัวแห้ง แล้วอุ้มไปนอนบนเตียงซึ่งเวลานี้หมิวนอนโชว์เรือนร่างที่เย้ายวนให้ผมยืนมองไอ้เสือน้อยแข็งชี้เด่ยืนชั่งใจอยู่ พอนึกถึงคำพูดของเอ้ ให้นึกว่าเป็นเอ้ก็แล้วกัน ผมก็นั่งลงไปข้างตัวหมิวแล้วกระซิบข้างหู "สบายตัวมัย" หลับตาหมิวพยัก "พี่ทาแป้งให้นะ" ผมไม่รอคำตอบจากหมิวผมเอาแป้งที่หน้ากระจกเทใส่หลังของหมิวทาไปทั่วแผ่นหลังและแก้มก้นอย่างเบามือ ..

เมื่อปี42เกิดภาวะฟองสบู่แตกเศษกิจย่ำแย่แต่ผมโชคดีทางธุรกิจมีรายได้เข้ามาเป็นกำไรมากและในช่วงนั้นมีเพื่อนทางธุรกิจได้แลกเช็คไว้กับผมหลายราย มีอยู่รายหนึ่งชื่อคุณอรอุมา แลกเช็คไว้กับผมในวงเงินสูงมากซึ่งผมยอมปล่อยเงินนั้นเพราะในช่วงนั้นธุรกิจของคุณอรอุมา กำลังไปได้ดี และผมกับครอบตรัวคุณอรอุมา ก็สนิทกันพอสมควร หลังจากนั้นประมาณปีกว่าๆธุรกิจของคุณอรอุมา ก็ย่ำแย่จนมาถึงต้นปี46ธุรกิจของคุณอรอุมา จำต้องปิดตัวลงพร้อมกับหี้นสินมากมายแต่คุณอร ก็เคลียหนี้จนเหลือของผมเป็นรายสุดท้ายซึ่งเป็นยอดหนี้ที่สูงมาก คุณอร ก็ขอผลัดผ่อนเป็นต้นปี47 พอครบกำหนดคุณอร ก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งผมก็รู้ดีว่ายังไงหนี้ก้อนนี้ก็เกือบจะเป็นหนี้สูญ ต้องฟ้องกันถึงขั้นล้มละลายยึดทรัพย์สินขายทอดตลาดเลยที่เดียว ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะพอชำระหนี้หรือไม่
คุณอร นั้นอายุ 36 แก่กว่าผมประมาณ2ปี แต่งงานตั้งแต่ยังเด็กมากๆประมาณอายุ15/16 มีลูก2คนคนโตเป็นผู้หญิงชื่อเอ้ อายุ 16 ปี กำลังเรียนอยู่ ม.5 ลูกคนเล็กเป็นผู้ชายชื่ออาท อายุ 15 ปี กำลังเรียนอยู่ ม.4 คุณอร เลิกกับสามีเมื่อลูกคนเล็กอายุได้สามขวบ ซึ่งคุณอรต้องดูแลคนในบ้านคือคุณแม่คุณอร กับน้องสาวคุณอรวิสา อายุ30ปียังไม่แต่งงานทำธุรกิจอยู่กับคุณอร จนปิดกิจการ
เมื่อครบกำหนดผมได้ไปหาคุณอร ที่บ้านคุณอร ซึ่งผมเคยไปมาหาสู่กันเนื่องจากสนิทกันพอสมควรแต่ไม่โทรไปบอกก่อนเพราะกลัวคุณอรหลบหน้าไม่ยอมมาคุยเรื่องหนี้สินพอไปถึงคุณอรไม่อยู่บ้านเจอแต่น้องเอ้อยู่บ้านคนเดียวบอกให้รอสักพักหลังจากหาน้ำมาให้ผมดื่มแล้วผมก็ออกมาเดินเล่นรอบๆบ้าน ซึ่งต่อไปถ้าไม่ขายทอตลาดก็ต้องเป็นสมบัติของผมแน่นอน ผมเดินเล่นสักพักก็เหลือบเห็นน้องเอ้นั่งอ่านหนังสืออ่านเล่นอยู่บนซุ้มชิงช้าข้างบ้าน ผมได้แอบมองและสังเกตุเห็นว่า นัองเอ้รูปร่างดีมาก สูงประมาณ170 ผิวขาวอมชมพู หน้าท้อแบน สวยหน้าตาน่ารักยิ่งไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนแล้วดูเป็นสาวเกินวัยมาก ผมแอบมองอยู่สักพักผมก็มีความคิดแปลกๆเลยเดินไปนั่งที่ซุ้มชิงช้าตรงข้ามกับน้องเอ้ น้องเอ้ ยิ้มแล้วถามว่า
"พี่เสือจะเอาอะไรค่ะ"
"พี่ไม่เอาอะไรล่อกอย่างคุยด้วยนะ เอ้รู้มัยว่าพี่มาหาแม่เค้าเรื่องอะไร"
น้องเอ้หน้าสลดลง "รู้คะเรื่องที่แม่เป็นหนี้พี่เสือ"
"แล้วรู้มัยว่าแม่เค้าคงไม่สามารถใช้หนี้พี่ได้" น้องเอ้ส่ายหน้า "แล้วรู้มัยถ้าเป็นคดีความบ้านและทรัพย์สินต่างๆของแม่เค้าจะต้องเอาออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินมาชดใช้หนี้" น้องเอ้ส่ายหน้าแล้วทำตาแดง "แล้วเอ้จะไปอยู่ที่ใหน" ผมลุกต่อ "พี่สนิทกับครอบครัวเอ้และพอรู้ว่าทรัพย์สินที่แม่เค้ามีไม่พอมาชำระหนี้แน่ๆ" น้องเอ้เริ่มน้ำตาใหล " พี่เองก็ยากช่วยแต่ธุรกิจคือธุรกิจ มันเป็นระบบบริษัทจำเป็นต้องให้ชำระหนี้...แต่ยังพ่อยืดยุ่นได้ถ้าเอ้ อยากช่วยแม่" น้องเอ้เงยหน้ามองผม
"พี่เสือจะให้เอ้ช่วยแม่ยังงัย"
"ช่วยได้แน่แต่พี่บอกเอ้ก่อนนะว่าพี่ไม่ได้บังคับแล้วแต่ว่าเอ้จะตกลงหรือไม่"
"แล้วเอ้ต้องทำยังงัย"
"คือระบบบริษัทถ้ามีชื่อเข้าถึอหุ้นในบริษัทโดยใช้ยอดหนี้เข้าเป็นหุ้น" ผมอำน้องเอ้ "แล้วจะเอายอดหนี้ของแม่เอ้เข้าเป็นหุ้นได้ยังงัย" "คือมีวิธีเดียวคือเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกับพี่"
"ยังงัยเอ้ไม่เข้าใจ"
"คือคนในครอบครัวเอ้ต้องมาแต่งงานกับพี่แล้วใช้สิทธิ์เข้าถือหุ้น...เอ้ก็รู้ว่าพี่ยังโสดยังไม่มีครอบครัว...เอ้คิดว่าใครควรจะแต่งงานเข้ามาใช้สิทธิ์เข้าถือหุ้น" ผมรุกต่อไม่ให้น้องเอ้มีเวลาคิด "ก็มีแต่แม่เค้ากับเอ้สองคน...แต่แม่ของเอ้พี่ไม่แต่งด้วยแน่ๆ" "แต่เอ้ยังเรียนอยู่เลย" น้องเอ้เริ่มเข้าใจความต้องการของผม "เรื่องเรียนไม่ใช่ปัญหาเอ้จะยังได้เรียนจนกว่าเอ้จะไม่อยากเรียน" ผมไม่ให้น้องเอ้มีเวลาคิดนาน "เอาเป็นว่าเป็นข้อเสนอของพี่ก็แล้วกัน...พี่ไม่ได้บังคับเอ้นะ...พี่คิดว่าวิธีนี้เป็นทางที่พี่จะช่วยครอบครัวของเอ้ได้.เอาเป็นว่าตอนนี้เอ้กับพี่รู้กันแค่สองคนยังไม่ต้องบอกแม่เค้า..เอาข้อเสนอ ของพี่ไปคิดดูว่าเห็นดีด้วยมั๊ย..แล้วโทรมาบอกพี่วันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน...ถ้าเอ้ตกลง..เรื่องแม่เค้าพี่จะพูดเอง" เอ้มองหน้าผมแปลกๆงงๆ
"เดี๋ยวพี่กลับเลยก็แล้วกัน" เอ้ยกมือไหว้ผมหันหลังเดินจะกลับ...แล้วผมนึกในใจใหนๆก็ใหนๆแล้วผมหันกลับเดินเข้าไปหาเอ้โน้มตัวไปจูบหน้าผากน้องเอ้เบาๆ "พี่ชอบเอ้นะ" แล้วผมก็กลับไปรอโทรของเอ้ที่บ้าน จริงๆแล้วยังงัยๆผมก็ไม่ถึงกับจะฟ้องเอาทรัพย์สินขายทอดตลาดแต่จะให้ครอบครัวคุณอรอยู่ต่อไปแต่ให้โอนทรัพย์สินมาเป็นของบริษัทและให้คุณอรมาทำงานร่วมกันแต่พอไปเจอน้องเอ้วันนั้นแล้วคือพูดง่ายๆ อยากได้น้องเอ้มาทำเมีย ผมคิดว่าแห้วแล้วแต่ตกค่ำวันนั้นน้องเอ้โทรมาหาบอกว่าอย่าช่วย แม่ผมงี้เนื้อเต้นเลยสรุปแล้วน้องเอ้ก็ย้ายเข้ามาอยู่บ้านผม...เรื่องที่จะเล่านี้เริ่มที่บ้านผมเรื่องของผมกับเอ้ขอไว้เป็นส่วนตัวหน่อย
หลังจากเอ้ ย้ายเข้ามมาอยู่บ้านผม ผมกับเอ้มีความสุขมากแต่เอ้ก็ยังไปโรงเรียนเหมือนปกติช่วงสองอาทิตย์แรกพอเอ้ กลับจากเรียนเรียกว่าโดดเข้าใส่กันไม่มียั้ง ผมเองจะเรียกว่าหลงเอ้เอามากๆแบบว่ารับส่งเองไม่มีขาดและได้แจ้งกับทางโรงเรียนว่าผมเป็นผู้ปกครองคือผมรับภาระทั้งหมดทั้งเอ้และอาทน้องชายเอ้ เรื่องมันเกิดเมื่อเอ้มาขอไปเที่ยวหลังสวนจตุจักร กับเพื่อนในกลุ่ม ผมนะรู้ดีว่าไปเที่ยวแบบนั้นมันเสี่ยงแค่ใหน ก็ผมหวงของผมนี่จะไม่ให้ไปก็ไม่อยากขัดใจเอ้ ก็ขอตามไปด้วยแล้วเป็นเจ้ามือเสียเลย พวกเพื่อนๆในกลุ่มไม่รู้ว่าผมกับเอ้เป็นอะไรกันรู้แค่เป็นพี่ชายญาติกันตกลงคืนนั้นก็เลยเป็นสารถีตามส่งสาวๆกลับบ้าน เอ้และเพื่อนๆพึ่งออกมาเที่ยวกันครั้งแรกดูสนุกสนานกันมาก เห็นว่ามากับผมจึงสนุกและเมามันกันเต็มที่ได้ยินว่าจะหาเวลามาเที่ยวกันอีกผมเห็นว่าไม่ค่อยเหมาะเพราะต้องหนีเที่ยวกันผมเลยปิ๊งไอเดีย ที่บ้านผมกว้างขวางคือมีห้องกึ่งใต้ดินซึ่งเมื่อก่อนใช้ทำเป็นสำนักงานเป็นห้องโล่งกว้าง10x15เมตร พอมีอาคารสำนักงานผมก็ทำเป็นห้องโฮมเทียเตอร์เก็บเสียงอย่างดีแอร์เย็นเจี๊ยบ ผมจึงลงมือปรับปรุงหมดไปหลายกะตังติดตั้ง โปรเจ็กเตอร์จอใหญ่และตั้งเคาร์เตอร์บาร์10ที่เว้นฟลอร์กลางห้องไว้รอบห้องสั่งต่อโซฟายาวยาวตลอดแนวห้องพร้อมโต๊ะวางแก้วเล็กๆเป็นช่วงๆเท่านี้ห้องโฮมเทียเตอร์ของผมก็กลายเป็นผับย่อยๆ ตอนผมปรับปรุงห้องเอ้ไม่รู้ครับเพราะไปโรงเรียนแล้วผมต้องการให้แปลกใจเล่น แล้วผมก็ไปพันธ์ทิพย์สั่งไล้ DVD nonstop RCA และคาราโอเกะ หลายชุด ส่วนระบบแสงใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อนจัดหามาให้
ปรับปรุงห้องเสร็จ ได้สามสี่วันพอดีตรงกับวันหยุดยาวผมจึงให้เอ้ไปชวนเพื่อนบอกว่าจะพาไปเที่ยวกันอีกให้มารวมตัวกันที่บ้านนี่...เอ้เรียนอยู่โรงเรียนหญิงล้วนในกลุ่มมีหกคนรวมเอ้ด้วยมี นัน,เก๋,วา,หมิว,มิว ผมเห็นว่าคนน้อยไปกลัวไม่สนุกกันเลยให้เอ้โทรไปชวนอาทที่บ้านคุณอรให้อาทชวนเพื่อนมาด้วย อาทฉลองศรัธาอีกเกือบสิบคนเเป็นเพื่อนชายสามคนเพื่อนหญิงอีกห้าคนเป็นนักเรียนม.4คนลโรงเรียนกับเอ้...กะมาล้มทับผมเต็มที่ ประมาณ5โมงเย็นกลุ่มของอาทมาถึงก่อนผมให้แม่บ้านจัดอาหารเป็นบุปเฟ่ไว้ที่สนามหญ้าหน้าบ้านเกือบ 6โมงเย็นกลุ่มของเอ้ก็มากันครบทีมแต่ละคนแต่งตัวเปรี้ยวมากผมบอกให้กินกันให้อิ่มเลยเวลาไปเที่ยวจะได้ไม่หิวกัน...แล้วเอ้ก็ขอเพื่อนนอนที่บ้านได้มั๊ยผมให้ค้างได้แต่ต้องให้พ่อ-แม่ที่บ้านอนุญาตก่อนตกลงค้างกันหมดทั้กลุ่ม หลังจากมีปาร์ตี้กันย่อยประมาณทุ่มกว่าๆ ผมก็บอกว่าไปกันได้แล้ว พวกน้องๆก็ถามไปที่ใหนพี่ยังหัวค่ำอยู่เลยยังไม่มีคนเที่ยวล่อกพี่ร้านยังไม่เปิดเลย...ผมเลยตอบกลับว่าแต่ร้านพี่เปิดแล้วตามมาเลย...แล้วผมพาเดินนำลงไปยังบาร์น้อยๆของผมซึ่งเปิดแอร์เตรียมไว้และให้ลูกน้องที่ทำงานมาทำหน้าที่บาร์เทนดี้และDJ ชั่วคราวสองคน ผมมีเครื่องดืมSpy แช่ในถังน้ำแข็งใบใหญ่เอาได้แบบไม่อั้นนอกนั้นก็มีน้ำอัดลมไว้แทบทุกรส...ผมลงทุนซื้อตู้ทำ Popcon..มาทำเป็น Mixcer เป็นกับแกล้มได้ทั้งคืน พอพวกน้องๆลงมาที่บาร์น้อยๆของผมก็กรีสกันใหญ่ เอ้ถึงกับกระโดดมาหอมแก้มผมแล้วบอกว่า"พี่เสือน่ารักที่สุดเลย" พอพวกผมและน้องๆลงมาในบาร์น้อยๆของผมDJลูกน้องผมก็หลี่ไฟแล้วเปิดDVD nonstop RCA ขึ้นที่จอโปรเจ็กเตอร์เสียงเพลง ดังกระหึ่ม พร้อมเปิดระบบแสงที่ทำไว้ ทีนี้ความมันก็เริ่ม...ดิ้นกันมันสุดๆ ดื่มเต้นกันมันมาก ผมก็นั่งจิบเบียร์อยู่ที่หน้าเคาร์เตอร์ดูน้องๆเต้น พอเต้นกันเหนื่อยก็เปลี่ยนกันร้องคาราโอเกะ ในกลุ่มของเอ้ไม่มีใครยอมดืมน้ำอ้ดลมเลย ดื่มแต่Spy เพราะเรียกได้ตลอดแล้วไม่ต้องกลับบ้านก็เลยดืมกันจนผมต้องบอกให้เพราๆกันหน่อย พอใกล้เที่ยงคืนผมให้กลุ่มของอาทกลับกันได้แล้วดูท่าทางยังไม่อย่ากกลับกันแต่ผมไม่ยอมให้อยู่เพราะน้องๆเค้าไม่ได้ขออนุญาติทางบ้านผมให้คนรถเอารถตู้ไปสงให้ถึงบ้านทุกคนแล้วบอกว่าวันหน้าค่อยมาเที่ยวกันใหม่ถ้าจัดอีกจะให้อาทไปชวนเวลานี้ก็เหลือแต่กลุ่มของเอ้กับลูกน้องผม ก็นั่งร้องเกะกัน แต่จากการดื่มSpy กันแทนน้ำเลยก็ว่าได้ก็เมากันแทบทั้งกลุ่มมีเอ้กับนันยังพอดูแลเพื่อนได้แต่ก็เมาเหมือนกันส่วนผมแค่กลึ่มๆ ผมให้แม่บ้านจัดห้องนอนรวมไว้ให้กลุ่มของเอ้เกือบตีสามผมให้ไปอาบน้ำนอนกันได้แล้วต่างคนต่างเมาหมิวเมาแล้วอวกเดือดร้อนผมซิทีนี้ เพราะอวกเลอะเสื้อกางเกงที่ใส่ พวกในกลุ่มก็เมาไม่อาบน้ำกันแล้วพากันเข้าห้องนอนกันเลย ผมกับเอ้ก็ช่วยกันประคองหมิวไปล้างตัวและเปลี่ยนชุดในห้องของผมกับเอ้ เพราะในห้องที่จัดไว้ไม่มีห้องน้ำในตัวแล้วเสื้อผ้าเอ้ก็อยู่ในห้องของผมกับเอ้ พอประคองเข้าไปในห้องน้ำหมิวอวกมาใส่ตัวผมทีนี้เละทั้งคู่ เอ้เห็นผมเลอะไปทั้งตัวก็บอกว่า
"พี่เสือจัดการให้ทีนะ...เอ้ไม่ไหวแล้วเมา"
"เห้ย!แล้วใครจะล้างตัวให้หมิว"
"ก็พี่เสือไง...ใหนๆตัวก็เปื้อนแล้ว"
"ให้พี่ล้างตัวให้หมิวนี่นะ"
"เอาน่าพี่เสือนึกว่าเป็นเอ้ก็แล้วกัน...เอ้ไม่ไหวแล้วเมาขอไปนอนก่อน" พูดเสร็จก็เดินไปนอนแทนที่จะนอนในห้องนี้
กลับเดินไปนอนห้องที่จัดไว้ให้พวกเพื่อนๆ ผมก็หันมาเขย่าตัวหมิว
"ลุกล้างตัวไหวมั๊ย" หมิวหลับตาส่ายหัว
"ไม่ไหวพี่" หมิวฟุบอยู่กับอ่างอาบน้ำ
ผมเปิดน้ำผสมน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำและเดินไปในห้องที่จัดไว้ปรากฎว่าหลับกันเกลื่อนไปหมดกลับเข้าไปในห้องแล้วถอดเสื้อผ้าที่เลอะอวกออกแล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวแทนเวลานั้นไม่ได้คิดอะไรเลย แล้วเตรียมชุดนอนของเอ้ไว้เปลี่ยนให้หมิวแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำแล้วไปเรียกหมิวอีกครั้ง
"ไหวมั๊ยหมิว" หมิวส่ายหัว ผมเลยค่อยๆถอดเสื้อสายเดี่ยวที่เลอะออกและค่อยๆถอดกางเกงยีนเอวต่ำออก เผยให้เห็นสัดส่วนจากที่ไม่ได้คิดอะไร พอเห็นสองเต้าที่ล้นบราไร้สายสีเนื้อ และโหนกเนื้อที่ดันกางเกงใน เป็นรูปร่างชัดเจน ทำให้ไอ้เสือน้อยของผมพุ่งดันผ้าขนหนูเด่ยังกับเสากระโดงเรือ แล้วผมก็เรียกหมิวอีกครั้ง
"หมิว พี่ล้างตัวให้นะ" หมิวพยักหน้าแต่ยังหลับตาอยู่ ผมอุ้มหมิวลงในอ่างอาบน้ำ แล้วพยายามทำใจถอดบราออกผิวขาวๆนมตั้งเต้าหัวนมสีชมพู เอาฟองน้ำมาบีบสบู่เหลว ไล้ไปตามตัวโดยเฉพาะเต้าทั้งสองใหนๆก็ใหนๆผมใช้มือลูบไล้ วนเน้นหัวนม ไอ้เสือน้อยของผมแข็งเป็นลำพงกหัวงึกๆๆ แล้วก็บรรจงถอดกางเกงใน ตัวน้อยออกบีบสบู่เหลวลงกลางฝ่ามือ ค่อยๆลูบไล้ ลงไปบนโหนกเนื้อที่มีขนอ่อนอยู่กระจุกนึงลากมือลงไปตามหลืบร่องแทบจะไม่มีส่วนใหนของหมิวที่ไม่โดนผมลูบไล้ ด้วยสบู่เหลว ด้วยความอึดอัดของไอ้เสือน้อยของผมๆดึงผ้าขนหนูที่นุ่งอยู่ออกแล้วล้างสบู่เหลวออกจากตัวหมิว หัวนมสีชมพูแข็งสู้มือเสียงหลิวครางเบาๆไอ้เสือน้อยของผมแข็งเป็นลำจนผมต้องสาวเข้าสาวออกจนน้ำพุ่งกระฉูดเพื่อคลายความอึดอัด แล้วผมก็ล้างตัวผมจนสะอาดแล้วอุ้มหมิวลงบนผ้าขนหนูที่ผมถอดออกค่อยๆเช็ดตัวหมิว จนตัวแห้ง แล้วอุ้มไปนอนบนเตียงซึ่งเวลานี้หมิวนอนโชว์เรือนร่างที่เย้ายวนให้ผมยืนมองไอ้เสือน้อยแข็งชี้เด่ยืนชั่งใจอยู่ พอนึกถึงคำพูดของเอ้ ให้นึกว่าเป็นเอ้ก็แล้วกัน ผมก็นั่งลงไปข้างตัวหมิวแล้วกระซิบข้างหู "สบายตัวมัย" หลับตาหมิวพยัก "พี่ทาแป้งให้นะ" ผมไม่รอคำตอบจากหมิวผมเอาแป้งที่หน้ากระจกเทใส่หลังของหมิวทาไปทั่วแผ่นหลังและแก้มก้นอย่างเบามือ ..