ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ชั่วนิจนิรันดร   ตอนที่  1 เปิดตัวเมืองน่านหรือนันทบุรี

เริ่มโดย wattana2015, มกราคม 11, 2016, 04:40:18 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

wattana2015

                        ชั่วนิจนิรันดร  BY  Man M.16


                         

ชั่วนิจนิรันดร   ตอนที่  1  เปิดตัวเมืองน่านหรือนันทบุรี

               ฉันรักเธอรักเธอเสมอ ดั่งดวงชีวิต.....
                รักฉันชั่วนิจนิรันดรแม้กายห่างไกล...
                ใจก็หวงห่วงนิวรณ์ถึงแม้ม้วยมรณ์ไม่ถอนรักที่มี...
                รักฉันมั่นเหมือนดังตะวัน มั่นรักฟากฟ้า...
                รักดังหมู่ปลารักวารีเหมือนดังกับแหวน แสนจะรักแก้ว..มณี
                เหมือนขุนคีรีสวาทพื้น ดินเดียวกัน
                                ...มากมายเหมือนกับราวห้วงมหรร-ณพ
                                มิรู้จบดังกับมี ทำนบกั้น
                                แต่มั่นคงเหมือนดั่งสิงขร ซ้อนแผ่นดินนั้น
                                ทั้งความซื่อสัตย์  มัดใจคงมั่น
                                ดั่งตะวันซื่อต่อฟ้า
                                ฉันรักเธอแท้จริงเสมอ ไม่ลวงให้หลง
                รักฉันมั่นคงดังวาจา
                เห็นใจเถิดหนอขอมอบไว้ให้สัญญา
                ฉันจะบูชาชั่วนิจ นิรันดร
                ชั่วนิจ นิรันดร ชั่ว นิจ นิรัน-ดร.....




        เสียงเพลงอันไพเราะขับขานแว่วหวานมาแต่ไกลตามลมในสายลมหนาวแรกอันแสนจะเงียบเหงาในห้วงภวังค์ของชายหนุ่มหล่อ
เข้มคมขำ ผู้มีบุคลิกเหมือนนักรบไทยในสมัยโบราณ ผิวของเขาออกสีดำแดงเพราะกิจกรรมของเขาน่าจะอยู่กลางแจ้งเป็นส่วนมากบอก
ว่า ลักษณะเป็นคนแข็งแรงสมเป็นชายไทยชาติทหาร เขาผู้นี้มีนามว่า เอกราช ชาญณรงค์ หรือที่ผู้คนเรียกเขาทั่วไปด้วยความคุ้นเคย
ว่า เอก อดีตทหารกล้าผู้ผ่านการประจำการจากฐานปฏิบัติการของทางทหารในสามจังหวัดชายแดนใต้มาแล้ว

     โดยพื้นเพชายหนุ่มนั้นเป็นคนจังหวัดน่าน เมืองสุดล้านนาตะวันออกของไทยที่มีคนเรียกขานนามเมืองเก่าว่าเมืองนันทบุรี เมืองแก่
โบราณนับอายุย้อนไปร่วมแปดร้อยกว่าปี อายุร่วมยุคราวเดียวอาณาจักรสุโขทัยเมืองเก่าทีเดียว

เขานั่งนิ่งอยู่ในภวังค์ในห้วงแห่งความคิดนั้นย้อนถึงเรื่องในอดีตของเขากับคนรักที่พึ่งแยกทางกันไปไม่นาน เพราะความไม่เข้าใจกันบางประการ ซึ่งภาพในอดีตระหว่างเขาและเธอที่ผ่านมายังอยู่ในความทรงจำอย่างมิรู้ลืม แต่เขานั้นไม่ได้โทษเธอในเรื่องเหล่านี้ เขาเพียง
โทษตัวเองที่อาจจะดูเป็นคนรักที่ไม่ค่อยมีเวลาและเอาใจใส่ในตัวฉันท์คนรักมากพอ ทำให้เธอนั้นอาจมีความน้อยใจในตัวเขาอยู่บ้าง 

     ในห้วงความทรงจำแห่งความคิดถึงนั้นเขาได้หวนคิดถึงวันที่เขาและเธอทั้งคู่ช่วงคบกันใหม่ๆ เธอหญิงสาวผู้เป็นรักแรกมิรู้ลืมของ
ชายหนุ่ม  แก้วกัลยา แสนหล้า หรือที่เขาเรียกเธออย่างสนิทฉันคู่รักว่า น้องแก้ว   เธอนั้นเป็นสาวสวยผู้มีบุคลิกอันอ่อนโยนของหญิง
สาวชาวล้านนาพื้นถิ่นทั่วไป มีความแจ่มใสอยู่เป็นนิจ พูดจาไพเราะอ่อนหวานกับทุกคนเคารพนบนอบกับผู้ใหญ่ทุกคนเสมอกัน 

ผมสีดำยาวถึงเกือบบั้นเอวสลวยสวยเป็นเงางามเหมือนขนนกกาน้ำดวงตาคู่สวยสีดำนั้นมีเสน่ห์หวานซึ้ง คิ้วโก่งคมสวยโดยไม่ต้องการ
เสริมแต่งใดๆผิวขาวผุดผ่องมีน้ำมีนวลด้วยวัยสาวสะพรั่ง อายุในราว 20 ปีกว่าๆ วงหน้าเธอเรียวสวยปากนิดจมูกหน่อยลงตัวเป็นที่ยิ่ง
ใบหน้าของเธอมักประดับไปด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน เรียวฟันขาวสะอาดสดใสเหมือนไข่มุกที่มีราคา


น้องแก้ว

เธอรูปร่างสวยงามไม่สูงมากนักราวๆ 165 เซนติเมตร มาตรฐานหญิงไทยทั่วไป ชวนให้ผู้พบเห็นตะลึงในความสวยงามของเธอที่งามดังนางฟ้าก็ไม่ปาน แก้วนั้นมักมานั่งอ่านหนังสือที่เธอชอบอยู่ที่มุมชิงช้าไม้เล็กๆหลังบ้านเธอ เวลาอ่านหนังสือเธอมักพกเครื่องเล่นเพลง
แฟรชไดร์ฟตัวเล็กๆมาเปิดฟังยามเธอนั้นเพลิดเพลินกับอ่านหนังสืออยู่เสมอ

   ส่วนมากเป็นเพลงเพราะฟังสบายไม่หนักหรือพวกเพลงป๊อบตามยุคสมัยหรือลูกทุ่งที่กำลังอยู่ในความนิยม หลายครั้งที่เอกมาหาคู่รัก
เขามักแอบจ้องมองภาพสวยงามยามคู่รักของตนนั่งชิงช้าไม้อ่านหนังสืออย่างมีความสุข บางครั้งเขาก็เห็นเธอนั้นมีรอยยิ้มระบายบนใบ
หน้าอันแสนหวานนั้นเป็นระยะ เขามักมักจ้องมองภาพอันสวยงามนั้นจนลืมเวลาอยู่เสมอ

ในบางครั้งเขาเองก็ชอบที่เข้าไปหยอกเย้าคู่รักแสนสวยของตนอยู่บ่อยๆ ด้วยการย่องเบาๆเดินอ้อมไปทางด้านหลังชิงช้าที่เธอกำลังนั่ง
อ่านหนังสืออย่างใจจดจ่อนั้น แล้วเอื้อมมือทั้งคู่ไปปิดดวงตาคู่สวยนั้นที่กำลังเพ่งมองไปยังตัวอักษรในหนังสือที่เธอกำลังอ่านอยู่

     พร้อมกระซิบเบาหยอกล้อริมใบหูขาวผ่องของเธอว่า
" ลองทายซิใครเอ่ย " เธอก็รู้ว่าคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคู่รักจอมทะเล้นของเธอนั่นเอง  เธอก็ยกมือขึ้นมาดึงมือคู่รักออกจากดวงตาคู่สวยนั้นพร้อมทั้งหยิกเบาๆที่หลังมือคู่รัก ที่แอบมาหยอกเธอเล่นขณะกำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างเพลิดเพลินลืมเวลา และหัวเราะเบาๆให้กับความทะเล้นของเอกคู่รักของเธอ 

     ในห้วงคำนึงเค้ายังนึกย้อนไปถึงความทรงจำครั้งแรกของเขาและเธอในคืนวันลอยกระทงเมือสามปีที่แล้ว ค่ำคืนวันลอยกระทงคืนนั้นวันเพ็ญเดือนสิบสองหรือที่ชาวถิ่นล้านนาเรียกว่ายี่เป็ง เขาและเธอได้ออกไปร่วมงานเทศกาลลอยกระทงด้วยความสุขคู่รักทั้งคู่ได้ชวน
กันไปลอยกระทงที่ใน อ.เมืองน่าน หรือที่ชาวน่านเรียกกันติดปากตามภาษาท้องถิ่นว่า ในเวียง

หนุ่มและสาวจำนวนมากมายได้ออกมาร่วมงานเทศกาลกันอย่างคึกคัก ลูกเด็กเล็กแดงและชาวบ้านร้านถิ่นทุกเพศวัย วันนั้นทั้งคู่ได้ไปที่ตัวเมืองตั้งแต่ราวๆสี่โมงเย็น โดยที่ทั้งคู่ตั้งใจชวนกันไปทำบุญตามวัดใหญ่ในเมืองน่านตามความเชื่อในท้องถิ่นและเป็นประเพณีนิยม
ของคนในพื้นถิ่นเมืองน่าน  ทั้งคู่ชวนกันไปขึ้นวัดพระธาตุเขาน้อยเพื่อไหว้สักการะพระธาตุที่อยู่สูงที่สุดในตัวอำเภอเมืองน่าน 

เมื่อไหว้พระหินขาวในอุโบสถเสร็จก็ไหว้พระเจ้าทันใจตามความเชื่อของชาวถิ่นทางเหนือล้านนา อธิษฐานให้ความหวังของตนสมหวัง
ทุกประการดังใจในเร็วไวเหมือนชื่อองค์พระคือทันใจ  เสร็จแล้วสักการะพระธาตุเขาน้อยที่มีอายุอยู่ในราวไม่ต่ำกว่าสองร้อยห้าสิบปีเป็น
อย่างน้อยไหว้พระธาตุแล้วอธิษฐานถึงคู่รักของตน

     ไหว้พระธาตุเสร็จคู่รักก็พากันมานั่งดูจุดชมวิวมุมสูงของจังหวัดน่าน จุดชมวิวเมืองน่านที่สวยที่สุดของเมือง มองเห็นภาพในมุมสูง
กว้างไกลแบบพานอรามาไกลสุดสายตา ทั้งคู่ได้กระเซ้ากันด้วยความสุขไหว้สักการะพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ ณ.จุดชมวิวพระธาตุเขา
น้อย เสร็จแล้วก็พากันมาสักการะเสาพระหลักเมืองน่านที่วัดมิ่งเมือง

ตัววัดมิ่งเมืองนั้น สร้างประติมากรรมปูนปั้นอย่างวิจิตรพิศดารรอบตัววัดมากมาย สักการะเสาพระหลักเมืองเสร็จก็พากันไปวัดภูมินทร์ตรงข่วงเมืองน่าน  สถานที่สำคัญที่เป็นแลนมาร์คอีกแห่งของเมืองน่านถึงขนาดมีผู้กล่าวขานไว้ว่า มาเยือนจังหวัดน่านแต่ถ้าไม่ได้มาวัดภูมินทร์ก็เหมือนมาไม่ถึงเมืองน่านนั่นเอง เพราะเป็นวัดที่อยู่ตรงใจกลางเมืองก็ว่าได้

คู่รักได้เข้าไปกราบไหวสักการะพระประธานที่ไม่เหมือนที่ใดในเมืองไทย เพราะเป็นพระประธานองค์ใหญ่แบบปางมารวิชัยสี่องค์หันหลัง
ชนกันและหันหน้าออกทางทิศหลักทั้งสี่คือ เหนือ ใต้ ออก และตก เมื่อไหว้พระประธานและทำบุญหยอดปัจจัยในพระวิหารแล้ว คู่รักทั้งก็
ชวนกันมาลอดซุ้มใต้ท้องนาคคู่ขวัญที่มีลำตัวขนาดใหญ่เหมือนจะเทินเอาวิหารทั้งหมดของวัดภูมินทร์อยู่บนด้านหลัง

     โดยนาคใหญ่คู่ดังกล่าวหัน หันไปทางทิศเหนือ คือ ด้านข่วงเมืองน่านนั่นเอง นาคใหญ่คู่นี้มีเรื่องเล่าประกอบด้วยเคร่าๆว่า ผู้เป็นคู่รักมาลอดซุ้มใต้ท้องนาคคู่นี้ว่ากันว่าจะได้ครองรักกันยืนนานและสุขภาพแข็งแรงสืบไป ทั้งในอนาคตยังจะได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนายุคพระศรีอาริยเมตไตรยหรือพระศรีอารย์นั่นเอง ผู้ที่คนต่างถิ่นมาเยือนและได้ลอดใต้ท้องนาคคู่นี้ก็จะได้กลับมาเยือนเมืองน่านอีกในอนาคตอันใกล้ๆ 

เมื่อพากันทำบุญเสร็จแล้วคู่รักหนุ่มสาวก็ได้พากันเดินมายัง ข่วงเมือง เพื่อรอชมขบวนแห่นางนพมาศในวันคืนลอยกระทงพร้อมๆชาวเมืองน่านที่พากันออกมาชมขบวนกันอย่างคึกคักเต็มล้นสองข้างทาง  ในคืนวันพิเศษเช่นวันลอยกระทงนี้ชาวน่านหญิงชายมักนิยมแต่งกายด้วยผ้าทอพื้นเมืองอันสวยงามคือผ้าทอลายน้ำไหลแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดน่าน

ในคืนนี้ ฝ่ายคู่รักของเราก็แต่งตัวสวยงามด้วยผ้าทอเช่นกัน  น้องแก้วหญิงคู่รักของนายเอกชายหนุ่มของเราก็เช่นกันในคืนนี้ยิ่งสวยหวานและโดดเด่นมากขึ้นไปอีก สวยขนาดว่านางนพมาศประจำรถในขบวนแห่ของแต่ละชุมชนที่นั่งแจกยิ้มหวานในกระทงยักษ์บนรถแต่ละ
ขบวนยังกินเธอไม่ลง 

     ที่จริงมีผู้ใหญ่แถวชุมชนที่เธออยู่เคยมาทาบทามเธอกับพ่อแม่เธอหลายครั้งที่จะขอนำตัวเธอไปประกวดนางงามหลายต่อหลายเวที
แต่เธอได้พูดขอร้องกับท่านเหล่านั้นไว้ว่าเธอไม่ถนัดการประกวดแบบนี้และไม่ชอบที่จะอยู่ต่อหน้าผู้คนเป็นจำนวนมาก แมวมองแต่ละที่
พยายามมาทาบทามต่างบ่นเสียดายกันไปตามๆกัน

แต่ก็ไม่มีใครที่จะบังคับฝืนใจเธอ เพราะเธอได้คุยด้วยคำพูดอันอ่อนหวานในการปฏิเสธการเข้าประกวดแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น
อาเธอช่างสวยงามทั้งนอกและในบาดใจผู้พบเห็นนัก นายเอกหนุ่มหล่อของเราที่ได้ควงเธอออกมาเที่ยวนี้ แทบจะยิ้มไม่หุบตลอดเวลา
เมื่อสายตาของคู่รักหนุ่มสาวที่มองมาทั้งคู่อย่างอิจฉาในความเหมาะสมของทั้งคู่

ที่เปรียบได้กับคำเก่าเปรียบเปรยว่า กิ่งทองใบหยก นั่นทีเดียว ชายก็งามสง่าสมเป็นชายชาติทหาร ฝ่ายหญิงนั้นเล่าก็งามผุดผาดบาดตาเหมือนนางฟ้าก็ว่าได้  ทั้งคู่ต่างควงกันเที่ยวงานลอยกระทงด้วยความสุขใจอย่างยิ่ง คู่รักสวรรค์สร้างพากันซื้อกระทงใหญ่อันหนึ่งมา
ลอยร่วมกัน ณ.ที่ริมฝั่งน้ำน่าน
 
      ริมฝั่งน้ำน่านคืนนี้ยิ่งงามอร่ามตาเป็นพิเศษเมือฝูงชนจำนวนมากพร้อมใจกันพากันมาลอยกระทงที่ริมน้ำ ฝูงชนมีคนทุกเพศวัยพา
กันมาลอยกระทงปล่อยโคมลอยกระดาษ ด้วยความเชื่อที่ว่าจะส่งเคราะห์ส่งโชคร้ายสิ่งไม่ดีทั้งมวลให้พระแม่คงคารับไปทิ้งและนำสิ่งที่ดี
ใหม่เข้ามาสู่ตนทุกคน เวลาแห่งความสุขช่างสั้นนัก

หนุ่มสาวทั้งคู่คุยกันยังไม่ทันหายคิดถึงเวลาก็ล่วงเลยเข้าล่วงสองยามวันใหม่กำลังก้าวมาถึง ทั้งคู่ได้แต่พากันกลับบ้านทั้งที่เสียดาย
เวลาที่กำลังมีความสุขนี้มากๆ เพราะเวลามันดึกมากแล้วชายหนุ่มจึงขับรถไปส่งคู่รักที่บ้านของเธอ

      ขณะขับรถไปส่งคู่รักที่บ้านของเธอ เอกชายหนุ่มรูปหล่อก็ได้แต่มองน้องแก้วสาวคนรักด้วยความหลงใหลในความงามปานนางฟ้า
ของเธอ เขามีความสุขมากที่ได้หญิงสาวที่งามพร้อมอย่างเธอมาเป็นคู่รัก เขาไม่อยากให้ไปถึงบ้านของแก้วเลยแม้แต่น้อย แต่ก็จนใจ
เพราะบ้านเธอเองก็อยู่ไม่ไกลนัก ขับรถครู่เดียวก้อมาถึงยังหน้าบ้านสาวคนรักเสียแล้ว...

ขณะที่ลงมาส่งน้องแก้วคู่รัก พลันขณะนั้นทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงสำเนียงชวนน่าสงสัยแว่วมาจากบ้านพี่คม และ พี่นุชผัวหนุ่มเมียสาวที่มีลูก
ชายตัวเล็กวัยกำลังน่ารักหนึ่งคน...

เอาละสิ...เสียงที่ว่านั้นคือเสียงอะไร..จะ.มีอะไรเกิดขึ้นกับคู่รักหนุ่มสาวของเรา
....................................

               
                โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ  เร็วๆนี้
    ผมขอรอดูกระแสนิดนึงว่า  พอจะมีคนติดตามงานเขียนใหม่ของนักแต่งหน้าใหม่กันไหม  รอกระแสรีพลายสวยๆสักเล็ก
น้อยจะนำตอนต่อไปที่ผมแต่งไว้แล้วมาลงต่ออย่างทันควันต่อไปครับ  อะแฮ่ม คอมเม้นต์เป็นกำลังใจกันด้วยนะครับ 555




kai1957ac

เพลงหวาม รักหวาน บรรยากาศหวาน แล้ว เอกราช ไปทำพลาดตรงไหนเอ่ย

joker socool

เพลงก็เพราะเนื้อหาชวนให้คิดถึงเมืองเหนือมากครับ  อ่านไปฟังเพลงไปผมนี่เคลิ้มเลย...แต่อยากให้มีลิงค์อ่านเรื่องนี้ต่อจัง  ยอมรับเลยว่าหาตอนต่อไปยากอยู่ครับ5555  เป็นกำลังใจให้เขียนต่อนะครับ

Sakdiwichai Ontong


suriyamahajit


timshel