ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เฟรชชี่หมอผี ตอนที่ 5 เริ่มต้นบทเรียน (รักและรบ)

เริ่มโดย sim2000, พฤษภาคม 08, 2025, 03:51:34 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

sim2000

"บทเรียนแรก อาจไม่ใช่ในตำรา... แต่คือการเรียนรู้ที่จะเล่นเกม... ทั้งเกมรัก และเกมรบ"

แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนคอนโดหรู ปลุกร่างสูงที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงให้รู้สึกตัว อาจารย์คม หรือ นนท์ ลืมตาขึ้นช้าๆ ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้ไม่ใช่ความปวดเมื่อยเหมือนตอนฟื้นที่โรงพยาบาล แต่เป็น... พลัง... พลังงานอาคมที่ไหลเวียนอยู่ในร่างอย่างเต็มเปี่ยม มันอุ่นร้อน ซาบซ่าน และทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์ ประสาทสัมผัสทุกส่วนเฉียบคมขึ้นอย่างชัดเจน เขารู้สึกได้ถึงกระแสพลังงานในอากาศรอบตัว และแม้กระทั่งเสียงนกร้องนอกหน้าต่างก็ยังดังชัดเจนกว่าที่เคย

นี่คือผลลัพธ์จากการชาร์จพลัง เมื่อคืนนี้... การเสพสมกับน้ำตาลมันมอบพลังให้เขามากกว่าที่ได้จากเนยและโรเซ่รวมกันเสียอีก! หรืออาจจะเป็นเพราะความดุเดือด และถึงใจ ของบทรักเมื่อคืน ที่ทำให้พลังงานถูกปลดปล่อยออกมามากกว่าปกติ?

เขาเหลือบมองร่างเปลือยเปล่าของสาวใต้หุ่นสะบึมที่นอนหลับหายใจสม่ำเสมออยู่ข้างๆ ใบหน้าคมสวยยามหลับดูไร้เดียงสา ผิดกับตอนอยู่บนเตียงเมื่อคืนลิบลับ ผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดมีร่องรอยสีกุหลาบจางๆ จากฝีมือเขาประปราย หน้าอกใหญ่ที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจนั้นช่างยั่วยวนใจเหลือเกิน...

ความคิดนั้นยังไม่ทันจางหาย ร่างข้างๆ ก็ขยับเล็กน้อย เปลือกตาของน้ำตาลค่อยๆ เปิดขึ้น ดวงตาคู่สวยที่ยังมีแววง่วงงุนอยู่เล็กน้อยเบิกกว้างขึ้นนิดๆ เมื่อสบเข้ากับสายตาคมกริบของนนท์ที่จ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว

"อื้อ... ตื่นแล้วเหรอ?" น้ำตาลถามเสียงงัวเงีย ยิ้มหวานให้เขาอย่างไม่อายที่จะอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าด้วยกัน

"ครับ... ตื่นสักพักแล้ว" นนท์ตอบ ยิ้มบางๆ "เมื่อคืน... นอนหลับสบายไหม?"

"สบายมากกกก" น้ำตาลลากเสียงยาว พลิกตัวตะแคงเข้าหาเขา ใช้แขนเท้าศีรษะ มองสำรวจใบหน้าหล่อเหลาของนนท์อย่างหลงใหล "ไม่เคยหลับสบายเท่านี้มาก่อนเลย... สงสัยเพราะมีคนกอดทั้งคืน" เธอพูดพลางใช้นิ้วลากไล้ไปตามแผงอกของเขาเบาๆ

อาจารย์คมรู้สึกถึงความร้อนที่ก่อตัวขึ้นในร่างอีกครั้ง... ทั้งจากสัมผัสของเธอ และจากพลังงานที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ในกาย สัญชาตญาณบางอย่างร้องบอกว่า... พลังงานที่ได้มาเมื่อคืนมันอาจจะยังไม่เสถียร... การกระตุ้น มันอีกครั้ง อาจจะช่วยให้มันหลอมรวมเข้ากับร่างนี้ได้ดีขึ้น... หรืออย่างน้อย... นั่นก็เป็นข้ออ้างที่ดีสำหรับการแอบกิน ยกสอง...

เขารวบร่างของน้ำตาลเข้ามากอดแน่น บดเบียดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง จูบครั้งนี้ไม่ได้ร้อนแรงเหมือนเมื่อคืน แต่เต็มไปด้วยความนุ่มนวล หยอกเย้า และสื่อถึงความต้องการที่ยังไม่จางหาย

น้ำตาลตอบสนองอย่างเต็มใจทันที เธอเองก็ยังรู้สึกติดใจ จากรสรักเมื่อคืนไม่น้อย วงแขนเรียวโอบรอบคอเขา ลิ้นร้อนๆ เกี่ยวพันกันอย่างดูดดื่ม

บทรักบทใหม่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งบนเตียงนอนนุ่ม ท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามา คราวนี้บรรยากาศผ่อนคลายและคุ้นเคยกันมากขึ้น ไม่มีความเร่งรีบหรือดุดันเหมือนเมื่อคืน แต่เน้นไปที่การสำรวจ การหยอกเย้า และการสร้างความสุขให้แก่กันและกันอย่างช้าๆ ละเมียดละไม

อ่า... นนท์...

 เขารู้จริงๆ ว่าต้องทำยังไง...

น้ำตาลคิดอย่างเคลิบเคลิ้ม สัมผัสของเขามันช่างอ่อนโยนแต่ก็เร้าใจเหลือเกิน ทุกครั้งที่เขาลากไล้ปลายนิ้ว หรือใช้ริมฝีปากสัมผัสจุดอ่อนไหว มันทำให้เธอแทบคลั่ง... เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะยอมให้ใครง่ายๆ แบบนี้ แต่กับนนท์... เธอรู้สึกเหมือนยอมให้เขาได้ทุกอย่าง... เขามีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึก... ปลอดภัย... และ... ถูกเติมเต็ม...

คมดื่มด่ำกับความสุขทางกายที่ได้รับจากร่างหนุ่มนี้ เขาสัมผัสเรือนร่างสีน้ำผึ้งอันน่าหลงใหลของน้ำตาลอย่างละเอียดลอออีกครั้ง เรียนรู้ทุกส่วนโค้งเว้า ทุกจุดที่ทำให้เธอสั่นสะท้าน ขณะเดียวกัน เขาก็เพ่งสมาธิไปที่พลังงาน ที่กำลังไหลเวียน เขาลองควบคุมมัน... ดึงมันเข้ามา... หลอมรวมกับพลังของตัวเอง... เขารู้สึกได้ว่าพลังงานที่ได้จากน้ำตาลนั้นมีลักษณะร้อนแรง และดิบ กว่าพลังงานที่เยือกเย็นแต่ซับซ้อนกว่าของโรเซ่... หรือว่าคุณภาพ ของพลังงานจะขึ้นอยู่กับบุคลิกและอารมณ์ของเจ้าของร่าง?

เขาบรรเลงเพลงรักต่อไปเรื่อยๆ เปลี่ยนท่วงท่าไปตามใจปรารถนา จากท่านุ่มนวลเป็นการโอบอุ้ม หรือการนั่งคร่อมตักที่เปิดโอกาสให้ได้สบตากันอย่างลึกซึ้ง น้ำตาลให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ส่งเสียงครางหวานออกมาเป็นระยะ และถึงจุดสุดยอดไปอีกครั้ง...

ครั้งนี้ คมไม่ได้รู้สึกถึงพลังงานที่ทะลักเข้ามามากมายเหมือนเมื่อคืน แต่เขารู้สึกว่าพลังงานที่มีอยู่เดิมมันนิ่งและเสถียร มากขึ้น เขาสามารถควบคุมมันได้ดีขึ้น... เหมือนกับการวอร์มอัพเครื่องยนต์ให้พร้อมใช้งาน...

เมื่อบทรักครั้งที่สองจบลง ทั้งคู่ต่างก็หอบหายใจเล็กน้อย แตไม่ได้หมดแรงเหมือนเมื่อคืน

"นนท์อ่ะ... แกล้งกันแต่เช้าเลยนะ" น้ำตาลพูดเสียงงอนๆ ซบหน้ากับอกเขา

"ก็เห็นเราน่ารักดีนี่นา" คมตอบยิ้มๆ ลูบผมเธอเบาๆ "หิวรึยัง? เดี๋ยวหาอะไรให้กิน"

"หิวสิ... ใช้แรงไปเยอะขนาดนี้" น้ำตาลหัวเราะคิกคัก "แต่... น้ำตาลคงต้องกลับแล้วล่ะ เดี๋ยวเพื่อนที่หอสงสัยแย่เลย"

"อืม... ก็ได้" คมพยักหน้าเข้าใจ เขาเองก็ต้องการเวลาส่วนตัวเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันแรกของการเรียนจริงๆ จังๆ "เดี๋ยวไปส่งนะ"

"ไม่ต้องหรอก น้ำตาลกลับเองได้" เธอลุกขึ้นจากเตียง เริ่มต้นเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายมาสวมใส่ "แล้ว... เราจะได้เจอกันอีกไหม?" น้ำตาลถามขณะแต่งตัว ดวงตาฉายแววคาดหวัง

คมมองท่าทางนั้นแล้วก็ใช้วาทศิลป์ อีกครั้ง "แน่นอนสิครับ... คนน่ารักอย่างน้ำตาล... ใครจะปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ ล่ะ จริงไหม?" เขาเดินเข้าไปใกล้ โน้มตัวลงไปกระซิบข้างหู "ไว้ว่างๆ... ผมจะโทรหานะ"

น้ำตาลหน้าแดงก่ำ ยิ้มกว้างอย่างพอใจ "สัญญาแล้วนะ!"

"ครับ สัญญา" คมยืนยัน

หลังจากน้ำตาลแต่งตัวเสร็จและขอตัวกลับไปแล้ว อาจารย์คมก็ยืนมองตามร่างนั้นไปจนลับสายตา ก่อนจะถอนหายใจยาว... เขารู้สึกถึงพลังที่เต็มเปี่ยมในร่าง... และความรู้สึกผิดที่จางลงไปเล็กน้อย... บางที... การหาความสุขให้แหล่งพลังงาน ของเขาอย่างเต็มที่ อาจจะเป็นการตอบแทน ที่ยุติธรรมที่สุดแล้วก็ได้... ตราบใดที่เขาไม่หลอกลวงความรู้สึก หรือให้ความหวังลมๆ แล้งๆ จนเกินไป...

เขาส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน รีบไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมพร้อมสำหรับบทเรียน แรกในชีวิตนักศึกษา... และบทเรียนอื่นๆ ที่กำลังจะตามมา...

หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย นนท์ก็นึกถึงข้อความจาก แพร ที่ค้างอยู่ในไลน์ เขาเปิดอ่านดู...

"นนท์ นี่แพรเองนะ พอดีพรุ่งนี้แพรมีเรื่องอยากจะรบกวนนิดหน่อยเกี่ยวกับเอกสารลงทะเบียน ไม่รู้ว่านนท์พอจะว่างคุยด้วยแป๊บนึงไหม?"

เอกสารลงทะเบียน? หรือเป็นแค่ข้ออ้าง? นนท์คิดในใจ แต่ก็ตอบกลับไปอย่างสุภาพ "ได้ครับแพร ว่าแต่จะสะดวกเจอกันตอนไหนดี?"

"ก่อนเข้าคลาสแรกดีไหม? สักแปดโมงครึ่ง ที่ร้านกาแฟใต้ตึกคณะวิทย์ฯ?" แพรตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

"โอเคครับ แล้วเจอกัน" นนท์พิมพ์ตอบ

แปดโมงครึ่ง นนท์เดินมาถึงร้านกาแฟตามที่นัดหมาย เขามองหาร่างของน้องสาวดาวคณะ... และก็เห็นเธอนั่งรออยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง ในชุดนักศึกษาเรียบร้อย ผมยาวสลวยถูกรวบไว้หลวมๆ เผยให้เห็นใบหน้าน่ารักสดใสที่ดูตื่นเต้นเล็กน้อย

"โทษที รอนานไหม?" นนท์เดินเข้าไปทัก

"อ๊ะ! นนท์... ไม่นานจ้ะ แพรก็เพิ่งมาถึง" แพรเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ แก้มใสๆ ขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อยเมื่อสบตากับเขาตรงๆ

"แล้ว... มีเรื่องอะไรให้ช่วยเหรอ?" นนท์ถามพลางทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

"คือ... แพรมีปัญหากับเอกสารลงทะเบียนนิดหน่อยน่ะจ้ะ ไม่แน่ใจว่ากรอกถูกรึเปล่า เห็นนนท์อยู่กลุ่มใกล้ๆ กันตอนปฐมนิเทศ เลยคิดว่าน่าจะพอช่วยดูให้ได้" แพรพูดพลางหยิบเอกสารออกมาวางบนโต๊ะ

นนท์รับเอกสารมาดูคร่าวๆ... ก็ดูเหมือนจะเป็นเอกสารลงทะเบียนทั่วไป ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเป็นพิเศษ... ดูเหมือนว่านี่จะเป็นแค่ข้ออ้าง จริงๆ สินะ...

"อืม... ก็ดูเรียบร้อยดีนะ ไม่มีอะไรผิดพลาดนี่" เขาพูดพลางส่งเอกสารคืนให้

"จริงเหรอ? โล่งอกไปที" แพรทำท่าถอนหายใจอย่างโล่งอก "ขอบคุณนะนนท์ แพรนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ เลย"

"ไม่เป็นไรหรอกน่า เรื่องเล็กน้อย" นนท์ยิ้มตอบ "ว่าแต่... ตื่นเต้นไหม วันแรกของการเรียนมหาวิทยาลัย?" เขาชวนคุยต่อ พยายามใช้วาทศิลป์ สร้างบรรยากาศสบายๆ

"ตื่นเต้นมาก!" แพรตาเป็นประกาย "ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัวนิดๆ กลัวว่าจะเรียนไม่รู้เรื่อง กลัวจะไม่มีเพื่อน..."

"ไม่หรอกน่า แพรทั้งสวยทั้งน่ารักขนาดนี้ เดี๋ยวก็มีเพื่อนเต็มคณะแล้ว" นนท์ชมอย่างตรงไปตรงมา แต่แฝงความจริงใจ

แพรหน้าแดงกว่าเดิม ก้มหน้างุด "นนท์ก็พูดไปเรื่อย..."

"พูดจริงๆ นะ" นนท์ยืนยัน จ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ "เชื่อสิว่าแพรจะต้องเป็นดาวเด่นของรุ่นได้ไม่ยากเลย... แค่ต้องมั่นใจในตัวเองหน่อย"

คำพูดที่เหมือนจะให้กำลังใจธรรมดาๆ แต่มันกลับส่งผลต่อจิตใจของแพรอย่างแรง เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ในท้อง... ผู้ชายคนนี้... ทำไมเขาถึงพูดจาเหมือนรู้จักเธอดีนะ? ทำไมคำพูดของเขาถึงทำให้เธอรู้สึก... พิเศษ... และมั่นใจขึ้นมาได้?

"ขอบคุณนะนนท์" เธอพูดเสียงเบา แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ

พวกเขานั่งคุยกันต่ออีกสักพัก ส่วนใหญ่เป็นแพรที่เล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ฟัง ส่วนนนท์ก็รับบทผู้ฟังที่ดี คอยถามคำถามกระตุ้น และสอดแทรกคำพูดที่แสดงความเข้าใจและชื่นชมเป็นระยะๆ เขาสังเกตเห็นว่าแพรดูเปิดใจกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ เล่าเรื่องส่วนตัวมากขึ้น หัวเราะมากขึ้น และสายตาที่มองมาก็เต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างปิดไม่มิด

เด็กสาวก็คือเด็กสาวสินะ... แพ้คำชมและท่าทีที่เข้าใจ... อาจารย์คมคิดอย่างรู้เท่าทัน แต่ก็อดรู้สึกเอ็นดูในความสดใสไร้เดียงสานี้ไม่ได้... แพรดูแตกต่างจากน้ำตาล หรือแม้แต่พี่สาวของตัวเองอย่างพี่แพรว... เธอเหมือนลูกแกะน้อยที่น่าทะนุถนอม... ซึ่งนั่นก็ทำให้เขารู้สึก... ลังเล... ที่จะใช้เธอเป็นแหล่งพลังงาน

แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่มีทางเลือกมากนัก...

"ใกล้ได้เวลาเข้าคลาสแรกแล้ว แพรขอตัวก่อนนะ" แพรพูดขึ้นเมื่อดูนาฬิกา

"ครับ ไว้เจอกันนะแพร" นนท์ยิ้มให้

"จ้ะ ไว้เจอกันนะนนท์" แพรยิ้มตอบอย่างสดใส ก่อนจะรีบเก็บของแล้วเดินออกไปจากร้าน ทิ้งให้นนท์นั่งมองตามหลังไปเงียบๆ

การพบกันครั้งนี้... ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี... เขาสามารถสร้างความประทับใจและความไว้วางใจให้แพรได้ในระดับหนึ่งแล้ว... ส่วนขั้นต่อไป... คงต้องรอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม...

นนท์ลุกจากร้านกาแฟ เดินไปยังตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์เพื่อเข้าเรียนคลาสแรกของชีวิตนักศึกษา... วิชาแคลคูลัสสำหรับวิศวกร

บรรยากาศในห้องเลคเชอร์ขนาดใหญ่คึกคักแต่ก็แฝงความตึงเครียดเล็กน้อย เพื่อนร่วมคณะวิศวะฯ หน้าใหม่หลายร้อยคนนั่งกันเต็มห้อง ต่างคนต่างจับจ้องไปที่อาจารย์ผู้สอนซึ่งเป็นชายสูงวัยท่าทางเคร่งขรึม ที่กำลังอธิบายหลักการเบื้องต้นของแคลคูลัสด้วยศัพท์แสงทางเทคนิคล้วนๆ

อาจารย์คมฟังไปพลางประเมินไปพลาง... เนื้อหาคณิตศาสตร์ระดับนี้ไม่ได้ยากเกินความเข้าใจของเขาเลยแม้แต่น้อย สมัยที่เขาเป็นนักศึกษา เขาก็เคยผ่านวิชาพวกนี้มาแล้ว แถมยังเคยศึกษาตำราคณิตศาสตร์ชั้นสูงและเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ที่ซับซ้อนกว่านี้มากเพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรมและสร้างยันต์ต่างๆ

เขาสังเกตเห็นเพื่อนๆ หลายคนเริ่มทำหน้าเหยเก หรือขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ บางคนก็แอบหยิบมือถือขึ้นมาเล่นแก้เบื่อ

เด็กสมัยนี้... สมาธิสั้นกันจริงๆ... เขาคิดอย่างระอาใจ

คลาสแรกผ่านไปอย่างรวดเร็วตามด้วยวิชาฟิสิกส์สำหรับวิศวกร ซึ่งก็ไม่ได้สร้างความลำบากให้เขาเท่าไหร่นักเช่นกัน เขาตอบคำถามที่อาจารย์ถามได้สองสามครั้งอย่างถูกต้องและรวดเร็ว จนเพื่อนๆ บางคนหันมามองด้วยความทึ่ง

ช่วงบ่าย นนท์มีเรียนวิชาศึกษาทั่วไป ซึ่งนนท์คนเดิมลงทะเบียนไว้ เป็นวิชาเกี่ยวกับปรัชญาและตรรกศาสตร์เบื้องต้น ซึ่งจัดสอนที่ตึกคณะศิลปศาสตร์

เมื่อเดินเข้ามาในห้องเรียนขนาดกลาง เขาก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไป นักศึกษาส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และดูผ่อนคลายกว่านักศึกษาคณะวิศวะฯ มาก

และอาจารย์ผู้สอน... ก็คืออาจารย์จอย อาจารย์สาวสวยที่เขาเคยประทับใจในความสามารถเมื่อวันปฐมนิเทศนั่นเอง!

วันนี้อาจารย์จอยอยู่ในชุดเดรสทำงานสีสุภาพแต่ดูดี ผมยาวสลวยถูกรวบไว้เรียบร้อย ใบหน้าสวยใสดูฉลาดและมีชีวิตชีวา เธอกำลังยืนอธิบายภาพรวมของวิชาด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะและชัดเจน

นนท์เลือกที่นั่งแถวกลางๆ ไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป ตั้งใจฟังบทเรียนอย่างสนใจ... ไม่ใช่เพราะเนื้อหาวิชาที่เขาก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่เพราะผู้สอน ต่างหาก... อาจารย์จอยมีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดใจ... ไม่ใช่แค่ความสวย แต่เป็นความฉลาด ความมั่นใจ และความกระตือรือร้นในการถ่ายทอดความรู้... เธอแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาเจอมา...

คาบเรียนดำเนินไปอย่างน่าสนใจ อาจารย์จอยมีวิธีการสอนที่สนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ มีการยกตัวอย่างและเปิดโอกาสให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นอยู่ตลอดเวลา

ช่วงหนึ่ง อาจารย์จอยยกประเด็นเรื่องตรรกะวิบัติ (Logical Fallacy) ขึ้นมาอธิบาย พร้อมกับยกตัวอย่างสถานการณ์ที่ซับซ้อนขึ้นมาให้นักศึกษาลองวิเคราะห์

"สมมติว่ามีนักการเมืองคนหนึ่ง ถูกกล่าวหาว่าทุจริต แต่เขาก็ออกมาโต้แย้งว่า คนที่กล่าวหาเขาก็เคยมีประวัติไม่ดีเหมือนกัน ดังนั้นข้อกล่าวหาของคนๆ นั้นจึงเชื่อถือไม่ได้... นักศึกษาคิดว่าการโต้แย้งแบบนี้ มีตรรกะวิบัติในรูปแบบไหนซ่อนอยู่คะ?" อาจารย์จอยตั้งคำถาม มองไปรอบๆ ห้อง รอคำตอบ

นักศึกษาส่วนใหญ่เงียบ บางคนก้มหน้าดูชีท บางคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก อาจจะเพราะคำถามค่อนข้างยาก หรือไม่กล้าตอบ

อาจารย์จอยยิ้มบางๆ กำลังจะอธิบายเฉลย แต่แล้ว...

"เป็นการโจมตีตัวบุคคล หรือ Ad Hominem แบบ Tu Quoque ครับ" เสียงทุ้มนุ่มเสียงหนึ่งดังขึ้นจากกลางห้อง

ทุกคนหันไปมองตามเสียง... นนท์นั่นเอง

อาจารย์จอยเลิกคิ้วเล็กน้อย มองไปยังนักศึกษาหนุ่มที่เธอจำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่เคยตอบคำถามน่าทึ่งในวันปฐมนิเทศ "อธิบายเพิ่มเติมได้ไหมคะ คุณ... นนทวัฒน์"

นนท์ลุกขึ้นยืนช้าๆ ตอบอย่างฉะฉานและมั่นใจ "คือแทนที่จะหักล้างข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตด้วยหลักฐานโดยตรง เขากลับเบี่ยงประเด็นไปโจมตีความน่าเชื่อถือของผู้กล่าวหา โดยอ้างว่าผู้กล่าวหาก็เคยทำผิดเหมือนกัน ซึ่งมันไม่ได้ทำให้ข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตของตัวเขาเองหายไป เป็นการใช้เหตุผลแบบคุณก็ทำเหมือนกัน หรือ Tu Quoque ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของ Ad Hominem ครับ"

คำอธิบายที่ชัดเจน กระชับ และถูกต้องแม่นยำ ทำให้อาจารย์จอยและเพื่อนร่วมชั้นหลายคนอ้าปากค้างเล็กน้อย... เด็กปีหนึ่งเนี่ยนะ จะเข้าใจเรื่องตรรกะวิบัติได้ลึกซึ้งขนาดนี้?

"เก่งมากค่ะ คุณนนทวัฒน์!" อาจารย์จอยเอ่ยชมด้วยความทึ่งอย่างไม่ปิดบัง "เป็นคำตอบที่ถูกต้องและอธิบายได้ชัดเจนมาก... มีใครอยากจะเสริมอะไรอีกไหมคะ?"

หลังจากนั้น บรรยากาศในห้องเรียนก็ดูจะคึกคักขึ้นเล็กน้อย มีนักศึกษาคนอื่นๆ กล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น แต่สายตาของอาจารย์จอยก็ยังคงจับจ้องมาที่นนท์เป็นระยะๆ... แววตาที่เต็มไปด้วยความประทับใจ ความสงสัย และความสนใจใคร่รู้...

อาจารย์คมในร่างนนท์รับรู้ถึงสายตานั้นได้เป็นอย่างดี... ดูเหมือนว่าเขาจะสร้างความประทับใจ ให้อาจารย์สาวคนนี้ได้สำเร็จแล้ว... ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของบทเรียน อีกบทหนึ่ง... ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน...



ช่วงพักกลางวัน นนท์เลือกที่จะไปหาอะไรกินง่ายๆ ที่โรงอาหารรวมของมหาวิทยาลัยเพียงลำพัง เขาต้องการเวลาเงียบๆ เพื่อทบทวนเรื่องต่างๆ และวางแผนสำหรับช่วงบ่าย

โรงอาหารตอนเที่ยงแน่นขนัดไปด้วยนักศึกษา เสียงพูดคุยจอแจดังไปทั่วบริเวณ นนท์หาโต๊ะว่างที่มุมหนึ่งได้ นั่งลงกินข้าวผัดกะเพราอย่างเงียบๆ พลางสังเกตการณ์ผู้คนรอบข้างไปด้วย

แล้วเขาก็เห็น... พี่ไท... เดินตรงมาที่โต๊ะของเขา!

คราวนี้พี่ไทไม่ได้มากับจีน่า แต่มากับเพื่อนผู้ชายท่าทางนักเลงอีกสองคน ใบหน้าหล่อเหลาของพี่ไทดูบึ้งตึง และฉายแววหาเรื่องอย่างชัดเจน

"ไงวะ... ไอ้เด็กใหม่" พี่ไทพูดเสียงห้วน วางจานข้าวของตัวเองลงบนโต๊ะฝั่งตรงข้ามเสียงดังปัง! จนคนรอบข้างหันมามอง

นนท์เงยหน้าขึ้นมองช้าๆ สบตาอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว "มีอะไรรึเปล่าครับ... พี่?" เขาจงใจลากเสียงคำว่าพี่ ยาวๆ เป็นเชิงกวนประสาทเล็กน้อย

"มีสิวะ!" พี่ไทตวาดเสียงดังขึ้น "กูเห็นนะ... เมื่อเช้ามึงไปอ่อยน้องแพรใช่ไหม?"

"อ่อย?" นนท์เลิกคิ้ว ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ "ผมก็แค่คุยกับเพื่อนใหม่ตามปกติ... หรือว่าที่นี่... การคุยกับผู้หญิง ถือเป็นการอ่อย หมดเลยเหรอครับ?"

"มึงกวนตีนกูเหรอห๊ะ!" พี่ไทเริ่มขึ้นเสียง เพื่อนอีกสองคนขยับเข้ามาประกบข้าง ทำท่าเหมือนพร้อมจะมีเรื่อง

"เปล่านี่ครับ ผมก็แค่สงสัย" นนท์ยังคงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แววตาแข็งกร้าวขึ้น "แล้วอีกอย่าง... น้องแพรเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ไม่ใช่เหรอครับ? พี่จะมาเดือดร้อนทำไม?"

คำพูดนั้นเหมือนไปจี้ใจดำพี่ไทเข้าอย่างจัง หน้าเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ "มึง!!!"

ทันใดนั้น! อาจารย์คมก็รู้สึกถึงพลังงานอาคมที่พุ่งตรงเข้ามาหาเขาอีกครั้ง! คราวนี้มันแรงกว่าเดิม และมีความมุ่งร้ายชัดเจน! มันเหมือนกับมีลมเย็นยะเยือกที่มองไม่เห็นพุ่งเข้ามาปะทะ ต้องการจะทำให้เขารู้สึกหนาวสะท้าน เสียขวัญ หรืออาจจะถึงขั้นจุกเสียด!

แต่คราวนี้... อาจารย์คมไม่ได้นิ่งเฉยเหมือนครั้งก่อน... พลังงานที่เขาได้มาจากน้ำตาลเมื่อคืนยังคงเต็มเปี่ยมและพร้อมใช้งาน!

เขาเพียงแค่โคจรพลังในร่างเงียบๆ สร้างม่านพลังบางเบาขึ้นมาป้องกันตัว พลังงานเย็นยะเยือกนั้นเมื่อพุ่งมาถึงตัวเขาก็สลายหายไปในทันที! เหมือนก้อนหินที่โยนลงไปในน้ำนิ่ง!

ขณะเดียวกัน เขาก็ตัดสินใจสั่งสอน ไอ้เด็กอวดดีนี่กลับไปเล็กน้อย... เขาใช้พลังจิตที่คมกล้าและพลังอาคมที่ฟื้นคืนมา ส่งคลื่นพลังงาน ที่มองไม่เห็นสะท้อนกลับไปหาพี่ไท... ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นทำร้าย แค่พอให้รู้สึกสะดุ้ง และเสียศูนย์ เท่านั้น

ผลึก!

พี่ไทที่กำลังจะพุ่งเข้ามาหาเรื่อง สะดุ้งเฮือกอย่างแรง! เหมือนมีใครเอาน้ำแข็งมานาบที่ต้นคอ! เขารู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว ขนลุกซู่ และขาก็เกิดอ่อนแรงขึ้นมากะทันหัน! เกือบจะล้มหน้าทิ่มลงไปกับพื้นถ้าเพื่อนไม่คว้าไว้ทัน!

"เฮ้ย! พี่ไท! เป็นไรไปวะ!" เพื่อนคนหนึ่งร้องถามอย่างตกใจ

"ปะ... เปล่า... ไม่มีไร..." พี่ไทตอบเสียงสั่น รีบยืนตัวตรง แต่ใบหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด เขามองมาที่นนท์ด้วยแววตาที่ทั้งโกรธแค้นและ... หวาดกลัว!

มัน... มันทำได้ยังไงวะ? หรือว่า... ไอ้เด็กนี่มันก็มีของเหมือนกัน!? ความคิดนั้นทำให้พี่ไทรู้สึกเย็นสันหลังวาบ

นนท์เพียงแค่มองตอบด้วยแววตาเรียบเฉย แต่แฝงแววเย้ยหยันเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่าทีไม่ยี่หระนั้นยิ่งทำให้พี่ไทโกรธจนตัวสั่น แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรผลีผลามอีกต่อไป

"ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!" พี่ไทกัดฟันพูดทิ้งท้าย ก่อนจะรีบหันหลังเดินหนีไปพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน ท่าทางเหมือนหมาที่โดนไล่

เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของนักศึกษาหลายคนในโรงอาหาร รวมถึง... แพรวและแพร ที่บังเอิญนั่งอยู่โต๊ะไม่ไกลนัก... ทั้งสองมองตามหลังพี่ไทไป ก่อนจะหันกลับมามองนนท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามและความประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม...

หลังเลิกเรียนในคาบสุดท้ายของวัน นนท์ก็ได้รับข้อความจากมิ้นท์ ชวนไปหาอะไรกินเล่นแถวหน้ามหาวิทยาลัย เขาตอบตกลง เพราะรู้สึกว่าควรจะให้เวลากับเพื่อนสนิท คนนี้บ้าง หลังจากที่เมื่อวานเขาดูจะให้ความสนใจกับคนอื่นมากกว่า

พวกเขานัดเจอกันที่ร้านนมปั่นเจ้าประจำที่นนท์คนเดิมกับมิ้นท์เคยมาด้วยกันบ่อยๆ

มิ้นท์ในชุดนักศึกษาดูน่ารักสดใสเหมือนเคย แต่แววตาดูมีเรื่องไม่สบายใจบางอย่างซ่อนอยู่

"เป็นอะไรรึเปล่ามิ้นท์? ดูหน้าไม่ค่อยดีเลย" นนท์เปิดประเด็นถาม ขณะรอเครื่องดื่มที่สั่งไป

มิ้นท์ถอนหายใจเบาๆ "ก็... นิดหน่อยน่ะนนท์" เธอก้มหน้ามองแก้วน้ำปั่นตรงหน้า "คือ... เมื่อเช้าฉันได้ยินเพื่อนๆ ในคณะคุยกัน... เรื่องนนท์น่ะ"

"เรื่องผม? เรื่องอะไรเหรอ?" นนท์ถามต่อ พยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด แต่ในใจเริ่มระแวง... หรือว่าเรื่องเมื่อคืนกับน้ำตาลจะหลุดออกไปแล้ว?

"ก็... เรื่องที่นนท์... เอ่อ... สนิทกับน้ำตาล คณะนิเทศฯ ปีหนึ่ง น่ะสิ" มิ้นท์พูดเสียงอ่อย "เห็นว่าเมื่อคืน... นนท์ไปเที่ยวผับกับเขา... แล้วก็..."

"แล้วก็อะไร?" นนท์ถามเสียงเรียบ

"ก็... ไม่รู้สิ... พวกนั้นก็พูดกันไปเรื่อย..." มิ้นท์เงียบเสียงไป "ฉันก็... แค่สงสัย... ว่ามันจริงรึเปล่า? นนท์ไปกับพี่เขาจริงๆ เหรอ?"

นนท์มองใบหน้าที่ดูเศร้าๆ ของมิ้นท์แล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้ง... เขาไม่อยากโกหกเธอ... แต่ก็บอกความจริงทั้งหมดไม่ได้...

เขาตัดสินใจใช้วาทศิลป์ อีกครั้ง... คราวนี้เน้นไปที่ความเห็นใจและความรู้สึกพิเศษ

"จริง... ที่ผมไปกับน้ำตาลเมื่อคืน" เขาตอบตามตรง แต่น้ำเสียงนุ่มนวล "แต่... มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอกนะมิ้นท์... น้ำตาลเขาเพิ่งมาใหม่ ยังไม่ค่อยมีเพื่อน ผมก็แค่... ไปเป็นเพื่อนคุยแก้เหงาให้เขาเฉยๆ"

"จริงเหรอ?" มิ้นท์เงยหน้าขึ้นสบตา แววตามีความหวัง

"จริงสิ" นนท์ยืนยัน จ้องตอบเข้าไปในดวงตาของเธออย่างลึกซึ้ง "มิ้นท์ก็รู้ไม่ใช่เหรอ... ว่าใครคือเพื่อน ที่สำคัญที่สุดของฉันน่ะ"

คำพูดนั้น... และสายตาคู่นั้น... มันเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจมิ้นท์ ความรู้สึกน้อยใจและสงสัยเมื่อครู่หายไปเกือบหมดสิ้น เหลือเพียงหัวใจที่เต้นแรงและใบหน้าที่ร้อนผ่าว

"บ้า... นนท์พูดอะไรก็ไม่รู้..." เธอก้มหน้างุดอีกครั้ง แต่รอยยิ้มบางๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก

"ผมพูดจริงๆ นะ" นนท์เอื้อมมือไปหมายจะกุมมือเธอที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่ก็ชะงักไว้กลางคัน... เขายังไม่อยากให้ความหวังเธอมากเกินไป... แต่ก็ต้องการเลี้ยง ความรู้สึกนี้ไว้... เพื่ออนาคต...

เขากระแอมเบาๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง "ว่าแต่... วันนี้เรียนเป็นไงบ้าง? มีอะไรน่าสนใจไหม?"

มิ้นท์เงยหน้าขึ้นมา เล่าเรื่องที่คณะให้ฟังอย่างกระตือรือร้น นนท์ก็ตั้งใจฟัง ถามไถ่ด้วยความสนใจ บรรยากาศกลับมาเป็นกันเองเหมือนเดิม... แต่ก็มีกระแสไฟฟ้า บางอย่างที่มองไม่เห็นไหลเวียนอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน... ความรู้สึกที่มากกว่าเพื่อน... แต่ก็ยังไม่ใช่คนรัก... มันเป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและ... อันตราย...

พวกเขานั่งคุยกันจนเกือบเย็น นนท์อาสาเดินไปส่งมิ้นท์ที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย ระหว่างทางเดินเงียบๆ นั้น บรรยากาศคลุมเครือ ก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

"ขอบคุณนะนนท์... ที่มาส่ง" มิ้นท์พูดขึ้นเมื่อถึงป้ายรถเมล์

"ไม่เป็นไรน่า... ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่" นนท์ตอบ ยิ้มให้

"อื้อ... เพื่อนกัน..." มิ้นท์ทวนคำเบาๆ แววตาดูเศร้าลงเล็กน้อย

นนท์เห็นแววตานั้นแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้... เขาขยับเข้าไปใกล้ ก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ...

"แต่บางที... เพื่อน... ก็อาจจะเป็นอย่างอื่นได้เหมือนกันนะ... ถ้าเราอยากให้มันเป็น"

สิ้นเสียงกระซิบ เขาก็ผละออกมา ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ทิ้งให้มิ้นท์ยืนหน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นระรัวอยู่ที่ป้ายรถเมล์คนเดียว...

นนท์เดินกลับคอนโดในตอนค่ำด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย... วันนี้เป็นวันที่ยาวนานและเต็มไปด้วยเรื่องราว... ทั้งบทรักร้อนแรงตอนเช้า... การพบปะกับสาวน้อยน่ารักอย่างแพร... การสร้างความประทับใจให้อาจารย์สาวสวยอย่างอาจารย์จอย... การเผชิญหน้าและสั่งสอนไอ้รุ่นพี่จอมหาเรื่องอย่างพี่ไท... และการสานสัมพันธ์อันคลุมเครือกับเพื่อนสนิทอย่างมิ้นท์...

เขารู้สึกถึงพลังอาคมที่เต็มเปี่ยมในร่าง... พร้อมที่จะรับมือกับทุกสถานการณ์... แต่ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงภาระและความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ... ชีวิตในร่างใหม่นี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ...

เมื่อกลับถึงห้อง เขาเปิดคอมพิวเตอร์เช็คอีเมลตามปกติ... และแล้วเขาก็ต้องขมวดคิ้วแน่น... เมื่อเห็นอีเมลฉบับหนึ่งที่ไม่ระบุชื่อผู้ส่ง หัวข้อเขียนว่า...

"ถึง นนทวัฒน์... หนี้ที่มึงติดไว้... ใกล้ถึงเวลาต้องชดใช้แล้ว!"

ข้างใต้อีเมล มีรูปถ่ายแนบมาด้วย... เป็นรูปของ... มิ้นท์... ที่ถูกแอบถ่ายตอนกำลังยืนรอรถเมล์เมื่อครู่นี้!

อาจารย์คมรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แล่นผ่านสันหลังอีกครั้ง... ดูเหมือนว่าปัญหา เก่าของนนท์คนเดิม... กำลังจะตามมาทวงคืน... และมันอาจจะอันตราย... ยิ่งกว่าศัตรูที่เขากำลังหลบหนีอยู่เสียอีก!


อ่านตอนต่อไปได้ที่




jackkie

สวัสดีครับ เรื่องราวน่่าสนใจและตัวละคร ที่มีความหลากหลาย ในรอบตัวนนท์ เรื่องราวมีเรื่องตื่นเต้นมากขึ้น จากตัวร้าย สนุกมากครับ รออ่านตอนต่อไป

dick1050

ชวนให้น่าติดตามและสงสัยว่า นายนนท์ไปก่อเรื่องอะไรไว้ถึงหนักหนาสาหัสเล่นกันจนตาย (ไปแล้ว) เลย
Make love Not War

peddo

สงสารมินท์นี่แหละครับ กลัวจะเจอลูกหลง แถมอาจจะหลงมาเข้าท้องด้วย

แมวหง่าว

ชอบครับชอบ พลอตที่ตวัดมาซับซ้อนตอนท้าย ชวนให้น่าติดตามมาก

Skyioi

ขอบคุณ​ครับ
เนื้อเรื่องน่าติตามมากครับ
สนุกดีกระตุ้นให้คนอ่านติดตามตลอด

Asura4237


therasak

นนท์ต้องไปยุ่ง​กับพวกสีดำหรือเทาที่เล่นแรง​ จนถึง​ตายได้​ คมจะแก้ปมนี้ได้อย่างไร​ น่าสนใจอย่างยิ่ง