ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_nato87

Alien Invasion (สงครามล้างผลาญพันธุ์มนุษย์) : ตอนที่ 1 ผู้มาเยือน

เริ่มโดย nato87, สิงหาคม 24, 2018, 11:43:25 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

nato87

พูดคุยก่อนอ่าน : กลับมาแล้วครับ หายไปนานเรื่องนี้ ขอคั่นจังหวะด้วยนิยายแนวไซไฟเรื่องนี้ก่อนนะ ระหว่างรอมนุษย์ลุง โปรดสลัดภาพภารโรงเฒ่ากับเหล่าสาวๆ พยาบาลไปก่อนสักแป๊ป ขอแก้เลี่ยนหน่อย 5555

อย่างที่ผมบอก นี่คือเรื่องแนวๆ ไซไฟที่ผมเขียนเป็นเรื่องแรก เน้นดราม่า แอ็คชั่น ไซไฟเป็นหลัก โรแมนซ์อีโรติกก็มี แต่น้อยมากๆ โดยเฉพาะแนวไซไฟ ผมยังมือใหม่ ดังนั้นมันจะกาวๆ หน่อย เพราะต้องหาข้อมูลอ้างอิงเยอะนิดนึง

เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องนี้ผมจะเขียนในธีมๆ หนังฮอลลีวูด แนวๆ หนังเอเลี่ยนบุกโลก สไตล์ตะวันตกจ๋าๆ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ


................................................

ความเดิมจากตอนที่แล้ว


//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=199123.0

อ้างถึง"ไงยาหยี คิดถึงพี่ไหมน้อง?" จ่าวีเวอร์ยิ้มหวานทักทายคนรักอย่างอารมณ์ ส่วนเอ็มม่าก็ยิ้ม ก่อนคว้าท้ายทอยทหารหนุ่มมาจูบปากเพื่อทักทาย "อือ...พี่ไม่ไปไหนทั้งนั้นแม่ยาหยี"
"คิดถึงคุณอยู่พ่อดีเลย" หญิงสาวยิ้ม "มาเร็ว รีบเข้าบ้านเถอะไรอัน นี่ก็เย็นมากแล้ว"

เอ็มมาหยิบกระเป๋าทหารของแฟนหนุ่มเดินเข้าไปในบ้านที่ทั้งคู่ลงขันซื้อด้วยกัน ไรอันและเอ็มม่าคบหากันมานานหลายปีแล้ว แต่ทั้งคู่ยังไม่แต่งงานกัน เพราะไรอันยังติดภารกิจทางทหารที่ตะวันออกกลางอยู่ ตอนแรกเอ็มม่าโวยวายใส่ไรอัน เพราะรับไม่ได้ที่ไรอันอาสาออกไปรบที่ต่างแดนอยู่สามปี แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมอดทนรอ จนในที่สุดไรอันก็กลับมาที่สหรัฐฯ โดยสวัสดิภาพ

".....มีรายงานด่วนเข้ามานะครับว่าตอนนี้ว่าสมาคมนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ของสหภาพยุโรป รัสเซียและจีน ต่างออกมายืนยันว่าสามารถบันทึกภาพวัตถุบางอย่างที่คล้ายกับดาวหางกำลังพุ่งเข้ามาใกล้โลก...."

"อะไรนะ?" เอ็มมาขมวดคิ้วด้วยความสนใจกับเนื้อหาข่าวในโทรทัศน์ พลางกดเร่งเสียงโทรทัศน์ให้ดังขึ้น

"อย่างไรก็ตามตอนนี้ทาง NASA และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านดาราศาสตร์ของสหรัฐฯ ยังไม่ยอมออกมาแถลงการณ์ใด ๆ เลย....."

"สงสัยวันสิ้นโลกใกล้มาถึงแล้วมั้งจ๊ะทูนหัว..." จ่าไรอันโอบกอดแฟนสาวจากด้านหลัง ทำเอาเอ็มมาหลับตายิ้มด้วยความตกใจ

พอเวลาผ่านพ้นช่วงเที่ยงคืนได้เพียง 15 นาที ก็มีแสงสว่างเจิดจ้าบนท้องฟ้าของเมืองกรีนไซค์ ริเวอร์ มันคล้ายกับอุกกาบาตที่มีขนาดใหญ่ขนาดหนึ่งสนามฟุตบอลที่พุ่งทะลุชั้นบรรยากาศของโลกเข้ามาด้วยความเร็วเต็มพิกัด

ที่น่าแปลกใจก็คือ ไม่มีหน่วยงานใดในรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมารายงานความจริงที่เกิดขึ้น ต่างจากทางสหภาพยุโรป รัสเซีย จีน และล่าสุดคือญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ที่ออกมารายงานข่าวพบเห็นอุกกาบาตหลายลูกกำลังพุ่งผ่านชั้นบรรยากาศของโลก

อุกกาบาตลูกหนึ่งพุ่งมายังเมืองกรีนไซค์ ริเวอร์ รัฐเวอร์จิเนีย เช่นเดียวกันกับรัฐบาลกลาง หน่วยงานราชการท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องไม่มีใครออกมารายงานข่าวดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย

"ตูม!!!" เสียงกระทบกันระหว่างอุกกาบาตและพื้นผิวโลกดังขึ้นจนได้ยินไปหลายสิบไมล์ แล้วระบบไฟฟ้าในเมืองกรีนไซค์ ริเวอร์ก็ดับตัวลง ชาวเมืองมากมายต่างตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความตกใจกับเสียงดังที่เกิดขึ้น และต่างแปลกใจที่ระบบไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตทั้งหมดเป็นอัมพาต

"นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!!" เสียงชาวเมืองกรีนไซค์ดังจากภายนอกบ้านของเอ็มม่าและไรอัน จนคู่รักทั้งสองที่นอนหลับอยู่ต้องตื่นขึ้นมา

"เสียงอะไรดังโครมครามเนี่ย..." เอ็มม่าลืมตาตื่นขึ้นมาในสภาพที่งัวเงียสุดขีด "ไรอันตื่นเร็ว ๆ ไม่รู้เกิดบ้าอะไรขึ้น ไฟดับหมดเลย..." หญิงสาวหยิบสมาร์ทโฟนเพื่อเปิดโหมดไฟฉายแล้วลุกขึ้นไปเปิดสวิตซ์ไฟ "ตายจริง!!ไฟดับเหรอเนี่ย!!"

"เกิดอะไรขึ้นเหรอเอ็ม?" ไรอันลุกขึ้นจากเตียงในสภาพที่ยังงัวเงีย "เสียงอะไรดังโครมเนี่ย? แล้วไฟดับด้วยเหรอ?"

"ใช่..." เอ็มม่ากดเปิดทวิตเตอร์เพื่อเช็คข่าวสาร "บ้าเอ้ย!!! อินเตอร์เน็ตก็ล่ม นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกัน!!"

ไรอันมองหน้าแฟนสาวด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความกังวล ด้วยสัญชาตญาณทหาร ทำให้ชายหนุ่มรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติแน่นอน แต่คำถามก็คือ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?


########################################


ไรอัน วีเวอร์ คาบไฟฉายแล้วเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบตู้เซฟออกมาแล้วปลดรหัสล็อค ภายในเป็นที่เก็บปืนลูกโม่ Smith&Wesson .38 ทหารหนุ่มหมุนลูกโม่อย่างคล่องแคล่วก่อนบรรจุลูกกระสุนเข้ารังเพลิง

"ไรอัน!!! นี่มันอะไรกัน?" เอ็มม่าแฟนสาวถึงกับอุทานเมื่อเห็นแฟนหนุ่มกำลังบรรจุลูกกระสุนใสปืนลูกโม่ "ถึงกับต้องใช้ปืนเลยเหรอ?"

ไรอันวางไฟฉายลงบนโต๊ะเครื่องแป้งของคนรัก ก่อนเอาปืนเหน็บซ่อนไว้ใต้ขอบกางเกงด้านหลังแล้วใช้ชายเสื้อปิดเอาไว้

"เผื่อไว้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ผมสังหรณ์ใจไม่ดีเลย" ไรอันตอบด้วยสีหน้าที่ดูตื่นตระหนก


(อเล็กซานเดอร์ สการ์การ์ด รับบทเป็น ไรอัน วีเวอร์)


"ก็แค่ไฟดับ แล้วก็อินเตอร์เน็ตล่ม คงไม่มีอะไรหรอก" เอ็มม่ายังมองโลกในแง่ดี "คุณซีเรียสมากไปนะไรอัน ตอนนี้คุณอยู่ที่บ้านกับชั้นนะ ไม่ได้อยู่ในสนามรบ"

เอ็มม่ารู้ดีว่าไรอันเป็นทหารทั้งตัวและหัวใจ เขาเคยออกรบกับพวกตาลีบัน เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในสนามรบ เลยทำให้สัญชาตญาณในการล่าและเอาตัวรอดของเขาเหนือกว่าคนปกติ หญิงสาวรู้เรื่องนี้ดี หลายครั้งเธอก็อยากให้ไรอันลาออกจากอาชีพทหารแล้วหันมาทำงานที่เหมือนคนทั่วไป แต่ไรอันปฏิเสธ เขาบอกว่าใช้ชีวิตเป็นทหารมาเป็นสิบปี เลือดทหารในกายเขามันข้น สมัยเรียนไฮสคูลก็เป็นพวกหัวโจก เป็นนักดนตรีวงโยธวาทิต แล้วก็นักกีฬาอเมริกันฟุตบอล มีสาวๆ มาติดตรึม หลังจบมาก็ทำตัวลอยชายอยู่เกือบปี แล้ววันดีคืนดีก็มาบอกกับทางบ้านว่าจะไปสมัครเป็นทหาร แล้วก็เอาดีในสายงานนี้มาเป็นสิบปี ก่อนสมัครเข้าหน่วยอาร์มี่เรนเจอร์แล้วได้เลื่อนยศเป็นจ่าสิบเอก พอกลับบ้านไปทีครอบครัววีเวอร์แทบจะปูพรมแดงต้อนรับไรอันในฐานะวีรบุรุษของชาติกันเลยทีเดียว

ส่วนเอ็มม่า สมัยเรียนไฮสคูล เธอไม่ได้เป็นเด็กสาวที่โดดเด่นอะไรนัก ค่อนข้างจะเนิร์ดๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ก็เคยมีแฟนหนุ่มทีมบาสเก็ตบอลโรงเรียนที่รักกันดี เอ็มม่ามอบความสาวให้แฟนหนุ่มในคืนหลังงานพรอมและอีกหลายๆ ครั้งเท่าที่มีโอกาส หลังจบไฮสคูล ก็เรียนต่อในวิทยาลัยด้านบริหารธุรกิจ แล้วก็กลับมาทำงานเป็น ผจก.ในมินิมาร์ทเล็กๆ ของเมืองกรีนไซต์ริเวอร์ เธอใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย หลังเลิกงานก็ไปแฮงค์เอ้าท์ที่บาร์บ้าง เจอหนุ่มหน้าตาดีมาขายขนมจีบ คนไหนถูกชะตาก็ควงไปต่อที่โรงแรม พอตื่นขึ้นมาก็แยกย้ายทางใครทางมัน จนกระทั่งได้มาเจอกับไรอัน ที่มาช่วยเธอจากพวกอันธพาล ก็เลยถูกชะตาแล้วพาไปต่อที่โรงแรม คุยไปคุยมา ไรอันดูเป็นผู้ชายที่จริงใจกว่าผู้ชายคนไหนๆ ที่เอ็มม่าเคยคุย ก็เลยทำให้ทั้งคู่ได้คบหากันเป็นแฟนในที่สุด

ตัดมาที่ปัจจุบัน เอ็มม่าเดินเข้าไปหาไรอันที่ดูเคร่งเครียด หญิงสาวไม่ชอบเลยที่ต้องเห็นคนรักมีท่าทางแบบนี้ ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ไรอันเกือบฆ่าพวกกุ้ยข้างถนนที่เข้ามาก้อร้อก้อติกเธอหลังเลิกงานด้วยมือเปล่า ทำเอาพวกกุ้ยเข็ดขยาดและไม่กล้ามาตอแยกับเธออีกเลย

"มันคงไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกไรอัน..." เอ็มม่าลูบไล้แก้มของคนรัก "เก็บปืนเถอะนะ"



(เบลค ลีฟลีย์ รับบทเป็น เอ็มม่า รูเพิร์ต)

ไรอันยังไม่ทันตอบอะไร ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น จนพ่อทหารหนุ่มจากหน่วยอาร์มี่เรนเจอร์ต้องเดินไปเปิดประตู ภาพที่เห็นคือแสงไฟสว่างแปร๊บเหมือนฟ้าร้องไกลออกไปราวๆ 10-20 ไมล์ จากบ้านของเขา

"พระเจ้า...นั่นมันอะไร?" ไรอันมองภาพตรงหน้าตาข้าง มันไม่ใช่ฟ้าร้องธรรมดา แต่ดูเหมือนว่ากำลังเกิดการสู้รบ โดยเฉพาะเสียงปืนกลและเสียงปืนใหญ่ ที่ดังเป็นจังหวะ จนเอ็มม่าแฟนสาวต้องเดินมาดูด้วย

"เกิดอะไรขึ้นเหรอไรอัน?" เอ็มม่าเดินเข้ามาโอบกอดแฟนหนุ่ม พลางหันไปมองเบื้องหน้า "คุณพระ...มันเกิดอะไรขึ้นคะ?'

สิ่งที่ไรอันและเอ็มม่าเห็น คือแสงไฟสว่างแปร๊บเป็นจังหวะ พร้อมๆ กับเสียงปืนดัง ปังๆๆ คละเคล้าไปกับเสียงระเบิด ราวกับว่ากำลังเกิดการสู้รบกัน ดูเหมือนว่าอุกกาบาตที่ตกลงมาเมื่อช่วงเที่ยงคืนจะเป็นสาเหตุดังกล่าว มันคงไม่ใช่ก้อนอุกกาบาตธรรมดาเสียแล้วล่ะนะ

"เฮ้!!! ไรอัน!!! เอ็ม!!! โอเคไหม?" เสียงเรียกของเจมส์ ช่างประปาที่อาศัยข้างบ้านดังขึ้นจากด้านล่าง เจมส์เป็นหนุ่มใหญ่วัยหลักสี่รูปร่างอวบอ้วน เขาถือไฟฉายเดินออกมาดูสถานการณ์หน้าบ้าน พร้อมกับชาวบ้านคนอื่นที่เดินถือไฟฉายออกมาดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น "มันเกิดอะไรขึ้น คุณรู้ไหม? ไรอัน?"

"ผมไม่รู้!!!" ไรอันตะโกนกลับออกไป "นึกว่าคุณรู้ซะอีก!!"

"ผมหลับอยู่ดีๆ ก็ไดยินเสียงระเบิดดัง ก็เลยตื่นขึ้นมา" เจมส์ตอบ "แล้วนั่นมันอะไร?"

ช่างประปาชี้ไปตรงจุดที่เกิดแสงสว่างที่คาดว่าน่าจะเป็นการสู้รบระหว่างกองทหารกับอะไรบางอย่าง ซึ่งไม่มีใครรู้ได้ว่ามันคืออะไร

"ผมไม่รู้!!!" ไรอันตะโกนตอบไปอีกครั้ง

"ให้ตายเถอะ!!! คุณเป็นทหารนะไรอัน!!! ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ เหรอ!!!" เจมส์ตะโกนโต้ตอบไป "ไฟดับ อินเตอร์เน็ตก็ล่ม โทรทัศน์หรือวิทยุก็ไม่มีคลื่นเลย มันไม่ปกติแล้ว!!!!"

ทันใดนั้นเอง เสียงหวีดร้องก็ดังขึ้นเหนือท้องฟ้า จนชาวเมืองต้องเอามือปิดหูด้วยความตกใจ ไรอันเหลือบมองก็พบว่านั่นคือเสียงเครื่องบินรบที่กำลังบินมุ่งหน้าไปยังจุดเกิดเหตุ

"นั่นมันฝูงบิน F18 นี่ไม่ใช่เรื่องปกติแล้วเอ็ม!!!" ไรอันอุทานออกมา ดูเหมือนว่าสหรัฐอเมริกากำลังเข้าสู้ภาวะสงครามที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน คำถามก็คือ กองทัพสหรัฐกำลังสู้รับกับใคร

"ไรอัน!!! คุณจะไปไหน!!!" เอ็มม่าหันไปมองไรอันที่เดินจ้ำอ้าวเปิดประตูลงไปชั้นล่าง หญิงสาวเลยรีบตามลงไป

"พระเจ้า..." ไรอันยืนมองท้องฟ้าที่สว่างไสวไปด้วยไฟสีขาว พร้อมๆ กับเสียงระเบิดดังเป็นจังหวะ เช่นเดียวกับชาวบ้านคนอื่นๆ ที่ทยอยกันเดินออกมาดูเหตุการณ์ด้านนอก

"ดูนั่น!!!!" ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งชี้ไปบนท้องฟ้า ภาพที่เห็นคือฝูงเฮลิคอปเตอร์โจมตีแบบ AH-64 Apache จำนวน 12 ลำบินตรงไปยังจุดเกิดเหตุ "มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!!!"

"มันเกิดอะไรขึ้นไรอัน?" เอ็มม่าที่เดินลงมากุมมือแฟนหนุ่มที่ยืนกำมือแน่นตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน "ชั้นกลัวไปหมดแล้ว"

"สงคราม..." ไรอันอุทานออกมา "เรากำลังเข้าสู่ภาวะสงคราม..."

ไรอันและเอ็มม่ายืนดูแสงไฟที่เกิดจากการสู้รบสว่างไสวเป็นจังหวะพร้อมๆ กับชาวบ้านคนอื่นๆ ด้วยท่าทางตื่นตระหนก ดูเหมือนว่าพวกทหารกำลังสู้รบกับอะไรบางอย่าง แต่พวกเขาไม่มีทางรู้หรอกว่ามันคืออะไร เพราะระยะทางที่ไกลเกินกว่าจะมองเห็น ราวครึ่งชั่วโมงต่อมา ก็มีรถทหารจำนวนสิบคันแล่นเข้ามาภายในชุมชนโดยมีรถฮัมวี่นำหน้ามาด้วย

"มันเกิดอะไรขึ้นคุณทหาร!!!" ชาวบ้านวิ่งกรูเข้าไปถามนายทหารที่เปิดประตูรถฮัมวีลงมา

"เราจะอพยพ" ทหารยศนายสิบคนนั้นตอบ "ทุกคนครับ!! รีบขึ้นรถเร็ว เราจะทำการอพยพทุกคนออกจากที่นี่"

"นี่มันเรื่องอะไรกัน!!! เรากำลังอยู่ในภาวะสงครามใช่ไหม!!!" ไรอันเดินปรี่เข้าไปถามนายทหารคนนั้น

"ผมไม่มีหน้าที่มาตอบคุณ!!! รีบขึ้นรถซะ!!!" นายสิบคนนั้นตอบ "เอาละทุกคน ตั้งสติแล้วรีบขึ้นรถนะครับ พวกเราจะพาทุกคนไปยังศูนย์อพยพชั่วคราว"

"ฉันบอกให้คุยกันชั้น!!!!" ไรอันกระชากเสื้อทหารยศนายสิบ ทำเอาทหารที่ติดตามมาด้วยอีกสิบนายถือปืนเล็งใส่ไรอัน จนชาวบ้านร้องแตกตื่นด้วยความตกใจ

"ไรอัน!!! คุณทำอะไรของคุณ!!!" เอ็มม่าอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นกลุ่มทหารเล็งปืนไรเฟิลจูโจมแบบ M16A4 ใส่ไรอันอย่างพร้อมเพรียง

"ชั้นคือจ่าสิบเอกไรอัน วีเวอร์ จากกรมทหารที่75 อาร์มีเรนเจอร์ ตอบชั้นมาผู้หมู่ นี่มันเกิดบ้าอะไรกัน!!!" ไรอันจ้องมองนายสิบคนนั้นด้วยท่าทางแข็งกร้าวเพื่อเค้นคำตอบที่อยากได้ยิน

"ผมไม่รู้...ผมแค่ทำตามหน้าที่ครับจ่า" นายสิบคนนั้นตอบ พลางโบกมือให้ทหารที่เหลือลดปืนลง จนไรอันค่อยๆ ปล่อยมือออกจากชายเสื้อ "ภารกิจของผมคือพาจ่าและทุกคนออกจากที่นี่ สิ่งที่ผมบอกได้ก็คือ เราอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน"

ไรอันลดมือลง ก่อนหันกลับไปจูงมือเอ็มม่าแฟนสาวแล้วกระโดดขึ้นรถขนส่งของกองทัพสหรัฐฯ พร้อมกับชาวบ้านคนอื่นๆ เมื่อทำการอพยพเสร็จแล้ว ขบวนรถก็แล่นออกจากชุมชนเพื่อมุ่งหน้าไปยังค่ายทหารของกองกำลังรักษาดินแดนที่อยู่ใกล้ที่สุด

..............................................................................

ขบวนรถผู้อพยพของทหารแล่นไปตามเส้นทางในชนบทของเมืองกรีนไซต์ริเวอร์ในช่วงตีหนึ่ง ดูเหมือนว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะเลวร้ายกว่าที่คิด ความมืดปกคลุมไปทั่วชุมชนที่ขบวนรถผู้อพยพผ่าน ต้องชมเชยกองทัพสหรัฐฯ ที่สามารถดำเนินแผนการอพยพได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงที่ใกล้จุดปะทะ

"คุณไม่รู้จริงๆเหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณทหาร?" ชาวบ้านเอ่ยปากถามทหารหนุ่มจากกองกำลังรักษาดินแดนที่ยืนสงบนิ่งอยู่บนรถขนส่ง

"ผมก็ไม่รู้จริงๆ ครับลุง" ทหารหนุ่มหน้าละอ่อนคนนั้นตอบ "ผมหลับอยู่ดีๆ จ่าก็ปลุกให้พวกผมตื่นมารับทุกคนเนี่ย"

"ไฟฟ้าดับไปทั่วเลย อินเตอร์เน็ตล่ม ระบบสื่อสารล่มทั้งหมด" ชาวบ้านอีกกลุ่มเอ่ยปาก "ชั้นรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยวะ"

ไรอันได้แต่นั่งนิ่งฟังหัวข้อสนทนาของชาวบ้านไป พอรู้สึกตัวอีกที เอ็มม่าก็กุมมือชายหนุ่มแล้วบีบเบาๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ

"เป็นอะไรหรือเปล่าเอ็ม?" ไรอันยิ้ม

"คุณคิดอะไรของคุณน่ะตอนอยู่หน้าบ้าน" เอ็มม่าถาม "ชั้นไม่ชอบเห็นคุณเป็นแบบนั้นเลยจริงๆ"

"ผมก็แค่เป็นห่วงคุณ แค่อยากรู้ให้ชัดเจนว่าเกิดอะไร" ไรอันเอื้อมมืออีกข้างกุมมือคนรัก "ทุกอย่างจะเรียบร้อยนะเอ็ม"

ไรอันและเอ็มม่ามองหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม มันเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งสำหรับชายหญิงคู่นี้ สำหรับเอ็มม่า ไรอันคือผู้ชายที่แสนดีที่สุดที่เท่าที่เธอเคยพบเจอในชีวิต ส่วนไรอัน เอ็มม่าคือสิ่งที่สวยงามที่สุดในชีวิตของเขาเช่นกัน

ทั้งคู่มองหน้าทำซึ้งกันไม่เท่าไร รถขนส่งที่แล่นมาบนถนนก็จอด จนชาวบ้านที่นั่งอยู่ด้านบนหันไปมองสถานการณ์ด้านล่าง ก็พบว่าด้านหน้ามีรถฮัมวีและกลุ่มทหารอีก 3-4 นาย ปิดถนนอยู่

นายสิบคนที่ถูกไรอันกระชากเสื้อเปิดประตูรถฮัมวีแล้ววิ่งไปคุยกับทหารกลุ่มนั้น ดูเหมือนว่าจะมีสถานการณ์ไม่สู้ดีเกิดขึ้น ไรอันเหลือบตัวมองสถานการณ์อยู่สักพัก ก็เริ่มรู้สึกทนไม่ไหว เลยตัดสินใจแหวกกลุ่มชาวบ้านบนรถแล้วกระโดดลงไปหา กลุ่มทหารที่ตั้งด่านตรงหน้าทันที

"ไรอัน!!! คุณจะไปไหนเนี่ย!!!" เอ็มม่าร้องเรียกชื่อแฟนหนุ่มที่อยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นแล้วกระโดดลงจากรถขนส่งไป "ไรอัน!! กลับมา!!!"
.......................................................

"เสียใจด้วย พวกนายผ่านไปไม่ได้จริงๆ วะ" กลุ่มทหารที่ตั้งด่านเอ่ยปากกับนายสิบหัวหน้าทีมขนส่ง

"มันเกิดอะไรขึ้นวะพวก?" นายสิบคนนั้นส่ายหน้า "ภารกิจของชั้นคือพาชาวบ้านไปส่งที่ศูนย์อพยพนะเว้ย แล้วอยู่ดีๆ พวกนายมาปิดถนนได้ยังไงวะ"

"ชั้นบอกไม่ได้วะเพื่อน มันเป็นความลับ" กลุ่มทหารพวกนั้นตอบ

"ช่างหัวความลับแล้วตอบมาว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไร!!!" ไรอันเดินดุ่ยๆ เข้ามาหากลุ่มทหารด้วยท่าทางขึงขัง

"เฮ้!! คุณลงมาจากรถไม่ได้นะ กลับขึ้นไป!!!" กลุ่มทหารที่ตั้งด่านชูมือห้ามไรอัน "อย่าเข้ามานะ!!"

"เขาเป็นทหารเหมือนกัน!!!" นายสิบคนนั้นตอบ "จ่าวีเวอร์ จากหน่วยอาร์มีเรนเจอร์"

"อ้อเหรอ..." นายทหารกลุ่มนั้นพยักหน้า "มีอะไรเหรอครับจ่า"

"ตอบฉันมาทหาร มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีๆ พวกนายมาปิดถนน?" เพื่อความแน่ใจ ไรอันโชว์บัตรประจำตัวให้ดู พวกทหารกลุ่มนั้นเลยพยักหน้าเพื่อแสดงความเคารพไรอันในฐานะที่มียศทางทหารสูงกว่า

"ผู้กองเซเบิลสั่งให้พวกเรามาตั้งจุดรอที่นี่ ห้ามใครผ่านไปโดยเด็ดขาด" ทหารที่ตั้งป้อมปิดถนนตอบ "ผู้กองบอกแค่ว่าจะตามมา พวกเราก็รอแล้วรออีกก็ยังไม่เห็นผู้กองมาสักที จะติดต่ออะไรก็ไม่ได้"

"แม้แต่พวกเรางั้นเหรอ?" นายสิบคนนั้นตอบ ไรอันเหลือบมองป้ายชื่อตรงอก 'โจชัว โอทิส' เพื่อจดจำชื่อเสียงเรียงนามนายสิบหน้าอ่อนคนนี้เอาไว้ "ไม่สนุกแล้วนะเพื่อน ชั้นได้รับคำสั่งให้อพยพชาวบ้านไปที่ค่าย แล้วอยู่ดีๆ มาห้ามแบบนี้ได้ยังไงวะ?"

"เรื่องนั้นชั้นก็ไม่รู้ว่ะ" นายทหารคนนั้นตอบ "แต่ชั้นให้พวกนายผ่านไปไม่ได้จริงๆ"

"เอางี้ ตรงนี้ใครบัญชาการ ใครมียศสูงที่สุด?" ไรอันเอ่ยปากถามกลุ่มทหารพวกนั้น "ฉันอยากจะคุยกับเค้า"

"ผมนี่แหละ" โจชัว โอทิส นายสิบคนนั้นตอบ "ส่วนคนที่มียศสูงที่สุดตอนนี้คือคุณครับจ่า"

"ผู้กองเซเบิลเป็นคนสั่งให้พวกเรามาตั้งป้อมรอที่นี่ ผมไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้จนกว่าจะมีคำสั่งจากผู้กองครับจ่า" กลุ่มทหารที่ตั้งป้อมตอบ "โอทิส ฉันเข้าใจนายนะพวก แต่คำสั่งของผู้กองเค้าว่ามาแบบนี้ จะติดต่อกลับไปก็ติดต่อไม่ได้ ฉันคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้วะ"

"งั้นก็ติดแหงกอยู่ที่นี่แล้วกัน" ไรอันตอบ ก่อนหันหลังเดินกลับไป ด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

................................................

กลุ่มชาวบ้านเกือบร้อยที่ถูกทางการอพยพมา บางส่วนก็กระโดดลงมาจากรถแล้วยืนจับกลุ่มคุย บางส่วนก็นั่งอยู่ด้านบน ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ ชาวบ้านเลยนั่งชิดกันเพื่อความอบอุ่น

โดยเฉพาะไรอันที่นั่งอยู่ โดยมีเอ็มม่าที่นั่งซบไหล่หลับอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดู ก็พบว่ายังไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ตอนนี้เวลาก็ล่วงมาจนเกือบตีสามแล้ว พ่อทหารกล้ารู้สึกฉุนเฉียวไม่น้อยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันเหมือนมืดแปดด้านไปหมด

"ยังไม่นอนอีกเหรอไรอัน?" เสียงกระซิบของเอ็มม่าดังขึ้น

"ผมคงไม่มีอารมณ์จะหลับแล้วล่ะ..." ไรอันตอบ "ผมรบกวนคุณหรือเปล่า?"

"เปล่าเลยที่รัก..." เอ็มม่ายิ้ม "เอาจริงๆ ชั้นเองก็หลับไม่ลงเหมือนกัน คิดว่าพรุ่งนี้เช้าทุกอย่างจะดีขึ้นไหม?"

"ก็หวังว่าจะดีขึ้น..." ชายหนุ่มตอบ

ทันใดนั้น เสียงหวีดก็ดังขึ้น แผ่นดินสะเทือน จนชาวบ้านที่หลับอยู่ตกใจตื่น ส่วนพวกทหารก็ดูตื่นตระหนกไม่น้อย

"แผนดินไหวเหรอ?" เสียงชาวบ้านดังขึ้น พลางเหลือบมองด้านบน ก็พบฝูงนกจำนวนมากสงเสียงร้องดังลั่นราวกับว่ากำลังบินหนีอะไรบางอย่างที่น่ากลัว

"นั่นมันอะไรอีกน่ะ..." เอ็มม่าเหลือบมองฝูงนกจำนวนมหาศาลบนท้องฟ้ายามค่ำบินตัดผ่านดวงจันทร์สีขาวนวล

"คุณถามผม แล้วผมจะถามใครล่ะเอ็ม?" ไรอันตอบ "ผมก็ไม่รู้เหมือนคุณนั่นแหละ...."

"ฟ้าว!!!!!!!!!" ทันใดนั้น เสียงคำรามก็ดังขึ้น จนชาวบ้านและกลุ่มทหารต่างตกใจ เมื่อมองขึ้นไปข้างบน ก็เห็นแสงไฟสีแดงพวยพุ่งไปทางทิศเหนือ และทิ้งไว้ด้วยเส้นควันสีขาวจำนวนมาก

"รีบลงจากรถเร็วเข้า!!! เร็ว!!!" ไรอันตะโกนบอกชาวบ้านที่ยังอยู่บนรถให้รีบกระโดดลงจากรถ ด้วยสัญชาตญาณทหารทำให้เขารู้ว่าแสงสีแดงบนท้องฟ้าคือมิสซายด์ที่ยิงจากอากาศยานรบ

เสียงร้องของชาวบ้านดังระงมแข่งกับเสียงคำรามบนท้องฟ้า กลุ่มทหารที่ถูกส่งมาไร้ประสิทธิภาพในการควบคุมฝูงชนที่กำลังแตกตื่น ไรอันเหลือบเห็นหมู่โอทิสและพรรคพวกเพียงน้อยนิดพยายามควบคุมสถานการณ์

"ทุกคน!! ใจเย็นก่อนครับ!!! โปรดอยู่ในความสงบ!!!" โอทิสพยายามโบกมือห้ามชาวบ้านที่กำลังวิ่งหนีเข้าไปในป่าและที่ที่ราบบริเวณนั้น แต่ในชั่วโมงนี้ไม่มีใครฟังใครอีกแล้ว

ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น เป็นฝูงบิน F18 จำนวน 3 ลำ บินในเพดานต่ำด้วยความเร็วเหนือเสียง พร้อมๆ กับปล่อยจรวดมิสซายด์ออกจากปีกทั้งสองข้างใส่เป้าหมายที่ไม่ปรากฏสัญชาติ

"ตู้ม!!! ตู้ม!!!!" แสงไฟจากระเบิดสว่างไสวไปทั่วป่าด้านเหนือ ไรอันหันไปมองก็พบบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวผ่านเปลวไฟจากระเบิดมิสซายด์ เมื่อมันเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ไรอันก็อุทานด้วยความตกใจ

"นั่นมันอะไรวะ...." ไรอันมองภาพตรงหน้าตาค้าง มันเหมือนหุ่นรบสามขาจากนิยายไซไฟที่เขาชอบอ่าน ที่น่าตกใจก็คือจรวดมิสซายด์จากเครื่องบินรบไม่สามารถทำอะไรมันได้ จรวจทุกลูกที่ถูกยิงไปเหมือนพุ่งชนกับอะไรบางอย่างก่อนถึงตัวพวกมัน บางทีพวกมันอาจมีบาเรียหรือสนามแม่เหล็กที่มีความเข้มข้นสูงป้องกันอยู่



ฝูงบิน F18 ที่ระดมยิงจรวดมิสซายด์ใส่หุ่นรบสามขาบินเลี้ยวกลับมาเพื่อทำการโจมตีใหม่ แต่ยังไม่ทันไรไอ้หุ่นนรกพวกนั้นก็ตอบโต้ด้วยแสงเลเซอร์สีฟ้าจากหนวดหมึกของมันที่ติดอยู่ข้างลำตัว

"ตูม!!!" เสียงระเบิดดังขึ้นบนท้องฟ้า ฝูงบินรบของกองทัพสหรัฐฯ ถูกทำลายโดยหุ่นรบสามขาปริศนา แต่กองทัพสหรัฐฯ ยังไม่ยอมแพ้ พวกเขาส่งเฮลิคอปเตอร์แบบ AH-64 Apache และ AH-1 Cobra นับสิบลำมาโจมตีหุ่นสามขาปริศนาที่คาดว่ามันน่าจะสูงพอๆ กับตึกสิบชั้นเลยทีเดียว

"ดูนั่นซิ..." กลุ่มทหารชี้ไปบนท้องฟ้า ภาพที่เห็นคือแมงปอเหล็กของกองทัพสหรัฐนับสิบลำเรียงเป็นแถวกระดานแล้วระดมยิงด้วยห่าฝนมิสซายด์หลายสิบลูกใส่เป้าหมายเดียวกัน เสียงระเบิดดังโครมครามจนทำให้แสบแก้วหู ผืนดินยังสะเทือนด้วยแรงระเบิดจำนวนมหาศาล

"ไรอัน!!! ไรอัน!!! รีบหนีเถอะเร็ว!!!" เอ็มม่ารีบวิ่งมาควงแขนแฟนหนุ่มให้รีบหนีไปจากจุดนั้น แต่ไรอันยังยืนตะลึงกับภาพตรงหน้า "ไรอัน!!"

ภาพที่เขาเห็นคือเปลวไฟขนาดใหญ่ยักษ์พวยพุ่งขึ้นมาเหนือแนวป่า ที่บางส่วนเริ่มติดไฟจากขีปนาวุธจากอากาศยานรบ แต่ดูเหมือนว่าหุ่นรบสามขาจะไม่ได้รับความเสียหายใดๆ มันเดินผ่านลูกไฟใหญ่ยักษ์ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"รีบหนีไปเร็วเข้า!!" โอทิสตะโกนสั่งให้ชาวบ้านวิ่งหนีไปอีกทาง พวกทหารที่เหลือถือปืนไรเฟิลจูโจมเตรียมพร้อมสถานการณ์ บางส่วนก็มุดขึ้นรถฮัมวีแล้วคว้าปืนกลหนัก .50 Caliber บนหลังคาแล้วเตรียมยิง "ทุกคนเตรียมพร้อม ยิงเมื่อฉันสั่ง!!!!"

ฝูงแมงปอเหล็กนับสิบบนท้องฟ้ายังไม่ย้อท้อ เหล่าอัศวินกล้าแห่งกองทัพสหรัฐฯ ที่ทำหน้าที่อยู่บนฟ้าระดมยิงจรวดมิสซายด์หลายสิบลูกใส่เป้าหมายอีกครั้งด้วยความหวังลมๆแล้งๆ ว่าจะมีจรวดสักลูกสามารถสร้างความเสียหายให้กับหุ่นสามขารูปร่างประหลาดนั้นได้บ้าง แต่ก็ไร้ผล ไอ้หุ่นบ้าสามขายังเดินเข้ามาใกล้ๆ กับจุดที่รถขนส่งทหารจอดอยู่ในระยะเพียงไม่กี่ร้อยเมตร

"ยิง!! ยิง!!! ยิง!!!!" โอทิสสั่งให้ทหารทั้งหมดระดมยิงใส่หุ่นสามขาไปพร้อมๆ กับอากาศยานรบด้านบนที่กำลังระดมยิงทั้งจรวดมิสซายด์และปืนกลหนักใส่หุ่นรบลึกลับ

"รีบหนีเร็วเอ็ม!!!" พอรู้สึกตัว ไรอันก็คว้ามือของแฟนสาวแล้ววิ่งมุ่งหน้าไปตรงชายป่าด้านหน้า ที่ชาวบ้านหลายสิบคนวิ่งตรงไป ปล่อยใหพวกทหารยิงต่อสู่กับหุ่นรบปริศนา

"ตูม!!!" เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมๆกับแสงสีส้มสว่างไปทั่วท้องฟ้า พอไรอันหันไปก็พบว่าฝูงแมงปอเหล็กนับสิบลำระเบิดพร้อมกันจากการโจมตีด้วยแสงเลเซอร์จากหนวดหมึกของหุ่นรบสามขา ส่วนพวกโอทิสและทหารที่เหลือก็ทำหน้าที่ถ่วงเวลาให้ชาวบ้านที่กำลังวิ่งหนีอย่างสุดความสามารถ

"อ๊าก!!!!!" โอทิสและพรรคพวกสลายกลายเป็นฝุ่นละออง หลังจากถูกแสงเลเซอร์จากปลายหนวดของหุ่นรบโจมตี รถฮัมวีและรถขนส่งระเบิดจากการถูกลูกหลงของเลเซอร์มรณะพวกนั้น

"วิ่งเร็ว!!! อย่าหันกลับมองไปเชียวนะเอ็ม!!!" ไรอันจูงมือแฟนสาวที่วิ่งหน้าตั้งเหนื่อยหอบแบบไม่คิดชีวิต สถานการณ์เริ่มชัดเจนมากขึ้น กองทัพสหรัฐกำลังสู้รบกับหุ่นรบสามขาไม่ปรากฏสัญชาติ บางทีพวกมันอาจมาจากตะวันออกกลาง แต่ไรอันมั่นใจว่าพวกนั้นหัวรุนแรง ป่าเถื่อน และไร้สมองเกินกว่าจะสร้างหุ่นรบสุดล้ำแบบนี้ได้ ถ้าจะมีใกล้เคียงหน่อยก็พวกญี่ปุ่น แต่ก็ไม่มีเหตผลเพียงพอรองรับสาเหตุการโจมตีครั้งนี้ จะบอกว่าที่ทำไปเพื่อแก้แค้นการกรณีที่อเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาหรือนางาซากิเหรอ ก็ไม่น่าใช่

"นั่นมันอะไรนะ? พระเจ้า!!! นั่นมันอะไร!!!" เอ็มม่าหันกลับไปมองโดยไม่ฟังคำของแฟนหนุ่มส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ ภาพที่เธอเห็นคือรถฮัมวีและรถขนส่งกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง

"บอกว่าอย่าหันไปไง!!!" ไรอันดุคนรัก "รีบวิ่ง!! เร็ว!!!"

"กรี๊ด!!!!" เสียงร้องโหยหวนของชาวบ้านที่วิ่งตีคู่มาด้วยกันดังขึ้น เธอถูกแสงเลเซอร์จากหนวดหมึกหุ่นรบสามขาโจมตีจนร่างกายระเหยกลายเป็นฝุ่น มีผู้โชคร้ายจำนวนมากที่ต้องเสียชีวิตจากหุ่นรบสามขาไม่ปรากฏสัญชาติ ดูเหมือนว่าสหรัฐอเมริกากำลังถูกคุกคามโดยหุ่นรบสามขา ที่ชื่อว่าอาจเป็นสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด

ไรอันและเอ็มม่าวิ่งเข้ามาซ่อนตัวในป่าได้สำเร็จพร้อมๆ กับชาวบ้านบางส่วนที่เหลือรอด ส่วนพวกที่เหลือที่วิ่งไม่ทันก็ถูกหุ่นรบฆ่าอย่างเหี้ยมโหด ไรอันและเอ็มม่าใช้ความหนาทึบของต้นไม้หลบซ่อนตัวจากการค้นหาของหุ่นรบสามขาที่เดินผ่านแนวป่าไปโดยใช้ดวงไฟด้านหน้าเป็นแสงส่องนำทาง

"หวีดดดดดดดด!!!!" เสียงคำรามดังขึ้นจากตัวหุ่นรบ จนชาวบ้านที่หลบซ่อนตัวต้องใช้มือปิดหู ราวกับว่ามันจะประกาศชัยชนะในยกแรกเหนือกองทัพสหรัฐฯ ที่ไร้ประสิทธิภาพในการสู้รบ

"นี่แค่หุ่นตัวเดียวยังร้ายกาจขนาดนี้ ถ้ามีหลายตัวเราเสร็จแน่...." ไรอันเอ่ยปากออกมา "ไม่มีอะไรทำลายมันได้เลยหรือไง?"

...........................................................................

ราว 7 ชั่วโมง หลังการโจมตีระลอกแรกของหุ่นรบจากต่างดาว ไรอันและเอ็มม่าในสภาพอิดโรยเดินไปตามถนนหลวงที่มุ่งหน้าไปยังค่ายอพยพที่หมู่โอทิสเคยพูดถึง ค่ายอพยพที่ว่าคือค่ายทหารของกองกำลังรักษาดินแดนซึ่งอยู่ห่างออกไปราวๆ สิบไมล์

"ชั้นไม่ไหวแล้วไรอัน..." เอ็มม่าในสภาพอิดโรยทิ้งตัวลงไปนอนกองกับพื้นถนน หลังจากเดินมาตลอดคืน จนไรอันต้องช่วยพยุงร่างแฟนสาวเอาไว้

"เอ็ม!!! ทำใจดีๆ ไว้" ไรอันพยุงร่างของแฟนสาว แล้วมองหามุมร่มๆ ก่อนใช้แขนอุ้มร่างคนรักขึ้นมา "ทำใจดีๆ ไว้นะเอ็ม"

"ชั้นกลัวจังเลยที่รัก....." เอ็มม่าออดอ้อนคนรักด้วยสภาพอิดโรย "ชั้นยังไม่อยากตาย"

"คุณจะไม่เป็นไรเอ็ม" ไรอันตอบ "คุณจะไม่เป็นไร ตราบใดที่ยังมีผมอยู่ข้างๆ คุณ"

"ชั้นเชื่อคุณค่ะ..." เอ็มม่าตอบ "ชั้นรักคุณนะที่รัก"

"ผมก็รักคุณ" ทหารหนุ่มยิ้ม ก่อนโน้มตัวจุมพิตคนรัก "พักก่อนนะ เดี๋ยวผมจะหาน้ำให้คุณดื่ม"

ไรอันลุกขึ้น แล้วเดินเข้าไปขอน้ำดื่มจากผู้คนนับร้อยที่เดินตรงไปยัง 'แคมป์ เพดเดิลตัน' ค่ายทหารที่อยู่ห่างออกไปราวสิบไมล์

"ใครมีน้ำบ้าง ขอน้ำหน่อย แฟนผมเหนื่อยมาก!!" ไรอันตะโกนถามผู้คนที่เดินตรงไปยังค่ายทหาร

"ทุกคนก็หิวและเหนื่อยเหมือนกันแหละวะ!!!" ชายร่างอ้วนคนหนึ่งตะโกนกลับมา "อย่าคิดว่าแฟนแกเหนื่อยเป็นคนเดียวซิวะ คนอื่นเค้าก็เหนื่อยจะตายแล้วเหมือนกัน"

"แกว่าอะไรนะ?" ไรอันมองหน้าชายร่างอ้วนคนนั้นอย่างเอาเรื่อง

"ทำไมวะไอ้หน้าหล่อ?" ชายร่างอ้วนคนนั้นก็ไม่มีท่าทีลดราวาศอก "จะลองดูไหม?"

"ไรอัน!!! หยุดได้แล้ว!!" เอ็มม่าที่เห็นเหตุการณ์ตะโกนห้ามแฟนหนุ่ม ไรอันพอได้ยินก็อารมณ์เย็นลง เลยไม่คิดจะสานต่ออะไร

"ถุ้ย!!! กลับไปนอนซุกอกเมียมึงเถอะไอ้หน้าหล่อ!!" ชายร่างอ้วนคนนั้นสำรอกของเหลวลงบนพื้น "ไอ้ตุ๊ด!!"

พอถูกหยามแบบนั้น ไรอันที่ปกติก็เป็นคนที่มีจุดเดือดต่ำอยู่แล้ว เลยหันไปแล้วฮุคใส่โหนกแก้มของไอ้อ้วนปากหมาคนนั้นจนนอนล้มลงไปกองกับพื้น

"โอ้ย!!! นี่แกต่อยฉันเหรอวะ!!!"

"หุบปากเน่าๆ ของแกซะไอ้อ้วน!!!" ไรอันชี้หน้าชายร่างอ้วนอย่างเอาเรื่อง "นี่แค่คำเตือนนะ ถ้าแกยังไม่หุบปากเน่าๆ ของแก คราวนี้ฉันจะต่อยแกให้ฟันร่วงหมดปากเลย คอยดู!!!"

สุดท้ายไรอันก็เดินกลับไปนั่งข้างๆ แฟนสาวด้วยท่าทางผิดหวัง เอ็มม่าในสภาพอิดโรยพยายามปลอบใจคนรักว่าอย่าคิดมาก

"ผมขอโทษนะเอ็ม..." ไรอันเอ่ยปากขอโทษขอโพยแฟนสาว

"ไม่...คุณไม่ผิดหรอก" เอ็มม่ายิ้ม

"นี่พ่อหนุ่ม เอาน้ำไป" บาทหลวงผิวสีคนหนึ่งยื่นน้ำให้ไรอันและแฟนสาว หลังจากเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

"ขอบคุณครับคุณพ่อ..."

"ริชาร์ด...." บาทหลวงคนนั้นยิ้ม "เรียกพ่อว่าริชาร์ดเถอะ"


(เซ็ธ กิลเลี่ยม รับบทเป็น บาทหลวง อดัมส์ ริชาร์ด)


"ขอบคุณครับคุณพ่อริชาร์ด..." ไรอันยื่นขวดน้ำที่ยังไม่แกะให้แฟนสาว เอ็มม่ารีบคว้าเอาไว้แล้วแกะฝาดื่มทันที

"ใจเย็นๆ ค่อยๆ ดื่มนะ พ่อว่าหนทางยังอีกไกล" บาทหลวงริชาร์ดออกปากเตือนเอ็มม่าที่กระดกน้ำใส่ปากด้วยความกระหาย "นี่มันตรงตามคำทำนายวันอวสานโลกเลยชัดๆ"

"มันยังไม่เลวร้ายถึงขั้นนั้นครับ..." ไรอันแย้ง

"พ่อก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น..." บาทหลวงริชาร์ดตอบ "เอาเป็นว่าขอให้โชคดีแล้วกันนะทั้งสองคน"

"ดูนั่นเร็ว!!! พวกทหาร!!!" กลุ่มชาวบ้านชี้ไปด้านหน้า ภาพที่เห็นคือขบวนรถฮัมวีหลายสิบคัน ติดตามด้วยรถขนส่งทหารอีกห้าคันที่มีทหารสหรัฐทั้งชายและหญิงรวมกันเกือบร้อยคน ส่วนด้านหลังก็เป็นรถถังหุ้มเกราะเบา M2 Bradley อีกสิบคัน และตบท้ายด้วยรถถังประจัญบาน M1A2 Abrams อีกห้าคันปิดขบวน

"จอดหน่อยคุณทหาร ขอพวกเราไปด้วย" ชาวบ้านบางส่วนไปยืนขวางถนน แต่สุดท้ายก็ต้องรีบวิ่งหนีออกมา เพราะขบวนรถทหารเหล่านั้นแล่นมาด้วยความเร็วสูง "ไอ้บ้าเอ้ย!!!! จะรีบซิ่งไปตายที่ไหนวะ!!!"

"ไปที่ค่ายเพดเดิลตัน!!!" ทหารคนหนึ่งบนรถตะโกนบอกชาวบ้าน "ไปที่ค่ายเพดเดิลตัน ตรงไปอีกสิบไมล์ ที่นั่นพวกคุณจะปลอดภัย!!!"

"จอดรับพวกเราไปส่งหน่อยไม่ได้เหรอวะ!!!"

"นั่นดิ!!"

ชาวบ้านนับร้อยมองดูขบวนรถทหารด้วยท่าทีผิดหวัง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับคำสั่งบางอย่างที่สำคัญมากๆ จนไม่สามารถแวะช่วยชาวบ้านได้

"เอาละ...ถ้าไหวแล้วเรามาสู้กันต่อนะเอ็ม" ไรอันยิ้มให้แฟนสาว "อีกสิบไมล์เท่านั้น พวกเราจะปลอดภัยแล้ว"

"อืม..." เอ็มม่าปิดขวดน้ำ แล้วยิ้มหวานให้ไรอันแทนคำขอบคุณที่คนรักคอยเป็นห่วงเป็นใย โดยมีบาทหลวงริชาร์ดเฝ้าดูด้วยท่าทีเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

..........................................................

หลังจากนั่งพักจนหายเหนื่อย เอ็มม่าก็ลุกขึ้นแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังค่ายเพดเดิลตันพร้อมกับไรอัน โดยมีบาทหลวงริชาร์ดเดินตามมาติดๆ ทั้งคู่รู้สึกว่าบาทหลวงคนนี้เหมือนกำลังพยายามตีสนิทหรือเข้ากลุ่มพวกเขาอยู่

"ชั้นว่าบาทหลวงคนนี้แปลกๆ นะที่รัก" เอ็มม่ากระซิบบอกไรอัน ขณะที่กำลังเดินตามหลังบาทหลวงริชาร์ด

"คุณคิดมากไปเอ็ม..." ไรอันยิ้ม

"ชั้นพูดจริงๆ นะ ชั้นว่าบาทหลวงคนนี้แปลกๆ' เอ็มม่ายังยืนยันเหมือนเดิม

"ผมคิดว่าคุณคงเหนื่อยมาก เอาเป็นว่าถ้าถึงค่ายเพดเดิลตัน เราจะปลอยภัยหายห่วงนะ" ไรอันยิ้ม "ผมคิดว่าที่นั่นคงมีที่พัก มีน้ำและอาหารให้เรา มันอาจไม่ได้เลิศเลอ แต่คิดว่ายังดีกว่าไม่มีอะไร"

ไรอันพยายามให้กำลังใจแฟนสาวขณะกำลังเดินตรงไปยังค่ายเพดเดิลตัน ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง ในที่สุดไรอันและเอ็มม่า รวมถึงชาวบ้านบางส่วนก็มาถึงค่ายเพดเดิลตัน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาสายเกินไป

"นี่มันอะไรกันเนี่ย?" เอ็มม่าอุทานด้วยความตกใจ ค่ายเพดเดิลตันที่ถูกพูดถึงถูกทำลายจนย่อยยับ มีศพทหารนอนตายอยู่นับสิบ แต่ที่น่าแปลกก็คือ มีปืนไรเฟิลจูโจ่มแบบ M16A4 และ M4A1 ถูกวางทิ้งบนพื้นคอนกรีตหน้าค่ายนับได้รวมๆ เกือบห้าสิบกระบอก พร้อมๆ กับฝุ่นละอองจำนวนมากเลอะเทอะบนพื้น

รถฮัมวีนับสิบคันกำลังลุกไหม้ เช่นเดียวกับรถตำรวจและรถพยาบาลที่จอดทิ้งไว้โดยไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูสักคน ไรอันคาดเดาว่าพวกเขาคงถูกโจมตีจากหุ่นสามขาพวกนั้นก่อนที่พวกเขาจะเดินทามาถึง

"นั่น!!! มีคนรอดชีวิต!!!" ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งชี้ไปที่เจ้าหน้าที่รายหนึ่ง "นั่นมันนายอำเภอนี่หว่า!!"

กาวิน โมราเลส นายอำเภอของกรีนไซต์ริเวอร์ หนึ่งในผู้รอดชีวิตเดินออกมาจากตึกสำนักงานในค่ายทหารในสภาพเหมือนกำลังช็อคสุดขีด มือขวาของเขาถือปืนลูกโม่ขนาด .44 แน่น


(จอห์น โอทิส รับบทเป็น กาวิน โมราเลส)


"นายอำเภอ!!!" ไรอันรีบวิ่งไปหานายอำเภอเพื่อสอบถามสถานการณ์ "นี่ผมเอง ไรอัน มันเกิดอะไรขึ้น!!!"

นายอำเภอโมราเลสทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นในสภาพหมดอาลัยตายอยาก ปืนลูกโม่ของเขาเหลือเพียงปลอกกระสุนเปล่า ไรอันก้มตัวลงเขย่าแขนนายอำเภอเพื่อเรียกสติ

"นายอำเภอ ตั้งสติหน่อย!!!"

"ไรอันเหรอ?" นายอำเภอโมราเลสเหลือบมองไรอัน "มนุษย์ต่างดาว...เรากำลังสู้กับมนุษย์ต่างดาว"

"อะไรนะ?" ไรอันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "มนุษย์ต่างดาวเหรอ?"

"เขาพูดไม่ผิดหรอก เมื่อช่วงตีสอง กองกำลังแห่งชาติและหน่วยยานเกราะที่12 ปะทะกับพวกมันที่ริมแม่น้ำแบลร์ ไม่ว่าพวกทหารจะประเคนอะไรให้พวกมันไป ปืนไรเฟิลจู่โจม ระเบิดมือ จรวดต่อต้านรถถังหรือกระสุนปืนใหญ่ก็ทำอะไรมันไม่ได้เลย" นายทหารหญิงในสภาพอิดโรยปรากฏตัวขึ้นมาจากในตึกสำนักงาน "ด้วยเทคโนโลยีการรบของพวกมัน มั่นใจได้เลยว่าไม่ได้มาจากประเทศไหนในโลกนี้แน่"

"คุณรู้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้น!?" จ่าวีเวอร์เหลือบหันไปมองทหารหญิงยศนายสิบคนนั้นด้วยความสนใจ

"รู้ซิ...เพราะชั้นเป็นคนเดียวจากหน่วยยานเกราะที่ 12 ที่รอดชีวิตมา" ทหารหญิงคนนั้นตอบ "ฉัน สิบตรี ไคลีย์ สแตรฟฟอร์ด"


(มิเชล โรดริเกวซ รับบทเป็น ไคลีย์ สแตรฟฟอร์ด)


"ผมจ่าสิบเอก ไรอัน วีเวอร์ กรมทหารที่75 อาร์มีเรนเจอร์" ไรอันแสดงสถานะทางทหารของตัวเอง "คุณเก่งมากที่รอดมาได้ หมู่สแตรฟฟอร์ด"

"ดีใจที่ได้รู้จักค่ะ จ่าวีเวอร์" หมู่สแตรฟฟอร์ดยิ้ม "แต่ชั้นคิดว่าที่นี่คงไม่ใช่ที่ๆ เราจะอยู่แล้วล่ะ"

"ผมก็คิดเหมือนกัน..." ไรอันตอบ ขณะกำลังลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบปืนไรเฟิล M4A1 ที่ถูกทิ้งไว้บนพื้น ทหารหนุ่มเช็คจำนวนลูกกระสุนในแม็คกาซีนแล้วใส่กลับเข้าไป "คำถามคือ เราจะไปที่ไหนล่ะ?


โปรดติดตามตอนต่อไป
ฝากติดตามเพจเฟสบุ๊คของผมด้วยนะครับ


biggiggog

เปิดมาเหมือนได้ดูหนังเลย
ต้องมาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น
ขอบคุณมากๆครับ




ขอฝากคำเตือน  ก่อนคอมเม้นต์ จากเจ้แว่น
................................................
ใครจะอ่านผลงานทุกตอนในห้องนี้ ถ้าทำตามกติกา-เงื่อนไขนี้ไม่ได้ แล้วรีพลายมักง่ายผ่านไปที หรือ รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ. อะไรประมาณนี้ จะแบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,thank you,thx ขี้หมาหลายแหล เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆถ้าเจอ นี่เป็นข้อตกลงไว่ก่อนอ่านระหว่างเจ้าของงาน กับสมาชิก ::Angry:: ถ้า รีพลายผิดเงื่อนไขมาหรือ โชว์พาล์วอยู่มานาน โชว์เก๋า โชว์สด โชว์เกรียน ทำมึนลองมาจะแบนเลย เพื่อสมาชิกอีกส่วนที่พร้อมทำตามกติกา ::Cheeky:: เพราะไม่เช่นนั้น รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..ถ้าคิดว่า กฏนี้มันยากก็ไปหาที่อื่นเสพนะ อย่าเข้ามาใช้มาอ่านงานที่ห้องนี้ อ๋อ ใครโดน pm เตือนถ้ายังมึนจะแบนจาก 6 เดือนเป็น 1ปี. .

กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉันแบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกด้วยรีพลายคุณเอง ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,ขอความร่วมมือ แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น. .
................................................................................................................

xnaja

เปิดมาน่าสนใจครับ
แต่รายละเอียดต่างๆน่าจะยากอยู่เพราะเป็นทหารอเมริกา

cd13579

เปิดมาก็ง่อยกินเลย จรวดยิงไม่เข้าแล้วทีนี้เอาอะไรยิงละ

อย่าเน้นดราม่าหนักๆแบบเรื่องที่แล้วละครับ บางทีหนักไปก็เลี่ยนเกิ๊น

ป.ล. อากาศยานรบ น่าจะเปลี่ยนเป็นอากาศยานพอนะครับ มันดูแปลกๆอะ หรือตรวดจากอากาศยานไรงี้
ป.ล 2 ทำไมเป็น F-18 ไม่ใช่F-15
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

nato87

อ้างจาก: cd13579 เมื่อ สิงหาคม 25, 2018, 02:13:24 ก่อนเที่ยง
เปิดมาก็ง่อยกินเลย จรวดยิงไม่เข้าแล้วทีนี้เอาอะไรยิงละ

อย่าเน้นดราม่าหนักๆแบบเรื่องที่แล้วละครับ บางทีหนักไปก็เลี่ยนเกิ๊น

ป.ล. อากาศยานรบ น่าจะเปลี่ยนเป็นอากาศยานพอนะครับ มันดูแปลกๆอะ หรือตรวดจากอากาศยานไรงี้
ป.ล 2 ทำไมเป็น F-18 ไม่ใช่F-15

สาเหตุที่ผมใช้ 'อากาศยานรบ' ต้องอธิบายแบบนี้นะครับ 'อากาศยาน' หมายถึง ยานพาหนะอะไรก็ตามที่บินได้ เช่นเครื่องบิน หรือเฮลิคอปเตอร์ ที่ผมเรียกว่าอากาศยานรบ ก็หมายถึง เครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์จูโจ่มซึ่งใช้ในสงครามนั่งเอง มันเป็นการเล่นคำ/ดิ้นศัพท์อย่างนึง

ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมเป็น F-18 ไม่ใช่F-15 ผมเลือก F-18 เพราะมันเป็นเครื่องบินรบอเนกประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นภารกิจโจมตีบนฟ้าหรือบนดิน ใช้เพื่อขับไล่หรือป้องกันฝูงบินข้าศึก ฯลฯ  ในขณะที่ F-15 จะเน้นไปทางด้านการโจมตีและครอบครองน่านฟ้า ดังนั้นผมจึงเลือก F-18 เพราะมันตอบโจทย์กว่าครับ
ฝากติดตามเพจเฟสบุ๊คของผมด้วยนะครับ


cd13579

อ้างถึง



ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมเป็น F-18 ไม่ใช่F-15 ผมเลือก F-18 เพราะมันเป็นเครื่องบินรบอเนกประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นภารกิจโจมตีบนฟ้าหรือบนดิน ใช้เพื่อขับไล่หรือป้องกันฝูงบินข้าศึก ฯลฯ  ในขณะที่ F-15 จะเน้นไปทางด้านการโจมตีและครอบครองน่านฟ้า ดังนั้นผมจึงเลือก F-18 เพราะมันตอบโจทย์กว่าครับ

คือเท่าที่เข้าใจคือF-18 นี่มันประจำการในกองบินทัพเรือเป็นหลักครับ
ส่วนโดนถล่มในแผนดินเครื่องในพื้นที่น่าจะเป็นของ ทัพอากาศ ม้างานประจำก็น่า F15 F16 ไรงี้ พอท่านเอาF18 มาก็เลยสงสัย

ว่าแต่เอเลี่ยนเทพแบบนี้จะฆ่ายังไง?? ใบ้หน่อยๆ
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

nato87

อ้างจาก: cd13579 เมื่อ สิงหาคม 25, 2018, 03:10:03 ก่อนเที่ยง
อ้างถึง



ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมเป็น F-18 ไม่ใช่F-15 ผมเลือก F-18 เพราะมันเป็นเครื่องบินรบอเนกประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นภารกิจโจมตีบนฟ้าหรือบนดิน ใช้เพื่อขับไล่หรือป้องกันฝูงบินข้าศึก ฯลฯ  ในขณะที่ F-15 จะเน้นไปทางด้านการโจมตีและครอบครองน่านฟ้า ดังนั้นผมจึงเลือก F-18 เพราะมันตอบโจทย์กว่าครับ

คือเท่าที่เข้าใจคือF-18 นี่มันประจำการในกองบินทัพเรือเป็นหลักครับ
ส่วนโดนถล่มในแผนดินเครื่องในพื้นที่น่าจะเป็นของ ทัพอากาศ ม้างานประจำก็น่า F15 F16 ไรงี้ พอท่านเอาF18 มาก็เลยสงสัย

ว่าแต่เอเลี่ยนเทพแบบนี้จะฆ่ายังไง?? ใบ้หน่อยๆ

F18 ประจำการในกองทัพเรือและหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ ครับ F18 ในเรื่องก็มาจากหน่วยนาวิกฯ (USMC) ที่มักเป็นแนวหน้าเข้าสู่สนามรบก่อนเพื่อนเสมอ และหน่วยนาวิกอเมริกันไม่ได้รบในพื้นที่ชายฝั่งเสมอไป แต่ยังถูกส่งไปรบในสนามรบทุกรูปแบบ หน่วยนี้ไม่ได้มีแค่ทหารราบ แต่ยังมีพวกรถถัง เครื่องบินรบ เฮลิคอปเตอร์รบ เป็นของตัวเองด้วย

ส่วนหนึ่งที่ใช้ F18 เพราะมีค่ายกองทัพอากาศของนาวิกโยธินอยู่แถวนั้นพอดี เพราะเป็นเจ้าถิ่น หน่วยนาวิกเลยออกโรงก่อน อารมณ์ประมาณว่าข้าเป็นเจ้าถิ่นที่นี่ ข้าจัดการเอง ถ้าไม่ไหวค่อยมาช่วยแล้วกัน

ส่วนที่เหลือก็เป็นกองกำลังผสมระหว่าง กองทัพบก,นาวิกโยธิน และกองทัพอากาศครับ ไม่มีกองทัพเรือ เพราะรบบนภาคพื้นดินเป็นส่วนใหญ่

ยังบอกไม่ได้ครับว่าเอเลี่ยนจะตายยังไง ลองติดตามไปเรื่อยๆแล้วกัน แต่ไม่ได้ตายเพราะไวรัสคอมพิวเตอร์หรือเชื้อโรคแน่นอน
ฝากติดตามเพจเฟสบุ๊คของผมด้วยนะครับ



swss2511

พล็อตแบบนี้หนังยาวเลย ขอแบบเสียวระหว่างรบแทรกพอได้หายเครียด

yuth2011

มันเลยครับแบบนี่ ตื้นเต้นเร้าใจไปกับสถานการณ์สุดๆ

navy868

กำลังจะถามว่าเอเลี่ยนตายเพราะไวรัสหรือเปล่า ผู้เขียนมาเฉลยซะก่อนแล้ว...ที่เหลือนี่เดาไม่ถูกแล้วว่าจะเอาอยู่ได้ไง  ::Thinking::

peddo

เขียนเรื่องรักก็ดี เขียนไซไฟก็น่าอ่าน คงได้ติดกันงอมแงมเหมือนลุงแน่ ขอบคุณ​ครับ​

tetete

พวกเอเลี่ยนมักจะมากับการโกง อาวุธโหดกว่า มีเกราะบ้าง โทรจิตบ้าง สงสารคนสู้ ตายกันรัวๆ

sainsain

555+ระระเบิดภุเขาเผากระท่อมล่ะงานนี้ละต้องมีเย็ดด้วยนะไร้เตอ ชอบๆเอิ้กๆ

testman

ผมนี่ เห็น war of the world ลอยมาเลย

หน้าพี่ทอม ก็ลอยตามมาด้วย