ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

7 Sin : Wrath EP 6 เล่ห์ร้ายกลางโลหิต

เริ่มโดย cd13579, มกราคม 30, 2019, 01:07:13 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Tiger3745


Skyioi

ขอบคุณ​ครับ​
สิ่งที่พอปลอบหัวใจพังๆได้สินะ

Tosak7483

อึดจริงๆพระเอกเรา เอาแรงมาจากไหน


xijikoh


silverwolf

อย่าบอกน่ะว่าซาตานก็สวมรอยมาเล่นกับฟาง

zaar65



t845ksn


Thanaphay


a park


a yunma

อ้างจาก: cd13579 เมื่อ มกราคม 30, 2019, 01:07:13 ก่อนเที่ยงดีครับทุกคน
เสร็จนานมากๆแล้ว แต่ส่งตรวจละก็ลืมไปเลย 55555 จนเห็นน้องงูเรื่องข้างล่างโผล่มาก็เลยต้องลงดึงกระแสกลับมาบ้าง 55555

มาดูกันนะครับว่างานล้างแค้นของสิงห์จะเดินหน้าได้มั้ย


EP. 6

"ว่าไงนะ! สิงห์หายตัวไป!!"
นายหญิงร่างเล็กอุทานขึ้น เบื้องหน้าเธอคือเหล่าสมุนนำโดยวิกรมที่ล่าถอยเสียขวัญหนีกลับมาเลียแผลตั้งหลักที่รัง
ในใจของพวกนั้นไม่ได้ยินดีเลยที่รอดตายมาได้ พวกมันต่างละอายใจที่ต้องทิ้งนายเหนือที่พวกมันควรจะปกป้องไว้ในซากระเบิด แถมกลับมาก็ต้องมาเจอนายหญิงอีก พวกมันไม่ว่าจะหัวโจกหรือหางแถวได้แต่ก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสบตานายหญิงที่น้ำตาปริ่มจะไหลออกมา

สำหรับพวกมัน หากสิงห์สู้พวกมันยอมตายถวายชีวิตเพื่อเขา แต่นายหญิงของมันก็เปรียบดังเจ้าหญิงที่ไม่ยอมใครมาทำร้ายได้ ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เพราะความดีที่หมอฟางดูแลพวกมันดุจญาติจริงๆของเธอ

แต่ตอนนี้พวกมันทำนายใหญ่หายไปแถมทำนายหญิงผิดหวังและเสียใจอยู่ โดยที่พวกมันไม่อาจทำอะไรได้อีก

ฟาง: "นี่มันไม่จริงใช่มั้ย ทำไมทุกคนทิ้งเขาไว้แบบนั้นล่ะ ทำไม..."
ร่างบางเซซวนทำท่าจะเป็นลม โชคดีเกดประคองร่างเธอไว้ทัน เกดมองร่างนายหญิงก่อนจะถอนหายใจรีบให้คนนำเธอกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนเธอจะนั่งเฝ้าหมอฟางที่นอนไม่ได้สติเพ้อถึงสามีของเธอ

ท่าทางกระสับกระส่ายทุรนทุรายของเธอนั้นทำเอาอดีตนางพยาบาลต้องให้ยานอนหลับเธอเพื่อให้เธอสงบลง
หลังจากนั้นเธอก็ได้แต่ภาวนาให้เจ้านายเธอรีบกลับมาไวๆ เธอทำแผลคนเป็นร้อยยังไม่หนักใจเท่าดูฟางเสียใจฟูมฟายเลย

ส่วนคนที่หายตัวไปก็กำลังนั่งกินข้าวร้านริมฟุตบาทอยู่ สิงห์ที่เดินเท้าเล็ดรอดเข้าเมืองมาก็รีบเดินทางเข้ามากรุงเทพและตอนนี้เขาต้องการพักฟื้นเป็นการด่วน จริงอยู่ว่าบาดแผลภายนอกจะปกติดี แต่ร่างกายก็มีขีดจำกัดทางกายภาพของมัน เขายังต้องนอนต้องกินอยู่ แม้เขาอาจจะใช้ไอมารไปชดเชยความต้องการพื้นฐานได้แต่มันก็สิ้นเปลืองพลังและยุ่งยากมากเกินไป เขาจึงเลือกจะหาอะไรง่ายๆกินและเปิดโรงแรมเล็กๆนอนเพื่อฟื้นฟูร่างกายแทน

สิงห์ทิ้งตัวลงและหลับทันทีแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ง่ายดายขนาดนั้น เมื่อมีร่างหนึ่งมายืนอยู่ข้างเตียง สิงห์ที่สัมผัสได้ก็เกร็งพลังทันใดหวังจู่โจมก่อน แต่มือหยาบกลับไวกว่า มันแตะร่างที่กำลังจะพุ่งใส่ราวลูกธนูราวกับวางมือเบาๆ แต่สิงห์กลับขยับอะไรไม่ได้เลย สิงห์เร่งเร้าพลังพยายามจะขัดขืนร่างที่นอนอยู่มีไอพลังสีแดงพุ่งออกมาคล้ายหมอกสีเลือด

แต่ร่างที่ยืนอยู่หรี่ตามองไอพลังอย่างไม่ยี่หระ
"ข้าเองสิงห์"
เสียงซาตานดังขึ้น สิงห์จึงหยุดใช้พลังและลืมตาขึ้นแต่เสียงมันดังขึ้นก่อน
ซาตาน: "ไม่ต้องลืมตา เจ้านอนต่อไปเถอะข้าแค่มาตรวจร่างกายเฉยๆ ดูท่าทางเจ้าต้องพักจริงๆ หลับซะตัวแทนของข้า"

สิ้นเสียงมันสิงห์ก็ค่อยๆง่วงจนหลับลงไป แต่ก่อนสติจะดับลงซาตานเอ่ยชมเขาเบาๆ
"เก่งมาก ในที่สุดเจ้าก็รับรู้ถึงข้าได้แล้ว อาาา ช่างน่ายินดี"

ซาตานถ่ายพลังให้สิงห์เพื่อทำให้ตัวแทนของมันฟื้นตัวได้ดีขึ้น แต่มันจะทำให้สิงห์นอนนานขึ้นเช่นกัน
ซึ่งนี่จะทำให้ซาตานมีเวลาพอสำหรับเตรียมการฆ่าผู้หญิงซักคน โดยที่ไม่มีใครขัดขวางได้


เด็กหนุ่มมองลอดออกจากกรงผ่านร่องตาราง
ใช่มันรอดเพราะนอนสลบอยู่ในบ้าน ตื่นมาก็โดนจับมาขังร่วมกับพวกลูกน้องคนอื่นๆ

พวกมันนอนอยู่ในนี่มาสามวันแล้ว บ้างคนก็โชคดีที่มีลูกเมียมีญาติมาประกันตัวออกไป บ้างคนมีคดีอื่นอยู่ก่อนก็โดนจับไปขึ้นศาลตัวมันเองนอกจากนั่งเฝ้าหน้าผับหน้าซ่องก็ไม่เคยทำอะไรผิดอีก โชคดีตอนตำรวจเจอมันปืนที่แจกให้ไปยิงกับอีกฝ่ายโดนขโมยไป ไม่งั้นละเขาโดนยัดเรือนจำไปแล้วไม่ใช่มานอนในสถานีตำรวจแบบตอนนี้แน่

มันมองลอดออกไปบนฟ้าอย่างโหยหาอิสระภาพ แค่คุกใน สน ยังไม่น่าอยู่ขนาดนี้ แล้วเรือนจำที่แออัดกว่าจะขนาดไหน มันนึกถึงหน้าแม่ที่ป่วยตายทิ้งมันกับหนี้สินกองโต ตัวมันเองก็เลยต้องขายไร่ที่ที่นามาตายเอาดาบหน้าในกรุงสุดท้ายก็ต้องลงเอยในคุกแบบนี้ ทำไมฟ้าไม่ให้โอกาสมันบ้าง ทำไมชีวิตคนจนๆแบบมันต้องมาติดคุกอยู่แบบนี้

"นายจิม จิ้มลิ้มสกุล ออกมาได้แล้ว"
เขามองนายสิบร่างใหญ่ราวควายป่าขานชื่อตน คงตาเขาไปขึ้นศาลแล้วสินะ ร่างผอมแห้งลุกเดินออกจากห้องขังอันแออัดออกมาที่โต๊ะร้อยเวร

"ไอ้หนุ่มมาๆ เซ็นต์ชื่อตรงนี้แล้วไปได้แล้ว อย่าลืมขอบคุณท่านถวิลเขาละ ไม่มีท่านมายืนยันว่าเอ็งไม่ใช่คนร้ายละก็นอนในคุกเป็นปีๆแน่"
ร้อยเวรร่ายยาวและชี้มือไปที่ตำรวจที่บ่ามีดาวเยอะกว่าร้อยเวร เขารีบไหว้ตำรวจท่านนั้นทันทีเขาไม่รู้หรอกว่าท่านเป็นใครทำไมช่วยตน แต่บุญคุณครั้งนี้ช่างยิ่งใหญ่สำหรับมันนัก รอดพ้นซี่กรงห้องขังก็บุญท่วมหัวแล้ว

ตำรวจท่านนั้นแม้จะดูมีสง่าราศีแต่บนใบหน้าที่มันแอบชำเลืองมองก็เห็นรอยแผลที่มีผ้าก็อตติดอยู่หลายจุด เผือกอ่อนที่แขนขวาผูกแขนให้ห้อยติดกับคอไว้ มันฟังตำรวจสองนายคุยกันจับใจความไม่ค่อยได้เพราะมันไม่กล้ายืนใกล้ๆมากนัก แต่เท่าจับได้มีอะไรซวยๆโชคดีโชคร้ายกับตำรวจที่มาเอาตนออกจากคุก

และพอตำรวจที่ช่วยตนลุกขึ้นมากันหน้าให้มันเห็นชัดๆไอ้จิมหนุ่มบ้านนอกก็นึกออกทันที
แต่ถวิลก็รีบโอบไหล่ลากมันออกจากสถานีไปซะก่อน

"ลุง!.... ไม่สิท่าน! นี่ลุงคือคนในคืนนั้นที่ผมช่วยหิ้วปีกเข้าไปหลบในบ้านก่อนผมจะสลบนิ แล้วทำไมเป็นท่าน อะไรยังไง?"
สมองทึบๆของมันยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
ถวิลมองมันตั้งแต่หัวจรดตีนก่อนจะกอดอกและส่ายหน้าเบาๆ
"ถ้าอยากรู้อยากคุยอะไรก็ตามมาสิ"
ถวิลเดินนำมันผ่านตลาดผ่านฝูงชนไปหยุดที่ร้านกาแฟเก่าๆในตลาดข้างสถานี

"กินอะไรก็สั่ง สั่งข้าวแถวนี้มากินในร้านก็ได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องราคา"
ถวิลตบบ่ามันเบาราวกับรู้ว่ามันไม่เงินติดตัวซักบาท
ถวิลบอกมันจบก็หันไปสั่งกาแฟ

พอมันรู้ตัวอีกทีมันก็ฟาดข้าวมันไก่ไปสองจาน ราดหน้าอีกจานน้ำหวานน้ำอัดลมกาแฟอีกหลายแก้ว มันไม่ได้กินอิ่มมานานแล้ว อาหารที่แน่นในท้องคือความสุขของคนหาเช้ากินค่ำแบบมัน
ถวิล: "อิ่มแล้วรึยัง"
ไอ้จิมผงกหัวและพนมมือไหว้ตำรวจรุ่นลุงตรงหน้า
ถวิล: "ไม่ต้องไหว้ ฉันไม่ได้กะเลี้ยงเธอฟรีๆ ไหนบอกสิเธอไปอยู่กับพวกมันได้ไง และรู้อะไรบ้าง"

จิมกลืนน้ำลายลงคอ มันไม่อยากรู้ไม่อยากเห็นเรื่องที่ทำงานเก่ามันอีกแล้ว มันเคยเห็นพวกที่ปากมากมากสว่างโดนถ่วงทะเลนั่งยางมาหลายศพแล้ว ขืนมันพูดมันก็อาจจะตายก็ได้ซึ่งถวิลก็เดาใจมันออก

ถวิล: "ถ้าจะตอบว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรเธอก็ต้องจ่ายค่าอาหารเองนะ ฉันไม่จำเป็นต้องเลี้ยงข้าวอยู่แล้ว เก็บเงินด้วย แยกจ่ายนะ"
เจ้าของร้านเดินมาคิดเงิน ซึ่งปรากฎว่ามันกินคนเดียวเกือบสามร้อยแล้ว มันไม่เงินจ่ายแน่นอน มันมองสายตาบรรดาร้านข้าวร้านน้ำต่างๆที่ยืนรอมันจ่ายเงิน โดยเฉพาะร้านข้าวมันไก่ที่คนขายถือปังตอสับไก่มาด้วย ประกายมีดเงาวิบๆทำมันใจหดใจหายมือไม้ระทวย

ถวิลมองเด็กหนุ่มและฉีกยิ้มเบาๆและลุกขึ้นเดินออกจากร้านไป ไอ้จิมรีบกระโดดตะครุบเท้าถวิลไว้ทันที
จิม: "ไหนท่านบอกจะเลี้ยงข้าวผมไง ท่านหลอกผม"
มันโวยวายประท้วงทันที แต่ถวิลก็ยืนนิ่งและหันไปถามมันเนิบๆ
ถวิล: " แต่ไม่ได้บอกว่าไม่มีเงื่อนไข และเธอก็ไม่ถาม ฉันหลอกเธอตรงไหน เธอยอมตอบฉันก็จ่าย ไม่ตอบก็ไม่จ่าย ข้าวเธอก็สั่งเองน้ำก็สั่งเอง ฉันไปหลอกไปบังคับเธอซะที่ไหนละ เอาละว่าไง!"

มันมองปังตอสับไก่ กระบวยชงกาแฟ และตะหลิวราดหน้าที่พร้อมจะกระหน่ำตีมันก่อนจะกอดขาถวิลแน่น

"ครับๆ ผมบอกทุกอย่างเลย ผมยอมแล้ว"

ชั่วโมงต่อมาถวิลก็เดินนำไอ้จิมออกมาที่หน้าตลาด เขาไม่ค่อยได้อะไรจากไอ้หนุ่มจิมคนนี้ ซึ่งก็กะไว้อยู่แล้ว อันที่จริงเขาก็กะเลี้ยงตอบแทนที่มันช่วยเขาออกจากซากอาคารและนิสัยใจคอของมันก็ดีเกินจะมาอยู่กับพวกนรกนั้น คนแบบนี้ควรได้โอกาส

คิดแล้วถวิลยังเสียดายภาพในกล้องที่แอบถ่ายมาได้แต่ข้อมูลกับถูกทำลายจากระเบิดไปพร้อมเครื่อง งานนี้เจ็บตัวก็เจ็บโดนด่าที่ไปยุ่งคดีอื่นในท้องที่อื่นอีก แถมยังคว้าน้ำเหลวกลับมามือเปล่าอีก โชคยังดีที่ผมงานเก่ายังพอมี ไม่งั้นเขาคงต้องหาอาชีพใหม่
แต่เรื่องราวรอบนี่มันทำให้รู้ว่าตัวคนๆเดียวไม่อาจสู้ตามลำพังได้

ที่สำคัญที่สุด เขาเห็นสิงห์กับตาตัวเองแล้ว เขาจะรู้ให้ได้ว่าเรื่องราวมันเป็นอะไรยังไง แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็ต้องมีพวกพ้องเป็นฐานอำนาจเสียก่อน และช่วงนี่เขาต้องเก็บตัวเพื่อรอเวลาซะก่อน
ถวิล: "ไอ้หนุ่ม ต่อไปจะทำยังไงต่อ"
จิม: "เออ...ผมก็ไม่รู้ครับ"

ถวิลเปิดประตูรถฝั่งคนขับออก ก่อนยื่นกุณแจรถให้มัน
ถวิล: "ขับรถเป็นใช่มั้ย งั้นมาขับให้ฉันละกัน"
จิมมองหน้าถวิลสลับกับกุณแจอย่างตื้นตันใจมันรีบคว้าโอกาสใหม่ในชีวิตทันที
ต่อไปนี้มันจะได้ทำอาชีพสุจริตแล้ว มันกุลีดุจอเปิดประตูให้เจ้านายคนใหม่ของมันทันที
จิม: "เชิญครับนาย"

ถวิลเดินไปตบไหล่มันเบาๆ และนายกับลูกน้องคู่ใหม่ก็นั่งรถออกไป

ขณะเดียวกันสิงห์ก็สะดุ้งตื่น เขาทะลึ่งลุกพรวดขึ้นมา ใบหน้าซีดเซียว
เขาผวาตื่นเพราะฝัน เขาฝันร้ายเขาฝันเห็นศพฟาง เขาไม่เคยฝันหลังจากพ้นวัยเด็ก และเขาเชื่อว่าตอนนี้กำลังมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเธอจริงๆ

"ซาตาน ท่านข้ามีเรื่องให้ช่วย"
สิงห์ผุดลุกยืนเมื่อรับรู้มันมาถึง
ซาตาน: "ข้าพึ่งไปดูให้เมื่อครู่ ทุกคนปลอดภัยดี ไม่มีอะไรให้กังวล"
สิงห์: "โล่งอกว่าแต่เกิดอะไรขึ้นครับ"
ซาตาน: "มันเป็นเรื่องที่อธิบายลำบาก ไว้ค่อยเล่าตอนนี้เจ้ามาจัดการไอ้ผลงานที่ค้างคาของเจ้าก่อน ข้าจะเห็นแก่ความพยายาม ข้าจะบอกว่ามันอยู่ที่ไหน"

แม้จะยังแคลงใจกับภาพฝัน แต่สิงห์ก็พยักหน้าให้ซาตานก่อนจะเดินไปอาบน้ำเตรียมตัวทำงานชิ้นแรก

โดยที่ไม่รู้ไม่เห็นเลยว่าซาตานกำลังเตรียมการสำหรับแผนอันน่ากลัวอยู่ แผนที่จะผลักสิงห์ลงไปในความมืดมิดตลอดกาล


ณ โรงแรมชั้นบนสุด
โรงแรมที่ด้านบนถูกเหมาซื้อและตกแต่งอย่างงดงาม โดยทุกบาทที่ซื้อทุกสตางค์ที่ตกแต่งมาจากภาษีที่ฉ้อฉลมาและความเดือดร้อนของคนบริสุทธิ์
โดยที่เจ้าของห้องร่างอ้วนก็กระเด้าบั้นเอวใส่ร่างอรชรบอบบางที่โก้งโค้งในท่าหมาอยู่
แต่แม้จะเสียวส่านปานใดหญิงสาวคนนั้นก็มีแต่ความหม่นหมองหาได้เต็มใจร่วมรักกับชายรุ่นปู่รุ่นพ่อเลย

"โอยยยย อีบัว หีมึงนี่ยังฟิตดีจริงๆ กูจะออกแล้ว อะๆ โอยยยย"
ชายวัยลุงกระตุกร้องลั่นราวควายถูกเชือดเสร็จสมเรียบร้อยมันทรุดลงนั่งหอบจนซี่โครงบาน ส่วนหญิงสาวก็หยิบกระดาษมาเช็คร่องสวาทสีแดงของตน เธอไม่ยังอยากให้เชื้อชั่วๆอยู่ร่างกายเธอนานนัก อีกไม่กี่ปีเธอจะหลุดพ้นกับไอ่แก่สารเลวคนนี้แล้ว เธอนับวันนับคืนรอ หญิงสาวจำใจเป็นทาสกามมันมานานนับปีๆ

รองอนันต์คนชั่วตัวเดิมที่ตอนนี้ใส่กางเกงแล้วกระชากเด็กสาวกลับมากอดจูบลูบไล้อีกครั้ง
ผู้การอนันต์: "ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว ยังไงเธอก็ไม่พ้นมือฉันหรอก อีกอย่างนี่ก็ไม่ใข่ครั้งแรกจะอะไรนักหนาละจ๊ะ"
เธอหันหน้าหลบอย่างรังเกียจ มันกลับหัวเราะหึๆไอ้เด็กคนนี้พูดดีๆไม่รู้เรื่อง

ผู้การอนันต์: "มึงรับข้อเสนอไปแล้ว เย็ดครั้งละแสน ปลดหนี้ให้พ่อบังเกิดเกล้า ใครจะไปนึกว่าครูสอนรำสุดสวยแสนเรียบร้อยจะมีอาชีพเสริมแบบนี้ คงต้องขอบคุณพ่อมึงแล้ว"
บัว: "อีกไม่กี่ครั้ง! อีกนิดเดียว! ชั้นจะพ้นจากไอ้คนเลวแบบแกแล้ว"
สาวน้อยบนเตียงทนความรังเกียจไท่ไหวหลุดปากตวาดใส่มัน
แต่ประโยคต่อมาก็ทำลายความหวังอันริบหรี่ของเธอลงสิ้นซาก
ผู้การอนันต์: "พ่อมึงเพิ่งเล่นเพิ่มเสียไปอีกสามล้าน ไม่เชื่อมึงโทรหาพ่อเลวๆหรือจะไปดูกล้องในบ่อนกูก็ได้"
นางรำสาวทรุดลงไปนั่งที่พื้น

ผู้การอนันต์: "รอบนี้กูให้แค่รอบละห้าหมื่นพอ ถ้าไม่ยอมกูก็คงต้องจับพ่อมึงไปเชือด ฮ่าๆๆ อีโง่คิดเหรอว่ามึงจะรอด ออกไปให้พ้นไปตีน กูเงี่ยนจะเรียกมาใหม่ ไสหัวไป"

หลังจากถีบหัวส่งนางบำเรอกามไปพ้นๆ มันก็เดินขึ้นกลับไปพักชั้นบนสามชั้นของตึกนี่คือของมัน แน่นอนว่ามันใช้ชื่อคนอื่นบังหน้าเรียบร้อย
ชายชราบ้าอำนาจตัณหากลับรินบรั่นดีนั่งจิบ พร้อมกับควักบุหรี่มาสูบ
มันนั่งพักผ่อนอยู่พักใหญ่ๆก่อนจะเดินไปนอนบนเตียง
ตี๊ดดดดๆ
เสียงโทรศัพท์ดังทำให้ร่างอ้วนฉุต้องพลิกร่างมารับ
ผู้การ: "เสี่ยโทรมาดึกๆมีอะไรอีก?"
เสี่ยอิน: "แค่มาถามว่าทางนั้นคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว"
ตำรวจชั่วแสยะยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึง "งาน" โดยงานนี้ที่สำคัญพึ่งทำสำเร็จ
มันพึ่งล่อพวกโง่ที่จ้องจะฆ่าเขาให้ระเบิดเป็นเศษเนื้อไปเมื่อคืน มันเห็นกับตาว่าพวกนั้นเข้ามาติดกับเต็มๆ
ผู้การ: "เรียบร้อยเห็นข่าวแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่มีใครสงสัยพวกเราเลย สื่อไม่กล้าลงว่าเป็นระเบิดด้วยซ้ำ เชื่อผมแต่แรกก็สิ้นเรื่อง"
เสี่ยอิน: "ท่านบอกแบบนี้ผมจะได้สบายใจ ช่วงนี้สังหรณ์ไม่ค่อยดี นอนไม่สบายมาหลายคืน"
ผู้การ: "เสี่ยก็ซีเรียสไป งานของเราโดนทำลายไปไม่ถึงครึ่ง ระดับแค่นี้องค์กรของเรารับสบายมาก ในประเทศนี่เหลือกี่คนกันเชียวที่มีอำนาจใกล้เคียงเรา"
ผู้การอนันต์ตอบเสี่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ อีกไม่กี่ปีพวกมันก็แทรกซึมได้ทุกระดับทุกวงการในประเทศนี่แล้ว ประเทศนี่กำลังถูก"ความมืด"กลืนกิน
เสี่ยอิน: "งั้นก็แค่นี้ละกัน ผมขอตัว"

ตำรวจชั่วทิ้งตัวหลับลงไปด้วยความเพลียผสมความเมา โดยไม่รู้เลยว่านี่คือคืนสุดท้ายในชีวิตชั่วๆของมันแล้ว

ด้านล่างของตึก ในเวลาดึกอันเงียบสงัด
ความตายของตำรวจชั่วก็ลงจากแท็กซี่เก่าๆชายร่างกำยำก็เดินเข้ามาในตึกลึกจนถึงลิฟต์พิเศษ ทางเข้าเดียวไปยังชั้นดานฟ้าของอนันต์ นายตำรวจนอกแถวระดับแถวหน้าของประเทศผู้มีอำนาจมหาศาลในเมืองไทย
ยามของตึกที่เฝ้าด้านล่างรีบเดินมาขวาง
ยาม1: "คุณครับตรงนี่เข้าไม่ได้นะครับ"
สิงห์แสยะยิ้มขึ้น พูดห้วนๆด้วยสีหน้าเรียกตีน
สิงห์: "แล้วถ้า...กูจะขึ้นอะ"
เพื่อนยามในชุดสูทธอีกคน เดินพรวดออกมาผลักอกสิงห์ท่าทางพร้อมกระทืบเขาเต็มที่
ยาม2: "พูดดีแล้วไม่ยอมกูกระทืบจริงๆ อย่าหาว่าโหดนะมึงกลับไปได้แล้วก่อนกูจะโกรธ"

สิงห์: "ก่อนจะโกรธ ใช่ๆมึงต้องหลบไปก่อนกูจะโกรธ เว้นมึงจะอยากตาย กูต้องธุระต้องรีบจัดการไสหัวไป"
ยามคนนั้นชักสีหน้าใส่เงื้อหมัดต่อยสิงห์ทันที
ตูมมมม โครม!!!
เสียงร่างยามคนที่ต่อยกลับลอยกลับมากระแทกประตูลิฟต์จนบุบ สันจมูกและฟันหลายซี่หักนอนนิ่งสนิทราวกับตาย ยามคนแรกมองสภาพเพื่อนอย่างตระหนก มันรีบล้วงกระบองเหล็กยืดออกมาออกมาหมายฟาดชายแปลกหน้า แต่ชายคนนั้นกลับหายออกไปจากสายตาและมายืนอยู่ด้านหลังตัวเอง พร้อมกับกระบองยืดของมันเองที่อยู่ในมือสิงห์


กระบองหายไปจากมือมันโดยที่มันไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย มันกลัวจนก้าวขาไม่ออกแม้แต่น้อย
ชายคนนี้เป็นใครกัน ทำไมเขามองไม่ทันเลย
สิงห์คืนกระบองให้ยาม ก่อนจะกดตัวมันที่แข้งขาอ่อนให้ทรุดลงไปนั่ง
สิงห์: "ถือว่าฉลาดกว่าเพื่อน นั่งนิ่งๆแบบนี้ดีแล้ว แล้วก็คืนนี้รีบกลับบ้านไม่ต้องรู้เห็นอะไรทั้งนั้น"

สิงห์ลากยามอีกคนที่ขวางหน้าลิฟต์ออก คว้านหาคีย์การ์ดที่พาตนไปยังด้านบนก่อนจะขึ้นลิฟต์ไป
พอลิฟต์พ้นจนลับตายามที่ยังรอดอยู่ถึงจะค่อยๆขยับตัวได้ พอมันขยับมือข้างที่ถือกระบอง
กระบองยืดที่ทำมาอย่างดีก็หักเป็นท่อนร่วงลงต่อหน้าส่งโลหะร่วงกราวกระทบพื้นกังวานไปทั่วบริเวณยามคนนั่นรีบเก็บของหนีกลับบ้านทันที

สิงห์ยืนตรงในลิฟต์ ทบทวนทุกอย่างที่รู้ในหัว สามชั้นบนสุดคือที่ของพวกมัน แค่เป้าหมายของเขาอยู่บนสุดทั้งสามชั้นมีบรรไดหลายจุดมันสามารถขึ้นมาช่วยหัวหน้ามันได้เรื่อยๆ ระบบตึกมีไฟสำรองแผนดับไฟจึงใช้ไม่ได้
ซาตาน: "ก็ลุยตรงๆนี่ละ ถือซะว่าเป็นสารประกาศสงครามกับมันซะเลยสิ เปิดตัวให้มันอลังการไงละ"
สิงห์ลูบคางที่มีเคราเขียวสองสามทีครุ่นคิดบวกลบอยู่ในใจ
ซาตาน: "หนี้เลือดข้างด้วยเลือดไงสิงห์ ไม่มีเวลาคิดแล้วจัดหนักเลยอย่าให้เสียงชื่อตัวแทนของข้าละ"
ซาตานพูดจบก็สลายตัวหายไปพร้อมกับลิฟต์ที่เปิดออก เหล่าสมุนทั้งหลายมอชายแปลกหน้าอย่างุนงง
สิงห์ลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาทั้งสองข้างแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงดุจดวงไฟ
สิงห์: "งั้นก็ฆ่าให้หมดเลยละกัน"
ร่างกำยำกำหมัดแน่นและเดินของจากลิฟต์ช้าๆ

"มึงเป็นใครวะ เด็กใหม่รึเปล่า...ทำไมไม่เคยเห็นหน้าวะ"
มือปืนที่คุ้มอยู่หน้าลิฟต์ มองใบหน้าสิงห์ด้วยความแปลกใจ ขณะที่สิงห์กำมือแน่นจนกระดูกลั่นดังจนลูกน้องแถวนั้นทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว ไอมารที่เขามองเห็นคนเดียวลอยม้วนวนเข้าไปในแขนทั้งสองข้างฟันขบแน่นเตรียมตัวปลดปล่อยความแค้น
 
จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าหามือปืนคนที่กำลังถามเขาอยู่ หมัดขวาฮุคอัดเข้าไปที่ท้องแรงหมัดเสยยกร่างมันลอยไปชนเพดานและหล่นลงมานอนนิ่ง สิงห์แสยะยิ้มให้พวกมึงที่ยืนตะลึงก่อนจะวิ่งเข้ามาพวกมันต่อทันที

ชายร่วงอ้วนสูงวัยสะดุ้งตื่นกลางดึก มันฝันเห็นไฟคลอกตัวเอง ใบหน้าอุดมด้วยไขมันส่วนเกินมีแต่เม็ดเหงื่อพราว มันรีบลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินกลับมานอนต่อที่เตียง มือคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาหมายจิบเบาๆกล่อมตัวเองให้หลับยาว จะได้ไม่ต้องฝันร้ายแบบนี้
จะว่าไปก็แปลกมันไม่เคยฝันมานานมาก นานจนจำครั้งสุดท้ายไม่ได้ แล้วทำไมคืนนี้มันถึงฝันกันละ ฝันร้ายเตือนภัยเหรอ?

ตำรวจกังฉินร่างอ้วนลูบหน้าขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านเอื้อมไปมือคว้านหาขวดเหล้าที่วางไว้ที่โต๊ะใกล้ๆแต่กลับหาไม่พบมันหันไปมองก็ไม่เจอ

"หาไอ้นี่อยู่เหรอครับท่าน"
สิงห์ทุ้มเรียบจนคนฟังสัมผัสถึงความน่าหวาดหวั่นดังขึ้นในห้องส่วนตัวของนายตำรวจใหญ่ ห้องส่วนตัวที่มีการ์ดไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ยามของตุกร่วมถึงนักฆ่าที่องค์กรส่งมารับใช้ ทุกคนมีรวมๆกันเกือบห้าสิบคน แล้วทำไมชายตรงหน้ามาอยู่ในห้องเขาได้ แต่พอผู้การอนันต์มองชายตรงหน้าอีกทีแววตาของมันก็กลายเป็นความหวาดผวา

ผู้การ: "ไอ้สิงห์...มึง! มึงตายไปแล้ว กูเห็นกับตา ไม่ๆเป็นไปไม่ได้"
ชายร่างอ้วนกระเถิบตัวหนีไปจนสุดเตียง คนที่ตายไปแล้วทำไมมาอยู่ตรงหน้าตนได้ เขาเห็นว่ามันถูกหั่นเป็นชิ้นๆและถีบลงแม่น้ำกับตา ตอนที่อากาศรายงานว่ามันถูกสิงห์ตามฆ่า ตัวมันเองยังขำไอ้อากาศอยู่เลย
แต่พอมาถึงวินาทีนี้ มันก็ขำไม่ออกแล้ว
ไอ้สิงห์มันคืนชีพได้จริงๆ!!!

สิงห์: "ก็รอดมาได้ แต่ก็แทบแย่เหมือนกันครับท่าน วันนี้ผมระลึกได้ถึงความดีของนายก็เลยแวะมาเยื่ยมเยือนตามประสาลูกน้องเก่า"
สิงห์พูดอย่างสบายๆ น้ำเสียงทุ้มไม่แววของความกราดเกรี้ยว
สิงห์ : "รอบที่แล้วท่านให้รางวัลผมมา ผมชอบมาก วันนี้ก็เลยเอามาให้มึงบ้าง!!"
แต่พอขึ้นประโยคถัดมาแววตาและความเสียงเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นตะคอก

ร่างใหญ่ลุกพรวดและเดินมาหาชายอ้วนทันทีแต่เสือร้ายถึงจะลงพุงแต่ก็ยังเป็นเสือมันแอบมาหยิบปืนที่ซุกติดไว้ใต้เตียงกระชากออกมาเป่าสิงห์ในระยะใกล้
ปืนลูกโม่เงาวิบสะท้อนแสงภายนอกดูงดงามขณะกำลังจะพ่นความตายไปหาผู้บุกรุก

ที่มันเลือกปืนลูกโม่เป็นปืนฉุกเฉินคือเพราะมันไว้ใจได้ไม่มีการตัดขัดลำกล้องจะยิงก็ปลดเซฟและลั่นไก ต่างกับปืนพกแบบอัตโนมัตที่ต้องเสียเวลากระชากลำกล้องก่อนยิง
ในชั่วเวลาคับขันแบบนี้ทุกวินาทีย่อมมีค่าเสมอ

ตำรวจชั่วยิ้มเยาะนิ้วเหนี่ยวไกปืน

ซาตานตวัดนิ้วขีดเขียนกลางอากาศไม่กี่ครั้งม่านไอมารสีแดงทรงกลมก็คลุมรอบตัวสิงห์หลายสิบเมตร
ซาตาน: "การดูความจำดวงวิญญาณไม่ใช่เรื่องง่าย เขตอาคมของข้าจะช่วยเจ้าได้บางส่วน เสร็จธุระข้าจะมาเอาดวงวิญญาณมันคืน การเอาวิญญานคนตายออกมาสู่โลกมนุษย์มันยุ่งยากปัญหาเยอะรีบใช้รีบคืนละ"
สิงห์พยักหน้าซาตานค่อยๆสลายร่างออกไปทิ้งสิงห์ไว้กับวิญญาณในมือ

ทว่าซาตานไม่ได้กลับไปที่นรกตามที่สิงห์คิด มันแสยะยิ้มก่อนจะพุ่งไปท้องฟ้ายามราตรี

--------------------------------------------------------------------------------------------
อือออ สิงห์....สิงห์ คุณสิงห์"
ฟางนอนพึมพำและได้สติกลางดึก เธอเห็นเงาสลัวๆที่นอนเฝ้าอยู่บนโซฟา เดาไม่ยากว่าต้องเป็นเกด

เธอพยายามสลัดความคิดวุ่นวายออกจากหัว ตอนนี้เธอต้องตั้งสติ เขาทั้งเก่งทั้งแกร่งเขาต้องไม่ตายแน่ๆ ต้องหา ต้องหาเขาให้เจอ
ฟางรีบลุกขึ้นวิ่งออกจากห้องหมายจะสั่งให้ทุกคนออกไปตามหาสิงห์อย่างน้อยเธอต้องได้เบาะแสอะไรบ้างก็ยังดี แต่ยามที่ยืนเฝ้าบริเวณชั้นบนกลับหายไปทั้งหมด ซึ่งนั้นเป็นเรื่องผิดปกติมาก

พอเธอฉุกคิดเรื่องนี้ได้เธอก็เริ่มสังเกตุพบว่า ท้องฟ้าคืนนี้ไม่มีดาว ไม่มีเมฆ ไม่มีแม้พระจันทร์ แม้แต่เสียงคลื่นจากทะเลที่อยู่ไม่ใกล้กันก็ไม่มีมันเงียบจนน่ากลัว

เธอมองไม่เห็นใครเลย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เธอรู้ว่าที่นี้มีทั้งคนยืนยาม คนเดินตรวจตรา แต่ทำไมคืนนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากเธอกับความเงียบอันน่าขนลุกนี้

เธอเริ่มหวาดกลัว มีอะไรกำลังเข้ามาเธอสัมผัสความรู้สึกแปลกๆได้ มันให้ความหวาดกลัว ความลึกลับ ความเจ้าเล่ห์หลอกลวงและภายใต้ความรู้สึกเหล่านั้นมันก็ยังมี ความบ้าคลั่ง ความพินาศ ความตาย ความโกรธเกรี้ยวกราด

ทุกๆความรู้สึกที่ผุดขึ้นในหัวมาะร้อมบรรยายกาศที่กดดันขึ้นจนเธออึดอัด เธอหมุนตัวกลับไปที่ห้องแต่กลับพบชายวัยกลางคนในชุดสูทธสีดำ มีหนังหมีเป็นผ้าคลุม แต่ใบหน้ากลับไม่เห็นเพราะอยู่ใต้เงา

ฟาง: "คุณ! คุณ....เป็นใคร"
ฟางรู้สึกกลัวชายแปลกหน้าคนนี้จับใจ แม้ร่างนั้นไม่ได้มีทีท่าคุกคามใดๆ ไม่ถืออาวุธแม้ซักชิ้น
แต่ในใจเบื้องลึกมันร่ำร้องให้เธอวิ่งหนีให้เร็วที่สุด เธอรู้เลยว่าเธอกำลังอยู่ใกล้ความตายมากกว่าทุกๆครั้ง

"ข้าคือ....อืมมมม อาา ยังไงดีละ ข้าคือหุ้นส่วนของสิงห์"
ชายในเงามืดพูดเบาๆ แต่เสียงกลับชัดเจนเหมือนมากระซิบข้างหูเธอ น้ำเสียงที่ฟังแล้วเธอขนลุก ทั้งเย็นทั้งกระด้าง เธอกลืนน้ำลายก่อนฝืนใจถามชายคนนั้นต่อ

ฟาง: "ทำไมสิงห์ไม่ค่อยพูดถึงคุณ ฉันไม่เชื่อ คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมฉันรู้สึก...แปลก"
ชายในเงา: "แปลกอะไร แปลกตรงไหน ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย คิดไปเองน่าสาวน้อย"

ฟางรู้สึกเรี่ยวแรงหดหาย ลมหายใจติดขัด ทุกอย่างค่อยหนักอึ้งดวงตามืดมัวไปหมด
ฟาง: "อย่าทำอะไรหนูเลย ทะๆ..ท่านเป็นใครกัน ท่านไม่ใช่คนแน่ๆ"
ชายในเงา: "โห รู้มากจริงๆ แต่คนรู้มากมักจะอายุไม่ยืนนะ เจ้ามันน่ารำคาญเกินไป เพราะงั้นสิ้นลมไปซะเถอะ"

ฟางที่จะร้องขอชีวิตกลับพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้เหมือนมีใครบีบคอเธออยู่ สองขาถอยๆก้าวถอยหนีแต่ชายในเงาก็คนตามเธอมาช้าๆ จนเธอถอยมาสุดระเบียง
ชายในเงา: "พรุ่งนี้ พวกมันจะเจอศพเจ้าในทะเล ลาก่อน ข้าจะคิดถึงเจ้านะ นังมนุษย์"

พริบตาต่อมาเหมือนอากาศรอบตัวจะกลายเป็นก้อนบีบร่างจนเธอแน่นและค่อยๆยกตัวลอยสูงขึ้น สูงเรื่อยๆลอยออกไปอยู่กลางทะเลใต้ร่างเธอน้ำทะเลอันมืดมิดและบ้าคลั่ง ไม่นะเธอจะตายงั้นเหรอ เธอยังไม่อยากตาย แต่ร่างกายเธอไม่อาจจะขยับแม้จะร้องอ้อนวอนยังไม่มีปัญญาทำ
"คุณสิงห์....ช่วยด้วย"
และแล้วสติเธอก็ค่อยๆมืดดับลง

ซาตานไม่ได้กลัวพวกมันทั้งสองตนเลย ระดับชั่นล่างๆแบบพวกมันจอมมารแบบมันฆ่าสองตนได้พร้อมกันแบบไม่เปลืองแรง แต่สิ่งที่ซาตานกลัวคือพวกที่อยู่เหนือและทรงอำนาจมันทั้งสองจะมาวุ่นวายกับแผนได้เท่านั้น มันจึงยอมรามือจากฟางไปก่อน

แต่แค่คราวนี้เท่านั้น

ฟางนอนนิ่งสนิทอยู่บนเตียง แต่ดวงตาจับจ้องเพดานปล่อยให้เวลาไหลผ่านไป ทำไมเมื่อคืนเธอถึงฝันว่าจะโดนฆ่าคือเรื่องที่ที่ยังวนเวียนในหัว ไม่สิทำไมมันเป็นฝันที่น่ากลัวและสมจริงหรือแท้จริงแล้วเธอไม่ได้ฝันไป แล้วทำไมเมื่อเธอตื่น เธอกลับมาอยู่ที่เดิม แถมคนอื่นดูปกติกันหมดจนเธออดสงสัยไม่ได้จนเธอรู้สึกเหมือนบ้าไปคนเดียว
ให้ตายเถอะตอนนี้เธอกลัวไปหมดระแวงทุกๆวินาที แล้วทีเวลาแบบนี้คนที่เธออยากเจอที่สุดก็ดันหายไปอีก ถ้ากลับมาเมื่อไหร่ได้นอนหน้าห้องแน่ๆ

เธอปล่อยให้ตัวเองจิตตกในห้องแคบๆอยู่จนเข้าช่วงบ่ายเธอก็ทนอยู่ในห้องอีกไม่ไหว ในที่สุดเธอก็ยอมออกมาสาวสวยเดินรับลมทะเลที่พัดมา กลิ่นไอทะเลช่วยคลายเครียดให้หญิงสาวเดินไปเรื่อยๆนึกถึงทุกวันที่สิงห์จะพาเธอมาเดินชมบรรยายกาศเดิมๆ แม้จะเป็นวิวเดิมๆเดินกับคนเดิมๆแต่เธอก็ไม่เคยเบื่อเธอคิดถึงชายที่นั่งยิ้มให้เธออยู่ที่โต๊ะประจำจริงๆ
เอ๊ะ! ฟางมองภาพลวงตาตรงหน้าก่อนจะขยี้ตาและมองไปอีกทีเพื่อยืนยันว่าเธอแค่ตาฝาดไปแต่ไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าเธอก็คือสิงห์จริงๆ เขายกแก้วกระดกเหล้าลงคอก่อนยิ้มมุมปากให้เธออีกด้วย
หมอสาวรู้สึกตัวอีกทีก็กระโจนโผเข้าหาอย่างลืมตัว จนสิงห์รับร่างเธอแทบไม่ทัน
ฟาง: "ไปไหนมา ทำไมพึ่งกลับมาอะ"
สิงห์ได้แต่ลูบหัวที่ซุกอยู่กับแผงอกเบาๆ น้ำเสียงอู้อี๊แสดงให้เห็นว่าหล่อนกำลังกลั้นน้ำตาสุดฤทธิ์ ให้ตายเถอะมีเมียคนใหม่ทำไมมันต้องคล้ายคนเดิมขนาดนี่ด้วยวะ เวลากลับมาบ้านหลังงานเสี่ยงนุ่นเมียที่จากไปก็ทำแบบเธอเหมือนกัน
บรรยายกาศอบอุ่นดำเนินต่อไปช้าๆจนเธอฉุกคิดอะไรบ้างอย่างได้ เธอค่อยๆคลายอ้อมกอดเช็ดน้ำเช็คตาแล้วหันมาหาเขาและตบหน้าเขาเต็มแรง สิงห์ถึงกับงงหันควับกลับมาถามเธอ

สิงห์: "อะไรเนี่ย อยู่ดีๆทำไมมาตบกันเฉย"
ฟาง: "ทำไมหายไป ทำไมไม่ส่งข่าว ทำไมกลับมาแล้วไม่บอกฉันสักคำย่ะ! นี่ถ้าฉันไม่ออกจากห้องก็ไม่คิดไปหาเลยใช่มั้ย?"
สิงห์: "ก็.....พอดีเห็นว่าอยู่ในห้องไงก็เลยไม่กวน"
ฟางเงื้อมืออีกรอบ
ฟาง: "อย่ามาโกหกปกติฉันหลับนายก็ลักหลับฉันตลอด ไม่เห็นเกรงใจอะไรเลย"
สิงห์: "โอเคๆ ก็แค่กะใจมาเซอร์ไพรซ์ แต่ฟางออกมาพอดีนี่พึ่งอาบน้ำอาบท่าเตรียมนอนกอดเมียพอดี"
ชายหนุ่มไม่รอช้ารวบขาจับเธอพาดบ่าทันที

สิงห์: "ไปนอนกอดกันดีกว่า สุขุมงานอะไรที่ค้างอยู่ก็ช่างมันไปก่อนนะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยทำ ไปๆแยกย้ายๆ"
สิงห์โบกมือไล่สมุนคนอื่นไปให้พ้นๆหน้าและอุ้มเธอกลับห้องในทันที
ฟาง: "ไอ้บ้า ปล่อยใครจะยอมนอนกับสิงห์ นี่ปล่อยซักทีสิยะ ไม่เอาาาา"
สิงห์: "ปล่อยจ้าปล่อย จะปล่อยให้เต็มท้องเลยมาม๊ะคนสวยของผม"
สิงห์เปิดประตูห้องโยนเธอขึ้นเตียงและแก้ผ้าตัวเองทันที หมอสาวได้แต่อ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูกจนร่างแกร่งมาทาบทับตัว
ฟาง: "อย่าพึ่งค่ะ สิงห์อย่าพึ่งสิ ฟางยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ ไว้คืนนี้ก็ได้นิ"
สิงห์: "ดีเลยมากินไส้กรอกยักษ์ไง"

สิงห์ไม่ฟังไม่หยุดใดๆเขาก้มลงไปดูดไซร้ตามลำคอจนหมอสาวอ้าปากครางเบาๆ
ฟาง: "เดี่ยวสิสิงห์ ซื้ดดดดด อย่าพึ่งทำตอนนี้นะ"
สิงห์มองเรือนร่างที่นอนทับอยู่ก็ยิ่งคึกคัก เลือดในกายมันพล่านทุกทีที่ได้ใกล้เธอ เขากดแขนที่ปัดป้องตัวไว้ข้างหัวก่อนจะพรมจูบตามใบหน้าและเล้าโลมคลอเคลียตามลำคอจนหมอสาวครางอือตัวอ่อนเขาจึงค่อยๆดันเสื้อเธอออก
สิงห์: "คนดีของผม ผมรักคุณนะครับอย่าห้ามผทเลยนะ"
ฟางพยักหน้าก่อนจะขยับตัวช่วยสลัดเสื้อยือให้พ้นตัวมือสากเขามาคว้าขยำเต้านมอวบเต็มมือในยกทรงสีเนื้อตัวน้อย
ฟางแอ่นตัวบดเนินหน้าอุ้งมือเขาและเธอก็จิกแขนเขาเบาๆตามความเสียวที่ได้รับ
ฟาง: "โอยยยย ฟางก็รักคุณนะ อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ ใจหายแทบแย่"
สิงห์ปลดยกทรงโยนไปให้พ้นลูกตาก่อนจะใช้ลิ้นเลียวนไปตามปลายยอดอกช้าเบาๆตามแบบที่เธอชอบ เลียแบบนี้ทีไรไม่เคยพลาด

ฟางถึงกับผวาจิกผมบดเนินอกเข้ากับหน้าชายที่รัก สิงห์เห็นอาการเธอยิ่งได้ใจขยี้หัวนมเธอด้วยมือทั้งสองข้างขยับปากขึ้นมามาแลกลิ้นกับเมียรักลิ้นทั้งสองเกี่ยวตวัดหากันแบบไม่มีใครยอมใคร หมอฟางเองก็ถึงที่สุดแล้วเธอล้วกมือไปกำท่อนเอ็นรูดมันจนเต็มเต็มมือ ไม่รู้เธอคิดไปเองรึเปล่าว่ามันใหญ่ขึ้นนิดหน่อย แต่จะยังไงก็ช่างเธอคลานลงไปหามันและจูบเบาๆที่หัวบานก่อนจะอมลงไปแบบไม่ต้องสั่ง

เมียอย่างเธอทั้งดูดทั้งเลียให้ชายหนุ่มแบบลืมภาพเป็นกุลสตรีไปเลย เธอผงกหัวบริการสามีที่รักอย่างรู้ใจเขาชอบให้ลากลิ้นจังหวะไหนต้องดูดตอนไหนเธอรู้ดีทุกขั้นตอน
ผลคือสิงห์ต้องใช้พลังกลั้นเสียวหลายรอบติดกันจะพาเธอมาปล้ำไหงตอนนี้เธอคุมเกมแทนแล้วเรียบร้อย
หมอสาวค่อยๆคลายท่อนควยออกและใช้ปลายลิ้นวนไปมาก่อนจะอมมันลงไปอีกครั้งสิงห์ถึงกับตัวเกร็งขาสั่นระริกๆ

ไม่ได้การเขาจะให้เธอโจมตีฝ่ายเดียวไม่ได้แล้ว สิงห์รีบรูดกางเกงเธอออกมือคว้าตะปบเข้าไปร่องสวาท หมอสาวที่รูดปากอยู่ถึงกับสะดุ้งต้องคลายปากออกมาร้องเสียหลง
ฟาง: "อูยยยยย ทนไม่ไหวแล้วสิงห์ อะๆ ซื้ดดดดแบบนั้นแหละค่ะ โอยยยยย"
เขาใช้นิ้วกระทุ้งร่องสวาทจนหมอสาวตาเคลิ้มจนหยุดมือที่กระถอกควยจนเขาต้องเตือน ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างพยายามปรนเปรออีกฝ่ายแต่หมอสาวคนสวยดูท่าจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวไปก่อน
ร่างเธอโอนลงนอนราบมือหยุดนิ่งปากอ้าออกส่งแต่เสียงครางไม่หยุดเธอแอ่นเนินสวาทหานิ้วมือสิงห์อย่างเดียว

สิงห์: "เงี่ยนจนทนไม่ไหวละสิ"
ฟาง: "ค่ะ สิงห์ฟางเสียว ช่วยฟางด้วย เย็ดฟางที"
หมอสาวนอนส่ายสะโพกครวญครางอ้อนวอนชายหนุ่ม
เธอจะไปชนะเขาได้ไงก็เขาใช้พลังคุมความเสียวแบบทุกครั้ง การได้เห็นเธอร่านแตกนี่ถือเป็นความสุขอย่างนึงของเขาเลย
ดังนั้นเขาจะไม่ยอมเย็ดเธอง่ายๆหรอก ไม่คิดเลยว่าหายไปแค่วันสองวันเธอจะคลั่งหาควยเขาถึงขนาดนี้
สิงห์: "แต่ผมยังไม่อยาก ตอนนี้อยากกินน้ำหีเมียก่อน"
หมอฟางได้ยินปุํปก็พลิกตัวนอนหงายกางขานอนรอเขาทั้งทีแบบไม่มีอิดออด สิงห์ก็ไม่รอช้าฉลองศรัทธาให้เธอทันที

ลิ้นสากตวัดลากไปมาช้าก่อนจะแยงลงไปตวัดส่ายจนสาวสวยถึงกับกดหัวเขาแน่นกระเด้งอัดโหนกเนื้อใส่หน้าเขาสุดแรงสะโพกเธอกระเด้งใส่ปากเขาเต็มแรง
ฟาง: "อ๊ายยยย อู้วววววว โอยยยย สิงห์ สิงห์!! อ๊าาาาาา ไม่ไหวแล้ว!!"
ก่อนหมอสาวจะหวีดร้องพร้อมกับระเบิดน้ำใส่ปากอีกฝ่ายอต่างรวดเร็ว
เมื่อสิงห์ได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็ถอนตัวดูสภาพเมียสาวที่หอบจนหน้าแดงอยู่
สิงห์: "แค่นี่ก็หอบซะแล้วเหรอ หมดแรงไวแบบนี้ไม่สนุกหรอก มามะมาเอาของรางวัลเร็ว"

เขาจับหัวบานปาดขึ้นปาดลงแกล้งเธอเงี่ยนต่อไป
ฟาง: "เมื่อไหร่จะเลิกแกล้งฟางแบบนี้เนี่ย รีบยัดรางวัลใส่ฟางทีเถอะ"
ร่างบางร้องแง๋วๆประท้วงชายหนุ่มเรียกรอยยิ้มให้เขาได้อีกโขและพลิกเธอขึ้นมาอยู่ด้านบน
สิงห์: "เงี่ยนขนาดนี้จัดการเลยสิที่รัก"
หมอสาวรู้ดีว่าเขาต้องอะไรจากเธอเธอจ่อลูกบานตรงร่องให้ขย่มพรวดลงมาเกือบมิดลำ ดุ้นยักษ์ฉีกกลีบจมหายไปเกือบหมด
ฟาง: "อ้าาาาาาาาา จะ จุกอะ"
สิงห์: "โอยยยยยย ทำไมรีบร้อนจัง"
ทั้งคู่หลุดปากร้องออกมาพร้อมกัน ฟางต้องนั่งหายใจลึกๆรอให้ด้านล่างปรับจูนกันจนเข้าที่ก่อนจะบดเอวขย่มเบาๆเป็นการวอร์ม

จากนั้นเธอก็เริ่มบดเอวใส่สิงห์เร็วขึ้นแรงขึ้นทั้งขย่มทั้งบดไปมาเธอไม่สนใจโลกนี้อีกต่อไปเธอสนใจแค่ความเสียวที่กำลังได้รับอยู่ในตอนนี้
สิงห์ก็ไม่ได้นอนนิ่งเอาเปรียบเขาเริ่มกระแทกควยสวนขึ้นมาใส่ ท่อนควยเขาชุ่มด้วยน้ำเมือกจากหอยตัวนี้จนมันวาว
สิงห์: "ซื้ดดดด ชอบฟางตอนนี้จัง เสียวรึเปล่าที่รัก"
ฟาง: "โอวววว ฟางเสียววว อ๊าาา อ๊าาา ผัวขาาาาา เมียเสียววววว อูยยยยโครตเสียวเลย ฟางรักสิงห์ที่สุด โอยยยยย"
หมอสาวตะโกนลั่นสีหน้าแววตาล่องลอยไปกับเกมส์กามสิ้นความเนียมอายใดๆ
สิงห์เห็นสภาพเมียรักก็ยิ่งคึกมือทั้งสองข้างคว้าเต้มนมที่ไกว่ไปมาอยู่มาขย้ำและกระแทกสวนขึ้นไปหาเธอแรงขึ้นอีกเท่าตัว
ในที่สุดโพรงสวาทเธอก็บีบตัวอย่างรุนแรงพร้อมกับหมอสาวที่สั่นและร้องโวยวายราวเจ้าเข้า
ฟาง: "อ๊าาาา ฟางไม่ไหวแล้ว"

และร่างหมอสาวก็ฟุบตัวลงมานอนหมดแรงแต่ทันใดนั้นสิงห์ก็พลิกร่างกลับมาขึ้นคร่อมอีกฝ่ายและจับขาเธอพาดไหล่ข้างนึงก่อนจะเริ่มกระเด้าต่อ และเนื้อชนเนื้อดังตับๆไม่มีวี่แววจะหยุดแม้หมอสาวจนเสียวจนดิ้นพล่านแค่ไหน มือน้อยๆของเธอปะป่ายไปทั่วไม่รู้จะวางมือที่ใด

เสียงกระแทกดังจนปานจะถึงสวรรค์ในที่สุดเขาก็ส่งคุณหมอที่รักให้ขึ้นสวรรค์ไปอีกรอบนึง
ฟาง: "ไม่ไหวแล้ว โอยยยยย ซื้ดดดดดที่รักค่าาาาาา"
สิงห์เห็นเธอถึงก็ไม่รอช้ารีบอัดฉีดสายน้ำขาวข้นที่อัดเข้าไปในท้องอีกฝ่ายทันที น้ำกามข้นยิงอัดจนท้องเธอร้อนวาบๆตัวสั่นหีตอดตุบๆรับเชื้อรักเชื้อสวาทแน่นเต็มท้อง

ทั้งคู่นอนกอดก่ายกันครู่เดียวเมื่อหายเพลียทั้งคู่ก็แค่สบตากันและเกมกามก็เริ่มขึ้นอีกครั้งและจะไม่หยุดจนกว่าจะเช้า
 




pongphun2397

ยิงเป็นชุดเลยคุณสิงห์ หมอฟางก็ตั้งรับให้ดีนะ