ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_nato87

รวมเรื่องสั้นโคตรอีโรติกของนาย Nato87 : สอนเสียวคุณครูมายด์คนสวย ตอนที่ 2

เริ่มโดย nato87, มกราคม 28, 2020, 12:07:58 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้









lungpee



therasak



xijikoh



ยุทธ ดีเสมอ

อ้างจาก: nato87 เมื่อ มกราคม 28, 2020, 12:07:58 ก่อนเที่ยง
พูดคุยก่อนอ่าน : หายไปนานสำหรับครูมายด์ ตอนที่สองกลับมาแล้ว และเรื่องนี้จะเป็นอีกเรื่องที่ผมจะวางจำหน่ายบน MEB นะครับ

ขอบคุณสำหรับคนที่อุดหนุนเรื่องของทนายเจนรบและน้องปลาด้วยนะครับ คิดว่าใครที่อุดหนุนแล้วน่าจะชอบตอบจบ ผมว่ามันน่ารักดี เรียกได้ว่าเป็นเรื่องสั้นที่ Happy Ending ผมเองก็มีความคิดจะเขียนภาคสองต่อ เพราะรู้สึกว่าเรื่องมันยังไปได้อีก ยังอยากให้ทุกคนเห็นชีวิตของลุงจอมและน้องปลาว่าจะเป็นยังไงต่อไป รวมถึงเรื่องคุณหนูแพรวพรรณด้วยเช่นกัน

ตัดมาที่ครูมายด์ เรื่องนี้จะเน้นความดราม่าเหมือนกัน อาจมีแอ็คชั่นหน่อย ๆ การเมืองระหว่างประเทศนิด ๆ (เกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยในประเทศเพื่อนบ้าน แต่เป็นชื่อสมมุติ ผมอาจต้องเซ็นเซอร์ชื่อประเทศเพื่อนบ้านในฉบับขึ้นบนดินด้วยเช่นกัน 5555+) และฉากอีโรติกจะแรงกว่าเรื่องน้องปลาพอสมควร ก็อยากให้ลองติดตามดูกันครับว่าจะเป็นยังไงต่อไป

ปล.ชื่อสถานที่ใด ๆ ในเรื่องนี้เป็นชื่อที่ถูกสมมุติขึ้น และชนกลุ่มน้อยคะฉ่าย เป็นชนกลุ่มน้อยที่ถูกสมมุติขึ้นนะครับ ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริงแต่ประการใด


//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=220740.0

##############################


อ้างถึง"ลูกแน่ใจแล้วเหรอจ๊ะมายด์?" ชุติมา ผู้เป็นแม่เอ่ยปากถามลูกสาวที่พึ่งเรียนจบปริญญาตรีในสาขาครุศาสตร์ และได้รับการบรรจุเป็นอาจารย์ประจำโรงเรียนที่แสนห่างไกลแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี "โรงเรียนผาพิราบขาว นี่มันตั้งอยู่ในซอกหลืบในของประเทศไทยแม่ก็ไม่เคยได้ยิน"

"แน่ใจแล้วค่ะแม่" มายด์ มณฑกานต์ หญิงสาววัยเพียง 24 ปี ว่าที่อาจารย์คนใหม่เอ่ยปากอย่างมั่นใจ "หนูเคยบอกแม่แล้วนะคะ ว่าหนูอยากไปสอนหนังสือเด็ก ๆ ที่ต่างจังหวัด"

"กรุงเทพก็มี ทำไมไม่สอน?" คราวนี้เป็นทีของทรงชัย คุณพ่อของครูมายด์ ที่ออกความเห็นบ้าง "พ่อไม่เข้าใจลูกเลยว่าทำไมลูกถึงจะต้องไปถึงราชบุรี แถมยังติดชายแดนไทยพม่าอีกต่างหาก"

"ก็ไม่ได้ไกลอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ" หญิงสาวพยายามอธิบายเพิ่มเติม "คุณพ่อคะ คุณแม่คะ หนูเป็นครูแล้วนะ หน้าที่ของหนูคือสอนหนังสือเด็ก ๆ หนูอยากเป็นแม่พิมพ์ของชาติ หนูอยากสอนหนังสือเด็ก ๆ ที่ด้อยโอกาสให้มีโอกาสเหมือนเด็กในเมือง"

"พ่อไม่ยอม ยังไม่ก็ไม่ยอมเด็ดขาด!!" ทรงชัยยื่นคำขาด "มายด์ กรุงเทพมีโรงเรียนตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมไม่ไม่อยู่สอนที่นี่ ไม่รู้ล่ะ ถ้าแกยังดึงดันไม่เชื่อฟังกันแบบนี้ เห็นทีเราคงจะคุยกันไม่ได้อีกแล้ว"

"คุณ!!! คุณคะ!!!" ชุติมาพยายามเรียกสามีที่เดินหัวเสียออกไป ส่วนสาวมายด์ก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่เธอตั้งใจแน่วแน่มาตั้งแต่เด็กแล้วว่าเธออยากเป็นอาจารย์ อยากเป็นแม่พิมพ์ของชาติ อยากเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักเรียน ยังไงเสียอะไรก็ห้ามเธอไม่ได้ แม้มันจะทำให้พ่อกับแม่ของเธอไม่พอใจก็ตาม

หลังจากการเคลียร์ใจกับคุณพ่อและคุณแม่ไม่เป็นผลสำเร็จ สาวมายด์ก็เลยตัดสินใจนั่งรถออกมาเที่ยวข้างนอกกับแฟนหนุ่ม เบนซ์ บดินทร์ พนักงานฝ่ายนิติกรรมของธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศไทย


"จะเอาจริงเหรอมายด์?" เบนซ์เอ่ยปากถามแฟนสาวขณะกำลังนั่งกินชาบูอย่างเอร็ดอร่อย "พูดตามตรงนะ เบนซ์เองก็เห็นด้วยกับคุณลุงคุณป้า มายด์น่าจะหาโรงเรียนสอนในกรุงเทพมากกว่าไปสอนถึงชายแดนไทยพม่านะ"

"เบนซ์ มายด์ตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วนะ ว่าการที่มายด์มาเป็นอาจารย์เนี่ย ก็หวังสอนหนังสือเด็ก ๆ ให้มีความรู้ เด็กในเมืองไม่ลำบากหรอก มีอาจารย์ดี ๆ เยอะแยะเต็มไปหมด แต่เด็กที่อยู่ห่างไกลน่ะ พวกเขาจะเรียนหนังสือยังไง"

"มันก็เป็นความคิดที่ดีนะมายด์ แต่เบนซ์เองก็อดเป็นห่วงมายด์ไม่ได้จริง ๆ ได้ข่าวว่าแถวนั้นมีพวกชนกลุ่มน้อยสู้รบกันอยู่...."


อ้างถึง"สวัสดีครับครู ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ" ลุงเฉื่อยพนมมือไหว้ตอบอาจารย์สาวคนสวย "ตะกี้หลานผมได้ทำอะไรไม่ดีกับครูหรือเปล่าครับ?"

"เปล่าคะ ไม่มีอะไรหรอก" ครูมายด์ยิ้ม "มายด์ว่าเรารีบไปกันเถอะคะ"

"ให้ผมช่วยถือนะครับ"

"ไม่เป็นไรค่ะลุง ไม่หนักอะไรหรอก มายด์ถือเองได้ค่ะ" ครูมายด์ยิ้ม ขณะกำลังเดินตามลุงเฉื่อยที่เปิดประตูรถกระบะให้เธอ

ครูมายด์เอากระเป๋าสัมภาระวางไว้ที่เบาะหลัง ส่วนลุงเฉื่อยก็ขับรถพาอาจารย์สาวคนสวยไปที่โรงเรียนผาพิราบขาว เพื่อพูดคุยกับอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน

ระหว่างนั้นเอง ครูมายด์ก็รับสายเรียกเข้าจากชุติมา คุณแม่ของเธอที่โทรมาจากกรุงเทพด้วยความเป็นห่วง

"ฮัลโหล ถึงราชบุรีแล้วยังลูก?"

"ถึงแล้วค่ะแม่ ตอนนี้หนูกำลังนั่งรถเข้าไปที่โรงเรียน" ครูมายด์ตอบ

"ดีแล้ว รักษาเนื้อรักษาตัวดี ๆ นะจ๊ะลูก พ่อกับแม่เป็นห่วง"

"ค๊าแม่ มายด์ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ"

พอกดวางสาย ลุงเฉื่อยก็หันไปยิ้มให้อาจารย์สาว แล้วแกก็เลยถือวิสาสะสอบถามเรื่องราวทั่วไปเกี่ยวกับครูมายด์คนสวยซะเลย

"ครูมายด์ยังสาวอยู่เลยนะครับเนี่ย น่าจะรุ่นลูกรุ่นหลานผมได้เลยนะครับ"

"ค่ะ มายด์พึ่งจะ 24 เองค่ะลุงเฉื่อย" อาจารย์สาวยิ้มหวาน

"ผมว่าอีกหน่อยอาจารย์ต้องเป็นที่รักของนักเรียนและชาวบ้านผาพิราบขาวแน่ ๆ เลย" ลุงเฉื่อยแซว "โรงเรียนเราไม่มีครูสาว ๆ หน้าตาดีมาจากเมืองหลวงมาก่อน"

"ลุงก็พูดซะหนูเขินเลย..." มณฑกานต์ยิ้มหวาน "ยังไงก็ หนูพึ่งมาที่นี่ครั้งแรก คงต้องรบกวนลุงด้วยนะคะ"

ลุงเฉื่อยยิ้ม ไม่ตอบอะไร สิ่งที่แกคิดตอนนี้ก็คือกลิ่นน้ำหอมจากเรือนร่างของมณฑกานต์มันช่างหอมเย้ายวนเหลือเกิน แน่นอน กลิ่นน้ำหอมแบบนี้ไม่มีสาวชาวสวนคนไหนใช้กัน มันเป็นกลิ่นน้ำหอมแบบสาวเมืองหลวงที่หอมหวานและแสนเย้ายวนเหลือเกิน

ครูมายด์แตกต่างจากสาวชาวบ้านทั่วไปอย่างชัดเจน เธอสวยกว่า ดูมีออร่ามากกว่าหญิงสาวทั่วไปในหมู่บ้าน ด้วยวัยขนาดนี้ ถ้าเป็นสาวชาวสวนทั่วไปก็คงมีลูกมีผัวกันแล้ว

ครูมายด์เปิดสมาร์ทโฟน คุยไลน์กับเพื่อน ๆ ที่กรุงเทพไปตามเรื่อง ส่วนลุงเฉื่อยก็ขับรถไป กลิ่นน้ำหอมจากร่างกายของครูมายด์ก็ช่างเย้ายวนเหลือเกิน

ลุงเฉื่อย หรือชื่อจริงตามบัตรประชาชนคือ นายสมชาย สมัยหนุ่มแกเป็นนักเลงหัวไม้ ที่ชอบเรื่องตีรันฟันแทง จนถูกส่งไปเป็นทหารเกณฑ์ พอปลดออกมาก็ยึดอาชีพทำไร่ทำสวนไปตามเรื่อง เมื่อก่อนแกเคยมีเมีย แต่เมียแกตายไปเพราะโรคเบาหวานเมื่อไม่กี่ปีก่อน แกกับเมียไม่มีลูกด้วยกัน สุดท้ายลุงเฉื่อยก็เลยครองตัวเป็นโสด อาศัยอยู่กินกับลูกหลานแล้วก็ทำสวนไปตามเรื่อง

ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่า มณฑกานต์คนนี้ กำลังทำให้ลุงเฉื่อยเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา มันเป็นความรู้สึกคล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นกับเมียของแกเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะคุณครูคนสวยจากเมืองหลวงคนนี้สวยเหลือเกิน เรียกได้ว่าเป็นนางฟ้านางสวรรค์ก็ไม่มีผิด

เขาบอกกันว่าสาวเมืองหลวงสวยน่ารักแทบทุกคน ลุงเฉื่อยคิด จนวันนี้ที่แกได้มาเจอกับมณฑกานต์ อาจารย์สาวป้ายแดงจากเมือง แกถึงเชื่อแล้วว่าคำพูดนี้เป็นความจริง

"ถึงแล้วครับ" ลุงเฉื่อยเลี้ยวรถเข้ามาในโรงเรียนผาพิราบขาว ที่เป็นโรงเรียนไม้เก่า ๆ สองชั้นที่ดูเก่า ครูมายด์เหลือบมองสถานที่ตรงหน้าด้วยความสนใจไม่น้อย เพราะที่นี่จะเป็นที่ทำงานของเธอในอนาคต "เดี๋ยวเราไปคุยกับอาจารย์ใหญ่ ส่วนสัมภาระไว้ที่รถก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวกลับมาผมช่วยถือให้"

"ขอบคุณค่ะลุง" ครูมายด์ยิ้มหวาน ก่อนเปิดประตูลงมาจากรถ หญิงสาวในชุดเดรสแขนกุดสีดำยาวถึงเข่า มีเสื้อเชิ้ตสีขาวลายดอกไม้สวมทับกันโป๊ รองเท้าส้นสูงสีดำ ผมยาวหยักศกทำไฮไลท์สีน้ำตาล อายไลนเนอร์สีดำ ริมฝีปากอวบอิมสีสันสดใสด้วยลิปสติก ทำให้มณฑกานต์สวยโดดเด่นเหนือใครในโรงเรียนแห่งนี้

"หูยยยย ดูพี่สาวคนนั้นซิ" เด็กน้อยในชุดนักเรียนชี้ไปที่อาจารย์สาวคนใหม่ "นางฟ้า!!"

เหล่านักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ต่างวิ่งกรูออกมาริมระเบียง เพื่อดูมณฑกานต์ ที่เป็นอาจารย์คนใหม่ที่จะมาทำการสอนที่โรงเรียนผาพิราบขาวด้วยความตื่นเต้น พวกเด็กผู้ชายต่างมองครูมายด์ตาแป๋วด้วยความชื่นชมในความสวยราวกับนางฟ้าหรือเทพธิดาเลยทีเดียว

ลุงเฉื่อยพาครูมายด์เดินขึ้นชั้นสองของโรงเรียน ส่วนกลุ่มเด็กนักเรียนก็มองครูสาวคนสวยตาแป๋ว บางคนก็เอ่ยปากถามซื่อ ๆ ว่าพี่สาวชื่ออะไร

"พี่ชื่อมายด์จ๊ะ พี่เป็นอาจารย์ที่จะมาสอนที่โรงเรียนนี้" ครูมายด์ยิ้มตอบให้นักเรียนคนนั้น ที่ยิ้มแป้นด้วยความสุข

ลิงค์ตอนเก่าครับ

//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=220740.0

#################################

"สวัสดีจ๊ะนักเรียน!!" ครูมายด์คนสวยเดินเข้ามาในห้องเรียนของเด็กประถมศึกษาชั้นปีที่ 3 ในโรงเรียนผาพิราบขาวด้วยรอยยิ้ม เธอรับหน้าที่สอนวิชาคณิตศาสตร์แทนอาจารย์คนเก่าที่ลาออกไป



"นักเรียน 100 เซนติเมตร เท่ากับกี่เมตรคะ?" ครูมายด์ใช้ไม้ชี้ที่ตัวเลขบนกระดาน

"1 เมตร" เหล่าบรรดานักเรียนตอบอย่างพร้อมเพรียง

"แล้ว 4 เมตร กับ 30 เซนติเมตร จะเท่ากับกีเซนติเมตรคะ?" ครูมายด์ชี้ไปที่ตัวเลขในบรรทัดต่อไป

"430 เซนติเมตครับ/ค่ะ!!" เหล่านักเรียนตัวน้อยกลุ่มเดิมตอบกลับมา

"เก่งมากจ๊ะ" ครูมายด์ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงสแล็คสีดำยิ้มให้นักเรียน แม่พิมพ์ของชาติเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าอีกไม่นานจะหมดคาบแล้ว ก็เลยเตรียมมอบการบ้านให้นักเรียนกลับไปทำ "เดี๋ยวจะหมดคาบแล้ว อาจารย์จะฝากการบ้านไว้ให้นักเรียนไปทำที่บ้านนะคะ เปิดหนังสือเรียนหน้าที่ 55 นะคะ"

พอมณฑกานต์สั่งการบ้านเด็กเสร็จ เสียงกริ่งที่เป็นสัญญาณหมดเวลาคาบเรียนก็ดังขึ้น หญิงสาวหยิบหนังสือตำราเรียนกลับไปที่ห้องพักครูเพื่อพักผ่อนอิริยาบท บางครั้งถ้ามีการบ้านเด็ก อาจารย์สาวก็จะนั่งตรวจการบ้านเด็กจนเสร็จ ก่อนเดินทางกลับบ้านพักที่อยู่ไม่ไกลนัก

ด้วยความสวยของมณฑกานต์ ในระยะเวลาไม่นานความสวยของเธอก็ร่ำลือไปทั่วหมู่บ้านผานกพิราบขาว จนทำให้มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แวะเวียนมาที่โรงเรียนแห่งนี้เพื่อมาดูหน้าของคุณครูคนสวยจากกรุงเทพ



"สวัสดีครับครู อาจารย์ใหญ่อยู่ไหมครับ?" เสียงชายหนุ่มวัยสามสิบปี ในชุดเสื้อตัดอ้อยลายหมากรุกสีดำ สวมกางเกงสีน้ำเงินเข้มสวมรองเท้าแตะดังขึ้น ขณะที่ครูมายด์กำลังจะเดินไปซื้อข้าวเที่ยงกินที่โรงอาหาร

"เห็นอาจารย์ใหญ่นั่งรถไปข้างนอกเมื่อสักครู่นี่แหละค่ะ มีธุระอะไรจะฝากถึงอาจารย์ใหญ่ไหมคะ?" ครูมายด์ยิ้มหวานตามแบบฉบับสาวกรุงเทพ ที่ทำให้ไอ้หนุ่มภูธรคนนี้ต้องเผลอยิ้มแป้นด้วยความเขิน

"เอ่อ ไม่มีครับ" ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มซื่อ ๆ "คือผมชื่อแดงนะครับ เป็นคนสวน พอดีเห็นว่ามีอาจารย์คนใหม่จะมาสอนที่นี่ ผมเลยอยากมาขออาสาว่าถ้ามีธุระอะไร บอกผมได้นะครับ"

"เหรอค่ะ ขอบคุณค่ะคุณแดง" ครูมายด์ยิ้มตอบไปตามมารยาท ความจริงแล้วเธอคิดว่าพี่ชายคนนี้กำลังหาเรื่องจีบเธออยู่ แต่ด้วยมารยาททางสังคม ครูสาวคนสวยเลยตอบไปเช่นนั้น

"ไอ้แดง!!! มึงมาทำอะไรที่นี่!!!" ลุงเฉื่อยที่เป็นภารโรงของเรียนเรียน แกพึ่งกลับมาจากการกวาดเศษใบไม้และเอาไปเผาดังขึ้นจากด้านหลัง จนครูมายด์และไอ้แดงต้องหันไปด้วยความตกใจ "มึงมาทำรุ่มร่ามอะไรกับคุณครู ห๊ะ!!"

"ผมแค่มาถามคุณครูเฉย ๆ ว่าอาจารย์ใหญ่อยู่ไหม?" ไอ้แดงตอบ

"ครูใหญ่ไปทำธุระในเมือง กว่าจะกลับก็โน่นละเย็นเลย" ลุงเฉื่อยตอบ "หมดธุระก็ไปทำงานได้แล้วนะมึง แอบหนีมาแบบนี้ เดี๋ยวกูฟ้องอีหยกเมียมึงหรอก!!"

"เออ!!! กลับก็ได้!!!" ไอ้แดงถึงกับหน้าซีด เมื่อลุงเฉื่อยเล่นขู่แบบนั้น ชายหนุ่มมองหน้าลุงเฉื่อยที่เปรียบเสมือนมารหัวใจด้วยความแค้นก่อนเดินกลับไป ส่วนครูมายด์ก็ยิ้มเจื่อน เพราะโดนลุงเฉื่อยมาเบรกไว้

"ระวังหน่อยนะครับครู ผู้ชายหนุ่ม ๆ หมู่บ้านนี้เจ้าชู้ ไว้ใจไม่ได้สักคน" ลุงเฉื่อย เอ่ยปากกับครูมายด์ที่ยังยืนงงอยู่ "ว่าแต่ครูจะไปไหนเหรอครับ?"

"มายด์จะไปกินข้าวค่ะลุง" มณฑกานต์ยิ้ม "ลุงเฉื่อยกินข้าวหรือยังคะ?"

"ยังเลยครับ" ลุงเฉื่อยตอบ "ลุงกะว่าจะไปหาข้าวกินอยู่เหมือนกัน ลุงว่าครูรีบไปเถอะ เดี๋ยวคนจะเยอะ"

"ค่ะลุง" ครูมายด์ยิ้มตอบ ก่อนเดินลงบันได ใช้มือป้องแสงแดดในช่วงเที่ยงวันที่ส่องลงมา ส่วนลุงเฉื่อยก็แอบเหล่มองแผ่นหลังและบั้นท้ายของอาจารย์สาวคนสวยด้วยความสนใจ ให้ตายซิโว้ย สาวกรุงเทพทำไมหุ่นอวบอัดน่าฟัดแบบนี้

สายตาของลุงเฉื่อยก็เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของมณฑกานต์ไปจนสุดสายตา พอรู้สึกตัวอีกที ไอ้ความรู้สึกอยากกินข้าวก็ดันถูกความรู้สึกกำหนัดเข้ามาครอบงำ เอาละซิ ข้าวก็หิว อารมณ์ก็เกิด จะทำยังไงดี

สุดท้ายพอคิดอะไรไม่ออก ลุงเฉื่อยเลยเดินกลับไปที่ห้องน้ำเพื่อสำเร็จความใคร่มันซะอย่างนั้น แกปลดซิบกางเกงภารโรงก่อนที่ท่อนเนื้อขนาด 8 นิ้วจะผงกออกมาทักทายแก

"ครูมายด์...อูยยยย...ครูมายด์คนสวย...เป็นเมียลุงนะ...อูยยยย" ลุงเฉื่อยยืนสไลด์หนอนยักษ์ในห้องน้ำ แกเกร็งตูดหลับตาปี๋จินตนาการถึงเรือนร่างของครูมายด์ เธอช่างสวยและงดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ ชนิดที่เรียกได้ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนในหมู่บ้านผานกพิราบขาวจะสวยได้เทียบเท่าอีกแล้ว และที่สำคัญ หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับครูมายด์ ส่วนใหญ่ก็แต่งงานมีลูกมีผัวกันไปหมดแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่พบเห็นได้ในชนบทของประเทศไทย ที่ส่วนใหญ่หนุ่มสาวนิยมแต่งงานกันเร็ว

..................................

ครูมายด์สั่งข้าวไข่เจียวและแกงเขียวหวานของโปรดมานั่งกินในโรงอาหารไม้ของโรงเรียน หญิงสาวหยิบเอาสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูข่าวคราวของเพื่อนฝูงที่กรุงเทพ และข่าวสารบ้านเมืองทั่วไป มณฑกานต์เลื่อนสมาร์ทโฟนไปเรื่อย ๆ ก็พบกับข่าวกองทัพประเทศเพื่อนบ้านกำลังกวาดล้างชนกลุ่มน้อยติดอาวุธตามตะเข็บชายแดนอยู่



"มีรายงานว่า กองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติคะฉ่าย ของนายพลโกขิ่น ได้ปะทะกับกองกำลังของประเทศเพื่อนบ้านตามตะเข็บชายแดนบริเวณจังหวัดราชบุรีและกาญจนบุรีอย่างหนัก อย่างไรก็ตามกองทัพไทยได้เฝ้าระวังตามแนวตะเข็บชายแดนเพื่อป้องกันไม่ให้มีชนกลุ่มน้อยแอบลักลอบเข้ามาในประเทศไทยได้"

"แถวนี้เลยซินะ..." ครูมายด์เลื่อนหน้าจอลงไปเพื่ออ่านข่าวด้วยความสนใจ

"สำหรับกองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติคะฉ่าย KNLA (Kachay National Liberation Army) เป็นกองกำลังที่จัดตั้งขึ้นหลังจากที่ประเทศเพื่อนบ้านได้รับเอกราชจากชาติตะวันตกเมื่อปี พ.ศ.2491 โดยชาวคะฉ่ายไม่พอใจที่รัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้านไม่ปฏิบัติตามการประชุมร่วมแห่งชาติหลังจากได้รับเอกราชจากชาติตะวันตก ด้วยการมอบสิทธิ์ในการปกครองตนเองของชาวคะฉ่าย จึงทำให้ชาวคะฉ่ายตัดสินใจจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านมายาวนานหลายสิบปี"

"คงไม่มีอะไรร้ายแรงมั้ง..." ครูมายด์คิด "หมูบ้านผาพิราบขาวอยู่ห่างจากชายแดน 10 กิโลเมตร ทหารไทยและตำรวจชายแดนก็ทำหน้าที่อยู่ คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร"

หลังจากกินข้าวมื้อเที่ยงเสร็จ ครูมายด์ก็กลับไปสอนหนังสือต่อจนถึงช่วงเย็น อาจารย์สาวคนสวยก็เดินทางกลับบ้านพักอาจารย์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวโรงเรียนนัก พอกลับมาถึงมณฑกานต์ก็อาบน้ำเปลี่ยนชุด ก่อนเตรียมตำราสำหรับการเรียนการสอนในวันต่อไป

แม้จะเป็นแค่คณิตศาสตร์ชั้นประถม แต่มณฑกานต์เองก็ต้องกลับมาทบทวนความรู้เก่าบ้าง แล้วระหว่างที่ทบทวนตำราเรียนเพื่อการสอน สายเรียกเข้าก็ดังขึ้น

"เบนซ์เหรอ?" มายด์กดรับโทรศัพท์แฟนหนุ่มที่ทำงานเป็นพนักงานแบงค์ฝ่ายนิติกรรมในกรุงเทพ

"เป็นไงบ้างมายด์ ชีวิตที่นั่นสบายดีไหม?" ชายหนุ่มเอ่ยปากถามแฟนสาวด้วยความเป็นห่วง "ได้ดูข่าวบ้างไหมช่วงนี้"

"ข่าวอะไรเหรอเบนซ์?" มณฑกานต์ถาม ขณะกำลังทบทวนข้อสอบของเด็กประถมเพื่อทบทวนความรู้เก่า

"ก็ข่าวชนกลุ่มน้อย เบนซ์ได้ข่าวว่าหมู่บ้านที่มายด์ไปสอนมันใกล้กับชายแดน ก็เลยเป็นห่วง" พนักงานแบงค์ตอบ "ที่นี่โอเคไหม?"

"ก็โอเคดี" มณฑกานต์ตอบ "เบนซ์ไม่ต้องเป็นห่วงมายด์หรอก ที่ทำงานของมายด์ห่างจากชายแดนสิบกิโล แล้วไหนจะมีทหารและก็ตำรวจตระเวนชายแดนอยู่ คงไม่มีอะไรหรอก"

"ได้ยินแบบนั้นเบนซ์ก็โล่งอกหน่อย" บดินทร์ตอบ "แล้วเป็นไงบ้าง ชีวิตความเป็นอยู่ที่นั่น มายด์โอเคไหม?"

"ก็โอเค" ครูมายด์ตอบ "แต่ก็ยอมรับต้องปรับตัวพอสมควร ที่นี่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ไม่มีร้านสุกี้ ไม่มีห้าง ไม่มีเน็ตฟลิกซ์ให้ดู" หญิงสาวตอบติดตลก "แล้วพอจะจ่ายค่าโทรศัพท์ก็ต้องไปจ่ายในเมือง ซึ่งมันก็ไกลอยู่ แต่ก็พออยู่ได้ ผู้คนที่นี่ดูจริงใจดี มายด์ว่าอนาคตอาจต้องขอคุณพ่อคุณแม่เอารถมาขับที่นี่แล้วล่ะ"

"ถ้าไม่ไหว ก็กลับมาทำงานที่กรุงเทพได้นะมายด์" บดินทร์แฟนหนุ่มเอ่ยปากด้วยความเป็นห่วง "เบนซ์คิดว่าสาวเมืองกรุงอย่างมายด์ คงทนอยู่ที่นั่นนาน ๆ ไม่ไหวหรอก"

"เบนซ์ มายด์บอกแล้วไงว่ามายด์อยู่ได้" มณฑกานต์ตอบ "มายด์มาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะสอนหนังสือเด็ก ๆ ให้มีความรู้ ถ้าไม่มีมายด์สักคน แล้วเด็ก ๆ พวกนี้จะทำยังไงต่อไปล่ะ?"

"โอเค เบนซ์ยอมแล้ว" ชายหนุ่มถอนหายใจยาว "เอาเป็นว่าดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ ถ้าเบนซ์ว่าง เบนซ์จะไปเยี่ยมมายด์นะ"

"อือ!!! ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ คุณชาย" มณฑกานต์ยิ้มหวาน "เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ มายด์ต้องทำงานต่อ"

"ฝันดีนะมายด์ เบนซ์รักมายด์นะ" ชายหนุ่มทิ้งท้ายก่อนกดวางสาย

"มายด์ก็รักเบนซ์เหมือนกัน" มณฑกานต์ตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนวางโทรศัพท์ สีหน้ายิ้มแย้มของหญิงสาวเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นนิ่งเงียบในบัดดล เมื่อเธอต้องมานั่งตีโจทย์เด็กประถมศึกษาชั้นปีที่ 3

โรงเรียนผาพิราบขาวเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนเพียงไม่กี่ร้อยคน และมีอาจารย์อยู่ประมาณ 10 กว่าคนเท่านั้น และอาจารย์บางคนก็ต้องสอบควบชั้น การที่มณฑกานต์ตัดสินใจมาสอนที่โรงเรียนแห่งนี้ จึงนับได้ว่าช่วยแบ่งเบาภาระของอาจารย์ท่านอื่น ๆ ได้มากเลยทีเดียว

พอทบทวนตำราที่จะใช้ในการเรียนการสอนเสร็จ แม่พิมพ์ของชาติอย่างมณฑกานต์ก็เหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนเพดานอยู่ด้านบน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ทุ่ม หญิงสาวก็รับรู้ได้ว่าถึงเวลาต้องเขานอนเพื่อเตรียมไปสอนหนังสือในวันพรุ่งนี้แล้ว

"เฮ้อ!! เสร็จสักที เข้านอนดีกว่าเรา" หญิงสาวในชุดนอนสีชมพูอ่อนลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปมา ก่อนตั้งนาฬิกาปลุกกับสมาร์ทโฟนและเดินไปที่เตียงไหว้พระสวดมนต์ก่อนปิดไฟแล้วเข้านอนทันที

..............................

มณฑกานต์กลายเป็นที่รักของครูบาอาจารย์และเหล่าบรรดานักเรียนตัวน้อยในโรงเรียนผาพิราบขาวอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเพราะความสวยตามแบบฉบับลูกคนมีฐานะในเมืองหลวงที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี รวมถึงนิสัยของมณฑกานต์เอง ที่เป็นคนนอบน้อมและชอบช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่แค่เรื่องการศึกษา แต่มณฑกานต์ยังช่วยเหลืองานส่วนรวมและมีบทบาทในชุมชนแห่งนี้อีกด้วย

เพราะความสวยและมีดีกรีเป็นถึงแม่พิมพ์ของชาตินี่เอง เลยล่วงรู้ไปถึงหูของเสี่ยเล้ง หรือชื่อตามบัตรประชาชนก็คือนายเล้ง แซ่หว่อง หนุ่มใหญ่วัย 50 ปี เชื้อสายจีนผู้กว้างขวางและเป็นเจ้าของสวนมะพร้าวนับร้อยไร่ ยังไม่รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างหอพักในตัวเมือง ที่ได้ล่วงรู้ถึงความสวยของมณฑกานต์ในงานทอดผ้าป่าของหมู่บ้านผาพิราบขาว ก็เลยออกตัวแรงว่าตั้งใจจะมาจีบมณฑกานต์มาเป็นคู่ครอง

เสี่ยเล้ง เมียแกตายไปเป็นสิบปี ลูก ๆ ก็แต่งงานมีครอบครัวกันหมด ส่วนแกถึงแม้จะไม่ได้เรียนจบถึงปริญญา แต่แกก็ใช้ความมุ่งมั่นของแกก่อร่างสร้างตัว บวกกับพ่อแม่ของแกเป็นคนมีฐานะ ก็เลยทำให้แกตั้งตัวได้ ทีนี้พอมาเห็นสาวรุ่นลูกอย่างมณฑกานต์ แกก็หลงรัก และอยากเอาชนะใจครูสาวคนสวยจากเมืองหลวงคนนี้ให้ได้

ครั้งหนึ่ง เสี่ยเล้งออกตัวแรง ด้วยการนำผลไม้จากสวนของตัวเอง อย่างเช่นมะม่วง มังคุด และละมุด ไปให้มณฑกานต์ถึงห้องพักครู ทำเอาฝ่ายหญิงถึงกับตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำถึงขนาดนี้มาก่อน

"ครูมายด์ครับ" เสี่ยเล้งพูดติดสำเนียงเหน่อ

"อ่าว...คุณลุง" มณฑกานต์ที่กำลังตรวจการบ้านเด็กนักเรียนเงยหน้ามองหนุ่มใหญ่ด้วยรอยยิ้ม "มีธุระอะไรกับครูหรือเปล่าคะลุง"

"แหม...เรียกผมซะแก่เลย" หนุ่มใหญ่ยิ้ม "คือผมเอาผลไม้มาฝากครูนะครับ"

"โห...ครูคงรับไม่ได้หรอกค่ะลุง" มณฑกานต์ปฏิเสธอย่างสุภาพ "ลุงเก็บเอาไว้เถอะ"

"ผมเต็มใจให้ครูนะครับ" ทรงพลพยายามยื่นถุงผลไม้ให้อาจารย์สาวที่ดูเกรงอกเกรงใจไม่น้อย "ผลไม้พวกนี้ผมเอามาจากสวนของผมเอง รับรองว่าไม่ใช้ยาฆ่าแมลง อร่อย หวาน มัน แน่นอนครับ"

มณฑกานต์เหลือบมองทรงพลด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก ส่วนหนึ่งเพราะเกรงใจ และเธอยังเหลือบไปเห็นเหล่าบรรดานักเรียนกำลังแอบมองเสี่ยทรงพลกับเธออยู่ในห้องพักครู เด็ก ๆ เหล่านั้นต่างซุบซิบนินทาไปตามภาษาเด็ก

"ขอบคุณสำหรับผลไม้นะคะ!!!" ครูใหญ่ที่ยืนฟังอยู่ได้สักพักรีบเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ "เดี๋ยวครูมายด์ต้องมีสอนเด็กอีก ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วเชิญเสี่ยเล้งกลับไปก่อนนะคะ"
เรียกได้ว่าเหมือนแม่พระมาโปรด พอได้ยินแบบนั้น เสี่ยเล้งก็เลยมองหน้าครูใหญ่ด้วยรอยยิ้มก่อนเดินกลับไป ปล่อยให้มณฑกานต์และครูใหญ่เผชิญหน้ากันสองต่อสอง

"ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนูไว้" มณฑกานต์พนมมือไหว้ครูใหญ่ "ถ้าไม่ได้ครู หนูคงแย่แน่ ๆ เลย"

"เสี่ยเล้งคนนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้ แกเป็นผู้มีอิทธิพลระแวกนี้ เมื่อก่อนลูกชายแกเคยมีข่าวแอบขนยาบ้าเข้าประเทศ แต่เพราะเงินหนา ลูกชายแกเลยรอดออกมา" ครูใหญ่อธิบาย "ยังไงก็ระวังตัวหน่อยนะ คนที่นี่ส่วนใหญ่นิสัยดี แต่ไม่ใช่กับเสี่ยเล้ง"

พอได้ยินแบบนั้น มณฑกานต์ก็รู้สึกใจคอไม่ดี แต่ยังรู้สึกอุ่นใจอยู่บ้างที่มีครูใหญ่คอยให้คำแนะนำ สุดท้ายเพื่อตอบแทนครูมายด์ หญิงสาวก็เลยแบ่งผลไม้ที่เสี่ยเล้งเอามาให้ แต่ครูใหญ่ปฏิเสธ เธอก็เลยเอาไปแจกอาจารย์ท่านอื่น ๆ แทน แต่ผลไม้ก็ยังเหลือเยอะอยู่ดี ทีนี้ หญิงสาวก็นึกอะไรออก



"ลุงเฉื่อย!!!" มณฑกานต์ในชุดเครื่องแบบสีกากียิ้มหวาน ก่อนเดินถือถุงผลไม้เดินลงไปชั้นล่างเพื่อไปหาลุงเฉื่อย ที่กำลังง่วนอยู่กับการรดน้ำดอกไม้ในกระถางหน้าโรงเรียนอยู่

"มีอะไรเหรอครับครู?" ลุงเฉื่อยในชุดภารโรงหันไปยิ้มให้แม่พิมพ์ของชาติ

"ผลไม้ค่ะลุง" มณฑกานต์ยื่นถุงผลไม้ให้

"โห ให้อะไรลุงตั้งเยอะแยะครับ" ลุงเฉื่อยปฏิเสธอย่างสุภาพ

"แบ่ง ๆ ไปบ้างก็ได้ค่ะลุง" อาจารย์สาวคนสวยยิ้มหวาน "มายด์กินไม่หมดหรอก นะคะ"

ด้วยความโอบอ้อมอารีย์และมีน้ำใจของ" มณฑกานต์ ยิ่งทำให้ท่านผู้เฒ่าอย่างตาเฉื่อยรู้สึกชื่นชมไม่ได้ คนอะไรไม่รู้งามทั้งรูปร่างหน้าตาและจิตใจ แล้วทีนี้ในจังหวะที่อาจารย์สาวคนสวยกำลังโน้มตัวแบ่งผลไม้ใส่ถุงพลาสติกให้ตายเฉื่อย

สายตาของตาเฉื่อยก็เหลือบไปเห็นร่องอกร่องใจของอาจารย์สาวคนสวย ทำเอาภารโรงสูงวัยอย่างแกแทบจะอดใจไม่ไหว แต่ที่น่าอับอายก็คือ ท่อนเนื้อตรงเป้ากางเกง มันกำลังพยศแก

เพราะความสาว ความสวยของมณฑกานต์ ที่เรียกได้ว่าสวยหยดย้อยยังกะนางฟ้านางสวรรค์ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ที่หญิงสาวแม่พิมพ์ของชาติใช้ มันลอยเตะจมูกตาเฉื่อย จนทำให้ตายเฉื่อยเผลอกลืนน้ำลายดังเอื๊อก

"แหน่ะ!!! กลืนน้ำลายดังเอื๊อกเลยเหรอคะลุง" มณฑกานต์หันไปยิ้มให้ตาเฉื่อย "นี่ค่ะ ผลไม้ของลุง"

"ขอบคุณนะครับครู" ตาเฉื่อยตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เรียกได้ว่าแก่จนปูนนี้ ดันมาสติแตกเพราะสาวสวยรุ่นราวคราวลูกคราวหลานแบบนี้ ใครรู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

"นี่ก็เย็นแล้ว เดี๋ยวมายด์ขอตัวกลับก่อนนะคะลุงเฉื่อย" มณฑกานต์พนมมือไหว้ลุงเฉื่อย ภารโรงเฒ่าของโรงเรียนผาพิราบขาว ก่อนหันหลังกลับไปที่บ้านพักของตัวเอง

สายตาของลุงเฉื่อยมองเรือนร่างแม่พิมพ์ของชาติตาไม่กระพริบ คุณครูคนสวยคนนี้ซ่อนรูปเหลือเกิน เอวเป็นเอว ก้นเป็นก้น พอคิดแล้วก็รู้สึกถึงความดื้อรั้นตรงเป้ากางเกง พอรู้สึกว่าความรู้สึกแบบนี้ต้องได้รับการระบาย ตาเฉื่อยเหลือบมองซ้ายขวาก่อนเดินกลับไปในอาคารเพื่อเข้าห้องน้ำ คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าแกเข้าไปทำอะไร

"ครูมายด์...อูยยยย" ตาเฉื่อยทำการบำบัดความใคร่ของตนเองด้วยฝ่ามือ "ลุงรักครูมายด์นะครับ เป็นเมียลุงนะ ซี้ดดดด!!!"

..............................

ตัดมาที่เสี่ยเล้ง หลังจากกลับมาถึงบ้าน แกได้คุยโทรศัพท์กับชายฉกรรจ์จากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง "ไอ้อ่อง" ที่คอยเป็นเอเยนต์ขนยาเสพติดเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านสู่ประเทศไทย

"ไอ้อ่อง ของที่ได้เมื่อไรจะส่งมาวะ" เสี่ยเล้งคุยโทรศัพท์กับไอ้อ่องอย่างหัวเสีย เพราะรายได้จากการค้ายาเสพติดในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาลดน้อยถอยลงไปมาก

"เสี่ยใจเย็น ๆ หน่อย ตอนนี้ทางการไทยคุมเข้มหนัก เพราะตอนนี้มีสงครามระหว่างชนกลุ่มน้อยกับรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน" ไอ้อ่องพูดด้วยสำเนียงแปลก ๆ แต่ยังพอฟังและจับใจความได้ "เดี๋ยวถ้าตำรวจกับทหารไทยเผลอ ผมจะให้ลูกน้องเอาของไปส่งให้"

"กูต้องการของเดี๋ยวนี้ไอ้อ่อง!!!" เสี่ยเล้งยืนยันหนักแน่น "เอาแบบนี้ เดี๋ยวกูจะส่งลูกน้องไปเอาของฝั่งนั้น แล้วมึงใส่ของมา"

"เสี่ยจะขนของมาตรง ๆ เลยเหรอ?" ไอ้อ่องถามด้วยความสงสัย "เสี่ยไม่กลัวตำรวจกับทหารไทยจะจับได้เหรอ?"

"กูมีวิธี" เสี่ยเล้งตอบ "มึงเตรียมของไว้แล้วกัน เดี๋ยวกูส่งลูกน้องไปเอาของจากมึง"

เสี่ยเล้งวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วเอามือลูบปลายคางครุ่นคิดวิธีการขนยาเสพติดมาฝั่งไทย จะขนมากับรถโดยตรงก็คงผ่านด่านตรวจตำรวจตระเวนชายแดนก็คงยาก จนในที่สุดแกก็นึกไอเดียบางอย่างออก

"กูรู้แล้วจะทำยังไง!?" เสียเล้งนึกไอเดียออก "ในเมื่อขนมาทางรถไม่ได้ ก็ส่งคนไปขนกลับมาแล้วกัน!!!"

เสี่ยเล้งโทรเรียกไอ้แดง ที่เป็นลูกน้องคู่ใจเพื่อเตรียมการบางอย่าง

"ฮัลโหล เสี่ยเล้ง มีธุระอะไรจะให้ฉันรับใช้จ๊ะ?" ไอ้แดงถาม

"ไอ้แดง กูมีงานให้มึงทำ มึงเกณฑ์คนไว้สัก 4-5 คน กูจะไปเอาของจากฝั่งโน้นมาขายที่ไทย"

..............................

ทางด้านมณฑกานต์ หลังจากกลับมาที่บ้านพัก เธอได้อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน และเตรียมพร้อมสำหรับบทเรียนในการสอนหนังสือเด็กในวันรุ่งขึ้น ระหว่างเตรียมตำราไว้สอนหนังสือนักเรียน อาจารย์สาวก็พูดคุยกับแฟนหนุ่มที่กรุงเทพ

"คิดถึงมายด์จังเลย" หนุ่มเบนซ์สารภาพ "อยากเจอมายด์เร็ว ๆ จังเลย"

"อยากเจอก็ขับรถมาซิคะสุดหล่อ" มณฑกานต์ยิ้มหร่าให้แฟนหนุ่มบนหน้าจอโน๊ตบุ๊ค ผ่านโปรแกรมสนทนาออนไลน์

"เป็นไงบ้าง ชีวิตที่นั่น ปรับตัวได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว?" แฟนหนุ่มถาม "เปลี่ยนใจกลับมาทำงานที่กรุงเทพยังทันนะมายด์"

"ถ้าคิดจะกล่อมมายด์ ฝันไปเถอะเบนซ์ เอาจริง ๆ ชีวิตที่นี่ก็โอเคดี สงบร่มรื่น ผู้คนที่นี่ก็ดูซื่อ ๆ จริงใจ" อาจารย์สาวตอบตามตรง "ดูไม่ค่อยมีลับลมคมในเหมือนคนในเมืองหลวง"

"พูดเหมือนเบนซ์เป็นคนไว้ใจไม่ได้ยังไงยังงั้นเลย" หนุ่มเบนซ์แซวแฟนสาวเล่น

"จะร้อนตัวไปทำไมละคะสุดหล่อ" อาจารย์สาวคนสวยใช้มือรองปลายคาง มองแฟนหนุ่มด้วยรอยยิ้ม "ไม่ต้องกลัวหรอก ยังไงมายด์ก็ยังรักเบนซ์เหมือนเดิม"

"เบนซ์ก็รักมายด์" ชายหนุ่มสารภาพ "ความจริงเบนซ์อยากจะคุยกับมายด์เรื่อย ๆ นะ แต่พรุ่งนี้เบนซ์มีประชุมที่สำนักงานใหญ่แต่เช้า แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะมายด์"

"จ๊ะ มายด์รักเบนซ์นะ" มณฑกานต์หลับตาพริ้ม ทำปากจุ๊บใส่แฟนหนุ่ม "Kiss me My prince!!"

"I love you too my Princess!!!" หนุ่มเบนซ์ตอบเป็นภาษาอังกฤษ "Good Night!!!"

แล้วมณฑกานต์ก็ปิดโน๊ตบุ๊ค พลางเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนบนเพดาน ก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ทุ่มแล้ว

"ได้เวลานอนแล้วเรา" หญิงสาวลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมแปรงฟันและเข้านอน ระหว่างที่กำลังเปิดก๊อกน้ำ มณฑกานต์ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายบางอย่างจากด้านล่าง "เสียงอะไรน่ะ?"

ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้มณฑกานต์ แอบเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วเอาหูแนบกับฝาพนังบ้าน เพื่อแอบฟังว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอกบ้าน

"มีอะไรให้พวกเราทำวะพี่แดง" เสียงของชายฉกรรจ์สำเนียงเหน่อ ๆ ดังขึ้น

"เสี่ยเล้งมีงานให้เราทำ" ไอ้แดงตอบ

"นายแดง?" ใช่คนที่คุยกับเราเมื่อตอนนั้นหรือเปล่าเนี่ย? มณฑกานต์นึกถึงนายแดง คนสวนที่มาพูดคุยกับเธอเมื่อไม่กี่วันก่อน นี่ก็ดึกมากแล้ว ตกลงนายแดงกับพรรคพวกกำลังคิดจะทำอะไรอยู่นะ

"เดี๋ยวเราจะไปขนของฝั่งโน้นกัน เก็บเป็นความลับนะโว้ย อย่าให้ใครรู้" ไอ้แดงสั่งกำชับทุกอย่างให้เป็นความลับ ก่อนที่เสียงรถยนต์จะแล่นเข้ามาภายในโรงเรียน

มณฑกานต์แอบชำเลืองมองผ่านช่องหน้าตา ก็เห็นแสงไฟสาดส่องเข้ามาภายในตัวบ้านของเธอ ภาพที่เธอเห็นคือภาพนายแดงและพรรคพวกอีกสามสี่คนกำลังขึ้นรถกระบะเพื่อมุ่งหน้าไป ณ ที่ไหนสักแห่งในจังหวัดราชบุรี

"นายแดงคิดจะทำอะไรกันนะ?" มณฑกานต์นึกสงสัยว่าทำไมนายแดงและพรรคพวกต้องมาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ในยามวิกาลแบบนี้ ทำไมเธอรู้สึกไม่ดีเลยนะ มันต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอน

..............................

วันรุ่งขึ้น มณฑกานต์เดินทางไปโรงเรียนเพื่อเตรียมสอนนักเรียนตามตารางการสอน แต่ยังไม่วายคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ระหว่างเดินเข้ามาภายในโรงเรียนในช่วงเช้า หญิงสาวก็เจอลุงเฉื่อยกำลังกวาดหญ้าอยู่หน้าอาคารเรียนอยู่



"สวัสดีค่ะลุงเฉื่อย" มณฑกานต์พนมมือไหว้ลุงเฉื่อยที่เป็นผู้อาวุโสกว่าด้วยความสุภาพ

"สวัสดีครับ มาแต่เช้าเลยนะครับครู" ลุงเฉื่อยยิ้มแย้มให้อาจารย์สาวคนสวย

ด้วยความสงสัยในเหตุการณ์เมื่อคืน ก็เลยทำให้มณฑกานต์ตัดสินใจถามอะไรบางอย่างกับลุงเฉื่อย

"เอ่อ...ลุงเฉื่อยคะ" มณฑกานต์เริ่มเปิดประเด็น "คือเมื่อคืน มายด์เห็นนายแดงพาพรรคพวกมาทำอะไรไม่รู้แถว ๆ ห้องพักครู ไม่ทราบว่า นายแดงกับพรรคพวกมีธุระอะไรกันเหรอครับ?"

"เอ่อ..." พอได้ยินคำถามจากมณฑกานต์ ก็ทำเอาลุงเฉื่อยหน้าซีดเผือกอย่างเห็นได้ชัด จนมณฑกานต์สังเกตได้

"มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะลุง?" มณฑกานต์ถามอีกครั้ง

"เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่เลยนะครับครู" ลุงเฉื่อยเหลือบมองซ้ายขวา "นี่ไม่ใช่เรื่องที่ครูควรจะรู้ ผมว่าครูอย่ายุ่งกับเรื่องนี้จะดีกว่า"

"หมายความว่ายังไงคะลุง?" อาจารย์สาวผู้มั่นในอุดมการณ์ขมวดคิ้ว นี่ตกลงแล้วมันเกิดเรื่องอะไรกันแน่ในหมู่บ้านผาพิราบขาว ทำลุงเฉื่อยถึงพูดอะไรแบบนี้ "นี่มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับหมู่บ้านของเราใช่ไหมคะ?"

..............................


โปรดติดตามตอนต่อไป และทิ้งท้ายด้วยตัวอย่างเรียกน้ำย่อยในตอนต่อไปเช่นกัน


เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจตาเฉื่อย เลยทำให้ครูมายด์คนสวยหลงไว้ใจ ที่ไหนได้ แท้จริงแล้ว ตาเฉื่อยก็คือจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ในคราบแกะเฒ่าที่ไร้พิษสง

"ฮือ...แล้วมาดย์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน" อาจารย์สาวคนสวยตัดพ้อน้อยใจชีวิต หลังต้องพลาดท่าเสียสาวให้ตาเฉื่อย ภารโรงเฒ่าของโรงเรียนผาพิราบขาว

"ลุงขอโทษ" ตาเฉื่อยในสภาพเปลือยเปล่าโอบกอดเมียสาวแม่พิมพ์ของชาติ พร้อมกับจูบที่ช่วงไหล่โค้งมนของเธอ "ลุงจะรับผิดชอบทุกอย่างเองนะครับครู"

"ทุเรศที่สุด!!! ลุงมันเลว!!! มายด์จะฟ้องตำรวจ!!!" มณฑกานต์ลุกขึ้นโดยไม่สนว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ระหว่างที่กำลังจะลุง หญิงสาวก็รู้สึกเจ็บแปล๊บตรงช่วงท้องน้อย "โอ้ย!!!"