ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ทะเล ตอนที่ 2 ( เรื่องเล่าของนายโทนกับพี่เหมียว )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, ตุลาคม 16, 2020, 12:10:36 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ สวัสดี ซีรีย์ทะเลมาแล้วครับ

ซีรีย์นี้เป็นอีกเรื่องนึงที่ผมทำแยกออกมา

มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างตอนที่ 28 กับ 29

ระหว่างผมกับเหมียว ยังไงก็หวังว่าสมาชิกร้านเกะ จะชอบเรื่องนี้เช่นกันนะครับ


.......


ปล. เหมียวในความทรงจำครับ





เหมียวเป็นผู้หญิงน่ารักนะ เวลาอยู่ที่ทำงานก็จะวางตัวแบบนึง ถ้าอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ หรือ เลิกงาน
ก็จะเป็นอีกแบบนึง



ปล.2 ภาพเยอะโหลดโหดนิดนึง แต่ไม่ทำให้บรรยากาศในการอ่านเสียแน่ครับ



ปล.3 มี 2 Reply ครับ เนื้อเรื่องที่ซ่อนไว้อยู่ Reply ที่2 เพราะเอ่อ ตัวอักษรเยอะไปหน่อยครับ


ปล.4 ท่านผู้อ่านสามารถตามอ่านเรื่องของเหมียว ย้อนหลังได้ที่ Link เลยครับ


ตอนที่ 0 ตอนที่ 1


..............


ความเดิมตอนที่แล้ว


ผมไปทำงานที่ทะเลครับ ซึ่งก็อย่างที่ทุกคนรู้่แหละครับ

พวกเรา 8 คน เข้าที่พักและแยกย้ายกันไปนอนแล้ว

แต่อยู่ดีๆเหมียวก็เข้ามาที่ห้อง เธอถอดเสื้อผ้า

แล้วถามผมว่า bikini สวยมะ ผมก็บอก อ่ะจ้ะๆๆสวยจ้ะ

เรื่องมันก็น่าจะจบแล้วนะ แต่เหมียวเธอกันเดินเข้ามาหาผมแล้วพูดขึ้นว่า

ทำกันมั้ย !!!


......................


ครั้งหนึ่ง ณ ทะเล ไดอารี่ของนายโทนกับพี่เหมียว











ผมแบบหือ !!! ทำ ทำอะไรเนี่ยหืมเหมียว เหมียวก็บอกเอ้าก็ทำงานไง คิดไรเนี่ย โอยไม่รู้ว่าจะเสียดายหรือโล่งใจดีว่ะทุกคน เหมียวพูดเสร็จก็ใส่เสื้อผ้าเหมือนเดิม แล้วก็เดินกลับห้องตัวเองไป


แล้วอีกซักแป๊ป เธอเดินกลับมาพร้อมกับ Story Board ด้วยเสื้อที่ดูสวยมากๆ และกางเกงขาสั้นอีก โอย ใจบ่าดีเลย จากนั้นเราก็เริ่มจัดวางแผนงานเบาๆ แต่เชื่อป่ะว่าผมไม่มีสมาธิเลย เพราะภาพรูปร่างของเธอเมื่อกี้มันติดตาเลยครับ



คือที่ผมจะพูดต่อจากนี้ มันอาจจะดูไม่ดี ไม่แมนนะ แต่ว่าพูดเลยนะว่าหุ่นของเธอเพรียวไม่เท่าสามสาว ทั้งเอว ทั้งขา หรือ หน้าอก แต่ทำไมผมกลับอยากจะเห็นหุ่นเหมียวอีกครั้งจังเลย


[ เหมียว ]  :  นี่นายหน้าบึ้งใจลอยไปไหนเนี่ย


เสียงเหมียวเรียกผมอีกครั้งจนสติผมกลับมา ผมก็แกล้งทำเป็นหน้าเอ๋อๆ แล้วบอก อืออ โทษทีเมื่อกี้เผลอหลับ เหมียวก็เลยบอกครับว่าเอ้ยไหวมั้ยเนี่ย


ผมบอกไหวๆแต่ขอหากาแฟกินแปปนึง แล้วตอนนั้นเหมียวก็บอกว่า ห้ามกินกาแฟนะ ผมก็ถามเอ้า !!!  ทำไมก็ผมง่วงนี่หว่า


เหมียวบอกกินตอนนี้เดี๋ยวก็ได้กรดไหลย้อนอีก ผมเงียบกริ๊บเลยทีนี้แล้วก็บอกอื้อๆๆ แล้วผมก็เดินไปหน้าห้อง ซึ่งก็เจอพี่คนนึงในทีมงานเดินออกมาพอดี เขาถามว่า เอ้าทำอะไรวะโทน


ผมก็บอกครับว่านั่งวางแปลนกับเหมียวอยู่ครับ พี่เขาทำมองเหล่ๆแล้วยิ้มๆครับ เขาบอกว่าจะทำอะไรก็เบาๆหน่อยนะไอ้รูปหล่อ พวกพี่ไม่ว่าแต่เบาเสียงหน่อยนะ


ผมแบบเฮือกเลยนะ แล้วบอกว่าพี่ๆๆใจเย็นๆ นั่นเพื่อนร่วมงาน พี่เขาก็ตบไหล่ปั้ปๆแล้วบอกว่า


[ รุ่นพี่ ]  :  แหน่ะๆๆ เอ็งเคยชอบเขาไม่ใช่เหรอ


[ ผม ]  :  บ้า เปล่านะพี่


[ รุ่นพี่ ]  :  ฮื๊มมม ( ทำหน้าแบบ ยัต ไชโสโร ) อย่าๆๆ  พวกพี่รู้หมดละ



โอย เสียอาการเลยผม ผมก็แบบหน้าชาเลยทีนี้ แต่ก็บอกว่าเปล่าๆๆๆ พี่เขาก็บอกนะว่าเขารู้กันเกือบทั้งออฟฟิศแล้วว่าเอ็งเคยชอบเหมียว การแสดงออกมันฟ้อง ผมก็จนมุมเลยครับก็ได้แต่ถามว่า ผมแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอพี่



พี่เขาก็บอกว่าก็ไม่มากหรอก แต่ตอนที่ไอ้นัทมันกลับมา ผมท่าทางแปลกๆ และไม่คุยกับเหมียวเหมือนเดิมซึ่งก็เดาได้ไม่ยากว่าแอบชอบเหมียว เพราะช่วงไอ้นัทมันไปอบรม ผมก็คุยกับเหมียวอยู่คนเดียว  แล้วดูเหมือนเหมียวก็จะเข้าหาผมคนเดียวด้วย


เชื่อมั้ยครับท่านผู้อ่านพอวันนั้น ผมได้ยินพี่เขาพูดแบบนั้นคือ อาการอยากรู้อยากเห็น หรือ อาการอยากเสือกก็พุ่งปรี๊ดเลย ผมลืมเรื่องงานหมดเลยตอนนั้น อ่ะสมมติว่าเขาชื่อพี่ตั้มแล้วกันนะครับ


ผมถามพี่ตั้มว่าจริงเหรอพี่ ที่เหมียวเข้าหาผมคนเดียว พี่ตั้มก็ยกแก้มน้ำกระดกอึ้กๆๆแล้วก็พยักหน้า เขาทำท่าเหมือนจะเดินกลับเข้าไปนอนนะ ผมก็รีบบอกเขาว่าพี่ๆๆ ผมมีเรื่องอยากถามสักหน่อยได้มั้ย นะนะผมอยากรู้


พี่เขาก็มองหน้าผมแปปนึง มองนาฬิกา มองซ้ายขวา แล้วก็บอกอื้มมาข้างนอกมา คุยไม่สะดวก ผมก็เดินตามไปนะ จนไปนั่งกันที่ม้าหินนอกบ้านพักของพวกเรา


พี่เขาจุดบุหรี่แล้วก็ฟู่วววว ออกมา ผมก็รอฟังอีกนะ แต่พี่ก็ยังดูดอีกปื้ดนึงซะงั้น ผมก็แบบอะไรวะ รอฟังจนเยี่ยวเหนียวแล้วเนี่ย เขาเคาะขี้บุหรี่ออกไปแล้วพ่นควันออกแล้วเริ่มพูดว่า


เอ็งน่ะเป็นเซฟโซน สำหรับเหมียวเข้าใจเปล่า ผมแบบฮึ๊ อะไรวะเซฟโซน พี่เขาดูดบุหรี่อีกปื้ดนึง ซึ่งผมหงุดหงิดมาก โอยอยากรู้เรื่องแล้วจะดูดอะไรนักหนาวะ เปลืองบุหรี่ รู้มั้ย กรองทิพย์มันซองละตั้ง 55 บาทนะพี่


พี่เขาพ่นควันออกมาอีกทีแล้วก็เล่าว่า รู้ใช่มั้ยว่าตอนแรกที่เหมียวเข้าไปคุยกับเอ็ง เพราะพี่จักรเขา เห็นว่าเอ็งมีปัญหาหน้าตาเหมือนแบกโลก เขาเลยให้เหมียวเขาไปช่วยคุย



ผมก็บอกครับผมพอรู้ครับพี่ตั้ม พี่ตั้มก็พูดต่อว่า เอ้อนั่นแหละ ตอนแรกพวกพี่น่ะจะไม่เอาเอ็งแล้วนะ ( ไม่ให้ผ่านทดลองงาน ) เอ็งทั้งหน้าตาไม่รับแขก มนุษยสัมพันธ์ก็ไม่ดี พี่พูดตรงๆนะ ว่าเอ็งน่ะทำงานดี ดีมากเลยถ้าเทียบกับเด็กใหม่ในหลายๆรุ่น


แต่ปัญหาคือแผนกของเราไม่ได้อยากได้แค่คนเก่ง แผนกของเราต้องการคนดีที่ทำงานเป็น เอ็งเข้าใจป่ะ แล้วตอนนั้นเอ็งในสายตาพวกพี่คือคนเก่งที่ไม่เอาใครไง


ผมคิดในใจเลยนะ ฮึ๊ กูเก่งเหรอ หืออออ เอาดีๆดิ๊ ไอ้งานที่ผมทำไปนี่บอกเลยว่า ผมภาวนาทุกครั้งว่าให้มันถูกต้อง เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ งานที่ผมสมัครมานั้น มันไม่ได้ตรงสายที่ผมเรียนมาเลยครับ


ผมก็คิดในใจว่าผมเก่งเหรอวะ แล้วพี่เขาก็บอกอีกว่า ตอนที่พี่คิดว่าเอ็งไม่น่าจะไปรอดกับทีมพวกพี่ แต่เหมียวก็มาบอกกับพวกพี่ๆเขาว่า


" โทนเป็นคนดีนะคะ แค่สภาพจิตใจกำลังย่ำแย่ เลยทำให้พฤติกรรมแปลกๆ "


พี่ตั้มบอกว่า เหมียวรายงานไปว่า ผมพึ่งเลิกกับแฟนมาเลยทำให้ดูเงียบๆและไม่เป็นมิตร ซึ่งหลังจากนั้นพี่ๆเขาก็พอจะเข้าใจผมมากขึ้น แต่พี่เขาก็บอกนะว่าหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ให้เหมียวคอยคุยกับผมแล้ว


แต่กลับเป็นเหมียวที่เข้ามาหาผมแทน ซึ่งพอพี่ๆเขาถามว่าทำไปถึงไปคุยกับโทนบ่อยจัง เหมียวก็บอกมาว่าก็โทนน่ารักดี ไม่มีท่าทางว่าจะวอแวหรือเจ๊าะแจ๊ะเหมียวเลย อีกอย่างเราก็อายุเท่าๆกัน เหมียวเลยรู้สึกว่าคุยกันได้ง่าย


ผมฟังแล้วนี่แบบฮึ๊ แบบนี้สิ่นะที่เหมียวเข้ามาคุยกับผมบ่อยๆน่ะ แบบนี้สิ่นะที่เหมียวเขาทำเหมือนสนิทกับผมมากๆเลย แต่มันก็มีสิ่งหนึ่งพี่ผมสงสัยนะ ผมสงสัยเรื่องเซฟโซน


[ ผม ]  :  ที่ว่าเซฟโซน นี่คืออะไรครับพี่ตั้ม


ผมก็ถามย้ำไปในจุดที่ผมต้องการรู้ พี่ตั้มก็บอกนะว่า เหมียวบอกว่าอยู่กับผมแล้วสบายใจไม่ต้องกลัวโดนจีบ ผมฟังแล้วนี่แบบฮึ๊ได้เหรอวะแบบนั้น พี่ตั้มพูดอีกว่าเอ็งรู้เปล่า ว่าเหมียวมันฮอตนะทำเป็นเล่นไป


ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงล่ะครับตอนนั้น ผมไม่รู้ว่าฮอตมั้ย แต่ผมรู้ว่าอยู่กับเธอแล้วสบายใจ และไม่เบื่อเลย จนผมค่อยๆลืมเรื่องของแฟนเก่า ลงไป ลงไป ลงไป และเกิดความรู้สึกใหม่ขึ้นมาแทน


แน่ะๆๆ ท่านผู้อ่านครับโผม ผมรู้ว่าท่านทั้งหลายก็เคยมีประสบการณ์แบบผม มีความรู้สึกแบบผม คือแบบช่วงที่เรากำลังอกหัก ช่วงที่หัวใจเราอ่อนไหว พอมีใครสักคนเข้ามาทำดีกับเรา เราก็หวั่นไหวไปกับเขา


คือแบบพูดยังไงดี คือไอ้คนที่ไม่รู้เรื่องแม่งก็จะพูดว่า อะไรวะ พึ่งเลิกกับแฟนคุยกับคนใหม่แล้วเหรอ หรือถ้าเป็นสมัยนี้คงจะพูดว่าทำไม move on เร็วจัง  ผมนี่อยากจะย้อนกลับไปด่า


ไอ้พวกที่พูดแบบนี้เมื่อ 10 ปีก่อนจังว่า Move on พ่องเถอะ ทำไมวะกูจะรู้สึกดีกับคนที่เข้ามาให้กำลังใจไม่ได้เลยเหรอ ฮุคคุย อุ้ย โทษๆๆๆ อันนี้อารมณ์ส่วนตัวละอ่ะกลับมาต่อครับ


ใช่ครับ ตอนนั้นพอเหมียวเข้ามาคุย เข้ามาทำดีหลายๆอย่างมันทำให้ผมรู้สึกดีด้วยเลย คือจำได้ไหมเหตุการณ์ที่เหมียวซื้อชาเขียวมาให้แล้วผมไม่กิน จริงๆแล้วผมรู้สึกดีนะ แต่ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง


จนสุดท้ายกำแพงผมก็พังโคร้ม วันที่เรามีปัญหาทะเลาะกันครั้งแรก แล้วเธอยอมลงทุนมากราบแล้วบอกขอโทษเนี่ย คือแบบเฮ้ย ทำขนาดนี้เลยเหรอ คือแบบเพล้ง !!! กำแพงใจ มันแตกไปแล้วครับ


แล้วไหนจะข้าวไก่เกาหลีที่เธอซื้อมาให้ตอนที่ผมลืมเอาบัตร ATM ไปอีก คือแบบมันเหมือนถูกเติมเต็มมาเรื่อยๆนะ ความรู้สึกดีอ่ะ ถึงตอนนั้นผมยังไม่ลืมแฟนเก่าก็ตามเถอะ


อ่ะกลับมาต่อๆ หลังจากที่ได้คำตอบจากพี่ตั้มว่าที่เหมียวเข้ามาหาผม เพราะคิดว่าผมคือ เซฟโซนที่ดีสำหรับเธอ คือเธอสามารถอยู่ข้างๆผมคุยกับผมโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าผมจะจีบเลย


หรือพูดง่ายๆคือไม้กันหมาระหว่างนัทไปดูงานต่างประเทศนั่นแหละ พี่ตั้มก็บอกว่าเห็นผมค่อยๆดีขึ้นก็ดีใจ แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า พี่คิดว่าพวกพี่เองก็ผิดว่ะ ผมก็ถามว่าอะไรครับพี่ตั้ม


แล้วพี่ตั้มก็บอกว่า เพราะเห็นว่าการที่ผมได้คุยกับเหมียวมันทำให้ผม สภาพจิตใจดีขึ้น และส่งผลต่อมนุษยสัมพันธ์ต่อคนในแผนก แถมงานก็ดูดีขึ้นมาก พวกเขาเลยคิดว่าให้เหมียวคุยกับผมน่ะดีแล้ว


นั่นเพราะพวกเขาคิดว่ายังไงผมก็ไม่มีทางชอบเหมียวแน่ๆ เพราะดูไม่มีอาการอะไรเลย โอยผมนี่อยากจะบอกว่ามันจุกอก จนพูดไม่ออกต่างหากครับไม่ใช่ว่าไม่พูด คือยังไงดีล่ะ


มันก็มีมั่งนะแบบว่าคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาชอบ ในขณะเดียวกันก็กลัวว่าถ้าพูดออกไปมันก็ 50/50 ถ้าเขาไม่ชอบเรานี่จบเลยนะ มันทำให้ไม่กล้าพูดซึ่งอย่างที่บอกไปมะกี้ว่ามันก็มีที่แบบเข้าข้างตัวเองบ้างว่าที่เขาเข้ามาคุยเพราะชอบ


เพราะงั้นผมก็เลยตีนิ่งแล้วรอครับ รอให้เขามาบอกว่าชอบเรา ผมนี่คิดแผนเสร็จสรรพ คิดคำพูดที่เท่ส์ๆไว้รอเลย แต่สุดท้ายเป็นไงแห้วไง ไอ้สัดแห้วเลย ไม่มาบอกชอบไม่เท่าไร มีแฟนกลับมาจากดูงานด้วย


ยังไงล่ะเชรดเข้แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมเสียเซลฟ์ได้เยี่ยงไรครับท่านผู้อ่าน ผมนั่งมึนอยู่แปปนึงบอกเลยว่าพอได้รู้เรื่องทั้งหมดแล้วมันรู้สึกแปลกๆ คือพูดยังไงดี วันนี้กับ 1 ปีที่แล้วมันไม่เหมือนกันอยู่แล้วล่ะ


เจ็บปวดมั้ยก็บอกได้เลยครับว่าไม่เจ็บปวดนะ แต่ถ้าถามว่าเฉยๆไม่มันก็ไม่เฉยๆซะทีเดียว มันยังหน่วงๆนิดนึง ประกอบกับตอนนั้นมีเรื่องของพี่หมิวมาด้วยผมก็เลยอึนเป็นพิเศษ


[ พี่ตั้ม ]  :  เออ เอ็งจะกินไรเปล่าพี่จะออกไปหาอะไรกินรองท้อง


[ ผม ]  :  ไม่ดีกว่าครับพี่ ปากผมแตกอยู่


[ พี่ตั้ม ]  :  เฮ้ย ยังไงก็กินๆหน่อยแล้วกัน


พูดแค่นั้นพี่ตั้มก็ออกไปครับ ส่วนผมน่ะเหรอนั่งอึนอยู่ต่อน่ะสิ่ อย่างที่ท่านผู้ร้านเกะรู้ๆกันนะครับ ว่าก่อนที่จะมาสัมมนาครั้งนี้ มันมีเหตุการณ์ที่ผมไปช่วยพี่หมิวจากไอ้พวกเหี้ย 4 ตัวนั้นมาก่อน


บอกเลยว่ายับครับ ผมก็โดนไปหลายทีเหมือนกัน จนหน้าแหก ปากแตก เจ็บไปหลายจุด แต่พี่หมิวกับพูดว่าว่า มันไม่ใช่น้องกู นั่นแหละครับเจ็บจี๊ดเลย แล้วถ้าท่านผู้อ่าน ที่ผ่านมาถึงตรงนี้ ได้อ่านเรื่องของเหมียวตั้งแต่ตอนที่ 0


คงจะรู้ว่าทำไมผมถึงรักและเคารพพี่หมิวมากๆ ก็เพราะถ้าไม่มีพี่เขาล่ะก็ผมเองก็คงมาไม่ถึงจุดๆนี้เหมือนกัน แล้วพอโดนบอกว่ามันไม่ใช่น้องกูเนี่ย ผมก็วิ๊งเลย


ผนนั่งอึนเลยครับ ความรู้สึกต่างๆซัดเข้ามาไม่หยุด ทั้งเรื่องที่เกือบจะทิ่มพี่เตยไปแล้ว ทั้งเรื่องของสามสาว หนักสุดก็คงเป็นเรื่องพี่หมิวที่ตัดพี่ตัดน้องกับผมไปแล้ว เคยมั้ยครับแบบมัน ตู้มๆ ๆ ๆ เข้ามาพร้อมๆกันเลย


เฮ้อ ผมจะเอาไงต่อไปดีนะ ทั้งเรื่องสามสาว ที่สำคัญกับพี่หมิวล่ะ นี่ผมต้องตัดพี่ตัดน้องกับเขาจริงๆเหรอวะ ผมจะไม่ได้เรียกพี่เขาว่าเจ๊อีกแล้วเหรอ เฮ้อออ แป่ะ !!!


ตอนนั้นแหละครับที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ เหมียวก็มาตีที่ไหล่แปะๆๆ แล้วถามว่ามายืนเป็นพระเอก MV อะไรตรงนี้เนี่ย พอผมหันกลับไปก็เห็นเหมียวนั่นแหละครับ ยืนมองตาเขียวเชียว


[ เหมียว ]  :  นี่ทิ้งให้เรานั่งทำงานคนเดียวเหรอเนี่ย !!!


[ ผม ]  :  เอ่อ... เปล่าๆ เข้าไปทำงานเลยดีกว่า


ผมก็จะเดินเข้าไปทำงานแหละครับ แต่เหมียวก็ดึงไว้แล้วบอกว่าไหนๆ ก็ออกมาแล้ว นั่งเล่นก่อนก็ได้ อากาศกำลังดีเลย ผมก็แบบฮึ๊ อะไรวะเมื่อกี้มาตามทำงาน แต่ตอนนี้บอกจะนั่งเล่น ต้องขออธิบายกันสักนิดครับ







ว่าที่พักของผมเป็นแบบไหน ซึ่งตามรูปข้างบนครับ ที่พักของผมมันจะเป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่ๆ ขออนุญาตเรียกว่า เชลเตอร์ ซึ่งในเชลเตอร์เนี่ยจะมี ห้องพักย่อยๆอีก 5 ห้องนอน
ห้องนอน




แล้วตรงกลางจะเป็นห้องนั่งเล่น




เหมือนว่าเอาไว้นั่งทำนู่นทำนี่กัน เพดาน ก็จะประดับไปด้วยลวดลายต่างๆนาๆ ตอนแรกผมก็จำไม่ค่อยได้นะ แต่พอมาไล่ดูรูปตาม web ต่างๆแล้ว ความจำก็ปึ้ง !!! ขึ้นมาเลย




เพดานเขาจะทำเหมือนเป็นทรายในทะเลแล้วมีลูกปัดสีสวยๆ แล้วก็เป็นแผ่นแก้วใสๆ ตัดเป็นรูปดาว รูปนู่นนี่นั่นประดับไว้ ตอนกลางคืนพอนอนมองก็ยิ่งสวย ส่วนหน้าเชลเตอร์ ก็จะเป็นทางเดินที่เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดเล็กๆ


นอกจากเสียงทะเลที่ได้ยินอยู่แล้ว ยังมีเสียงน้ำตกประดิษฐ์อีกด้วย อีกทั้งยังมีม้านั่ง และชิงช้าที่ทำเป็นเหมือนไม้ซุงอีกด้วย คือประทับใจอ่ะครับบอกเลย ที่จริงแล้ว ผมเคยมาที่นี่ตอนที่เรียน ม.3 นะ


มันเป็นการเข้าค่ายภาษาอังกฤษ แล้วที่พักคือที่นี่โอยโคตรประทับใจครับตอนนั้น ช่วง ม.3 ของผมนั้นถ้าใครสงสัยว่าช่วงไหน เป็นช่วงที่พี่ ปาล์มมี่ พึ่งออกอัลบั้มแรกเลยครับ เพลงอยากจะร้องดังๆ นี่ฮิตมากตอนผมอยู่ ม.3


จ่า ด่าด่าดำ จ่าดำ จ่าดำจ่าด๊า โอยบอกเลยครับช่วงนั้นนี่โคตรคลาสสิค



แล้วมีอีก 2 คนที่ผมพอจำได้ คือช่วงนั้น AB Normal ก็พึ่งออกอัลบั้มแรกเหมือนกัน พูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ ถ้ารู้ว่าชอบอะไรจะหาให้เธ๊ออออออ เพลงนี้ก็มากับแฟชั่นดึงคอเสื้อปิดหน้า





เหยดเข้โคตรคูล แต่ไม่นานนักด้วยความห่ามตามวัยเด็ก 15 พวกผมก็เอาแปลงเนื้อเพลงกัน


พูดไม่ค่อยเก่ง แต่ YES อย่างไว อ่าส์ไปหมดเพลงพี่กวางผม



แล้วอีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยครับคนนี้ คืนที่ดาวเต็มฟ้า ฉันจินตนาการถึงหน้าเธอ ละเมอไปไกลมองไม่เห็นเป็นดาว



เนี่ยๆๆ อีกคนในยุคนั้นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ พี่โมท นี่แหละ แล้วแบบตอนที่นั่งรถบัสไป ใครไม่รู้เอา CD มาเปิดให้ฟัง โอยเพลงแม่งละมุน มากๆบอกเลย อ่ะกลับๆๆ ขอเคลื่อนย้ายข้ามมิติ จากตอนม.3 มาอายุ 23 ครับ ณ ปัจจุบัน


ผมจะเดินเข้าห้องแต่เหมียวดึงผมไว้แล้วบอกว่านั่งเล่นก่อนก็ได้ อากาศกำลังดีเลย ใช่ครับ ตอนนั้นอากาศดีมากๆ แดดเบาๆ อากาศเย็นๆเหมือนฝนจะตก ผมก็แบบอื้มงั้นนั่งไปก่อนนะ ผมจะไปเคลียร์งานก่อน


เหมียวก็ตีแขนเผี๊ยะแล้วบอกว่า โหย อีกตั้งนานกว่างานจะเริ่มมานั่งก่อนเลย ทำงานอย่างเดียวก็ไม่ดีหรอก หัดพักมั่งดิ่นายหน้าบึ้ง


อีกและเรียกผมว่านายหน้าบึ้งอีกละ ผมก็แบบเฮ้อ อ่ะ นั่งก็นั่ง เหมียวก็แบบเฮ้อ อากาศดีจังเลยย ผมก็คิดในใจอะไรของมัน แล้วพอซักพักผมก็นึกได้ว่าเฮ้ย ถึงเวลาทายาละ ก็ยาป้ายปากที่แม่เคยให้ไว้นั่นแหละครับ


ผมลุกพรวดเลยตอนนั้น ทำให้เหมียวที่นั่งอยู่ด้วยเกือบหงายท้อง ดีนะหันไปจับไว้ทัน เหมียวก็บ่นๆว่าโหย ทำอะไรเนี่ยเกือบแย่แล้วเนี่ย ผมก็รีบพูดนะว่าขอโทษๆๆ ขอโทษนะ เหมียวก็บอกอื้อไม่เป็นไร


และผมก็เดินเข้าไปในห้องเลยครับ ตอนนั้นโอ้วดีนะที่พกมาด้วยไม่งั้นแย่แน่นอน คือแม่ผมบอกทริคนึงมาครับ ว่าให้ปายยาและกินข้าวเลย เพราะครีมยามันจะเคลือบที่แผลเราเอาไว้ ทำให้ไม่เจ็บเท่าที่ควร


แต่ก่อนอื่นผมก็ต้องทามันไว้ก่อนล่ะครับ เพราะหวังว่าจะได้หายทันก่อนที่จะได้กินมื้อใหญ่ในวันสัมมนาพรุ่งนี้ หรือไม่อย่างน้อยก็ขอให้มันทุเลาถึงขั้นที่กินน้ำจิ้มซีฟู๊ดได้ก็ยังดีครับ ถ้ามาทะเลแล้วไม่ได้กินซีฟู๊ดนี่เหมือนมาไม่ถึงอ่ะ


โอยเจ็บ วุ๊ยยย แล้วแบบไอ้การป้ายยาตัวเองเนี่ยเป็นอะไรที่ลำบากมาก เพราะเวลาส่องกระจกนี่ ป้ายขวาไปซ้าย ป้ายซ้ายไปขวา ลำบากแท้ๆครับท่านผู้อ่าน แล้วสักพักผู้ที่สร้างเขต เฟรนด์โซนให้ผมก็เดินเข้ามาครับ


[ เหมียว ]  :  ทำอะไรล่ะนั่น นายหน้าบึ้ง


[ ผม ]  :  ทายา เลิกเรียนนายหน้าบึ้งซักทีเถอะ ไม่ได้บึ้งแล้ว



ผมก็พูดไปไม่ได้คิดอะไรนะตอนนั้น แต่เหมียวก็เดินมาใกล้ๆและกดไหล่ผมเลยล่ะ เหมียวพูดว่าแน่ใจเหรอว่าไม่ได้บึ้ง เนี่ยๆ อาทิตย์กว่าๆที่ผ่านมาบึ้งเหมือนตอนที่เข้ามาทำงานใหม่ๆเลยนะ


พอฟังไปผมก็ไม่ได้คิดสงสัยอะไรนะ ก็ผมมีเรื่องพี่หมิว เรื่องดาวให้คิดนี่นา วันนั้นก็ยังไม่ได้เคลียร์อะไรกันเลย ก็ต้องรีบไปช่วยพี่หมิว แถมยังแจ็คพอต โดนพี่เหมียวตัดความสัมพันธ์อีก ใครไม่บึ้งนี่ก็เทวดาละครับ


ผมก็บอกไปแหละว่าอื้มๆ รู้แล้วแต่อย่าเรียกนายหน้าบึ้งอีกเลยเถอะ แล้วผมก็จะทายาต่อนะ แต่แบบลำบากแท้วุ๊ย มั่บ !!! แล้วซองยาผมก็ปลิวไปทันที เพราะแมวเหมียวตัวแสบแย่งไป


[ ผม ]  :  เอ้า !!!  เอามานี่เลยจะทายา

[ เหมียว ]  :  เอามานี่แหละ เห็นละสงสาร เดี๋ยวทาให้



ผมคิดในใจเลยว่าเฮ้ยอะไรเนี่ย ทำไรวะ แล้วเหมียวหน้าตาคือเอาจริงมากเลยตอนนั้น ผมก็แบบเฮ้ยไม่ต้องๆเดี๋ยวทาเอง ซึ่งก็แน่นอนแหละครับว่าเหมียวก็ยืนยันว่าจะทาให้ ผมก็ยื้อๆยุดๆ กันไปมา


แล้วแม่งจังหวะนรกแท้ๆ เพราะพี่ตั้มคนเมื่อกี้มันเดินมาเปิดประตู แอ๊ดดดดด.......  แล้วจังหวะนั้นแบบผมกำลังจับมือถือแขนเหมียวพอดี คือมันก็ไม่ได้ถึงขั้นที่แบบอ่ะเฮื้อออ หมดแรงล้มทับกันแบบในละครนะ


หรือแบบดันกันไปๆมาๆแล้วฝ่ายหญิงจะล้มแล้วเราพุ่งตัวเข้าไปรับแบบโคตรพระเอก ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้นเลย ผมแค่จับแขนข้างที่เหมียวถือยาไว้แค่นั้น พี่ตั้มเข้ามาแล้วก็แบบหน้านิ่ง........ แล้วก็บอกว่า


[ พี่ตั้ม ]  :  เอ่อ ไอ้โทนพี่เอาของกินมาเผื่อนะ อื้ม โทษทีที่ขัดจังหวะ


ผมก็แบบเฮ้ยพี่ไม่ใช่งั้น เหมียวแย่งยาผมไปผมเลยจะคืน ส่วนเหมียวก็พูดสวนขึ้นมา ว่าโทนดื้อมากเลยพี่ตั้ม โคตรดื้อเลยขัดใจเหมียวตลอด เฮ้ย !!! อย่าทำแบบน๊านเหมียว ม๊ายยยย  แล้วพี่ตั้มก็บอกอื้มๆ เบาๆนิดนึง


แล้วเขาก็กดแกร๊กล็อคประตูให้ผมแล้วค่อยๆปิดลง ปังเบาๆ สิ้นเสียงประตู อูหูว กูทำอะไรไม่ถูกเลยครับทีนี้ พึ่งคุยกับพี่เขาไปว่าไม่ได้คิดอะไรกับเหมียวแล้ว แต่ดูสภาพตอนนี้คือแบบถ้าไม่สนิทถึงขึ้น กุ๊กๆ กิ๊กๆ กันมันคงไม่มาทายาที่ปากให้หรอก


ผมนี่แบบมองเหมียวแบบชิบหายละไง เฮ้อออ เหมียวก็พูดนะว่าถ้ายอมดีๆแต่แรกก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก โทนนั่นแหละผิด ผมก็ถามเหมียวว่าทำไมไม่ล็อคห้องละเมื่อกี้


[ เหมียว ]  :  ทำไมต้องล็อคห้องเหรอ หรือโทนจะทำอะไรเรา


ผมนี่แบบ อึ้ก !!!  พูดไม่ออกเลยทีนี้ได้แต่กำหมัดอยู่ในใจ แล้วเหมียวก็บอกว่าอยู่นิ่งๆจะทายาให้ ผมก็แบบเฮ้อ ก็ต้องยอมครับ เพราะในใจลึกๆผมก็แบบเฮ้อนิดนึงอ่ะผู้ชาย คนที่เราเคยชอบจะมาดูแลเราแบบนี้มันก็รู้สึกดีนิดนึงจริงมะ


ถึงจะเคยโดนเบรกจนหน้าสั่นด้วยคำว่า เพื่อนที่ดีที่สุดก็ตาม เหมียวเรียกผมมานั่งอีกฝั่งของเตียง เพราะเธอบอกว่าฝั่งนี้สว่างกว่า อ่ะผมก็ตามไป ที่เธอให้ผมทำคือนั่งนิ่งๆอ้าปาก ไอ้ผมก็แบบเชี่ยละ


นี่ผ่านมาจะครึ่งวันแล้ว ปากผมจะเหม็นไหมวะ ถ้าเหมียวเข้ามาใกล้ๆแล้วเจอกลิ่นอันไม่พึงประสงค์เข้าไปนี่ผมอายเลยนะ แต่เหมียวก็ทำอีกอย่างครับ คือเธอให้ผมนั่งข้างล่างเตียงและแทรกตัวไปตรงกลาง


เธอจะนั่งบนเตียง เพราะบอกจะมองแผลได้ถนัดๆ คือท่านนึกภาพออกไหมครับท่านผู้อ่าน ก็คือเหมียวนั่งบนเตียงผมนั่งข้างล่างเหมือนตอนที่ทำกับดาวเมื่อตอนที่แล้วนะ แต่คราวนี้ผมหันหน้าไง


มันเท่ากับ ว่าหน้าอกของผมกับเนินสามเหลี่ยมทองคำของเหมียวห่างกันไม่ถึง 1 ฟุตโอเคเข้าใจตรงกัน เหมียวก็จับหน้าผมเงยขึ้น ผมก็บอกนะรีบๆทาเถอะ รู้มั้ยเหมียวตอบกลับมาว่าไง


[ เหมียว ]  :  โห  พอตำแหน่งสูงกว่า ก็ทำตัวห่างเหินไม่สนิทกันเหมือนเมื่อก่อนเลยอ่ะโทนนี่นะ


เชี่ยเอ๋ย โดนแบบนี้ก็ไปไม่เป็นเลยครับ ผมก็นั่งเกร็งเลยทีนี้ เหมียวบอกให้เขยิบเข้าไปใกล้ๆอีก อ่ะผมก็เขยิบ คือมันเขยิบมากกว่านี้ไม่ได้แล้วไงครับ มันติดตัวเหมียวเกินไปละ


[ เหมียว ]  :  เหยิบมาอีกสิ่ นั่งห่างไป๊


[ ผม ]  :  แค่นี้แหละ ใกล้กว่านี้ไม่ได้ มันติดเนี่ย


แล้วเหมียวทำอะไรรู้มั้ยครับท่านผู้อ่าน เธอจับแขนผมสองข้างดึงไปโอบเอวเธอเอง ซึ่งมันก็ทำให้ผมเขยิบเข้าไปใกล้เธอจริงๆนั่นแหละ แต่แบบเฮ้ย กูอุตส่าห์จะไม่ทำแบบนี้แล้วนะ คือผมรู้แหละครับ


ว่าถ้าทำแบบนี้ผมก็จะขยับเข้าไปใกล้ๆเธอได้อีก แต่ผมไม่ทำไง เลยเลือกที่จะนั่งเว้นระยะ แต่นี่แม่นางแมวเล่นจับมือผมไปโอบเอวแทนเลย จากที่ห่างกัน 1 ฟุต กลายเป็นว่าตัวผมนี่แนบกับเนินสามเหลี่ยมของเหมียวแล้ว


[ เหมียว ]  :  เห็นมะ ใกล้ได้อีก ถนัดกว่าเยอะ


[ ผม ]  :  เอ่อไม่ต้องก็ได้มั้ง


ปากผมบอกไม่ต้องก็ได้มั้งแต่ผมก็ไม่ได้ดึงแขนออกนะ เหมียวก็พูดสวนมาว่าจะทำเป็นเขินอะไรกันเนี่ย โอ๊ !!!  โตๆกันหมดละ ผมนี่ไปไม่เป็นเลยเชื่อมั้ยครับท่านผู้อ่าน


แล้วจะทำไงล่ะครับทีนี้นอกจากจำใจยอม ฮิฮิฮิ ผมก็แบบถามเหมียวว่าจะดีเหรอ เหมียวก็บอก โว๊คิดมาก เราเป็นผู้หญิงเรายังไม่ถือเลย เฮ้ออ สถานการณ์แม่งแปลกๆป่ะครับท่านผู้อ่าน


ผมเคยชอบเธอคนนี้ และผมก็คิดว่าเธอก็มีใจ เพราะทุกสิ่งที่ทำด้วยกัน ทุกที่ที่ไปด้วยกัน คือความรู้สึกของเราสองคนคือต้องมากกว่าเพื่อนอ่ะถึงจะไปได้ แล้วพอมารู้ว่าเธอมีแฟน ผมก็สตั้นสิ่


พอจะเว้นระยะห่างเธอก็เข้าหาผมตลอดทุกครั้งที่มีปัญหา เคยป่ะแล้วแบบเราแพ้ใจตัวเองจนสุดท้ายต้องยอมให้เธอเข้ามาใกล้ๆเราอีกครั้งน่ะ ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่ให้เข้ามาแล้ว


แล้วพอวันนึงพอรู้ว่าเลิกกับแฟน เราก็ดูแลเท่าที่เพื่อนคนนึงจะดูแลได้ ตามไปยันร้านเหล้า พอทุกอย่างเป็นใจ บรรยากาศทุกอย่างอำนวย แม่คนสวยดันบอกว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด


แล้วพอเราตัดใจอะไรได้ พอ 1 ปีผ่านไปแล้วดูทำดิ๊ ให้ผมมานั่งกอดเอวแล้วจะมายาให้เนี่ย อิหยังวะ เหมียวบีบๆยาออกมาป้ายที่นิ้วแหละมั้ง ผมก็เลยบอกว่าใช้คอตตอนบัตก็ได้ จะได้ถนัดๆ


เหมียวก็บอกนะว่าแบบนี้แหละง่ายดีหรือคิดว่าเราสกปรก แหม่ถามมาแบบนี้ผมก็น้ำท่วมปากอ่ะดิ่ครับ


[ เหมียว ]  :  โหย ดูดิ่เนี่ย ปากแตกหลายที่เลย  ไปทำไรมาเนี่ย

[ ผม ]  :  อ่าว ไอ้อ้ายอำไอ


คือตั้งใจจะตอบว่าเปล่าไม่ได้ทำไรน่ะครับ แต่ตอบไม่ถนัดเพราะปากโดนเหมียวล็อคไว้แล้ว แล้วเหมียวก็ป้าย ป้าย ป้าย ตรงริมฝีปาก แล้วพอจะป้ายข้างในกระพุ้งแก้มผมก็จับมือไว้ สะบัดออก แล้วบอกว่าไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวทำเอง


แต่เหมียวก็ดีดเข้ามะกอกเข้าเต็มๆหัวเลยครับ ผมก็แบบโอ๊ยทำไรเนี่ย แล้วคิดภาพตามผมนะ ด้วยความที่ผมนั่งติดกันเลยอ่ะ คือเธอนั่งบนที่นอนสวนผมก็นั่งกอดเอวอยู่ข้างล่าง เพราะฉะนั้นการที่ผมจะคุยกับเธอได้คือต้องเงยหน้าขึ้นไปคุย


แล้วจังหวะที่เงยไปเนี่ยแม่นางก้มลงมาพอดี โอยเฉียดไปจิ๊ดนึง ผมถามว่าโอย ดีดทำไมเนี่ย เหมียวก็บ่นกลับมาว่าอย่าดื้อได้ป่ะฟังกันมั่งเหอะ ทีเมื่อก่อนยังฟังกันเลย


ผมนี่แบบ อึ้ก !!! พูดไม่ออกเลยทำไมมันวนๆ กลับมา แบบเดิมๆอีกวะ นั่งพิมพ์เองก็ยัง งงเองเลย เหมียวก็ดึงผมเข้าไปอีกผมก็แบบเอ้อ รีบทำรีบจบละกัน เหมียวก็ป้ายยาไปทีละจุด ละจุด


อยู่ดีๆเหมียวก็ถามผมขึ้นมานะว่าตกลงเป็นอะไรกันแน่ ทำไมปากแตกเยอะแบบนี้ล่ะ คงไม่ใช่แค่ออกกำลังกายมั้ง ผมก็แบบไม่รู้จะตอบยังไงดีนะ อ๋อเราไปช่วยพี่สาวเราแล้วบวก 1 ต่อ 4 น่ะ ก็ไม่น่าใช่


ผมก็ไม่รู้จะตอบไง ก็ได้แต่เงียบๆแล้วให้เหมียวทายาไปครับ จนกระทั่งเหมียวทาเสร็จ ผมก็นึกว่าจะจบ แต่ไม่ใช่เลยครับ เหมียวบอกให้นั่งท่าเดิมอีกแปปแล้วเดินออกไป


ตอนนั้นผมแม่งแบบเฮ้ยจะทำไรอีกเนี่ย แล้วเหมียวมันก็ไปกรรไกรมาเว้ย กรรไกรที่ฟันมันเหมือนจระเข้ ผมก็แบบเฮ้ยหยิบมาทำไมเนี่ย


[ ผม ]   :  เดี๋ยวๆจะทำไรเนี่ย เอามาทำไม


[ เหมียว ]  :  เดี๋ยวซอยผมออกให้นิดนึง มันยาวแล้วนะโทน


[ ผม ]  :  ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยตัด


[ เหมียว ]  :  เขินไปได้ เอ๊ออออ


แล้วเหมียวก็เขยิบตัวเข้ามาหนีบผมเหมือนเดิม เพราะว่าไอ้ปอยผมที่ยาวๆคือข้างหน้า เหมียวก็เอากิ๊ฟที่หยิบมาด้วยติดแป๊ก แป๊ก แป๊ก  นิ้วเรียวๆของเธอคีบปอยเส้นผม ของผมที่มันยาวจนทิ่มตา


แกร่บบ แกร่บบบ เหมียวขยับมือโคตรคล่องเลย แล้วก็บอกนะว่าถ้าไม่ได้ไปทำผมที่ร้าน ส่วนมากก็จะเล็มๆเอง ผมก็ถามเล็มเองเนี่ยนะ เหมียวบอกอื้ม ฝีมือป่ะล่ะ


ผมก็เอ่อ จ้ะ จ้ะ ฝีมือ เหมียวตัดแกร่บบ เล็มออกนิด ออกนิด จนแปปเดียวก็เสร็จ แล้วก็แบบขยี้ๆหัวของผมแล้วจัดทรงใหม่ดู


[ เหมียว ]  :  หืม !!!  ผมโทน หนามากเลยนะเนี่ย แถมเส้นบะเริ่มเลย


ผมก็อ่ะจ้ะรู้แล้ว แล้วก็จะลุกครับ แต่เหมียวก็กดไหล่ไว้ ผมก็แบบหืมทำอะไร พอจะลุกอีก ก็กดไหล่ผมอีก หื้มม เดี๋ยวผมกดคืนมั่งอย่าบ่นนะ อุ้ยโทษๆ ด้านมืดครอบงำ


[ เหมียว ]  :  นี่นายหน้าบึ้ง เราถามอะไรหน่อยดิ่


เอ้าอยู่ดีๆ ก็มาอารมณ์ไหนล่ะนั่น แต่ผมรู้สึกได้อย่างนึงครับ คือน้ำเสียงของเหมียวดูกดต่ำลง เหมือนคนที่กำลังคิดอะไรอยู่ ผมก็ถามเหมียวนะ ว่ามีอะไรเหรอ ถามไปเหมียวก็เงียบนะครับ แต่แค่แปปเดียวเท่านั้นแหละ เหมียวก็ถามผมกลับมาว่า


[ เหมียว ]  :  ทำไมเมื่อก่อนโทนดีกับเราจังเลยล่ะ ทำอะไรให้เราตั้งหลายอย่าง


เชี่ยและไง ผมได้แต่คิดในใจเฮ้ย ไม่ใช่น่าจะมาพลอตแบบหนังเกาหลีไม่ได้นะเฮ้ย ผมก็เลยตอบไปว่า มีอะไรก็ช่วยกันนั่นแหละ ทำงานด้วยกันก็ต้องช่วยกันนั่นแหละ เหมียวพูดกลับมาครับว่า


โทนดีกับเราจริงๆนะ ตอนเรามีปัญหาโทนก็อยู่กับเราตลอดเลย ดีกับเรายิ่งกว่าแฟนเก่าเราอีก แล้วทุกอย่างก็เงียบ ผมก็คิดในใจนะว่าคงไม่มีอะไรแล้วล่ะมั้ง ถ้าพูดถึงแฟนเก่าแบบนี้ แต่อยู่ดีๆ เหมียวก็ถามผมขึ้นมาครับ เธอถามผมว่า



เมื่อก่อน โทนเคยชอบเราใช่เปล่า




[ ผม ]  : หืม

ปากผมพูดเหมือนไม่มีอะไร แต่ใจแม่งเต้นยิ่งกว่าจังหวะสับตีนแตกของยุเซน โบลท์อารมณ์เหมือนแบบเฮ้ย อะไรวะ แบบนั้นเลย คือถ้าเป็นการ์ตูน ตอนนี้รอบๆหัวผมคงเต็มไปด้วยเครื่องคำถาม ป๊อง ๆ ๆ ๆ ๆ  รอบๆหัว


ทำไมถามแบบนั้นล่ะ แถมพอถามแม่นางก็จ้องหน้าผมเลยนะ เหมือนแบบถ้าผมเสียอาการนิดเดียวคือรู้แน่ๆ แล้วผมจะทำยังไงล่ะทีนี้


[ เหมียว ]  :  ตอบมาเลย เคยชอบเราป่ะ


[ ผม ]  :  เฮ้อ ถามอะไรเนี่ย


หู้ย ตอนนั้นคือใจมันตุ้บตั้บตุ้บตั้บเลยครับ เคยเป็นป่ะ คนที่เราเคยชอบมาถามเราว่าชอบเธอหรือเปล่า อารมณ์แม่งแบบ เชี่ยตอบไงดีวะ


คือเข้าใจมั้ยครับท่านผู้อ่านว่าทุกอย่างมันก็กำลังดีอยู่แล้ว เราเป็นเพื่อนกันแบบนี้ก็ดีแล้วนี่ เหมือนแม่งเดจาวูอ่ะ ตอนนั้นหัวใจผมกำลังอ่อนแอเรื่องเลิกกับแฟน เหมียวก็เข้ามาทำให้จิตใจสดใส


แล้วตอนนี้ก็เหมือนกัน ผมบอกเลยโคตรอ่อนแอ ทั้งเรื่องเดิมที่ยังไม่เคลียร์กับดาว ไหนจะเรื่องพี่หมิวอีก เชื่อมั้ยว่าตอนนั้นคือ เบร๋อออออ  อ่ะ


ผมก็ตีเนียนแล้วบอกเฮ้อคิดเองเออเองเปล่าเนี่ย เหมียวเถียงมาครับ ว่าผมทำดีกับเธอหลายอย่างเลย ดูแลก็ดีมากๆ ต้องแอบชอบเธอบ้างแหละ


ผมตีเนียนแกล้งทำถอนหายใจแล้วบอก เฮ้อ หลงตัวเองแท้ๆแม่คู๊ณ ผมถามกลับไปว่า ใครน๊อเข้ามาคุยก่อน ใครน๊อเดินมาหาก่อน ใครกันน้อที่ชวนไปกินข้าว



เหมียวก็เถียงกลับมาครับ ว่าโถ่วว เห็นว่าไม่มีคนคุยหรอกอุตส่าห์เข้ามาคุยด้วยเชอะ แล้วเหมียวก็งอนตุ๊ปป่องเดินออกไปเลย ฮู่ววว รอดตัวไป


ผมก็ถอนหายใจเลยครับ นอนคิดๆ ๆ ๆ ไปเรื่อย ถ้าไม่ได้ฟังที่พี่ตั้มเล่ามาเมื่อกี้ ผมคงนอยด์ที่เธอบอกว่าอุตส่าห์มาคุย ก็นะเวลามันก็ผ่านมานานแล้วด้วย ผมคงไม่คิดอะไรแล้วล่ะ เอาล่ะนอนพักผ่อนดีกว่า


แต่ว่า เฮ้ย !!! อากาศดีๆแบบนี้จะมานอนอุดอู้ได้ไง มันต้องทัวร์แล้วแบบนี้ ผมหยิบโทรศัพท์เป๋าตังส์ออกมา เดินเล่นครับ



สิ่งหนึ่งที่ผมชอบที่นี่คือตรงนี้แหละครับ " โซนพักผ่อน " คือ มันก็มีนะโซนพักที่ใกล้ๆทะเลน่ะ ที่โซนที่ผมพักมันจะอยู่อีกฟากนึง



อารมณ์เหมือนบ้านในสวนเลยครับท่านผู้อ่าน เคยมารอบนึงว่าประทับใจแบบเด็กๆแล้ว ( มาครั้งแรกตอน อายุ 15 ม.3 ) มาครั้งนี้ยิ่งประทับใจมากกว่าเดิม


ต้นไม้เพิ่มขึ้น การจัดวางของประดับ โคมไฟคือสวยอ่ะ ผมเดินไปตามทางเลี้ยวบ้างตรงบ้าง ไม่มีเบื่อเลยครับบอกตรงๆ


..บรรยากาศตอนกลางคืน..




ต้นไม้ที่ปลูกก็ช่วยบังแดดได้ดีมากๆเลย คือแบบเหมือนผมเดินอยู่ในป่าแล้วมีเสียงทะเลอ่ะเเบบนั้นเลย บ้านพักทรงกระท่อมก็ดูสวยจริงๆ



ไม่เสียแรงที่เชียร์ให้มาที่นี่เลยครับ ผมเดินไปเรื่อยๆ เจอชาวต่างชาติก็เฮลโล่และยิ้มไว้ก่อน คือมันฟินมากเลยนะที่แบบ ป่า ต้นไม้ ความเงียบสงบ ผสมผสานความสะดวกสบายได้แบบโคตรลงตัว



แล้วเดินไปอีกไม่ถึง 500 เมตร ออกจากโซนที่พัก ผ่าน Lobby ผ่านโซนอาหาร ผ่านโซนกิจกรรม ผ่านสระว่ายน้ำ คุณก็จะเจอกับชายหาดและทะเล



อ่าส์ฟิน  ผมเดินวนดูนู่นนี่นั่นไม่รู้นานเท่าไรเพลินมากบอกเลย เสียงลมทะเลพัดใบไม้กิ่งไม้สะบัดไปมานี่แบบโคตรคลาสสิค


จนอีกสักพักผมก็กลับมาที่ห้องครับ ก็คิดว่าจะนอนสักแปป แต่พี่จักรก็เคาะประตูเรียกพอดี ผมก็รีบเลยทีนี้ พอเปิดประตูไป เหมือนพวกพี่ๆทุกคนจะมากันพร้อมละ



แล้วพี่จักรเขาก็ยื่นตั๋วเหมือนคูปองมาให้ครับ คือต้องบอกก่อนนะครับ ว่า ณ ยุคนั้นอาหารสามมื้อ ที่ทางรีสอร์ตให้บริการกับลูกค้าที่มาพักนั้น เป็นบุฟเฟ่ต์ครับ ส่วนยุคนี้ผมไม่ทราบว่าเป็นการบริการแบบไหน เพราะไม่ได้ไปนานมากๆแล้ว


อ่ะกลับมาต่อ พี่จักรยื่นบัตรคูปองอาหารสำหรับสามวันใหั ผมก็รับมาแล้วก็นับๆๆ ว่าครบมั้ย อ้ะ โอเคครบ


[ พี่จักร ]  :  ป่ะ กินข้าว เสร็จแล้วจะได้เริ่มงาน


ผมตอบครับไป แล้วกลับมาเก็บของที่จำเป็น สมุดปากกา กล้องถ่ายรูป ซื้อมาตอนเรียนปี2 ครับเรียนถ้ายภาพ จริงๆตอนขึ้นปี 3 มีรุ่นน้องขอซื้อต่อนะ แต่ผมเสียดายเลยเก็บไว้



และไม่ลืมกระเป๋าสะพายข้างยี่ห้อ เป๋าตุง ซื้อมาจากฟิวเจอร์รังสิต ผมมองๆออกนอกหน้าต่าง อื้มไม่ค่อยมีแดด งั้นใส่ฮู๊ดละกัน ถ้าอยู่กรุงเทพฯคงไม่ได้ใส่ ร้อนอิ๊บอ๋าย ซื้อมาทั้งทีต้องใส่ให้คุ้มสิ่


ผมใส่เสื้อฮู๊ดที่กำลังนิยมในสมัยนั้นพร้อมกับสะพายกระเป๋า ออกมา แต่คิดอีกทีเดี๋ยวค่อยใส่ดีกว่าเดี๋ยว เพราะถ้าใส่ไปตอนนี้ กลัวเชือกที่คล้องฮู๊ด จะตกลงไปในจานข้าว


ล้างยากแถมเหม็นอีก และผมก็ทำในสิ่งที่คนสมัยนั้นนิยมทำกันคือ เอาแขนเสื้อมาผูกรอบเอว  อ่ะทุกอย่างเรียบร้อย ผมก็เช็คของทุกอย่างแล้วเดินไปเลยครับ คือกะว่ากินข้าวเสร็จแล้วก็พร้อมทำงานเลยว่างั้นเถอะ หลังจากที่ยื่นคูปองไปแล้ว



ผมก็ช็อปปิ้งเลย เชฟที่นี่รสมือโคตรดี ทำอะไรก็อร่อย เสียดายมาไม่ทันมื้อเช้า  ไม่งั้นผมคงได้กินขนมปังปิ้งหอมๆแล้วล่ะ ผมตักนู่น ตักนั่น ตักนี่จนพอใจ


แล้วไปนั่งเลย โห้ ไอ้โทน อดอยากมาจากไหนเนี่ย นี่เป็นคำแรกที่พี่ๆทักมา ผมก็บอกโหพี่มีแต่ของเด็ดๆ ปีกไก่น้ำแดงงี้ พาสต้างี้ หมูมะนาวงี้ หมูอบงี้ อร่อยทุกอย่างครับบอกเลย ถามว่าแสบปากปากมั้ย !!


แสบครับ แต่พอทนได้ ก็ของมันอร่อยอ่ะครับ พี่เขาเห็นผมเดินไปนู่นมานี่ซะคล่องเชียว เลยถามนะว่าทำยังกับเคยมา ผมก็บอกเคยมาครับ ตอนมัธยม แล้วผมกับพี่ๆก็นั่งกินไปคุย โดยที่เหมียวนั่งอยู่กับพี่ผู้หญิงฝั่งตรงข้าม แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมชอบข้าวสวยครับ


ข้าวสวยที่นี่หุงได้นุ่มดีจังชอบมากๆๆๆ อ่าส์ หมดแล้วต้องเติม คือตอนนี้อิ่มแล้วครับ แต่ที่กินเพราะความอยากลองล้วนๆเลย อยากลองกินสลัดที่เป็นสลัดจริงๆๆ อ่ะจบแล้วก็ต้องล้างปากด้วยขนมหวาน


สลิ่ม แคนตาลูบ วุ้นมะพร้าว ข้าวโพด ลูกชิ้น โปะน้ำแข็ง ใส่น้ำกะทิ อ่าส์ฟินจัง ทุกคนดูจะตกใจที่เห็นผมกินเยอะขนาดนี้ ซึ่งก็ไม่แปลกนะปกติผมก็กินเหมือนๆคนทั่วไปแหละ


แต่พอบังเอิญเห็นไลน์บุฟเฟ่ต์ที่น่าอร่อยๆแบบนั้นแล้ว ชูชกก็เข้าสิงเลยค๊าบบบ เรานั่งคุยกันอีกซักพัก จนผ่านไปสักระยะนึง รู้สึกว่าตอนนั้นจะเที่ยงๆมั้งครับ เราก็เริ่มงานและแบ่งหน้าที่ทันที


1. สำรวจสถานที่จัดกิจกรรม

- ผม + กล้องถ่ายรูป


2. ประสานงานกับทางรีสอร์ต เตรียมเครื่องเสียง

- พี่ตั้ม พี่ต้อม พี่ตู้ม พี่โต้ง


3. สรุปโครงงาน และ ทำสคริป

พี่จักร , พี่ผู้หญิง , เหมียว


เหตุผลที่ผมทำคนเดียว เพราะอย่างแรก ผมเคยมาที่นี่ เลยพอจะรู้ที่รู้ทาง ต้องบอกก่อนนะครับ ว่าที่อมรพันธ์วิลล่า มีชายหาดส่วนตัวนะครับ



ฟังแล้วโคตรแจ่มเลยใช่มะ นั่นแหละครับเหตุผล ที่ผมแนะนำให้มาที่นี่ เพราะมันเป็นส่วนตัว ถ้าเราจะจัดกิจกรรมที่ต้องใช้ชายหาดก็ต้องที่นี่แหละ ผมแกะเสื้อพันรอบเอวแล้ว หมุนใส่ ง่อว อย่างเท่ส์



และไม่ลืมแว่นกันแดด อันละ 50 บาทที่ซื้อจากอนุสาวรีย์ชัยฯ พวกเราแยกทำงานงานทันที ผมถอดรองเท้าเดินลงชายหาด มองซ้ายขวา ว่าทางไหนดี อ่ะขวาดีกว่า


ผมหยิบถืออาวุธประจำตัว ก็คือปากกา The DoG เฮ้ยเอาจริงๆนะท่านผู้อ่าน การที่ผมมาเจอกับปากกา The Dog นี่มันเหมือนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตเลยนะ


เพราะในชีวิตการใช้ปากกา ตั้งแต่ ป.4 จนถึงมัธยม ผมใช้ปากกาแค่2 ยี่ห้อคือ ตราม้าด้าม 6 เหลี่ยมจาก สหกรณ์โรงเรียนอันละ 5 บาท และพอโตขึ้นมาหน่อยก็ใช้แลนเซอร์ที่กดติ๊กๆๆๆ 



คือบอกเลยว่าเส้นหนังสือ 0.5 - 0.7 นี่มันตัวบักเอ้ก โคตรเกะกะตา คือมันมีนะแลนเซอร์รุ่นหัวจรวด ที่หัวสีทองๆแต่ใช้แค่ครั้งเดียวครับ


แม่งยุ่งยากนะเอาจริงๆ ต้องถอดปลอก ใส่ปลอก บางทีรีบเขียนสลับกับดินสอลืมปิดฝา แล้วปักตกพื้น ปึ๊ก !!! หัวปากกาปักพื้น !!! เขียนไม่ติด . . . .


จบเลย 7 บาท แล้วอีกอย่างที่ไม่ใช้แลนเซอร์หัวจรวด เพราะมันเป็นความรู้ผิดๆสมัยเด็กๆครับ คือพอเห็นหัวมันเป็นสีทองแดง


ไอ้ผมก็กลัวสิ่ครับ เพราะตอนนั้นมีคนบอกมาว่าทองแดงมันเป็นสื่อนำสายสายฟ้า ไอ้ผมแม่งก็คิดว่าปากกาหัวสีทองแดงจะเป็นสื่อสายฟ้าด้วย กลัวว่าเขียนๆอยู่แล้วฟ้าจะผ่า ก็เลยไม่ใช้แลนเซอร์เลย



แต่มันก็มีแบบที่หัวสีเงินๆนะ รอบๆด้ามจะเป็น 2 เส้น แต่ผมก็ไม่ได้ใช้หรอก อ่ะกลับมาต่อ ซึ่งตลอดเวลาตั้งแต่ ป.4 จนถึง ม.ปลาย ผมก็ใช้ปากกาเส้นหนาๆมาตลอด


แต่พอเจอ The DOG  นี่แบบโอ้วนี่คือประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอ เหมือนแบบเกิดมาจน 12 ขวบ กินแต่ไข่เจียวกับซอสมะเขือเทศมาตลอดแต่พอเจอ น้ำจิ้มไก่ตราแม่ประนอมเท่านั้นแหละ โอ้ว มายก้อดด


ไม่ได้บอกว่าซอสมะเขือเทศไม่ดีนะ แต่เหมือนแบบตอนเด็กๆเราก็ชอบกินของหวานๆอ่ะ แล้วพอเจอมาเจอน้ำจิ้มไก่หวานๆนี่แบบโว้วนี่แหละที่ตามหา



อ่ะกลับมาเรื่องปากกาต่อซึ่งตอนแรกที่เห็นเส้นปากกาแล้วผมนี่แบบ โอ๊ะแม่เจ้า 0.38 เส้นบางเจี๊ยบเขียนก็โคตรลื่น ( บางอันก็ฝืดชิบหาย ) คือรู้สึกไม่เกะกะตานะ ( คิดไปเอง ) เวลาเขียนและอีกอย่าง



เพราะตรงด้ามมันมีรูปหมาไง เพราะตอนเด็กๆผมชอบหมาโกเด้นมาก ก็ติดมาจากดูหนังเรื่อง ซุปเปอร์หมากึ๋นเทวดา นั่นแหละครับ ด้วยเหตุทั้งนี้ทั้งนั้น ผมจึงยอมควักเงิน 15 บาท


เพื่อไปซื้อปากกา The Dog มาใช้และเป็นสาวกตั้งแต่นั้นมา แต่ถามว่าใช้จนหมดแท่งมั้ย..... ผมว่าเราข้ามคำถามนี้ไปเถอะครับ แต่เหนือสิ่งอื่นใดปากกาที่ดีที่สุดที่ผมเคยใช้มา คือปากกาของเพื่อนครับ ไม่รู้เป็นอะไร มันลื่นกว่าของผมแทบทุกแท่งเลย ขอบคุณครับ


อ่ะกลับมาปัจจุบัน ผมเดินถ่ายรูปไป จดไป ว่าพวกเราสามารถเดินมาได้ถึงตรงไหน และตรงไหนต้องทำกิจกรรมอะไรบ้าง ฐานแต่ละฐานต้องใช้เจ้าหน้าที่ประจำฐานกี่คน


ผมเดินมาจนสุดเขตของอมรพันธ์วิลล่า ( ณ ตอนนั้น )  แล้วก็นั่งรับลมครับ เฮ้อออ เส้นขอบทะเลตัดกับเส้นขอบฟ้า นี่มันก็สวยจริงๆนะ



แดดก็กำลังดี ครึ้มๆฝน ผมก็นอนเลยทีนี้ เปิดเพลงฟังไปอีก อย่างที่บอกผมมีเครื่องฟัง MP3 รุ่นพระเจ้าเหาอยู่ เลื่อนแต๊ก แต๊ก แล้วฟังเพลงที่เลือก



อ่าาส์ ฟังยังไงก็ไม่เบื่อ ฉากในตำนานยังประทับใจไม่หาย นางเอกลงจากรถของเสี่ยมแล้วพระเอกยื่นหน้าเอ๋อเลย  ทาคุมิ๊ !!!  เอ้าเพลงมา




ผมชอบเสียงเสียงของเจย์โชว์จัง ถามว่าฟังรู้เรื่องมั้ย ก็ไม่ แต่ผมชอบน้ำเสียงของเขาจัง ยิ่งท่อนฮุคนี่แบบ เอื้อออ คือด้วยอะไรหลายๆอย่าง


เหตุการณ์ต่างๆที่พบเจอ ฉากที่ผมยืนเอ๋อ เจอแฟนเก่าจูบกับผู้ชายคนใหม่ เฮ้อ ทำไมมันเหมือนกับฉากนี้แท้น้อ ต่างกันแค่ผมไม่ได้วิ่งสับตีนแตก


และเชื่อเถอะว่าต่อให้ผมวิ่งแบบบักทาคูมิ แฟนเก่าผมก็คงไม่วิ่งตามเรียก โทน โทน หรอก อ่ะๆๆออกทะเลไปหลายไมล์ละกลับมาๆๆ  ผมนอนเอาสมุดหนุนหัว มองฟ้าไปเรื่อยๆ





ผมหลับไปแปปนึงมั้ง ก็รู้สึกว่าเพลงมันเปลี่ยนไป แล้วตอนนั้นแหละ ก็ได้ยินเสียงคนบ่น


เรียกไม่ได้ยินเหรอ


ผมสะดุ้งลุกเลยตอนนั้น พอมองไปรอบๆตัวก็เห็นว่าเป็นเหมียวครับ ผมก็ถอดหูฟังออกแล้วถามว่ามีอะไร


[ เหมียว ]  :  พี่จักรให้มาช่วยอ่ะ


[ ผม ]  :  ไม่มีอะไรหรอก เราทำคนเดียวได้


[ เหมียว ]  :  อีกและ ปฏิเสธน้ำใจอีกและนายหน้าบึ้ง


เหมียวพูดแล้วก็แบบนั่งพรวดลงมาข้างๆเลย แม่มเอ๊ยทรายเกือบเข้าหน้า ผมก็แบบโวยวายว่าเฮ้ยทำไรเนี่ย โวยวายแบบจริงจังเลยนะ


แต่ดูเหมียวจะไม่ได้สนอะไรเลยครับ เธอบอกว่าอะไรเนี่ยแค่นี้เอง ถ้าทรายเข้าตาเดียวเราเป่าออกให้ก็ได้ เฮ้อปวดกบาล เหมียวลงมานั่งใกล้ๆ


แล้วถามว่าอู้งานเหรอ ผมก็บอกนะว่าเปล่าแค่นอนพัก แล้วเราก็เงียบพร้อมๆกัน มีแค่เสียงลม เสียงคลื่นทะเล เสียงคนจอแจ ๆ และเสียงเพลงจากหูฟังที่มันยังเล่นอยู่


[ เหมียว ]  :  ทำไมเดี๋ยวนี้โทนไม่ค่อยคุยกับเราเลยล่ะ เมื่อก่อนยังไปไหนมาไหนกันบ่อยๆเลย


[ ผม ]  :  เปล่า ( หันหน้าหนี ) ก็งานมันเยอะมั้ง กลับบ้านก็ลำบาก


[ เหมียว ]  :  โห้ !!! ได้ข่าวว่าหอพักที่พระราม 3 เดินทางสะดวกจะตาย อ้างอ่ะ


เฮือก !!! จบแล้ว อารมณ์เหมือนแบบพยายามแถจนสีข้างถลอก แต่ก็ยังโดนตามทันอ่ะ ซึ่ง พอเป็นแบบนั้นผมก็เงียบเลยทีนี้ อ่ะพอคิดอะไรไม่ออกผมก็หยิบหูฟังขึ้นมาฟังต่อครับ และจังหวะนรกก็มา


* เนื้อเพลง *

ที่มองไม่เห็นทาง อาจจะช้ำ ผิดหวัง ชั้นไม่อยากฝันไกล ขอแค่ขอบบบบบ  ใจ แบ่งให้ชั้นได้มั้ยเธอ



อื้อหือ เพลงนี้มันก็รันมาซะถูกเวลาเชียวนะ อย่างที่รู้ อย่างที่ผมบอกไปในหลายๆตอนว่าในช่วงมหาวิทยาลัย ศิลปินที่ที่มีอิทธิพลต่อตัวผม


ทั้งเรื่องทรงผมและการแต่งตัว คือ Potato เพราะงั้นมันก็ไม่แปลกจริงมะ ที่ผมจะโหลดเพลงมาใส่เครื่อง แต่ทำไมน๊อถึงมาผิดเวลาจริงๆวุ๊ยเพลงนี้


เหมียวก็นั่งพิงไหล่ผมไปเรื่อยครับ จนกระทั่งเธอก็ถามว่าฟังเพลงไรอ่ะ ฟังมั่ง แล้วคุณเธอก็หยิบหูฟังที่ว่าง จับใส่หูไปเลย


แค่ได้รู้ว่าเธอมีชั้นอยู่ แม้ไม่ใช่ตรงกลาง " หัวใจ "


อื้มหืม มันจะจังหวะซิทคอมมากไปละ แล้วตอนนี้คือใจแม่งเต้น ตึ้กๆๆๆๆเลยครับ แบบทำอะไรไม่ถูกเลยตอนนั้น จากที่เครียดๆซึมๆ เรื่องพี่หมิว


ดันมาเจอเหมียวทำแบบนี้ใส่ เฮ้อ สงสารหัวใจผมมั่งเถ๊อะ ผมก็บอกเหมียวนะว่าเดี๋ยวคนก็มาเห็นหรอก เหมียวตอบกลับมา ว่า


ก็เห็นหมดแล้วนั่นน่ะๆๆๆ เดินเต็มไปโม๊ดด ที่นี่ไม่มีคนที่ออฟฟิศหรอก กลัวไรเนี่ย หรือกลัวคุณประดับดาวรู้


ผมนี่แบบเฮ้อ เอาไงน้อแม่คุณ ทำไมมาแบบน๊าน เหมียวพูดมาอีกครับ ว่าขอนั่งนิ่งๆอีกแปป เหนื่อยจัง ผมก็ถามนะว่าเป็นไรเนี่ย เหมียวก็ตอบว่า


" เป็นคนสวย "




ΜoNoTΩИ∑ ★★★


John Snoww


seamasterza

ลงสองตอนติดเลย ไม่ต้องสำนึกผิดขนาดนั้นก็ได้คับ รักษาสุขภาพด้วยคับ

neimuchan

อ๊ะ มาไวแฮะรอบนี้ ตอนนี้มัน ผู้บ่าวกินแมวนี่นา 555



อ่านไป อ่านมา ไม่ใช่ละ นี่มัน แมวกินผู้บ่าวชัดๆ -*-
จริงๆแล้วมี ID เก่า แต่ดันจำ password mail เก่าไม่ได้เลยต้องสมัครใหม่ -*-

st23652

เรื่องมันเศร้า เหมือนละครไทยเลย พระเอกปากหนักไม่พูด นางเอกก็ไม่ชัดเจนนน แต่ตอนจบจะเหมือนกันหรือเปล่า

elelle

สรุปอย่างที่หมิวว่าละ นายโทนต้องหน้าตีดีประมาณนึงละ แต่ถ่อมตัว สาวๆเลยเข้ามาเยอะ อิจฉาล้วนๆ ไม่มีไรมาก

Mubin9999



Ke2l3e2oS

แสบๆ อ้อนๆ กวนๆ แบบนี้ เหมือนเอานางมารน้อย กับเจ้าหญิงน้ำแข็ง ผสมกันหน่อยๆ นะเนี่ย ถึงจะไม่สุดโต่งแบบ 2 คนนั่นก็เถอะ

บรรยากาศเป็นใจแท้น่อออ

**อมรพันธ์ ครอบครัวผมไปบ่อยมาก ไปล่าสุด เมื่อ 2 3 ปีที่ผ่านมานี่เอง มื้ออาหารมีมื้อเย็นเปลี่ยนไป อารมณ์เหมือนโต๊ะจีนซีฟู๊ด แทนครับ


Sirothon Ngamkulkrisri


Raymond

ผมก็เคยอยู่ในสภาพของโทนนะ แต่ผมกลับคิดว่าถ้ามีโอกาสผมจะบอกเขา

เสียดายตรงที่เขาดันไปฟังคนอื่นบอกเขาว่าเราน่าจะแอบชอบเขา เหมือนที่พี่ตั้มบอกโทน แล้วนางก็เฟดตัวหายไป

Edit : โอย พ่อโทน พ่อเจ้าประคุ้นนนน ทำบุญมาด้วยอะไร มีสาวมาให้ตัลหลอด

kake08

2ตอนติดเลย อย่าว่าอย่างโน้อย่างนี้เลยนะขอ3ตอนติดเลยได้ไหม อือิ