ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 14

เริ่มโดย เจตภูติ, กุมภาพันธ์ 03, 2021, 01:58:52 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

คุยกันก่อนอ่าน ขอบคุณทุกท่านที่คอยอ่าน คอยเม้น คอยสนับสนุน คอยเป็นกำลังใจให้เจษฎาและผมด้วยนะครับ เพื่อได้อ่านผลตอบรับแล้วมันก้มีแรงให้เขียนต่อ ขอบคุณมากๆ ครับ มีการซ่อนเนื้อหาช่วงท้ายเช่นเคย

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 14

ทศพลใช้เวลาจ้องมองไปที่โทรศัพท์มือถืออยู่นานก่อนจะตัดสินใจที่จะกดโทรออกไปเพื่อจะต่อสายไปหาคนที่เขารู้กลัวและเกรงใจที่จะสนทนาด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะนี่เป้นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาได้รู้ในสิ่งที่ต้องการเขาก็คงจะไม่ทำ

"สวัสสีดีครับคุณพ่อ"

"อืม...มีเรื่องอะไรก็ว่าไป" ชายสูงวัยที่ปลายสายตอบรับอย่างห้วนๆ ไม่ค่อยสบอารมณ์คู่สนทนาที่ไม่พึงประสงค์สักเท่าไหร่

"คือดิวเขาไม่รับสายผมนะครับ ข้อความไปก็ไม่อ่าน ไม่ทราบว่าพ่อจะให้ดิวมาคุยกับผมได้ไหมครับ" ทศพลรีบสาธยายเหตุผลไม่อยากพูดคุยกับชายปลายสายนานเกินไป เพราะไม่อยากเผยพิรุธในเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะเขาเป็นต้นเหตุ จนทำให้ภรรยาคนสวยหรือก็คือลูกสาวของเจ้าของหมายเลขนั้นหอบผ้าหอบผ่อนย้ายอออกจากบ้าน ร่วมถึงอาการมึนๆ จากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ย้อมใจก่อนจะกดโทรออก

" ตอนนี้ดิวไม่ได้อยู่ที่บ้านพ่อหรอก พ่อให้ดิวไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างจังหวัดสักพัก"

"ไปที่ไหนครับ"

"พ่อว่าทศอย่าเพิ่งตามไปหาจะดีกว่า พ่อไม่รู้หรอกนะว่าพวกลูกมีปัญหาอะไรกัน แต่ทศก็ต้องให้เวลาดิวเขาหน่อย  เอาไว้ให้ดิวเขาให้สบายใจก่อนค่อยมาเจอกันนะ" ชายสูงวัยถึงจะไม่ชอบใจในตัวลูกเขยเพราะข่างลือแย่ๆ ก่อนที่จะมาแต่งงานกับลูกสาวของเขา จนกระทั่งวันที่ลูกสาวเขาหอบเสื้อผ้ากลับมาอยู่บ้านมันทำให้เขาให้เขาโมโหอยู่บ้าง แต่ก็ยังพยายามสะกดกลั้นโทสะและใช่คำพูดที่นุ่มนวลสุภาพ เพื่อรักษาน้ำใจเห็นแกที่เขาทำตัวดีมาตลอดชีวิตแต่งงาน

"...ครับคุณพ่อ สวัสดีครับ" ทศพลจำใจต้องวางสายไม่กล้าที่จะดื้อดึงสอบถามอระไรต่อเพราะเขาทั้งกลัวทั้งเกรงใจพ่อตาอดีตข้าราชการระดับสูงเป็นอย่างมาก

ทศพลวางสายได้แต่นั่งทอดถอนใจ กลับมาดื่มเหล้าเผากลุ้มต่อขณะที่นั่งอยู่ในบ้านที่มืดมิดว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวามีเพียงแสงไฟจากโคมไฟโต๊ะทำงาน จนกระทั่งมีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นมาทำลายความเงียบและดึงความสนใจของเขาออกจากกองของความทุกข์ ทศพลมองหน้าจอโทรศัพท์ในตอนแรกยังนึกดีใจว่าพ่อนั้นเห็นใจจนช่วยไปติดต่อประสานกับภรรยาให้ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อหมายเลขที่แสดงไม่ใช่เบอร์โทรที่เขาอยากจะเห็น แต่ก็เป็นเบอร์โทรที่เขาจำเป็นต้องรับสาย

"สวัสดีทศ สะดวกคุยไหม" เสียงชายวัยกลางคนที่ปลายสาย ทักทายทศพลอย่างคนคุ้นเคย

"คุยได้ครับพี่ มีเรื่องอะไรเหรอ"

"คือพี่อยากให้ทศช่วยจัดโปรแกรมกิจกรรมแล้วก็ไปดูสถานที่ที่จะพาลูกค้าจากต่างประเทศไปพักผ่อนห้หน่อยได้ไหม"

"แล้วคนที่ทำอยู่ก่อนละครับ"

"เขาเกิดป่วยกระทันหันเข้าโรงบาลไปแล้ว ทศช่วยพี่หน่อยนะ นี่ลูกค้ารายสำคัญของเรา ทศเข้าใจที่พูดใช่ไหม"

"ก็ได้ครับพี่ เดี๋ยวผมไปให้พรุ่งนี้เลย"

"ขอบใจมากนะ แล้วทศจะอยู่พักผ่อนต่อเลยก็ได้นะ ใกล้วันหยุดพอดี เดี๋ยวค้าใช้จ่ายมาเบิกเอาได้เลย"

"ขอบคุณครับพี่"
..................................................


ในร้านอาหารกับบรรยากาศที่ร่มรื่นในยามค่ำคืน มีดนตรีสดฟังสบายๆ กับรสชาติอาหารที่ชวนชิมและเครื่องดื่มเลิศรสทั้งมีและไม่แอลกอฮอล์ รายล้อมด้วยแมกไม้นานาชนิดให้ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ ผู้คนในร้านต่างนั่งกินดื่มผูดคุยกับเพื่อนฝูง หรือกับครอบครัว พร้อมกับฟังเพลงเพราะๆ ไปด้วย

"ช่วงนี้พวกอาจารย์เป็นอะไรกัน ชอบแอบไปทำอะไรกันสองคน ดูมีลับลมคมในชอบกล อย่างทิ้งผมไว้คนเดี๋ยวสิ" ปิยะพงษ์ออกปากบ่นน้อยใจ เพราะรู้สึกว่าตั้งแต่อาจารย์ของเขาพาน้องชายมาอยู่ด้วยก็มักจะมีเรื่องแอบไปคุยแอบไปทำกันสองคนอยู่บ่อยจนเหมือนเขาเป็นคนนอกมากขึ้นไปทุกที

"ทิ้งเทิงอะไรที่ไหน เวลาไปที่ไหนสำคัญๆ พี่เจษก็พาเปี๊ยกไปด้วยตลอด อย่างคิดมาก เอากินเยอะๆ" อ๊อดปลอบใจพร้อมกับตักยำรสแซ่บใส่จานให้ปิยะพงษ์กินแกล้มเครื่องดื่มบั่นทอนสติปัญญา

"ไม่จริงอะ เวลาทำพิธีอะไรก็ไล่ผมออกมาข้างนอกตลอด" ชายหนุ่มยังคงกระฟัดกระเฟียดราวกับเป็นเด้กน้อยโดนเพื่อนแกล้งไม่ให้เข้ากลุ่ม ทั้งที่อายุก็ไม่น้อยแล้ว จนชายที่นั่งร่วมโต๊ะต้องกลั้นความขบขันกลัวว่าจะน้อยใจไปมากกว่าเดิม

"ก็พิธีมันต้องทำกันตัวต่อตัวถึงจะขลัง เปี๊ยกต้องเข้าใจนะ" เจษฎาพยายามอธิบาย

"แถมยังไม่ยอมสอนอะไรให้ผมเลยด้วย ผมอยากมีวิชาอาคมติดตัวบ้างนี่" ชายร่างสันทัดเปิดเผยความต้องการที่แท้จริง

"เปี๊ยกต้องอดทนนะ ตอนนี้เปี๊ยกยังไม่พร้อม ขั้นแรกคือเปี๊ยกต้องฝึกนั่งสมาธิผึกจิตเสียก่อน คาถาอาคมถึงจะฃลังขึ้นมาได้ ถ้าจิตเปี๊ยกไม่นิ่งพอ เรียนวิชาอะไรมันก็จะย้อนมาทำร้ายตัวเอง ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีกับเปี๊ยกนะ" เจษฎายกเหตุผลมาอ้างตามที่เคยอ่านมาจากอินเตอร์เน็ต เพียงแค่เพราะเขาไม่มีวิชาอะไรจะสอนให้ ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าร่างกายตัวเองทนทานแรงกระสุนได้จริงๆ หรือเปล่า ถ้ามีใครมาท้าลองของแค่ให้เอาไม้ตีหัวเขาก็ยังไม่อยากจะเสี่ยงเลยด้วยซ้ำ

"ผมไม่เห็นอาจารย์นั่งสามธิเลย ไม่ได้ถือศิลด้วย" ตอนนี้ปิยะพงษ์ยังอยู่ในวัยใจร้อน จิตเร่งรีบ จะให้มานั่งนิ่งฝึกสมาธินั้นดูจะฝืนเกินกำลัง จึงหาข้ออ้างที่จะช่วยให้เขาได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากจอมขมังเวทย์ที่เขาศรัทธา
"อาจารย์ก็ทำสมาธิอยู่ตลอดแหละ แค่เปี๊ยกดูไม่ออก พอเราฝึกสมาธิจนเชียวชาญทำอะไรอยู่เราก็เข้าสมาธิได้ แล้วสามาธิที่เราฝึกเนี้ยมีจุดประสงค์ต้องการแค่สร้างพลังจิตอย่างเดียว ไม่ได้ต้องการหลุดพ้นกิเลศเหมือนพระสงฆ์ ไม่ถือศิลก็ไม่เป็นหรอก แต่การถือศิลนั้นก็ทำให้เข้าสมาธิได้ขึ้น" เจษฎาร่ายยาวไปเรื่อยเพื่อกลบกลื่อน

อ๊อดถึงหันหน้าหนีไปมองทางาอื่น แอบยิ้มกับข้ออ้างปลอมๆ ของเจษฎาที่พยายามจะถ่วงเวลาหาเรื่องไม่สอนวิชาปิยะพงษ์ แม้แต่เรื่องที่เจษฎาโดนยิงแต่ไม่เป็นไรเขาก็คิดว่าชาวบ้านนั้นเข้าใจผิดกันไปเอง

"แต่ช่วงนี้ที่ร้านขายดีมากเลยนี่ นั้นก็ฝีมือพี่เจษทำให้นะ" อ๊อดช่วยเสริมให้ ถึงเรื่องจริงจะไม่ได้เกี่ยวกับพลังลี้ลับหรือวิชาเวทย์แต่อย่างใด

"ขายดีก็จริง แต่ผมไม่อยากลำบากขายก๋วยเตี๋ยวแล้วนี่พี่อ๊อด"

"มันไม่มีงานอะไรไม่ลำบากหรอก ม้แต่ที่ฉันกำลังทำอยู่ก็เหมือนกัน ลาภยศ สรรเสิญมาอยู่กับเราแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสื่อมไป ความดีความขยันสิจะอยู่กับเราไปตลอด ถ้าเปี๊ยกอยากเรียนวิชาก็ต้องตั้งใจทำงานแล้วก็ขยันฝึกสมาธิถึงมันจะลำบากก็ตาม ถ้าเห็นว่าเปี๊ยกพร้อมเมื่อไหร่ ฉันจะรีบถ่ายทอดวิชาให้ทันทีเลย" เจษฎาพยายามกล่อมต่อไป

"งั้นอาจารย์ ให้ของอะไรไว้ผมติดตัวบ้างสิครับ" ปิยะพงษ์ทำหน้าน้อยใจเหมือนเด็กอ้อนขอของเล่น

"ก็ได้ ก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้เอาของมา ไว้ถึงบ้านจะเอาให้" เจษฎารับปากอย่างเสียไม่ได้ เพื่อตัดรำคาญ

"แน่นะอาจารย์" ปิยะพงษ์มีท่าทีร่าเริงขึ้นมาทันตา เมื่อได้ยินคำตอบถูกใจ

"แน่สิ เอาถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวเป่ากระหม่อมเสริมดวงให้ก่อนเลย" พูดจบเจษฎาก็กวาดมสายตาไปทั่วร้านเหมือนจะเขินที่ต้องมาทำอะไรแบบยี้ในที่่ี่มีคนอยู่มากมาย ก่อนกุมศรีษะของปิยะพงษ์แล้วเป่าลมใส่พวดใหญ่ เป็นการแกล้งงทำเพื่อให้ปิยะพงษ์หยุดงอแงเสียที

"จะว่าไปเห็นวันๆ พี่อ๊อดเอาแต่หมกอยู่ในห้อง ในห้องก็คอมพิวเตอร์เยอะแยะเลย พี่ทำอะไรเหรอ" ปิยะพงษ์หันมาหาอ๊อดเปิดประเด็นใหม่

"พี่ทำงานเกี่ยวกับการลงทุนนะ"

"ลงทุนอะไรเหรอ"

"เอิ่มมมม...จะว่ายังไงดี...ก็พวกเงินที่ชาวบ้านเขาเอามาทำบุญ กับค่าครูนะ" อ๊อดเลดเสียงพูดลง เพราะไม่อยากให้ใครได้ยินเรื่องการจัดการเงินที่เข้าใช้เป็นข้ออ้างอย่ากระทันหัน ส่วนหนึ่งก็เพราะอายด้วยที่คิดเรื่องราวได้แค่นี้

"เอ๋...เงินทำบุญก็ต้องลงทุนด้วยเหรอ" ปิยะพงษ์ยังคงไม่หยุดความสงสัย

"เอออออ...เปี๊ยกลองคิดดูนะ ถ้าเราเอาเงินที่ได้จากชาวบ้านไปทำบุญหรือบริจาคเลยทันทีเนี้ยเงินมันก็จะหมดไปเลยใช่ไหม แล้วถ้าวันหนึ่งชาวบ้านเขาเดือดร้อนจนไม่เหลือเงินมาทำบุญที่นี้จะทำยังไง แต่ถ้าเราเอาเงินนั้นไปลงทุนแล้วใช้ดอกใช้ผลไปทำบุญ เราก็จะทำบุญได้เรื่อยๆ นี่เรียกว่าการทำบุญอย่างยั้งยืนยังไงละ" อ๊อดอธิบายเรื่องโกหกอย่างมีหลักการ

"อ้อ เข้าใจแล้ว" ชายหนุ่มทำหน้าเหมือนเข้าใจไปอย่างงั้นความจริงแล้วเขาเองก็คิดตามไม่ทันแต่อย่างใด

คราวนี้เป็นเจษฎาที่หลบหน้าไปอมยิ้ม ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดี๋ยวจนหมด ไม่คิดว่าอ๊อดจะลื่นเหมือนปลาไหลได้ไม่ต่างจากเขา และท่าทางของปิยะพงษ์ก็จะเชื่อเสียด้วย พวกเขานั่งกินดื่มพูดคุยกันไปเรื่อยๆ จนวลาใกล้เที่ยงคืนก็เช็คบิลเตรียมตัวกลับ
..................................................


พอเริ่มดึกเหล่านักเที่ยวและผู้ที่มาสังสรรค์ก็เริ่มทะยอยกลับบ้าน บางส่วนก็ไปต่อที่สถานบันเทิงที่เปิดเพลงเร้าใจและปิดช้ากว่า ในระหว่างที่ปิยะพงษ์กำลังจะเดินกลับไปที่รถเพื่อจะไปรอเจษฎาและอ๊อดที่เข้าห้องน้ำอยู่

"ช่วยด้วย!" ปิยะพงษ์หันไปตามเสียงขอความช่วยเหลือก็สังเกตุเห็นสิ่งผิดปกติตรงมุมของลานจอดรถ เป็นชายหญิงกลุ่มหนึ่งกำลังทะเลาะกันอยู่ ไม่รู้เพราะเครื่องดื่มมึนเมาที่ดื่มไปก่อนหน้า หรือความมั่นใจผิดปกติหลังจากถูกเป่ากระหม่อมก็ไม่ทราบได้ เขารีบเดินเข้าไปหาคนกลุ่มนั้นทันที

"นี่ทำอะไรกันนะ" ปิยะพงษ์ร้องเรียกเสียงดังตั้งใจจะเข้าไประงับเหตุ

หญิงสาวใบหน้าคมตาดุดูสวยเก๋เข้ากับรูปร่างปราดเปลียวเพรียวงาม ในชุดบอดี้สูทสีเลือดหมูแขนสั้นเว้าหลังโชว์ผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดคู่กับกางผ้าพลิ้วๆ สีขาวทับในดูสง่า ที่กำลังจะโดนทำร้ายสะบัดแขนออกจากมือชายตัวใหญ่วิ่งเข้าไปหลบหลังปิยะพงษ์อย่างตื่นกลัว

"เรื่องนี้มึงไม่เกี่ยวอย่าเสือก" ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่สองคนสภาพมึนเมาพอสมควรตวาดขู่ใส่ปิยะพงษ์อย่างโกรธเกรี้ยว

"ไม่เกี่ยวได้ไง ก็คุณจะทำร้ายผู็หญิง นี่คุณไม่อายบ้างเหรอ"

"อ้าวไอ้นี่ปากดี งั้นกูไม่ทำผู้หญิง ทำมึงแทนละกัน"

"อ้าวทำไมพูดจายังงั้นละครับ"

ชายร่างสูงราวๆ หนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรลำตัวหนาเดินตรงเข้ามาหาปิยะพงษ์อย่างมีอารมณ์เกรี้ยวกราด อาจเพราะปิยะพงษ์ที่สูงเพียงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรดูมีกล้ามเนื้อแต่ก็ตัวเล็กกว่าอยู่พอสมควรเลยคิดว่าน่าจะจัดการได้ง่าย ก่อนจะชกเข้าใส่ไปที่ใบหน้าของปิยะพงษ์

"ผัวะ!..." กำปั้นใหญ่พุ่งตรงเข้ามา ปิยะพงษ์โยกดึงศรีษะไปด้านหลัง แต่เพราะมีอาการมึนเมาอยู่นิดหน่อยจึงทำให้กะระยะผิดจนหลบไม่พ้น ปลายหมัดเข้าปะทะที่โหนกแก้มแม้จะไม่ได้โดนเข้าอย่างจัง แต่ก็ส่งผลให้ร่างเซไปตามแรงหมัดจนเกือบล้ม โดยที่รอยแผลถลอกจากแหวนโลหะที่ชายนักเที่ยวสวมอยู่ไว้ที่ใบหน้า

"มึง..." ปิยะพงษ์เลือดขึ้นหน้าหันควับกลับมาก็ต้องพบกับกำปั้นใหญ่พุ่งเข้าตามมาติๆ แต่หลังจากที่ได้เสียเลือดไปด้วยหมัดก่อนหน้า สติสัมปชัญญะก็กลับมาเกือบจะเต็มร้อย คราวนี้สามารถดึงร่างหลบพ้นช่วงชกไปได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะตั้งหลักปล่อยหมัดฮุกสั้นๆ แต่ทว่าหนักหน่วง เข้าไปที่ชายโครงของนักเที่ยวร่างสูงใหญ่ เพียงหมดเดียวก็ส่งร่างของชายคู่ชกลงไปกองกับพื้น สองมือกุมท้องแสดงอาการจุกเสียดหายใจไม่ออก

ชายนักเที่ยวที่มาด้วยเห็นว่าเพื่อนกำลังเสียท่าก็ปรี่เข้ามาช่วย ด้วยการกระโดดถีบ แต่ก็ไม่เข้าเป้าปิยะพงษ์โยกหลบได้ทัน ก่อนจะใช้กำปั้นขวาข้างเดียวกันกับที่ส่งเพื่อนของเขาลงไปกอง ชกเข้าใส่กลางลำตัวส่งผลให้คนที่เข้ามาทีหลังลงไปกองอยู่ในสภาพเดียวกัน

"พี่เจษ เปี๊ยกมันเป็นมวยด้วยเหรอ" อ๊อดที่กำลังเดินตามไปที่รถเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจากระยะไกลหันไปถามเจษฎาด้วยสีหน้าประหลาดใจ เพราะท่วงท่าการออกหมัดของชายหนุ่มเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเหมือนได้รับการฝึกฝนมา

"ไม่รู้สิ แต่ว่าเหมือนจะเคยบอกว่าเคยทำงานที่ค่ายมวยของกำนัน คงมีคนหัดให้มั้ง แต่รีบเข้าไปห้ามก่อนดีกว่า" เจษฎาตอบอย่างใจเย็นขณะปิยะพงษ์กำลังก่อเรื่องอยู่ก็ตาม ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้าไปห้ามปราม

"พอได้แล้วเปี๊ยก พาคุณเขาหลบออกไปก่อน เดี๋ยวทางนี้พวกฉันจัดการต่อเอง" เจษฎากับอ๊อดที่เดินตามสมทบรีบเข้าไปกันตัวปิยะพงษ์ที่กำลังของขึ้นและหญิงสาวที่ดูตื่นกลัวออกจากจุดเกิดเหตุก่อนเรื่องราวจะบานปลาย โดยที่นักเที่ยวสองคนยังนอนจุกลุกไม่ขึ้น

"แล้วพวกคุณไม่ไปด้วยเหรอคะ" หญิงสาวหันมาถามด้วยสีหน้าแสดงความเป็นห่วง

"พวกผมไม่เป็นไรหรอกครับ คุณรีบไปก่อนดีกว่า" เจษฎาพูดไปก็โบกมือเป็นสัญญาณให้คนทั้งคู่ออกไปก่อน ปิยะพงษ์ก็ดึงมือหญิงสาวเบาๆ ไปที่รถของอ๊อดแล้วขับออกไปตามคำสั่งของอาจารย์อย่างขัดไม่ได้แม้จะยังโมโหอยู่

"มาจัดการเรื่องนี้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวเรื่องไปถึงตำรวจมันจะวุ่นวาย" หลังจากที่คนทั้งคู่ออกไปจากลานจอดรถเจษฎาก็หันไปคุยกับอ๊อดด้วยเสียงเบา ก่อนจะก้มลงไปมองชายสองคนที่นอนจุกจนตัวงอเป็นกุ้งใกล้ๆ เขา
..................................................


ปิยะพงษ์ที่คืนนี้รับบทพระเอกช่วยหญิงสาวจากเหตุการณ์คับขัน ก็พาหญิงสาวมาส่งยังที่โรงแรมใหญ่ที่พักตามคำขอร้องของเธอ ชายหนุ่มรู้สึกดีใจและเคอะเขินนิดหน่อยที่ต้องมาโรงแรมกับสาวสวยสองต่อสองเป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะก่อนหน้านี้ชีวิตของเขาวุ่นวายอยู่กับการหาเงินใช้หนี้จนสูญเสียช่วงเวลาวัยรุ่น และห่างไกลเรื่องความสัมพันธ์ทั้งหลายกับผู้หญิง จนกระทั่งเจษฎาเข้ามาช่วยเหลือจนเขาได้มีโอกาสพบเจอประสบการณ์ใหม่ สายตาของเขาแอบมองไปที่คนสวยที่นั่งข้างๆ อย่างหลงไหล

"ขอบคุณมากเลยนะคะที่เข้ามาช่วยคุณ..." หญิงสาวทิ้งเสียงเปิดช่องให้ชายหนุ่มได้แนะนำตัว

"ไม่เป็นไรหรอกครับแค่นี้เล็กน้อย เรียกผมว่าเปี๊ยกก็ได้"

"ฉันธิช่าค่ะ ขึ้นไปดื่มอะไรก่อนไหมคะ" หญิงสาวแนะนำตัวบ้าง

"เออ..." ปิยะพงษ์อ้ำอึ้งใจหนึ่งก็ไม่อยากปฏิเสธ อีกใจก็ไม่ค่อยกล้า

"นะคะ จะได้ทำแผลให้ด้วย" กันธิชาออกปากเชื้อเชิญซ้ำอีกครั้ง เธอเลือกชายคนนี้เป็นเครื่องมือเพราะเขาดูเป็นคนซื่อๆ มากที่สุดในกลุ่ม น่าจะง่ายต่อการใช้งาน และไม่อยากจะเขาประชิดเป้าหมายอย่างเจษฎามากไปเกรงว่าเขาจะไหวตัวทัน

...ของอาจารย์นี่โคตรดี เป่าหัวทีเดียวก็มีหญิงเขามาเลยเว้ย...

"ก็ได้ครับ" ปิยะพงษ์ยิ้มรับข้อเสนอ
..................................................


"น้องๆ เป็นยังไงบ้าง" อ๊อดเข้าไปตรวจดูอาการ แสดงความเป็นห่วง ชายสองคนที่นอนอยู่กับพื้นปูนที่ลานจอดรถ

"อูยยย... มึง..." ชายตัวโตหันมาจะเอาเรื่องอ๊อดเพราะโดนเพื่อนของชายตรงหน้าทำร้ายจนเกือบจะส่างเมา

"ใจเย็นๆ ก่อนน้อง ค่อยๆ พูดกันนะ" เจษฎายกมือขึ้นห้ามไม่ให้ชายร่างใหญ่ที่ทำท่าจะลุกขึ้นเข้ามาทำร้ายอ๊อด

"ใจเย็นเหี้ยไร ดูที่เพื่อนมึงทำกับพวกกูก่อน" ชายหนุ่มจะตะโกนออกมาอย่างโมโหจัด แต่ความจริงแล้วเขาก็แทบจะไม่มีแรงขยับตัวเพราะหมัดของชายหนุ่มร่างสันทัดนั้นหนักมาก จนเขารู้สึกเหมือนถูกฟาดด้วยค้อนปอน และความรู้สึกนั้นยังฝังแน่นอยู่ในลำตัวเขา แค่เขาออกเสียงเมื่อสักครู่นี้ก็ปวดไปทั้งชายโครง ซึ่งก็ไม่ต่างจากเพื่อนที่มาด้วยที่ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งหอบหนักๆ เอามือกุมท้องอยู่ไม่ไกล

"พี่ต้องขอโทษพวกน้องด้วย น้องชายพี่สติไม่ค่อยดี ยังไงก็ช่วยยกโทษให้เขาด้วยนะ" เจษฎายกมือไหว้ท่าทางจริงใจ ก่อนจะเริ่มพูดจาไกล่เกลี่ย

"เอานี่ครับ" อ๊อดหยิบเงินสดยื่นให้หลายพันบาทอย่างรู้ใจลองให้สินน้ำใจดูเผื่อจะช่วยให้เรื่องง่ายขึ้น

"อย่าหาว่าพวกพี่ใช้เงินฟาดหัวเลยนะ ขอร้องละอย่าเอาเรื่องมันเลย" เจษฎาก็รับลูกอย่างเข้าขาพูดจาให้ทั้งคู่ใจเย็นลง

ชายนักเที่ยวเมื่อเห็นเห็นเงินจำนวนมากสมสมควรก็อารมณ์เย็นลงมาทันที ยื่นมือไปรับเงินมาเก็บไว้เหมือนจะกลัวว่าหนุ่มใหญ่จะเปลี่ยนใจ

"ไม่เอาเรื่องก็ได้แต่แค่นี้มันไม่พอหรอก" ชายนักเที่ยวถือโอกาสต่อรอง

"ขอบคุณมากนะ น้องมีแอฟธนาคารไหม พี่ขอเลขบัญชีหน่อย"

"มีครับ นี่เลขบัญชี" ชายนักเที่ยวนอกจากอ่อนลงยังพูดจาสุภาพมากขึ้น เพราะเกรงใจการกระทำแปลกๆ ของเจษฎา ก่อนที่อ๊อดจะยื่นหน้าเขามาดูเลขบัญชีบนหน้าจอมือถือ แลัวจัดการโอนเงินเข้าให้ไปครึ่งแสนเป็นค่าเสียหาย ชายนักเที่ยวสองคนมองดูตัวเลขที่เข้ามาในบัญชีแล้วหันมามองหน้ากันก่อนจะหันกลับมองหน้าจอมือถืออีกครั้งด้วยสีหน้าตกใจ

"เอาไปเป็นค่ารักษาพยาบาลนะ พี่ต้องของคุณพวกน้องมากจริงๆ ที่ไม่เอาเรื่อง" เจษฎาตบไปที่ไหล่ของชายนักเที่ยวเบาๆ เหมือนเป็นการขอบคุณ

"ครับพี่ งั้นพวกผมไปก่อนนะ" ชายนักเที่ยวสองคนยิ้มรับก่อนจะขอตัวลายังยกมือไหว้หนุ่มใหญ่อย่างมีมารยาททั้งทียังดูเจ็บลำตัวอยู่
..................................................


"ผมว่ามันแปลกๆ นะ" อ๊อดมองชายสองคนเดินจากไปพร้อมกับเปรยออกมา

"เปี๊ยก ส่งข้อความมาว่าจะไปส่งผู้หญิงนั้น" เจษฎาอ่านข้อความแล้วบอกต่อกับอ๊อด

"ผมสังเกตุเห็นผู้หญิงคนนั้นแอบมองมาที่โต๊ะเราตั้งหลายครั้งแล้วพี่ ต้องมีเบื้องหลังอะไรแน่ๆ" อ๊อดออกความเมื่อมั่นใจแล้วว่าจะไม่มีคนอื่นได้ยิน

"ใช่พี่ก็เห็นเหมือนกัน คงมีใครใช้ให้เขามาตีสนิทกับพวกเรานั้นแหละ"

"แล้วปล่อยให้ไปกับเปี๊ยกแบบนี้ จะไม่เป็นอะไรเหรอ"

"คงไม่เป็นอะไรมั่ง พี่ง่วงแล้วเราก็กลับเถอะ"

"......แล้วจะกลับยังไงเปี๊ยกเอารถไปแล้ว" อ๊อดเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามแล้วใช้หน้านิ่งมองเจษฎา

"......เดี๋ยวลองใช้แอพเรียกรถดูละกัน" เจษฎาก็เงียบไปเหมือนกันก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้าเจื่อนๆ แล้วใช้มือถือขึ้นมาติดต่อหาบริการรถรับส่ง ซึ่งก็ไม่ค่อยแน่ใจว่ากลางดึกในต่างจังหวัดจะมีคนให้บริการอยู่รึเปล่า
..................................................


ปิยะพงษ์ตามสาวสวยขึ้นมาบนห้องพักด้วยใจตุบๆ ต่อมๆ การได้อยู่กับผู้หญิงที่สวยราวกับนางแบบในที่ลับตาคนแบบสองต่อสองช่างเหมือนความฝันสำหรับเขา หญิงสาวพาปิยะพงษ์ไปนั่งที่โซฟายาวของชุดรับแขกภายในห้อง ก่อนจะเข้าไปค้นกระเป๋าเดินทางแล้วหยิบถุงขนาดพอเหมาะซึ่งด้านมียาและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลแบบพกพาออกมานั่งลงข้างๆ แล้วเริ่มทำแผลให้ชายหนุ่ม

"พกของพวกนี้ติดตัวตลอดเลยเหรอครับ"

"ต้องเดินทางบ่อยนะคะ บางที่ก็ไปในที่ที่ไม่ค่อยมีของขาย ก็เลยต้องเตรียมพร้อมไว้ตลอด" สาวสวยจัดการหยิบข้าวของออกมาจากถุงเตรียมตัวจะทำความสะอาดแผลให้

"อ้อครับ...อุย...ซี๊ดดดด..." ปิยะพงษ์สะดุ้งตกใจเมื่อถูกสำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อสัมผัสที่แผลสดบนใบหน้า แต่ที่แดงกว่าแผลก็คืออแก้มของเขา ที่ตอนนี้เลือดจากหัวใจที่เต้นรัวแรงไม่รู้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หลือฤทธิ์กลิ่นกายหอมกรุ่นของสาวสวยผิวสีน้ำผึ้งกันแน่ ที่ส่งมาหล่อเลี้ยงใบหน้าของเขาอย่างมากมายผิดปกติ

"โธ่เจ็บจนหน้าแดงเลย ขอโทษนะคะ" สาวสวยเองก็สังเกตุเห็นความผิดปกติด้วยเช่นกัน

"ไม่เจ็บครับ แค่ตกใจ เออ...ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า" ปิยะพงษ์พรวดพราดลุกขึ้นทันที รู้สึกลัวขึ้นมากระทันหันเพราะยังไม่ได้เตรียมใจ

กันธิชาใช้มือเรียวคว้าขอมือกำยำของชายหนุ่มไว้ได้ทัน "อย่าพึ่งไปสิค่ะ เราไม่รู้ว่าพวกนั้นยังจะตามหาคุณอยู่รึเปล่า ถ้าออกไปคุณอาจจะโดนพวกนั้นพาพวกมาเล่นงานก็ได้นะคะ"

"ไม่หรอกอาจารย์เขาบอกจะจัดการให้ ไม่น่ามีปัญหาอะไร"

"แต่ฉันกลัวนี่ค่ะ ช่วยอยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนได้ไหม" หญิงสาวแสดงออกทางภาษากายด้วยกายกอดอกจนตัวสั่น แต่แขนสองข้างกลับช้อนใต้สองเต้าให้นูนเห็นได้เด่นชัดขึ้นมา

"กะ...กะ...ก็ได้ครับ" ปิยะพงษ์เสียงสั่นอดจ้องมองไปที่ก้อนเนื้อทั้งคู่ที่ซ่อนอยู่ในร่มผ้าอย่างอดไม่ได้
หญิงสาวชวนปิยะพงษ์นั่งคุยเรื่องทั่วไป พร้อมกับนำเครื่องดื่มมีแอลกอฮอลืออกมารับรองด้วย และด้วยลีลาและชั้นเชิงของหญิงสาวที่ฝึกฝนมาอย่างดีก็สามารถละลายพฤตกรรมของชายหนุ่มจากคนแปลกหน้ากลายเป็นคนที่เหมือนสนิทกันมานานได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อแอลกอฮอล์เริ่มออกฤทธิ์เต็มที่บวกกับความสวยของเพื่อนร่วมดื่ม ปิยะพงา์ก็เมาจนความสามารถในการตัดสินใจลดลงอย่างมาก กันธิชาสบโอกาสหวังจะมัดใจชายหนุ่มให้ตกเป็นเครื่องมือไว้คอยใช้งาน ก็แกล้งทำเป็นเมาจนคอพับคออ่อน จนศรีษะสบลงไปที่หัวไหล่ขอชายหนุ่ม

"คุณธิช่าไหวไหมครับ" ชายหนุ่มเขย่าไหล่หญิงสาวเบาๆ แต่หญิงสาวยังดูเหมือนจะไม่ได้สติ พูดบ่นงึมงำกับตัวเอง ตัวอ่อนตัวนิ่มเหมือนไม่มีกระดูก ปิยะพงษ์มองดูเวลาก็ตีหนึ่งแล้ว ง่วงก็ง่วงจนตาปรื อยากก็อยากจนท่อนเนื้อเริ่มขยายตัว ไม่รู้จะเอายงังไงดี หญิงสาวก็เหมือนจะมีใจ แต่ถ้าลงมือทำแล้วเขาโวยวายก็จะติดคุกเอา

กันธิชาเห็นว่าชายหนุ่มไม่ยอมลงมือทำอะไรซะที ไม่รู้ว่าเพราะเป็นสุภาพบุรุษหรืออ่อนประสบการณืกันแน่ เธอจึงต้องช่วยเปิดทางด้วยการวาดแขนเรียวยาวไปโอบกอดร่างกำยำและเบียดร่างเข้าไปแนบสนิท ให้ชายหนุ่มได้สัมผัสเรือนร่างได้อย่างทั่วถึง

"คุณเมามากแล้ว ไปนอนดีกว่านะครับ"

"อืออออ..."

ปิยะพงษ์ช้อนร่างสาวสวยที่ความสูงแทบจะไม่ต่างจากเขาแต่ด้วยน้ำหนักของเธอที่น้อยกว่าถุงปูนทำให้เขาอุ้มร่างของเธอได้สบาย ทว่ามีอย่างอื่นที่ทำให้เขาพาร่างสวยไปยังเตียงได้อย่างลำบาก นั้นก็คือกลิ่นกายที่หอมฟุ้งกับเนื้อนุ่นนิ่ม ที่ปลุกความเป็นชายของเขาให้ลุกโชน โดยเฉพาะเนื้อสะโพกและเต้านุ่มที่มือของเขาใช้เป็นจุดจับยึดไม่ให้ร่างร่วงหล่น

ชายหนุ่มบรรจงว่างร่างของกันธิชาลงบนเตียงใหญ่หนาอย่างเบามือที่สุด ยังไม่ทันที่ปอยะพวษ์จะได้ดึงมืออกจากตัวกันธิชา มือสวยก็ประครองใบหน้าของชายหนุ่มก่อนจะดึงลงมาจูบอย่างดูดดื่ม จนชายหนุ่มที่ตอนแรกตกใจจนดวงตาเบิกโพรงต้องหรี่ตาลงเพราะเคลิบเคลิ้มในรสปากของสาวสวย

"อื้มมมม...อื้มมมม..." ปากเล็กของหญิงสาวบดเบียดส่งลิ้นล้วงลึกเข้าไปในโพร่งปากอุ่นของชายหนุ่มต่อเนื่อง ดวงตาคมนัยตาฉ้ำเยิ้มจ้องมองไปที่ดวงปรือของชายหนุ่มที่กำลงเสพความหอมกรุ่นของลมหายใจของหญิงสาว มือเรียวย้ายจากใบหน้า โอบไปที่แผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มแล้วดึงเขาข้ามตัวลงมานอนบนเตียงด้วยกันโดยตอนนี้เธอพลิดขึ้นมาอยู่บนตัว ร่างเพรียวแนบอกลงนิทกับแผงอกหนา จนความอบอุ่นค่อยๆ แผ่ซ่านให้กันและกัน ก่อนที่จะเริ่มร้อนแรงจนเป็นไฟราคะ

"ซี้ดดดด...คุณธิช่าครับ..." ชายหนุ่มอ่อนเชิงกามโดนไล่ต้อนอย่างหนัก จากปากเปลี่ยนมาเป็นลำคอหนาของเขาที่ถูกโลมเลียอย่างร้อนแรง จนหหัวใจของชายหนุ่มเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ

"อะ อูยยยย...อาาาา..." เสียงครางเบาๆ ของชายหนุ่มยังร้องออกมาอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด จากการกระทำของกันธิชาที่เวลานี้ได้ถอดเสื้อของเขาแล้วก้มลงขบดูดที่แผงหน้าอกกำยำ ทำการจูบและเลียไปตามร่างกาย พร้อมกับค่อยๆขยับตัวเลื้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ

กันธิชาพาร่างเพรียวสวสยเลื่อนลงไปจนถึงส่วนที่สำคัญที่สุดของชายหนุ่ม ซึ่งก่อนที่เธอจะลงมือแกะบรรจุภัณฑ์ ก็ได้แหงนหน้าขึ้นมามองหน้าของปิยะพงษ์เล็กน้อยเหมือนจะเป็นการขออณุญาติ โดยทางชายองก็จ้องมองสาวสวยที่อยู่ตรงหว่างขา ยิ้มเล็กให้น้อยด้วยใจระทึก สองมือเรียวจึงทำการปลดเปลื้องกางเกงยีนส์เก่าๆ ของชายหนุ่มออกจากตัว เปิดเผยให้ท่อนเนื้อขนาดใหญ่กว่ามาตรฐานชายไทยอยู่พอสมควร ด้วยความยาวเกือบหกนิ้ว ซึ่งก็สามารถเรียกกรอยยิ้มพึงพอใจจากปากสวยได้

ก่อนที่ทางปิยะพงษ์จะต้องสะดุ้งสะท้าน เมื่อหญิงสาวได้ก้มหน้าเข้าทำการเล้าโลมยังจุดที่สำคัญและไวต่อความรู้สึกของเขาโดยไม่ได้ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า

"อืมมมม...อ๊าาาา...อาาาา..." ชายหนุ่มร้องครางท่อนเนื้อกระตุกสั่น ห้กับลิ้นสวยที่ได้เข้าสัมผัสเลียยังของสงวนที่สำคัญขอเขา ลิ้นเรียวๆ ของเธอเคลื่อนไหวราวกับอสรพิษร้ายที่กำลังจะม้วนตัวรัดเหยื่อให้ขาดใจตาย ซึ่งตัวเขาแม้จะถูกกระทำที่เพียงจุดเดียวก็ทำให้ร่างกายขยับไม่ได้ ได้แต่นอนตัวเกร็งเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว

"อื้ออออ...อูยยยย..." ปิยะพงษ์ยังสูดปากร้องครางด้วยสีหน้าที่บงบอกถึงความพึ่งพอใจในการกระทำของอีกฝ่ายอย่างมาก ยิ่งตอนที่อีกฝ่ายอ้าอมส่วนหัวและกลืนท่อนเนื้อของเขาเข้าไปพร้อมกับดูดแรงๆ และรูดชักไปด้วย จนเขาไม่อาจจะสะกัดกั้นน้ำเหนี่ยวจำนวนมหาศาลภายในท่อไว้ได้

"เบาหน่อยครับ...ผม...จะ..." ไม่ทันจะได้พูดจนจบแระโยคชายหนุ่มปลดปล่อยความใคร่ที่สังสมมาออกมาระรอกใหญ่ จนแทบจะเต็มปากสวยๆ ของหญิงสาว

"อุ๊บบบบ..." หญิงสาวสะดุ้งตกใจกับสายธารสีขาวที่หลั่งออกมาเร็วกว่าที่คาดไว้ หลังทอนปากที่อมน้ำเหนี่ยวไว้จนเต็มออกมาก็ยังมีน้ำค้างท่อพุ่งตามออกมาอีกสองสามครั้ง กันธิชาคายน้ำเหนียวใส่สองมือสวย โดยที่ชายหนุ่มนอนจ้องมองการกระทำที่ดูแล้วน่าหลงไหลในสายตาของเขา ด้วยใจเต้นแรงและร่างกายที่แข็งเกร็ง

หญิงสาวขยับตัวลุกไปหยิบกระดาษทิชชู่มาจัดการทำความสะอาดคราบเหนี่ยวปนน้ำลายบนมือของเธอ ก่อนจะหันกลับมาที่เตียงแล้วลงมือจัดการถอดกางเกงสีขาวออกจากร่างจนเหลือแต่เสื้อยืดที่มีลักษณะคล้ายกับชุดว่ายน้ำ จากนั้นก็ดึงแขนเรียวยาวออกจากแขนเสื้อเผยให้เห็นเต้านมสีน้ำผึ้งเนื้อละเอียดที่ส่วนยอดถูกปิดไว้ด้วยแผ่นซิลิโครนเล็กๆ ที่ทำหน้าทีปกปิดส่วนยอด แล้วจบด้วยการรูดเสื้อลงไปจนจนเห็นเนินเนื้อด้านล่างที่มีคราบน้ำใส่ติดอยู่่ที่เป้า แล้วรูดต่ำลงไปเรื่อยๆ จนหลุดออกไปทางปลายเท้า

เรือนร่างไร้อาภรณ์ปกปิดของการกันธิชาเล่นงานชายหนุ่มที่ลุกขึ้นมานั่งมองตั้งแต่เธอเริ่มถอดเสื้อผ้าจนตาข้าง ความงามที่เหมือนกับหุ่นปั้นจากจิตกรฝีมือดี ผู้หญิงตรงหน้าถ้าไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์ที่มาปลดปล่อยเขา ก็คงเป็นปีศาจที่รูปงามที่จะมารับวิญญาณของเขาไปจองจำ อย่างแน่นอน

สาวสวยยังไม่หยุดท่วงท่ายั่วราคะ หลังจากเปลื่อยกายเป็นที่เรียบร้อยก็ก้าวเท้ากลับขึ้นมาบนเตียง ซุกร่างอรชรเข้ากับอกกำยำ ก่อนจะเลื่อยขึ้นมาบดจูบดูดปาก จนฝ่ายชายออกอาการหลงไหล แล้วทิ้งร่างลงนอนหงายพร้อมกับกางแขนเป็นการเรียกหาชายหนุ่มให้เข้ามาปะจำตำแหน่ง

ปิยะพงษ์รีบขยับร่างมาประจำการตามคำเชิญ จัดการก้มลงไปจูบเนินเนื้อนูนอย่างเคอะเขินเลียนแบบจากสื่อลามกที่เคยผ่านตา หวังจะทำให้หญิงสาวประทับใจบ้าง ซึ่มก็เหมือนไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ ทำได้เพียงแค่ให้หญิงสาวครางออกมาเบาๆ

ชายหนุ่มยันตัวขึ้นนั่งตรงกลางหว่างขา มือใหญ่กุมจับท่อนเอ็นที่ไม่ได้อ่อนตัวลงเลยจากสำเร็จความใคร่ด้วยปากของหญิงสาว เขาลงมือสาวท่อนเนื้อจนหัวบานมีน้ำใส่ปลิ่มออกมาที่รู ก่อนจะเอาเข้าไปจ่อที่ปากทาง แต่ไม่สามารถแทงผ่านเข้าไปได้เพราะติดมือสวยที่ขวางอยู่

หญิงสาวยื่นถุงยางอนามัยให้ปิยะพงษ์ราวกับเล่นมายากล ชายหนุ่มยิ้มรับก่อนจะแกะซองแล้วจัดการสวมใส่อย่างเงอะงะ กันธิชาจึงยื่นเข้าช่วยจนใส่ได้สำเร็จ ก็ถึงเวลาเข้าช่วงหลักของกิจกรรม

"มาซิค่ะ.." เสียงไพเราะติดแหบนิดๆ เชิญชวนชายหนุ่มที่พร้อมทั้งกายทั้งใจและเครื่องป้องกัน พร้อมกับปล่อยมือออกจากท่อนเนื้อของเขา และขยับกายกลับลงไปนอนยังที่เตียงในท่าหงายถ่างขาอย่างรอคอย ซึ่งนั้นก็ทำให้นายปิยะพงษ์แทบคลั่ง

"ครับ..." ชายหนุ่มตอบรับ พร้อมกับรูดชักท่อนเอ็นอันขนาดใหญ่พอเหมาะของตัวเองปด้วย ซึ่งคำตอบของเขานั้นก็เรียกรอยยิิ้มสวยได้อีกครั้ง

"อูยยยย...ซี๊ดดดด..." หญิงสาวครางสยิวเมื่อส่วนหัวสัมผัสเข้ากับปากทางและออกแรงดันเข้ามา ในขณะที่อีกฝ่ายขยับเข้ามาหา และทำการเข้าคร่อมร่างของเธอ

"อ๊าาาา...เสียวววว..." หญิงสาวส่งเสียงแหลมสูงครางยาวรับการบุกทะลวงที่ผ่าเข้ามาถึงครึ่งลำ ก๋อนจะร้องเสียงเบาลงแต่ความเสียวมากขึ้นเมื่อท่อนเนื้อขยับเข้าออกไปมา จนเมื่อเข้าไปสุดลำเธอถึงกับผวาขยับมือไม้เข้าสวมกอดคล้องคอของอีกฝ่าย ขณะที่ปิยะพงษ์นั้นก็เริ่มขยับซอยแท่งเนื้อข้าใส่อย่างต่อเนื่องทันที

"อ๊าาาา...อาาาา...อาาา..." กันธิชาร้องครางอย่างต่อเนื่องไม่หยุดด้วยความเสียว ซึ่งไม่เพียงแค่มือไม้ของเธอเท่านั้นที่ เข้าสวมกอด หากแต่เรียวขาทั้งสองข้างของเธอนั้นก็เช่นกัน ต่างขยับตวัดเข้ากอดรัดร่างของนายปิยะพงษ์ ขณะที่ฝ่ายชายยังคงขยับร่างเดินหน้ากระหน่ำแทงร่องสวาทของเธออย่างไปมา

"อูยยยย...เสียวมากเลยครับ...อ๊ากกก..." ปิยะพงา์กัดกรามส่งเสียงสยิว ด้วยใบหน้าที่เหยเกแดงก่ำ เมื่ออีกฝ่ายนั้นได้เด้งสวนและขมิบช่องสวาทตอดใส่อย่างหนักหน่วง จนทำเอาให้เขาทนต่อไปไม่ไหว กดเอวหนักๆ ก่อนจะท่อนเนื้อจะกระตุกปล่อยน้ำกามออกมาใส่ถุง แน่นอนว่าการไปถึงฝั่งฝันก่อนคู่สวาทของเขามัันสร้างความอับอายและทำลายความั่นใจไปมากพอดู เพราะนี้จะเป็นการเสพสวาทเป็นครั้งแรกในชีวิตจนเขาต้องก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดหวัง

"ไม่เป็นไรนะ ครั้งแรกเหรอ"

"ครับ..."

"แตกได้ก็ปลุกใหม่ได้ ลองอีกครั้งนะ"

กันธิช่าหลังจากปลอบประโลมปิยะพงษ์เสร็จก็เลื่อนตัวลงมาจัดดการถอดถุงยางอนามัยที่มีน้ำกามบรรจุอยู่จำนวนมาก ห่อกระดาษทิชชู่แล้วโยนออกไป ก่อนจะหันมาจัดการช่วงล่างของเขา ท่อนเนื้อยังคงแข็งอยู่แม้จะไม่เต็มที่เหมือนก่อนหน้านี้ แล้วใช้ทั้งมือและปากปลุกอารมณ์ เรียกรอยยิ้มและความมั่นใจของชายหนุ่มให้กลับมาได้จนแข็งเเต็มที่ ก่อนจะไปหยิบถุงยางมาสวมใส่ให้กับชายหนุ่มอีกครั้ง

"อืออออ... ค่อยๆ ทำเรามีเวลาทั้งคืน ไม่ต้องเร่งมาก" รอยยิ้มสวยและดวงตาคม ยั่วยวนปิยะพงษ์ให้ทำตามราวกับมีมนต์สะกด เขาทำตามที่เธอบอกโดยกลับเข้าไปที่หว่างขา ค่อยๆ กดหัวถอกเข้าไปช้าๆ แล้วสาวเขาอกอกอย่างเนิบนาบจามจังหวะที่หญิงสาวกำหนดให้ด้วยมือสวยที่จับสะโพกเขาไว้ ชายหนุ่มโน้มตัวลงไปประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของเธอ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างเหมือนจะเข้าที่เข้าทาง และเป็นไปตามปราถนาของคนทั้งคู่

"อืมมมม...ดีแล้วค่ะ...ดีมาก..." กันธิชาถอนปากออกมาชื่นชมชายหนุ่มที่เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ท่อนเนื้อที่เคลื่อนไหวได้เป็นจังหวะจะโคนสร้างความเสียวให้ทั้งสองอย่างเพลิดเพลิน และครั้งนี้ก็ยาวนานกว่าครั้งแรกอยู่มาก
ด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความพึงพอใจของหญิงสาว หลังจากที่โดนกระหนำโดนซอยไปสักพักสร้างความมั่นใจให้กับชายหนุ่มมากขึ้น ก่อนที่เขาจะฉีกยิ้มอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับทำการกระทุ้งกระแทกเข้าใส่รูสวาทของกันธิชาอย่างรุนแรงมากขึ้น ทั้งรุนแรงและถี่มากกว่าเดิม

"อืมมมม...ซี๊ดดดด...แรงอีก...แรงอีก..." เสียงมีเสน่ห์ครางต่อเนื่อง เรียกร้องหาท่อนเนื้อให้เพิ่มน้ำหนัก เร่งเครื่องส่งความเสียวให้กับเธอ

"คะ...ครับ...อ๊ากกก..." ปิยะพงษ์กัดฟันส่งเสียงแข่งกับหญิงสาว ความอดทนมีมากขึ้นหลังจากปล่อยไปสองน้ำ

"ถึงแล้ว...อ๊าาาา...น้ำแตกแล้ว...." กันธิชาส่งเสียงครางกระเส่าอย่างถึงใจเมื่อถึงจุดหมาย

"ผมก็แตกแล้ว...อ๊าาาา..." ปิยะพงษ์ไม่ปล่อยให้ช่วงเวลามีความหมายนี้ผ่านไป เร่งความเร็วเอวปลดปล่อยน้ำกามตามหญิงสาวไปติดๆ ก่อนจะฟุบร่างลงทาบทับร่างเพรียวบาง ทั้งคู่ต่างหอบหายใจแรงเข้าใส่กัน แล้วปิยะพงษ์ก็พลิกร่างลงไปนอนข้างอย่างมีความสุข ก่อนจะสวมกอดหญิงสาวแล้วนอนหลับไปดด้วยความอ่อนเพลียเพระาแตกไปสามน้ำต่อเนื่อง
..................................................

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

x99

มันเป็นทีของเปี๊ยกแล้ว แต่ก็โดนธิชาหลอกนะ จะคุ้มหรือป่าง

dawdom

ครั้งแรกแตกไว เป็นเรื่องธรรมชาติครับ

ชายชรา

ศัตรูเริ่มเข้ามาใกล้อาจารย์เจษแล้วเนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นน่าติดตามตอนต่อไปมาเร็วๆน่ะครับ

Alligator

เจอเป่าหัวที่เดียวโดนเปิดซิงเลยเปี๊ยกแต่ก็อย่ามัวหลงในลีลาเซ็กส์เผ็ดร้อนของแม่ธิชาระวังตัวดีๆนะเปี๊ยก

chatree52


peddo

ตอนนี้ได้สาวกันทั้งสามคนแล้ว พี่ใหญ่ได้สองสาว ที่น่าห่วงคือ เปี๊ยกกำลังถูกปั่นหัวอยู่ จากทั้งฝ่ายเดียวกันและฝ่ายตรงข้าม หลังลูกพี่เป่าหัว แต่ถูกสาวดูดหัวล่างออกนี่ไม่รู้จะทำให้ไขว้เขวมั้ย
เอาใจช่วยทั้งทีมนะครับ ถ้าได้ธิชามาร่วมอีกคนน่าจะทำให้ทีมแข็งขึ้นนะครับ อิอิ

keng7799

เปี๊ยกโดนเปิดซิงซะแล้ว  แต่ว่าเจษฎา  จะไหวตัวทันกับธิชามากแค่ไหน  ต้องลองมาดูกันว่าใครจะหลอกใครกันแน่

Chai Mas

เปี๊ยกปล่อยของเต็มที่ งานนี้จะหลงจนหัวปักหัวปำปะนี้

solid17


D4rthvader

เปี๊ยกปล่อยของเต็มที่ งานนี้จะหลงจนหัวปักหัวปำแน่ๆ .

boy2516

ถึงจะโดนหลอกแต่ถือว่าได้เอาสาวสวยถือว่าคุ้มแล้วเปี๊ยก


jaojom


err

โดนสาวสอนมวยเลย ครั้งแรกก็สามน้ำแล้ว  สงสัยติดหอยละคราวนี้ปิยะพงศ์เอ๋ย