ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_cyborg0011

สะบายดี...ดวงจำปา บทประพันธ์ AloneinthedarK copy

เริ่มโดย cyborg0011, สิงหาคม 02, 2021, 10:55:30 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

cyborg0011

สะบายดี...ดวงจำปา  บทประพันธ์  AloneinthedarK
September 30 2009 at 10:46 AM




นักรบกำลังมองความสับสนวุ่นวายของชาวบ้าน ในตลาดท่าเสด็จ หลังข้ามมาจากจุดผ่านแดนบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว "อ้าย...อ้ายนักฮบแม่นบ่?" เขาหันไปเห็นสาวน้อยน่ารัก ร่างโปร่งบาง ยืนยิ้มตาหยี ผิวขาวอมชมพูนวลเนียน ผมดำยาวตรงถึงเอว เธอใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวแขนสั้น นุ่งซิ่นน้ำเงินกรอมเท้า ดูสบายตา เธอคงเป็นไกด์ของบริษัททัวร์ที่เขาติดต่อไว้ สาวน้อยพนมมือไหว้ "ใช่ครับ" เขายิ้มให้แล้วพยักหน้ารับ พลางรับไหว้เธอ

"สะบายดี ข้อยซื่อจำปา เปนไกด์นำอ้าย อ้ายมาเที่ยวผู้เดียว แม่นบ่?" "สบายดี...แม่นแล้ว" ดวงตาเล็กๆเป็นประกายอ่อนโยน จนชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด เมื่อประสานสายตากับดวงตาคู่นั้น เขาจึงตอบล้อเธอไปในภาษาอีสาน สำเนียงภาคกลาง "อ้ายมาเขียนสารคดี มาอยู่เที่ยวหลายวันนะ เจ้านำอ้ายได้บ่ล่ะ?" "ได้ซี้..." สาวน้อยยืดอกวางมาด "ข้อยนี่ล่ะ นำอ้ายเที่ยวได้ทุกหม่อง ทั่วประเทด สะบายยย... บ่ได้ตั๋วเด๊"

เขาหัวเราะเบาๆกับท่าทางขี้เล่นของเธอ"เอาๆ...ไปเถอะ จะบ่ายโมงแล้ว โม้ไม่โม้ เดี๋ยวได้รู้กัน" ทั้งสองนั่งรถสองแถวเล็กที่เช่าเหมาวัน โดยเริ่มจากไปกราบนมัสการพระธาตุหลวง แสงตะวันบ่ายสาดสะท้อนสีทองทั่วองค์พระธาตุ ระยิบระยับจนตาพร่า นักรบเดินสำรวจไปโดยรอบ พลางฟังเสียงใสของไกด์สาวบรรยายเจื้อยแจ้ว เดินกันอยู่นานจนเหงื่อซึม เขาจึงชวนเธอไปนั่งพักที่ต้นโพธิ์ใหญ่ จำปาเหงื่อตก..หน้าแดงเป็นลูกตำลึง ผิวขาวบริเวณลำคอและต้นแขนกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ เขาแอบมองเมื่อเธอหยิบพัดไม้ด้ามเล็กมาพัดคลายร้อน

เธอนิ่งเหมือนลังเลนิดนึง ก่อนจะหันมาพัดให้เขา ท่าทางขมีขมันน่ารัก "บ่ต้องมาพัดให้อ้ายก็ได้ จำปาร้อนก็พัดให้ตัวเองเถอะ ตามสบาย" คำตอบขึงขังที่ย้อนกลับมา ทำให้เขาอมยิ้มพลางหัวเราะเบาๆ "บ่ได้ อ้ายเปนลูกทัวกิตติมาสัก จำปาสิต้องบริการฮื้ออ้ายประทับใจที่ซู๊ดดด..." ทั้งสองออกจากพระธาตุหลวงเกือบบ่ายสี่โมง จำปาพาไปที่ประตูไซย อนุสรณ์สถานที่ระลึก ถึงประชาชนผู้เสียชีวิตในสงครามการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ลาว เมื่อเดินขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด สายลมเย็นพัดโชยเบาสบาย คลายความร้อน ผมยาวดำเป็นเงาของจำปา สยายสะบัดกลิ่นหอมสดชื่น เธอชี้ชวนให้ชมสถานที่สำคัญต่างๆของกำแพงนะคอน(นคร)

"คนลาวบ่เอิ้นเวียงจัน เวียงจันมีอีกหม่องนึง หม่องนี้คนลาวเอิ้นกำแพงนะคอน"
"เหรอ...แล้วสาวลาวเนี่ย งามเหมือนจำปาทุกคนหรือเปล่า?"
คำถามแซวแบบทีเล่นทีจริงของหนุ่มไทย ทำเอาเธอชะงัก ก่อนจะเอาพัดไม้ตีแขนเขาเบาๆ
"อ้ายเว้าจังซี้ จำปาสิตอบจั๋งใด๋ เฮากลับเต๊อะ อ้ายสิได้พักผ่อน"
พูดจบเธอก็ก้มหน้างุด รีบเดินนำเขาลงบันไดไป หน้าหวานของเธอเป็นสีชมพูเข้ม แข่งกับตะวันที่กำลังจะตกดิน

"เปนหยังละเอื้อย ยิ้มน่อยยิ้มใย้ คึดฮอดผู้ใด๋อยู่น้า..." เสียงน้องสาวหล่าของเธอ ส่งเสียงมาจากด้านหลังจำปานั่งเหม่อมองพระจันทร์ เพราะคืนนี้เธอนอนไม่หลับ ปากสวยอมยิ้ม เมื่อนึกถึงถ้อยคำหยอกเอินของหนุ่มไทยร่างใหญ่ เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมาอีก จนเธอคว้าหมอนตีไปที่ก้นของน้องสาวตัวแสบเบาๆ พลางกระซิบ "นอนได้แล้วน้อย บ่ย่านเอื้อยตีบ่?" น้องน้อยนอนตัวกระเพื่อม หัวเราะแบบไม่มีเสียง จำปาส่ายหน้าอมยิ้มด้วยความเอ็นดู ก่อนจะล้มตัวลงนอนกอดร่างเล็กๆนั้นหลับไปด้วยกัน

วันรุ่งขึ้น ครึ่งวันเช้า ชายหนุ่มทำธุระกับทางเมืองไทย เลยนัดเจอกับไกด์สาวในตอนบ่าย "จำปาจองตั๋วหรือยัง?" เป็นประโยคแรกที่ชายหนุ่มทักเมื่อเจอกัน หน้าตาเขาดูเคร่งเครียด เพราะรถทัวร์ไปหลวงพระบาง มีคนขึ้นไปนั่งและยืนจนแน่นเอี้ยด "อ้ายบ่ต้องตกใจ๋ เฮาจะไปวังเวียงก่อน" ไกด์สาวยิ้ม พลางพาเขาไปจองตั๋วรถเพื่อไปวังเวียง "ทำไมต้องไปวังเวียงก่อนล่ะ?" เขายังไม่หายสงสัย "วังเวียงเมืองงาม ทำมะซาดงามหลายๆ เปนหม่องผ่านไปฮอดหลวงพะบาง เฮาแวะ..ก็บ่เสียเวลาหลาย เซื่อไกด์เถอะ..อ้ายลูกทัวคนดี" ประโยคสุดท้าย ทำให้เขาหัวเราะ นั่นสินะ เขาจะมารู้ดีไปกว่าไกด์ได้ยังไง? อารมณ์หงุดหงิดเคร่งเครียดหายไปทันที

เกือบห้าชั่วโมงบนรถทัวร์คร่ำคร่า บนถนนที่ขโยกเขยกเหมือนทางเกวียน นักรบกลับรู้สึกอยากให้การเดินทางนี้ยาวนานไม่สิ้นสุด เพราะแก้มใสของสาวสวยที่ซบแนบอยู่กับบ่าซ้าย เขาหันไปมองนอกหน้าต่าง นาข้าวเขียวอ่อนระบัดยอดพริ้วตามสายลมเย็น ห่างออกไปเป็นขุนเขาใหญ่เงื้อมที่มีฝนโปรยอยู่ไกลๆ เขายิ้มสดชื่น พลางระบายลมหายใจอย่างเป็นสุข มือขวาเขียนยุกยิกลงในสมุดโน้ตอย่างแผ่วเบา เพราะเกรงว่าจะรบกวนไกด์สาว แว่บหนึ่งที่เขาหันกลับมามองเธอ ตาซุกซนซอนผ่านเข้าไปในคอเสื้อสาวน้อย วันนี้เธอใส่เสื้อแขนยาวโปร่งบางสีฟ้าอ่อน ร่องอกขาวนวลเนียนเบียดชิดไหวกระเพื่อมขึ้นลง ตามจังหวะการหายใจ ทำให้เขาต้องกลืนน้ำลาย เริ่มตั้งสมาธิกับการเขียนใหม่... แต่ใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว

ฟ้าครื้มคำรามแวบแปลบจากที่ไกล จำปาแหงนหน้าดูท้องฟ้าอย่างกังวล "อ้าย เฮารีบหาหม่องพักก่อนเถอะ ฝนสิเทแล้ว" สองหนุ่มสาวเดินกึ่งวิ่งตามกันไป ที่เฮือนพักเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลนัก แทบจะทันทีที่ก้าวเข้าไป ฝนเม็ดโตก็กระหน่ำสาดสายอย่างไม่ลืมหูลืมตา ลุงแก่ๆท่าทางเป็นเจ้าของเฮือน เดินเข้ามาคุยกับจำปา "อ้าย มีห้องเดียว หม่องอื่นก็อัดหมดแล้ว อ้ายพักได้บ่" เธอทำหน้าจ๋อย จนเขาสงสาร "ได้สิ แล้วจำปาล่ะ จะนอนที่ไหน?" เธอหันไปรอบๆ "นอนหน้าห้องอ้ายแล้วกันเนาะ" "ไม่ได้สิ จำปาเป็นผู้หญิง จะมานอนนอกห้องได้ยังไง?" "แล้ว...แล้ว..." สาวน้อยอึกอัก ทำท่าจะแย้ง แต่ก็เถียงไม่ออก หน้าเป็นสีชมพู เธอยืนทำอะไรไม่ถูก จนเขาเดินไปจ่ายเงิน แล้วหิ้วกระเป๋าทั้งสองใบ เดินนำหน้าเธอเข้าห้องพัก

"กลัวอ้ายบ่?" นักรบถามยิ้มๆ ขณะวางกระเป๋าไว้มุมห้อง มองสาวน้อยที่ยืนเกาะอยู่หน้าประตู เขาเดินมานั่งลงที่เตียงไม้ "บ่ต้องกลัว อ้ายบ่รังแกจำปาดอก คืนนี้จำปานอนเตียงนะ อ้ายจะนอนพื้นเอง" เธอสั่นหัวจนผมกระจาย "บ่ได้ อ้ายเปนลูกทัว อีกอย่าง จำปาเปนแม่หยิง สินอนสูงกว่าบ่ได้" เขายิ้มในคำตอบซื่อๆของเธอ "งั้นบ่ต้องนอน นั่งคุยกัน ตกลงไหม?" "ก็ดี เฮานั่งโอ้โลมกัน ซอดแจ้งโลด" คำตอบของเธอทำให้เขาชงัก พูดพลางยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย "โอ้โลม?" เธอทำตาโตโบกไม้โบกมือ "บ่ใซ่โอ้โลมพันนั้น โอ้โลม..พาสาลาว คือรมกั๋น สนทะนากั๋น จนสว่าง อ้ายนี่เนาะ" สาวน้อยค้อนเขาให้หนึ่งวง

"ว่าแต่ชักหิวแล้วสิ จะไปหาอะไรกินที่ไหนล่ะเนี่ย?" นักรบทำหน้านิ่วเอามือลูบท้อง จำปายิ้มกว้าง เดินไปเปิดกระเป๋าของเธอ หยิบข้าวเหนียวและไก่ย่างออกมา ส่งให้ "มานำจำปา บ่ย่านอดเนาะ" เธอเห็นเขาลังเลที่จะรับ "บ่คิดเงินเด๊" "ไม่กลัวคิดเงินหรอก อ้ายกลัวจำปาจะอด" สาวน้อยยัดเยียดใส่มือเขาจนได้ "จำปาบ่ค่อยกิ๋นข่าวแลง เตรียมมาเผื่ออ้ายน่ะ"

พระจันทร์ขึ้นแล้ว... แสงนวลใยกระจ่างพาดผ่านบานหน้าต่าง หรีดหริ่งเรไรส่งเสียงวิเวกหวาน ในห้องน้อยไม่มีไฟฟ้า สองหนุ่มสาวนั่งคู่กันอยู่บนเตียง หลังพิงหัวเตียงห่มผ้าผืนเดียวกัน นักรบหันมากระซิบถามสาวน้อย "จำปาอายุเท่าใด?" "ซาวสอง...อ้ายล่ะ?" "สามสิบเจ็ด" "คิกๆ...เฒ่าเนอะ" เธอย่นจมูกทำหน้าล้อ "เดี๋ยวโดนๆ.. เรียนจบหรือยัง?" "เฮียนสำเร็ดแล่ว เฮ็ดเวียกได้บ่ถึงปี๋" เขายิ้ม ก่อนยิงคำถามเด็ด "แล้วมีแฟนหรือยัง?" เจอคำถามนี้เข้า ไกด์สาวหน้าเป็นสีชมพู เสเหลือบตามองเพดาน ทำท่าหยุดคิดนิดนึง ก่อนจะตอบ "บ่บอก" "หรอ..." เขามองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วแกล้งถอนหายใจ "แบบนี้แฟนจำปาคงคิดถึงแย่สิ ออกมาทำงานไกลๆ หลายๆวันแบบนี้" "บ่...บ่ได้บอกว่ามีซะน๊อย" เสียงตอบเบาเหมือนกระซิบของเธอ ทำให้ชายหนุ่มยิ้มอยู่ในความมืด

อากาศยามดึก หนาวเย็นจนสองร่างอุ่นต้องมาเบียดแนบชิด จำปาผล็อยหลับซบไหล่เขาอีกครั้ง หน้าใสแจ่มกระจ่างแม้อยู่ในความมืดสลัวราง เขาอดใจไม่ได้ที่จะก้มลงจุมพิตหน้าผากเธอเบาๆ สาวน้อยลืมตามองเขาอย่างตกใจ "ผู้ใดเว้าว่าบ่รังแก...อุ้ย" ปากจิ้มลิ้มเอ่ยยังไม่ทันจบประโยค เขาก็จูบแก้มของเธออีกครั้ง ความหอมละมุนของเนื้อสาว ที่ปราศจากสิ่งเติมแต้ม ทำให้ชายหนุ่มสุดที่จะอดใจไหว สองแก้มนวลโดนหนุ่มไทยจูบเอาๆ จนเธอไม่รู้จะหลบไปทางไหน "อ้าย...ข้อยย่าน อ้ายรังแก..." เธอทั้งอายทั้งตกใจ มือน้อยยกขึ้นปิดปากร้ายของชายหนุ่ม เสียงเว้าวอนอ่อนหวาน และหยาดน้ำใสที่คลออยู่ในตา ทำให้เขาใจหาย "อ้ายขอโทษ... จำปา... อ้ายเผลอลืมตัวไป" "บ่เปนหยัง ลืมบ่อย บ่ดีเน้อ" รอยยิ้มของเธอทำให้เขายิ้มออกมาได้

เสียงเพลงในวิทยุล่องลอยมาตามลม สาวน้อยฮัมทำนองเพลงตาม นักรบฟังอย่างสนใจ "เพลงอะไรเหรอจำปา? ทำนองเพราะดีนะ" "เพลงดวงจำปา...ผู้ใดเปนซาวลาว ผู้นั้นฮ้องเปน" "งั้นร้องให้ฟังหน่อยสิ" แล้วเสียงหวานของสาวลาวก็แว่วแผ่วเบาอยู่ในความมืด[]
โอ้ดวงจำปา...เวลาซมน้อง
นึกเห็นพันซ้อง...มองเห็นหัวใจ
เฮานึกขึ้นได้...ในกลิ่นเจ้าหอม
เห็นสวนดอกไม้...บิดาปลูกไว้...ตั้งแต่ใดมา
เวลาง่วมเหงา...เจ้าซ่วยบรรเทา...เฮาหายโศกา
เจ้าดวงจำปา...คู่เคียงเฮามา...แต่ยามน้อยเอย

กลิ่นเจ้าสำคัญ...ติดพันหัวใจ
เปนน่าฮักใคร่...แพงไว้เซยซม
ยามเหงาเฮาดม...โอ๋จำปาหอม
เมื่อดมกลิ่นเจ้า...ปานพบชู้เก่า...ที่พรากจากไป
เจ้าเปนดอกไม้...ที่งามวิไล...ตั้งแต่ใดมา
เจ้าดวงจำปา...มาลาขวัญฮัก...ของเฮียมนี้เอย

โอ้ดวงจำปา...บุปผาเมืองลาว
งามดั่งเดือนดาว...ชาวลาวเพิ่งใจ
เกิดอยู่ภายใน...แดนดินล้านซ้าง
เมื่อใดพลัดพราก...หนีไปไกลจาก...บ้านเกิดเมืองนอน
เฮียมจะเอาเจ้า...เปนเพื่อนบรรเทา...เท่าสิ้นซีวา
เจ้าดวงจำปา...มาลาขวัญฮัก...มิ่งเมืองลาวเอย

.........

ลำน้ำซองไหลเรื่อยเอื่อยเนิ่นช้า เหมือนวิถีชีวิตผู้คนสองฟากฝั่ง นักรบยืนพิงสะพานไม้ ถ่ายรูปทิวทัศน์ เพื่อประกอบการเขียนเขาหมุนตัวไปเรื่อยๆ หาวิว จนเห็นสาวน้อยผมยาวยืนกอดอก พิงสะพานตาเหม่อลอยไปแสนไกล เสื้อแขนกุดสีแดงตัดกับผิวขาวเป็นยองใย ซิ่นสีปีกแมลงทับแนบเนื้อ เห็นเอวเว้าคอดและสะโพกกลมมน มือเขายกกล้องขึ้นถ่ายโดยอัตโนมัติ จำปาได้ยินเสียงกดชัทเตอร์ เธอเลิกคิ้วแปลกใจนิดหน่อย แต่ก็หันมายิ้มหวานให้กล้อง ในขณะที่เขาลดมือลง "อ่าว...อ้ายบ่ได้ถ่ายฮูปจำปาบ่?" "ปล่าว อ้ายถ่ายวิวหลังจำปาโน่น" "เปนหยัง บ่ถ่ายฮูปจำปากะวิวล่ะ?" เขาพูดกลั้วหัวเราะ "กลัววิวไม่สวยน่ะสิ" ยิ้มหวานหุบกลายเป็นจวักทันที หัวแม่มือน้อยยกให้กับชายหนุ่ม "อ้ายเว้าบ่ดี จำปาเคียดแล้วเด๊" "ไปๆ นำไปดูถ้ำฤาษีกันดีกว่า" เขาพูดพลางหัวเราะพลาง ด้วยอารมณ์เป็นสุขที่ได้หยอกเอินไกด์สาว

ทั้งสองเดินกันร่วมชั่วโมงก็มาถึงถ้ำฤาษี
"โอ้โฮ สูงไม่ใช่เล่นนะเนี่ย" นักรบแหงนคอมองดูความสูงชันที่ต้องปีนกะไดไม้ขึ้นไป
"เปนหยังละอ้าย ย่านควมสูงบ่? คิกๆ" เธอได้ทีหัวเราะคืนบ้าง "ไหวบ่?...เฒ่าแล้วเด๊"
เขามองปากจิ้มลิ้มที่ยิ้มเยาะท้าทาย แล้วส่ายหัว เด็กหนอเด็ก
"เอ้า...เก่งนัก ก็ปีนนำไป" เขาให้เธอปีนตามคนนำทางขึ้นไปก่อน ความสูงชันของหน้าผา และความบอบบางของบันไดไม้ ทำให้ร่างใหญ่ของเขาซวนเซหลายครั้ง ทันใดนั้นเอง...
แคว๊กกกกก.... เสียงผ้าขาดดังยาวสะท้อนก้องบริเวณปากถ้ำ สาวน้อยเหยียบชายซิ่นของตัวเอง ในขณะก้าวขาปีนขึ้นไป เธอเสียหลัก ร่วงลงบนร่างชายหนุ่มที่ปีนตามหลังมา ทั้งสองหล่นลงพื้นเสียงดับตุ๊บใหญ่

ไกด์สาวนั่งคร่อมทับอยู่บริเวณกลางตัวของชายหนุ่ม ซิ่นสวยขาดด้านหน้ายาวขึ้นไปเกือบถึงเอว เผยขาอ่อนเรียวเนียนขาวจ๊วะ และด้วยเธอนั่งหันหน้าไปทางเขา เลยแลเหลือบไปเห็นกางเกงในสีขาวบางเบาภายใต้ผ้าซิ่นแค่ชั่วแวบ จำปาหุบขาหน้าแดงยิ่งกว่าลูกตำลึง สองมือจับชายผ้าที่ขาดชะเวิกออกเข้าหากัน แต่เธอยังลุกไม่ขึ้น เพราะความจุกและเคล็ดขัดยอก
"ไปไหวบ่คับ?" เสียงคนนำทางแว่วมาจากด้านบน เขาเห็นด้านหลังของเธอที่นั่งทับร่างเหยียดยาวของนักรบไว้ "บ่ไหวแล้วครับ ไม่เป็นไร ค่าตั๋วบ่ต้องคืนเน้อ" ชายหนุ่มตะโกนตอบ คนนำทางผลุบหายเข้าไปในถ้ำทันที นักรบหันมาสำรวจร่างเล็กตรงหน้า "จำปา...เจ็บตรงไหนบ้างไหม?" เธอนิ่วหน้าและพยายามขยับตัวออกจากร่างของเขา "จุก...อ้าย อูยยยย" เธอเลื่อนตัวลงมานั่งบนพื้นข้างๆเขา

"เป็นไงล่ะคนเก่ง ยังขึ้นไปไม่ถึงชั้นแรกเลย สงสัยได้ทัวร์กันแค่นี้...หรือไง?" เขาพูดยิ้มๆ
"จำปาขอโทด..." เสียงอ่อยๆกับสีหน้าเสียใจปนเจ็บปวด ทำให้เขาอดสงสารไม่ได้
"ไม่เป็นไรๆ ว่าแต่จำปาเถอะ เดินกลับไหวไหม?"
ปากพูดกับสาวน้อย แต่สายตาอดชำเลืองลอดชายผ้าที่ขาดลึกไปถึงกางเกงในตัวน้อยนั้นอีกครั้ง
"จำปาขาสวยจังเลย..." นักรบเอ่ยขึ้น ขณะที่ทั้งสองพักเพื่อบรรเทาความจุก สายตาของเขากรุ้มกริ่ม จนเธอต้องหลบสายตาไปทางอื่น ร่างเริ่มสั่นน้อยๆด้วยความรู้สึกแปลกๆ เธอพยายามเบี่ยงขาหลบสายตาร้อนแรง ที่ซอกซอนลึกล้ำ อารมณ์หวิวหวามวาบไหวเกิดขึ้นในใจ

นักรบค่อยๆชันกายลุกขึ้นช้าๆ ค่อยๆขยับแขนขาดู ว่าไม่มีอะไรหัก แล้วเขาก็ค่อยๆพยุงเธอขึ้นช้าๆ... เขาประคองไกด์สาวที่เดินกะเผลกเพราะข้อเท้าซ้ายแพลง เดินกลับยังไม่ถึงครึ่งทาง ฟ้าสีเทาเข้มก็โปรยสายฝนลงมาอีกครั้ง "ฮ่าๆๆๆ...ให้มันได้อย่างงี้" เขาส่ายหน้าหัวเราะอย่างประชด ห่วงก็แต่เธอที่พยุงอยู่ข้างกาย ซึ่งเกือบจะเดินไม่ไหว พิรุณฉ่ำเย็นทำให้หนาวสะท้านไปทั้งกาย ร่างเล็กดูเผือดซีด ตัวสั่นเป็นลูกนก เขาเห็นเถียงน้อยคร่ำคร่าหลบลึกอยู่ในป่าหญ้า จึงอุ้มร่างจำปาแล้วรีบจ้ำเข้าไปหลบฝนในนั้น

สองหนุ่มสาวตัวสั่นเพราะชุ่มฝนเย็นฉ่ำ นักรบถอดเสื้อกางเกงออกผึ่ง สายตาเหลือบไปเห็นผ้าผวยเก่าๆผืนหนึ่งวางอยู่มุมเถียง มันยังดูสะอาด เลยนำมาเช็ดผมของจำปา เธอปรือตาขึ้นยิ้มเซียวๆ "หนาวไหม?... อ้ายขอถอดเสื้อผ้าจำปาออกนะ" เขาเอ่ยพลางเริ่มปลดกระดุมเสื้อ "อ้าย...สิเฮ็ดหยัง?" เธอตกใจจับมือเข้าไว้ "ถ้าขืนอยู่เปียกๆแบบนี้ ก็เป็นปอดปวมน่ะสิ" เขาขืนปลดกระดุมเสื้อเธอออกจนหมด จำปายกมือขึ้นบังอกด้วยความอาย ร่างขาวสล้างอยู่ในแสงสลัว นักรบกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะถอดซิ่นขาดของเธอออกไป

ความปรารถนาตามธรรมชาติกระตุ้นเร้าให้หวิวหวามเมื่อแนบชิด สองสายตาประสานสื่อสัมพันธ์โดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูด นักรบก้มลงจูบปากสาวน้อยในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน เธอหลับตาพริ้มกายสั่นเทา เมื่อลิ้นของเขาแทรกเข้ามากระหวัดเกี่ยวกับลิ้นเธอ มือเขาเลื่อนไปปลดตะขอยกทรง เพื่อเกาะกุมเต้าอ่อนและเริ่มบีบคลึงเบาๆ ปากรกหนวดจุมพิตพรมไปจนทั่วใบหน้าหวาน ก่อนจะระเรื่อยลงมาที่ซอกคอหอมกรุ่น และเนินอก ลิ้นร้ายรัวเร็วไปที่ปลายยอดทับทิมสีชมพูทั้งสองข้าง สลับกันไปมา "อา... อ้าย" จำปาสะท้านแอ่นทรวงรับการเล้าโลม สองแขนที่คิดจะผลักดันกลับกลายเป็นกอด กดใบหน้าเขาให้จมลงกับร่องอก เขาค่อยๆดันกายเธอให้นอนราบลงไปกับพื้นเถียง

หน้าของชายหนุ่มยังคลุกเคล้าอยู่กับสองเต้าชูชัน ยอดถันสีชมพูเป็นเม็ดสวยจนเขาดูดชิมไม่รู้เบื่อ เสียงครางเบาๆของสาวน้อยบอกถึงอารมณ์ที่วาบหวาม เขาลากลิ้นลงมาชิมหน้าท้องแบนเรียบ และสะดือกลมมน โดยใช้สองมือบีบคลึงสองเต้าอ่อนอยู่อย่างไม่ให้ขาดช่วง หนวดแข็งสากทิ่มตำเนินท้องน้อย ทำให้จำปาเสียวซ่านจนครางเบาๆไม่หยุด เขาถอดกางเกงในตัวบางของเธอออกช้าๆ สองมือจำปาปกปิดหลืบเร้นด้วยความขวยเขิน ชายหนุ่มก้มลงดึงมือเธอออกอย่างอ่อนโยน แล้วกดจมูกจมลงบนเนื้อเนินนุ่ม สูดดมความหอมของกลีบจำปาปิดสนิท ลมหายใจร้อนผ่าวกระทบเนินกลีบสาวน้อย เสียวจนครางเสียงสั่น

ลิ้นของเขาเริ่มตวัดเลียไปที่เม็ดเกสรแผ่วเบาแต่รวดเร็ว สองมือเธอจับประคองหัวชายหนุ่ม ที่กำลังดื่มชิมน้ำหวานหอมจากกลีบและเกสร "อูยยย...อ้ายย...อาาาา โอ๊ะ โอ๊ววว" ร่างขาวแอ่นสะท้าน เมื่อถึงที่สุดแห่งความหฤหรรษ์เป็นครั้งแรกในชีวิต นักรบยกกายขึ้นมองดูร่างนวลที่ยังสั่นน้อยๆ ด้วยความเสียวที่ยังหลงเหลือ เขาก้มลงไปจูบปากจิ้มลิ้มนั้นอีกครั้ง ตัวของเขาเอนลงทาบทับบนตัวจำปา แท่งเอ็นที่แข็งโชนเสียดสีเข้ากับซอกกลีบฉ่ำ เขากดลงไปช้าๆ หัวบักบานเบียดกลีบจำปาจนยับยู่ เธอขมวดคิ้วด้วยความเจ็บ เขาบีบคลึงเต้าอ่อนในขณะที่ฝืนดันจน...กรึบ หัวบานคล้ำจมหายเข้าไปในกลีบมิดเงี่ยง น้ำตาแห่งความเจ็บปวด รินออกมาทางหางตาของเธอ

"เจ็บมากหรอ...จำปา?" เขาอดห่วงเธอไม่ได้ ทั้งๆที่พยายามทำรักอย่างแผ่วเบาที่สุดแล้ว แต่เพราะความบริสุทธิ์ของสาวน้อย และความแตกต่างของขนาดร่างกาย เธอลืมตาขึ้นสบตาเขา พยายามส่ายหน้าอย่างสุดฝืน "ทนหน่อยนะ... เจ็บแป๊บเดียว" เขาเริ่มกระดกเอวซอยสั้นๆ เสียงครางเบาๆของจำปาดังขึ้นอีกครั้ง ความเจ็บปวดลดลง แต่ความคับแน่นของดุ้นเอ็นใหญ่ ยังเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดสำหรับเธอ นักรบเห็นว่าเธอเริ่มคลายเจ็บ เขาก็โหย่งตัวขึ้นช้อนข้อพับขาเธอไว้กับศอก แล้วเริ่มสาวลำยาวเข้าออก ในจังหวะที่เร็วขึ้น "อูยยยย...อ้ายย...โอยยยยยย" เสียงครางระงมของเธอดังเรื่อยๆ ความเจ็บแทบจะขาดหายไป แต่ความเสียวซ่านในซอกกลีบนั้น กลับพุ่งทวีสุดจะทานทน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังตั่บๆๆๆ จนในที่สุดทั้งสองก็เดินทางถึงจุดหมาย เสียงครวญระงมแผ่วเบาบางจนเงียบลง

นักรบกอดจำปาที่กำลังสะอื้นไห้อยู่แผ่วเบา
"อ้ายขอโทษที่รังแกจำปา อ้ายขอรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป"
เธอสบตากับเขาด้วยน้ำตานองหน้า "เปนควมผิดจำปานำ จำปาบ่ห้ามอ้าย"
"อ้ายสัญญาว่าจะดูแลจำปาไปตลอดชีวิต" เขากอดร่างเธออย่างอ่อนโยน
"......................" สาวน้อยไม่ตอบคำใด แต่รอยยิ้มบางๆที่ผุดขึ้นแทนน้ำตา ที่กำลังเหือดแห้ง ทำให้ชายหนุ่มยิ่งมั่นใจว่าเขาจะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ

ไก่ขันแข่งกันเสียงขรมเมื่อย่ำรุ่ง สองหนุ่มสาวนอนหลับซบกันอยู่บนเถียง เมื่อจำปาลืมตาขึ้น ก็พบหน้าคมของหนุ่มไทยห่างจากหน้าเธอไม่กี่นิ้ว หน้าตาเขาเวลาหลับดูอ่อนโยนอบอุ่น เธอเอานิ้วแตะแก้มเขาเบาๆ เมื่อเห็นว่ายังไม่มีทีท่าจะตื่น สาวน้อยก็ลากนิ้วเล่นไปตามไรหนวดเหนือปาก ใบหน้านั้นเริ่มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะอ้าปากอมนิ้วเล็กของเธอแล้วทำท่าจะกัด "อ้าย..." "อ้าว นิ้วจำปาหรอกหรอ ว้า กำลังฝันว่าจะกินไก่ย่างอยู่เลย" เธอทุบเขาเบาๆด้วยความเขิน ก่อนจะลุกขึ้นไปเตรียมตัวเดินทาง

จำปาพับซิ่นที่ขาดทบกันแล้วเอามาใส่ ดูเหมือนกระโปรงสอบแต่ก็พอกล้อมแกล้มเดินกลับได้ ทั้งสองเดินกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องพัก ก่อนจะจองตั๋วรถทัวร์เพื่อเดินทางต่อไป ถึงหลวงพะบางในตอนบ่าย ไกด์สาวเดินกะเผลกเล็กน้อย แต่ยังยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเดิม เมื่อเก็บของเข้าที่พักแล้ว เธอก็อาสาพาเขาเที่ยวต่อทันที แม้ว่านักรบจะพยายามทัดทานให้เธอพักผ่อน "บ่ได้ บ่ได้ จำปาบ่เจ็บหลาย" เธอรั้นจนเขาต้องตามใจ

"วังเจ้ามหาซีวิด ฝรั่งเพิ่นออกแบบ เปนแบบฝรั่งผสมลาว เมื่อหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพิ่นแปงเปนพิพิดทะพัน" จำปาเดินนำพลางบรรยายอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย จนนักรบต้องจูงเธอไปนั่งเพื่อพักขา ส่วนตัวเขาเดินหามุมถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จำปานั่งมองร่างใหญ่ที่ขะมักเขม้นถ่ายรูปแล้วก็อมยิ้ม ในใจหวนคะนึงไปถึงคืนวาน เธอไม่นึกว่าหนุ่มไทยท่าทางเคร่งเครียดบ้างาน จะมีอารมณ์ที่อบอุ่นอ่อนโยน และสุดแสนโรแมนติก ใจของสาวน้อยล่องลอยอยู่ในภวังค์แสนหวาน

"จำปา...จำปา..." เธอสะดุ้งหันมาเห็นนักรบนั่งยิ้มอยู่ใกล้ๆ "ใจลอยไปถึงไหนแล้วจ๊ะ?" สาวน้อยทำตาโต "บ่... อ้ายมานั่งโดนแล้วบ่?" "มานั่งดูจำปายิ้มใจลอยสักพักแล้วล่ะ คิดถึงเรื่องเมื่อคืนหรอ?" หน้าสวยเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม "เฮาไปไหว้พระบางนำกันเถอะอ้าย" พูดจบเธอก็เดินนำชายหนุ่มไปหอพระบาง ซึ่งอยู่ภายในบริเวณวัง เขามองตามหลังเธอไปพลางยิ้มอย่างเป็นสุข

พระพักตร์ปราณีขององค์พระบางทอดเนตรลงมา ยังสองหนุ่มสาวต่างเชื้อชาติที่นั่งพับเพียบ อธิษฐานขอพร เมื่อกราบสามครั้งแล้ว นักรบหันมามองแก้มนวล และปากหมุบหมิบขอพร ขนตายาวงอนพริ้มเวลาหลับตา เมื่อเธอกราบพระแล้ว ก็หันมายิ้มกับชายหนุ่ม "อธิษฐานขอพรอะไรกับท่านจ๊ะ? นานจัง" "ก็ขอให้หมู่ญาติเปนสุข อยู่สะบาย บ่เจ็บบ่ไข้ หลานๆโตไว เฮียนเก่ง แล้ว...แล้วก็ขอให้อ้ายเปนสุขนำ" เขายิ้มก่อนจะเอื้อมไปกุมมือน้อยของจำปา "อ้ายขอข้อเดียว อ้ายขอให้เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เป็นช่วงเวลาที่มีแต่ความสุข"

สองหนุ่มสาวเดินขึ้นพระธาตุพูสียามตะวันชิงพลบ สองข้างทางร่มรื่นไปด้วยต้นลั่นทม จำปาคว้าดอกหนึ่งไว้ได้ก่อนที่จะร่วงลงดิน "อ้าย...นี่ดวงจำปา ดอกไม้ประจำซาดลาว" เธอส่งให้กับชายหนุ่ม "อ๋อ...เมืองไทยเขาเรียก'ดอกลั่นทม' จริงๆเดี๋ยวนี้ เขาเปลี่ยนชื่อเป็น'ลีลาวดี'..แล้วล่ะ" ทั้งสองคนเดินขึ้นไปพลางคุยไปพลาง "เปนหยังเปลี่ยนซื่อละอ้าย?" "เพราะ'ลั่นทม'ความหมายไทยมันไม่ดี คนเลยไม่นิยมปลูก ส่วนใหญ่จะปลูกตามวัดมากกว่าน่ะจ้ะ พอเปลี่ยนชื่อแล้วก็เลยนิยมปลูกกันมากขึ้น" นักรบพูดพลางถอนใจ "ทั้งๆที่ความหมายที่แท้จริงของมันโรแมนติกมากๆ... อยากฟังไหม?" จำปาพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น

"ลั่นทมในภาษาไทย กร่อนมาจากคำว่า'สรัญธม'ในภาษาเขมร แปลว่า..." เขาจบประโยคแล้วหยุดยืนนิ่ง ทำให้สาวน้อยหยุดตาม เขาบรรจงทัดหูจำปาด้วยดวงจำปา ก่อนจะกุมมือทั้งสองของเธอไว้ ดวงตาเป็นสื่อลึกลงไปถึงดวงใจ "แปลว่า...'รักมาก' " เขาพูดก่อนจะจุมพิตมือเล็กๆของเธอ จำปาอาย..หันหน้าไปทางอื่น สีชมพูระเรื่อไล่ขึ้นมาจรดใบหู "ตั๋วบ๊อ?" เธอเอ่ยแก้เขิน "ไม่ได้โกหกนะ จะฟังที่มาไหมล่ะ?" เขากล่าวแล้วจูงมือเธอเดินต่อ "มีพระราชาเขมรองค์หนึ่ง พระองค์บอกรักกับพระราชินีใต้ต้นไม้นี้ พระองค์เลยตั้งชื่อต้นไม้ว่า'รักมาก' เพื่อเป็นอนุสรณ์ความรักของพระองค์" จำปาฟังเพลิน

"อ้ายฮู้หลาย มาเปนไกด์นำจำปาบ่"
"ก็ดีนะ งั้นจำปามาเป็นลูกทัวร์ แต่ไกด์คนนี้ไม่คิดค่าแรงเป็นเงินนะ"
"แล้วคิดเป็นหยัง?" ไกด์สาวตกหลุมพราง
"คิดเป็น..." พูดจบก็ยกมือจำปาขึ้นจูบอีกครั้ง สายตากรุ้มกริ่มเจ้าชู้
จนเธอสะบัดมือเขาออกจากการเกาะกุมเบาๆ
"บ่รมนำแล่ว ฟ้าวเดินเถอะ"จำปารีบเดินนำขึ้นสู่ยอดพูสี

แสงของตะวันพลบสาดย้อมลำน้ำโขงเป็นสีทอง หลังจากนมัสการองค์พระธาตุ สองหนุ่มสาวเดินไปมาถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลิน จำปายิ้มอย่างมีความสุข สีทองอาบไล้เรือนร่าง โดยมีลำโขงและหลืบเขาเป็นฉากหลัง นักรบกดชัทเตอร์พลางรำพึง "งามเหมือนสวรรค์" "อ้ายเว้าหยัง?" "ปล่าวจ้ะ อ้ายชมว่าผู้สาวลาวงามนัก" สาวน้อยค้อนควับ "ฮึ...ผู้บ่าวไทยก็ปากหวานนักคือกั๋น" เขาตั้งกล้องอัตโนมัติ เพื่อถ่ายรูปคู่กับเธอในมุมที่งดงามเหมือนสวรรค์สร้างอีกครั้ง จากนั้นทั้งสองนั่งกุมมือกันชมพระอาทิตย์ลับริมโขง แม้สายลมจะเย็นฉ่ำแต่สองหัวใจแสนอบอุ่น

ทั้งสองเข้าพักที่เกสเฮ้าส์เล็กๆริมโขง เป็นเฮือนไม้หลังเล็กฝาไม้ไผ่ขัดแตะ ลมกรูเกรียวลอดช่องไม้ขัดเย็นยะเยือก "เปนหยังอ้ายบ่พักโฮงแฮม?"ไกด์สาวสงสัย "จำปาอยากนอนโรงแรมหรอ?" "บ่...จำปาอยากฮื้ออ้ายสะบาย" เขายิ้ม "ที่มาพักที่นี่ เพราะบรรยากาศมันเหมือนเมื่อคืนวานไง" "อ้ายนี่เนาะ" เขาทำให้สาวน้อยหน้าแดงได้อีกครั้ง ลมหวีดหวิวเบื้องนอก ทำให้กายและใจหนุ่มสาวแนบชิดกัน ชายหนุ่มเอนกายลงกระซิบข้างหู "............" อุ๊บ... เขาโดนทุบหน้าอกทันทีที่พูดจบ เลยแก้ลำด้วยการกอดเธอ แล้วจูบอย่างหนักหน่วง สาวน้อยดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดไม่นาน เธอก็จูบตอบด้วยความปรารถนาในหัวใจ ที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน หลังจากนั้นความรักที่เกิดขึ้นในเถียงน้อยคืนวาน ก็ก่อเกิดขึ้นอีกครั้งในเฮือนน้อย...คืนนี้

เช้าตรู่... พระสงฆ์ สามเณรเดินเข้าแถวบิณฑบาตอย่างเป็นระเบียบ สองหนุ่มสาวประคองกระติ๊บปั้นข้าวเหนียวใส่บาตร ก่อนก้มกราบด้วยจิตใจอิ่มบุญ
"วันนี้เราต้องกลับกันแล้ว" นักรบเอ่ยกับจำปาขณะที่เดินกลับที่พัก
"อ้ายสิไปทางใด๋ล่ะ จำปาสิจองปี้ให้อ้าย"เธอพูดเสียงเครือ เขาหันไปมองในขณะที่สาวน้อยรีบเช็ดน้ำตา
"จำปา..." เขาหยุดเดิน "จำปารออ้ายได้ไหม?"
"เปนหยังสิ ต้องท่าอ้าย?" เธอมองไปทางอื่น พยายามหลบสายตาที่แสนเศร้า
"เพราะเมื่ออ้ายกลับไปจัดการทุกอย่างที่เมืองไทยเสร็จแล้ว อ้ายจะกลับมาแต่งงานกับจำปา"

"ผู้ใด๋สิอยากแต่งงาน" เธอหันหลังให้กับเขา น้ำตาเริ่มไหลออกมาอีกครั้ง นักรบยืนมองไหล่เล็กๆที่สั่นสะท้านอย่างปวดร้าวใจ "จำปาคึดแล้ว อ้ายบ่จำเปนต้องมาทิ่มซีวิดไว้ที่นี่" "อ้ายจะกลับมา...อ้ายสัญญา" นักรบดวงตาร้อนผ่าว เขาอยากจะเข้าไปกอดปลอบเธอ แต่ความรู้สึกบางอย่าง กลับตรึงเขาไว้ "คำสัญญาสำหรับบางคน... มันเปนแค่คำพูด" เสียงสาวน้อยเครือสั่นสะท้าน "แต่คำสัญญาสำหรับบางคน... มันเป็นสัจจะนะจำปา" เสียงชายหนุ่มที่ตอบมาสั่นเครือไม่แพ้กัน "อ้ายบ่จำเปนต้องเฮ็ดจั๋งใด๋ ทุกอย่าง... จำปาสิคึดว่าฝันไป๋" เมื่อกล่าวจบ ร่างเล็กก็เดินหนีจาก เหมือนต้องการจบบทสนทนา

ใกล้เที่ยง...สนามบินหลวงพะบาง มีผู้คนบางตา สองหนุ่มสาวนั่งเคียงข้างกัน โดยปราศจากคำพูดใด นักรบหันไปมองสาวน้อยที่ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา เธอกลั้นสะอื้นอยู่เบาๆ ทั้งสองแทบไม่ได้พูดกันอีกเลย ตั้งแต่จำปาตัดบทเมื่อตอนเช้า นักรบล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบของสิ่งหนึ่งส่งให้เธอ "อ้ายอยากให้จำปาเก็บไว้ "รูปถ่ายคู่บนยอดพูสียามอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศในภาพอบอวลไปด้วยความสุข จำปารับมาดู เธอเอามือปิดปากแล้วสะอื้นไห้ หยาดน้ำตาใสไหลร่วง "อ้ายสิมา หรือบ่มา อ้ายก็สิอยู่ในใจจำปา...ตลอดไป" เธอพูดเสียงสั่นแทบไม่เป็นคำ ก่อนจะสะอื้นอีกครั้ง เธอล้วงกระเป๋าถือหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ส่งให้กับชายหนุ่ม "อ้าย...เก็บไว้...เบิ่ง...แทนจำปา..." เมื่อเขาคลี่ผ้าเช็ดหน้าออก จึงเห็นดวงจำปาที่กลีบบอบช้ำ

...ดอกนั้นที่เขาได้ทัดหูให้กับเธอด้วยความรัก
...ดอกนั้นที่อยู่ในภาพถ่าย
...ดอกนั้นที่มีความหมายว่า...รักมาก
เขาเงยหน้ามองจำปาด้วยตาแดงก่ำ น้ำตาพร้อมที่จะเอ่อท้นทุกเมื่อ เขากล้ำกลืนก้อนแข็งๆลงคอ
"แล้วอ้าย...จะเอามันกลับ...มาคืน...จำปา"

เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เหมือนกับฉีกกระชากเยื่อใยของใจสองดวงให้ขาดจากกัน...
เสียงเพลงเบาๆที่ดังอยู่บนเครื่อง ทำให้ชายหนุ่มเริ่มร้องไห้
เจ้าดวงจำปา...มาลาขวัญฮัก...ของเฮียมนี้เอย.....

.................................................................................

ผมอ่านแล้วเรื่องน่าสนใจมากเลยเอามาฝาก เคยดูละครเรื่อง  แต่ปางก่อน  เรื่องคล้ายกัน สาวลาวกับหนุ่มไทยแต่
หลายภพหลายชาติเหลือเกิน   และเพลงดวงจำปา    (จำปาลาวหมายถึง ดอกลั่นทม หรือ ลีลาวดี )   เพราะดี       ยังมีต่อจะตามมาให้อ่านกัน  ขอบคุณผู้ประพันธ์ด้วยที่มีเรื่องดีๆมาให้อ่าน โดย: tonkla001    เวลา: 2009-11-21 19:26

แปลงมาจาก สบายดีหลวงพระบางหรอครับ
แต่ก็ซึ้งดีนะครับ โดย: chaicharn    เวลา: 2009-11-22 12:22

เข้าท่าดีนะครับ สงสัยจะต่อตอนที่ 2 แน่เลย  ขอบคุณ





คึดฮอด...ดวงจำปา
November 10 2009 at 2:51 AM
บทประพันธ์ของ  AloneinthedarK


ตอนนี้งานเอี๊ยดมากครับ เรื่องเก่าๆที่ค้างคาไว้ยังไม่ได้ต่อ ขออภัยด้วย
ส่วนตอนนี้เขียนไว้ได้สักพักละครับ ตอนที่อารมณ์ยังต่อเนื่องกับตอนแรก
อ่านเล่นๆนะครับ (บทเสียวมีน้อยขออภัย)


ใครอยากฟังเพลง ดวงจำปา  ภาคภาษาลาวไพเราะ พร้อมเนื้อเพลงที่แก้ไขถูกต้องเชิญย้อนไปดูและฟังได้ที่สบายดี  ดวงจำปา เชิญนะครับ


"เฮ้ย ไอ้รบ หัวหน้าเรียก" กำพลเพื่อนของเขากระซิบพลางเอาข้อศอกกระแทกเบาๆ นักรบตื่นจากภวังค์ ก้มลงดูเอกสารตรงหน้า "ขอโทษครับ หัวหน้าต้องการทราบข้อไหนครับ?" เขาสบสายตาหัวหน้าที่จ้องมาอย่างตำหนิ ก่อนถอนใจเบาๆ สามเดือนแล้วตั้งแต่นักรบกลับมาจากลาว ในสายตาเพื่อนๆพี่น้องในที่ทำงานแล้ว เขาแปลกไปกว่าเดิมมาก ไม่ร่าเริงช่างพูดช่างแซวเหมือนแต่ก่อน กลับนั่งนิ่งๆจมอยู่ในภวังค์ได้เป็นครึ่งค่อนวัน "มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ลาวว่ะ หรือว่ามันถูกของ" กำพลนินทาเขาให้น้องสาวๆฟังต่อหน้า นักรบลุกเดินหนีออกมายืนริมหน้าต่าง ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูที่ข้างในมีสิ่งมีค่าที่สุดออกมา "ดวงจำปา..." เขาคลี่ผ้าเช็ดหน้าอย่างทะนุถนอม ดอกไม้แห้งกรอบเป็นสีน้ำตาล เหมือนหัวใจของผู้ที่กำลังถือ ถอนใจยาวเป็นครั้งที่เท่าไรนับไม่ได้ พับผ้าเช็ดหน้ากลับคืนช้าๆ แล้วเก็บกลับคืนใส่กระเป๋าซ้าย...แนบกับหัวใจ

"เฮ้ย! คืนนี้เซ็งๆ ไปเที่ยวกันดีกว่าว่ะ" กำพลเข้ามาตบบ่านักรบจากด้านหลัง พลางมองตามมือที่เก็บผ้าเช็ดหน้าเข้ากระเป๋า "เอ็งไปเถอะ ข้าอยากอยู่เงียบๆว่ะ" เขาเดินหนีจากเพื่อนมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง แต่เพื่อนยังไม่ละความพยายาม "วันนี้วันเกิดน้องเมย์ เขาอยากเชิญเอ็งไปฉลองวันเกิด แต่เขาไม่กล้า ข้าเลยอาสามาชวนให้" กำพลยักคิ้วแผล่บ นักรบหันไปทางกลุ่มสาวๆ น้องเมย์กำลังชำเลืองมองมา เมื่อสบตากับเขา เธอก็ยิ้มอายๆแล้วหลบสายตาไปคุยกับเพื่อนสาวๆต่อ "เขาแสดงออกขนาดนี้แล้ว เอ็งยังไม่สนอีกหรอวะ  เป็นข้าหน่อยไม่ได้" เพื่อนท่าทางผิดหวังกับปฏิกิริยาของเขา "ไม่รู้ล่ะ ข้าบอกเขาไปแล้ว ว่าเอ็งจะไป ถ้าไม่อยากเสียหมา ก็เลิกงานไปด้วยกัน" กำพลพูดรวบหัวรวบหาง ก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้ "อืมมมม...จะว่าไป ข้ายังไม่เคยเห็นเอ็งรับปากอะไรกับใคร แล้วไม่ทำเลยว่ะ"

"พี่รบไม่สนุกหรอคะ" เสียงน้องเมย์ดึงเขากลับมาจากความคิด เสียงดนตรีในห้องคาราโอเกะแผดลั่น ในขณะที่เพื่อนกับน้องสาวๆอีกสองคนร้องเพลง พลางเต้นกันอย่างสนุกสนาน ที่โต๊ะเหลือนักรบที่นั่งหน้าไร้อารมณ์ กับน้องเมย์ที่กำลังชงเหล้า "เอ่อ...พี่ขอโทษนะ ถ้าทำให้เมย์หมดสนุก" น้องเมย์ยิ้ม เธอเป็นสาวน่ารัก จะว่าที่สุดในออฟฟิศก็คงได้ ผมยาวสีน้ำตาลเข้มปลายดัดลอน ตาโตหวานเยิ้มด้วยรอยยิ้ม ทรวดทรงองค์เอวเธอนั้น กำพลถึงกับออกปากว่านางแบบชิดซ้าย เนินอกอวบที่ดันเสื้อรัดจนเป็นรูปร่าง กับเรียวขาขาวโผล่พ้นจากกระโปรงสั้นกุดนั้น ทำให้ทั้งหนุ่มแก่ในออฟฟิศตามจีบเธอกันเป็นพรวน แต่กำพลกลับมาบอกว่าเธอสนใจเขา?

"เมย์เห็นพี่รบซึมๆ เลยอยากให้พี่ร่าเริงขึ้นน่ะค่ะ" เธอพูดพลางขยับกายท่อนบนตามจังหวะเพลง สามคนนั้นยังร้องและเต้นกันไม่หยุด "ขอบคุณมากจ้ะ อ้อ นี่ของขวัญวันเกิด" นักรบหยิบกุหลาบช่อเล็กที่สั่งเมื่อเย็นออกจากกระเป๋าสะพายส่งให้ "พี่ไม่มีเวลาเตรียมเลย ขอโทษด้วยนะ" "ขอบคุณค่ะ" สาวสวยรับ พร้อมพึมพำขอบคุณเบาๆ ตาหวานหยาดเยิ้มมองช้อนสบตาเขา "ฮั่น แน่! ไอ้นี่เห็นเงียบๆ ไม่ทันไร จะบอกรักน้องแล้วเรอะ" กำพล น้องดา และน้องแอน มายืนดูอยู่เมื่อไหร่ไม่รู้ ส่งเสียงวี๊ดวิ้วกันจนน้องเมย์หน้าแดง "ดอกไม้สวยจัง" น้องแอนชะโงกหน้ามาดู "ให้ดอกไม้แล้ว จุ๊บด้วยสิพี่" น้องดาผสมโรง นักรบส่ายหน้ายิ้มๆท่ามกลางเสียงเชียร์ ส่วนน้องเมย์นั้นหน้าแดง ตาเป็นประกาย "งั้นน้องเมย์ ให้รางวัลตอบแทนไอ้รบหน่อยสิ" เพื่อนสนิทของเขาเปลี่ยนมายุอีกฝ่าย "อะไรดีๆ" สองสาวเป็นลูกคู่รับ "หอมแก้ม ๆๆๆ ๆๆ" กำพลเป็นต้นเสียง ก่อนที่ทั้งสามตะโกนเป็นจังหวะ พร้อมเพรียงยังกับเชียร์บอล น้องเมย์หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ก่อนที่จะทันได้ทำอะไร เธอก็จุ๊บเขาอย่างรวดเร็วที่แก้มซ้าย ท่ามกลางเสียงเฮลั่นของกองเชียร์

นักรบขยับตัวห่างโดยอัตโนมัติ ปลายก้านกุหลาบจากช่อดอกไม้ที่เธอถืออยู่ในมือ สะกิดผ้าเช็ดหน้าโผล่พ้นกระเป๋าเสื้อขึ้นมาเล็กน้อย "เฮ้ย เดี๋ยวนี้พกผ้าเช็ดหน้าด้วยเรอะ สีชมพูซะด้วย ไม่เข้ากะเอ็งเลยว่ะ อ๊ะๆ...หรือว่าใครให้มา" เพื่อนตัวแสบตาไวกว่าที่คิด โดยไม่ทันตั้งตัว น้องเมย์เอื้อมมือมาดึงมันออกไป เขาใจหายวาบ เธอเอียงคอนิดๆอย่างสงสัย พลางคลี่ผ้าออกดู "เศษอะไรเนี่ย?" เธองุนงงเมื่อเห็นดอกไม้แห้งซุกอยู่ในผ้าเช็ดหน้า ไวกว่าที่เขาจะคว้าทัน เธอปล่อยมันร่วงลงพื้น ก่อนจะเริ่มพับผ้าเช็ดเพื่อคืนให้ "น้องเมย์"เสียงเขาตวาดดัง จนเธอและเพื่อนๆสะดุ้ง "............" นักรบตัดสินใจไม่พูดต่อ ก้มลงคว้าดวงจำปาบนพื้น และดึงผ้าเช็ดหน้าไปจากมือเธอ "สุขสันต์วันเกิดครับ" เขาพูดเบาๆโดยไม่มองหน้าเธอและคนอื่นๆ ลุกขึ้นและก้าวออกมาจากห้องนั้นทันที

.................................


ยามกางคืนเดือนแจ้ง เฮืองแสงใสส่อง
ตาล่ำมองเบิ่งฟ้า ขาวแจ้งทั่วไป
เดือนหากใสคือแก้ว แววมะนีเฮืองฮุ่ง
พุ่งแสงนวนสู่พื้น ให้เห็นแจ้งทั่วแผ่นดิน
เด็กพากันมาหลิ้น ซมจันย่างม่วนซื่น
พากันยืนแอบฟ้อน วอนโอ้โอ่ยลำ
เหลียวล่ำไปตามบ้าน จำปาบานเฮืองเฮื่อ
ยามเมื่อลมพัดต้อง หอมกุ้มใส่ดัง แท้นา.

เสียงลำนำชมเดือนประกอบเพลงดังแว่วมาจากวิทยุเบาๆ จำปาเหม่อมองพระจันทร์วันเพ็ญแสงนวลกระจ่าง สายลมแห่งความคิดถึงพัดพาให้ใจล่องลอยไป วันคืนอันแสนหวาน คล้ายผ่านมายาวนานเหลือเกิน เวลาแห่งความสุข มักจะจากเราไปอย่างรวดเร็วเสมอ... แต่เวลาแห่งความทรมาน มันช่างยาวนานเหลือที่จะทานทน... "คำสัญญาสำหรับบางคน...มันเปนแค่คำเว้าจา" "แต่คำสัญญาสำหรับบางคน...มันเป็นสัจจะนะจำปา" คำของเขาในวันนั้น ทำให้เธอแอบหวัง หวังแม้ว่ามันจะริบหรี่เลือนราง เหมือนเปลวเทียนกลางพายุ ยิ่งคิดถึงเขา เธอยิ่งไม่อาจห้ามความหวั่นไหวในจิตใจ น้ำตาหยาดน้อยเริ่มไหลริน พร้อมกับเสียงสะอื้นไห้เบาๆ

"เอื้อย...เปนหยังบ่นอน" เสียงงัวเงียของน้องน้อยปลุกเธอจากภวังค์ สาวน้อยรีบเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้ม "เอื้อยสินอนแล่ว ตื่นมาเฮ็ดหยังล่ะ" เธอพยายามบังคับเสียงไม่ให้เครือสั่นขณะตอบ "หนกขูวิดทะยุ" น้อยส่งเสียงอู้อี้ บอกให้รู้ว่ารำคาญเต็มที "นอนซะหล่า เอื้อยสินอนแล่ว" จำปาปิดวิทยุ พลางถอนหายใจเบาๆ ก่อนล้มตัวลงนอน ค่ำคืนนี้คงผ่านไปอย่างยากลำบาก...เหมือนทุกคืน..........


พระจันทร์ดวงเดียวกัน...
นักรบนั่งอยู่ในสวนบริเวณบ้าน ทอดสายตาและหัวใจไปแสนไกล แม่หญิงล้านช้างคนงาม จะคิดถึงเขาเหมือนกับที่เขากำลังคิดถึงเธอในตอนนี้บ้างไหม? สัญญาที่ให้ไว้กับเธอ...สัญญาที่ให้ไว้กับหัวใจ "นั่งทำอะไรลูก? ยังไม่นอนอีกเหรอ?" เสียงแม่ของเขาแว่วมาตามทางเดิน เธอเดินมาดูลูกชายด้วยความเป็นห่วง "นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยครับแม่" เขายิ้มให้กับแม่ที่ยืนโคลงศีรษะอย่างระอา เธอเดินมานั่งข้างๆเขา พลางลูบหลังเขาเบาๆ "คิดอะไร? หรือคิดถึงใครจ๊ะ?" สายตาเธออ่อนโยนฉายแววรู้ทัน "ใครครับ?" เขางง ไม่คิดว่าแม่จะรู้ "ก็สาวน้อยในรูปถ่ายที่คั่นสมุดบันทึกของลูกไง วันก่อนแม่เข้าไปจัดห้องให้ เลยเห็นเข้า" เธอตอบยิ้มๆ "ปิดอะไรแม่ไม่เคยสำเร็จเลย" เขาหัวเราะเบาๆ แล้วเลื่อนตัวลงนอนหนุนตักอุ่นๆของแม่อย่างประจบ "ก็แม่มีลูกคนเดียว ลูกรู้สึกยังไง ดีใจ เสียใจ ไม่สบายใจ ทำไมแม่จะไม่รู้ล่ะจ๊ะ?" เธอลูบผมเขาเบาๆอย่างเอ็นดู

"สวยนะ" เธอพูดขึ้นเบาๆ นักรบเลิกคิ้วมองแม่เขาอย่างงงๆ "ก็แม่สาวลาวที่ลูกกำลังคิดถึงอยู่ไงจ๊ะ" แม่จิ้มนิ้วไปที่อกเขาเบาๆ อย่างหยอกเอิน นักรบพูดไม่ออก เขาหัวเราะเบาๆแก้เขิน "ท่าทางเป็นเด็กดี เรียบร้อยน่ารักนะ ว่าไงละเร?า จะพามาเป็นลูกสะใภ้แม่หรือไง?" แม่ถามยิ้มๆ "ในโลกนี้มีผู้หญิงที่ผมรักที่สุดสองคนครับ คนแรกทั้งรักทั้งบูชา" เขาพูดพลางโอบเอวแม่ เธอขยี้ผมเขาอย่างอ่อนโยน "ส่วนอีกคน...รักอย่างที่จะหาใครมาทดแทนไม่ได้อีกแล้ว" แม่ของเขายิ้ม ยิ้มอย่างแม่ที่เข้าใจถึงจิตใจของลูกชาย
"ตอนนี้ ในโลกนี้มีผู้ชายที่แม่รักที่สุด...คนเดียว" เสียงเธอเครือเล็กน้อย
"เพราะฉะนั้น ถ้าผู้ชายคนนั้นจะทำในสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข แม่ย่อมยินดี และเป็นสุขไปด้วย" แม่ยิ้มบางๆ
"แม้ว่าเธอจะไม่ใช่สาวไทย จะเป็นมอญ พม่า รามัญ อะไรก็เถอะ ถ้าลูกรักเธอ แม่ก็พร้อมที่จะรักเธอจ้ะ"
คำตอบของแม่ ทำให้นักรบหัวใจพองโต เขาลุกขึ้นกอดแม่ด้วยความรักและตื้นตัน
"ไปนอนได้แล้วลูก พรุ่งนี้ไปทำงานสายกันพอดี" เขาจูงมือแม่ลุกขึ้น เดินเข้าบ้านพร้อมกัน

..........


"น้อง เมย์ อย่าไปสนใจมันเลย ช่วงนี้ไอ้รบมันบ้า" กำพลพยายามปลอบสาวสวยที่สะอื้นฮักๆ เธอทั้งงงทั้งตกใจ ที่สำคัญคือเธอไม่รู้ว่าทำอะไรผิด "หยุดร้องเถอะนะเมย์" "นิ่งซะเพื่อน วันนี้วันเกิดเธอนะ ทำตัวให้มีความสุขสิ" สองสาวร่วมด้วยช่วยปลอบ เมย์รินเหล้าเพียวๆเกือบเต็มแก้ว แล้วกระดกดื่มรวดเดียวหมด ท่ามกลางการตกตะลึงของเพื่อนๆ "พอแล้วยัยเมย์ เดี๋ยวก็เมาเละหรอก" แอนเตือนด้วยความหวังดี ในขณะที่ดาลูบหลังเธอเบาๆอย่างปลอบโยน กว่าที่น้องเมย์จะยอมตามเพื่อนๆออกมาจากร้าน เธอก็เมาจนแทบยืนไม่อยู่ "เดี๋ยวพี่ไปส่งเมย์เอง" กำพลประคองสาวสวยนั่งด้านข้างคนขับ "ขับรถดีๆนะพี่ ฝากเมย์ด้วย พวกหนูกลับล่ะค่ะ" ดาและแอนลาเขาก่อนจะแยกไปขึ้นรถอีกคัน

สองสาวหารู้ไม่ ว่าพวกเธอกำลังฝากปลาย่างหอมกรุ่นไว้กับแมวหิวโซ รถเก๋งเลี้ยวควับเข้าไปยังม่านรูด กำพลรีบจัดการกับค่าห้องและทิปเด็กอย่างรวดเร็ว "น้องเมย์...น้องเมย์ครับ" เขาแกล้งเขย่าตัวเธอเบาๆ "หลับสนิทเลยเว้ย หวานละวะคราวนี้" สิงห์ร้ายเจนสังเวียนอุ้มร่างปวกเปียกของสมันน้อยไปวางลงบนเตียง หน้ารกหนวดไซ้ซอนไปที่แก้มเนียนหอมกรุ่น มือของเขาแกะกระดุมเสื้อเธอออกอย่างไม่ให้เสียเวลา "อูย...ซ่อนรูปนะจ้ะเมย์" สายตาหื่นกามจ้องตาแทบถลน ไปที่เนินอกขนาดมหึมาใต้ยกทรงบางเบา เขาปลดตะขอ แล้วก้มลงฟอดฟัดอย่างหมั่นเขี้ยว เสียงจ๊วบจ๊าบๆ เมื่อเขาดูดเลียยอดถันสีชมพู มือเขาบีบบี้ด้วยความเมามัน จนเต้าอ่อนเป็นรอยปื้นแดง มันขาวหอมละมุน เสียจนอดจะหม่ำเม้มอย่างหมั่นเขี้ยวไม่ได้

เขาถอดกระโปรงและกางเกงในของเธอปลิวไป กำพลถึงกับตาค้างอีกครั้ง หน้าท้องแบนเรียบ ขับเน้นให้โคกเนินสวาทของเธอนูนเด่น ขนไหมประปรายเบาบาง กลีบกุหลาบของเธอเป็นสีชมพู เพราะความขาวจัดของผิวกาย กำพลจ้องอย่างน้ำลายสอ ไวกว่าความคิด หน้าหนวดซุกแทรกเข้ากลางหว่างขาเธอทันที ลิ้นสากหยาบลากเลีย สลับกับการใช้ปากดูดเม้มเม็ดมณี ความเสียวซ่านที่แล่นไปทั่วร่าง ทำให้เมย์เริ่มรู้สึกตัว ส่วนล่างของเธอแอ่นขึ้นรับชิวหาชำนาญเชิงตามธรรมชาติ เสียงครางเริ่มดังออกมาจากปากสาวสวย เธอยังมึนจนลืมตาไม่ขึ้น แต่ความเสียวสุขสยิวนี้ มันพุ่งทวีจนเธอแทบทนไม่ได้

"โอย...อูย...อา..." ยิ่งได้ยินเสียงคราง กำพลยิ่งเลียยิ่งดูดหนักหน่วงยิ่งขึ้น "โอววว...พี่รบขา...เมย์เสียว" กำพลชะงักนิดนึง "ละเมอว่ากำลังโดนไอ้รบใช่ไหม?...ได้เลย พี่พลจะจัดให้จนลืมไอ้รบเอง ฮ่าๆๆๆๆ" เขาหัวเราะอย่างสะใจ ขณะโหย่งตัวขึ้นถอดเสื้อกางเกงอย่างรวดเร็ว ท่อนลำขนาดเขื่องถูไปตามร่องหลืบกลีบฉ่ำเยิ้ม เมื่อคลุกเคล้าหัวบานจนชุ่มแล้ว เขากดมันผ่านรอยแยกที่รัดตึงจนลึงค์แทบขาด "โอ๊ะ...โอ๊ยยย" เสียงครางของเมย์กลายเป็นเสียงร้อง ด้วยความเจ็บปวดระคนตกใจ เธอลืมตาขึ้นมอง จังหวะนั้นกำพลโน้มตัววูบลงมาจูบเธอ ลิ้นล้วงเข้ามาคว้านความหอมหวานในปากสาวสวย "อู๊...อ๊าา..." เธอรู้ตัวแล้วว่าผู้ที่กำลังทำรักกับเธอนั้น ไม่ใช่ชายที่เธอใฝ่ฝัน ร่างบางพยายามดิ้นรนหนี แต่มันสายไปเสียแล้ว

เขาใช้มือข้างเดียวรวบสองแขนเธอไว้เหนือหัว ใบหน้าที่หื่นกระหายยิ้มแสยะ จนดูเป็นคนละคนกับตอนกลางวัน "อย่าร้องไปเลยที่รัก พี่จะทำให้น้องลืมคืนนี้ไม่ลง ฮ่าๆๆๆ" กำพลพูด พลางกดท่อนลำลึกเข้าไปช้าๆอย่างยากลำบากจนจมมิด เมย์น้ำตาคลอด้วยความผิดหวัง แต่เขาไม่นำพากับมัน เริ่มขยับเอวซอยทะลวงกลีบงามอย่างเมามันส์ "อึ๊...อึ๊...อี๊" เธอหลับตาปี๋ ครางตามจังหวะความเสียว ที่แปลบปลาบพุ่งจากหน้าขา เข้าสู่หัวใจและสมอง เสียง..ตั่บๆๆๆๆๆ..ดังระงมห้อง ประสานกับเสียงครวญครางของเมย์ ตอนนี้น้ำตาเธอเหือดแห้งไปแล้ว สิ่งที่เสียไปไม่อาจหวนคืนกลับ ถ้าทำใจได้และสนุกไปกับมัน อย่างไรเสีย มันก็ไม่ใช่ความเจ็บปวดทรมาน หากมันเป็นความหฤหรรษ์สุดยอดที่สวรรค์บันดาลให้กับทุกสรรพชีวิตบนโลก

เมย์เริ่มแอ่นเอวประสานตามจังหวะการขย่มโยกของกำพล เธอปรือตาเยิ้มขณะหยิกเขาที่ท่อนแขนอย่างหมั่นเขี้ยว ท่อนลำฉ่ำเยิ้มเป็นฟองฟอด ขณะพุ่งเสียบแทรกกลีบกุหลาบอย่างไม่หยุดยั้ง กลิ่นคาวกามอวลคลุ้งตลบห้อง "โอ๊ะ...โอ๊ะ...โอ๊ะ...อ๊าาาาาาา" "อูยยย ...อาาา...อ๊ากกกกกก" สองเสียงผสานกันเป็นหนึ่ง เมื่อทั้งสองเอื้อมมือแตะถึงขอบสรวงสวรรค์พร้อมกัน "พี่พลจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ไหมคะ?" เมย์ถามขณะที่ทั้งคู่กำลังนอนดูเงาของตัวเองจากกระจกบนเพดาน "ถ้ามันเป็นความต้องการของน้องเมย์ พี่รู้ว่าใจเมย์ให้ไอ้รบไปหมดแล้ว" กำพลพูดขณะลูบไล้เต้าอ่อนข้างหนึ่งอย่างเพลิดเพลิน "พี่พลก็รู้...แต่ทำไมพี่..." เธอพยายามจะเรียบเรียงคำพูด แต่เขาแทรกขึ้นมาเสียก่อน "เพราะน้องเมย์สวยหวานบาดใจ จนพี่หลงรักตั้งแต่ได้เจอครั้งแรกน่ะสิจ้ะ ไม่ใช่พี่คนเดียวหรอก หนุ่มทั้งออฟฟิศนั่นล่ะ ฮ่ะๆๆๆ"

"แต่ยกเว้นพี่รบ..." เสียงของเธอเศร้าลงเล็กน้อย แต่กลับเป็นปกติโดยเร็ว "ช่างเขาเถอะค่ะ เมย์ตัดใจได้แล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีคนชื่อนักรบอยู่ในหัวใจเมย์อีกแล้วค่ะ" เธอพูดอย่างเด็ดเดี่ยว "งั้นพี่ขอ..." เข้าทางกำพลพอดี "ไม่ค่ะ เมย์จะไม่มีใครอีกทั้งนั้น เมย์จะไม่รักใครอีกแล้ว" หางเสียงเธอสั่นเครือเล็กน้อย "ความรักมันก็ส่วนความรัก แต่ว่าความเสียวมันไม่เข้าใครออกใคร จริงไหมจ้ะ?" กำพลพูดยิ้ม ขณะที่บีบบี้เต้าสวยให้หนักมือขึ้น
"อย่าทำอีกเลยค่ะ ยะ...อย่า...อูย..." เธอหลับตาคราง ด้วยความเสียวซ่าน สมันน้อยอ่อนเชิงหรือจะเท่าทันเชิงสิงห์คะนองกาม แล้วความสุขปนเสียวก็เริ่มดำเนินไปอีกครั้ง...

....................................................


"จำปาเอ๊ย...ฮอดเฮือนแล่ว" เสียงลุงคำคนขับรถเจ้าประจำเอ่ยกับเธออย่างเอ็นดู รถจอดรอเธอลงอยู่นานเกือบนาที สาวน้อยตื่นจากภวังค์ หันมองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่ารถจอดอยู่หน้าบ้านเธอ ก็ยกมือไหว้ขอโทษลุงคำแล้วลงจากรถ "บ่เปนหยังๆ...ฮ่าๆๆๆๆ" แกหัวเราะ พลางเคี้ยวหมากพลางอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะขับรถจากไป จำปาเดินมานั่งที่ชิงช้าเล็กๆหน้าบ้าน ที่พ่อทำให้สมัยเธอยังเด็ก ซึ่งตอนนี้เป็นที่เล่นประจำของน้องน้อยไปแล้ว แต่บางครั้งเธอก็ชอบที่จะมานั่งทอดอารมณ์เพลินๆตรงนี้

จำปาถอนใจเบาๆขณะที่มือสากกร้านของใครคนหนึ่งลูบผมเธออย่างปราณี "เปนหยังลูก" พ่อของเธอยิ้มอย่างเมตตา เธอหันมาสบตาพ่อ แล้วเอนศีรษะไปซบลงบนหน้าอกพ่อที่ยืนอยู่ด้านหลัง "พ่อเคยคึดฮอดไผบ่ คึดฮอดแบบนักๆนะ" เสียงเศร้าสร้อยของลูกสาวทำให้พ่อยิ้มปลอบใจเธอ "ก็เคย...โดนหลาย ก่อนลูกสิเกิด พ่อเคยฮักผู้สาวนางนึง เพิ่นไปเฮียนปะเทดนอก" สายตาพ่อเหม่อไปไกลระลึกถึงความหลัง "เกิดการเปี่ยนแปง ดอกไม้ขาวกลายเปนแดง.. .ขวากลายเปนซ้าย นางกลับมาบ่ได้" "พ่อก็คึดฮอดนางนั่นแล่ว เปนคือเจ้าตอนนี้ล่ะ" พ่อวางมือบนบ่าของเธอ จำปาจับมือพ่อมาแนบแก้ม

"พ่อยังคึดฮอดอยู่บ่?" เธอเงยหน้ามองพ่อที่เศร้าซึมลงไป เขายิ้มบางๆให้กับลูกสาว "บัดนี้พ่อมีแม่ มีน้อย มีจำปา... พ่อบ่ได้คึดฮอดนางอีกแล่ว" จำปากอดเอวซบหน้าลงกับอกพ่อ "พ่อจะว่าหยังบ่? หากจำปาสิไปเฮ็ดเวียกอยู่ปากเซ" เธอเปลี่ยนเรื่องเร็วจนพ่อแปลกใจ "เปนยังสิไปอยู่ปากเซซะล่ะลูก แล้วจะไปอยู่กะไผ?" พ่อถามอย่างเป็นห่วง พลางลูบผมยาวสลวยเบาๆ เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับพ่อ แววตาเศร้าของสาวน้อยทำให้พ่อสงสารเธอจับใจ "หากแม่เจ้าบ่ว่า...ก็ไปเถ๊อะ หากเจ้าอยู่หม่องนี่ มันบ่สบายใจ๋" พ่อถอนใจยาวเพราะรับรู้ได้ถึงความทุกข์ระทมที่อยู่ในดวงตาคู่นั้น "อยากกลับมื้อใด๋สิค่อยกลับ เอาจังซั่นดีบ่ลูก" จำปายิ้มรับคำอนุญาตนั้น "พ่อ...เอื้อย...กิ๋นข้าววว" น้องน้อยวิ่งตื๋อออกมาตาม สองพ่อลูกจูงมือกันกลับเข้าบ้าน

..........................................................


เมย์กับนักรบไม่ได้พูดกันตลอดสัปดาห์ แม้ว่ากำพลจะกำชับว่าเขาสามารถรักษาความลับไว้ได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่อยู่ในใจ ก็ทำให้เธอไม่สามารถเข้าหน้าเขาได้สนิท นักรบเองก็เช่นกัน ใจเขารู้สึกผิดที่ไปตวาดใส่เธอ ทั้งที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร เขาพยายามจะหาโอกาสขอโทษเธอ แต่เมย์ก็พยายามหลบหน้าเขาอยู่ตลอดเวลา จนเขาได้โอกาสพูดคุยในวันนี้ "เฮ้ย...ลองวีคปีนี้ไปเที่ยวไหนกันดี" กำพลเดินเข้ามาในออฟฟิศ ถามทักทุกคนอย่างร่าเริง เขาแอบเห็นสายตาของแอนและดาที่บุ้ยหน้าไปทางเมย์และนักรบ ทั้งสองกำลังนั่งมองหน้ากันอยู่ที่โต๊ะกาแฟมุมห้อง

"พี่ขอโทษด้วยสำหรับเรื่องวันก่อน พี่...เอ่อ...พี่ พี่ทำไม่ดีกับเมย์" แววตาเขาอ่อนลงแบบคนสำนึกผิด ตรงข้ามกับเมย์ที่ตาเริ่มชื้นด้วยหยาดน้ำ แต่น้ำเสียงที่เธอตอบกลับมานั้น ฟังดูราบเรียบผิดกับแววตาท่าทาง "ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ลืมมันเสียเธอค่ะ" เธอตอบและยิ้มให้กับเขา ('สิ่งนั้นอาจมีค่าสำหรับพี่..แต่สิ่งนั้นกลับทำลายสิ่งมีค่าสำหรับเมย์' เธอรำพึงอยู่ในใจขณะเสหันมองหน้าต่าง)

"ไม่เอาน่า อย่าเครียดสิจ้ะเมย์ ไอ้รบด้วย อาทิตย์หน้าก็ได้หยุดยาวแล้ว" กำพลเข้ามานั่งที่เก้าอี้ว่าง ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง "ไปเที่ยวไหนดีคะพี่พล" เมย์หันมายิ้มให้เขา ในขณะที่สองสาวเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์คลี่คลายแล้ว ก็เข้ามาร่วมวงด้วย "เราว่า...ไปเชียงใหม่มะ อยากไปดูหมีแพนด้า" น้องดาสาวรักสัตว์รักธรรมชาติเอ่ยชวน "ไม่เอาอ่ะ...ทำเป็นเด็กๆไปได้ยัยดา เราว่าไปชอปปิ้งฮ่องกงดีกว่า" น้องแอนสาวนักช๊อปเสนอความเห็นบ้าง "เมย์ละจ้ะ อยากไปไหน?" กำพลหันมาถามเมย์ คำตอบเขา เธอทำให้ชายหนุ่มอีกคนอึ้ง

"เมย์อยากไปลาวค่ะ..." หางตางามเหลือบไปทางนักรบเล็กน้อย "อยากรู้ว่าที่นั่นมีเสน่ห์อะไร ที่ทำให้ใครบางคนยังหลงมนต์อยู่" นักรบได้แต่นั่งอึ้ง เขาไม่ตอบโต้ แต่รู้สึกได้ถึงดวงจำปาที่ร้อนผ่าวอยู่แนบอก "ตกลงเลยจ้ะ พี่อยากไปเหมือนกัน" กำพลตอบเอาใจเมย์ พลางรีบสรุป "ตกลงสองเสียงชนะ เป็นอันว่าปีนี้เราไปเที่ยวลาวกัน ไอ้รบเอ็งไปด้วยนะ ห้ามเบี้ยว" เขาพยักหน้าเนือยๆ ท่ามกลางเสียงบ่นเบาๆของสองสาว ก่อนจะลุกขึ้นไปยืนเหม่อมองเมฆริมหน้าต่าง

..............................................................


เมื่อข้ามแดนจากช่องเม็กแล้ว ระหว่างที่กำพลติดต่อหาไกด์และเช่ารถ หลังจากนัดแนะเวลากัน แอนก็จูงมือดาหายไปท่ามกลางผู้คนที่เดินเบียดเสียดกันซื้อข้าวของที่ตลาด นักรบเดินไปมาบริเวณนั้นอย่างไม่มีจุดหมาย เสียงนักท่องเที่ยวและไกด์เซ็งแซ่อยู่ทั่วไป เสียงฝรั่งสองผัวเมียวัยชรากำลังร่ำลากับไกด์สาว ขณะเขาเดินผ่านห่างไปสองสามเมตร นักรบหันมามองโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมยาวเงางามสยายเต็มหลังนั้นคุ้นตาเขาเหลือเกิน เสียงหวานๆคุ้นหูตอบรับคำชม พร้อมกับยกมือไหว้ เธอยิ้มโบกมือ และหันตามส่งสองฝรั่งชราที่กำลังเดินมาทางเขา

โลกทั้งโลกเหมือนหยุดหมุน... ผู้คนและสรรพสิ่งรอบกายเลือนราง เสียงเซ็งแซ่จอแจเงียบหายไปจากสำนึก... ร่างเล็กในเสื้อผ้าฝ้ายแขนสั้น นุ่งซิ่นน้ำเงินกรอมเท้าเหมือนในวันพบกันครั้งแรก... แววตาเธอที่ตระหนกในแวบแรกที่เห็น ก่อนจะเริ่มคลอด้วยหยาดน้ำ... ร่างของทั้งสองหนักอึ้งเหมือนหิน ความรู้สึกบางอย่างท่วมท้นหัวใจ...เขาทำได้เพียงกระซิบรำพึงออกมาเบาๆ... "จำปา..."



peddo

อ่านแล้วซึ้งเลยครับ บทรักก็ละมัย เจือความเสียวทั้งแบบอ่อนโยนและน่าสงสาร
แล้วถ้าสองสาวปะหน้ากัน มันจะมีดรามาไหมนะ
กำพลอาจจะส้มหล่นอีกรอบก็ได้
ขอบคุณครับ

thongdaeng_skk

เขียนได้ดีมากเลย ไหลลื่นและได้อารมณ์​ซึ้งมาก

asdf4321

เป็นเรื่องที่ลงรายละเอียดดีมากครับ แม้ว่าฉากเสียวจะมีน้อยแต่ก็น่าติดตามหวังว่าจะมีตอนใหม่มาลงนะครับ
แม้ว่าใครจะประเมินตัวเราให้ต่ำต้อย แต่คุณค่าของเราไม่ได้ด้อยตามไปด้วย


C-Runners


artherox

โรแมนติกมากครับ ชอบมากเลย รายละเอียดดีมาก เห็นภาพทุกประโยค

Ricebird526

สงสารทั้งสองคน ทั้งจำปาและนักรบ แต่ก็น่ากลัวตัวมารอย่างกำพลเหลือเกิน เป้นกำลังใจให้ จำปา และนักรบพบความสมหวัง

รอและติดตามอ่านนะครับ


niwat_999

รักโรแมนติกอ่านแล้วเรียกน้ำตาซึ้งในความรักของทั้งคู่

suriyamahajit


Ritsy


sthanya


oay02

เป็นเรื่องที่น่าอ่านมากครับ ลงรายละเอียดได้ดีทีเดียว ชอบมากครับ

teerapong2534m

เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่โรแมนติกมากๆ ช่วยมาลง EP 2 ให้เร็วๆนะครับ