ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ร้านคาราโอเกะ [ Part 6 ] ตอนที่ 74 ( ประสบการณ์ของนายโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, ธันวาคม 01, 2021, 11:53:40 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้




kabyala

เออเนาะใช่ๆครับเจอเยอะครับใหญ่คับซอยเสียงดังตลอดหัวยันท้ายซอยพอเมียกระแอมนิดเดียวคร๊าบบบบบบบ

noppadoi26

คิดถึงเบอร์เกอร์เซเว่นสมัยก่อนจังเลย ถึงโทนจะไม่ชอบแต่ผมชอบนะขนมปังอบไอน้ำอ่ะ มันฟูมันนุ่มมากก ดีกว่าสมัยนี้ที่ใส่ซองเยอะเลย

COKE

อ้างจาก: ΜoNoTΩИ∑ ★★★ เมื่อ ธันวาคม 01, 2021, 11:53:40 หลังเที่ยง
สวัสดีครับ สวัสดี ร้านเกะมาละครับ

มามามา เข้าร้านเกะแล้วค่อย นอนหลับ

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา





★★★★★★★★★★★




ปล. สำหรับท่านที่ต้องการอ่าน ซีรีย์คาราโอเกะ หรือ ทุกซีรีย์ย้อนหลัง


สามารถคลิกที่ภาพ เพื่อวาร์ปไปห้องสมุดนายโทนได้เลยครับ








★★★★★★★★★★★



ปล.2 สำหรับใครสมาชิกใหม่ที่พึ่งสมัครเมมยูซเซอร์เข้ามาแล้วพออ่านเรื่องนี้แล้วอยากอ่านต่อก็ง่ายๆครับ
ตามภาพเลย ขั้นตอน 1 2 3  แต่ระวังการคอมเมนต์ไว้ให้ดีๆ อย่ามาแต่ อีโม นะ








★★★★★★★★★★★



ขออนุญาตแนะนำสาวๆ สักหน่อยครับ




★★★★★★★★★★★


พี่หมิว / เจ๊หมิว  เวอร์ชั่นหวานๆ








★★★★★★★★★★★




พี่เตยก็ประมาณนี้แหละ ตาแหลมๆ หมวยๆ








★★★★★★★★★★★




ความเดิมตอนที่แล้ว



ผมเจอพี่เตยที่เซเว่นแล้วอยู่ดีๆพี่เตยก็ถามผมนะ

ว่าจะคุยได้ยัง ซึ่งในตอนที่ผมไม่กล้าพูด

พี่เตยเธอก็จูบผมทันที แล้วถามว่าจะคุยได้่ยัง




นายโทนไดอารี่ตอนที่ 74





เฮ้ย !!!  เดี๋ยวๆนี่ไม่ใช่แล้ว มันไม่ใช่ที่จะมาทำแบบนี้แล้ว เอาจริงๆนะเว้ยท่านผู้อ่านทั้งหลายถึงผมจะเป็นคนแบบนี้ที่โลเลไปๆมาๆ ไม่หนักไม่แน่น หรือจะเป็นคนมึนๆแบบที่พี่หมิวชอบบอกหรืออะไรทั้งสิ้นแต่สิ่งหนึ่งที่ผมบอกตัวเองไว้เสมอก็คือ เรื่องทำนองนี้มันไม่ควรมาทำให้ใครเห็น




ขนาดโอวเอวมิ้นต์ที่ช่องนนทรีผมยังฮึดแล้วฮึดอีกกว่าจะกล้าขนาดมืดนะนั่นแล้วตอนนี้ หน้าเซเว่นมันไม่ได้มืดเหมือนสมัยก่อนนะเฮ้ย !!! แล้วมันก็ยังไม่มืดคนยังขับรถไปมาอยู่เลย แล้วอยู่ดีๆพี่เตยทำอะไรเนี่ย คือไม่ได้แบบว่าเฮ้ยผมเสียหายไม่ใช่ แต่ผมตกใจว่าพี่เตยทำอะไร



จะคุยมั้ย พี่เตยถามแบบนี้อีกครั้ง ผมก็ถามเดี๋ยวเจ๊เตยทำไรเนี่ย แล้วเชี่ยมากคือมองไปในเซเว่นพนักงานก็มีมองๆมาด้วย ผมรีบจูงมือพี่เตยเดินออกจากตรงนั้นไปตรงหน้าหมู่บ้านเลย พี่เตยก็บอกจะรีบเดินไปไหน ผมก็บอกว่าไปให้พ้นจากเซเว่นนี่แหละ คือต่อให้ตอนนี้พนักงานเซเว่นที่ผมรู้จัก จะไม่ได้ทำงานที่สาขานี้ทุกคนแล้ว



แต่คือการที่ทำอะไรแบบนี้แล้วให้คนอื่นมาเห็นมันแปลกๆ ผมไม่ใช่พวกชอบโชว์แล้วคือไม่ได้รู้สึกภูมิใจเลยที่ อาหมวยคนสวยมาจู๊บบบบบ แบบนี้ มันไม่เหมือนสมัยเรียนมัธยมหรือมหาวิทยาลัยน่ะ ที่เวลามีสาวๆมาทัก มาช่วยคุย หรือมาเกาะแขน เราจะรู้สึกเหนือกว่าไอ้พวกที่จ้องตาเป็นมัน



หรือรู้สึกยืดในกลุ่มเพื่อนๆ แต่ว่าตอนนี้ผมจะไปยืดดดด ให้ใครดูล่ะไม่เลย ไม่มีเลย แล้วนี่พี่เตยจะโดนพนักงานมองว่ายังไงล่ะ เพราะยังไงซะพี่เตยก็ต้องมาที่นี่บ่อยแน่ๆ แล้วคนไทยไม่ใช่เป็นคนลืมง่ายนะ คนไทยแค่ไม่อยากจำ แต่ว่าเรื่องพวกนี้คิดว่าพนักงานจะลืมเหรอ ไม่อ่ะไม่เลย คือผมไม่ได้จะว่าพนักงานร้านเป็นพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนะ



แต่เรื่องพวกนี้คนไทยนี่ไวกันทุกคนแล้วเรื่องแม่งไปไวมาก สาขานี้รู้ สาขานู้นนนน ก็รู้ อารมณ์เหมือนบอกเพื่อนว่า " เฮ้ย เรื่องนี้เหยียบให้มิดนะ " สุดท้ายเป็นไง แม่งเหยียบมิดเลย เหยียบมิดไมล์แล้วไปเล่าให้คนอื่นฟัง เฮ้ออ ปวดหัวเลย ผมพาพี่เตยเดินเลยหน้าเซเว่นมาซักระยะแล้ว




อาการปวดขาก็เริ่มกลับมาอีกที พี่เตยถามว่ารีบเดินมาทำไม ผมก็ถามว่าเจ๊แหละทำอะไรเนี่ย พี่เตยดึงมือไม่ให้ผมเดินครับ แล้วบอกว่า ก็ไม่ยอมคุยด้วยนี่จะให้ทำไง  ผมก็ถามว่าอะไรของเจ๊เนี่ย พี่เตยก็บอกไม่รุ แล้วก็บอกว่าซื้อมาให้กินรีบๆกิน ผมก็งงว่าอะไร ก็เลยเปิดถุงดู ... แซนวิชผักโขมแฮมชีส



เอ่อ ตอนแรกก็ว่ายังไม่หิวนะ แต่เคยเป็นกันมะพอคิดว่าหิว แม่งหิวเลย พี่เตยบอกกินเดี๋ยวนี้รองท้องก่อนค่อยกินข้าวที่บ้านหมิว พี่เตยพูดแล้วก็ขยับเข้ามาใกล้ๆแล้วบอกว่า ถ้าไม่กินเค้าจะจุ๊ปตัวโตจริงๆนะ เอ่อ ผมควรจะโฟกัสที่คำพูดไหนก่อนดีนะ ถ้าไม่กินจะจูบ หรือ ที่เรียกว่าตัวโต คือมันแว๊ปนึงจริงๆนะที่ผมคิดว่า " เหี้ยละ "




แต่สุดท้ายผมก็ต้องกินครับ เพราะถ้าไม่กินจะงามใส้แน่ๆ เพราะถ้าหน้าเซเว่นพี่เตยกล้าทำแบบนั้น ตอนนี้ที่มีแค่รถวิ่งไปวิ่งมาผมว่าเธอคงกล้าทำจริงๆ ผมกัดคำนึง โอยย อร่อย กินกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ แล้วสมัยก่อนคือถ้าได้กินผักโขมอบชีสคือมันจะอร่อยและหอมมากๆ คือน้องๆสมัยนี้อาจจะไม่ทันยุคนั้นเมื่อ 10 ปีก่อนมั้งนะ




อ่ะไหนๆขอย้อนกลับไปอีกสัก 3-5 ปีนะ คือสมัยก่อนนั้น สมัยที่เซเว่นยังเป็นแบบประตูที่ต้องผลักเพื่อเปิด พนักงานยังใส่เสื้อสีเขียวๆเหมือนงานกีฬาสี ตำแหน่งสูงหน่อยก็เสื้อแดง






ตอนนั้นมีสินค้าที่โคตรจะเป็นที่นิยมครับมันคือ สารพัดใส้หรอก แหม่ เรียกซะเสียเลย ต้องเรียกมาไบท์ หรือใส้กรอก 7-11 นั่นแหละ ชีสไบท์ บิ๊กไบท์ จะโม๊กพี่มั้ย เฮ้ย ๆ ๆ ไม่ใช่ ๆ ๆ   สโม๊คกี้มั้ยใส่มาลองเยส ถุ้ยย มายองเนส



เอ่อ พอเถอะเล่นเอง ชงเอง ตบเอง คือสมัยก่อนเซเว่นจะโดดเด่นเรื่องการขายใส้กรอกมากนะ เพราะเขาจะมีเครื่องอุ่นที่หมุนๆตลอดเวลาทำให้ลูกค้าชอบเพราะมันร้อนพร้อมกิน ถึงจะแพงไปหน่อยก็เถอะ แต่เพราะว่ามันมีซอสพริกที่อร่อยชิบหายขอหยาบหน่อยเถอะ แล้วมีผักให้เติมอีก






ผักกาดหั่นซอย   หัวหอมบางสาขาก็หั่นเป็นลูกเต๋าบางสาขาก็มาเป็นแว่นๆ มะเขือเทศนี่ทีเด็ดส่วนมากจะมาเป็นแว่นๆ แล้วก็แตงกวา ผมบอกเลยว่าสมัยมัธยม ฮอทดอก+ขนมปัง ราคา 22 บาท ถ้าวันไหนตังเหลือๆ หรือกลับจากแข่งยูโดผมซื้อกินแน่ๆ เพราะมีเงินเบี้ยเลี้ยงอยู่








ก็นะขนมปังร้อนๆที่หยิบมาจากเตาอบข้างล่างเครื่องอุ่นใส้กรอกที่หมุนไปหมุนมา กับใส้กรอกฟุตลอง โคตรจะน่ากินแน่นอนแหละ แต่พอมาช่วงนึงครับทุกอย่างมันเริ่มปรับเริ่มเปลี่ยน เริ่มมาใช้ไมโครเวฟ ขนมปังที่อบด้วยไอน้ำนุ่มๆนิ่มๆ มันก็ไม่อร่อยเหมือนเดิม และผักก็เริ่มถูกเอาออก





ซึ่งผมก็ไม่รู้นะว่าเอาออกทำไม แต่ก็เข้าใจว่าคนเริ่มเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น ผักเอาไว้ให้ใส่ใส้กรอก บางคนมันก็เอาไปใส่ในมาม่าคัพ 








หรือบางคนซึ่งรวมถึงผมนี่แหละซื้อใส้กรอกอันเดียวแต่ใส่ผักซะอิ่มเลย จนนานวันผ่านไปมุมผักสดก็หายไปจากเซเว่นในกรุงเทพฯ จนพอเวลาผ่านไปมาช่วงที่ผมกำลังเล่านี่ มันเป็นช่วงที่ผลัดเปลี่ยนเต็มขั้น เหมือนว่าเซเว่นจะเอาเครื่องอุ่นใส้กรอกออกไปแล้ว



จะมีก็เป็นไมโครเวป เครื่องอบขนมปังเข้ามา แล้วขนมปังอบก็เริ่มเข้าแซนวิชแฮมชีส ใส้กรอกชีสก็เริ่มเข้ามา ส่วนผักโขมอบชีสที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวนั้นนานๆจะมาทีครับ เหมือนเป็นแรร์ไอเท็มก็ว่าได้ถ้าจะไม่ผิดราคามันจะแพงกว่าแฮมชีสนิดหน่อยราวๆ 5 บาทมั้งนะ




สมัยนั้นอย่างที่เคยบอกว่าแซนวิชจะเป็นแบบทำมือเลยครับ จะใส่มาในกล่องทัพเพอร์แวร์ใสๆปิดฝา คือให้คิดภาพทำแซนวิชมากินเองน่ะครับ สมัยนั้นเป็นแบบนั้นแหละและพอลูกค้าสั่งแซนวิชอบ พนักงานถึงจะหยิบออกมาจากตู้แช่แล้วเอาใส่เครื่องอบ คื คือหมดแล้วหมดเลยวันต่อวัน เพราะว่าส่วนผสมมันก็มีอายุของมัน แล้วยิ่งเป็นผักโขมด้วยยิ่งเสี่ยงต่อการเสียเข้าไปใหญ่ เพราะงั้นการได้กินแซนวิชในตอนนั้นคือต้องดวงดีหรือไม่ก็ถูกเวลาจริงๆครับ สมัยก่อนมันจะห่อกระดาษนิ่มๆเรียกว่าอะไรไม่รู้ไม่แน่ใจ พี่เตยบอกกินสิ่อุตส่าห์ซื้อมาให้ หรือต้องให้ป้อน



ผมบอกไม่ต้อง ๆ ๆ ๆ ๆ  แล้วผมก็นั่นแหละกินมันไป ไม่ว่าจะกี่ครั้งมันก็ยังอร่อยจริงๆนั่นแหละ แซนวิชผักโขมอบชีส พี่เตยก็ถามนะว่าอร่อยมั้ย ผมก็อื้ออ คือมันร้อนไงคิดดูสิ่ชีสร้อนๆมันจะเยิ้มๆ ๆ ผักโขมก็เมื่อโดนอบมันก็จะนิ่มม กินยากนะแต่ก็กิน พี่เตยยังถามอีกว่าเหนื่อยมั้ย ผมก็อื้อ พี่เตยก็ถามอีกนะเค้าถือกระเป๋าให้มั้ย ผมเคี้ยวๆๆๆ กลืน แล้วบอกว่าไม่เป็นไรผมถือได้ เราสองคนเดินมาอีกแปปนึงก็ถึงหน้าหมู่บ้าน และพอผ่านเข้าประตูเข้าไป คือบรรยากาศเปลี่ยนเลย



คือพวกท่านเข้าใจคำว่า สถานที่มันจะสร้างบรรยากาศด้วยตัวของมันเองมั้ยครับ สมมติง่ายๆเลย เราเดินที่ทะเลกับเดินที่ภูเขาก็บรรยากาศต่างกันแล้วนะ แล้วเนี่ยพอเนี่ย พอได้เข้ามาในหมู่บ้านคือมันเงียบ มันไม่มีเหมือนริมถนน ที่มีเสียงรถแล่นไปมาๆ



ตอนนี้มันเงียบ ต้นไม้ในหมู่บ้านมันก็ช่วยให้ความรู้สึกเปลี่ยน แสงไฟก็มีส่วนมากๆเลย แซนวิชผักโขมอบชีสในมือผมอยู่ดีๆ มันก็เค็ม ใช่ครับอยู่ดีๆน้ำตาผมก็ไหลเฉยเลย มันไม่ได้ไหลเพราะเสียใจ ไม่ได้ไหลเพราะได้ฟังเพลงซึ้งๆ แต่มันเพราะคิดถึงมากกว่า




การตัดสินใจจะไม่คุยกับพี่เตยแล้ว ผมเจ็บปวดนะมันเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะทำเลย แต่ถ้ายิ่งคุยมันยิ่งแย่ ผมก็ควรหยุดใช่มั้ย ผมตัดสินใจหยุดนะแต่ไม่ใช่ว่าผมกีใจหรือมีความสุข ผมแค่เลือกทางมี่คิดว่ามันจะไม่ทุกข์เพิ่มแค่นั้น เพราะถ้าท่านทั้งหลายอ่านๆมาจะเห็นว่าพี่เตยเธอเหมือนแบกระเบิดไนโตรกรีเซอร์รีนเอาไว้ สะกิดนิดเดียวก็พร้อมจะระเบิด ผมไม่อยากทำแบบนั้น ตัวผมก็ไม่อยากรู้สึกผิด และก็ไม่อยากให้พี่เตยต้องอารมณ์เสียด้วย เลยตัดสินใจย้ายออกปละหยุดทุกอย่าง




ผมอึดอัดนะบอกตรงๆ การที่ได้คุยกับพี่หมิวตอนเช้ามันช่วยได้เยอะ แต่เข้าใจใช่มั้ยครับ ว่าความผูกพันมันไม่ได้ตัดกันง่ายๆ ถึงผมจะเลือกแล้ว แต่พอคิดว่าจะไม่ได้คุยกันอีกมันก็โหวงๆ เหวงๆ อยู่ดี เอาจริงถ้าไม่ได้พี่เตย ชีวิตผมอาจจะมาไม่ถึงจุดนี้ก็ได้



จริงอยู่ที่ผมไม่ได้รู้สึกดีที่พี่เตยพาผมไปเจอพี่หมิวที่สยาม แต่ว่าพอได้เจอพี่หมิวชีวิตผมก็เปลี่ยนไปมากจริงๆ ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ ได้รับโอกาสดีๆจากพี่แมน ได้ทำงานที่ไม่คิดว่าจะได้ทำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสารตั้งต้น มันจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าพี่เตยไม่มาผมไปเจอพี่หมิววันนั้น ผมก็อาจจะไม่มีวันนี้ก็ได้




แล้วพอมาคิดว่าจะไม่ได้คุยไม่ได้ทำอะไรเหมือนเดิมมันก็ใจหายนะ แต่พอได้มาเดินด้วยกันแบบนี้อีกครั้ง ไม่รู้สิ่มันกลับกลายเป็นความรู้สึกบางอย่างที่คิดถึงมั้ง น้ำตามันเลยไหลออกมาเอง พี่เตยถามว่าเป็นไร ๆ ๆ ๆโทนเป็นไร ผมบอกเปล่านี่แซนวิชเค็มเฉยๆ พี่เตยก็บอกไม่จริงเห็นนะว่าร้องไห้ เป็นไรคิดถึงเจ๊เหรอ ผมก็ไม่ตอบ ทั้งๆที่ใจผมน่ะมันบอกว่า อื้ม คิดถึงเจ๊ พี่เตยยังเอี้ยวตัวเกาะผมไปซ้าย ขวาที แล้วพูด คิดถึงเจ๊ก็บอกกกกก



ผมเคี้ยว แซนวิช ๆ ๆ เคี้ยวๆ กลืนแล้วตอบ " อื้อ " แค่นั้น เจ๊เตยก็เกาะแขนนะแล้วบอกว่า อื้อใจตรงกันเลยเจ๊ก็คิดถึงโทน พี่เตยพูดแล้วเอียงหัวมาซบตรงไหล่ ด้วยความที่เจ๊เตยสูง 170 นิดๆเนอะ ก็จะเท่าๆผมนั่นแหละ ก็เลยได้ซบไหล่ เราไม่พูดอะไรกันนะ ไม่ต้องบอกอีกว่าคิดถึงมากแค่ไหน ให้ภาษากายที่มันเกิดขึ้นบ่งบอกก็พอ พี่เตยเกาะแขนผมแน่นขึ้น ผมรู้สึกเจ็บกล้ามเนื้อนะแต่มันก็ยังทนได้อยู่ จนผมถามขึ้นมาว่าเจ๊มาเมื่อไร พี่เตยบอก ไม่รุ๊ !!!



อยู่ดีๆพี่เตยก็ถามนะว่าจะไม่คุยกับเจ๊อีกจริงๆเหรอ ผมเงียบนะ เงียบแล้วค่อยตอบอื้ม ผมไม่อยากให้เจ๊หงุดหงิดอีกนะ ผมขอโทษนะที่หักหลังเจ๊ ผมว่ามันดีที่สุดแล้วล่ะ พี่เตยถามว่ามันจะดีจริงๆเหรอ ผมก็บอกนะว่า ผมรู้แหละว่าผมเป็นคนทำให้เรื่องมันแย่ ผมก็อยากง้อเจ๊นะ แต่ผมไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เริ่มยังไง เพราะมันไม่มีอะไรให้ผมอ้างได้เลยนี่ พี่เตยก็บอกว่าตอนนั้นโกรธอยู่ ผมลูบแก้มพี่เตยเบาๆนะแล้วบอกว่า ผมรู้ว่าเจ๊โกรธ




พี่เตยถามนะว่า แล้วทำไมไม่ง้อ ผมบอกผมพยายามแล้วแต่เจ๊ไม่เปิดช่องเลยนี่ แล้วผมเองก็เรียกร้องอะไรไม่ได้ด้วยผมผิดนี่ครับ พี่เตยก็บอกถ้าไม่เปิดช่องอ่ะไม่ไปถึงบ้านหรอก ผมก็เงียบนะตอนนั้น แต่พี่เตยก็พูดมาอีกว่า แต่เจ๊ทำเสียเรื่องหมดเลยเนอะ เจ๊รู้นะว่าโกรธที่เจ๊พูดเรื่องบ้านของโทนเจ๊ไม่ได้ตั้งใจ แต่ตอนนั้นเจ๊ไม่รู้จะพูดยังไงดี




ผมก็ถามนะว่าทำไมเจ๊รู้ว่าผมโกรธเหรอ พี่เตยเขาก็บอกว่าโทนไม่เคยเป็นแบบนี้ โทนไม่เคยระเบิดลงแบบนี้นี่นา ขนาดตอนที่.... รู้ว่าเจ๊มีแฟนอยู่แล้วโทนยังไม่โกรธเลย ผมได้แต่ฟังครับไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับความคิดของตัวเองยังไงดี เพราะใช่ผมโมโหที่พี่เตยพูดเรื่องบ้าน แต่ผมคิดนะว่าที่พี่เตยพูดแบบนั้นออกมาเพราะโมโหที่ผมแทงข้างหลังเขาหรือเปล่า แล้วพี่เตยก็พูดต่อ อืมมมมม นี่เราไม่ได้เดินด้วยกันแบบนี้นานแค่ไหนแล้วเนี่ย ผมถามว่าเดินแบบไหนเหรอ พี่เตยก็บอกแบบเนี้ย....  แบบสบายใจไม่ต้องคิดอะไรเพราะว่ามีอะไรก็พูดกัน.... ผมเงียบก่อนที่จะพูดว่าไม่เคยเลย พี่เตยหันมองแล้วบอกเคยดิ่ทำไมจะไม่เคย ผมก็ถามนะว่าเจ๊เคยสบายใจเหรอเวลาเดินกับผม



พี่เตยบอกสบายใจสิ่ ไม่สบายใจจะเดินด้วยเหรอถามไรเนี่ย ผมก็บอกนะว่าไม่ใช่สบายใจแบบนั้น แต่หมายความว่าสบายใจจริงๆเหรอที่เดินกับผมแล้วต้องระแวงว่าเพื่อนเจ๊หมิวจะมาเห็น พี่เตยก็เงียบเลยตอนนั้น ผมพูดต่อใช่ม๊า ผมเองก็ไม่เคยเดินกับเจ๊แล้วสบายใจแบบนี้เหมือนกัน



พี่เตยถามหืมอะไรเหรอ ผมก็ถอนหายไป เฮือกนึงแล้วพูดว่าเพราะผมคิดหาทางจะได้อึ๊บพี่ตลอดเวลาไง พี่เตยพูดไอ้บ้าโทนแล้วตีผมดังเผี๊ยะ ซึ่งเอาตรงๆนะปกติมันไม่เจ็บหรอกแต่ตอนนี้ผมอ่อนแอ ผมร้องดังโอ๊ยยย พี่เตยบอกสมหน้า แล้วถามว่าผมคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ ผมก็บอกอื้อช่วยไม่ได้ใครอยากให้เจ๊สวยล่ะ



โอ๊ยยยยย น่าร๊ากกก เดี๋ยวคืนนี้จัดให้ 2 ที  #เตยคนสวย



พี่เตยก็พูดบ้า !!! แล้วก็เกาะแขนผมต่อ พี่เตยก็บอกนะว่าอื้มมันไม่สบายใจเลยนะ ความสบายใจมันก็แค่แว๊ปนึงที่รู้สึกว่ามีคนเข้าใจ มีคนที่มีเวลาให้ แต่มันก็ระแวงว่าจะมีใครมาเห็นมั้ยนะ มีใครจะไปบอกหมิวมั้ยนะ แล้วโทนจะจับได้มั้ยนะ เจ๊ไม่สบายใจไปหมดเลย เจ๊ว่าเจ๊เห็นแก่ตัวมากนะ เจ๊ไม่อยากจะเลิกกับหมิวแต่ก็อยากหาความสุขใส่ตัวบ้าง



เจ๊รู้ว่าหมิวไม่ค่อยมีเวลาให้ ปากเจ๊บอกหมิวว่าไม่เป็นอะไร แต่ว่าเจ๊ก็นอกใจหมิว แล้วพี่เตยก็ถามนะว่าผมโกรธมั้ยตอนที่จับได้ว่าเจ๊มีแฟนแล้ว ผมก็บอกว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงพูดยากแหละ แต่ตอนนี้คงพูดได้แล้วแต่เจ๊ต้องสัญญาก่อนว่าห้ามโกรธผมนะ ตอนนี้ผมหมดแรงง้อแล้ว พี่เตยก็เกาะแขนแล้วบอกอื้อไม่โกรธแล้วไม่ให้หนีด้วย



ผมก็บอกว่ามันมีหลายความรู้สึก โดนหลอก เสียดาย ฝันสลาย เจ็บใจ ปลง  พี่เตยถามหืมอะไรอ่ะ ผมก็บอกว่ามันตะงิดๆในใจ นานแล้วล่ะเรื่องเจ๊มีแฟนแล้ว คือผมก็เผื่อใจไว้แล้วว่าไอ้บ้านนอกแบบผมเนี่ยจะมีสาวโสดๆมาสนใจเร๊ออออ ผมก็เผื่อใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เวลาเดินกับเจ๊มันก้ำกึ่งระหว่างความสุข กับ ความที่ได้ยืดว่าเฮ้ย กูก็ได้เดินควงสาวสวยๆนะ  พี่เตยจิ้มๆแก้มผมแล้วบอกว่า แต่ระหว่างนั้นก็คิดจะแอ้มเจ๊เหรอ



ผมก็โอ่ยยยยยย กำลังเล่าเลย พี่เตยบอกอ่ะ ๆ ๆ โอเค ผมก็บอกนะว่า พอรู้ความจริงว่ามีแฟนผมก็โกรธนะ ก็ได้แต่คิดว่ายังไงก็ขอสักทีก่อนแล้วค่อยทำเป็นจับได้ จะได้ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพราะผมเองก็ไม่ไว้ใจเจ๊แล้วล่ะ เจ๊มีแฟนแล้วยังมากิ๊กกับผมได้ ถ้าผมเป็นแฟนเจ๊จริงๆผมจะไว้ใจอะไรได้จริงมะ พี่เตยก็ถามว่าแล้วทำไมไม่ทำล่ะ



ผมก็บอกนะว่าทำอย่างกับว่าผมมีโอกาสแน่ะ เจ๊ไม่เคยเปิดโอกาสให้ผมเลยแล้วอีกอย่างพอมารู้อีกทีว่าเจ๊มีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยอยู่ดีๆมันก็ ไม่อยากอยู่ในสภาพนั้นแล้วล่ะ ผมคงไม่มีทางภูมิใจหรอกถ้าต้องสมหวังได้แอ้มเจ๊แล้วต้องทำให้ผู้หญิงอีกคนที่เป็นแฟนเจ๊เสียใจ ในเมื่อมันถึงเวลาผมก็ต้องยอมเลิกคิดเรื่องที่จะหาทางฟันเจ๊แล้วถอยออกมาดีกว่า พูดจบแล้วพี่เตยก็กอดแขนผมแน่นแล้วพูดอะไรออกมาบางอย่าง



พี่เตยบอกว่าจริงๆแล้วเจ๊รู้นะว่าโทนคิดจะทำอะไรเจ๊น่ะ แต่เจ๊เองก็ทำเป็นไม่รู้เฉยๆแหละ ที่ยอมให้กอดยอมให้หอมก็เพราะคิดว่า อยากจะทำให้โทนคิดว่าเจ๊หลงกล จะได้ไม่ตีตัวออดห่างเจ๊ไง ผมก็ตกใจนะแต่ก็ช่างมันเถอะ พี่เตยบอกอีกว่า เหมือนเราสองคนก็ต่างหาผลประโยชน์จากกันและกันเลยเนอะ ผมก็เถียงอะไรไม่ออกนะเพราะมันเป็นแบบนั้นแหละ


ไม่ต้องแปลกใจนะครับว่าทำไมคุยกันนาน เพราะบ้านพี่หมิวอยู่เกือบท้ายหมู่บ้านก็นะบ้านมันใหญ่นี่น๊า เราเดินมาด้วยกันสักพักอาการขาเปรี้ยของผมก็เริ่มมาละ ผมแบบสะดุดเหมือนจะทรุดพี่เตยก็พยุง แล้วเสียงเหมือนตกใจเป็นไรมั้ย เป็นไรมั้ย ผมบอกไม่เป็นไร เราสองคนเดินต่อไปครับ ผมก็ไม่กล้าถามอะไรนะแต่พี่เตยเธอก็พูดขึ้นมาว่ารู้มั้ยทำไมเจ๊ถึงโมโหร้ายแบบนั้น





ผมก็เงียบนะ ผมไม่กล้าตอบอะไรทั้งนั้นแหละครับ เจ๊เตยบอกว่าเพราะเจ๊กลัวจะไม่เหลือใคร โทนกับหมิวมีอะไรกันแล้วเจ๊ก็เสียใจนะ แต่ที่เจ๊กลัวมากกว่าการนอกใจคือ ไม่มีใครมากกว่า ถ้าหมิวกับโทนไปคบกันล่ะเจ๊จะทำยังไง เจ๊จะอยู่ได้เหรอ เจ๊ไม่อยากให้มีวันนั้นเลยนะ เจ๊กลัว กลัวจนคุมตัวเองไม่ได้ ถึงได้พาลไปแบบนั้นเจ๊ขอโทษนะ พอเจ๊มาคิดดูแล้วมันก็เริ่มจากเจ๊เองไม่ใช่เหรอที่นอกใจหมิวก่อน



ถึงจะไม่ถึงขั้นมีอะไรด้วยแต่ยังไงมันก็คือนอกใจอยู่ดี เฮ้อออ ผมถอนหายใจยาว ยาวววว แล้วบอกว่าเรื่องความรักมันเข้าใจยากเนอะ พี่เตยก็บอกผมว่าขนาดผู้ชายที่คู่กับผู้หญิงยังบอกว่าเข้าใจยากเลย แล้วเจ๊ละ สิ่งที่เจ๊เป็นแล้วคนอื่นไม่เห็นใจ เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้คนอื่นเขาจะคิดยังไงล่ะ




ผมได้ฟังแล้วก็เห็นใจพี่เตยนะท่านผู้อ่าน ขนาดสมัยนี้โลกมันเสรีมากขึ้น ประเทศเรามันยังมีไดโนเสาอยู่เลย แล้วคิดดูสิ่สมัยเมื่อ 10 ปีก่อนพวกผู้ใหญ่เขามองคนที่รักเพศเดียวกันหนักขนาดไหน บางคนเรียกว่าอัปปรีย์ก็มีนะ แล้วพี่เตยเป็นลูกคนจีนด้วย จริงอยู่ว่าป๊าพี่เตยไม่เคยกดดันเลย แต่เชื่อมะว่าไอ้ป้าข้างบ้านนี่แหละตัวเสือกเลย คำว่าคนอื่นจะมองยังไงก็ช่างที่คอยพูดปลอบใจตัวเอง บางทีแม่งก็ข้ออ้างให้คนข้างๆเราสบายใจ เพราะยังไงเราก็ต้องแอบคิดมากอยู่ดี



และพี่เตยก็เป็นแบบนั้นแหละครับท่านผู้อ่าน ผมถามพี่เตยต่อนะแล้วตอนนี้เจ๊ยังโกรธผมอยู่มั้ย ผมไม่อะไรมากหรอกนะผมทำใจแล้วว่าเจ๊คงโกรธผมยังไม่หายหรอก แต่พี่เตยไม่ตอบครับพี่เตยจูงมือผมเดินเข้าไปที่สนามเด็กเล่นแล้วไปหลบอยู่ที่ฐานจรวด แล้วตอนนั้นเองสาวหมวยที่หน้าตาคล้ายๆ อาคาริ มิทานิ ก็จ๊วบผมเบาๆ แล้วบอกว่า รู้ยังว่าหายโกรธแล้ว ถ้าเจ๊ยังโกรธอยู่โทนคงไม่คุยกับเจ๊แล้วใช่มั้ย ผมก็เงียบนะไม่กล้าพูดอะไร



จนพี่เตยจ๊วบอีกทีแล้วบอกว่า เชื่อยังหรือว่าต้องให้จูบตรงอื่นด้วย พี่เตยพูดแล้วก็วางมือแนบที่หน้าท้องผมแล้วพลิกนิ้วลงและเลื่อนลงเรื่อยๆ ผมจับมือมั่บแล้วบอกไม่ต้อง ๆ ๆ  รีบกลับบ้านพี่หมิวกันเถอะครับ พี่เตยก็ยิ้มแล้วบอกอื้มๆ เราสองคนรีบเดินมาครับ เพราะว่าผมเองก็ต้องมาพบพ่อพี่หมิวด้วย ซึ่งพอมาถึงเนี่ยพี่แจ๋วก็เปิดประตูรับเลย มาแล้วเหรอโทนแล้วนี่มาพร้อมน้องเตยเหรอ



พี่เตยก็เนียนเลยครับตอนนั้น บอกไปอื้อค่ะพี่แจ๋วเจอที่หน้าเซเว่นพอดีเลย แล้วพี่เตยก็ถามว่าวันนี้มีอะไรกินมั่งง่ะพี่แจ๋ว คือพอสองคนเดินไปแล้วผมได้ยินเสียงแว่วๆว่ามาแต่เช้า หื๊ม !!! อะไรวะมาแต่เช้า แต่ว่าไม่ทันแล้วครับเพราะพี่แมนเขาเดินมาทางนี้ เหมือนจะเดินไปที่รถมั้ง แล้วก็เอ้าเฮ้ย !!! มาแล้วเหรอไวๆเลยไอ้นี่พ่อรออยู่



ชิบหายละ.... รออยู่ด้วยครับโผมมม พี่แมนหยิบของในรถอะไรสักอย่างแล้วก็เดินมาบอกไปๆๆๆ แล้วผมก็เดินไปพร้อมพี่แมนเลยครับ อ่ะหืม !!! คือยังไม่กินข้าวกันเหรอครับเนี่ย....   มาถึงผมก็ไหว้คุณท่านทั้งสองเลยครับ ผมเหลือบไปเห็นแม่บ้านคนอื่นๆกำลังเตรียมอาหารครับ ผมก็ถามว่ายังไม่ทานข้าวกันเหรอครับ



แม่พี่แมนก็บอกว่าวันนี้ไปส่งเคย์ที่โรงแรมน่ะสิ่เลยได้กลับกันช้าหน่อยนึง ผมก็ถามว่าผมไม่ได้มาช้าไปใช่มั้ยครับ ถ้าผมมาช้าผมขอโทษครับ พ่อพี่แมนก็บอกว่าไม่เป็นไรมันเหตุสุดวิสัยแล้วทางนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มกินด้วย มากินด้วยกันมั้ยเจ้าโทน ผมก็เอ่อ...... แล้วพี่แมนก็ตบไหล่บอกเฮ้ยมากินด้วยกันดิ่



โอยยยย ลั่นครับ กล้ามเนื้อลั่นดังเปรี๊ยะ !!!  แล้วคือด้วยมันทีเผลอไงผมเลยเก็บอาการไม่อยู่ หน้าเหน้อนี่ไปหมดเลย แม่พี่แมนถาม เอ้าเจ้าโทนเป็นอะไรนั่นหน้าตาเบี้ยวเชียว พี่แมนก็ถามเฮ้ยแค่นี้เจ็บเหรอ ผมก็บอกว่าพี่แมนผมปวดกล้ามเนื้ออยู่ครับ สองวันนี้โดนแต่โปรแกรมฟื้นฟูกล้ามเนื้อ




พี่แมนก็บอกอ้อเอ้อลืมไป งั้นมากินข้าวเลยไปตามไอ้หมิวกับเตยมากินข้าวด้วยไป ผมก็ฮึ๊ !!! ยังจะให้ผมไปอีกเหรอ แต่พี่แมนก็มองหน้าแล้วทำตาแข็งๆแล้วบอกเอ็งนั่นแหละไปซะ ผมก็ก้มหัวโค้งหลังแล้วเดินออกไปเลย แม่ก็บอกนี่เจ้าแมนอย่าแกล้งน้องสิ่นั่น พี่แมนก็บอกผมเปล่าคร๊าบบบบ ผมเดินผ่านห้องครัวก็เห็นพี่เตยกับพี่แจ๋วกำลังตักนู่น ตักนี่อยู่ แล้วผมก็เดินขึ้นไปชั้น 2 ของบ้าน



ไปถึงก็เคาะ ป๊อก ๆ ๆ ๆ เจ๊หมิวพี่แมนเรียกลงไปกินข้าว พี่หมิวก็ตอบอื้มแปปเดียวก็เดินมาเปิดประตูแล้วถามว่าเตยล่ะ นั่นไงใช่ด้วย ผมถามเลยว่านี่เจ๊ส่งเจ๊เตยไปเซเว่นใช่ป่ะ พี่หมิวก็บอกว่าให้มันน้อยๆหน่อยไอ้ลิง ใครส่งใครไปเตยมีขาเตยก็เดินไปเองเหอะ ผมมองตาขวางเลยตอนนั้น พี่หมิวก็บีบหน้าผมแล้วบอกว่าเดี๋ยวนี้หัดทำหน้าแบบนี้เหรอ เดี๊ยะๆๆ ผมก็บอกด้วยเสียงอู้อี้ว่า อัย อิน อ้าว  ( ไปกินข้าว )



พี่หมิวบอกรู้แล้ว แล้วเราสองคนก็เดินลงมาพร้อมกัน โอยย ยืนนิ่งๆมันไม่ปวดนะ แต่พอขยับตัวนี่ปวดเลย เวลาผมเดินลงบันไดต้องจับราวอ่ะครับผมคิดดูดิ่ บันไดนี่ก็จะขั้นเยอะไปไหนเนี่ย พอพี่หมิวลงมาเธอก็บอกว่า โห๊ เป็นผู้ชายอะไรลงบันไดช้ากว่าผู้หญิงเนี่ย แล้วก็เดินไปที่โต๊ะอาหารครับ พอไปถึงผมก็เห็นพี่เตยกับพี่หมิวนั่งข้างๆแม่แล้ว แม่นั่งข้างขวาครับ



พ่อพี่หมิวก็นั่งหัวโต๊ะ ส่วนพี่แมนก็นั่งฝั่งซ้าย เอ่อ.... ผมจะไปกินข้าวในครัว แต่พี่แมนก็บอกเฮ้ยมานี่ มานั่งกินข้าวมีเรื่องจะคุย ผมก็จำใจล่ะครับคือมันแปลกๆอ่ะที่ต้องนั่งแล้วให้คนมาตักข้าวใส่จานมาวางให้คือมันไม่ชินน่ะครับ พวกเราเริ่มมื้อเย็นแล้ว ผักโขมอบชีสเมื่อกี้บอกเลยว่ามันไม่ได้สะกิดกระเพาะสักนี๊ดดด แล้วกับข้าววันนี้อื้อหือ




มือนี่สั่นริ๊กๆๆๆๆ พะแนงเอย มัสมั่นเอย หมูอบซอส แล้วหมูนี่หุ่นเป็นลูกเต้าชิ้นเป้งๆเลย ผมก็แบบเอ่อกินดีมั้ยน๊อ เอ่อรอให้เขาตักกันก่อนมั้ยน๊อ ผมนิ่งจนพี่แมนเอาไหล่มาชนเหมือนปลุกแล้วบอกเฮ้ยกินข้าวดิ่ เดี๋ยวหลับคาจานหรอก ผมถึงได้เริ่มตักครับ แน่นอนแหละ หมูอบซอสต้องมาแล้ว !!!  แต่ที่ผมมองตาเป็นมันก็คือผัดบล็อกโคลี่แหละครับ พี่แมนบอกเฮ้ยกินเข้าไปใช้แรงเยอะก็ต้องกินให้ซ่อมแซมร่างกาย




แม่พี่แมนก็เริ่มถามนะว่าเป็นไงบ้างเจ้าโทนกลับมาออกกำลังหายหนักๆได้ 2 วัน ผมก็บอกว่าครับเหนื่อยนิดหน่อยครับ แต่พี่หมิวก็บอกนะว่าไม่หน่อยหรอกมั้งดูดิ่แค่ถือช้อนมือยังสั่นเลย เอ่อใช่ครับมือสั่นเลยตอนนี้ เหนื่อยจนมือสั่นเคยเป็นกันมั้ยล่ะครับ พี่แมนก็บอกว่าเฮ้ย รุจน์มันโปรแกรมอะไรให้ล่ะนั่น ผมก็บอกพี่แมนว่าโปรแกรมที่พี่ให้แหละครับ



พี่แมนก็หัวเราะแล้วบอกเอ้าเหรอ ว๊า ลืมว่ะ อื้อหือผมนี่หันควั่บเลย ผมตักข้าวกิน อื้มมม อาโหร่ยยยยยยย  แล้วพ่อพี่แมนก็เริ่มถามว่า ทำไมโดนพักงานได้เจ้าโทน โอยย !!!  พ่อนี่ก็เข้าประเด็นไวเกิ๊นนน ผมก็บอกว่าผมทำตัวไม่ค่อยเหมาะสมครับ ผมไม่บอกพ่อพี่หมิวนะว่า เป็นเพราะพี่หมิวกับเจ๊จ๋าไปหาผมที่ออฟฟิศนั่นแหละเลยมีเกิดเรื่อง ไม่งั้นล่ะก็งานหยาบแน่นอน เอาเถอะๆ ไหนๆก็จะโดนเทศน์แล้ว โดนคนเดียวก็พอ




พ่อพี่แมนทานข้าวไป แล้วก็พูดเรื่อยๆเหมือนจะไม่ให้ผมเครียดนะ พ่อพี่แมนบอกว่า เราน่ะทำงานตำแหน่งก็พอตัวนะโทน ได้โอกาสดีๆกว่าคนอื่น โตไวกว่าคนอื่นมันก็ดี แต่อย่าคิดว่าดีหรือเก่งกว่าคนอื่นนะ ยิ่งขึ้นไปสูงมันจะยิ่งลำบาก ถ้าเรามองไปข้างๆแล้วไม่เห็นใครมันจะแย่ ผมก็ครับทราบครับ แล้วตอนนั้นแม่พี่หมิวก็กระแอมเบาๆ แล้วบอกว่านี่เราทานข้าวกันอยู่ใช่มั้ยเนี่ย


พ่อพี่แมนกับพี่แมนก็มองหน้ากันเลย แล้วก็เปลี่ยนเรื่องทันที  เอ่อ.... ผมไม่ได้จะลามปามคุณท่านหรอกนะครับ แต่นี่หรือเปล่าที่เรียกว่า



" เหนือจอมยุทธ ยังมีมนุษย์เมีย "











ติดตามต่อไปทุกตอน




per2512




Thassana

ก็ดีนะปรับความเข้าใจกันให้ได้ครบทุกคนลืมๆขาดเจ๊จ๋าอีกคน

Ka55anova