ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

สางแค้นภาค 2(20/อำลา)**อวสาน**

เริ่มโดย twintower, กุมภาพันธ์ 09, 2022, 02:38:18 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

จากผู้เขียน

ผมขอนำเรื่องสางแค้นมาลงต่อกัน 2 ตอนเลยครับ และตอนนี้เป็นตอนอวสาน ถือว่าสิ้นสุดภาระกิจสุดโหดของผู้การแคนเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ คงจะไม่มีการแต่งเรื่องนี้ต่อแล้ว ส่วนเรื่องตะลุยรักสาวงามผมจะนำมาลงตอนต่อไปในอาทิตย์หน้านะครับ และจากที่คิดว่าจะจบในกลางเดือนนี้ ดูแล้วจะมีต่อให้อีกยาวพอสมควร เพราะสาวๆในสต็อกของนายรุตยังมีอีกหลายคนครับ

ขอบคุณครับ

twintower

****************************************************************************



"สงสัยลูกไอ้น้อมจะทิ้งแล้ววะ เริ่มปิดปากคนที่รู้ไปทีละคน"

แคนบอกกับเพื่อน ขณะที่ทั้งคู่ดูข่าวในห้องทำงานของแคน เป็นข่าวทนายความชื่อดังถูกยิงตายคารถหลังจากที่ขับรถจะมาที่สำนักงาน จุดเกิดเหตุนั้นห่างจากสำนักงานทนายความของอดิศรเพียง 500 เมตร เป็นการฆ่าอย่างอุกอาจ เหตุเกิดตอนเช้าของเมื่อวานนี้ ทนายความคนที่ตายคืออดิศรที่แคนและธงต่างรู้กันดีว่าเป็นคนที่ทำเรื่องเอกสารบัญชีต่างๆให้กับนุ่มนิ่ม ทางตำรวจกำลังจับตามองอยู่อย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะหาหลักฐานในการออกหมายค้นสำนักงานทนายความ แต่อดิศรถูกฆ่าตัดตอนก่อน ข่าวที่ออกให้สื่อมวลชนทางตำรวจมุ่งไปที่หลายประเด็นยังไม่เจาะจงประเด็นใดประเด็นหนึ่ง แต่ลึกๆพอจะรู้ว่าทนายความคนนี้ถูกฆ่าตัดตอนอย่างแน่นอน

และมีอีกคนที่หายสาญสูญไปก่อนหน้านี้คือนักสืบเอกชนที่ชื่อบัญชา ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหตุการณ์เกิดหลังจากงานพระราชทานเพลิงศพจ่าสิบเอกอำนาจ การตายของจ่าอำนาจนั้นทางกองทัพให้ข่าวว่าเกิดจากอุบัติเหตุระหว่างการฝึกซ้อม จ่าอำนาจขับมอเตอร์ไซด์เสียหลักไปชนกับต้นไม้ทำให้คอหักตาย ทางกองทัพปูนบำเหน็จให้จ่าอำนาจอย่างเต็มที่ยศได้เลื่อนเป็นพันเอกพร้อมเงินช่วยเหลือ และทาง DEA ของสหรัฐเองก็มอบเงินช่วยเหลือให้ทางครอบครัวของจ่าอำนาจด้วย  ถึงการสูญเสียจ่าอำนาจจะสร้างความเสียใจให้กับแคนและทีมงานอย่างมาก แต่งานต้องดำเนินต่อไป

วันที่แคนฆ่าวิฑูรย์นั้น แคนคาดการณ์ถูกเรื่องของประพาส เพราะประพาสได้ติดต่อไปที่พวกว้าขอกำลังมาเพิ่มเพื่อดูแลความปลอดภัยให้ที่หมู่บ้านตะวันลับ แต่มีรายงานข่าวส่งมาที่ธงรบว่าประพาสนั้นยังกบดานอยู่ที่หมู่บ้านและตอนนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวในเรื่องการขนยาเสพติดแต่อย่างใดเพราะทางนุ่มนิ่มสั่งให้หยุดไว้ก่อน เหมือนกับแคนที่มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติการไว้ก่อน  ส่วนเรื่องการข่าวที่ทางผู้ใหญ่ส่งต่อมาให้ทางธงรบนั้น ทั้งแคนกับธงรบในฐานะที่เคยทำงานแฝงตัวมาก่อนต่างรู้ดีว่าไม่ควรไปสืบหาที่มา เพราะเรื่องแบบนี้คนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดีต่อคนที่เป็นสายข่าว แคนนั้นไม่เคยถามธงถึงในเรื่องนี้รับทราบแต่เพียงข่าวที่ได้มาหรืองานที่ให้ปฏิบัติ

ฝ่ายนุ่มนิ่มหลังจากที่สูญเสียวิฑูรย์ไปซึ่งถือเป็นการสูญเสียม้างานคนสำคัญไปคนหนึ่ง เธอจึงสั่งให้หยุดทุกอย่างไว้ก่อน โดยอ้างกับประพาสว่าต้องวางแผนกันใหม่ ยิ่งระยะหลังเฮโรอีนที่ส่งไปถูกจับที่ประเทศปลายทางหลายครั้งอีกด้วยและขอให้ประพาสอย่าพึ่งเคลื่อนไหวอะไร ยิ่งตอนนี้ทางการนั้นกดดันประพาสหนักมาก  และภายนอกถึงใครๆจะเห็นเธอไม่เคลื่อนไหวอะไรแต่นุ่มนิ่มแอบทำตามแผนที่เธอคิดไว้อย่างเงียบๆโดยที่คนรอบข้างเธอนั้นไม่รู้เรื่องนี้  หลังจากที่ดาบณรงค์ถูกฆ่าตาย เธอวางแผนที่จะกำจัดอดิศรและบัญชาต่อ

เพราะทั้ง 2 คนนี้รู้เรื่องของเธอเป็นอย่างดีโดยเฉพาะอดิศรซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญคนหนึ่งของขบวนการ ทั้งเรื่องการทำเอกสารต่างๆ การติดต่อหาคนมาร่วมขบวนการ ส่วนบัญชานั้นรู้เรื่องของเธอมากเกินไป รวมถึงข้อมูลสำคัญๆของผู้ชายที่เธอแอบรักคือแคน เธอรู้ตัวดีว่าเธอนั้นแอบรักแคนมาตลอดตั้งแต่เห็นครั้งแรกที่เห็นรูป หลังจากที่เธอเชิญแคนมาทานข้าวที่บ้านนุ่มนิ่มยิ่งหลงใหลในตัวแคนมากขึ้น มีหลายครั้งที่เธอเอาแคนไปฝันถึง ถึงตอนนี้จะยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าแคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าพ่อของเธอหรือไม่ มันจำเป็นที่ต้องตัดตอนบัญชาเพราะข้อมูลที่บัญชาสืบมานั้นมันอาจจะกระทบต่อแคนได้ในอนาคต ด้วยข้อมูลต่างๆและคนที่ติดต่อที่ประพาสกับดาบณรงค์เคยส่งให้เธอ นุ่มนิ่มแอบติดต่อไปยังชาวไทยใหญ่คนหนึ่งที่ถือหุ้นในโรงแรมและบ่อนคาสิโนในฝั่งพม่าที่กำนันน้อมเคยถือหุ้นใหญ่อยู่ ให้ช่วยจัดหาทีมสังหารมือดีให้เธอทีมหนึ่ง เพื่อที่จะจัดการกับบัญชาและอดิศร แผนของเธอคือต้องการใช้ทีมฆ่าที่ไม่ใช่คนไทย และคนพวกนี้ต้องไม่รู้ว่าเธอเป็นคนว่าจ้าง ด้วยเงินจำนวนมหาศาลที่นุ่มนิ่มจ่ายทำให้ชาวไทยใหญ่คนนั้นตกลง

การฆ่าบัญชานั้นสำเร็จอย่างง่ายดาย เพราะเธอบอกบอกบัญชาว่าทางพวกว้านั้นได้หลักฐานและข้อมูลที่สำคัญมาเพิ่มเติมตอนโรงงานถูกทำลาย เธอให้ไปพบพวกนายทหารว้าที่โรงแรมฝั่งพม่า บัญชาแอบลอบข้ามไปฝั่งพม่าแต่ไปไม่ถึงโรงแรมถูกทีมสังหารที่ดักรออยู่อุ้มไปฆ่าและฝังศพกลางป่า ตามด้วยอดิศรที่ทีมฆ่าแอบสะกดรอยตามอยู่2-3วันก่อนจะทำให้เหมือนกับอดิศรถูกฆ่าด้วยมือปืนรับจ้างทั่วไป พอทำงานเรียบร้อยทีมฆ่ารีบข้ามกลับไปฝั่งพม่าทันที แต่ประพาสพอรู้ข่าวการตายของอดิศรได้รีบติดต่อไปที่นุ่มนิ่ม

"คุณนุ่มนิ่มครับมันเกิดอะไรขึ้นกับทางคุณอดิศรครับ"

ประพาสถามทันทีหลังจากที่นุ่มนิ่มรับสาย

"นิ่มเองก็ไม่ทราบคะ งงอยู่เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น"

เธอพยายามทำน้ำเสียงให้ปกติเพื่อไม่ให้เกิดพิรุธ ก่อนจะพูดต่อ

"ตอนนี้นิ่มก็คิดอะไรไม่ออกคะ คุณอดิศรตายมันกระทบกับพวกเราอย่างมาก คุณอดิศรถือเป็นคนที่นิ่มต้องพึ่งพามาก รองจากคุณประพาส เรื่องเอกสารต่างๆเรื่องเกี่ยวกับการเงินนั้นคุณอดิศรดูแลให้อย่างดีไม่มีรั่วไหล นิ่มยังคิดไม่ตกเลยคะว่าจะให้ใครทำต่อ นิ่มเองก็เสียใจกับเรื่องนี้  ส่วนเรื่องที่ใครฆ่ามันเกินความคิดของนิ่มคะ นิ่มไม่รู้ว่าคุณอดิศรไปมีปัญหากับใครด้วยหรือเปล่าคะ"

จากประโยคนี้ประพาสเองก็ไม่อยากที่คาดคั้นอะไรต่อ เพราะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ขนาดดาบณรงค์เธอยังสั่งฆ่าได้แล้วนี่อดิศรที่สำคัญกว่าดาบณรงค์ ทำไมเธอจะสั่งฆ่าปิดปากไม่ได้ คนฉลาดอย่างเธอทำไมจะทำเองไม่ได้ เพราะข้อมูลต่างๆในการติดต่อกับกลุ่มต่างๆประพาสก็ส่งไปให้เธอตลอด แต่จะไปปรักปรำเธอโดยไม่หลักฐานหรือข้อมูลที่แน่ชัดก็ไม่ได้ ประพาสจึงได้แต่รับฟังเธอและไม่ถามอะไรไปมากกว่านี้ และคิดวางแผนเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตนเอง คนอย่างประพาสไม่ยอมให้ใครมาฆ่าอย่างง่ายๆ

แต่พอผ่านไป 2 อาทิตย์นุ่มนิ่มสั่งให้อุกฤษที่อยู่ในหมู่บ้านที่ผลิตยาให้มาพบเธอที่บ้านในเชียงรายซึ่งอุกฤษต้องมาพักที่หมู่บ้านตะวันลับก่อน 1คืน แผนที่เธอวางไว้คืออุกฤษจะถูกทีมฆ่าที่เธอจ้างไว้ ดักฆ่าก่อนถึงเขตแดนไทย โดยทำให้เหมือนกับถูกหน่วยปฏิบัติการพิเศษของแคนฆ่า มันเป็นจังหวะเดียวกับที่พวกว้าที่มาคุ้มกันหมู่บ้านตะวันลับได้ถอนกำลังกลับไปเพราะนุ่มนิ่มบอกประพาสให้ยกเลิกเพราะมันอาจจะเป็นที่ผิดสังเกตุได้ รวมถึงกำลังทหารพม่าที่ประพาสจ้างมาให้ลาดตระเวนนั้นให้ยกเลิกไปด้วย  ทำให้หมู่บ้านหลือกำลังคนที่คอยคุ้มกันไม่มากนัก และคืนนั้นเองทีมพิเศษของแคนได้แอบลักลอบเข้ามาที่หมู่บ้าน ตามข้อมูลที่ได้มาจากธงรบที่รับต่อจากผู้ใหญ่อีกทีว่าทั้งประพาสและอุกฤษอยู่ที่หมู่บ้านทั้งคู่และหมู่บ้านมีกำลังที่ระวังป้องกันน้อยลง คำสั่งคือฆ่าทั้งสองคนให้ได้

ทีมของแคนมาถึงตอนกลางดึก จากที่เห็นถึงกำลังที่คุ้มกันหมู่บ้านจะน้อยลง แต่ประพาสก็ยังสั่งให้มีกำลังคอยตรวจตราลาดตระเวนตลอดเวลา  หลังจากทบทวนแผนที่วางไว้แคนสั่งให้กระจายกำลังไปตามจุดต่างๆเพื่อจะเข้าโจมตี จนได้เวลาแคนที่นำทีมเคลื่อนเข้ามาใกล้หมู่บ้านซึ่งระหว่างที่บรรยายสรุป ธงรบได้นำแผนผังของหมู่บ้านพร้อมเส้นทางเข้าออกที่ปลอดภัยมีการลาดตระเวนตรวจตราน้อยที่สุด รวมถึงแผนผังของบ้านหลังใหญ่ที่ประพาสพักอยู่ และตอนนี้แคนได้รับการรายงานจากพันจ่าโทสมคิดที่คุมทีมซุ่มยิงบนเนินแห่งหนึ่งที่ไม่ห่างออกไปนัก

"พิราบ1 จากพิราบ 4มี 2คนอยู่ที่มุมบ้านที่ห่างออกไปทางขวามือประมาณ 10 เมตร "

แคนยกไอแพดขึ้นมาดูภาพจากUAVที่บินวนในระดับสูงส่งมาให้ ภาพจากกล้องมองกลางคืนที่ส่งมานั้นระบุได้ชัดเจนว่าพวกที่มีแถบสะท้อนสีเขียวคือพวกของแคนที่กระจายกำลังอยู่รอบๆ ส่วนที่เหลือจะเป็นที่พวกที่อยู่เวรยามในหมู่บ้านตะวันลับ แคนเห็นตามที่จ่าสมคิดรายงานแคนตอบกลับไป

"พิราบ 4 ทางผมไม่มีมุมยิง ให้คุณจัดการได้"

"ทราบ"

แคนรอไม่นานได้จากภาพที่เห็นจากจอไอแพด ร่างทั้ง 2ทั้งลงไปนอนบนพื้น แคนนำกำลังเคลื่อนเข้าไปทันที ร่างของทั้ง 2 นั้นตายสนิทนอนจมกองเลือด พิราบ4 กับทีมซุ่มยิงสังหารมันทั้งคู่ด้วยปืนซุ่มยิงที่ติดลำกล้องเก็บเสียง เป้าหมายของแคนนั้นคือบ้านหลังใหญ่ที่ประพาสกับอุกฤษพักอยู่ แคนได้นำทีมลัดเลาะไปตามทางโดยอาศัยภาพจาก UAV ในการนำทางเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจเจอจากพวกที่อยู่ยาม จนไปถึงหน้าบ้านที่มียาม 2คนเฝ้าอยู่ แคนพร้อมดาบวีระมองผ่านกล้องมองกลางคืนแล้วยกปืนขึ้นประทับบ่า เลเซอร์สีแดงจับไปที่หน้าอกมันทั้งคู่ ก่อนที่พวกมันจะรู้ตัวทั้งคู่ล้มลงทันทีจากปืนติดลำกล้องเก็บเสียง มี2 คนในทีมวิ่งเข้าไปตรวจสอบอีกครั้งพอเห็นว่าตายจึงส่งสัญญาณให้แคน

แคนนำทีมขึ้นไปบนบ้าน ทุกคนในทีมจำแผนผังของบ้านที่ธงรบส่งให้ได้อย่างขึ้นใจ ทุกคนทำตามแผนที่กำหนดไว้ พอเข้าไปในบ้านมี 2คนที่ทำการค้นชั้นล่าง ส่วนทีเหลือขึ้นไปชั้นบนที่มีห้องนอนอยู่ 2ห้อง แคนนำกำลังส่วนหนึ่งไปที่ห้องนอนใหญ่ที่ประพาสอยู่ ส่วนอีกทีมดาบวีระนั้นนำไปอีกห้องที่คาดว่าอุกฤษจะพักอยู่ในห้องนั้น  ประตูห้องที่ประพาสพักถูกถีบให้เปิดออก แสงเลเซอร์จับไปที่เตียงแต่ภายในห้องว่างเปล่า แคนนำทีมเข้าไปตรวจค้นรวมทั้งในห้องน้ำแต่ไม่มีใครอยู่ ส่วนอีกห้องแคนได้ยินเสียงกระสุน2 นัด ที่ไม่ดังมากนัก ก่อนที่ดาบวีระจะแจ้งมาทางวิทยุ

"พิราบ 1 แจ็คพ็อต เป้าหมายรองอยู่ในห้องนี้ ผมกำลังถ่ายภาพและพิมพ์รอยนิ้วมือ"

"รับทราบ"

แคนตอบรับและทางทีมที่ตรวจค้นชั้นล่างแจ้งมาว่าชั้นล่างไม่มีใครอยู่ แคนมองไปรอบๆห้องแล้วส่ายหน้า มี 1 ในทีมได้หันมาบอกแคน

"ผู้การสงสัยมันหนีไปแล้วครับ เรามาช้าไป"

"เป็นไปได้"

แคนตอบลูกน้องด้วยความหงุดหงิดแล้วเดินออกจากห้อง ซึ่งดาบวีระได้นำอีกทีมออกมาจากอีกห้อง

"เรียบร้อยไหมครับผู้การ"

ดาบวีระได้ถามแคน

"ไม่มีใครอยู่นะดาบ สงสัยมันนกรู้หนีไปก่อนที่เราจะมา ส่วนในห้องนั้นยืนยัน 100 % ใช่ไหม"

"ครับผู้การ"

"งั้นถอนกำลังได้ เราไม่มีเวลาที่จะตรวจค้นทุกบ้าน ปล่อยมันไปก่อนแล้วค่อยตามสืบหาตัวมันอีกที"

แคนพูดจบแล้ววิทยุไปที่UAV

"นางนวลจากพิราบ 1 ทีมกำลังถอนตัว เป้าหมายหลักสาบสูญ เราได้แต่เป้าหมายรอง"

"รับทราบ เราจะช่วยเคลียร์ทางให้"

พอทางUAVวิทยุกลับมา แคนมองไปรอบๆอีกครั้งและบอกทีมงาน

"เผามัน"

ระเบิดเพลิงที่เตรียมไว้อยู่ได้ถูกโยนเข้าไปในห้องนอนทั้งสองห้องทันทีเปลวไฟลุกโชนบนที่นอนที่เป็นเชื้อไฟได้อย่างดี แคนนำทีมลงมาชั้นล่างแล้วนำทุกคนออกมานอกบ้านที่ชั้นบนกำลังมีไฟลุกไหม้ แคนวิทยุไปหาหมวดสิทธิชัยทันที

"พิราบ 2 ดำเนินการตามแผนเดิมแล้วถอนตัวมาที่จุดนัดพบ พิราบ 4 เห็นเป้าหมายแล้วยิงได้ทันที"

ทั้งคู่ต่างตอบรับ แคนจึงวิทยุไปที่ UAV

"นางนวลเราเริ่มถอนตัวจากหมู่บ้านแล้ว จัดการได้เลย"

แคนพูดขณะวิ่งนำทีมกลับเส้นทางเดิมที่ลอบเข้า และอีกทิศของหมู่บ้านมีเสียงระเบิดดังขึ้น MQ-9 ที่บินวนได้ทำการปล่อยอาวุธลงมา ขณะที่บ้านหลังใหญ่นั้นไฟกำลังไหม้ เสียงระเบิดจากอาวุธที่ MQ-9 ปล่อยมานั้นดังขึ้นมาอีก 2ครั้ง มันสร้างความโกลาหลให้กับคนในหมู่บ้านทันที เสียงร้อง เสียงตะโกนที่ไม่ได้ศัพท์ดังขึ้นมา ตามด้วยเสียงปืนที่ดังเป็นระยะจากชุดซุ่มยิงของจ่าสมคิด และมีบางส่วนจากจุดที่ซุ่มของหมวดสิทธิชัยที่กระจายกำลังออกไป ความพินาศกำลังเกิดขึ้นกับหมู่บ้านตะวันลับ จากตอนแรกที่ไม่คิดจะทำลายแต่สุดท้ายนโยบายได้เปลี่ยนแปลง เพราะทางฝ่ายบัญชาการเห็นตรงกันว่าถ้าปล่อยไว้ มันจะกลายเป็นแหล่งซ่องสุมแหล่งใหญ่ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย ถึงขบวนการนี้จะถูกทำลายแต่คงมีขบวนการใหม่เข้ามาใช้ต่อ จึงตัดสินใจทำลายหมู่บ้านนี้เสียและถือเป็นการเตือนไปยังขบวนการหรือนายทุนคนอื่นๆที่คิดจะทำตาม จะได้พบกับความพินาศแบบนี้

งานชิ้นนี้ของแคนนั้นสำเร็จไปด้วยดีมันง่ายกว่าที่ประเมินไว้ตอนแรก การต่อต้านที่คิดว่าจะมีนั้นไม่เกิดขึ้น ส่วนสำคัญนั้นมาจากแผนผังเส้นทางการเข้าไปในหมู่บ้านและแผนผังของบ้านหลังใหญ่ที่ธงรบได้มา แคนหันไปมองหมู่บ้านตะวันอีกครั้งที่ตอนนี้ไฟกำลังลุกโชนไปทั่ว เสียงปืนนั้นเงียบลงแล้วทั้งหมวดสิทธิชัยและจ่าสมคิดแจ้งมาว่ากำลังถอนตัว มาที่จุดนัดพบ ส่วนคนในหมู่บ้านตะวันลับส่วนหนึ่งนั้นหนีไปอีกทาง ตามรายงานจาก UAV แบบ MQ-9 แคนเห็นภาพจากไอแพดที่คนเกือบ 10 กำลังวิ่งหนีตามกันไป แคนมองอย่างเวทนาก่อนจะบอกไปUAV

"นางนวลจากพิราบ 1 ปล่อยพวกมันไป"

"รับทราบ"

อีกฝ่ายตอบรับ ก่อนที่แคนจะสั่งให้ทีมพิเศษถอนตัวกลับเขตแดนไทย ส่วนประพาสนั้นหนีรอดไปได้อย่างหวุดหวิด เพราะประพาสมีเรื่องให้เฉลียวใจพอสมควร ที่ผ่านมาประพาสพยายามติดต่อหาข้อมูลจากลิซ่าแต่ไม่ได้ใจความอะไร ลิซ่านั้นพูดจาวกวนตลอด ตั้งแต่ที่วิฑูรย์ตายไปดูเธอจะควบคุมสติไม่ค่อยได้ ยิ่งพอนุ่มนิ่มสั่งให้เลิกคุ้มกันหมู่บ้านพร้อมกับสั่งให้อุกฤษไปพบเธอที่บ้านในเชียงราย โดยประพาสไม่ต้องไปด้วย เธออ้างว่าประพาสนั้นกำลังถูกตำรวจตามตัวไม่ควรโผล่ไปในเขตแดนของไทย  ทำให้ประพาสคิดว่า อุกฤษอาจจะเป็นรายต่อไปที่ถูกสั่งฆ่าปิดปากก็เป็นได้

ประพาสจึงไม่อยู่รอเพื่อพิสูจน์ความจริง เพราะดูแล้วนุ่มนิ่มน่าจะถอดใจไม่ทำเรื่องค้ายาต่อแล้ว ประพาสจะทำตามแผนที่ตนเองวางไว้ คือเริ่มที่จะติดต่อหาหุ้นส่วนมาทำธุรกิจด้วยกันประพาสตัดสินใจแล้วว่าจะทำเอง  ประพาสวางแผนงานไว้ว่าจะไม่ทำให้ใหญ่โตเหมือนนุ่มนิ่ม เน้นการขายยาเสพติดในประเทศเป็นหลัก ส่วนใครจะมารับไปส่งขายต่อที่ที่ต่างประเทศนั่นเป็นอีกเรื่อง การขนยาแต่ละครั้งจะขนจำนวนไม่มากไม่เปิดศึกกับทางเจ้าหน้าที่ เท่านี้มันก็สร้างรายได้ให้กับประพาสมากพอ และยังมีตำรวจทหารอีกหลายคนที่จะยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เหมือนกับดาบณรงค์ถ้าผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นสูงพอ ส่วนตัวประพาสเองก็คงเคลื่อนไหวอยู่ตามแนวชายแดนและประพาสเตรียมหาที่พักไว้ที่ประเทศลาวและพม่าเป็นที่เรียบร้อย ประพาสเตรียมการเรื่องพวกนี้ไว้หมดแล้ว

ในตอนหัวค่ำหลังจากอุกฤษเข้านอนแล้ว ประพาสได้พาลูกน้องคนสนิท 2 คน ออกจากหมู่บ้านโดยบอกกับพวกที่เฝ้าหมู่บ้านว่า จะไปพบกับนายทหารพม่าเพื่อเอาเงินค่าจ้างไปให้ ซึ่งไม่มีใครสงสัย ประพาสจึงพาลูกน้องคนสนิทหนีออกมาโดยหารู้ไม่ว่าคืนนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับที่หมู่บ้าน เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อกับนุ่มนิ่มทุกเบอร์ประพาสนั้นทำลายทั้งหมด เพราะต้องการตัดขาดจากผู้หญิงคนนี้ และประพาสจะรอดูความพินาศที่จะเกิดขึ้นกับนุ่มนิ่มต่อไป

พอแคนกลับมาถึงกรุงเทพ แคนได้รับข้อมูลจากทางโจเซฟว่า ทางสหรัฐออกหมายจับประภัสสรเป็นที่เรียบร้อยซึ่งก่อนหน้านี้ 2 วัน ทาง FBI ได้เข้าจับกุมนักสืบที่เป็นอดีต FBI ที่นุ่มนิ่มจ้างให้สืบเรื่องของแคนในข้อหาละเมิดความมั่นคงต่อรัฐ แคนนั้นโชคดีอย่างมาก เพราะนักสิบคนนี้กำลังเตรียมส่งข้อมูลที่สืบมาได้ให้นุ่มนิ่ม มันเป็นข้อมูลลับในตอนที่แคนเป็นสายให้ DEA ที่นักสืบคนนี้ไปสืบหามาได้ และนักสืบที่นุ่มนิ่มจ้างได้ให้การรับสารภาพหมดทุกอย่างแลกกับการไม่ดำเนินคดี ทางFBI จึงเอาเรื่องที่นุ่มนิ่มเป็นคนจ้างวานให้สืบความลับมารวมกับข้อหาค้าเฮโรอีนด้วย

แต่นุ่มนิ่มนั้นยังไม่รู้เรื่องว่าตนเองถูกออกหมายจับ เธอรอฟังข่าวเรื่องอุกฤษแต่ข่าวที่เธอได้รับนั้นมันเกินความคาดหมาย หมู่บ้านตะวันลับนั้นถูกทำลายมีคนตายหลายคน เธอพยายามติดต่อประพาสแต่ติดต่อไม่ได้  จากตอนแรกที่เธอคิดว่าประพาสไม่รอด แต่พอเธอได้ข้อมูลจากคนที่เธอจ้างให้ฆ่าอุกฤษนั้น ทำให้รู้ว่าพวกที่ไปดักรออุกฤษไปเจอพวกคนที่รอดตายจากหมู่บ้านตะวันลับ ทำให้รู้รายละเอียดเพิ่มพอสมควร พวกที่รอดตายเล่าให้ฟังว่าจู่ๆบ้านหลังใหญ่ที่ประพาสพักนั้นเกิดไฟไหม้ พวกตนกำลังจะเข้าไปช่วยดับไฟแต่มีระเบิดเกิดขึ้นอีกด้าน ตามด้วยเสียงปืน ทำให้พวกตนต้องหลบหนีออกจากหมู่บ้านเพราะไม่รู้ว่าถูกฝ่ายไหนโจมตี ส่วนตัวประพาสนั้นได้ออกจากหมู่บ้านไปตอนหัวค่ำแล้ว แต่อุกฤษนั้นยังอยู่ที่บ้านหลังใหญ่

ข้อมูลนี้นุ่มนิ่มได้รับหลังจากวันเกิดเหตุผ่านมาแล้ว 2 วัน  และจากการที่ติดต่อประพาสไม่ได้ทำให้เธอแน่ใจว่าประพาสนั้นคงทิ้งเธอไปเรียบร้อย ซึ่งเธอเองก็แอบหวังไว้แบบนี้ เธอไม่มีความคิดที่จะฆ่าประพาสแต่อยากให้ต่างฝ่ายต่างไปตามทาง เธอรู้ดีว่าคนอย่างประพาสนั้นไม่มีวันยอมให้ตำรวจจับ และคงหาวิธีค้ายาต่อจากเธอได้สบายๆถ้าประพาสยังคิดหาความร่ำรวยด้วยวิธีนี้ต่อ เธอเข้าใจประพาสที่ผ่านมาประพาสทำงานถวายหัวให้เธอแต่เมื่อถึงวันที่ต้องแยกทาง เธอคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด เธอไม่ติดค้างอะไรกับประพาส แต่ตอนนี้เธอเจอปัญหาใหญ่เข้ามาพร้อมๆกัน เรื่องแรกคือลิซ่า ที่หลังจากรู้ข่าวการตายของวิฑูรย์ ลิซ่านั้นมีอาการแปลกๆดูจะควบคุมสติไม่ค่อยได้มีเหม่อลอยในบางครั้ง  พูดจาดูวกวน และพอมารู้เรื่องที่หมู่บ้านตะวันลับ ลิซ่านั้นสติแตกเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา ทำให้เธอกับมุกดาต้องช่วยกันจับตัวและเรียกรถพยาบาลมารับ

นุ่มนิ่มนั้นรีบติดต่อพ่อกับแม่ของลิซ่าให้มาดูอาการของลูกสาวที่เสียสติไปแล้ว เธอนั้นรับเป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาจนกว่าลิซ่าจะหาย มันทำให้เธอแทบคุมสติไม่ได้กับเรื่องที่เกิดกับลิซ่า หมอบอกว่ามันมาจากหลายๆเรื่องที่มีผลกระทบต่อสภาพจิตใจเกินกว่าสิซ่าจะแบกรับไหว ทำให้ลิซ่าเสียสติ นุ่มนิ่มกับมุกดามองดูลิซ่าด้วยความสงสารเธอนั้นร้องไห้ไม่หยุด

ส่วนเรื่องต่อมาคือเรื่องที่เธอถูกออกหมายจับ บริษัทที่จดทะเบียนในสหรัฐถูกอายัดบัญชีค่าใช้จ่าย แต่เครื่องบินของเธอนั้นยังไม่ถูกอายัดเพราะเธอนั้นแอบเอาไปจอดที่กัมพูชา ช่วงหลังๆนุ่มนิ่มเองก็เตรียมการไว้เหมือนกันหลังจากที่รู้ว่าทางสหรัฐให้การสนับสนุนกับทีมของแคน เธอเดาออกว่าสักวันเธอคงจะไม่รอดอย่างแน่นอน เธอจึงเตรียมการไว้ก่อน และก่อนที่ทางสหรัฐจะประสานมายังไทยเพื่อจับกุมเธอ นุ่มนิ่มนั้นหลบหายตัวไปทันทีโดยไม่มีใครรู้ว่าเธอหนีไปไหน

"หายไปได้ยังไงวะธง"

แคนถามเพื่อนหลังจากที่ตำรวจไม่เจอตัวนุ่มนิ่มทั้งที่บ้านและคอนโดในกรุงเทพ รวมถึงบ้านที่เชียงราย

"บอกตรงๆกูไม่รู้วะทั้งประภัสสรทั้งประพาสดำดินไปทั้งคู่ งานยากแล้ววะ ทางผู้ใหญ่เองก็ไม่รู้ ตอนนี้ได้แต่วางกำลังดักรอที่บ้านพี่สาวกับแถวๆวัดที่พี่ชายบวชอยู่"

ตอนนี้เป็นงานยากเพราะตัวการใหญ่ 2 คน นั้นหลบหนีไร้ร่องรอย ทางตำรวจนั้นวางกำลังไว้หลายที่แต่ไม่มีใครเจอนุ่มนิ่มกับประพาสเลย แต่ในตอนเย็นวันนั้นแคนได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่รู้จัก แคนกดรับสายแต่ยังไม่ทันพูดอะไรอีกฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน

"ผู้การแคนคะ นี่นุ่มนิ่มนะคะ"

แคนยังไม่ทันที่จะพูดอะไรนุ่มนิ่มนั้นพูดต่อทันที

"พรุ่งนี้ บ่าย 3โมง นิ่มจะขอมอบตัวกับผู้การแคนคนเดียวเท่านั้นคะ ผู้การไปพบนิ่มได้ที่แม่สอด นิ่มจะส่งรายละเอียดกับตำแหน่งไปให้หลังจากที่นิ่มวางสาย ย้ำนะคะนิ่มจะมอบตัวกับผู้การคนเดียวเท่านั้น ถ้ามีคนอื่นไปด้วย นิ่มจะยกเลิกทันที"

แคนนั้นไม่สงสัยว่าทำไมนุ่มนิ่มถึงรู้เบอร์โทรศัพท์เพราะวันที่แคนไปทานข้าวที่บ้านเธอ แคนได้ให้นามบัตรกับเธอไว้และเธอส่งรายละเอียดตำแหน่งที่จะมอบตัวมาให้จริงๆ แคนรีบติดต่อไปที่เพื่อนทันที ทำให้มีการประชุมวางแผนกันอย่างเร่งด่วน

"แน่ใจได้ขนาดไหนแคนเรื่องที่เธอจะมอบตัว"

นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นรุ่นพี่ได้ถามมาที่แคนในห้องประชุมอย่างเป็นกันเอง

"ตรงนี้ไม่มีอะไรที่จะมายืนยันครับท่าน แต่ในเมื่อเธอติดต่อผมมา เราก็ควรทำครับ ถ้าเธอมอบตัวจริงๆมันก็เป็นเรื่องดี"

แคนตอบไปที่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แผนที่บริเวณตรงที่นุ่มนิ่มจะมอบตัวนั้นถูกฉายขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่ แคนนั้นรู้ว่าเป็นตำบลหนึ่งในอำเภอแม่สอดที่เทพนั้นอาศัยอยู่  แต่ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับเทพหรือไม่ที่นุ่มนิ่มเลือกที่นี่เป็นที่มอบตัว วันรุ่งขึ้นแคนนั้นไปตามนัดแคนขับรถไปคนเดียว แต่รอบนอกนั้นมีกำลังตำรวจเฝ้ารออยู่ จุดที่นุ่มนิ่มจะมอบตัวนั้นอยู่ตรงสะพานแขวนทางเข้าหมู่บ้านที่เทพอาศัยอยู่แคนจอดรถไม่ห่างจากสะพานมากนั้นพอลงจากรถแคนมองไปรอบๆสภาพอากาศนั้นมีเมฆฝนนั้นปกคลุมไปทั่วและลมที่พัดแรงขึ้นทุกขณะ สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมา แคนมองไปที่กลางสะพานเห็นนุ่มนิ่มยืนอยู่ แคนเดินไปหาพร้อมสายฝนที่เริ่มหนาเม็ดพร้อมลมที่พัดแรงขึ้น นุ่มนิ่มนั้นมองมาที่แคนอย่างไม่สะทกสะท้าน พอแคนเดินเข้ามาใกล้เธอได้บอกกับแคน

"หยุดอยู่นั้นละคะผู้การ"

แคนทำตามที่เธอบอกแล้วพูดกับเธอ

"คุณนุ่มนิ่มครับ คุณคิดถูกแล้วที่มอบตัว ทางเราจะส่งตัวคุณไปให้ทางสหรัฐทันที"

"เรื่องนั้นเราค่อยว่ากันคะแต่นิ่มอยากมีคำถามถามผู้การอยู่เรื่องหนึ่ง"

ทั้งคู่ต่างใช้เสียงที่ดังแทบตะโกนพูดให้อีกฝ่ายได้ยิน เพราะสายฝนนั้นเทกระหน่ำลงมาพร้อมกับสายลมที่พัดแรง ทำให้นุ่มนิ่มแทบประคองตัวไม่อยู่จนเธอต้องใช้มือจับที่ราวสะพาน

"เรื่องอะไรครับ"

เธอนิ่งไปสักพักพร้อมน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาก่อนจะถามไปที่แคน

"นิ่มอยากรู้ว่าผู้การเป็นคนฆ่าพ่อของนิ่มหรือเปล่าคะ"

"คุณนิ่มครับ รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ถึงผมจะตอบยังไงคุณนิ่มก็จะไม่วันเชื่อหาว่าผมโกหกอยู่แล้วครับ ตอนนี้คุณนิ่มมอบตัวดีกว่าครับ มันจะได้ชดใช้ความผิดที่คุณทำมา กี่ชีวิต กี่ครอบครัวแล้วครับที่ต้องสูญเสียไปเพราะการกระทำของคุณ ผมเชื่อว่าถ้าคุณสารภาพคุณยังได้ลดโทษออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติครับ"

แคนพูดพร้อมขยับตัวเข้าไปหา ส่วนนุ่มนิ่มพอได้ยินคำตอบของแคน ความเสียใจที่มีอยู่กลายเป็นความโกรธที่แคนไม่ยอมบอกเธอ เธอหัวเราะออกมาอย่างสุดเสียงเหมือนคนที่ขาดสติ มือกุมไปที่แหวนของกำนันน้อมที่ห้อยคออยู่

"ดูนะคะแคน ดูไว้ วันนี้คุณได้ฆ่าผู้หญิงที่อับจนหนทางไม่มีทางสู้ไปอีกคน มันคงเป็นความภูมิใจของคุณอย่างมาก ดูไว้คะ"

เธอตะโกนฝ่าเสียงลมเสียงฝนไปบอกแคน ก่อนจะใช้มือทั้ง 2จับราวสะพาน แล้วกระโดดข้ามราวสะพานลงไปยังสายน้ำที่เชี่ยวกรากเบื้องล่างพร้อมเสียงหัวเราะที่แสดงถึงความสะใจ แคนพุ่งตรงเข้าไปหาเธอแต่ไม่ทันหญิงสาวนั้นกระโดดลงไปแล้ว แคนมองไปเบื้องล่างก่อนจะเลื่อนสายตามองฝ่ากระแสฝนที่หนาเม็ดไปตรงหน้า แคนมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วถึงเดินกลับมาที่รถ

หลังจากที่พายุฝนหยุดตก ในช่วงเย็นวันนั้นการค้นหาร่างของนุ่มนิ่มได้เริ่มขึ้นแม้กระแสน้ำที่แรงจะเป็นอุปสรรคแต่เจ้าหน้าที่กับหน่วยกู้ภัยยังค้นหาอย่างไม่ย่อท้อ จนช่วงค่ำได้ยุติการค้นหาชั่วคราว เช้าวันต่อมาได้ดำเนินการค้นหาต่อแม้สภาพอากาศจะไม่เป็นใจเพราะอยู่ในช่วงหน้าฝน มีการขอให้ชาวบ้านมาช่วยค้นหาด้วย แคนที่ยืนอยู่ริมตลิ่งกับธงรบที่อยู่ในเครื่องแบบตำรวจมองไปที่สายน้ำที่ไหลผ่าน จนถึงเที่ยงวันร่างของนุ่มนิ่มยังค้นหาไม่เจอ มีการสันนิษฐานว่าร่างเธอคงถูกสายน้ำที่เชี่ยวพัดออกไปไกลกว่านี้  ทำให้ต้องขยายรัศมีการค้นหาออกไป แต่ระหว่างนั้น ธงเห็นเทพที่พึ่งลงจากเรือกำลังเดินขึ้นมาบนฝั่ง ธงจึงทักออกไป

"พี่เทพ"

เทพนั้นหันมามองตามเสียงเรียก

"อ้าวผู้การธงสวัสดีครับสบายดีนะครับ"

เทพตอบพร้อมเดินเข้ามาหาธงรบกับแคน เทพยกมือไหว้ธงและหันมาไหว้แคนเพราะจำได้ว่าเป็นใครถึงจะเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวตอนสอบปากคำ ธงทักทายเทพอย่างเป็นกันเอง จนธงได้ถามกับเทพ

"พี่เทพย้ายมาอยู่ที่นี่ถาวรเลยหรือเปล่า"

"ครับผู้การ เมียผมมีที่ดินอยู่ที่นี่เลยตกลงมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ครับ"

"นี่พี่เทพมาช่วยหาด้วย"

"ครับ  กระแสน้ำช่วงนี้ต้องให้คนท้องถิ่นช่วยนะครับ มันแรงมาตั้งแต่ต้นน้ำบนเขายิ่งเมื่อทั้งฝนทั้งลม ดีไม่ดีร่างอาจไปลงแม่น้ำแล้วก็ได้ครับ"

เทพบอกมาด้วยสีหน้าที่สลด ธงคุยกับเทพพักหนึ่ง ก่อนที่เทพจะขอตัว แต่แคนเรียกเทพไว้และยื่นนามบัตรให้

"คุณเทพถ้ามีอะไรคืบหน้า ช่วยโทรบอกผมด้วยนะครับ"

"ครับผู้การ"

เทพรับคำก่อนจะเดินไปส่วนแคนมองตามไปด้วยสายตาที่มีความหมาย  ส่วนการค้นหาร่างของนุ่มนิ่มนั้นล้มเหลวไม่มีใครเจอศพของเธอ แต่มีการออกข่าวว่ามีนักท่องเที่ยวที่เป็นผู้หญิงไม่ทราบชื่อเกิดอุบัติเหตุพลัดหล่นจากริมตลิ่งขณะที่มีพายุฝนพร้อมกับกระแสน้ำที่ไหลแรงทำให้ยังหาร่างไม่เจอ แคนกับธงรบกลับกรุงเทพในตอนเย็นวันนั้นปล่อยหน้าที่การค้นหาเป็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

รายงานของการทำลายหมู่บ้านตะวันลับรวมไปถึงคนที่ผสมสูตรยาถูกฆ่าตาย คนที่อยู่เบื้องหลังหลายคนถูกฆ่าปิดปากและมีเสียสติไป 1คน ถึงจะยังจับตัวประพาสไม่ได้และร่างของนุ่มนิ่มยังค้นหาไม่เจอ แต่ถือว่าขบวนการค้ายาเสพติดของนุ่มนิ่มนั้นล่มสลายไปเป็นที่เรียบร้อย หน่วยพิเศษของแคนจึงถูกยุบไปด้วย และแคนได้ทำตามที่บอกไว้ ถึงอาวุธที่ทันสมัยจะต้องส่งคืน แต่บรรดาอุปกรณ์ต่างๆที่ได้มานั้น แคนยกให้ทีมงานไปใช้งานต่อโดยไม่ต้องส่งคืน งานเลี้ยงอำลาจัดขึ้นในค่ายทหารที่ใช้เป็นศูนย์อำนวยการของทีมพิเศษ และทุกคนไม่มีวันลืมพิราบ 14 พันเอกหรือจ่าสิบเอกอำนาจที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

หลังจากนั้น 2 วัน ธงรบได้ติดต่อมาหาแคน

"เฮ้ยแคน กูได้ข่าวไอ้ประพาสแล้วมีคนเห็นมัน ว่ามันแอบเข้ามาที่กรุงเทพ ตำรวจกำลังกระจายกำลังหาตัวมันอยู่"

"พอจะรู้ไหมว่ามันแอบเข้ามาเพราะอะไร"

"มันคงหลบมาตั้งหลักไม่ก็มาเรื่องานของมัน ข้อมูลที่ได้มาสงสัยว่ามันจะค้ายาต่อ แต่กูว่าอย่างแรก เพราะเราขอให้ทางลาวกดดันมันด้วย มันเลยหลบจากลาวกลับมาไทย"

ธงบอกกับเพื่อนแต่ข้อมูลที่ธงรบได้มานั้นไม่ถูกต้องทั้งหมด ประพาสแอบเข้ามาประเทศไทยเพราะทางมุกดาบอกไปว่ามีเอกสารและเช็คเงินสดที่นุ่มนิ่มฝากไว้กับเธอและจะต้องมอบให้ประพาส มันเป็นเช็คจำนวน 10 ล้านที่นุ่มนิ่มสั่งจ่ายให้ประพาส ประพาสนั้นเป็นคนติดต่อไปที่มุกดาหลังจากรู้เรื่องทั้งหมด การรอดตายอย่างหวุดหวิดจากหมู่บ้านตะวันลับนั้นทำให้ประพาสรู้สึกว่าตัวเองนั้นยังมีโชคอยู่บ้าง ประพาสนั้นไม่ได้หลบที่ประเทศลาวแต่หลบอยู่ที่ฝั่งพม่าและติดตามข่าวตลอด จนได้ข่าวเรื่องของลิซ่าที่กลายเป็นคนเสียสติและการหายสาบสูญของนุ่มนิ่ม ซึ่งยังมีมุกดาที่เหลือรอดอีกคน ประพาสจึงลองติดต่อไปที่มุกดา ทำให้รู้ว่ามุกดาตอนนี้กำลังหลบอยู่กับผู้มีอิทธิพลรายหนึ่งและนุ่มนิ่มได้ฝากเอกสารและเช็คเงินสดไว้ให้ประพาสเพื่อเป็นเงินค่าจ้างครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะหายตัวไป และมุกดาถ่ายรูปเอกสารกับเช็คแล้วส่งให้ประพาสดู ประพาสดูแล้วมันเป็นของจริง มันเป็นเอกสารรายงานการเงินและเช็ดสั่งจ่ายให้ประพาส 10 ล้านบาททำให้ประพาสแอบเข้ามาเพื่อจะรับเช็คจำนวนนี้

และในช่วงเย็นวันต่อมา ตำรวจบุกเข้าจับประพาสที่ห้องพักแห่งหนึ่ง แต่ประพาสกับลูกน้องอีก 2 คน นั้นหลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ทางตำรวจนั้นออกตามล่าประพาส มีการกระจายกำลังไปหลายที่ แต่ธงรบนั้นมีเรื่องที่สะดุดความคิดจึงชวนแคนว่าลองไปดูที่โกดังริมแม่น้ำ ที่เคยแอบซุ่มดูประพาสมาก่อน ประพาสอาจใช้ที่นั่นเป็นที่หลบก่อนจะนั่งเรือไปทางอ่าวไทยแคนเห็นด้วยกับเพื่อน จึงพากันไปที่โกดังริมแน่น้ำ พอไปถึงโกดังไม่ห่างออกไปนักแคนเห็นรถจอดอยู่คันหนึ่งมันเป็นรถยี่ห้อเดียวสีเดียวกับที่ตำรวจรายงานว่าประพาสขับหนีมา ธงรบจึงวิทยุของกำลังเสริม แต่กำลังเสริมกว่าจะมาถึงต้องใช้เวลาเกือบ 10 นาที

"เอาไงดีวะแคน"

ธงปรึกษากับเพื่อนหลังจากที่ได้รับคำตอบจากทางวิทยุ

"เข้าไปดูกันก่อน เราไม่แน่ใจว่ามันหนีไปหรือยัง รถที่จอดนะใช่รถที่มันขับหนีมา ดีไม่ดีมันอาจทิ้งรถไว้ที่นี่แล้วพวกมันเปลี่ยนรถไม่ก็ขึ้นเรือหนีไปแล้ว"

"เออเอาอย่างนั้นก็ได้"

ธงเห็นด้วยกับเพื่อน ทั้งคู่ต่างลงจากรถพร้อมดึงปืนที่เหน็บข้างเอวออกมาถือไว้ ต่างพากันเดินไปที่โกดังด้วยความระวัง ประตูโกดังนั้นเปิดแย้มออกมาเล็กน้อย  แคนเดินนำเข้าไป ภายในโกดังนั้นระเกะระกะไปด้วยเศษซากเครื่องจักร กองไม้ และเศษอิฐเศษปูน แต่ก่อนที่ทั้งสองจะพูดอะไร มีเสียงปืนดังขึ้นมา 1 นัด ทำให้ทั้งต่างพุ่งไปหลบคนละมุม กระสุนนัดนั้นห่างตัวแคนไปไม่ถึงคืบ  ธงรบนั้นเดาถูกว่าประพาสหลบมาที่โกดังนี้เพื่อที่จะขึ้นเรือออกไปยังอ่าวไทย โดยจะไปขึ้นเรือประมงที่มารอรับแล้วแอบลอบขึ้นฝั่งที่กัมพูชาเพื่อจะเดินทางไปที่ลาว แต่พอเห็นคนเข้ามาลูกน้องประพาสนั้นยิงใส่ทันที ประพาสสั่งให้ลูกน้องทั้ง 2คน กระจายออกไป 2ฝั่งโกดังส่วนตนเองคุมเชิงอยู่ที่เดิม

ฝ่ายธงกับแคนนั้นต่างแยกกันไปคนละด้าน ด้วยความระมัดระวัง แคนนั้นนึกเสียดายที่ไม่เอากล้องมองกลางคืนติดมาด้วย จะใช้ไฟฉายก็จะเป็นการแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนเองอยู่ตรงไหน การเดินแต่ละก้าวนั้นต้องระวังตัวเพราะ ตามพื้นนั้นเต็มไปด้วยเศษสิ่งของ แคนค่อยๆคลำไปในความมืด ส่วนธงรบนั้นเดินไปอีกฝั่งและระหว่างที่ไปหลบซุ่มหลังกล่องไม้ใบใหญ่ ธงรบเห็นเงาคนที่ได้รับแสงไฟจากภายนอกโกดังทอดยาว กำลังเดินมาใกล้ๆที่ตนเองซุ่มอยู่ ธงรบรอจนเป้าหมายปรากฏให้เห็น ธงยกปืนขึ้นยิงทันที 2 นัด อีกฝ่ายนั้นยังไม่ทันส่งเสียงอะไร ร่างนั้นล้มลงไปนอนนิ่งกองกับพื้น มีเสียงปืนเหมือนยิ่งแบบสุ่มออกมา1 นัดคนยิงคือประพาสพอยิงแล้วประพาสค่อยๆเคลื่อนตัวไปทางที่ได้ยินเสียงปืน  ส่วนธงนั้นเคลื่อนตัวไปที่ร่างนอนคว่ำแล้วตรวจสอบทันที ร่างนั้นไม่หายใจหรือมีชีพจรแล้ว   ธงจึงเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างระวัง

แต่แคนนั้นโชคไม่เข้าข้างเหมือนธง แคนถูกอีกฝ่ายที่ดักรออยู่นั้นเห็นความเคลื่อนไหว หลังจากที่มีเสียงปืนดังขึ้น 3นัดโดยไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายยิง แคนค่อยๆเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆไปที่หลังเสาต้นหนึ่ง แต่อีกฝ่ายที่ดักรออยู่นั้นลั่นกระสุนใส่แคนทันทีแต่ด้วยความรีบร้อนตัวของแคนนั้นยังไม่โผล่ออกมาเต็มตัว ทำให้กระสุนไปถูกเสา แต่สะเก็ดปูนจากเสานั้นพุ่งเข้าใส่ต้นแขนของแคนทำให้ปืนพกนั้นหลุดจากมือแคน แต่ด้วยประสบการณ์ที่มีแคนกลิ้งตัวไปหลบอีกด้านหลังกองไม้กองใหญ่ ต้นแขนขวานั้นมีเลือดออกมา แต่แคนไม่ใส่ใจมือล้วงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบมีดสปริงออกมา แคนกดปุ่มสปริงทันทีแล้วมองฝ่าความมืดออกไป อีกฝ่ายนั้นค่อยๆย่องเข้ามา พร้อมกับมีเสียงที่เป็นภาษาลาวที่พูดออกมาเบาๆว่า

"เสร็จกูแน่"

แคนรอจนมันเข้ามาใกล้ แคนพุ่งตัวออกไปทันที มือข้างซ้ายนั้นกำไปที่ข้อมือของศัตรูพร้อมเข่าซ้ายนั้นถูกยกขึ้นมากระแทกข้อมือทำให้อีกฝ่ายนั้นปืนหลุดมือพร้อมกับมือขวาที่ถือมีดนั้นแทงเข้าไปที่ต้นคอ  ร่างของอดีตทหารลาวลูกคนน้องคนสนิทอีกคนของประพาสนั้นค่อยๆทรุดกายลงพร้อมด้วยอาการสำลักดวงตาเบิกโพลง แคนใช้มือซ้ายกระทุ้งมีดเข้าไปอีกครั้งก่อนจะตามด้วยการบิดข้อมือข้างขวา ร่างนั้นลงไปนอนหงายพร้อมอาการชักแคนมองอย่างไร้ความรู้สึกแล้วดึงมืดออกมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั้นหมดลมหายใจ แคนเอาใบมีดที่เปื้อนเลือดเช็ดไปกับเสื้อของคนตาย แล้วเก็บใบมีด แคนใช้เท้าเขี่ยไปเจอปืนของคนตายจึงหยิบขึ้นมา เพราะแคนไม่มีเวลาไปงมหาปืนของตัวเอง ก่อนจะเคลื่อนที่ต่อไป

ธงรบนั้นพยามเดินอย่างระมัดระวังแต่พลาดจนได้ ขาขวาของธงนั้นก้าวลงไปลงไปร่องที่เป็นรอยแยกและมีเศษปูนก้อนใหญ่เลื่อนมาทับ ทำให้ธงเสียหลักล้มลง ปืนนั้นหลุดจากมือ  และประพาสที่เดินย่องตามเดินตามเสียงปืนมาเห็นเข้า ประพาสเปิดไฟฉายแล้วเห็นธงรบนั้นนั่งอยู่กับพื้นพยามยามที่จะดึงขาขึ้นมา ประพาสยิ้มออกมาเพราะในส่วนลึกของประพาสนั้นรู้สึกแค้นธงรบมาตลอด ประพาสคิดมาตลอดว่าธงรบนั้นเป็นคนที่มีส่วนที่ทำให้จิตพี่ชายของตนเองนั้นตาย ถึงธงจะไม่ได้คนฆ่าแต่เป็นคนที่ส่งข้อมูลให้ตำรวจ ประพาสยกปืนขึ้นเล็งพร้อมพูดว่า

"ผมรอวันนี้มานานแล้วผู้การ"

แต่ประพาสพูดไม่ทันขาดคำเสียงปืนดังขึ้นจากด้านข้าง กระสุนทะลุเข้าลำคอประพาสอย่างแม่นยำตามเจตนาของคนยิง ร่างของประพาสนั้นล้มลงไปนอนหงายบนพื้น ประพาสเอามือขึ้นมาปิดลำคอตรงที่เลือดทะลักออกมาไม่หยุด แคนเปิดไฟฉายของตนเองขึ้นแล้วเดินไปหาประพาสที่กำลังนอนตาเหลือกสำลักเลือดอยู่ แคนลงนั่งข้างๆตัวประพาสและพูดออกมาเบาๆ

"หมวดนี่มันไม่ใช่หนัง ถ้าหมวดไม่พูดแบบในหนัง หลานผมมันคงกำพร้าพ่อไปแล้ว และอีกอย่างก่อนหมวดจะตาย ผมบอกให้ผมเป็นคนฆ่าไอ้จิตเอง แต่มันตายทรมานกว่าหมวดเยอะแถมหลานของหมวดไอ้ทุมผมก็เป็นคนฆ่า"

แคนดูหน้าประพาสที่เหลือบตามามองแคนด้วยดวงตาที่เบิกโพลงมือยังกุมที่บาดแผล แต่ไม่นานนักร่างของประพาสที่ดิ้นทุรนทุรายนั้นได้สงบนิ่ง มือที่กุมคอนั้นล่วงลงมาบนพื้น แต่ดวงตายังเบิกโพลงอยู่ แคนมองแล้วส่ายหน้าไปมาช้าๆ ก่อนจะเดินไปหาเพื่อน ธงนั้นยังลุกไม่ขึ้น แคนเอาไฟฉายส่องพร้อมช่วยดันเศษปูนก้อนใหญ่ ที่เคลื่อนตัวมาทับขาเพื่อนออก และประคองเพื่อนให้ลุกขึ้น ธงสะบัดขาไปมา

"ขอบใจวะแคน ไม่งั้นกูตายแล้ว"

"พลาดได้ไงวะ"

"มองไม่เห็นวะเลยเหยียบไป มันคงได้ยินเสียงเลยตามมา แล้วนี้แขนมึง"

ธงตอบพร้อมหยิบไฟฉายขึ้นมาเปิดทำให้เห็นรอยเลือดที่แขนของเพื่อน

"นิดหน่อยนะโดนเศษปูน ด้านโน้นกูจัดการไปคนหนึ่งสงสัยมันเป็นคนลาว"

"กูก็จัดการไป 1 ก่อนจะมาล้มตรงนี้"

ธงพูดพร้อมเดินเข้าไปที่ศพประพาสแคนเดินตามมาติดๆ

"หมดเวรหมดกรรมสักที  เท่ากับขบวนการนี้ถูกปิดไปเรียบร้อย"

แคนพยักหน้าแล้วมองไปที่ศพของประพาสด้วยความสังเวชใจ ที่อดีตนักรบที่เก่งกล้าแต่ถูกความโลภครอบงำต้องมาตาย อนาถแบบนี้ ธงรบหยิบวิทยุขึ้นมารายงานสถานการณ์พร้อมขอรถพยาบาลมาด้วยเพราะเห็นเพื่อนได้รับบาดเจ็บ ส่วนแคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วพิมพ์ข้อความก่อนจะกดส่งธงนั้นเห็นแต่ไม่สนใจอะไร หลังจากวิทยุรายงานเรียบร้อยได้บอกกับเพื่อน

"สงสัยคืนนี้กูกับมึงดึกแน่นอน"

"มึงโทรไปบอกคุณผิงก่อนก็ได้ เดี๋ยวลูกมึงจะรอ"

แคนบอกกับเพื่อนด้วยสีหน้ายิ้มๆแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความที่ถูกส่งกลับมา แต่มีอีกเรื่องที่ทั้งธงรบกับแคนจะรู้เรื่องของสายข่าวที่แอบส่งข้อมูลให้ หลังจากที่ประพาสตายไป 2อาทิตย์ ผบ.ตร.ได้เรียกทั้งคู่มาพบ พร้อมกับส่งรายงานสรุปให้ทั้งคู่อ่าน คนที่แอบส่งข้อมูลมาให้ก่อนที่ขบวนการนี้จะพินาศคือมุกดา ทำให้ทางตำรวจได้รับข้อมูลที่สำคัญมาพอสมควร ตอนนี้มุกดานั้นกลับเข้ารับราชการอีกหนในกรมสารบรรณ โดยไม่เกี่ยวข้องกับงานที่เคยทำมา ทั้งสองคนไม่พูดอะไรมากนักกับเรื่องนี้ และไม่คิดที่จะหาสาเหตุว่าทำไมบอดี้การ์ดสาวของนุ่มนิ่มนั้นเปลี่ยนใจ

แต่สาเหตุที่มุกดานั้นเปลี่ยนใจ มันมาจากความกลัว หลังจากที่ชุดขนยาเสพติดถูกปฏิบัติการตอบโต้ฆ่าอย่างโหดเหี้ยมและพอเธอมารู้ว่าแคนเป็นหัวหน้าทีมทำให้เธอหวาดกลัวมากขึ้น จนวันที่แคนรับคำเชิญไปทานข้าวที่บ้านนุ่มนิ่ม จากสายตาและคำพูดของแคนยิ่งกระตุ้นความกลัวของเธอมากขึ้น พอแคนไปปรากฏตัวที่ใกล้ๆหมู่บ้านตะวันลับ มุกดานั้นรู้ว่าแคนต้องรู้ว่าเธอนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดนี้ เธอจึงตัดสินใจทันทีเพื่อความอยู่รอดของเธอ เพราะเธอไม่รู้ว่าจะถูกฆ่าวันไหน เธอยังมีแม่และน้องที่ต้องดูแล มุกดาแอบติดต่อไปที่เจ้านายเก่าที่ตอนนี้เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ.พร้อมสารภาพความจริงให้ฟัง เจ้านายเก่าของเธอนั้นเข้าใจทันที เพราะมีส่วนในการก่อตั้งทีมพิเศษของแคนด้วย จึงรายงานไปยัง ผบ.ทบ. เพื่อที่จะประสานไปยัง ผบ.ตร.ในเรื่องนี้ 

ยิ่งเรื่องที่วิฑูรย์ถูกฆ่ามันทำให้มุกดาหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก มุกดายอมเสี่ยงโดยนำข้อมูลมาแลกกับการไม่เอาผิดเธอ  ทำให้ทางตำรวจรู้ความเคลื่อนไหวและความคิดของนุ่มนิ่มได้มากขึ้น ตั้งแต่เรื่องการสั่งฆ่าดาบณรงค์ข้อมูลของประพาสที่แอบกลับมาอยู่หมู่บ้านตะวันลับและการสั่งให้อุกฤษมาพบ มุกดานั้นส่งเรื่องพวกนี้พร้อมกับแผนผังในหมู่บ้านและแผนผังบ้านหลังใหญ่ให้ทางตำรวจ ทำให้หมู่บ้านนั้นถูกทำลายพร้อมกับการตายของอุกฤษ แต่เธอยังวิตกกังวลอยู่

และช่วงหลังๆนอกจากลิซ่าแล้วตัวนุ่มนิ่มเองก็แทบมีอาการไม่ต่างกัน บางที่เธอแอบได้ยินนุ่มนิ่มพูดคนเดียวในห้องนอนและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หรือไม่ก็ร้องไห้ไม่หยุดหรือไม่ก็โกรธแบบไม่มีเหตุผลแต่ยังดีที่นุ่มนิ่มนั้นควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าลิซ่า อีกทั้งช่วงที่ผ่านๆไม่นานนี้เวลาที่มากรุงเทพนุ่มนิ่มเองก็ไปพบพี่สาวเป็นประจำแต่ลิซ่าไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากวันที่นำตัวลิซ่าไปส่งที่โรงพยาบาล นุ่มนิ่มได้บอกกับเธอในบ้านที่เชียงราย

"มุกที่ผ่านมา นิ่มขอบคุณมุกมากนะ แต่ถึงเวลาที่เราต้องจากกันแล้ว"

"คุณนิ่มหมายความว่า"

"ใช่ถึงเวลาที่นิ่มต้องไปใช้กรรมที่ทำมาแล้ว มุกควรจะไปตามทางของมุกไม่ต้องมาเกี่ยวร่างแหกับนิ่มด้วย ทุกอย่างมันเป็นเพราะนิ่ม นิ่มยอมรับกรรมคนเดียวและนิ่มพอจะเดากว่ามุกนั้นทำอะไรลงไป ซึ่งนิ่มไม่โกรธมุก นิ่มเข้าใจว่ามุกมีอีกหลายคนที่ต้องรับผิดชอบ และนิ่มถือว่าเป็นการกระทำที่ช่วยนิ่มแม้มุกจะไม่ตั้งใจ"

"คุณนิ่มรู้หรือคะว่ามุกทำอะไรลงไป"

น้ำตามุกดาเริ่มไหลออกมา แต่นุ่มนิ่มนั้นยิ้มรับ

"มุกไม่ต้องอธิบาย นิ่มบอกแล้วนิ่มเข้าใจ นิ่มพอจะเดาออกจากระยะหลังๆที่มุกมักจะออกห่าง ไม่พักที่บ้านนิ่มเวลาเราไปกรุงเทพแต่ถือเป็นเรื่องดีเอาละมุกรับนี่ไปสิ"

สิ่งที่นุ่มนิ่มยื่นให้คือเช็คเงินสด 10 ล้านบาท

"นี่คือสิ่งที่นิ่มจะตอบแทนมุกได้ อย่าได้คิดมากถือว่านิ่มชดเชยให้ที่ลากมุกเข้ามาร่วมกับเรื่องที่เลวร้าย"

มุกดานั้นอยากจะปฏิเสธแต่นุ่มนิ่มวิงวอนให้เธอรับ ก่อนจะส่งเอกสารและเช็คเงินสดที่สั่งจ่ายให้ประพาส

"อันนี้ฝากให้คุณประพาสด้วยนะ นิ่มคิดว่าอีกไม่นานคุณประพาสคงติดต่อมาหามุกเอง"

"แต่คุณประพาสทิ้งคุณนิ่มไปนะคะ"

"ไม่หรอก นิ่มคิดว่าเขาไปหาหนทางใหม่ เขาคงจะรู้มาล่วงหน้าแล้วว่านิ่มจะไม่ทำต่อเขาจึงไป และนี่ถือเป็นเงินตอบแทนครั้งสุดท้ายที่นิ่มจะให้เขา ฝากให้มุกช่วยทำต่อด้วย"

น้ำตาของมุกดานั้นไหลไม่หยุด นุ่มนิ่มฝากเธอไว้อีก 2-3 เรื่อง รวมถึงเรื่องของลิซ่าที่นุ่มนิ่มบอกว่าพี่สาวของนุ่มนิ่มจะเข้ามาดูแลเรื่องค่ารักษาตัวของลิซ่าต่อไป โดยผ่านมูลนิธิที่เธอตั้งขึ้นมา ทั้งคู่ต่างกอดลากันเป็นครั้งสุดท้ายมันเป็นการกอดด้วยความรู้สึกของเพื่อนสนิทไม่ใช่เจ้านายกับลูกน้องหรือคู่สวาทเหมือนที่ผ่านมา ก่อนจะออกจากบ้านมุกดาหันมาดูนุ่มนิ่มด้วยความห่วงแต่อีกฝ่ายพยักหน้าเร่งให้เธอไป นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นนุ่มนิ่ม ก่อนจะได้ข่าวว่านุ่มนิ่มกระโดดสะพานฆ่าตัวตาย ตรงจุดที่นุ่มนิ่มชมว่าสวยมาตลอด

มุกดานั้นหลบเข้ามาอยู่ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งและหลังจากที่มีข่าวว่านุ่มนิ่มหายสาบสูญ ประพาสนั้นติดต่อเธอมาจริงๆ เธอจึงบอกว่านุ่มนิ่มฝากอะไรไว้ให้พร้อมถ่ายภาพของเอกสารและเช็คเงินสดที่นุ่มนิ่มฝากไว้ให้ดู แต่เธอรายงานเรื่องนี้ไปให้เจ้านายเธออีกครั้ง ทำให้ทางตำรวจตามรอยประพาสถูก ตอนนี้ถึงจะหาร่างของนุ่มนิ่มไม่เจอ แต่มุกดาก็มั่นใจว่านุ่มนิ่มนั้นตายไปแล้ว เธอได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้นุ่มนิ่มแทบทุกวัน และเธอพยายามที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบไม่พยายามนึกถึงเรื่องอันเลวร้ายที่ผ่านมา

เวลาผ่านไป 2เดือน ที่ห้องทำงานของแคน มีแขกมาขอพบแคน 1 คน แขกคนนั้นคือเทพที่โทรมาหาแคนตามเบอร์ในนามบัตรโดยเทพบอกกับแคนว่ามีเรื่องจะขอคำปรึกษา

"ว่าไงครับคุณเทพ เดินทางมาไกลเพื่อมาพบผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ"

"มีครับผู้การ คือเรื่องของคุณนุ่มนิ่มนะครับ"

"ลูกสาวกำนันน้อม"

"ครับผู้การ ผมมีเรื่องที่อยากจะขอความกรุณาครับ คือเราพูดกันตรงๆนะครับ ว่าวันนั้นที่เราเจอกันตอนที่ผมไปช่วยหาศพคุณนุ่มนิ่มถึงทางการจะไม่เอ่ยชื่อแต่ผมรู้ว่าคนที่เราช่วยกันค้นหาคือใคร ไม่อย่างนั้น ผู้การกับผู้การธงรบไม่ไปด้วยตัวเองหรอกครับ"

แคนพิงตัวไปบนพนักพิงเหมือนจะเตือนให้เทพเล่าต่อ เทพนั้นเล่าให้แคนฟังตั้งแต่ครั้งที่นุ่มนิ่มมาพบกับเทพเมื่อ4-5 ปีก่อน และเทพพอจะเดาออกว่าเธอจะทำอะไร เทพนั้นคิดเหมือนจิ๋วและคอยตามข่าวเรื่องการจับยาเสพติดและเรื่องที่เจ้าหน้าที่ถูกฆ่าจำนวนมาก เทพมั่นใจว่าเป็นฝีมือของนุ่มนิ่ม แต่เทพทำอะไรไม่ได้ จนวันที่เกิดเรื่อง ในช่วงบ่ายวันนั้น เมียของเทพกับลูกชายขับรถเข้าหมู่บ้านและเห็นนุ่มนิ่มเดินวนเวียนแถวสะพาน เมียเทพจำได้ว่าใครจึงมาบอกเทพ  เทพจึงพาลูกชายกลับไปที่สะพานเป็นจังหวะเดียวกับที่แคนกำลังลงจากรถ เทพพอจะเดาได้ว่าหญิงสาวจะทำอะไรต่อ จึงขับรถเลยขึ้นไปและไปยืมเรือชาวบ้านเพื่อที่จะดักร่างของนุ่มถ้าเธอเกิดโดดสะพานขึ้นมา เทพกับลูกชายมองฝ่าสายฝนและประคองเรือท่ามกลางสายน้ำที่เชี่ยวกราก และเทพภาวนาขออย่าให้เธอกระโดดสะพานแต่เธอกระโดด

เทพและลูกชายจึงรีบพายเรือไปหาร่างที่ลอยตามน้ำโชคดีที่ร่างของเธอไม่ปะทะกับแก่งหินที่มีอยู่ สองพ่อลูกช่วยกันดึงร่างเธอขึ้นจากน้ำและพาขึ้นฝั่งและนำร่างที่ไร้สติของเธอขึ้นรถกลับไปที่บ้าน  นับว่าโชคดีที่เธอไม่เป็นอะไรมาก นอกจากหมดสติ เทพให้เมียกับลูกสะใภ้ช่วยกันดูแล จนเธอฟื้นขึ้นมา เธอร้องไห้ไม่หยุดเมื่อรู้ว่าเธอยังไม่ตายตามความตั้งใจ เทพได้พูดเตือนสติเธออยู่นานพอสมควรทำให้เธอคิดได้ เทพจึงให้เธอซ่อนตัวอยู่ที่บ้านและทำทีไปช่วยค้นหาร่างของเธอ จนพวกตำรวจเลิกค้นหา เธอจึงขอให้เทพช่วยติดต่อไปหาพี่สาวเธอ พี่สาวของนุ่มนิ่มได้เดินทางมารับเธอที่บ้านของเทพ นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เทพได้เจอเธอ นุ่มนิ่มขอบคุณเทพอย่างมากที่ช่วยชีวิตและพูดเตือนสติ เธอบอกกับเทพว่าจะไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์และจะไม่กลับมาเมืองไทยอีก

"เมื่อ4-5 ปีก่อนผมพยายามเตือนเธอแต่เธอนั้นดูจะไม่ฟังและผมพอจะเดาออกว่าเธอนั้นทำอะไรและจุดจบที่พบก็แทบจะไม่ต่างกับพ่อของเธอ ยังดีที่เธอนั้นไม่ตาย วันนั้นพอเมียบอกว่าเจอเธอตรงแถวสะพานผมก็เดาออกว่าเธอจะมาทำอะไร เพราะเธอบอกกับผมว่าที่ตรงนี้สวยและเธอหายไปเลยไม่ได้ติดต่อมา จู่ๆโผล่มาผมเดาว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอนยิ่งผมเห็นผู้การด้วยและเป็นอย่างที่ผมคิด คุณนิ่มตัดสินใจที่ฆ่าตัวตาย เธอบอกว่าทำเพื่อที่จะชดเชยกับสิ่งที่เธอทำไป คุณนิ่มคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด ผมเลยพูดดึงสติเธอกลับมา ยังดีที่คุณนิ่มฟังครับ"

แคนยิ้มๆก่อนจะบอกกับเทพ

"คือเรื่องนี้ถ้าผมจะตอบกลับแบบกวนๆว่าคุณเทพมาบอกผมทำไม แต่ผมพอจะเข้าใจเหตุผลที่คุณเทพมาบอกผม จะเรียกว่าสารภาพเรื่องที่ช่วยคนผิดมันก็ไม่ได้ ตรงนี้ผมบอกคุณเทพตรงๆนะว่าสิ่งที่เธอเคยทำไว้นะ ในทางฏหมายมันไม่มีอะไรที่ชี้ชัดได้ว่าเธอเป็นคนทำ เพราะหลักฐานทุกอย่างมันชี้ไปที่อดีตทหารที่ชื่อประพาสที่ตอนนี้ตายไปแล้ว ถึงทางไทยจะจับเธอแล้วส่งฟ้องศาลดีไม่ดีอัยการก็ไม่ฟ้องแล้วครับ ถึงฟ้องพอไปถึงศาล ศาลก็ต้องยกฟ้องอยู่ดีเพราะหลักฐานมันอ่อนมากครับ ถึงเธอจะหลบไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศก็ตามทีเราไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรให้ทางนั้นส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับมา ถือว่าคุณเทพช่วยชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งไว้แล้วกันครับรวมถึงพูดเตือนสติเธอ ส่วนผมคิดว่าคุณเทพมาเล่านิทานให้ฟังแล้วกันครับ"

"นี่แปลว่าผู้การ"

"ใช่ครับผมรู้ว่าเธอรอดตายและตอนนี้อยู่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่ผ่านมาก็ตามที่ผมบอกนะครับ ทางผมไม่สามารถที่จะเอาผิดเธอได้ ทั้งๆที่รู้ว่าเธอเป็นนายทุนแต่ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะเอาผิดเธอได้"

เทพนั้นยิ้มออกได้ มันเป็นเรื่องที่ทำให้เทพเครียดพอสมควรกับการที่ช่วยเหลือนุ่มนิ่ม ถึงจะกลัวว่าตัวเองมีความผิดด้วยแต่เรื่องช่วยชีวิตคนนั้นสำคัญกว่า เทพปล่อยเวลาไว้ให้นานเพื่อแน่ใจว่านุ่มนิ่มหลบออกไปนอกประเทศแล้วเทพจึงตัดสินใจติดต่อมาหาแคนเพื่อมาเล่าความจริงให้แคนฟัง และรู้สึกโล่งใจอย่างมากที่แคนบอกกับเทพแบบนี้ เทพสงสารนุ่มนิ่มมากเพราะเธอนั้นหลงผิดชั่วขณะ ตอนที่เธอบอกกับเทพ เทพดูออกว่าเธอนั้นสำนึกผิดแล้ว แต่จู่ๆเทพเกิดเฉลียวใจอะไรบางอย่างขึ้น ทำไมน้ำเสียงของแคนมันถึงคุ้นหูแบบนี้ เทพย้อนนึกไปถึงวันที่ตนเองถูกจับตอนคุ้มกันเปายุ่นหลังจากที่ปทุมโดนยิงตาย

"พวกมึงเป็นขบวนคุ้มกันใช่ไหม" กับเสียงที่ได้ยินของภาพจากกล้องที่ติดตัวที่ถูกเปิดซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้กี่สิบครั้งตอนที่ปทุมโดนยิงตาย "อย่าเข้ามาหมอบลง" เสียงบอกไปที่ปทุมขณะวิ่งถือปืนเข้าหาและถูกยิงตายทันที เทพจำน้ำเสียงนั้นได้อย่างดีและมาถึงตอนนี้เสียงคนที่นั่งตรงข้ามนั้นมันช่างเหมือนกับเสียงที่เทพได้ยินไม่มีผิดเพี้ยน มือของเทพกระตุกทันทีซึ่งแคนนั้นสังเกตเห็นแต่ไม่พูดอะไร เทพอยู่คุยกับแคนอีกสักพักก่อนจะขอตัวกลับ แคนเดินไปส่งเทพที่ประตู เทพนั้นรู้สึกโล่งใจอย่างมากกับเรื่องของนุ่มนิ่ม ส่วนอีกเรื่องนั้นเทพตั้งใจไว้ว่าจะเก็บไว้เป็นความลับจนวันตาย

แคนเดินกลับไปที่โต๊ะแล้วเปิดลิ้นชักตู้ที่อยู่ข้างโต๊ะทำงานออกมา แคนหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วหยิบรูปพร้อมซองจดหมายที่อยู่ในซองเอกสารออกมาดูอีกครั้ง เทพไม่รู้ว่าแคนนั้นเห็นตอนที่ตนเองกับลูกชายช่วยกันดึงร่างนุ่มนิ่มขึ้นมาจากน้ำ สายตาของพลแม่นปืนระดับเซียนของแคนนั้นทำให้แคนที่มองฝ่าสายฝนไปพอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นแคนเดินกลับมาที่รถและทิ้งเวลาไว้จนเห็นรถของเทพวิ่งสวนกลับเข้าไปในหมู่บ้านก่อน แคนจึงวิทยุแจ้งไปว่านุ่มนิ่มนั้นกระโดดสะพาน ส่วนที่แคนให้นามบัตรเทพ แคนหวังว่าเทพจะติดต่อมาเพื่อเล่าความจริง ให้ฟังและเทพนั้นติดต่อมาจริงๆ แต่เทพนั้นไม่รู้ว่าตอนนี้นุ่มนิ่มนั้นอยู่ที่ไหน รูปแรกที่แคนหยิบขึ้นมาดูเป็นภาพตอนที่เธอกำลังเดินขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่สนามบินในกัมพูชา ภาพที่ 2 เป็นภาพตอนที่เธอมอบตัวกับ DEAที่สหรัฐ ภาพที่ 3เป็นภาพตอนที่เธอถูกสอบสวน และภาพที่4 เป็นภาพเธอที่อยู่ในชุดคนไข้ขณะเข้ารับการบำบัดที่สถานพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐ แคนมองภาพพวกนี้แล้วเปิดซองจดหมายขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ในจดหมายเขียนถึงแคนไว้ว่า

"แคนคะ นิ่มขออนุญาตเรียกผู้การแคนว่าแคนนะคะ ตอนที่แคนได้รับจดหมายนี้ นิ่มหวังว่าตนเองยังรับรู้เรื่องต่างๆได้เหมือนเดิมคะ นิ่มขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำเตือนในวันนั้นที่เราเจอกันที่ร้านกาแฟรวมถึงเรื่องที่แคนบอกในวันที่เราพบกันที่แม่สอด  แคนพูดจริงคะหลังจากที่นิ่มใช้เวลาใคร่ครวญ วันนั้นต่อให้แคนจะพูดยังไงนิ่มก็ไม่มีวันเชื่อคะ ถึงตอนนี้คำเตือนของแคนนั้นเป็นจริง นิ่มกลับประเทศไทยไม่ได้ต้องใช้ชีวิตแบบหลบซ่อน ไม่สามารถไปพบพี่ๆของนิ่มได้อีกตลอดชีวิต นิ่มทำพลาดไปแล้วและไม่สามารถย้อนคืนกลับไปได้ รวมถึงเรื่องคนกี่คน กี่ชีวิตที่ต้องมาตายสังเวยความแค้น ความโลภของนิ่ม ถึงตอนนี้แคนคงรู้แล้วว่านิ่มได้ทำอะไรลงบ้างเพื่อชดใช้กับสิ่งที่นิ่มทำลงไป ถึงแม้จะเรียกชีวิตพวกเขาคืนมาไม่ได้ แต่นิ่มทำได้เท่านี้ เรื่องที่ผ่านมาของแคนนิ่มเข้าใจคะว่ามันยากที่จะอโหสิกรรมกับการสูญเสียครอบครัวพี่สาวของแคน แต่นิ่มพอจะชดเชยตามที่แคนบอกไว้ นิ่มตั้งทุนการศึกษาให้กับพวกนักศึกษาแพทย์ไว้แล้วคะ มันคงพอจะชดใช้ได้บ้าง สุดท้ายนิ่มบอกว่านิ่มขอโทษกับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น นิ่มขอโทษแทนพ่อที่ทำเรื่องไม่ดีกับครอบครัวของแคน ถึงแคนจะไม่ยกโทษให้แต่อย่างน้อยก็สงสารผู้หญิงที่ไร้ญาติขาดมิตรคนนี่ด้วยคะ"

ท้ายจดหมายลงชื่อเล่นของเธอ โจเซฟเป็นคนส่งเอกสารชุดนี้มาให้แคนโดยเธอนั้นของร้องทางเจ้าหน้าที่ DEA ว่าขอให้เธอเขียนจดหมายถึงแคนด้วย ซึ่งทางนั้นอนูโลมให้ นุ่มนิ่มนั้นติดต่อผ่านทางอัยการกลางของสหรัฐเพื่อขอมอบตัวตามหมายจับ ตอนแรกเธอนั้นไม่ขอต่อสู้คดีแต่ทางFBI  DEA และอัยการสหรัฐมีข้อเสนอให้เธอเพื่อแลกกับข้อมูลสำคัญของคาเทล 2แก็งใหญ่ในเม็กซิโก นุ่มนิ่มนั้นตอบตกลงทำให้เข้าเธอสู่โครงการคุ้มครองพยานทันทีตามข้อตกลงที่จะไม่เอาผิดเธอ และก่อนหน้านี้ไม่นานนักมีข่าวใหญ่ที่ทางนาวิกโยธินของเม็กซิโกร่วมกับหน่วยซีลของสหรัฐในการทลายขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ในเม็กซิโก 2ขบวนการได้ติดๆกัน มีหัวหน้าใหญ่ถูกสังหารไป 1 คน ส่วนอีกคนถูกจับมาดำเนินคดีต่อที่สหรัฐ ข้อมูลที่ได้มานั้นมาจากทางนุ่มนิ่ม ส่วนตัวเธอเองนั้นทางหมอได้ตรวจพบว่าเธอนั้นเริ่มมีอาการของโรคจิต จึงส่งเธอเข้ารับการรักษาทันที ซึ่งเธอเหมือนจะรู้ตัวว่าเธอป่วยนั้นเป็นอะไร สาเหตุนั้นมันมาจากหลายๆอย่างทั้งยาเสพติดที่เธอใช้ตอนสมัยเรียน การสูญเสียคนที่เธอรัก ความเครียดที่สะสมกันมาตลอดระหว่างที่ค้ายาเสพติด การอยากได้ตัวแคนมาเคียงคู่ มันทำให้เธอมีอาการประสาทหลอนในบางครั้ง ยิ่งเห็นลิซ่าเสียสติไปมันกระทบกับจิตใจเธออย่างมาก ทำให้เธอเริ่มที่จะมีอาการของคนเป็นโรคจิต

นุ่มนิ่มนั้นเริ่มคิดได้ตั้งแต่วันที่แคนมาที่บ้าน ทำให้เธอเริ่มรู้ตัวว่าทำอะไรที่เลวร้ายลงไป แต่เธอจะเลิกง่ายๆนั้นคงทำไม่ได้ มันต้องค่อยเป็นค่อยไป ตั้งแต่ที่ดาบณรงค์ถูกเธอสั่งฆ่า แต่ก่อนหน้าไม่นานนักอีกทางหนึ่งเธอแอบติดต่อกับทนายความที่ชื่อธนาที่พี่สาวเธอเป็นคนแนะนำให้ว่าเป็นทนายน้ำดีอีกคนของวงการ ถึงอายุจะมากแต่ทำงานได้ดี เธอเริ่มรวบรวมรายชื่อของบรรดาเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจและคนบริสุทธิ์ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากคำสั่งของเธอ แต่อีกด้านเธอเริ่มสั่งเก็บคนที่รู้เรื่องและรายละเอียดของขบวนการค้ายาเสพติดที่เธอก่อตั้งและคนที่มีข้อมูลในหลายๆเรื่องที่เธอให้ค้นหาความจริง คืออดิศรกับบัญชา อดิศรนั้นเป็นคนไม่เคยพอคอยสูบเลือดจากเธอตลอดมีการขอเพิ่มค่าจ้างทุกครั้ง และเธอคิดว่าต่อไปอนาคตเธออาจถูกทนายความเหลี่ยมจัดคนนี้หักหลังก็เป็นได้  และที่สำคัญถึงเธอจะไม่ทำต่อแต่อดิศรเองก็อาจหาลู่ทางในการทำโดยหานายทุนรายใหม่เข้ามาทำก็เป็นได้ เธอจึงฆ่าอดิศรเพื่อตัดตอนเรื่องทั้งหมด

ส่วนบัญชานั้นรู้รายละเอียดมากและสักวันอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเธอ รวมถึงเรื่องของแคนด้วย เธอจึงต้องสั่งฆ่า ส่วนอุกฤษนั้นนุ่มนิ่มคิดเหมือนกับแคนว่าคนเก่งอย่างอุกฤษต่อไปจะไปผสมสูตรยาเสพติดให้กับนายจ้างรายไหนก็ได้เธอสั่งฆ่าอุกฤษอีกราย แต่อุกฤษถูกทีมของแคนฆ่าเสียก่อน แต่ประพาสที่ทำงานชนิดถวายหัวให้เธอมาก่อน เธอเห็นความดีของประพาส ถึงประพาสจะทิ้งเธอในตอนหลังแต่เธอก็เข้าใจว่าประพาสเกิดความระแวงและไม่ไว้ใจเธอขึ้นมา เธอจึงฝากมุกดาให้ช่วยนำเช็คเงินสดไปมอบให้ประพาสด้วย ถึงอนาคตประพาสจะทำอะไรเธอนั้นก็ไม่เก็บมาคิดเพราะถือว่าชดเชยให้แล้ว มุกดานั้นก็เหมือนกับประพาสที่เธอโกรธไม่ลง ถึงเธอจะเดาออกว่าช่วงหลังมุกดาทำอะไรลงไป แต่เธอไม่คิดว่ามุกดานั้นหักหลังเธอ นุ่มนิ่มเป็นคนดึงมุกดาเข้ามาพัวพันเองและมุกดาคงจะสำนึกผิดเหมือนกับเธอ นุ่มนิ่มรู้ดีว่ามุกดามีหลายชีวิตต้องดูแลถ้ามุกดาเป็นอะไรไปอีกหลายคนต้องเดือดร้อน เธอจึงทำสิ่งที่เธอคิดว่าดีที่สุดให้กับมุกดาเป็นครั้งสุดท้าย 

นุ่มนิ่มตัดสินใจตั้งมูลนิธิขึ้นมาโดยให้พี่สาวดูแล เพื่อนำเงินไปมอบให้กับครอบครัวของทหาร ตำรวจ และคนบริสุทธิ์ที่บาดเจ็บล้มตายเพราะคำสั่งของเธอ โดยทนายความชื่อธนาเป็นคนดำเนินการให้ ทนายความคนนี้ได้ติดต่อครอบครัวตามรายชื่อที่นุ่มนิ่มรวบรวมไว้ให้เธอนั้นมอบให้คนบาดเจ็บรายละ 5 ล้านบาท ส่วนครอบครัวของคนที่ตายเธอมอบให้ 10 ล้านบาท รวมถึงค่ารักษาพยาบาลให้ลิซ่าที่ทางมูลนิธิจะดูแลให้ตลอดไป รวมถึงการมอบทุนให้กับนักศึกษาแพทย์ที่เธอทำตามคำพูดของแคนนุ่มนิ่มตั้งใจจะทำเพื่อชดใช้ความผิดให้พ่อ

เธอไม่กังวลถึงเรื่องเงินเพราะเธอมีเงินทุนจำนวนมหาศาลที่เธอมีอยู่มันจะช่วยสร้างประโยชน์และชดเชยให้กับคนจำนวนหนึ่งเธอขอให้พี่สาวดูแลเงินแทนเธอ นุ่นนิ่มได้ปรึกษากับพี่สาวในเรื่องนี้และพี่สาวตกลง และมันอาจจะได้ช่วยให้อาการป่วยของพี่สาวดีขึ้นถ้าได้มาทำงานแบบนี้  จนเธอรู้ว่าโดนออกหมายจับและทุกอย่างนั้นกำลังจะเรียบร้อยโดยที่เธอไม่ต้องทำอะไรแล้ว เธอตั้งใจที่จะฆ่าตัวตายตรงสถานที่เธอชื่นชอบ หลังจากมุกดาไปแล้วเธอกราบลาพ่อกับแม่ที่รูปในห้องรับแขกก่อนจะเดินทางไปแม่สอด  ตอนแรกเธอคิดไว้ว่าจะให้แคนมารับรู้ว่าเธอตายเพราะแคนอย่างน้อยแคนจะได้เจ็บปวดบ้างที่เห็นเธอตายต่อหน้า แต่เธอไม่ตายเทพนั้นพูดเตือนสติเธอได้อย่างดีจนเธอสำนึกได้

หลังจากติดต่อพี่สาวเธอได้แล้ว พอกลับมาถึงกรุงเทพ นุ่มนิ่มติดต่อไปหาเพื่อนสมัยเรียนที่ตอนนี้แต่งงานกับอัยการกลางของสหรัฐเพื่อติดต่อขอมอบตัว ก่อนหน้าที่เธอจะเดินทางไปมอบตัวเธอกับพี่สาวได้ไปพบกับพี่ชายที่บวช เป็นการพบกันพร้อมหน้าครั้งสุดท้ายของ 3 คนพี่น้องและนุ่มนิ่มเดินทางลักลอบไปที่กัมพูชาที่เครื่องบินของเธอจอดรอเธออยู่ที่นั่น โดยการดูแลอย่างลับๆของทางการไทยที่ถูกทางสหรัฐของร้องมาเพื่อประสานไปยังรัฐบาลกัมพูชา ก่อนที่นุ่มนิ่มจะเดินทางไปมอบตัวที่สหรัฐเธอหวังว่าเธอเรื่องที่ทำจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เธอทำมา เธอชดใช้เท่าที่เธอจะชดใช้ได้ ตอนนี้เธอหมดห่วงไปทุกเรื่องแล้ว บ้านของพ่อกับแม่ พี่สาวก็จะมาดูแลให้ถึงจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอ เธอก็ยินดีที่จะรับมัน

แคนนั่งอ่านเอกสารรายงานการรักษาของเธอครั้งล่าสุดที่ทางโจเซฟส่งมาให้ นุ่มนิ่มนั้นมีอาการที่ดีขึ้นถึงจะต้องใช้เวลาในการรักษาอีกนานพอสมควร

"โชคดีครับ คุณประภัสสร คุณสำนึกผิดแล้วผมอโหสิกรรมให้กับพ่อของคุณ"

แคนคิดพร้อมกับปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์และนั่งทำงานต่อไป ในเช้ามืดวันต่อมา  
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

vigoblack


ชายชรา

เข้าใจจิตใจของนั่มนิ่มเลยการสูญเสียคนที่รักเป็นแรงผลักดันให้ทำผิดและคำพูดที่เตื่อนสติของผู้ชายที่ตัวเองหลงรักทำให้สติกับมา

jaojom

แอบสงสารนุ่มนิ่ม ทีแรกนึกว่าจะตายเสียแล้ว

Khuna


แมว69

ทางเดินของงานสีเทา จบลงไม่ค่อยสวยเสมอ

olemantu

ถ้าไดคิดดี ๆไว้บ้างโอกาสที่จะรดจากวิบากกรรมทั้งหลายก็จะง่ายขึ้น ต้องรอดูผลกรรมใช้เวลาเพิ่มขึ้นนิดหน่อยละครับ

peddo

นุ่มนิ่มคงต้องซ่อนตัวต่อไป แต่เธอจะเสี่ยงมาพบหน้าแคนอีกไหมนะ

Ttum1188

นุ่มนิ่มจะมีโอกาสได้สารภาพรักกับแคนไหมนะ

pomm99

โชคดีที่นุ่มนิ่มยังรอดมากได้ แต่ก็ต้องชมแคนด้วยที่ให้โอกาส

gusjung111

แล้วสองคนนี้จะมีโอกาสได้เจอกันไหม

weeraj

ตกลงผู้การจะลงเอยกับนุ่มนิ่มมั้ยลุ้นๆ

elviswhat


ผู้เฒ่าเซราะกราว

#13
ในที่สุดนุ่มนิ่มก็คิดได้ตามที่แคนบอก แล้วจัดการกับคนที่เกี่ยวข้องเพื่อเลิกค้ายาเสพติด และนำเงินของพ่อมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับสังคม ส่วนตัวเองก็ไปมอบตัวเพื่อขอรับโทษต่อไป การที่นุ่มนิ่มสำนึกผิดได้ก็เลยทำให้แคนยอมอโหสิกรรมให้กับกำนันน้อม จะว่าไปแคนก็น่าจะมีใจให้กับนุ่มนิ่มบ้างเล็กๆเหมือนกัน
อันที่จริงเรื่องหมออ้อมก็คิดอยู่ว่าคงจะลงเอยกันไม่ได้เพราะความแตกต่างทางฐานะของฝ่ายหญิงและไม่ใช่แนวของแคน เป็นสาวแอนที่เป็นแอร์โฮสเตสก็ดีนะ

dawdom