ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ร้านคาราโอเกะ [ Part 7 ] ตอนที่ 96 ( ประสบการณ์ของนายโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, สิงหาคม 06, 2022, 02:23:33 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้


tann sathien







Samart Phowongphailert



T_Pairach




COKE

อ้างจาก: ΜoNoTΩИ∑ ★★★ เมื่อ สิงหาคม 06, 2022, 02:23:33 ก่อนเที่ยง
สวัสดีครับ สวัสดี ร้านเกะมาละครับ

โทษทีครับ เลทไป 1 ช.ม.

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา



ปล. สำหรับท่านที่ต้องการอ่าน ซีรีย์คาราโอเกะ หรือ ทุกซีรีย์ย้อนหลัง



สามารถคลิกที่ภาพ เพื่อวาร์ปไปห้องสมุดนายโทนได้เลยครับ








★★★★★★★★★★★



ปล.2 สำหรับใครสมาชิกใหม่ที่พึ่งสมัครเมมยูซเซอร์เข้ามาแล้วพออ่านเรื่องนี้แล้วอยากอ่านต่อก็ง่ายๆครับ
ตามภาพเลย ขั้นตอน 1 2 3  แต่ระวังการคอมเมนต์ไว้ให้ดีๆ อย่ามาแต่ อีโม นะ




★★★★★★★★★★★



ปล.3 เนื่องจากตอนนี้เป็นการเล่าระหว่างผมกับพี่หมิวสลับกัน เพราะงั้นเพื่อไม่ให้สับสัน

ประโยคไหนที่พี่หมิวเล่าผมจะขอเน้นสีแดงไว้ครับ




★★★★★★★★★★★




ความเดิมตอนที่แล้ว



หลังจากที่กระทืบพวกชิบะแล้ว ตอนนั้นผมก็คิดว่าจะหาทางลงยังไงดี

แต่ว่าตอนนั้นก็ได้มีใครบางคนมา พอเห็นเท่านั้นแหละอื้อหือ My sister




★★★★★★★★★★★





ผมได้แต่มองแบบแหยๆแหละครับ สวัสดีครับพี่ฮยอน-อา ซึ่งพอผมทักไปแบบนั้น พี่ฮยอน-อา ก็บอกดีมากๆ แล้วมองหน้าผมมองซ้ายมองขวาแล้วถามว่าปัญญาชนเขาหน้าตาปูดบวมแบบนี้เหรอ นั่น !!! เอาแล้ว



ตอนนี้ผมเริ่มสงสัยแล้วนะ ว่า 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทของพี่แท-โอ กับพี่ฮยอน-อา เขาเจริญเติบโตไปแค่ไหนกันหว่า ตอนที่ไปฝึกงานก็ว่าใหญ่โตมากแล้วนะ นี่ขนาดคุณเคย์กับคุณท่านมารับด้วยตัวเอง แสดงว่าไม่ธรรมดาแหละ พี่หมิวเองก็เดินมากับแม่ผม จอยก็มาด้วย พี่ฮยอน-อา พอเจอแม่ผมก็ยกมือไหว้แล้วกอดก่อนเลย เหงื่อผมนี่แตกพลั่ก ๆ ๆ ๆ 




แม่ผมก็โหดไป๊ !!! กระบองสองท่อนต่อให้มันหุ้มด้วยโฟมมันก็ยังเจ็บนะ เล่นหยิบออกมาฟาดแบบนั้นเลย แม่ผมก็ถามว่าสบายดีนะลูก พี่ฮยอน-อา ทำหน้างงๆ พี่หมิวก็รีบพูดเป็นภาษาอังกฤษให้ฟัง พอฟังปุ๊ปพี่ฮยอน-อา ก็ยิ้มแล้วพูดภาษาอังกฤษว่าสบายดี แต่แปปนึงพี่ ฮยอน - อา ก็ชะงัก แล้วพูดออกมา สะ บาย ดี ก่ะ



เดี๋ยว !!! หัดพูดไทยเมื่อไร ผมหันมองคอแทบหัก แม่ผมก็ยิ้มๆ ๆ ๆ  พี่หมิวก็พูดเป็นภาษาอังกฤษชวนพี่ฮยอน-อา เข้าไปข้างใน แล้วพูดกับแม่ผมว่าป่ะค่ะแม่ทิพย์ แล้วทั้ง 2 ก็เดินเข้าไป เหลือผมกับจอยไว้สองคน ผมทิ้งตัวนั่งลงตรงขั้นบันไดเลยนะ




เหนื่อยบอกตรงๆ เหนื่อยมาก คือมันเหนื่อยตั้งแค่ตอนบวกกับพวกชิบะนั่นแหละครับ แต่ผมไม่ได้เขียนลงไป จอยเองก็ขยับมานั่งข้างๆด้วย ตอนนั้นผมก็พูดเข้าไปข้างในตัวรับส่งเสียงว่า พี่รุจน์ ผมขอจูนสมองแปปนะ แปปนึงเสียงพี่แมนพูดกลับมาว่า พักไปก่อนเลย 5 นาที 10 นาที ผมก็ตอบขอบคุณครับ



ผมถอนหายใจเฮ้อ อ อ คงจบแล้วมั้ง จอยเธอเงียบมาซักพักแล้วผมก็มอง แล้วถามว่าเป็นไร จอยเธอมองหน้าน้ำตาคลอๆแล้วบอกว่า กลัวมากตอนที่ยิงกันเมื่อกี้กลัวจนจะร้องไห้ ผมก็ลูบหัวเธอเบาๆ แล้วถามว่าจะออกมาทำไมล่าาาา  จอยเขย่าๆ แล้วถามเจ็บมั้ย



ผมก็หัวเราะเลย บอกเจ็บเส้ !!! แต่ก็ไม่เท่าไรหรอก จอยก็ถามขึ้นมาว่าตกลงตรอบครัวโทนเป็นใคร เป็นอะไร เป็นแบบไหนกันแน่ ผมก็ตอบว่าเป็นชาวสวน จอยบอกไม่ตลก พวกคนน่ากลัวพวกนั้น มองยังไงก็ไม่ใช่คนรับซื้อผักอ่ะ



ผมหลุดขำเลยเว้ย โอ้ยยย ล่ามสาวแว่นพูดอะไรเนี่ย ผมก็บอกว่าเอาตรงๆ อดีตของพ่อตัวผมเองก็ไม่รู้อะไรมาก แต่จากที่เห็นแล้ว ก็คงบู๊มาไม่ใช่น้อยๆแหละ ผมบิดตัวอื๊ดด แล้วพูดว่า แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะมีลูกน้องโหดๆแบบนี้ ยิงคนเป็นว่าเล่น แล้วพอผมพูดถึงคำว่ายิง ผมก็นึกขึ้นมาได้แล้วก็รีบลุกเลย



สิ่งนึงที่ผมแปลกใจคือ นอกจากรถคุณท่านผู้หญิงกับรถของคณะพี่แท-โอ แล้ว ตรงนี้ไม่มีรถคันอื่นอยู่เลย รอยที่พื้นมันเป็นรอยแตกจริงๆ.. กระสุนจริงๆงั้นเหรอ ผมมอง ซ้ายมองขวา ตอยก็ถามว่าหาอะไร ผมถามจอยว่าจอย ตอนที่อา6 กับอา5 ยิงปืนน่ะ จอยได้มองมั้ย



จอยบอกจะไปมองได้ไง แค่เห็นขักปืนก็กลัวแล้ว ผมก็บอกอื้อไม่เป็นไร แล้วก็เดิน ๆ ๆ จากที่ตั้งใจจะพักคือไม่ได้พักเลยผ่านไปหลายนาทีก็ยังไม่ได้พัก แปปนึงก็มีรถกะบะวิ่งเข้ามา เป็นรถกะบะใหม่ๆเลยครับ 4 ประตู



พอลงมาก็เอ้า !!! คนสนิทพ่อพี่เจมส์นี่นา ผมก็ฮ๊ะ !!! อะไรวะ เอ้อ ไหว้ก่อน ไหว้ ๆ ๆ ๆ  ผมบอกสวัสดีครับ พี่เขาก็โอ้วโทนหล่อแท้ แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ พี่เขาก็บอกว่าตรงนี้ให้พวกพี่จัดการเอง มีงานสำคัญไม่ใช่เหรอ ผมก็ ฮึ๊ ฮ๊ะ !!! พี่เขาก็ผลักๆ แล้วบอกไป ๆ ๆ จัดการเอง



ผมก็งง มองหน้าจอยเลย แต่พี่เขาพูดแบบนั้นก็เถียงอะไรไม่ได้ มันก็ทำให้รู้แหละว่าคงมาเก็บงาน ซึ่งอย่างนึงที่ทำให้ผมค่อนข้างมั้นใจคือ ที่อา5 กับอา6 ยิง มันต้องมีทั้งกระสุนจริงและกระสุนยางแน่นอน แต่เอาจริงๆนะ ยิงแบบหน้าตาเฉยอย่างนั้น โคจรน่ากลัว ถึงจะเป็นกระสุนยางก็เถอะ



จอยก็ดึง ๆ ๆ ผมออกมา พวกคนในรถของพี่เขาก็ลงมา เดินเรียงแถวเลย โอเคผมไม่ยุ่งละ จอยบอกว่าตกลงโทนเป็นใครกันแน่ ผมก็บอกเอ้าา พึ่งบอกไปเองไง ลูกชาวสวนไงลูกชาวสวนนนน จอยก็มองแล้วบอกไม่เชื่ออ่ะ ผมก็บอกตามจายย ยังไงจอยกลับเข้าไปข้างในก่อนก็ได้ ผมบอกแล้วก็จะเดินไปพักข้างหลังสถานที่จัดงาน ลมมันพัดเย็นดี

จอยดึงแขน ถามว่าไหวแน่นะ ผมบอกอื้อไหวๆ พักนิดนึงก็หายเหนื่อยแล้ว ผมแตะไหล่จอยแล้วบอกว่า จอยเข้าไปข้างในหน่อยได้มั้ย ผมคืดว่าคุณเคย์คงไม่พูดภาษาไทยตลอดหรอก และนั่นคือหน้าที่จอยนะ จอยมองแล้วบอกอื้ม.. รีบเข้ามานะ แล้วจอยก็รีบเดินไปเลยครับ


พอลามสาวแว่นเดินไป ผมก็มานั่งข้างหลังอาคารจัดงานครับ ลมมันเย็นดีนะ ลมพัดโกรกสบายๆเลย ลักษณะสถานที่จัดคือข้างหลังเป็นที่โล่งๆ แต่ก็เหมือนเป็นช่องลมน่ะครับ เหมือนที่บ้านผมปลูกต้นไม้ไว้เพื่อเป็นทางลมนั่นแหละ เฮ้อ เสื้อเลอะหมดเลยจากที่ไม่คิดว่าจะโดนหนักแบบนี้ คือถามว่าเจ็บมั้ย ผมขยับ ๆ ๆ ไม่เจ็บนะ รู้สึกเฉยๆมาก



แต่ที่หนักคือเสื้อผ้าผมนี่แหละ ด้วยความที่มันเป็นชุดสูทสีดำ เวลาโดนฝุ่นโดนอะไรนิดเดียวมันก็ชัดแล้ว ผมก็ต้องปัดๆ ๆ ๆ ๆ   จะว่าไปจอยเองก็ตัดสินใจไวเหมือนกันนะ พอผมบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้ว ช่วยดูแลในงานให้หน่อย จอยก็ตัดเรื่องทุกอย่างทิ้งแล้วเข้าไปในงาน พอตอนนี้หัวมันโล่งๆผมก็คิดว่าเอ้อแบบนั้นแหละดีแล้ว



เพราะการที่ฝ่ายประสานงานและ 1 ในทีมงานสำคัญแบบนั้นหายไปมันก็ยังไงๆอยู่ แล้วการที่พี่แท-โอ มาแบบนี้บางทีจอยอาจจะได้เรียนรู้อะไรจากมหาเทพองค์นี้ก็ได้ ก็นะยังไงพี่แท-โอ ก็พูดภาษาอังกฤษได้คล่องปร๋ออยู่แล้ว จอยเองก็คงสบายๆ บอกตามตรงจอยเก่งภาษาอังกฤษเหมือนกันนะทำเป็นเล่นไป



บางทีอาจจะได้งานระดับสูงขึ้นไปอีกก็ได้ เพราะถ้าเอากันตรงๆบริษัทของทางพี่แท-โอ ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้คุณเคย์ และช่วงนี้วัฒนธรรมเกาหลี อาหาร ซีรีย์ K pop กำลังเติบโตแบบสุดๆ ผมว่าอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้พี่แท-โอ ผงาดแน่ๆ อ้อสงสัยล่ะสิ่ ว่าทำไมผมตั้งชื่อว่าพี่แท-โอ เอ่อ เพราะผมชอบตัวละคน เท-โอ   / แท-โอ ในเกมส์เซเว่น ไนท์ ครับ



จริงๆก็อยากเรียกพี่เท-โอ แหละ แต่ก็ไหนๆก็เกาหลีแล้วเรียกตามต้นฉบับเลยแล้วกัน ส่วนพี่ฮยอน-อา ที่ผมตั้งชื่อสมมติแบบนี้ก็อย่างที่คุณ lnw007 คอมเมนต์ไว้ตอนก่อนนั่นแหละครับ ผมชอบฮยอน-อา เป็นการส่วนตัว เจอเพลง บับเบิ้ลป๊อปไปนี่ ละลายเลย อ่ะเรื่องชื่อก็พอแค่นี้แล้วกันครับ



ผมนั่งทบทวนสิ่งต่างๆนาๆที่เกิดขึ้นในวันนี้ อะไรที่เกิดขึ้นวันนี้บ้างนะ ตั้งแต่เช้าก็แจ็คพ็อตรู้ว่าผู้สาวที่เราคิดว่าจะได้แอ้ม กันมีคู่หมั้นไปแล้ว ก็นอยด์ๆแต่ตัดใจได้ไม่ยากเพราะพ่อผมก็พูดเสมอว่าผู้หญิงที่มีพันธะอย่ายุ่ง แล้วยิ่งพฤติกรรมของชิบะด้วย ผมก็ตัดใจได้ง่ายขึ้น นิสัยมันเป็นแบบที่ผมไม่ค่อยชอบเลย




คือก็รู้ว่าหวงคู่หมั้น หึงคู่หมั้น แต่เหมือนมึงจะเกินป๊ายชิบะ ทำมาพูดดูถูกคุณเคย์ว่าทีมงานห่วย พอตัวเองโดนบ้างทำหัวร้อนไม่ยอมรับ แล้วจะมาเอาคืนอีก วุฒิภาวะต่ำเตี้ยเรี่ยดินจริงๆ หรือเพราะคำว่าศักดิ์ศรีมันค้ำคอวะ ก็น๊าคนญี่ปุ่นชอบคิดว่าตัวเองเป็นลูกของพระอาทิตย์ เป็นทายาทของเทพ ก็มีอีโก้อยู่บ้างล่ะ




แล้วยิ่งไอ้นี่ชอบหักหน้าคนอื่นพอโดนบ้างมันก็ชัดเจนแบบนี้เลยล่ะครับ เอาจริงๆผมไม่ได้รู้จักชิบะมาก่อนนะ แต่ว่าแค่นี้มันก็พอจะรู้ได้แล้วล่ะว่ามันเป็นคนยังไง เฮ้อออ ผมนั่งเอนหลังแผ่แขน แผ่ขา เอาจริงๆชีวิตเกิดมา 23 ปีก็ไม่คิดว่าวันนึงจะได้มาบู๊แบบนี้ ไม่คิดว่าจะได้เอาท่าในหนังมาใช้แบบนี้ อย่างท่า " นกคุ้มเข้ารัง "






ผมเห็นครั้งแรกก็หนังเรื่ององค์บากนั่นแหละครับ ใครจะไปคิดว่าวันนึงผมจะได้เอาท่านี้มาใช้จริงๆ พูดไปแล้วก็ขำว่ะ เพราะตอนแรกอย่างที่บอกผมนึกว่าท่าที่พี่ จา พนม ใช้นั่นอ่ะ มันคือหนุมานถวายแหวน เฮ้อคิดแล้วก็ขำๆตัวเองแล้วไอ้การที่เบลอๆ แบบนั้นมันคืออะไร แล้วรู้สึกเหมือนจะทำได้ทุกอย่างเท่าที่ไหว งัดทุกอย่างออกมาใช้ได้ยังไงก็ไม่รู้ แต่ที่อดคิดไม่ได้คือ




อา5 กับอา6 ทำไมเขาดูเชื่อฟังพ่อมากจริงๆ ทั้งๆที่คนก็เยอะกว่า แล้วบอกตามตรงทรงก็โคตรเถื่อน เถื่อนด้วยเท่ส์ด้วย เท่ส์สาดเลย แล้วที่มันเข้ามาในหัวอีกคือผู้การ เพื่อนของพ่อ ผู้การคนไหนวะ คือถ้าบอกว่าผู้การก็คงไม่พ้นตำรวจ พ่อผมมีเพื่อนเป็นตำรวจยศใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ . . .  ช่างเถอะคิดไปก็เท่านั้นแหละ ขนาดเมื่อกี้อยู่ดีๆแม่ยังเอากระบองสองท่อนไปฟาดหัวคนที่พึ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรกเลย โลกนี้มันมีอะไรที่ผมต้องเรียนรู้อีกเยอะเลยว่ะ




คิดไปก็นึกถึงเรื่องตอนฝึกงาน โดนทั้งพี่แท-โอ บ่น บ่นจนร้องไห้ ไม่คิดว่าการฝึกงานมันจะขนาดนั้นแต่ก็ ขนาดภาษาไทยด้วยกันผมยังฟังไม่ค่อยแตก นี่ต้องมาฟังภาษาอังกฤษแบบไฟแล่บแถมสำเนียงเกาหลีด้วย แทบบ้าร้องไห้ไปก็หลายที พี่ฮยอน-อา ก็พอกัน เหมือนจะใจดี แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับพี่ แท-โอ เล๊ยยยย ผมขออธิบายเกี่ยวกับพี่ฮยอน-อา นิดนึง



คือถ้าเปรียบผู้หญิงคำว่าผิวดี คือพี่หมิว พี่เตย พี่จ๋า คือขาวอมชมพูแบบสุขภาพดี ขาวแบบผิวเนียนๆ แต่พี่ฮยอน-อา เขาขาวแบบใส่กิ๊ง ใสแบบสะท้อนแสงเลยอ่ะ เข้าใจที่ผมพูดใช่มะ นางพญาดีๆนี่เองนั่นแหละ พี่แมนเขาก็เคยบอกผมว่า ตัวเขาเองถึงกับต้องบินไปเกาหลี เพื่อขอศึกษาระบบทีมรักษาความปลอดภัยจากพี่ แท-โอ นั่นแหละครับ



จะบอกว่าทางฝั่งนั้นเป็นต้นแบบก็ว่าได้ แล้วคนที่ลงมาจากรถจนทำให้พวกพี่รุจน์ต้องวิ่งไปนั้น ผมก็ว่าต้องไม่ธรรมดามากแน่ๆล่ะ อาจจะเป็นมือหนึ่งเลยก็ว่าได้  เพราะผมเคยได้ยินว่ามีการจัดการทดสอบวัดระดับการ์ดซะด้วยสิ่ ฟู่วววว เวรกรรมเหงื่อเริ่มออก



ผมรีบถอดเสื้อสูท แล้วปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตเลยครับผมเป็นประเภท after burn ครับ ประมาณว่า ออกกำลังกายไปก่อน ขยับ ไปก่อน พอเหมือนความร้อนจากการออกกำลังกายสะสม สะสม แล้วมันทำให้เหงื่อออก มาทีหลัง แล้วออกเยอะด้วย



พูดแบบภาษาบ้านๆ คือเหงื่อออกแบบดีเลย์ ตอนนี้ถ้าออกมารับรองเปียกแน่ ผมรีบถอดเสื้อสูท ปลดกระดุมเสื้อเชิร์ต แล้วยืนเป่าลมเลย พยายามยืนตัวตรงๆ ไม่ให้เกิดมุมอับลมในตัวไม่งั้นแห้งช้าแน่ๆ ลมมันก็พัดวิ๊ว ๆ ๆ ๆ   เฮ้ออ ถ้าควบคุมลมได้แบบ Last Airbender ก็คงดี จะให้มาพัดรอบๆตัวเลยเว้ยยย



เอาล่ะครับตัวผมเริ่มแห้งละต่อไปก็ ต้องทำความสะอาดพวกชุดนี่ก่อนแล้วค่อยเข้าไปในงาน มันเลอะฝุ่นจริงๆนั่นแหละ ผมหยิบเสื้อสูทเดินเข้าห้องน้ำ เพื่อตรวจและเช็คสภาพ .. โอย... เลอะเยอะเลยครับ แต่เสื้อเชิร์ตข้างในก็โอเคดี.... ดมๆดูก็นิดหน่อย ๆ ยังไม่ถึงกับอับมาก



ล้าง ๆ ๆ ๆ ถึงจะพูดว่าล้างแต่ก็แค่เอามือปัด ๆ ฝุ่นให้มันออกมากที่สุดแค่นั้นเองครับ เอาน้ำลูบเดี๋ยวงานหยาบ นี่แหละครับปัญหาใหญ่ ผมยังไม่รู้เลยว่าหลังจากเสร็จงานนี้ ผมจะซักจะเก็บยังไง..  คงต้องใช้บริการซัก อบ รีดสิ่นะ



ผมก็ปัด ก็เอาน้ำเล็กๆเช็ดๆในบางจุด ตอนนั้นเสียงกร่อก กร่อก กร่อก ก็เดินไปๆมาๆ ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติ  แต่ว่า


"  ไอ้ลิงหัวหงอก อยู่เปล่า "


นั่น !!! ชัดเลย ผมก็ตอบคร๊าบเจ๊หมิว ล้างเสื้ออยู่ พี่หมิวเธอก็เดี๋ยว !!! อย่าเอาน้ำล้างนะ ผมบอกอื้ออ... เอามือปัดๆเฉยๆ จะเสร็จแล้วแปปนึง ผมก็ปัด ปัด ปัด คือยังไม่เสร็จหรอก แต่ต้องรีบออกมาเพราะเจ๊หมิวรออยู่



ฮู๊ยย คนอะไรสวยแบบนี้ !!! หุ่นก็ดี หน้าก็ทั้งหวานทั้งเปรี้ยว ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน ชุดเดรสคือดีมากกก หน้าท้องนี่แบนราบเลยย แต่เอ๊ะ ถืออะไรมาก ม้วนๆ  ผมถามอะไรน่ะเจ๊หมิว  เอ้อใช่ ... จำได้แล้วเคยเห็นตามรายการ ทีวีไดเรกซ์ มันคืออออ ....


[ เจ๊หมิว ]  :  ที่รูดขนหมาน่ะ



เอ้า !!! กำลังจะพูดเลยเว้ย อะไรเนี่ยเจ๊หมิว ผมก็บอกว่าไม่ใช่แล้วว ที่ทำความสะอาดเสื้ออออ เถอะะะ พี่หมิวมองแล้วบอกเอ้ารู้แล้วถามทำไม ฮึ่ยยย กำหมัดเลย  แล้วพี่หมิวก็พูด  อย่ามากำหมัดในใจนะ รู้หรอก    แน๊ะ !!! ยังรู้อีก



คือมันเป็นม้วนๆ เป็นแท่งกระดาษกาวที่เอาไว้รูดกับเสื้อผ้า เพื่อดึงพวกฝุ่น พวกขนสัตว์ พี่หมิวเธอก็แบมือออกมา ผมก็ต้องมอบให้แหละครับ เธอมานั่งที่โซฟารับรองแขก แล้วก็รูดปื้ดดด ผมก็ยืนรอนั่นแหละ พี่หมิวก็มอง...



ผมก็ต้องรีบนั่งครับ พี่หมิวบอกว่ารู้กกันมาตั้งกี่ปี แค่นั่งด้วยกันมันจะเป็นอะไรถามจริง ผมก็เงียบ  พี่หมิวก็ถามทำม่ะ พอได้เจ๊แล้วก็ไม่คุยกันเหมือนเดิมเลยเดิม เดี๊ยว !!! ไม่ใช่แล้วเจ๊ ผมบอกว่าเจ๊อย่าพูดแบบนี้ดิ่



พี่หมิวก็รูด รูดดด หมายถึงรูดดึงฝุ่นออกจากเสื้อนะ แล้วถามว่าแล้วจริงป่ะล่ะเบื่อเจ๊แล้วดิ่.... ผมก็บอกไม่ช่ายแบบน๊านน แล้วก็บอกไปว่าจะเบื่อได้ไง ยังอยากทำอีกหลายๆรอบด้วยย อุ้ย !!! พอพูดแล้วสะดุ้ง ก่อนพูดเราเป็นนาย แต่พอพูดแล้วคำพูดกลายเป็นนายของเรา ซวยบะผมพูดแบบนี้มันเหมือนไม่ให้เกียรติพี่หมิวเลย



พี่หมิวมองแล้วบอกว่า ทำปากเก่งนะคราวก่อนก็ไม่เห็นเท่าไรเลย 2 รอบก็จอดแล้ว  นั่น !!! ดู ดูพี่หมิวเธอพูด ผมก็แบบโอยเขินจนไม่กล้าพูดต่อเลยเว้ยยยยยย พี่หมิวก็ถามอะไรเขินอะไร เจ๊ยังไม่เห็นเขินเลย ของเคยๆ นั่น !!! ยัง ยังจะพูดอี๊กก



ผมก็บอกนะว่า เจ๊ผมทำเองก็ได้เสื้ออ่ะ มา มา มา มา เจ๊หมิวบอกนั่งพักไปเถอะน่า ผมก็บอกไม่เป็นไรเจ๊หมิว เอามาเถอะน่าาา เจ๊หมิวถามว่าดื้อเหรอ เจ๊พูดไม่ฟังเหรอ โห้ !!! ใครจะไปทำแบบนั้น



แล้วเจ๊หมิวก็ถามว่าผิดหวังเรื่องรุกะเหรอ เอ้า !!! อยู่ดีๆ ทำไมวนเข้าเรื่องนี้ เจ๊หมิวบอกว่าให้พูดตรงๆ ผมก็บอกอื้อ ก็สับสนนิดหน่อยแหละครับเจ๊หมิว ตอนนั้นพี่หมิวถ ามผมน



ว่ายังไม่ได้มีอะไรกันใช่มะ ผมก็บอกอื้อยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ ผมเองก็ไม่กล้าด้วย พี่หมิวบอกอื้มก็.. ช่างเถอะ พี่หมิวพูดมีแค่นั้นผมก็ไม่ได้ถามอะไรอีกครับ พี่หมิวพูดนะว่า



เจ๊หมิวพูดว่า ก็จริงที่รุกะน่ะตรงสเป๊กทุกอย่าง อ่อนหวาน น่ารัก เอาใจเก่ง แต่ก็ฉลาด มองทุกอย่างออกหมด เก่งกว่าเจ๊ด้วยมั้ง แต่เมื่อมันไม่ได้ก็ต้องทำใจอ่ะแหละ ผมก็ยอกว่าไม่มีใครเก่งดว่าใครหรอก เจ๊ก็คือเจ๊ เจ๊ก็ดูแลผมมาตลอดอ่ะ ใครจะดีกว่าเจ๊ได้ล่ะ



เจ๊หมิวก็ถามว่านี่ปากหวานแบบนี้ อยากได้อะไรเนี่ย ผมก็บอกเปล่าาา ไม่ได้อยากจะได้อะไรดูเจ๊พูดดิ่ พี่หมิวบอกอื้มแล้วไป ขยับมานั่งใกล้ๆซิ๊ ผมก็ฮึ๊ ! อะไรครับ พี่หมิวบอกขยับมา อ่ะโอเคผมก็ขยับๆไปหาเจ๊หมิว ขยับอีก !!! พี่หมิวให้ขยับ ผมก็ขยับ ขยับ จนนั่งคิดกันนั่นแหละครั


พี่หมิวถามว่ามีตรงไหนเจ็บเปล่า ผมส่ายหัวบอกไม่มีครับ พี่หมิวก็บอกสงสัยพ่อทศจะปลุกลิงเผือกให้อาบะวาดแล้วมั้ง เลยไม่เจ็บไม่คัน ผมก็บอกม่ายช่ายยยย พี่หมิวบอกจะรู้เรอะ พ่อทศเขาก็มีวิชาทางหมอธรรม



อาจจะแอบลงของ ลงยันต์อะไรไว้ให้ก็ได้ ไม่งั้นคงไม่ห้ามหรอกเรื่องผู้หญิงทีทมีพันธะน่ะ... เอ๊ะ พอผมฟังพี่หมิวพูดก็คิด เออว่ะ หรือจะใช่วะ... แต่ว่า... ผมก็ถอนหายใจนะ แล้วก็บอกว่า งั้นผมคงของเสื่อมแล้วล่ะ พี่หมืวหันควั่บมามองแบบคอแทบฟัก แล้วตีเผี๊ยะ !!!!!!! ผมนี่สะดุ้งเลย



พี่หมิวพูดแบบตาถมึงทึงเลยว่า ไอ้ลิง !!!! นี่ไปทำเรื่องบัดสีอะไรเนี่นไว้ ผมก็โอ้ยยยย เจ๊ตีผมทำไม !!!!!  ตอนนั้นพี่หมิวก็เหมือนรู้ตัวว่าพูดเสียงดังไป เธอปรับอารมณ์แล้วหยิกผมแทน โอยยยย ไม่ได้ต่างกันเลยยย


พี่หมิวถามว่า นอกจากสามคนนั้นยังแอบไปทำอะไรกับใครที่ไหนอีก ถึงบอกของเสื่อม.. ผมก็โอยย เจ็บบ ผมบอกเปล่า ๆ ๆ ๆ ๆ แล้วก็เอนตัวไปข้างหลังพูดว่า ก็.... ที่ผมทำกับเจ๊ไง...  ผมขยับตัวมานั่งเหมือนเดิมแล้วพูดว่า...  ก็เท่ากับ..ทำกับคนที่มีพันธะอ่ะ 



พี่หมิวก็มอง ๆ แล้วก็นั่งปัดฝุ่นให้ผมต่อ เธอบอกว่าอ้อ.. ไม่เป็นไรแบบนั้นไม่นับ ผมก็ฮึ๊ !!!...  พี่หมิวมองผมนะแล้วบอกว่าต่อยคุยที่ลับแล้วกัน คุยที่นี่คงไม่สะดวก ผมก็ทั้งใจเต้นตึ่ก ๆ ๆ ทั้ง งง.. แต่ก็ตามที่เจ๊บอกเลยครับ  แล้วพี่หมิวถามนะแล้ว พี่ฮยอน-อา ไปสนิทกันขนาดนั้นได้ไง




ผมก็เฮือก !!! แล้วบอกว่าเอ่อ.... อาจจะเพราะเหตุการณ์นั้นน่ะครับ  พี่หมิวก็ถอนหายใจเฮ้อออ ไปกระทืบการ์ดของเขาซะเละเทะ ไม่โดนไล่ออกไม่พอ ยังสอนงานเองกับมือด้วย แล้วพี่หมิวก็จิ้มหัวผมแล้วบอกว่า เสน่ห์แรงเหลือเกินนะไอ้ลิงหงอกก



อ่ะเสร็จละ  แล้วพี่หมิวก็สะบัดๆเสื้อให้ผม แล้ว... แปปนึงก็มีคนเดินเข้ามา เป็นเลขาพี่แมนครับ แต่ตอนนี้มาอยู่กับพี่หมิวแทน ผมก็งงอ้าวมาไง แล้วพี่หมิวเธอก็ยื่นม้วนแปรงขนหมาให้ แล้วบอกขอบคุณค่ะ อ้าว งงเข้าไปใหญ่เลย พี่เลขาเขาก็บอกว่า แหม วันนี้หล่อเลยนะโทน ผมก็อ่อ ครับขอบคุณครับพี่ ผมมองพี่หมิวแบบงงๆ.. พี่หมิวหันมาถาม อะไรลิงทำหน้ามึนๆเป็นอะไร ผมก็เอ่อ อ่อ แล้วพี่เขามาได้ไงอ่ะ



พี่หมิวบอกว่า ก็ให้มาด้วยกันตั้งแต่แรกไง จะให้เจ๊มาอยู่สองต่อสองแบบนี้ ในที่สาธารณะไม่ได้หรอก ไม่ใช่ที่บ้านนี่.. อ้อ อื้ม ผมเข้าใจแล้วครับ แล้วตอนนั้นพี่หมิวก็พูดอีกว่า กลับเข้างานได้แล้ว ผมก็ยืนยืดเส้น อื้ดดดด อื้ดดดด แล้วผมก็พูดขึ้นมาว่า แต่ดูเหมือนฝั่งชิบะจะไม่จบนะเจ๊หมิว




พี่หมิวบอกอื้มเจ๊รู้แล้ว และเจ๊ก็จิ้มที่หน้าอกผมแล้วพูดว่า จะทำอะไรก็รอบคอบหน่อยนะ ตอนนี้พี่ฮยอน-อา ก็มาแล้วด้วย อย่าให้พี่เขาพิโรธเชียวล่ะ ผมก็บอกอื้อครับรู้แล้ว แล้วตอนนั้นพี่หมิวฟุดฟิด ฟุดฟิด แล้วถามว่าไม่ได้ฉีดน้ำหอมมาเหรอ ผมก็บอกว่าอื้อก็ลืม พี่หมิวก็บอกไอ้ลิงบ้านี่ลืมได้ไงงานสำคัญนะเนี่ย ผมก็แหะๆขอโทษครับเจ๊หมิว ตอนนั้นพี่หมิวก็เรียกชื่อคุณเลขา ประมาณว่าพี่ ( ชื่อพี่เลขา ) ขอกระเป๋าหน่อยค่ะ พี่เลขาก็ยื่นกระเป๋าถือให้พี่หมิวนั่นแหละครับ แล้วพี่หมิวก็หยิบขวดอะไรบางอย่าง



หืมน้ำหอม ชาแนล  . . .   ผมก็หืมอะไรอ่ะเจ๊หมิว เจ๊ใช้ชาแนลนี่นา พี่หมิวบอกว่ามันลดราคาเลยซื้อมา ผมก็บอกเดี๋ยว ๆ ๆ ซื้อน้ำหอมผู้ชายเนี่ยนะ พี่หมิวบอกว่าก็ไม่ได้จะซื้อมาใช้เอง... ผมก็มอง มอง มอง พี่หมิวก็บอกว่าซื้อมาให้นี่แหละ ผมก็บอกว่าเดี๋ยวดิ่ตัว เวอร์ซาเช่ยังไม่หมดเลย พี่หมิวก็บอกว่า อย่าเถียงเจ๊ดิ่ น้ำหอมก็เหมือนเสื้อผ้านั่นแหละ



มันต้องเปลี่ยนกลิ่นบ้างสิ่ ใส่เดิมๆซ้ำๆมันก็จำเจ แล้วน้ำหอมแต่ละตัวก็เด่นกันคนละเวลาด้วย คือโอเคผมเข้าใจที่พี่หมิวเขาพูดนะครับคุณผู้อ่าน แต่ลองคิดแบบผมสิ่สมมติอ่ะว่า เราใส่เสื้อผ้าลายเดิม ตัวเดิม เราคุ้นชิน เรามั่นใจอ่ะ แต่อยู่ดีๆบอกจะให้ใส่ตัวอื่นมันก็แปลกๆ ก็เออยี่ห้อนี้ดีจริงใครก็ยอมรับ แต่ผมก็คิดว่าจะเข้ากับผมเหรอ



อย่างที่คุณผู้อ่านหลายคนรู้ว่าตัวหลักๆเลยผมใช้ Pour homme ของ Versace ฉีดไปทำงาน กับ Eros เวลาไปเที่ยว แต่บอกก่อนว่าไม่ได้รวยนะครับ กัดฟันซื้อนะครับ Eros ขวดแรกที่ติมซื้อให้เพราะว่านำทีมวอร์ในเกมส์แรนและชนะได้แชมป์ ส่วน Pour homme ก็กัดฟันซื้อครับ เพราะตอนที่เข้ามาทำงานแรกๆเหมียวบอกชอบกลิ่นนี้ ก็นะแอบชอบเขาก็อยากเอาใจเขาหน่อย เฮ้อช่างมันเถอะ




ก็รู้ว่า แชแนล น่ะดีอยู่แล้วแต่ไม่เคยใช้ไงครับ แต่พี่หมิวเธอฟังที่ไหนล่ะ เธอบอกให้ใส่สูทอ่ะโอเคผมก็ใส่ครับ แล้วพี่หมิวก็ฉีด ปื้ด ปื้ด ปื้ด   3 สเปรย์  3จุด เธอบอกว่าพอละมากกว่านี้เดี๋ยวฉุน แล้วอยู่ดีๆพี่หมิวก็นิ่งเลยบอกอืมม หอมนะ แล้วก็บอกว่าวันหลังค่อยให้แล้วก็หันหลังเดินกลับไปเลย พี่เลขาก็บอกว่าสู้ๆโทน  ผมก็อ่า อื้มม ครับ ผมกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกทีเพื่อเช็คสภาพเสื้อผ้า



แล้วปาฎิหารย์ก็บังเกิดเลยเว้ย อยู่ดีๆพนักงานที่ล๊อบบี้ก็มองตามเลย... อิหยังวะน่ะ ผมพูดในหูฟังไปครับว่า พี่แมนเดี๋ยวผมกลับเข้างานแล้วนะครับ พี่แมนก็บอกโอเค แล้วผมก็เดินเข้าไปเลย พอเข้าไปอ่ะหื้ม !!!  พี่แท-โอ โคตรจะหล่อ โคตรจะเท่ส์เลยครับโผม แหม่ !!! ผมนึกว่า พี่ชี-วอน SJ  ภูมิฐานจัดๆ




ผมเดินผ่านคนเข้าไปข้างในสิ่งที่แปลกๆคือ ก่อนผมจะเดินไปตรงๆนั้นคนก็หันกลับมาก่อนเลย ผมเริ่มแปลกใจละว่า... ผมปล่อยออร่าแบบในหนังเหรอวะ ไม่น่าใช่มั้งทำไมหันมามองผมแบบแปลกๆ ผมก็คิดว่ามองอะไรกันวะ จนผมเดินกลับเข้ามาตามหาพระบิดาของผม




พี่พลอยกับจอย ก็เดินเข้ามาจ้องหน้าผมเลย เท้าเอวแล้วมองแบบจ้องๆ พี่พลอยพูดว่า บอกมาเดี๋ยวนะโทนทำไมไปรู้จักกับคนระดับนั้นได้ ผมก็ถามเดี๋ยวๆอะไรเนี่ยพี่พลอย พี่พลอยก็บอกว่าจอยบอกหมดแล้วว่าเมื่อกี้ทั้งคุณ แท-โอ และคูณฮยอน-อา อ่ะ ทักโทนแบบสนิทๆเลย แล้วถึงขั้นเรียกว่าน้องชายด้วย




จอยก็เสริมเข้ามาอีกว่าใช่ค่ะตกลงยังไงกันแน่ ทำไมถึงเรียกคุณฮยอน-อา ได้สนิทขนาดนั้นถึงกับเรียกว่า นูนา ได้เลย พี่พลอยเธอถามจอยครับว่าการเรียกแบบนั้นถือว่าสนิทเหรอจอย จอยบอกว่าใช่ค่ะ วัฒนธรรมของเรากับเกาหลีไม่เหมือนกัน บ้านเราน่ะเรียกพี่ครับ พี่คะ กันได้ง่ายๆคะ อย่างนักร้อง ดารา พวกเราๆก็เรียกพี่ พี่  บางทีขึ้น Taxi ก็เรียกโชเฟอร์ว่าพี่ แต่บ้านเขามันต่างกันนะคะ การจะเรียกแบบนั้นได้ ต้องได้รับอนุญาตจากทางนั้นก่อน หรือไม่ก็ต้องสนิทกันระดับนึง ไม่งั้นมันจะกลายเป็นล้ำเส้นไป




จอยบอกต่อว่าเธอเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีขนาดนั้นก็เท่าที่พอรู้ก็ประมาณนี้ แต่ประเด็นเลยคือคนระดับนั้นทำไมถึงไปรู้จักได้ล่ะคุณฮยอน-อา ว่าใหญ่แล้วนะ คุณแท-โอ นี่แล้วเข้าไปใหญ่ เขาเป็นว่าที่ประธานบริษัทท็อปไฟว์ของเกาหลีเลยนะ ผมก็ต้องใจถามไป ฮึ๊ !!! Top 5 เลยเหรอ



พี่พลอยกับจอยก็พูดพร้อมกัน ไอบ้า นี่รู้อะไรมั้งเนี่ย ผมก็บอกว่าเอ้าก็ผมไม่รู้นี่หว่ารู้แค่ว่าบริษัทเขาดังมากๆแน่ ก็ตอนนั้นแค่ไปฝึกงานเองนี่นา ก็หาข้อมูลแค่พื้นฐานเท่านั้นไม่ได้คิดว่าจะขนาดนี้ แล้วมันก็จะ 3 ปีแล้วด้วยที่ไปฝึกงานที่นั่น พี่พลอยก็กุมหัวเลยแล้วบอกโอ๊ยพี่จะบ้าตาย ทำไมโทนแบ๊กหนาขนาดนี้รู้จักคนระดับสูงๆไปทั่วเลย แล้วไม่ใช่แค่รู้จักเฉพาะเรื่องงานแต่ดันเป็นพี่เป็นน้องอีก




ผมก็เงียบเลยตอนนั้น... หรือว่าที่ผมได้ไปทำงานต่างๆเพราะมีเส้นสายกันนะ ผมที่ไม่ชอบคนที่ใช้เส้นสายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่กลับกลายเป็นว่าผมเองนี่แหละที่เส้นโคตรจะหนาเลยก็ว่าได้ เฮ้อออ ตกลงตอนนี้ผมมีความสามารถในการทำงานขนาดไหนวะ ที่ลุยมาได้ 1 ปีมันเป็นเพราะความสามารถหรือเพราะเส้นสายกันวะเนี่ย ทั้งมีพ่อเป็นที่ปรึกษาทีมรักษาความปลอดภัย



ไหนจะหัวหน้าที่ทำงานจะเป็นรุ่นพี่ที่เรียนคณะเดียวกัน แล้วไหนจะคุณท่านที่เป็นถึงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แล้วพี่แท-โอ กับพี่ฮยอน-อา อีกล่ะ แต่ว่าตอนนั้นพี่พลอยก็ตีหลังผมเบาๆแล้วบอกว่า กำลังคิดว่าตัวเองเป็นเด็กเส้นอ่ะดิ่ ผมก็มอง มอง มอง พี่พลอยก็บอกว่าในสายตาคนอื่นก็คงมองแบบนั้นแหละ แต่ว่าในสายตา ในความรู้สึกของคนที่ทำงานมาด้วยกัน โทนมีฝีมือ และทุ่มเท ในการทำงานนะ



พี่พลอยพูดแล้วเอามือทาบหน้าอกตัวเองแล้วพูดว่า พี่คอนเฟิร์มมมมมม  ผมได้ยินแบบนั้นก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย แล้วพอพี่พลอยพูดแบบนั้นจอยเองก็เหมือนกัน เธอก็บอกว่าโทนไม่ได้ใช้เส้นนะ ทุกอย่างก็ทำด้วยกัน ( เอ๊ะ ทำไรวะ )  งานก็ลำบากด้วยกัน เจอปัญหาเหมือนกัน ถ้าไม่ได้... โทนที่ติดต่อกับคุณแมน พวกเราคงโดนผู้บริหารนั่นดัดหลังเอาแล้ว



แล้วไหนจะการที่มาทำหน้าที่การ์ดนี้อีก โทนทุ่มเทจริงๆ โทนเก่งจริงๆไม่งั้นคงไม่ได้มาทำงานตรงนี้หรอก พี่พลอยก็บอกอื้มมม ใช่ ฝั่งนู่นแต่ละคนก็เก่งทั้งนั้น แต่โทนก็เก่งกว่าแหละ เฮ้อออ ได้ยินแบบนี้ผมก็รู้สึกดีขึ้นมาเลยล่ะครับ แล้วตอนนั้นพระบิดาของผมก็เดินมาพอดี พี่พลอยกับจอยก็ยกมือไหว้เลยนะ เพราะพวกเธอรู้ว่าคนๆนี้คือคนสำคัญที่ทั้งท่านประธานและพี่แมนยังต้องเกรงใจ



พ่อผมก็รับไหว้ และยิ้มอย่างใจดี ต่างกับท่าทางที่โหดสัดๆเมื่อกี้ขนาดเตะหน้ายังไม่ลังเลเลย พ่อผมรับไหว้จาก สองสาวเสร็จก็ถามว่าไอ้ลูกหมามีบาดเจ็บตรงไหนเปล่า ผมก็ขยับๆแล้วบอกไม่นะพ่อไม่เจ็บเท่าไร พ่อผมบอกอืมดีแล้วไม่งั้นแม่เอ็งบ่นทั้งวันแน่ๆ ผมก็มองๆ ขยับมองแล้วถามแม่ล่ะ พ่อผมก็บอกว่าอยู่กับคุณนายนู่นน่ะ เห็นว่าไปซื้อของกันมา




ผมก็อื้อเมื่อกี้ดิ่ฟาดหัวไอ้พวกนั้นไปทีไม่รู้เป็นไงมั่ง พ่อผมบอกว่าเล็กๆน้อยๆน่ะ พวกนั้นมันทะลึ่งเดินเข้ามาเองก็รับๆไปนั่นแหละ แล้วตอนนั้นพี่พลอยก็เอ่อ... เอ่อ... พ่อโทนเหรอคะ ผมก็หันมองพี่พลอยที่ตอนนี้ทำหน้าเหวอๆอยู่ ผมก็บอกอ่ออื้ม พ่อผมครับจอยน่าจะรู้จักแล้วเนอะ แล้วพี่พลอยก็ยกมือไหว้สวัสดีค่ะ.. พ่อโทน พ่อผมก็สวัสดีครับ... พ่อผมนิ่งไปแปปนึงแล้วเอียงตัวมาพูดข้างหลังผมว่าเฮ้ยไอ้ลูกหมาคนนี้ชื่ออะไรนะ แก้มเหรอ



ผมสะดุ้งเลย ทำไมพ่อรู้จักชื่อแก้มล่ะ เดี๋ยวพ่อ ไม่ใช่แล้ว !!! ผมหันไปบอกพ่อเลยว่าพ่อไม่ๆๆ ไม่ใช่แล้ว นี่พี่พลอยพ่อ พี่พลอย พี่พลอยยย พี่คนที่ขึ้นเวทีไปเมื่อกี้ไง ทำไมลืมแล้วววว พ่อผมก็กระซิบว่าช่วยไม่ได้ เอ็งอยากหาทีละหลายๆคนเองนี่หว่า ใครจะไปจำหมดล่ะ โอ้ย เดี๋ยวๆ พระบิดา อะไรครับ อะไร !!! อะไรใครมีเด็กเยอะ พ่อผมก็ดึงตัวกลับมายืนท่าเดิม แล้วยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่พลอยก็อึนๆ นิดนึงล่ะครับตอนนั้น



พ่อผมก็ชมนะว่าทำงานเก่งมากเลยนะทั้งพลอย ทั้งจอย ที่งานวันนี้เกิดขึ้นได้เพราะทั้งสองคนเลยนะ พี่พลอยก็ไหว้ จอยก็ไหว้แล้วบอกขอบคุณค่ะ แต่เพราะโทนด้วยค่ะ ถ้าไม่มีโทนก็แย่เลยค่ะ พ่อผมก็บอกว่าถ้าไอ้ลูกหมารบกวนหรือทำให้งานมันยุ่งยากก็ขอโทษพวกหนูสองคนด้วยนะ พี่พลอยก็บอกว่าไม่เลยค่ะไม่เลย




แล้วพระมารดาของก็เดินมาพอดีครับ เฮ้ออ มีคนมาเบรกพระบิดาแล้วครับ แม่มาถึงก็มอง มอง ผมก็ถามว่าแม่กินไรมายัง พอผมเรียกว่าแม่ป๊าปปปป พี่พลอยเธอรีบยกมือไหว้เลย สวัสดีค่ะคุณแม่ แม่ผมก็รับไหว้แล้วบอกว่าไม่ต้องเรียกคุณก็ได้หนู จอยก็สวัสดีค่ะอีกคน แม่ผมก็รับไหว้แล้วยี๊มมมม แล้วเอนมาถามผ ว่าสองคนนี้ชื่ออะไรนะ



ผมก็สะดุ้งเลยสิ่ครับนี่พ่อกับแม่นัดกันมาหรือเปล่าเนี่ย แม่เดี๋ยวครับแม่ ไม่ใช่แล้วครับ ผมก็เลยถามว่าแล้วแม่ไปไหนมาถึงมากับคุณท่านได้น่ะแม่ แม่ก็บอกว่าก็ไปซื้อของกับคุณเขามา ( แม่พี่หมิว ) ก็เลยติดรถมานี่ด้วย ผมนี่ฮึ๊ !!! ใช้คำว่าติดรถเลยเหรอ ผมถามไปซื้อไรมาแม่ แม่ผมบอกว่าก็ของขวัญแหละ ทำงานประสบความสำเร็จทั้งที แม่ก็อยากจะมีของขวัญให้บ้าง ตอนรับปริญญาก็ไม่ได้ซื้ออะไรให้



ผมก็บอกโอ้ยย ไม่เอา ไม่ได้อยากจะได้อะไรหรอก พ่อผมก็ปรามๆแล้วบอกว่า ใจเย็นไอ้ลูกหมา มันไม่ได้เป็นของแพงอะไรหรอก ผมเข้าโหมด คิด วิเคราะห์เลยครับ เมื่อกี้กระบองสองท่อนบอกว่าซื้อมาให้ผมใช่มั้ย ตอนนี้ผมเริ่มระแวงละ ว่าของที่ได้จะเป็นอะไร ผมถามว่าแม่ไปซื้อของจากโซนกีฬามาใช่มั้ยแม่



แม่ก็บอกใช่ ก็กระบองสองท่อนเอย   3 ท่อนเอย ฮึ๊ !!!  มี 3 ท่อนด้วย ผมถามเดี๋ยว ๆ ๆ แม่ครับจะซื้อมาทำไม 3 ท่อนอ่ะ อันเก่ายังมีนะ แม่บอกอันนี้คุณเขาซื้อให้มันมีโปรโมชั่นไง ผมบอกเดี๋ยวนะแม่ ซื้ออะไรมาให้ผมเนี่ยยยย แม่บอกว่า ว่างๆก็ออกกำลังกายไง ผมก็มอง มอง มอง  แม่บอกว่า




พอหลังจากจบงานนี้เดี๋ยวก็คิดถึงการออกกำลังกายอยู่ดี กระบอง 3 ท่อนมันก็ดีนะ มันยืดเส้นได้หลายส่วนมากกว่า 2 ท่อน ผมก็บอกนะว่าแม่ก็รู้ว่าผมไม่ถนัดอะไรพวกนี้เลย มันแกว่งๆ ไปไม่พร้อมกับตัว แม่ผมก็บอกอีกว่า ก็เพราะไม่ถนัดก็ต้องฝึกไง ฝึกให้ถนัด จะมามัวคิดแต่ว่าจะทำในสิ่งที่ถนัดไม่ได้ แบบนั้นมันก็จมอยู่กับที่เดิมน่ะสิ่ พ่อผมถอนหายใจดังเฮ้อออออออ



แต่เอาจริงๆนะผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าหลังจากประสบความสำเร็จเรื่องการศึกษาในวันรับปริญญาแล้วได้ถ่ายภาพกับพ่อกับแม่ แล้วใช้เวลาอีกไม่นานพ่อกับแม่ก็ได้มาร่วมแสดงความยินดี ได้มาเห็นความสำเร็จก้าวที่ 2 ของผมไวขนาดนี้ โอเคแหละมันอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ไรมากมายนัก หรือยิ่งใหญ่วะ มูลค่า 8 หลักเนี่ย....



ช่างเถอะๆ แต่ประเด็นเลยคือ นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ผมกระทืบคนแล้วยังมายืนคุยกับพ่อกับแม่ชิลด์ๆแบบนี้ ตอนเด็กๆนี่กลัวมากเลยเวลาไปทำอะไรใคร กลัวจะโดนเรียกผู้ปกครอง แต่เนี่ยไม่คาดคิดจริงๆแหละครับว่าจะได้มีโมเมนต์แบบนี้ เอาจริงๆตอนรับปริญญาผมก็ไม่ได้อยากให้พ่อแม่มานะ เพราะว่ารอกี่ชั่วโมงก็ไม่รู้



แต่เนี่ยงานที่เหมือนเราได้ทำมันด้วยตัวเอง ได้ประสบความสำเร็จ ได้สร้างชื่อเสียงให้บริษัทเนี่ย ดีจังที่พ่อแม่มา แต่.... มาแบบธรรมดาๆไม่ได้เหรอ คนนึงก็โผล่มาในฐานะที่ปรึกษาทีมการ์ด อีกคนก็โผล่มาแบบเพื่อนภรรยาท่านประธาน แล้วเอากระบองคู่ไปหวดการ์ดอีกฝ่ายซะหน้าสะบัด





ตอนนั้นเจ๊จ๋าเดินเข้ามายกมือไหว้ สวัสดีค่ะ พ่อทศ แม่ทิพย์ พ่อผมกับแม่ก็เอ้าจ๋าสวัสดีลูกกกก พี่จ๋าบอกว่าหนูขอยืม ตัวพลอยกับจอยก่อนนะคะ พวกผู้บริหารอยากเจอตัวมากเลยค่ะ แม่ก็บอกได้เลยๆๆ แล้วพี่จ๋าก็ลากสองคนนั้นไป แล้วแม่ผมก็ถามว่าพลอยเมื่อกี้ใช่หนูพลอยที่เคยเล่นยูโดด้วยกันตอน ม.4 ม.5 หรือเปล่า เอ้า !!!   เดี๋ยวๆแม่ แม่ไปจำอะไรแบบนั้นได้ไง




แม่ผมบอกว่าก็ที่เคยเอารูปคู่ให้ดูไง รูปก็ยังอยู่ในห้องนอนไม่ใช่เหรอ เห็นแปะอยู่ในห้อง แล้วหน้าหนูพลอยก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเยอะเลย แต่ดูสวยขึ้นน่ารักขึ้นนะ แล้วยิ่งเห็นมองตาละห้อยๆด้วย จะรีเทิร์นเหรอลูกเห็นบอกเคยเป็นแฟนกันนิ ( ตอนนั้นผมแค่อยากอวดแม่ครับ เลยบอกว่าเป็นแฟนกัน )   ผมสะดุ้งเลยแล้วบอกว่าไม่ใช่แล้วแม่ !!! ไม่ช่ายยยยยยย แม่ถามอีกว่าแล้วหนูๆที่ชื่อ ดาว มิ้นต์ แก้ม ล่ะลูก... เดี๋ยวครับแม่ พระมารดาไปรับรู้ชื่อพวกนี้มาจากไหน แล้วไอ้ศัพท์พวกนี้นี่ยังไงครับแม่ ผมถามว่าเดี๋ยวนะครับแม่ ใครบอกแม่ เจ๊หมิวเหรอ ......




ตอนนั้นพ่อผมก็กระแอมนะแล้วบอกว่า ไอ้ลูกหมา พูดก็พูดเถอะนะ ไม่คิดว่าพ่อกับแม่จะลำบากมั่งเหรอที่ต้องมานั่งจำชื่อคนนั้น คนนี้เนี่ย  ผมก็แทบสำลักเลยครับผมบอก เดี๋ยวพ่อเดี๋ยวอะไร ไม่ใช่แล้วววว พ่อผมก็บอกเหมียวน่ะพ่อจำได้อยู่แต่คนอื่นๆอีกล่ะ ถึงที่ดินในบ้านมันจะปลูกบ้านได้อีกหลายหลัง ข้าไม่มีเงินไปขอเมียให้เอ็งเป็นโหลๆหรอกนะเว้ยไอ้ลูกหมา ผมบอกว่าเดี๋ยวพ่อ พ่อก็จำอะไรแบบนั้นเนี่ย แล้วตอนนั้นแม่ก็พูดขึ้นมาว่า อื้มเลือดพ่อแรงดีนะ ตอนนั้นผมกับพ่อนี่สะดุ้งเลยครับ แต่พ่อผมนี่เข้าโซนไปแล้วแน่ๆ นิ่งเชียว แม่ผมถามว่า



จะไปว่าลูกอย่างเดียวก็ไม่ได้หรอกมั้ง สมัยหนุ่มๆล่ะใช่ย่อยที่ไหนล่ะ 7 วันก็ 7คน มาหาที่โรงมวยไม่ซ้ำหน้า ตอนนี้พ่อผมเข้าโซนไปแล้วครับ แม่ก็พูดอีกว่าลูกมันก็ยังเพิ่งอายุเท่านี้ ถ้าลูกมันไปทำใครท้องแบบไม่เต็มใจตอนนั้นจะตี จะว่ามันก็ไม่ห้ามหรอกนะ แต่คนที่ควงผู้หญิง 10 กว่าคนเนี่ยจะมาบ่นลูกว่าจำชื่อไม่ได้มันก็แปลกๆนะ ขนาดตอนนั้นแม่เองยังจำได้ไม่กี่คนเอง ว่ามั้ยพ่อ....



ผมนี่ฮึ๊ !!!  คือฮึ๊ !!! เลย เดี๋ยวนะสมัยพ่อผมหนุ่มๆนี่ปรี๊ดปร๊าดขนาดไหนวะนั่นน่ะ อ่าส์..... พ่อผมดิ่งเข้าไปในโซนแล้วครับ แล้วแปปนึงเหมือนพ่อผมกลับเข้ามาสู่โลกปัจจุบัน พ่อผมก็ถามว่า อืมม แม่กินอะไรยังเดี๋ยวพ่อพาไป ป่ะ ๆ ให้ไอ้ลูกหมามันพักซะ แล้วพ่อผมก็ดันแม่ผมเบาๆ  ก็โอเคแหละครับพวกเขาไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน เพราะพ่อผมก็ไม่เถียงอะไร หรือเถียงไม่ออกก็ไม่รู้ เลยแก้สถานการณ์ด้วยการไหลชวนไปหาอะไรกินแทน...  เฮ้อ... เหนือจอมยุทธ์ ยังมีมนุษย์เมีย ( แม่ )














55เหนือฟ้ายังมีแม่นะท่านโทน