ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ด้านมืดของเจน (ตอน 2): ค่ายสร้างค่ายเสียว

เริ่มโดย JJM, สิงหาคม 08, 2022, 10:36:12 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เลขาคิม

 ::Confident::  น้องเจนของพี่ ได้เสียวอีกแล้ว สวรรค์ของลุง

milllove9

อ้างจาก: JJM เมื่อ สิงหาคม 08, 2022, 10:36:12 ก่อนเที่ยงความเดิมตอนที่แล้ว: //two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=261002.0

สวัสดีค่ะพี่ๆทุกคน ขอบคุณทุกคอมเมนท์และคะแนนที่กดให้นะคะ เป็นกำลังให้เขียนต่อได้มากจริงๆค่ะ:)
---

หลังจากประสบการณ์ในคืนสุดเสียวกับพี่แท็กซี่รุ่นใหญ่จบไป ช่วงมหาลัยปีสองของเจนที่เหลือก็ถือว่าไม่ได้มีเหตุการณ์เสียวอะไรให้หน้าตื่นเต้นอีก เจนแอบยั่วคนนั้นคนนี้บ้างแต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ต้องยอมรับว่าความอยากมันก็มี แต่ก็ไม่อยากปล่อยตัวไปมีเซ็กซ์กับคนมากหน้าหลายตาจนเสียผู้เสียคน เจนใช้ชีวิตแบบนักศึกษาทั่วไปจนขึ้นปีสามจึงมีเหตุการณ์สยิวๆเข้ามาอีกครั้ง

เรื่องมันมีอยู่ว่าหลายคณะในมหาวิทยาลัยที่เจนเรียนจะมีกิจกรรมช่วยเหลือสังคมที่เรียกกันว่า "ค่ายสร้าง" กิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้มีโอกาสออกไปช่วยสังคมชนบทเป็นระยะเวลาราวสัปดาห์นึงเพื่อไปสร้างหรือปรับปรุงพื้นที่ชุมชนยากไร้ เช่น วัด โรงเรียน หรือสถานอนามัย  รวมถึงไปลองสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านด้วย ช่วงปีสามนี้เองที่เจนสมัครกิจกรรมค่ายสร้างค่ายอาสาตามเพื่อนๆในกลุ่มเพราะมันดูเป็นอะไรที่น่าสนใจดี อย่างน้อยก็ได้เปลี่ยนที่สังสรรค์กันด้วย

จังหวัดที่ปีนี้จัดอยู่แถวภาคเหนือตอนล่าง โดยทางค่ายวางแผนที่จะไปช่วยปรับปรุงโรงเรียนเล็กๆที่ห่างไกล ค่ายนี้มีคนสมัครไปกันราว 15-20 คน เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าด้วยรถทัวร์และกว่าจะไปถึงก็บ่ายแก่ๆแล้ว โรงเรียนที่ว่ามีอาคารปูนชั้นเดียวใช้เป็นอาคารเรียนและอาคารไม้เล็กๆหนึ่งหลังใช้เป็นโรงอาหาร ส่วนสถานที่ตั้งต้องบอกว่าไกลความเจริญมากสัญญาณมือถือยังแทบไม่มีเลย ช่วงที่ไปเป็นช่วงปิดเทอมของเด็กๆยิ่งทำให้บรรยากาศมันเงียบสงบและแอบวังเวง

ครูใหญ่ซึ่งเป็นผู้หญิงอายุใกล้เกษียณแล้วให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี

"โรงเรียนของเรามีครูไม่กี่คน ช่วงปิดเทอมแบบนี้มีครูเวรแค่คนเดียวแต่ช่วงนี้แกก็ดันไม่สบายโรงเรียนเลยว่าง จะเหลือก็แต่ลุงย้อยที่จะเป็นคนช่วยดูแลพวกหนูๆ" เธอผายมือไปที่ผู้ชายร่างผอม ผิวสีดำคล้ำหยาบกร้าน ผมสั้น อายุราวๆ 60 ลุงย้อยเป็นนักการภารโรงของโรงเรียนเล็กๆแห่งนี้

"สวัสดีครับ ถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือเรียกผมได้ตลอดนะครับ" ลุงย้อยยิ้มกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง

เราแบ่งงานกันว่าผู้หญิงส่วนหนึ่งจะเป็นคนครัวทำอาหาร ส่วนหนึ่งทาสีอาคาร ส่วนพวกผู้ชายให้ไปใช้แรงงานปรับปรุงส่วนต่างๆของโรงเรียน เจนรับหน้าที่ทาสีเพราะไม่อยากตื่นเช้ากว่าคนอื่นเพื่อมาเตรียมอาหาร สำหรับวันแรกเราไม่ได้ทำอะไรนอกจากเก็บสัมภาระที่ขนมา กินข้าว และเตรียมเข้านอน เรานอนกันในอาคารเรียนที่ว่าแต่แยกห้องนอนระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย

กิจกรรมใน 3-4 วันแรกดำเนินไปตามแผน ตื่น ทำงาน พักกินข้าว สังสรรค์เล็กๆน้อยๆ เข้านอน เจนก็พึ่งค้นพบว่าการทาสีอาคารมันก็ไม่ง่ายเหมือนกันเพราะบางจุดที่สูงๆมันต้องขึ้นบันไดเหล็กเพื่อให้เอื้อมถึง ทำอย่างนั้นทั้งวันก็ปวดตัวไม่น้อยเหมือนกัน ระหว่างที่เราทำกิจกรรมลุงย้อยก็เดินวนช่วยงานแต่ล่ะจุดตามแต่จำเป็น แกเป็นคนอัธยาศัยดีชวนคุยเก่งสนุกสนานแต่พักหลังๆเจนแอบรู้สึกว่าแกมาช่วยงานตรงเจนบ่อยและนานเหลือเกิน ถึงเจนไม่ได้อยู่คนเดียวเพราะแต่ล่ะจุดที่ทำงานจะมีเพื่อนผู้หญิงช่วยอยู่ 1-2 คน แต่เจนก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าลุงย้อยแกมาด้อมๆมองๆ เจนมากกว่าปกติ

เจนไม่ได้แต่งตัวเซ็กซี่อะไรเพราะมาค่ายอาสาที่อากาศร้อนแบบนี้ไม่มีชุดอะไรดีไปกว่าเสื้อยืดกางเกงขาสั้นอีกแล้ว มีอยู่ครั้งนึงแกมาช่วยทาสีนอกอาคารเรียนตรงมุมตึก ระหว่างผสมสี เจนก็ก้มลงช่วยเทช่วยกวนอย่างตั้งใจจนลืมไปว่าเสื้อยืดสีขาวคอกว้างที่ใส่มันห้อยลงตามการโน้มตัวทำให้เกิดช่องมองลอดเข้ามาเห็นเนินนมคัพบีขาวนุ่มนิ่มชุ่มเหงื่อที่เบียดเสียดกันตามจังหวะการกวนสี พักใหญ่ๆเจนถึงสังเกตุเห็นว่าลุงย้อยหยุดมือลงและเงียบไป พอเงยหน้าขึ้นมองแกก็เหมือนสะดุ้งจากอาการเหม่อ

"อุ้ย!" เจนรีบตั้งตัวขึ้นแล้วจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ลุงย้อยก้มหน้าก้มตาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเริ่มกวนสีต่อ แต่สิ่งที่ซ่อนกันไม่ได้คือเป้าของแกที่ตอนนี้มันตุงนูนดันกางเกงพละออกมาอย่างเห็นได้ชัด เจนกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ด้วยความวาบหวิว ไอ้ความต้องการเจ้าปัญหาที่ว่ามันกลับเข้ามาทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดอะไรเลย ในหัวนึกสนุก อิอิ ลองแกล้งยั่วคนแก่ดูซักหน่อยดีกว่าเรา

เจนรอจังหวะที่เพื่อนไปเข้าห้องน้ำ ทำให้อยู่กับลุงย้อยสองต่อสอง

"ลุงคะ หนูว่าจะปีนบันไดขึ้นไปทาสีข้างบนแต่พื้นตรงนี้มันไม่เรียบเลยกลัวบันไดจะล้ม ลุงช่วยจับไว้ให้หน่อยได้ไหมคะ"

"ได้สิครับ ได้สิ ได้สิ หนูปีนขึ้นไประวังด้วยนะ" นักการเฒ่าตาเป็นประกายรีบเข้ามาประคองข้างๆบันไดอย่างรวดเร็ว

เจนปีนขึ้นบันไดไปทำให้ขาอ่อนขาวๆอยู่ห่างจากหน้าตาย้อยไม่ถึงคืบ ตอนเอี้ยวตัวไปทาสีทางขวาเจนก็หันก้นงอนให้แกชมพอให้สนุกๆเล่น แต่มีจังหวะนึงสีดันหยดจากพู่กันลงบนขาอ่อนแหมะใหญ่ๆ

"โอย เปื้อนเลยอะลุง"

"ไหนๆ ลุงเช็ดให้" ว่าแล้วลุงย้อยก็เอามือแกลูบปาดออก โดยไม่ถามกันซักคำ มือสากกระด้างลูบเนื้อนวลเนียน "อุ้ย" เจนถึงกับอุทานเบาๆ เพราะรู้สึกสยิวขึ้นวูบหนึ่ง

จังหวะนั้นได้ยินเสียงเจี้ยวจ้าวของเพื่อนที่เดินกลับมาพอดีเจนเลยปีนบันไดลงมาและหยุดเกมยั่วคนแก่ไว้แค่นั้น แต่ก็แอบเจ็บใจว่าลุงนี่ก็ร้ายไม่เบานะเนี่ยแอบแต๊ะอั๋งขาอ่อนเราด้วย

เวลาล่วงเลยผ่านไปเข้าสู่วันที่หก วันพรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับกรุงเทพกันแล้ว งานส่วนใหญ่ที่ตั้งใจมาทำก็เสร็จเรียบร้อย วันนี้เราตั้งใจกันว่าจะดื่มฉลองผลงานกันให้หนำใจ เหล้าเบียร์ขนมาจากกรุงเทพเพียบอยู่แล้ว เราเริ่มสังสรรค์กันในศาลาเล็กๆ หน้าโรงเรียนตั้งแต่ช่วงสี่ห้าโมงเย็น ลุงย้อยก็มาแจมด้วยแต่แกมีเหล้าพิเศษของแกคือเหล้าขาวต้มเองซึ่งกลิ่นแรงมาก

บทสนทนาในวงเหล้าทำให้รู้ว่าสมัยหนุ่มๆลุงย้อยแกเคยใช้แรงงานอยู่จังหวัดใหญ่ทางภาคอีสานพอลูกโต เมียเสีย แกก็ย้ายกลับบ้านมาเป็นนักการอยู่ที่นี่

เวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืน เพื่อนผู้ชายเมาแอ๋กันแล้ว แต่ลุงย้อยยังดูสติดี แกคงคอเข็งมากเพราะกินเหล้าแทบทุกวัน ส่วนเจนที่ดื่มไปพอสมควรก็ขอตัวเหมือนกันเพราะตั้งแต่เสร็จงานเมื่อบ่ายยังไม่ได้อาบน้ำเลยทำให้ทั้งหัวทั้งตัวเริ่มจะเหม็น ยิ่งอากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ยิ่งทำให้ไม่สบายตัวจนทนไม่ไหว

เจนลาทุกคนแล้วเตรียมไปอาบน้ำเข้านอน พอถึงห้องก็เห็นว่าเพื่อนผู้หญิงหลับกันหมดแล้ว เจนจัดแจงเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำล้างหน้าอยู่สักพักใหญ่ๆ แล้วก็เดินออกไปห้องน้ำ มองไปไกลๆ ที่ศาลาก็มืดลงแล้วแสดงว่าพวกผู้ชายก็เลิกกินเหล้ากันแล้วเหมือนกัน

ห้องน้ำเป็นห้องเล็กๆ มีอ่างปูนใส่น้ำให้ตักอาบ แต่พอจะอาบก็ต้องเซ็งเพราะน้ำมันแห้งคอดไปถึงก้นอ่างแล้ว นึกในใจคนอาบคนสุดท้ายนี่มันแย่จริงๆ ไม่เปิดน้ำใส่ไว้ให้เลย เจนต้องเปิดน้ำก๊อกใส่ขันทีละขันละขันเพื่ออาบด้วยความลำบาก แต่ก็เอาเถอะดีกว่านอนตัวเหม็นๆ

ขณะกำลังสระผมด้วยความสบายใจ อยู่ดีๆก็มีสิ่งที่ทำให้ต้องตกใจจนแทบกรี๊ด ไฟดับ! มือถือก็ไม่ได้หยิบมา ห้องน้ำเล็กๆมืดสนิท เจนคลำหาของมั่วไปหมดสุดท้ายได้แค่เช็ดตัวลวกๆแล้วก็รีบใส่เสื้อผ้าออกมาด้วยความกลัว ฟองสบู่ยังเต็มหัวอยู่เลย พอออกมามองไปพื้นที่รอบๆโรงเรียนมันมืดไปหมดมีเพียงดาวประปรายช่วยส่องแสงให้เห็นรำไรๆ

"ซวยละชั้น" เจนคิดในใจ

ในขณะที่กำลังยืนงงว่าจะทำยังไงต่อกับชีวิตดีก็มีแสงไฟส่องวูบๆวาบๆ มาจากอีกด้านของอาคาร นั่นใครกันนะ เจนเพ่งลุงมองสองมือยังหอบของพะรุงพะรัง แสงไฟใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

"โถ่ หนูเจนนี่เอง ลุงนึกว่าเห็นผีซะแล้ว" ลุงย้อยที่เดินตรวจความเรียบร้อยของโรงเรียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เจนก็เข้าใจแกนะส่องไฟเห็นผู้หญิงชุดขาวผมยาวเปียกปอนเหมือนคนบ้าตอนกลางคืนนี่มันน่าจะหลอนเอาเรื่อง

"โอยย ผีเผอที่ไหนล่ะคะลุง นี่อาบน้ำอยู่ดีๆไฟก็ดับเนี่ย"

"ฮ่าๆ ในป่าเขาก็เป็นแบบนี้แหละเลยหนูเอ้ย สายไฟมันไม่ค่อยดี บางทีกิ่งไม้หล่นใส่มันก็ดับ" ภารโรงแก่หัวเราะชอบใจคงเพราะสภาพของเจนตอนนี้ด้วย

 "ลุงให้เจนยืมไฟฉายก่อนได้มั้ย นี่ฟองสบู่ยังเต็มหัวอยู่เลย" เจนขออย่างร้อนใจ

"อ่าวได้สิจ้ะ เดี๋ยวลุงยืนรอข้างนอกนะ"

เจนเอาไฟฉายกลับเข้าไปในห้องน้ำ แต่ก็พบว่าน้ำก๊อกมันไหลออกมาเอื่อยมาก ทำให้ต้องเปิดประตูออกมาถามลุงย้อยอีกครั้ง

"ลุงคะทำไมน้ำมันแทบไม่ไหลเลยอ่ะ"

ลุงย้อยเดินเข้าไปเช็กดู "โอ้ยแย่แล้ว ปั๊มมันดับไงหนู น้ำมันเลยค่อยไม่ออก"

แย่แล้วถ้าน้ำไหลแค่นี้อาบเป็นช่วงโมงคงจะไม่เสร็จ

"ทำไงดีอะลุง มีห้องไหนที่น้ำจะแรงๆไหมอะคะ"

"โรงเรียนนี้ก็มีแค่สองห้องในอาคารนี้ที่อาบได้นะหนู เดี๋ยวลองไปดูตรงห้องน้ำชายอีกฝั่งกันว่ามีน้ำเหลือมั้ย"

เจนเดินตามลุงไปที่ห้องน้ำชายก็ต้องผิดหวังเพราะน้ำในอ่างก็แทบไม่เหลือส่วนก๊อกก็ไหลเอื่อยมากเช่นกัน
 
โอยยย ทำยังไงดีล่ะทีนี้ จะนอนก็นอนไม่ได้จะนั่งรอให้ไฟมาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร

"เอางี้ไปอาบที่บ้านลุงมั้ยล่ะ" ลุงย้อยเสนอขึ้นมาโต้งๆ

"ห๊ะ อาบบ้านลุงหรอ บ้านลุงอยู่ที่ไหนเนี่ย" เจนแอบตกใจกับคำถามแกเล็กน้อย

"อ๋อ บ้านลุงอยู่ข้างหลังโรงเรียนนี่เองเดินไปแป๊ปเดียวก็ถึง"

เจนชั่งใจอยู่ครู่นึง เอาวะ สถานการณ์มันบีบบังคับ ไปก็ไป ลุงแกก็ดูไม่มีผิดมีภัยอะไร

เราเดินเลาะไปด้านหลังอาคาร ผ่านทางดินข้างแปลงผักของโรงเรียนไปจนสุดทางก็เห็นเค้าร่างของกระต๊อบไม้เล็กๆ

"ถึงแล้วจ้ะหนู"

เจนเดินตามลุงย้อยเข้าไปข้างใน สภาพห้องรกข้าวของวางระเกะระกะ มุ้งโยงกินที่ไปเกือบครึ่งห้อง ลุงแกจุดตะเกียงขึ้นมายื่นให้ จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่ใช้ตะเกียงเลย แต่ว่า...

"ห้องน้ำอยู่ตรงไหนคะเนี่ย" เจนถามงงๆ เพราะในกระต๊อบมันมีแค่ประตูเดียวที่เดินผ่านเข้ามานั่นแหละ

"นั่นไงหนู"

เจนมองตามนิ้วที่แกชี้ไปนอกบ้าน โอ้มายก็อด มันเป็นเพิงสังกะสีสี่ด้านเล็กๆที่สร้างขึ้นมาลวกๆ พอเปิดประตูเข้าไปสำรวจข้างในมีโอ่งน้ำดินเผาใบใหญ่กับส้วมซึม ส่วนผนังสังกะสีมันมีช่องโหว่ว่างตามขอบที่บิ่นเผยอ แค่นั้นไม่พอ ประตูมันยังไม่มีที่ล็อกด้วยซ้ำ

แต่เป็นไงเป็นกันมาถึงขนาดนี้แล้ว ลุงแกก็นั่งอยู่ในบ้านที่ห่างออกไปราวสิบกว่าเมตรคงไม่มาแอบดูหรอก เจนจัดแจงเอาตะเกียงวางพื้นให้พอมีแสงไม่สว่างไม่มากไป แล้วเอาเสื้อผ้าผ้าขนหนูแขวนบนตะปูทีตอกไว้ เจนถอดเสื้อผ้าออก ไฟสลัวๆเน้นให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้าของร่างบางๆ
การที่ต้องมาแก้ผ้าอาบน้ำในที่ซอมซ่อแบบนี้มันก็เป็นเรื่องที่แปลกๆ เสียวๆ เหมือนกัน

เจนตักน้ำเย็นๆในตุ่มราดล้างตัวล้างผม อูย หนาวเหมือนกันนะเนี่ย คิดไปพลางมือก็ลูบไล้ไปตามเรือนร่างสมส่วน อาบๆไปก็เสียวๆไปเพราะบรรยากาศมันชวนสยิวจริงๆ อยู่ๆหัวก็คิดย้อนไปถึงท่อนเอ็นของลุงย้อยที่ดันเป้าจนตุง มือข้างนึงมันก็ลูบลงไปนวดเขี่ยของตัวเองเล่นโดยไม่รู้ตัว ส่วนอีกข้างก็บีบเล่นนมตัวเองเบาๆ อูยย ทำไมถึงอยากอย่างนี้นะ

เจนไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของตัวเองตอนนี้กำลังถูกจับจ้องอย่างหื่นกระหายจากสายตาคู่นึงที่แอบมองลอดช่องพนังสังกะสีบิ่นๆเข้ามา สาวสวยวัย 20 ที่กำลังเปลือยกายลูบคลำตัวเองอยู่คงเป็นภาพที่ทำให้ภารโรงวัยดึกเงี่ยนจนแทบคลั่ง
อ้างจาก: JJM เมื่อ สิงหาคม 08, 2022, 10:36:12 ก่อนเที่ยงความเดิมตอนที่แล้ว: //two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=261002.0

สวัสดีค่ะพี่ๆทุกคน ขอบคุณทุกคอมเมนท์และคะแนนที่กดให้นะคะ เป็นกำลังให้เขียนต่อได้มากจริงๆค่ะ:)
---

หลังจากประสบการณ์ในคืนสุดเสียวกับพี่แท็กซี่รุ่นใหญ่จบไป ช่วงมหาลัยปีสองของเจนที่เหลือก็ถือว่าไม่ได้มีเหตุการณ์เสียวอะไรให้หน้าตื่นเต้นอีก เจนแอบยั่วคนนั้นคนนี้บ้างแต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ต้องยอมรับว่าความอยากมันก็มี แต่ก็ไม่อยากปล่อยตัวไปมีเซ็กซ์กับคนมากหน้าหลายตาจนเสียผู้เสียคน เจนใช้ชีวิตแบบนักศึกษาทั่วไปจนขึ้นปีสามจึงมีเหตุการณ์สยิวๆเข้ามาอีกครั้ง

เรื่องมันมีอยู่ว่าหลายคณะในมหาวิทยาลัยที่เจนเรียนจะมีกิจกรรมช่วยเหลือสังคมที่เรียกกันว่า "ค่ายสร้าง" กิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้มีโอกาสออกไปช่วยสังคมชนบทเป็นระยะเวลาราวสัปดาห์นึงเพื่อไปสร้างหรือปรับปรุงพื้นที่ชุมชนยากไร้ เช่น วัด โรงเรียน หรือสถานอนามัย  รวมถึงไปลองสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านด้วย ช่วงปีสามนี้เองที่เจนสมัครกิจกรรมค่ายสร้างค่ายอาสาตามเพื่อนๆในกลุ่มเพราะมันดูเป็นอะไรที่น่าสนใจดี อย่างน้อยก็ได้เปลี่ยนที่สังสรรค์กันด้วย

จังหวัดที่ปีนี้จัดอยู่แถวภาคเหนือตอนล่าง โดยทางค่ายวางแผนที่จะไปช่วยปรับปรุงโรงเรียนเล็กๆที่ห่างไกล ค่ายนี้มีคนสมัครไปกันราว 15-20 คน เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าด้วยรถทัวร์และกว่าจะไปถึงก็บ่ายแก่ๆแล้ว โรงเรียนที่ว่ามีอาคารปูนชั้นเดียวใช้เป็นอาคารเรียนและอาคารไม้เล็กๆหนึ่งหลังใช้เป็นโรงอาหาร ส่วนสถานที่ตั้งต้องบอกว่าไกลความเจริญมากสัญญาณมือถือยังแทบไม่มีเลย ช่วงที่ไปเป็นช่วงปิดเทอมของเด็กๆยิ่งทำให้บรรยากาศมันเงียบสงบและแอบวังเวง

ครูใหญ่ซึ่งเป็นผู้หญิงอายุใกล้เกษียณแล้วให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี

"โรงเรียนของเรามีครูไม่กี่คน ช่วงปิดเทอมแบบนี้มีครูเวรแค่คนเดียวแต่ช่วงนี้แกก็ดันไม่สบายโรงเรียนเลยว่าง จะเหลือก็แต่ลุงย้อยที่จะเป็นคนช่วยดูแลพวกหนูๆ" เธอผายมือไปที่ผู้ชายร่างผอม ผิวสีดำคล้ำหยาบกร้าน ผมสั้น อายุราวๆ 60 ลุงย้อยเป็นนักการภารโรงของโรงเรียนเล็กๆแห่งนี้

"สวัสดีครับ ถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือเรียกผมได้ตลอดนะครับ" ลุงย้อยยิ้มกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง

เราแบ่งงานกันว่าผู้หญิงส่วนหนึ่งจะเป็นคนครัวทำอาหาร ส่วนหนึ่งทาสีอาคาร ส่วนพวกผู้ชายให้ไปใช้แรงงานปรับปรุงส่วนต่างๆของโรงเรียน เจนรับหน้าที่ทาสีเพราะไม่อยากตื่นเช้ากว่าคนอื่นเพื่อมาเตรียมอาหาร สำหรับวันแรกเราไม่ได้ทำอะไรนอกจากเก็บสัมภาระที่ขนมา กินข้าว และเตรียมเข้านอน เรานอนกันในอาคารเรียนที่ว่าแต่แยกห้องนอนระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย

กิจกรรมใน 3-4 วันแรกดำเนินไปตามแผน ตื่น ทำงาน พักกินข้าว สังสรรค์เล็กๆน้อยๆ เข้านอน เจนก็พึ่งค้นพบว่าการทาสีอาคารมันก็ไม่ง่ายเหมือนกันเพราะบางจุดที่สูงๆมันต้องขึ้นบันไดเหล็กเพื่อให้เอื้อมถึง ทำอย่างนั้นทั้งวันก็ปวดตัวไม่น้อยเหมือนกัน ระหว่างที่เราทำกิจกรรมลุงย้อยก็เดินวนช่วยงานแต่ล่ะจุดตามแต่จำเป็น แกเป็นคนอัธยาศัยดีชวนคุยเก่งสนุกสนานแต่พักหลังๆเจนแอบรู้สึกว่าแกมาช่วยงานตรงเจนบ่อยและนานเหลือเกิน ถึงเจนไม่ได้อยู่คนเดียวเพราะแต่ล่ะจุดที่ทำงานจะมีเพื่อนผู้หญิงช่วยอยู่ 1-2 คน แต่เจนก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าลุงย้อยแกมาด้อมๆมองๆ เจนมากกว่าปกติ

เจนไม่ได้แต่งตัวเซ็กซี่อะไรเพราะมาค่ายอาสาที่อากาศร้อนแบบนี้ไม่มีชุดอะไรดีไปกว่าเสื้อยืดกางเกงขาสั้นอีกแล้ว มีอยู่ครั้งนึงแกมาช่วยทาสีนอกอาคารเรียนตรงมุมตึก ระหว่างผสมสี เจนก็ก้มลงช่วยเทช่วยกวนอย่างตั้งใจจนลืมไปว่าเสื้อยืดสีขาวคอกว้างที่ใส่มันห้อยลงตามการโน้มตัวทำให้เกิดช่องมองลอดเข้ามาเห็นเนินนมคัพบีขาวนุ่มนิ่มชุ่มเหงื่อที่เบียดเสียดกันตามจังหวะการกวนสี พักใหญ่ๆเจนถึงสังเกตุเห็นว่าลุงย้อยหยุดมือลงและเงียบไป พอเงยหน้าขึ้นมองแกก็เหมือนสะดุ้งจากอาการเหม่อ

"อุ้ย!" เจนรีบตั้งตัวขึ้นแล้วจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ลุงย้อยก้มหน้าก้มตาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเริ่มกวนสีต่อ แต่สิ่งที่ซ่อนกันไม่ได้คือเป้าของแกที่ตอนนี้มันตุงนูนดันกางเกงพละออกมาอย่างเห็นได้ชัด เจนกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ด้วยความวาบหวิว ไอ้ความต้องการเจ้าปัญหาที่ว่ามันกลับเข้ามาทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดอะไรเลย ในหัวนึกสนุก อิอิ ลองแกล้งยั่วคนแก่ดูซักหน่อยดีกว่าเรา

เจนรอจังหวะที่เพื่อนไปเข้าห้องน้ำ ทำให้อยู่กับลุงย้อยสองต่อสอง

"ลุงคะ หนูว่าจะปีนบันไดขึ้นไปทาสีข้างบนแต่พื้นตรงนี้มันไม่เรียบเลยกลัวบันไดจะล้ม ลุงช่วยจับไว้ให้หน่อยได้ไหมคะ"

"ได้สิครับ ได้สิ ได้สิ หนูปีนขึ้นไประวังด้วยนะ" นักการเฒ่าตาเป็นประกายรีบเข้ามาประคองข้างๆบันไดอย่างรวดเร็ว

เจนปีนขึ้นบันไดไปทำให้ขาอ่อนขาวๆอยู่ห่างจากหน้าตาย้อยไม่ถึงคืบ ตอนเอี้ยวตัวไปทาสีทางขวาเจนก็หันก้นงอนให้แกชมพอให้สนุกๆเล่น แต่มีจังหวะนึงสีดันหยดจากพู่กันลงบนขาอ่อนแหมะใหญ่ๆ

"โอย เปื้อนเลยอะลุง"

"ไหนๆ ลุงเช็ดให้" ว่าแล้วลุงย้อยก็เอามือแกลูบปาดออก โดยไม่ถามกันซักคำ มือสากกระด้างลูบเนื้อนวลเนียน "อุ้ย" เจนถึงกับอุทานเบาๆ เพราะรู้สึกสยิวขึ้นวูบหนึ่ง

จังหวะนั้นได้ยินเสียงเจี้ยวจ้าวของเพื่อนที่เดินกลับมาพอดีเจนเลยปีนบันไดลงมาและหยุดเกมยั่วคนแก่ไว้แค่นั้น แต่ก็แอบเจ็บใจว่าลุงนี่ก็ร้ายไม่เบานะเนี่ยแอบแต๊ะอั๋งขาอ่อนเราด้วย

เวลาล่วงเลยผ่านไปเข้าสู่วันที่หก วันพรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับกรุงเทพกันแล้ว งานส่วนใหญ่ที่ตั้งใจมาทำก็เสร็จเรียบร้อย วันนี้เราตั้งใจกันว่าจะดื่มฉลองผลงานกันให้หนำใจ เหล้าเบียร์ขนมาจากกรุงเทพเพียบอยู่แล้ว เราเริ่มสังสรรค์กันในศาลาเล็กๆ หน้าโรงเรียนตั้งแต่ช่วงสี่ห้าโมงเย็น ลุงย้อยก็มาแจมด้วยแต่แกมีเหล้าพิเศษของแกคือเหล้าขาวต้มเองซึ่งกลิ่นแรงมาก

บทสนทนาในวงเหล้าทำให้รู้ว่าสมัยหนุ่มๆลุงย้อยแกเคยใช้แรงงานอยู่จังหวัดใหญ่ทางภาคอีสานพอลูกโต เมียเสีย แกก็ย้ายกลับบ้านมาเป็นนักการอยู่ที่นี่

เวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืน เพื่อนผู้ชายเมาแอ๋กันแล้ว แต่ลุงย้อยยังดูสติดี แกคงคอเข็งมากเพราะกินเหล้าแทบทุกวัน ส่วนเจนที่ดื่มไปพอสมควรก็ขอตัวเหมือนกันเพราะตั้งแต่เสร็จงานเมื่อบ่ายยังไม่ได้อาบน้ำเลยทำให้ทั้งหัวทั้งตัวเริ่มจะเหม็น ยิ่งอากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ยิ่งทำให้ไม่สบายตัวจนทนไม่ไหว

เจนลาทุกคนแล้วเตรียมไปอาบน้ำเข้านอน พอถึงห้องก็เห็นว่าเพื่อนผู้หญิงหลับกันหมดแล้ว เจนจัดแจงเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำล้างหน้าอยู่สักพักใหญ่ๆ แล้วก็เดินออกไปห้องน้ำ มองไปไกลๆ ที่ศาลาก็มืดลงแล้วแสดงว่าพวกผู้ชายก็เลิกกินเหล้ากันแล้วเหมือนกัน

ห้องน้ำเป็นห้องเล็กๆ มีอ่างปูนใส่น้ำให้ตักอาบ แต่พอจะอาบก็ต้องเซ็งเพราะน้ำมันแห้งคอดไปถึงก้นอ่างแล้ว นึกในใจคนอาบคนสุดท้ายนี่มันแย่จริงๆ ไม่เปิดน้ำใส่ไว้ให้เลย เจนต้องเปิดน้ำก๊อกใส่ขันทีละขันละขันเพื่ออาบด้วยความลำบาก แต่ก็เอาเถอะดีกว่านอนตัวเหม็นๆ

ขณะกำลังสระผมด้วยความสบายใจ อยู่ดีๆก็มีสิ่งที่ทำให้ต้องตกใจจนแทบกรี๊ด ไฟดับ! มือถือก็ไม่ได้หยิบมา ห้องน้ำเล็กๆมืดสนิท เจนคลำหาของมั่วไปหมดสุดท้ายได้แค่เช็ดตัวลวกๆแล้วก็รีบใส่เสื้อผ้าออกมาด้วยความกลัว ฟองสบู่ยังเต็มหัวอยู่เลย พอออกมามองไปพื้นที่รอบๆโรงเรียนมันมืดไปหมดมีเพียงดาวประปรายช่วยส่องแสงให้เห็นรำไรๆ

"ซวยละชั้น" เจนคิดในใจ

ในขณะที่กำลังยืนงงว่าจะทำยังไงต่อกับชีวิตดีก็มีแสงไฟส่องวูบๆวาบๆ มาจากอีกด้านของอาคาร นั่นใครกันนะ เจนเพ่งลุงมองสองมือยังหอบของพะรุงพะรัง แสงไฟใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

"โถ่ หนูเจนนี่เอง ลุงนึกว่าเห็นผีซะแล้ว" ลุงย้อยที่เดินตรวจความเรียบร้อยของโรงเรียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เจนก็เข้าใจแกนะส่องไฟเห็นผู้หญิงชุดขาวผมยาวเปียกปอนเหมือนคนบ้าตอนกลางคืนนี่มันน่าจะหลอนเอาเรื่อง

"โอยย ผีเผอที่ไหนล่ะคะลุง นี่อาบน้ำอยู่ดีๆไฟก็ดับเนี่ย"

"ฮ่าๆ ในป่าเขาก็เป็นแบบนี้แหละเลยหนูเอ้ย สายไฟมันไม่ค่อยดี บางทีกิ่งไม้หล่นใส่มันก็ดับ" ภารโรงแก่หัวเราะชอบใจคงเพราะสภาพของเจนตอนนี้ด้วย

 "ลุงให้เจนยืมไฟฉายก่อนได้มั้ย นี่ฟองสบู่ยังเต็มหัวอยู่เลย" เจนขออย่างร้อนใจ

"อ่าวได้สิจ้ะ เดี๋ยวลุงยืนรอข้างนอกนะ"

เจนเอาไฟฉายกลับเข้าไปในห้องน้ำ แต่ก็พบว่าน้ำก๊อกมันไหลออกมาเอื่อยมาก ทำให้ต้องเปิดประตูออกมาถามลุงย้อยอีกครั้ง

"ลุงคะทำไมน้ำมันแทบไม่ไหลเลยอ่ะ"

ลุงย้อยเดินเข้าไปเช็กดู "โอ้ยแย่แล้ว ปั๊มมันดับไงหนู น้ำมันเลยค่อยไม่ออก"

แย่แล้วถ้าน้ำไหลแค่นี้อาบเป็นช่วงโมงคงจะไม่เสร็จ

"ทำไงดีอะลุง มีห้องไหนที่น้ำจะแรงๆไหมอะคะ"

"โรงเรียนนี้ก็มีแค่สองห้องในอาคารนี้ที่อาบได้นะหนู เดี๋ยวลองไปดูตรงห้องน้ำชายอีกฝั่งกันว่ามีน้ำเหลือมั้ย"

เจนเดินตามลุงไปที่ห้องน้ำชายก็ต้องผิดหวังเพราะน้ำในอ่างก็แทบไม่เหลือส่วนก๊อกก็ไหลเอื่อยมากเช่นกัน
 
โอยยย ทำยังไงดีล่ะทีนี้ จะนอนก็นอนไม่ได้จะนั่งรอให้ไฟมาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร

"เอางี้ไปอาบที่บ้านลุงมั้ยล่ะ" ลุงย้อยเสนอขึ้นมาโต้งๆ

"ห๊ะ อาบบ้านลุงหรอ บ้านลุงอยู่ที่ไหนเนี่ย" เจนแอบตกใจกับคำถามแกเล็กน้อย

"อ๋อ บ้านลุงอยู่ข้างหลังโรงเรียนนี่เองเดินไปแป๊ปเดียวก็ถึง"

เจนชั่งใจอยู่ครู่นึง เอาวะ สถานการณ์มันบีบบังคับ ไปก็ไป ลุงแกก็ดูไม่มีผิดมีภัยอะไร

เราเดินเลาะไปด้านหลังอาคาร ผ่านทางดินข้างแปลงผักของโรงเรียนไปจนสุดทางก็เห็นเค้าร่างของกระต๊อบไม้เล็กๆ

"ถึงแล้วจ้ะหนู"

เจนเดินตามลุงย้อยเข้าไปข้างใน สภาพห้องรกข้าวของวางระเกะระกะ มุ้งโยงกินที่ไปเกือบครึ่งห้อง ลุงแกจุดตะเกียงขึ้นมายื่นให้ จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่ใช้ตะเกียงเลย แต่ว่า...

"ห้องน้ำอยู่ตรงไหนคะเนี่ย" เจนถามงงๆ เพราะในกระต๊อบมันมีแค่ประตูเดียวที่เดินผ่านเข้ามานั่นแหละ

"นั่นไงหนู"

เจนมองตามนิ้วที่แกชี้ไปนอกบ้าน โอ้มายก็อด มันเป็นเพิงสังกะสีสี่ด้านเล็กๆที่สร้างขึ้นมาลวกๆ พอเปิดประตูเข้าไปสำรวจข้างในมีโอ่งน้ำดินเผาใบใหญ่กับส้วมซึม ส่วนผนังสังกะสีมันมีช่องโหว่ว่างตามขอบที่บิ่นเผยอ แค่นั้นไม่พอ ประตูมันยังไม่มีที่ล็อกด้วยซ้ำ

แต่เป็นไงเป็นกันมาถึงขนาดนี้แล้ว ลุงแกก็นั่งอยู่ในบ้านที่ห่างออกไปราวสิบกว่าเมตรคงไม่มาแอบดูหรอก เจนจัดแจงเอาตะเกียงวางพื้นให้พอมีแสงไม่สว่างไม่มากไป แล้วเอาเสื้อผ้าผ้าขนหนูแขวนบนตะปูทีตอกไว้ เจนถอดเสื้อผ้าออก ไฟสลัวๆเน้นให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้าของร่างบางๆ
การที่ต้องมาแก้ผ้าอาบน้ำในที่ซอมซ่อแบบนี้มันก็เป็นเรื่องที่แปลกๆ เสียวๆ เหมือนกัน

เจนตักน้ำเย็นๆในตุ่มราดล้างตัวล้างผม อูย หนาวเหมือนกันนะเนี่ย คิดไปพลางมือก็ลูบไล้ไปตามเรือนร่างสมส่วน อาบๆไปก็เสียวๆไปเพราะบรรยากาศมันชวนสยิวจริงๆ อยู่ๆหัวก็คิดย้อนไปถึงท่อนเอ็นของลุงย้อยที่ดันเป้าจนตุง มือข้างนึงมันก็ลูบลงไปนวดเขี่ยของตัวเองเล่นโดยไม่รู้ตัว ส่วนอีกข้างก็บีบเล่นนมตัวเองเบาๆ อูยย ทำไมถึงอยากอย่างนี้นะ

เจนไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของตัวเองตอนนี้กำลังถูกจับจ้องอย่างหื่นกระหายจากสายตาคู่นึงที่แอบมองลอดช่องพนังสังกะสีบิ่นๆเข้ามา สาวสวยวัย 20 ที่กำลังเปลือยกายลูบคลำตัวเองอยู่คงเป็นภาพที่ทำให้ภารโรงวัยดึกเงี่ยนจนแทบคลั่ง
อ้างจาก: JJM เมื่อ สิงหาคม 08, 2022, 10:36:12 ก่อนเที่ยงความเดิมตอนที่แล้ว: //two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=261002.0

สวัสดีค่ะพี่ๆทุกคน ขอบคุณทุกคอมเมนท์และคะแนนที่กดให้นะคะ เป็นกำลังให้เขียนต่อได้มากจริงๆค่ะ:)
---

หลังจากประสบการณ์ในคืนสุดเสียวกับพี่แท็กซี่รุ่นใหญ่จบไป ช่วงมหาลัยปีสองของเจนที่เหลือก็ถือว่าไม่ได้มีเหตุการณ์เสียวอะไรให้หน้าตื่นเต้นอีก เจนแอบยั่วคนนั้นคนนี้บ้างแต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ต้องยอมรับว่าความอยากมันก็มี แต่ก็ไม่อยากปล่อยตัวไปมีเซ็กซ์กับคนมากหน้าหลายตาจนเสียผู้เสียคน เจนใช้ชีวิตแบบนักศึกษาทั่วไปจนขึ้นปีสามจึงมีเหตุการณ์สยิวๆเข้ามาอีกครั้ง

เรื่องมันมีอยู่ว่าหลายคณะในมหาวิทยาลัยที่เจนเรียนจะมีกิจกรรมช่วยเหลือสังคมที่เรียกกันว่า "ค่ายสร้าง" กิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้มีโอกาสออกไปช่วยสังคมชนบทเป็นระยะเวลาราวสัปดาห์นึงเพื่อไปสร้างหรือปรับปรุงพื้นที่ชุมชนยากไร้ เช่น วัด โรงเรียน หรือสถานอนามัย  รวมถึงไปลองสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านด้วย ช่วงปีสามนี้เองที่เจนสมัครกิจกรรมค่ายสร้างค่ายอาสาตามเพื่อนๆในกลุ่มเพราะมันดูเป็นอะไรที่น่าสนใจดี อย่างน้อยก็ได้เปลี่ยนที่สังสรรค์กันด้วย

จังหวัดที่ปีนี้จัดอยู่แถวภาคเหนือตอนล่าง โดยทางค่ายวางแผนที่จะไปช่วยปรับปรุงโรงเรียนเล็กๆที่ห่างไกล ค่ายนี้มีคนสมัครไปกันราว 15-20 คน เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าด้วยรถทัวร์และกว่าจะไปถึงก็บ่ายแก่ๆแล้ว โรงเรียนที่ว่ามีอาคารปูนชั้นเดียวใช้เป็นอาคารเรียนและอาคารไม้เล็กๆหนึ่งหลังใช้เป็นโรงอาหาร ส่วนสถานที่ตั้งต้องบอกว่าไกลความเจริญมากสัญญาณมือถือยังแทบไม่มีเลย ช่วงที่ไปเป็นช่วงปิดเทอมของเด็กๆยิ่งทำให้บรรยากาศมันเงียบสงบและแอบวังเวง

ครูใหญ่ซึ่งเป็นผู้หญิงอายุใกล้เกษียณแล้วให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี

"โรงเรียนของเรามีครูไม่กี่คน ช่วงปิดเทอมแบบนี้มีครูเวรแค่คนเดียวแต่ช่วงนี้แกก็ดันไม่สบายโรงเรียนเลยว่าง จะเหลือก็แต่ลุงย้อยที่จะเป็นคนช่วยดูแลพวกหนูๆ" เธอผายมือไปที่ผู้ชายร่างผอม ผิวสีดำคล้ำหยาบกร้าน ผมสั้น อายุราวๆ 60 ลุงย้อยเป็นนักการภารโรงของโรงเรียนเล็กๆแห่งนี้

"สวัสดีครับ ถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือเรียกผมได้ตลอดนะครับ" ลุงย้อยยิ้มกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง

เราแบ่งงานกันว่าผู้หญิงส่วนหนึ่งจะเป็นคนครัวทำอาหาร ส่วนหนึ่งทาสีอาคาร ส่วนพวกผู้ชายให้ไปใช้แรงงานปรับปรุงส่วนต่างๆของโรงเรียน เจนรับหน้าที่ทาสีเพราะไม่อยากตื่นเช้ากว่าคนอื่นเพื่อมาเตรียมอาหาร สำหรับวันแรกเราไม่ได้ทำอะไรนอกจากเก็บสัมภาระที่ขนมา กินข้าว และเตรียมเข้านอน เรานอนกันในอาคารเรียนที่ว่าแต่แยกห้องนอนระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย

กิจกรรมใน 3-4 วันแรกดำเนินไปตามแผน ตื่น ทำงาน พักกินข้าว สังสรรค์เล็กๆน้อยๆ เข้านอน เจนก็พึ่งค้นพบว่าการทาสีอาคารมันก็ไม่ง่ายเหมือนกันเพราะบางจุดที่สูงๆมันต้องขึ้นบันไดเหล็กเพื่อให้เอื้อมถึง ทำอย่างนั้นทั้งวันก็ปวดตัวไม่น้อยเหมือนกัน ระหว่างที่เราทำกิจกรรมลุงย้อยก็เดินวนช่วยงานแต่ล่ะจุดตามแต่จำเป็น แกเป็นคนอัธยาศัยดีชวนคุยเก่งสนุกสนานแต่พักหลังๆเจนแอบรู้สึกว่าแกมาช่วยงานตรงเจนบ่อยและนานเหลือเกิน ถึงเจนไม่ได้อยู่คนเดียวเพราะแต่ล่ะจุดที่ทำงานจะมีเพื่อนผู้หญิงช่วยอยู่ 1-2 คน แต่เจนก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าลุงย้อยแกมาด้อมๆมองๆ เจนมากกว่าปกติ

เจนไม่ได้แต่งตัวเซ็กซี่อะไรเพราะมาค่ายอาสาที่อากาศร้อนแบบนี้ไม่มีชุดอะไรดีไปกว่าเสื้อยืดกางเกงขาสั้นอีกแล้ว มีอยู่ครั้งนึงแกมาช่วยทาสีนอกอาคารเรียนตรงมุมตึก ระหว่างผสมสี เจนก็ก้มลงช่วยเทช่วยกวนอย่างตั้งใจจนลืมไปว่าเสื้อยืดสีขาวคอกว้างที่ใส่มันห้อยลงตามการโน้มตัวทำให้เกิดช่องมองลอดเข้ามาเห็นเนินนมคัพบีขาวนุ่มนิ่มชุ่มเหงื่อที่เบียดเสียดกันตามจังหวะการกวนสี พักใหญ่ๆเจนถึงสังเกตุเห็นว่าลุงย้อยหยุดมือลงและเงียบไป พอเงยหน้าขึ้นมองแกก็เหมือนสะดุ้งจากอาการเหม่อ

"อุ้ย!" เจนรีบตั้งตัวขึ้นแล้วจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ลุงย้อยก้มหน้าก้มตาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเริ่มกวนสีต่อ แต่สิ่งที่ซ่อนกันไม่ได้คือเป้าของแกที่ตอนนี้มันตุงนูนดันกางเกงพละออกมาอย่างเห็นได้ชัด เจนกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ด้วยความวาบหวิว ไอ้ความต้องการเจ้าปัญหาที่ว่ามันกลับเข้ามาทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดอะไรเลย ในหัวนึกสนุก อิอิ ลองแกล้งยั่วคนแก่ดูซักหน่อยดีกว่าเรา

เจนรอจังหวะที่เพื่อนไปเข้าห้องน้ำ ทำให้อยู่กับลุงย้อยสองต่อสอง

"ลุงคะ หนูว่าจะปีนบันไดขึ้นไปทาสีข้างบนแต่พื้นตรงนี้มันไม่เรียบเลยกลัวบันไดจะล้ม ลุงช่วยจับไว้ให้หน่อยได้ไหมคะ"

"ได้สิครับ ได้สิ ได้สิ หนูปีนขึ้นไประวังด้วยนะ" นักการเฒ่าตาเป็นประกายรีบเข้ามาประคองข้างๆบันไดอย่างรวดเร็ว

เจนปีนขึ้นบันไดไปทำให้ขาอ่อนขาวๆอยู่ห่างจากหน้าตาย้อยไม่ถึงคืบ ตอนเอี้ยวตัวไปทาสีทางขวาเจนก็หันก้นงอนให้แกชมพอให้สนุกๆเล่น แต่มีจังหวะนึงสีดันหยดจากพู่กันลงบนขาอ่อนแหมะใหญ่ๆ

"โอย เปื้อนเลยอะลุง"

"ไหนๆ ลุงเช็ดให้" ว่าแล้วลุงย้อยก็เอามือแกลูบปาดออก โดยไม่ถามกันซักคำ มือสากกระด้างลูบเนื้อนวลเนียน "อุ้ย" เจนถึงกับอุทานเบาๆ เพราะรู้สึกสยิวขึ้นวูบหนึ่ง

จังหวะนั้นได้ยินเสียงเจี้ยวจ้าวของเพื่อนที่เดินกลับมาพอดีเจนเลยปีนบันไดลงมาและหยุดเกมยั่วคนแก่ไว้แค่นั้น แต่ก็แอบเจ็บใจว่าลุงนี่ก็ร้ายไม่เบานะเนี่ยแอบแต๊ะอั๋งขาอ่อนเราด้วย

เวลาล่วงเลยผ่านไปเข้าสู่วันที่หก วันพรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับกรุงเทพกันแล้ว งานส่วนใหญ่ที่ตั้งใจมาทำก็เสร็จเรียบร้อย วันนี้เราตั้งใจกันว่าจะดื่มฉลองผลงานกันให้หนำใจ เหล้าเบียร์ขนมาจากกรุงเทพเพียบอยู่แล้ว เราเริ่มสังสรรค์กันในศาลาเล็กๆ หน้าโรงเรียนตั้งแต่ช่วงสี่ห้าโมงเย็น ลุงย้อยก็มาแจมด้วยแต่แกมีเหล้าพิเศษของแกคือเหล้าขาวต้มเองซึ่งกลิ่นแรงมาก

บทสนทนาในวงเหล้าทำให้รู้ว่าสมัยหนุ่มๆลุงย้อยแกเคยใช้แรงงานอยู่จังหวัดใหญ่ทางภาคอีสานพอลูกโต เมียเสีย แกก็ย้ายกลับบ้านมาเป็นนักการอยู่ที่นี่

เวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืน เพื่อนผู้ชายเมาแอ๋กันแล้ว แต่ลุงย้อยยังดูสติดี แกคงคอเข็งมากเพราะกินเหล้าแทบทุกวัน ส่วนเจนที่ดื่มไปพอสมควรก็ขอตัวเหมือนกันเพราะตั้งแต่เสร็จงานเมื่อบ่ายยังไม่ได้อาบน้ำเลยทำให้ทั้งหัวทั้งตัวเริ่มจะเหม็น ยิ่งอากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ยิ่งทำให้ไม่สบายตัวจนทนไม่ไหว

เจนลาทุกคนแล้วเตรียมไปอาบน้ำเข้านอน พอถึงห้องก็เห็นว่าเพื่อนผู้หญิงหลับกันหมดแล้ว เจนจัดแจงเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำล้างหน้าอยู่สักพักใหญ่ๆ แล้วก็เดินออกไปห้องน้ำ มองไปไกลๆ ที่ศาลาก็มืดลงแล้วแสดงว่าพวกผู้ชายก็เลิกกินเหล้ากันแล้วเหมือนกัน

ห้องน้ำเป็นห้องเล็กๆ มีอ่างปูนใส่น้ำให้ตักอาบ แต่พอจะอาบก็ต้องเซ็งเพราะน้ำมันแห้งคอดไปถึงก้นอ่างแล้ว นึกในใจคนอาบคนสุดท้ายนี่มันแย่จริงๆ ไม่เปิดน้ำใส่ไว้ให้เลย เจนต้องเปิดน้ำก๊อกใส่ขันทีละขันละขันเพื่ออาบด้วยความลำบาก แต่ก็เอาเถอะดีกว่านอนตัวเหม็นๆ

ขณะกำลังสระผมด้วยความสบายใจ อยู่ดีๆก็มีสิ่งที่ทำให้ต้องตกใจจนแทบกรี๊ด ไฟดับ! มือถือก็ไม่ได้หยิบมา ห้องน้ำเล็กๆมืดสนิท เจนคลำหาของมั่วไปหมดสุดท้ายได้แค่เช็ดตัวลวกๆแล้วก็รีบใส่เสื้อผ้าออกมาด้วยความกลัว ฟองสบู่ยังเต็มหัวอยู่เลย พอออกมามองไปพื้นที่รอบๆโรงเรียนมันมืดไปหมดมีเพียงดาวประปรายช่วยส่องแสงให้เห็นรำไรๆ

"ซวยละชั้น" เจนคิดในใจ

ในขณะที่กำลังยืนงงว่าจะทำยังไงต่อกับชีวิตดีก็มีแสงไฟส่องวูบๆวาบๆ มาจากอีกด้านของอาคาร นั่นใครกันนะ เจนเพ่งลุงมองสองมือยังหอบของพะรุงพะรัง แสงไฟใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

"โถ่ หนูเจนนี่เอง ลุงนึกว่าเห็นผีซะแล้ว" ลุงย้อยที่เดินตรวจความเรียบร้อยของโรงเรียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เจนก็เข้าใจแกนะส่องไฟเห็นผู้หญิงชุดขาวผมยาวเปียกปอนเหมือนคนบ้าตอนกลางคืนนี่มันน่าจะหลอนเอาเรื่อง

"โอยย ผีเผอที่ไหนล่ะคะลุง นี่อาบน้ำอยู่ดีๆไฟก็ดับเนี่ย"

"ฮ่าๆ ในป่าเขาก็เป็นแบบนี้แหละเลยหนูเอ้ย สายไฟมันไม่ค่อยดี บางทีกิ่งไม้หล่นใส่มันก็ดับ" ภารโรงแก่หัวเราะชอบใจคงเพราะสภาพของเจนตอนนี้ด้วย

 "ลุงให้เจนยืมไฟฉายก่อนได้มั้ย นี่ฟองสบู่ยังเต็มหัวอยู่เลย" เจนขออย่างร้อนใจ

"อ่าวได้สิจ้ะ เดี๋ยวลุงยืนรอข้างนอกนะ"

เจนเอาไฟฉายกลับเข้าไปในห้องน้ำ แต่ก็พบว่าน้ำก๊อกมันไหลออกมาเอื่อยมาก ทำให้ต้องเปิดประตูออกมาถามลุงย้อยอีกครั้ง

"ลุงคะทำไมน้ำมันแทบไม่ไหลเลยอ่ะ"

ลุงย้อยเดินเข้าไปเช็กดู "โอ้ยแย่แล้ว ปั๊มมันดับไงหนู น้ำมันเลยค่อยไม่ออก"

แย่แล้วถ้าน้ำไหลแค่นี้อาบเป็นช่วงโมงคงจะไม่เสร็จ

"ทำไงดีอะลุง มีห้องไหนที่น้ำจะแรงๆไหมอะคะ"

"โรงเรียนนี้ก็มีแค่สองห้องในอาคารนี้ที่อาบได้นะหนู เดี๋ยวลองไปดูตรงห้องน้ำชายอีกฝั่งกันว่ามีน้ำเหลือมั้ย"

เจนเดินตามลุงไปที่ห้องน้ำชายก็ต้องผิดหวังเพราะน้ำในอ่างก็แทบไม่เหลือส่วนก๊อกก็ไหลเอื่อยมากเช่นกัน
 
โอยยย ทำยังไงดีล่ะทีนี้ จะนอนก็นอนไม่ได้จะนั่งรอให้ไฟมาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร

"เอางี้ไปอาบที่บ้านลุงมั้ยล่ะ" ลุงย้อยเสนอขึ้นมาโต้งๆ

"ห๊ะ อาบบ้านลุงหรอ บ้านลุงอยู่ที่ไหนเนี่ย" เจนแอบตกใจกับคำถามแกเล็กน้อย

"อ๋อ บ้านลุงอยู่ข้างหลังโรงเรียนนี่เองเดินไปแป๊ปเดียวก็ถึง"

เจนชั่งใจอยู่ครู่นึง เอาวะ สถานการณ์มันบีบบังคับ ไปก็ไป ลุงแกก็ดูไม่มีผิดมีภัยอะไร

เราเดินเลาะไปด้านหลังอาคาร ผ่านทางดินข้างแปลงผักของโรงเรียนไปจนสุดทางก็เห็นเค้าร่างของกระต๊อบไม้เล็กๆ

"ถึงแล้วจ้ะหนู"

เจนเดินตามลุงย้อยเข้าไปข้างใน สภาพห้องรกข้าวของวางระเกะระกะ มุ้งโยงกินที่ไปเกือบครึ่งห้อง ลุงแกจุดตะเกียงขึ้นมายื่นให้ จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่ใช้ตะเกียงเลย แต่ว่า...

"ห้องน้ำอยู่ตรงไหนคะเนี่ย" เจนถามงงๆ เพราะในกระต๊อบมันมีแค่ประตูเดียวที่เดินผ่านเข้ามานั่นแหละ

"นั่นไงหนู"

เจนมองตามนิ้วที่แกชี้ไปนอกบ้าน โอ้มายก็อด มันเป็นเพิงสังกะสีสี่ด้านเล็กๆที่สร้างขึ้นมาลวกๆ พอเปิดประตูเข้าไปสำรวจข้างในมีโอ่งน้ำดินเผาใบใหญ่กับส้วมซึม ส่วนผนังสังกะสีมันมีช่องโหว่ว่างตามขอบที่บิ่นเผยอ แค่นั้นไม่พอ ประตูมันยังไม่มีที่ล็อกด้วยซ้ำ

แต่เป็นไงเป็นกันมาถึงขนาดนี้แล้ว ลุงแกก็นั่งอยู่ในบ้านที่ห่างออกไปราวสิบกว่าเมตรคงไม่มาแอบดูหรอก เจนจัดแจงเอาตะเกียงวางพื้นให้พอมีแสงไม่สว่างไม่มากไป แล้วเอาเสื้อผ้าผ้าขนหนูแขวนบนตะปูทีตอกไว้ เจนถอดเสื้อผ้าออก ไฟสลัวๆเน้นให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้าของร่างบางๆ
การที่ต้องมาแก้ผ้าอาบน้ำในที่ซอมซ่อแบบนี้มันก็เป็นเรื่องที่แปลกๆ เสียวๆ เหมือนกัน

เจนตักน้ำเย็นๆในตุ่มราดล้างตัวล้างผม อูย หนาวเหมือนกันนะเนี่ย คิดไปพลางมือก็ลูบไล้ไปตามเรือนร่างสมส่วน อาบๆไปก็เสียวๆไปเพราะบรรยากาศมันชวนสยิวจริงๆ อยู่ๆหัวก็คิดย้อนไปถึงท่อนเอ็นของลุงย้อยที่ดันเป้าจนตุง มือข้างนึงมันก็ลูบลงไปนวดเขี่ยของตัวเองเล่นโดยไม่รู้ตัว ส่วนอีกข้างก็บีบเล่นนมตัวเองเบาๆ อูยย ทำไมถึงอยากอย่างนี้นะ

เจนไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของตัวเองตอนนี้กำลังถูกจับจ้องอย่างหื่นกระหายจากสายตาคู่นึงที่แอบมองลอดช่องพนังสังกะสีบิ่นๆเข้ามา สาวสวยวัย 20 ที่กำลังเปลือยกายลูบคลำตัวเองอยู่คงเป็นภาพที่ทำให้ภารโรงวัยดึกเงี่ยนจนแทบคลั่ง
::Dizzy::

milllove9

อ้างจาก: JJM เมื่อ สิงหาคม 08, 2022, 10:36:12 ก่อนเที่ยงความเดิมตอนที่แล้ว: //two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=261002.0

สวัสดีค่ะพี่ๆทุกคน ขอบคุณทุกคอมเมนท์และคะแนนที่กดให้นะคะ เป็นกำลังให้เขียนต่อได้มากจริงๆค่ะ:)
---

หลังจากประสบการณ์ในคืนสุดเสียวกับพี่แท็กซี่รุ่นใหญ่จบไป ช่วงมหาลัยปีสองของเจนที่เหลือก็ถือว่าไม่ได้มีเหตุการณ์เสียวอะไรให้หน้าตื่นเต้นอีก เจนแอบยั่วคนนั้นคนนี้บ้างแต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ต้องยอมรับว่าความอยากมันก็มี แต่ก็ไม่อยากปล่อยตัวไปมีเซ็กซ์กับคนมากหน้าหลายตาจนเสียผู้เสียคน เจนใช้ชีวิตแบบนักศึกษาทั่วไปจนขึ้นปีสามจึงมีเหตุการณ์สยิวๆเข้ามาอีกครั้ง

เรื่องมันมีอยู่ว่าหลายคณะในมหาวิทยาลัยที่เจนเรียนจะมีกิจกรรมช่วยเหลือสังคมที่เรียกกันว่า "ค่ายสร้าง" กิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้มีโอกาสออกไปช่วยสังคมชนบทเป็นระยะเวลาราวสัปดาห์นึงเพื่อไปสร้างหรือปรับปรุงพื้นที่ชุมชนยากไร้ เช่น วัด โรงเรียน หรือสถานอนามัย  รวมถึงไปลองสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านด้วย ช่วงปีสามนี้เองที่เจนสมัครกิจกรรมค่ายสร้างค่ายอาสาตามเพื่อนๆในกลุ่มเพราะมันดูเป็นอะไรที่น่าสนใจดี อย่างน้อยก็ได้เปลี่ยนที่สังสรรค์กันด้วย

จังหวัดที่ปีนี้จัดอยู่แถวภาคเหนือตอนล่าง โดยทางค่ายวางแผนที่จะไปช่วยปรับปรุงโรงเรียนเล็กๆที่ห่างไกล ค่ายนี้มีคนสมัครไปกันราว 15-20 คน เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าด้วยรถทัวร์และกว่าจะไปถึงก็บ่ายแก่ๆแล้ว โรงเรียนที่ว่ามีอาคารปูนชั้นเดียวใช้เป็นอาคารเรียนและอาคารไม้เล็กๆหนึ่งหลังใช้เป็นโรงอาหาร ส่วนสถานที่ตั้งต้องบอกว่าไกลความเจริญมากสัญญาณมือถือยังแทบไม่มีเลย ช่วงที่ไปเป็นช่วงปิดเทอมของเด็กๆยิ่งทำให้บรรยากาศมันเงียบสงบและแอบวังเวง

ครูใหญ่ซึ่งเป็นผู้หญิงอายุใกล้เกษียณแล้วให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี

"โรงเรียนของเรามีครูไม่กี่คน ช่วงปิดเทอมแบบนี้มีครูเวรแค่คนเดียวแต่ช่วงนี้แกก็ดันไม่สบายโรงเรียนเลยว่าง จะเหลือก็แต่ลุงย้อยที่จะเป็นคนช่วยดูแลพวกหนูๆ" เธอผายมือไปที่ผู้ชายร่างผอม ผิวสีดำคล้ำหยาบกร้าน ผมสั้น อายุราวๆ 60 ลุงย้อยเป็นนักการภารโรงของโรงเรียนเล็กๆแห่งนี้

"สวัสดีครับ ถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือเรียกผมได้ตลอดนะครับ" ลุงย้อยยิ้มกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง

เราแบ่งงานกันว่าผู้หญิงส่วนหนึ่งจะเป็นคนครัวทำอาหาร ส่วนหนึ่งทาสีอาคาร ส่วนพวกผู้ชายให้ไปใช้แรงงานปรับปรุงส่วนต่างๆของโรงเรียน เจนรับหน้าที่ทาสีเพราะไม่อยากตื่นเช้ากว่าคนอื่นเพื่อมาเตรียมอาหาร สำหรับวันแรกเราไม่ได้ทำอะไรนอกจากเก็บสัมภาระที่ขนมา กินข้าว และเตรียมเข้านอน เรานอนกันในอาคารเรียนที่ว่าแต่แยกห้องนอนระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย

กิจกรรมใน 3-4 วันแรกดำเนินไปตามแผน ตื่น ทำงาน พักกินข้าว สังสรรค์เล็กๆน้อยๆ เข้านอน เจนก็พึ่งค้นพบว่าการทาสีอาคารมันก็ไม่ง่ายเหมือนกันเพราะบางจุดที่สูงๆมันต้องขึ้นบันไดเหล็กเพื่อให้เอื้อมถึง ทำอย่างนั้นทั้งวันก็ปวดตัวไม่น้อยเหมือนกัน ระหว่างที่เราทำกิจกรรมลุงย้อยก็เดินวนช่วยงานแต่ล่ะจุดตามแต่จำเป็น แกเป็นคนอัธยาศัยดีชวนคุยเก่งสนุกสนานแต่พักหลังๆเจนแอบรู้สึกว่าแกมาช่วยงานตรงเจนบ่อยและนานเหลือเกิน ถึงเจนไม่ได้อยู่คนเดียวเพราะแต่ล่ะจุดที่ทำงานจะมีเพื่อนผู้หญิงช่วยอยู่ 1-2 คน แต่เจนก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าลุงย้อยแกมาด้อมๆมองๆ เจนมากกว่าปกติ

เจนไม่ได้แต่งตัวเซ็กซี่อะไรเพราะมาค่ายอาสาที่อากาศร้อนแบบนี้ไม่มีชุดอะไรดีไปกว่าเสื้อยืดกางเกงขาสั้นอีกแล้ว มีอยู่ครั้งนึงแกมาช่วยทาสีนอกอาคารเรียนตรงมุมตึก ระหว่างผสมสี เจนก็ก้มลงช่วยเทช่วยกวนอย่างตั้งใจจนลืมไปว่าเสื้อยืดสีขาวคอกว้างที่ใส่มันห้อยลงตามการโน้มตัวทำให้เกิดช่องมองลอดเข้ามาเห็นเนินนมคัพบีขาวนุ่มนิ่มชุ่มเหงื่อที่เบียดเสียดกันตามจังหวะการกวนสี พักใหญ่ๆเจนถึงสังเกตุเห็นว่าลุงย้อยหยุดมือลงและเงียบไป พอเงยหน้าขึ้นมองแกก็เหมือนสะดุ้งจากอาการเหม่อ

"อุ้ย!" เจนรีบตั้งตัวขึ้นแล้วจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ลุงย้อยก้มหน้าก้มตาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเริ่มกวนสีต่อ แต่สิ่งที่ซ่อนกันไม่ได้คือเป้าของแกที่ตอนนี้มันตุงนูนดันกางเกงพละออกมาอย่างเห็นได้ชัด เจนกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ด้วยความวาบหวิว ไอ้ความต้องการเจ้าปัญหาที่ว่ามันกลับเข้ามาทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดอะไรเลย ในหัวนึกสนุก อิอิ ลองแกล้งยั่วคนแก่ดูซักหน่อยดีกว่าเรา

เจนรอจังหวะที่เพื่อนไปเข้าห้องน้ำ ทำให้อยู่กับลุงย้อยสองต่อสอง

"ลุงคะ หนูว่าจะปีนบันไดขึ้นไปทาสีข้างบนแต่พื้นตรงนี้มันไม่เรียบเลยกลัวบันไดจะล้ม ลุงช่วยจับไว้ให้หน่อยได้ไหมคะ"

"ได้สิครับ ได้สิ ได้สิ หนูปีนขึ้นไประวังด้วยนะ" นักการเฒ่าตาเป็นประกายรีบเข้ามาประคองข้างๆบันไดอย่างรวดเร็ว

เจนปีนขึ้นบันไดไปทำให้ขาอ่อนขาวๆอยู่ห่างจากหน้าตาย้อยไม่ถึงคืบ ตอนเอี้ยวตัวไปทาสีทางขวาเจนก็หันก้นงอนให้แกชมพอให้สนุกๆเล่น แต่มีจังหวะนึงสีดันหยดจากพู่กันลงบนขาอ่อนแหมะใหญ่ๆ

"โอย เปื้อนเลยอะลุง"

"ไหนๆ ลุงเช็ดให้" ว่าแล้วลุงย้อยก็เอามือแกลูบปาดออก โดยไม่ถามกันซักคำ มือสากกระด้างลูบเนื้อนวลเนียน "อุ้ย" เจนถึงกับอุทานเบาๆ เพราะรู้สึกสยิวขึ้นวูบหนึ่ง

จังหวะนั้นได้ยินเสียงเจี้ยวจ้าวของเพื่อนที่เดินกลับมาพอดีเจนเลยปีนบันไดลงมาและหยุดเกมยั่วคนแก่ไว้แค่นั้น แต่ก็แอบเจ็บใจว่าลุงนี่ก็ร้ายไม่เบานะเนี่ยแอบแต๊ะอั๋งขาอ่อนเราด้วย

เวลาล่วงเลยผ่านไปเข้าสู่วันที่หก วันพรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับกรุงเทพกันแล้ว งานส่วนใหญ่ที่ตั้งใจมาทำก็เสร็จเรียบร้อย วันนี้เราตั้งใจกันว่าจะดื่มฉลองผลงานกันให้หนำใจ เหล้าเบียร์ขนมาจากกรุงเทพเพียบอยู่แล้ว เราเริ่มสังสรรค์กันในศาลาเล็กๆ หน้าโรงเรียนตั้งแต่ช่วงสี่ห้าโมงเย็น ลุงย้อยก็มาแจมด้วยแต่แกมีเหล้าพิเศษของแกคือเหล้าขาวต้มเองซึ่งกลิ่นแรงมาก

บทสนทนาในวงเหล้าทำให้รู้ว่าสมัยหนุ่มๆลุงย้อยแกเคยใช้แรงงานอยู่จังหวัดใหญ่ทางภาคอีสานพอลูกโต เมียเสีย แกก็ย้ายกลับบ้านมาเป็นนักการอยู่ที่นี่

เวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืน เพื่อนผู้ชายเมาแอ๋กันแล้ว แต่ลุงย้อยยังดูสติดี แกคงคอเข็งมากเพราะกินเหล้าแทบทุกวัน ส่วนเจนที่ดื่มไปพอสมควรก็ขอตัวเหมือนกันเพราะตั้งแต่เสร็จงานเมื่อบ่ายยังไม่ได้อาบน้ำเลยทำให้ทั้งหัวทั้งตัวเริ่มจะเหม็น ยิ่งอากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ยิ่งทำให้ไม่สบายตัวจนทนไม่ไหว

เจนลาทุกคนแล้วเตรียมไปอาบน้ำเข้านอน พอถึงห้องก็เห็นว่าเพื่อนผู้หญิงหลับกันหมดแล้ว เจนจัดแจงเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำล้างหน้าอยู่สักพักใหญ่ๆ แล้วก็เดินออกไปห้องน้ำ มองไปไกลๆ ที่ศาลาก็มืดลงแล้วแสดงว่าพวกผู้ชายก็เลิกกินเหล้ากันแล้วเหมือนกัน

ห้องน้ำเป็นห้องเล็กๆ มีอ่างปูนใส่น้ำให้ตักอาบ แต่พอจะอาบก็ต้องเซ็งเพราะน้ำมันแห้งคอดไปถึงก้นอ่างแล้ว นึกในใจคนอาบคนสุดท้ายนี่มันแย่จริงๆ ไม่เปิดน้ำใส่ไว้ให้เลย เจนต้องเปิดน้ำก๊อกใส่ขันทีละขันละขันเพื่ออาบด้วยความลำบาก แต่ก็เอาเถอะดีกว่านอนตัวเหม็นๆ

ขณะกำลังสระผมด้วยความสบายใจ อยู่ดีๆก็มีสิ่งที่ทำให้ต้องตกใจจนแทบกรี๊ด ไฟดับ! มือถือก็ไม่ได้หยิบมา ห้องน้ำเล็กๆมืดสนิท เจนคลำหาของมั่วไปหมดสุดท้ายได้แค่เช็ดตัวลวกๆแล้วก็รีบใส่เสื้อผ้าออกมาด้วยความกลัว ฟองสบู่ยังเต็มหัวอยู่เลย พอออกมามองไปพื้นที่รอบๆโรงเรียนมันมืดไปหมดมีเพียงดาวประปรายช่วยส่องแสงให้เห็นรำไรๆ

"ซวยละชั้น" เจนคิดในใจ

ในขณะที่กำลังยืนงงว่าจะทำยังไงต่อกับชีวิตดีก็มีแสงไฟส่องวูบๆวาบๆ มาจากอีกด้านของอาคาร นั่นใครกันนะ เจนเพ่งลุงมองสองมือยังหอบของพะรุงพะรัง แสงไฟใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

"โถ่ หนูเจนนี่เอง ลุงนึกว่าเห็นผีซะแล้ว" ลุงย้อยที่เดินตรวจความเรียบร้อยของโรงเรียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เจนก็เข้าใจแกนะส่องไฟเห็นผู้หญิงชุดขาวผมยาวเปียกปอนเหมือนคนบ้าตอนกลางคืนนี่มันน่าจะหลอนเอาเรื่อง

"โอยย ผีเผอที่ไหนล่ะคะลุง นี่อาบน้ำอยู่ดีๆไฟก็ดับเนี่ย"

"ฮ่าๆ ในป่าเขาก็เป็นแบบนี้แหละเลยหนูเอ้ย สายไฟมันไม่ค่อยดี บางทีกิ่งไม้หล่นใส่มันก็ดับ" ภารโรงแก่หัวเราะชอบใจคงเพราะสภาพของเจนตอนนี้ด้วย

 "ลุงให้เจนยืมไฟฉายก่อนได้มั้ย นี่ฟองสบู่ยังเต็มหัวอยู่เลย" เจนขออย่างร้อนใจ

"อ่าวได้สิจ้ะ เดี๋ยวลุงยืนรอข้างนอกนะ"

เจนเอาไฟฉายกลับเข้าไปในห้องน้ำ แต่ก็พบว่าน้ำก๊อกมันไหลออกมาเอื่อยมาก ทำให้ต้องเปิดประตูออกมาถามลุงย้อยอีกครั้ง

"ลุงคะทำไมน้ำมันแทบไม่ไหลเลยอ่ะ"

ลุงย้อยเดินเข้าไปเช็กดู "โอ้ยแย่แล้ว ปั๊มมันดับไงหนู น้ำมันเลยค่อยไม่ออก"

แย่แล้วถ้าน้ำไหลแค่นี้อาบเป็นช่วงโมงคงจะไม่เสร็จ

"ทำไงดีอะลุง มีห้องไหนที่น้ำจะแรงๆไหมอะคะ"

"โรงเรียนนี้ก็มีแค่สองห้องในอาคารนี้ที่อาบได้นะหนู เดี๋ยวลองไปดูตรงห้องน้ำชายอีกฝั่งกันว่ามีน้ำเหลือมั้ย"

เจนเดินตามลุงไปที่ห้องน้ำชายก็ต้องผิดหวังเพราะน้ำในอ่างก็แทบไม่เหลือส่วนก๊อกก็ไหลเอื่อยมากเช่นกัน
 
โอยยย ทำยังไงดีล่ะทีนี้ จะนอนก็นอนไม่ได้จะนั่งรอให้ไฟมาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร

"เอางี้ไปอาบที่บ้านลุงมั้ยล่ะ" ลุงย้อยเสนอขึ้นมาโต้งๆ

"ห๊ะ อาบบ้านลุงหรอ บ้านลุงอยู่ที่ไหนเนี่ย" เจนแอบตกใจกับคำถามแกเล็กน้อย

"อ๋อ บ้านลุงอยู่ข้างหลังโรงเรียนนี่เองเดินไปแป๊ปเดียวก็ถึง"

เจนชั่งใจอยู่ครู่นึง เอาวะ สถานการณ์มันบีบบังคับ ไปก็ไป ลุงแกก็ดูไม่มีผิดมีภัยอะไร

เราเดินเลาะไปด้านหลังอาคาร ผ่านทางดินข้างแปลงผักของโรงเรียนไปจนสุดทางก็เห็นเค้าร่างของกระต๊อบไม้เล็กๆ

"ถึงแล้วจ้ะหนู"

เจนเดินตามลุงย้อยเข้าไปข้างใน สภาพห้องรกข้าวของวางระเกะระกะ มุ้งโยงกินที่ไปเกือบครึ่งห้อง ลุงแกจุดตะเกียงขึ้นมายื่นให้ จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่ใช้ตะเกียงเลย แต่ว่า...

"ห้องน้ำอยู่ตรงไหนคะเนี่ย" เจนถามงงๆ เพราะในกระต๊อบมันมีแค่ประตูเดียวที่เดินผ่านเข้ามานั่นแหละ

"นั่นไงหนู"

เจนมองตามนิ้วที่แกชี้ไปนอกบ้าน โอ้มายก็อด มันเป็นเพิงสังกะสีสี่ด้านเล็กๆที่สร้างขึ้นมาลวกๆ พอเปิดประตูเข้าไปสำรวจข้างในมีโอ่งน้ำดินเผาใบใหญ่กับส้วมซึม ส่วนผนังสังกะสีมันมีช่องโหว่ว่างตามขอบที่บิ่นเผยอ แค่นั้นไม่พอ ประตูมันยังไม่มีที่ล็อกด้วยซ้ำ

แต่เป็นไงเป็นกันมาถึงขนาดนี้แล้ว ลุงแกก็นั่งอยู่ในบ้านที่ห่างออกไปราวสิบกว่าเมตรคงไม่มาแอบดูหรอก เจนจัดแจงเอาตะเกียงวางพื้นให้พอมีแสงไม่สว่างไม่มากไป แล้วเอาเสื้อผ้าผ้าขนหนูแขวนบนตะปูทีตอกไว้ เจนถอดเสื้อผ้าออก ไฟสลัวๆเน้นให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้าของร่างบางๆ
การที่ต้องมาแก้ผ้าอาบน้ำในที่ซอมซ่อแบบนี้มันก็เป็นเรื่องที่แปลกๆ เสียวๆ เหมือนกัน

เจนตักน้ำเย็นๆในตุ่มราดล้างตัวล้างผม อูย หนาวเหมือนกันนะเนี่ย คิดไปพลางมือก็ลูบไล้ไปตามเรือนร่างสมส่วน อาบๆไปก็เสียวๆไปเพราะบรรยากาศมันชวนสยิวจริงๆ อยู่ๆหัวก็คิดย้อนไปถึงท่อนเอ็นของลุงย้อยที่ดันเป้าจนตุง มือข้างนึงมันก็ลูบลงไปนวดเขี่ยของตัวเองเล่นโดยไม่รู้ตัว ส่วนอีกข้างก็บีบเล่นนมตัวเองเบาๆ อูยย ทำไมถึงอยากอย่างนี้นะ

เจนไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของตัวเองตอนนี้กำลังถูกจับจ้องอย่างหื่นกระหายจากสายตาคู่นึงที่แอบมองลอดช่องพนังสังกะสีบิ่นๆเข้ามา สาวสวยวัย 20 ที่กำลังเปลือยกายลูบคลำตัวเองอยู่คงเป็นภาพที่ทำให้ภารโรงวัยดึกเงี่ยนจนแทบคลั่ง
::DookDig::




Pepe Indy




caravala


catza


Santika111



eden2313