ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

หมอชันสูตรกับวิญญาณ(ไฮโซสาว) 15

เริ่มโดย twintower, มกราคม 26, 2023, 10:49:45 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

วันรุ่งขึ้นหมอกริชได้สั่งให้ลูกน้องคนสนิทที่เป็นมือปืน พาไปยังจุดที่เงาดำลึกลับนั้นบอก พอไปถึงบริเวณตรงที่เงาดำนั้นบอกไว้ ทำให้หมอกริชมั่นใจว่าตัวเองนั้นไม่ได้ฝันไปจริงๆ เพราะตรงจุดที่มันยืนอยู่ตรงนี้มีดงไม้ที่รกทึบดูน่ากลัวอยู่ห่างจากถนนลูกรังที่เป็นทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้านประมาณ 20 เมตร  ลูกน้องหมอกริชนั้นชำนาญในเส้นทางเป็นอย่างดีเพราะเคยเอาศพมาเผาบริเวณไม่ห่างจากนี้มากนัก หมอกริชมองไปรอบๆก่อนจะหันมาบอกลูกน้อง

"มึงเอารถไปจอดรอกูข้างนอกที่ถนนใหญ่สัก 2 ชั่วโมง แล้วค่อยมารับกูตรงนี้ ถ้าเร็วกว่านั้นกูจะโทรไปบอกมึง"

"เอ่อ มันดูเปลี่ยวน่ากลัวนะครับนาย ให้ผมรออยู่ตรงนี้จะดีกว่านะครับ"

ลูกน้องหมอกริชพร้อมมองไปรอบๆ อย่างหวั่นๆ ขนาดเป็นเวลากลางวันแสกๆที่ตรงนี้ยังดูน่ากลัว ขนาดมันฆ่าคนมาหลายคนแล้วยังรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก

"คนมีวิชาอย่างกูไม่กลัวอะไร ทำตามที่กูบอก"

หมอกริชบอกลูกน้องอย่างไม่พอใจ ทำให้อีกฝ่ายเดินกลับไปที่รถ เพราะเป็น1ในไม่กี่คนที่รู้ว่าเจ้านายของตนเองนั้นเป็นคนมีวิชา ส่วนหมอกริชนั้นยืนรอจนไม่ได้ยินเสียงรถที่วิ่งกลับออกไป มันกลั้นใจและบริกรรมคาถาบูชาเจ้าที่ ก่อนจะเดินเช้าไปในดงทึบหมอกริชเดินเข้าไปเหมือนรู้ทางแต่จริงๆแล้วเหมือนมีอะไรบางอย่างมาบอกเส้นทางในดวงจิตของมันว่าต้องให้เดินไปทิศทางไหน และพอเดินเข้าไปได้ไม่นานนัก สายตาของมองไปลานกว้างที่โผล่มาตรงหน้า และเห็นศาลเพียงตาที่ตั้งอยู่โดดๆ ทำให้ยิ่งเพิ่มความมั่นใจว่ามันไม่ได้ฝันจริงๆ หมอกริชเดินตรงเข้าไปทันที และเดินสำรวจอยู่รอบๆ ก่อนจะมานั่งขัดสมาธิพร้อมเอามือวางซ้อนกันบนตัก สิ่งที่เข้ามาสัมผัสในดวงจิตมันเหมือนจะเตือนว่ามันตรงทำอะไร  หมอกริชหลับตาแล้วเริ่มบริกรรมคาถาบูชาครูตามที่มันร่ำเรียนมา  หลังบริกรรมไปครบ 7 คาบเสียงที่มันได้ยินเมื่อคืนนั้นดังเข้ามาในดวงจิต

"ในที่สุดเจ้าก็มาตามที่บอก"

"ใช่ข้ามาตามที่ท่านบอก"

หมอกริชตอบเสียงที่ดังเข้ามาในดวงจิต แต่ขณะที่หลับตาในดวงจิตของมันเห็นร่างเงาดำขนาดใหญ่ยืนอยู่หลังศาลเพียงตา

"ฮ่าๆๆๆ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการอะไรไม่อย่างนั้นเจ้าไม่บริกรรมคาถาบูชาครูหรอกใช่ไหมไอ้กริช"

"ใช่ข้ามาเพื่อขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่าน"

เสียงหัวเราะที่แสดงถึงอำนาจนั้นดังก้องในดวงจิตของหมอกริช

"เอาละงั้นเจ้าจะรู้ว่าต้องทำอะไรบ้างตั้งสมาธิให้ดี"

หลังจากเสียงหัวเราะตามมาด้วยเสียงที่สั่งหมอกริช หมอกริชค่อยๆผ่อนลมหายใจจนเวลาผ่านเกือบ 2 ชั่วโมง หมอกริชถึงออกจากสมาธิ มันลืมตาแล้วถอนหายใจแรงๆ  พร้อมรอยยิ้มที่เหมือนกับกับสมหวัง มันเปลี่ยนท่านั่งไปนั่งคุกเข่าแล้วก้มลงกราบไปที่ศาลก่อนจะลุกขึ้นโดยปราศจากอาการเมื่อยหรือเหน็บชา แล้วค่อยเดินกลับออกไปตามทางที่มันเดินเข้ามา พอพ้นดงทึบมันเห็นลูกน้องมันเอารถมาจอดรออยู่แล้ว มันเดินขึ้นไปนั่งข้างคนขับ

"กลับได้ธุระกูเสร็จเรียบร้อยแล้ว"

ลูกน้องมันไม่กล้าถามอะไร ขับรถออกไปตามที่เจ้านายสั่ง แต่หมอกริชตอนนี้ภายในใจตอนนี้กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างมาก สิ่งที่เห็นและได้ยินใจดวงจิตทำให้มันมั่นใจอย่างมาก

"อีผีทั้งสองตัว มึงโดนกูจับเย็ดทำเมียแน่นอน อีลินดาต่อให้มึงมีวิชาขนาดไหนมีสภาพกึ่งเทพกูก็จะเอามาเป็นทาสกูให้ได้แล้วอีกกิ่งกาญจน์ก็ไม่รอดแน่นอน"

มันมั่นใจอย่างมากว่ามันจะทำได้สำเร็จ นี่เพียงแค่มันได้ยินกับเห็นภาพบางส่วนในดวงจิต ว่าจะต้องทำอะไรบ้างในการเพิ่มวิชาอาคมให้กับมัน ถึงมันจะต้องใช้เวลาบ้างและสิ่งที่มันได้รับมาตอนนี้ทำให้มันรู้สึกกระชุ่มกระชวยมากขึ้นกว่าเมื่อวานที่มันรู้สึกว่าตัวมันหมดแรงไปเยอะ นี่แค่เริ่มอาจารย์คนใหม่ของมันยังช่วยมันได้ถึงขนาดนี้และเรื่องการบูชาครูนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรที่เสี่ยงเหมือนกับที่เคยทำให้กับอาจารย์คนเก่าของมัน

พอมันกลับไปถึงบ้านมันสั่งให้ลูกน้องไปซื้อของโดยมันสั่งว่าจะไหว้เจ้าที่ ส่วนมันได้เข้าไปในห้องและเริ่มนั่งสมาธิเพื่อบริกรรมคาถา จนช่วงสายวันต่อมามันได้มาที่ต้นตะเคียนเพื่อทำพิธีบูชาตามที่เงาดำนั้นได้สั่งมันรวมถึงเป็นของเซ่นไหว้ให้กับบรรดาผีที่มันเลี้ยงไว้ด้วย แต่มันบอกกับพวกลูกน้องที่เป็นคนงานในสวนว่าจะไหว้เจ้าที่เพื่อความสบายใจของทุกคนหลังจากที่ต้นตะเคียนโดนฟ้าผ่า ของที่ไหว้บูชานั้นไม่ได้แปลกประหลาดมีเพียงพวกหัวหมู เป็ด ไก่ ผลไม้ เหล้าขาว มันจัดการทำพิธีจนเรียบร้อยมันบอกให้ลูกน้องนำของที่ไหว้ไปกินโดยที่มันซื้อเหล้ามาเพิ่มให้อีก ส่วนมันกลับเข้าไปที่บ้าน หลังจากวันนั้นหมอกริชไม่ได้รับแขกหรือมาพบปะผู้คนเท่าไหร่มันจะใช้เวลาในการบริกรรมคาถาเป็นส่วนใหญ่ จนช่วงดึกในคืนหนึ่งหลังจากที่มันนั่งบริกรรมทำพิธีเสร็จ มันได้ออกจากสมาธิและได้เรียกเพียงวิญญาณของขวัญกับอนงนาฏออกมา ร่างเปลือยของทั้งสองผีสาวได้ปรากฏออกมานั่งอยู่ตรงหน้ามัน หมอกริชได้สั่งให้สองผีสาวเล่นรักกันเองต่อหน้า วิญญาณของทั้งสองที่ตกอยู่ในอำนาจของกริชนั้นทำตามคำสั่งทันที อนงนาฏใช้มือโน้มคอเพียงขวัญให้ลงมาหาร่างของเธอที่ขยับตัวลงไปนอนหงายบนพรมผืนใหญ่ ใบหน้าของเพียงขวัญนั้นก้มลงมาหาใบหน้าของอนงนาฏ ริมฝีปากของทั้งคู่นั้นทาบกันสนิท ต่างฝ่ายต่างมอบรสจูบที่ร้อนแรงให้อีกฝ่าย จนเพียงขวัญเลื่อนหน้าลงมาหาเต้าที่อวบอิ่มของอนงนาฏ เธอใช้มือบีบไปแรงๆที่เต้านมข้างหนึ่งส่วนอีกข้างหัวนมสีคล้ำกำลังถูกเธอดูดดื่ม

เธอดูดสลับไปมาทั้งสองเต้า ก่อนที่อนงนาฏจะดันหัวเพียงขวัญให้ลงไปด้านล่าง เพียงขวัญใช้ปากเม้มไปตามขนหมอยของ อนงนาฏแล้วจูบแรงๆไปที่โคกหีที่ใหญ่ก่อนจะเลื่อนหน้าลงไปที่หน้าขา เพียงขวัญกัดไปเบาๆที่หน้าขาของเพื่อนสาวแล้วไล่จูบลงไปเรื่อยจนถึงเท้า  เธอกระตุ้นความเสียวให้กับอีกฝ่ายด้วยการเอาปากไปอมที่นิ้วเท้า ทำให้อนงนาฏครางออกมาไม่หยุด จนเพียงขวัญเลื่อนหน้าขึ้นมาแล้วหยุดตรงโคกหีของเพื่อนเธอใช้ลิ้นเลียเข้าไปในรูหีทันที ทำให้อีกฝ่ายนั้นผวาแอ่นก้นขึ้นรองรับรับลิ้นของเพียงขวัญ

ฝ่ายหมอกริชนั้นมองด้วยความหื่นกระหายแต่มันยังอดใจที่จะไม่เข้าไปร่วมด้วย ตอนนี้หน้าเพียงขวัญเลื่อนตัวขึ้นมาด้านบนพร้อมเอาหีของเธอประกบกับโคกหีของอนงนาฏ แล้วก้มหน้าลงไปแลกจูบกับเพื่อนสาวอย่างดูดดื่มพร้อมขยับตัวไปมา เหมือนกับอนงนาฎที่เอามือทั้งสองโอบรอบตัวเพื่อนพร้อมขยับตัวรับการสัมผัสจากเพียงขวัญ ผีสาวทั้งคู่ต่างใช้หีสีกันไปมาพร้อมกับเสียงที่ร้องครวญครางที่ประสานกันดังออกมาไม่หยุด

หมอกริชมันนั่งดูผีสาวทั้งคู่บรรเลงรักให้กันอย่างรัญจวนใจ นี่เป็นอีก 1พิธีกรรมเมถุนสังเวยที่มันทำให้กับอาจารย์คนใหม่ของมัน มันดูบทรักของผีสาวทั้งสองจนอารมณ์ของมันลุกโชนเต็มที่ มันจัดการถอดเสื้อผ้าของมันออก แล้วเดินเข้าไปหาร่างของผีสาวทั้งสอง ตอนนี้อนงนาฏนั้นพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบน สองผีสาวต่างขยับตัวเอาหีสีกันไปมาไม่หยุด หมอกริชลงไปนั่งข้างๆแล้วก้มหน้าลงไปจูบที่แผ่นหลังของอนงนาฏ ไปทั่วแล้วไล่ลงมาด้านล่างมันกัดไปแรงที่ก้นอันอวบหนาของผีสาว ทำเอาอนงนาฏร้องครางออกมาดังๆ ก่อนที่มันจะเลื่อนตัวมานอนทาบบนแผ่นหลังของอนงนาฏแล้วดันควยเข้าไปที่รูก้น แล้วเริ่มกระเด้า อย่างช้าๆ

"เสียวไหมวะ"

มันถามไปที่อนงนาฏ

"เสียวคะอาจารย์ แรงกว่านี้ก็ได้คะ"

มันสนองตอบทันทีพร้อมบอกไปที่เพียงขวัญ

"มึงไม่ต้องกลัวอีเพียงขวัญ กูเย็ดตูดเพื่อนมึงเสร็จ มึงนอนรอให้กูเย็ดต่อได้เลย"

หมอกริชบอกพร้อมกระเด้าแรงขึ้น คืนนั้นผีสาวทั้งสองต่างสังเวยกามให้กับมันอย่างเต็มที่จนมันพอใจ มันร่ายเวทย์ให้ทั้งสองกลับไปอยู่ในขวดแก้วที่มันกักวิญญาณของทั้งคู่ไว้ในนั้นและบริกรรมคาถาเพื่อควบคุมวิญญาณของทั้งสองไว้อีกครั้งพร้อมกับตั้งจิตไปถึงอาจารย์คนใหม่ของมันว่ามันได้ทำเมถุนสังเวยเพื่อเป็นการบูชาให้แล้ว เสร็จแล้วมันได้ลืมตาขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังอย่างลำพองใจ

"ฮ่าๆๆๆ นี้ขนาดแค่เริ่มต้น พลังกูกลับมาเหมือนเดิมแล้ว อีลินดามึงไม่รอดมือกูแน่นอน"

แต่ในดวงจิตของมันได้ยินเสียงดังขึ้นมา

"อย่าพึ่งลำพองใจไปนักไอ้กริช นี่แค่เริ่มต้น อดใจไว้ก่อนอีผีทั้งสองไม่รอดมือมึงแน่นอน"

มันสงบนึ่งฟังคำนี้อย่างตั้งใจฟัง ว่าอาจารย์คนใหม่นั้นเตือนสติมันอยู่ และเวลาได้ผ่านไป2-3วัน ในห้องทำงานของหมออินทรายุทธ

"นี่ไงคุณผมบอกแล้วว่าคดีนี้มันง่าย ในที่สุดตำรวจก็รู้ว่าใครฆ่าคุณประพันธ์"

ผมบอกไปที่กิ่งกาญจน์ หลังจากเห็นข่าว

"โธ่ฉันก็บอกคุณแล้วว่ายายแม่บ้านนั่นแหละเป็นคนทำ ไม่เห็นจะต้องคุยเลย แต่ก็น่าสงสารคุณประพันธ์นะเจอคนใกล้ตัวทำซะเอง ก็แบบนี้ละรู้หน้าไม่รู้ใจ"

เคสของนายประพันธ์นั้นไม่ยากอย่างที่ผมคิด ต้นเหตุมาจากเรื่องมรดกที่นายประพันธ์ได้มากกว่าญาติพี่น้องคนอื่นๆ พวกนั้นได้รวมหัวกันจ้างแม่บ้านที่เป็นคนใกล้ชิดนายประพันธ์เป็นเงินถึง 5แสนบาทให้ผสมสารของถั่วลงไปในน้ำชาให้ดื่ม และจัดการเอาแก้วที่ใส่น้ำชาไปทำความสะอาดหลังจากนายประพันธ์ได้เสียชีวิตลง  ตำรวจเค้นสอบอยู่หลายวันจนแม่บ้านนั้นยอมรับสารภาพและซัดทอดถึงคนที่บงการ คดีนี้ปิดลงไปอย่างไม่ยากเย็น ผมอ่านข่าวจนจบแต่ยังไม่ทันที่พูดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้น ที่หน้าจอปรากฏชื่อของลุงอัส ผมรับโทรศัพท์ทันที

"ยุทธ ลุงจวนจะถึงโรงพยาบาลแล้วนะ"

"ได้ครับลุง เดี๋ยวผมไปรับ"

ผมรับคำสั้นๆ วันนี้ลุงอัสมาตรวจสุขภาพตามที่ได้นัดไว้ แต่ก่อนที่จะออกจากห้องเสียงของกิ่งกาญจน์ได้ทักขึ้นมา

"เดี๋ยวคุณหมอมีประชุมไม่ใช่หรือไง"

"ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมไปจัดการแค่เรื่องคิวให้เท่านั้น ที่เหลือก็ทางพยาบาลจะจัดการให้ กว่าจะเสร็จก็คงเกือบเที่ยงผมประชุมเสร็จพอดี"


ผมตอบเธอแล้วเดินออกจากห้องเพื่อไปรอรับลุงอัสโดยไม่ได้พูดอะไรต่อกับยายผีจอมเพี้ยนซึ่งเธอเองนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรอะไรหรือตามผมา จนผมไปรับลุงอัสที่ลานจอดรถและพาไปทำเรื่องทันที ลุงอัสให้คนงานนั้นขับรถมาส่ง แต่ขณะที่อินทรายุทธนั้นกำลังวุ่นวายกับการจัดการให้กับอสนีอยู่นั้น ตัวกิ่งกาญจน์เองก็รับรู้ได้ถึงพลังงานที่เธอเคยสัมผัสเหมือนตอนที่ไปบ้านอัสนี และในตอนนี้ดวงจิตของนั้นสัมผัสได้ว่า ทุกอย่างดูจะเหมือนเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะกลับมามีเสียงเหมือนเดิม ตอนนั้นเธอไม่กล้าที่จะไปไหนได้แต่อยู่ในห้องทำงานของหมออินทรายุทธ  และตัวอินทายุทธเองก็ไม่ได้กลับเข้ามาในห้องทำงานอีกเลย จนเลยเที่ยงไปเล็กน้อย ทุกอย่างกลับไปเงียบเหมือนเดิม ทำให้กิ่งกาญจน์ตัดสินใจออกจากห้องทำงานของอินทรายุทธ วิญญาณของเธอมาที่หน้าตึกเธอเห็น หมออินทรายุทธเดินคู่ไปกับอสนีที่มีรัศมีสีทองล้อมรอบตัวเหมือนที่เธอเคยเห็นเมื่อครั้งก่อน ทั้งคู่เดินไปที่รถที่มาจอดรออยู่หน้าตึก ในสายตาที่เธอเห็นทุกอย่างดูเป็นปกติมีคนเดินไปมาดูสับสนวุ่นวายเหมือนทุกวัน


แต่พอมองออกไปตรงฟุตบาทของถนนในโรงพยาบาลจนไปถึงประตูทางเข้าออกโรงพยาบาล เธอเห็นท่านพระภูมิเจ้าที่และบรรดาบริวารที่แต่งกายกันอย่างเต็มยศต่างนั่งพับเพียบเรียงรายกันเต็ม 2 ฟากถนนโดยตัวท่านพระภูมินั้นนั่งอยู่หน้าศาล นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ดวงจิตของเธอสัมผัสได้ถึงความเงียบจนอสนีเข้าไปนั่งในรถที่เบาะด้านหลัง เธอจึงมองไปที่รถเธอเห็นคนที่นั่งคู่คนขับคือท่านรุกขเทวดาที่มองมาและยิ้มมาให้เธอ กิ่งกาญจน์จึงรีบยกมือไหว้ ท่านรุกขเทวานั้นยกมือตอบรับ ส่วนอินทรายุทธคุยกับอสนีอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป

และสิ่งที่เธอเห็นต่อไปนั้นทำเอารู้สึกประหลาดใจและทวีสงสัยขึ้นไปอีก เพราะท่านพระภูมิและบรรดาบริวารที่นั่งอยู่บนฟุตบาททั้ง 2ฟากของถนนจนไปถึงประตูทางเข้าออก ต่างก้มลงกราบขณะรถที่อสนีนั่งนั้นเคลื่อนผ่าน เธอมองตามไปด้วยความสงสัย จนรถนั้นออกสู่ถนนใหญ่ และบรรดาพวกที่นั่งกราบนั้นต่างหายไปจากสายตาเธอ ซึ่งเธอรู้ว่าคงกลับเข้าไปในศาล ส่วนอินทรายุทธนั้นเดินกลับเข้ามาในอาคารโดยไม่ได้มองมาที่เธอ จนกิ่งกาญจน์เห็นอินทรายุทธเดินเข้าไปในลิฟท์ เธอจึงเข้าไปในศาลพระภูมิ เธอเห็นท่านพระภูมิเจ้าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่  แต่เธอยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรท่านได้เอ่ยขึ้นมาก่อน

"ว่าไงกิ่งกาญจน์"

น้ำเสียงที่ปราณีถามมาที่เธอขณะที่เธอนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ต่ำกว่าระดับที่ท่านพระภูมินั่งอยู่

"เรื่องเมื่อกี้นะคะคุณตาหนูถามได้ไหม หนูสงสัยมาก หนูไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน"

"ฮ่าๆๆๆ เจ้านี่ช่างสงสัยจริงๆ แต่ก็อย่างที่ท่านกาษนติเคยบอกเจ้าไว้ เจ้าอาจจะได้รู้หรืออาจจะไม่รู้เลย มันขึ้นอยู่กับหลายๆอย่างรวมถึงบุญบารมีของตัวเจ้าด้วยว่าจะได้รู้หรือไม่ว่าท่านผู้นั้นเป็นใคร"

"ถ้าอย่างนั้นหนูคงไม่มีวันได้รู้เพราะหนูมันแค่พวกผีปลายแถว"

ท่านพระภูมิได้แต่ยิ้มๆ ไม่ตอบข้อสงสัยของเธอ แต่ท่านได้ถามเธออีกเรื่องหนึ่งด้วยน้ำเสียงที่เป็นงานเป็นการ

"เจ้ารู้แล้วใช่ไหมว่าอีกไม่นานนักเจ้าจะไม่อยู่ช่วยงานคุณหมอแล้ว"

"คะคุณตา คุณตาทวดได้บอกกับหนูแล้ว"

เธอตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ปกติ

"ที่ผ่านมาเจ้าได้ช่วยงานคุณหมอเป็นอย่างดีถึงแม้จะมาจากการที่เจ้าตั้งจิตอธิษฐานไว้ก่อนที่จะตายในชาติที่แล้ว แต่มันถเป็นการทำบุญกุศลให้กับดวงวิญญาณที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถือเป็นการทำความดีและการกระทำของเจ้านั้นทำให้ตัวเจ้าได้รับผลบุญจากการทำความดีพวกนั้น ข้าก็ขอให้เจ้าปฏิบัติตนแบบนั้นต่อไปอย่าได้หยุดทำแม้อนาคตเจ้าจะไปอยู่ที่ไหนก็ตามที"

เธอพนมมือรับไหว้คำสั่งสอนของท่านพระภูมิเจ้าที่ แต่ความสงสัยที่มีต่อตัวของอสนีนั้นเธอยังสงสัยอยู่ถึงเธอพอจะเดาออกว่า อสนีคือคนที่มีบุญมาเกิดอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เธอเห็นและเรื่องราวที่เธอได้ฟังจากท่านเทพารักษ์ทำให้เธอแน่ใจว่าอสนีคือเทวดาที่ลงมาจุติอย่างแน่นอน แต่จะเป็นเทวดาระดับไหนเท่านั้นเองมันยังเป็นปริศนาในใจเธอต่อไป

ส่วนอินทรายุทธนั้นหลังจากที่อสนีได้ทำการตรวจร่างกายและได้คุยกับหมอที่ทำการตรวจเป็นที่เรียบร้อย ผมที่ประชุมเสร็จพอดีได้พาลุงอัสกับคนขับรถไปทานข้าวที่ร้านอาหารในโรงพยาบาลก่อนที่ลุงอัสจะกลับ ส่วนยาที่รับไปนั้นเป็นยาบำรุงร่างกายเท่านั้นไม่มียาที่รักษาโรคใดๆ  แต่จากรายงานการตรวจที่ผมเห็นคร่าวก่อนหน้านี้นั้นๆมันดูไม่ดีเท่าไหร่นัก ผมเลยมาหาหมอที่ตรวจลุงอัสที่เป็นรุ่นพี่ผม

"จะบอกว่าผลตรวจไม่ค่อยดีเท่าไหร่พี่ก็พูดได้ไม่เต็มปากนะยุทธ อย่างเรื่องความดันพยาบาลบอกพี่ว่าวัดครั้งแรกมันต่ำมากแต่พอนั่งพักแล้วพอมาวัดใหม่อีกครั้งความดันกลับมาปกติ แต่เรื่องการเต้นของหัวใจนี้สิ ยุทธดูที่กราฟก็จะเห็นได้ว่ามันไม่สม่ำเสมอดูแล้วค่อนข้างช้ากง่าอัตราการเต้นที่ปกติ ส่วนที่เหลือก็ตามรายงานนะ ร่างกายของคุณลุงยุทธหลายๆอย่างมันเสื่อมไปตามวัย แต่ถ้าเทียบกับคนวัยเดียวกันแล้วดูดีมาก แต่เรื่องอื่นยุทธก็รู้นะเราเป็นหมอเหมือนกัน พี่ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก"

หมอรุ่นพี้ชี้ให้ผมดูรายการการตรวจสุขภาพของลุง ผมอ่านรายงานการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนจะถามรุ่นพี่

"แล้วลุงอัสว่ายังไงบ้างละครับพี่"

"มันก็แปลกดีเหมือนกันพอพี่บอกท่านก็บอกว่าเป็นไปอย่างที่คิด ทุกอย่างเป็นไปตามวัยจะให้แข็งแรงเหมือนตอนหนุ่มๆไม่ได้สังขารย่อมมีเสื่อม เรื่องพวกนี้มนุษย์คนไหนก็หลีกไม่พ้นไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าแม้แต่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า  ท่านดูจะรู้เรื่องสุขภาพของตัวท่านดี  แต่ท่านออกกำลังเป็นประจำใช่ไหมยุทธ"

"ครับพี่ ลุงอัสเดินออกกำลังที่หน้าบ้านทุกวันช่วงเช้ามืด ส่วนก่อนนอนก็จะนั่งสมาธิแล้วนั่งได้นานด้วย"

"มิน่า ถึงมีสุขภาพจิตดี เรื่องสมาธินี่ช่วยท่านได้มาก"

หมอรุ่นพี่ผมกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะไปตรวจคนไข้ต่อ แต่จากรายงานการตรวจครั้งนี้ทำให้ผมรู้ว่า ลุงอัสจะจากผมไปเมื่อไหร่ก็ได้ ถึงท่านจะดูแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกันก็ตามที ดูจากผลเลือดท่านไม่เป็นโรคอะไรเลย ผลตรวจออกมาทุกอย่างปกติ ค่าไขมันอยู่ในเกณฑ์  แต่เรื่องการทำงานของอัตราการเต้นหัวใจกับความดันนี่มันดูน่าวิตกอย่างมากรวมถึงการทำงานของอวัยวะต่างๆที่ดูจะเสื่อมลงไปตามวัย ซึ่งตัวลุงอัสเองได้บอกกับผมอย่างอารมณ์ดีตอนที่กินข้าวว่าไม่ต้องไปวิตกกังวลอะไรเพราะเรื่องการเกิด แก่ เจ็บ ตายเรื่องของธรรมชาติ ผมเป็นหมอก็น่าจะรู้ว่ากว่าพวกสถาปนิกอย่างลุงอัส ถึงผมจะชินชากับเรื่องพวกนี้ แต่พอมาเป็นคนใกล้ตัวมันทำให้ผมอดที่จะหวั่นใจไม่ได้

ฝ่ายหมอกริชหลังจากคืนนั้นที่มันเรียกวิญญาณของเพียงขวัญกับอนงนาฏมาทำบำเรอกามพร้อมกับทำพิธีเมถุนสังเวยให้อาจารย์คนใหม่ของมันแล้ว ตัวมันก็นั่งบริกรรมคาถาเพื่อให้อาคมในตัวมันสูงขึ้นตามเสียงที่ดังในดวงจิตของมัน หลังจากคืนนั้นทุกคืนมันเรียกดวงวิญญาณของเพียงขวัญกับอนงนาฏ ให้มาแสดงบทรักของทั้งคู่ให้มันดูเพื่อเป็นการสังเวยโดยที่มันอดใจไว้ไม่เข้ามาร่วมด้วย จนช่วงบ่ายของวันนี้มันมีแขกมาหาที่บ้านตามที่ได้นัดกันไว้ แขกของมันคือคุณหญิงที่เป็นสาวใหญ่ที่มาพร้อมกับสาววัย 30 ต้นๆคนหนึ่ง หมอกริชมองทั้งคู่ด้วยความพอใจและรีบพาเข้าไปในห้องลับหรือห้องที่ใช้ทำพิธี

"เป็นยังไงกันบ้างละ"

หมอกริชถามไปอย่างไม่เจาะจงกับสองสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า

"ก็ไม่เป็นยังละคะอาจารย์ เราสองคนก็รักกันดี มันก็มาจากอาจารย์นี่ละคะที่ทำให้เราทั้งคู่นั้นรักกันดี"

คนที่ตอบคือหญิงวัยกลางคนทำให้หมอกริชยิ้มออกมาอย่างพอใจเพราะรู้ถึงความหมายของประโยคนี้ ก่อนจะหันไปมองที่หญิงสาวอีกคนหนึ่งที่นั่งก้มหน้าด้วยความอาย

" แล้วคุณน้อยละไม่เห็นจะพูดอะไรเลย"

มันถามไปที่หญิงสาวคนนั้นที่ชื่อน้อยและยังเป็นเมียน้อยของผัวผู้หญิงวัยกลางคนอีกด้วย

"ก็อย่างที่คุณพี่บอกละคะ เรารักกันดีก็เพราะอาจารย์ช่วยสั่งสอนให้ ไม่อย่างนั้นก็คงต้องมานั่งแย่งผู้ชายกันให้ปวดหัว"

"แล้วเรื่องนั้นละ"

หมอกริชถามอย่างมีความหมาย ทำเอาอีกฝ่ายหน้าแดงก่อนจะตอบ

"ก็ดีคะเรา 3 คนเข้าใจกันดี แต่ยังไงท่านก็สู้อาจารย์ไม่ได้อยู่ดีละคะ"

หมอผีจอมเจ้าเล่ห์หัวเราะออกมาด้วยความพอใจก่อนจะพูด

"เอาละเวลามีค่า เรามาเริ่มพิธีกันเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา"

แขกที่มาทั้งคู่ต่างพากันไปเปลี่ยนชุดส่วนหมอกริชได้ไปหยิบอุปกรณ์บางอย่างที่จะได้เสพสุขกับสาวสองคนมาวางอยู่ข้างๆพรม ไม่นานนักทั้งคู่พากันมานั่งตรงหน้าหมอกริชโดยสวมเพียงผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กๆคนละผืนเท่านั้น หมอกริชสั่งให้ทั้งคู่นั่งพนมมือขึ้นแล้วจัดสวมมงคลที่ทำจากสายสิญจน์ให้ทั้งคู่แล้วเริ่มบริกรรมคาถา เริ่มจากช้าๆเป็นจังหวะและเร็วขึ้นเรื่อย ส่วนลูกศิษย์ทั้งสองสาวต่างนั่งพนมมือฟังตั้งใจฟังบทสวด และหมอกริชเอามือทั้งสองข้างไปกระตุกผ้าขนหนูที่ทั้งคู่ปกปิดร่างกายนั้นออก ร่างเปลือยที่ขาวโพลนของทั้งคู่ปรากฏอยู่ตรงหน้า มือทั้งสองข้างของหมอกริงนั้นลูบคลำไปที่หน้าอกของทั้งสองและเคล้นคลึงไปอย่างเบาๆ นมของสาววัย30เศษๆนั้นเต่งตึงกว่าสาวใหญ่จนหมอกริชเอานิ้วไปคลึงที่หัวนมของทั้งงคู่พร้อมบริกรรมคาถาไม่หยุด แต่ทำให้ทั้งคู่ต่างเกิดอารมณ์ขึ้นมาต่างพากันแอ่นตัวรับมืออันสากของหมอกริชที่คลึงเคล้นเต้านมของเธอทั้งคู่

 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

ryg123456


elviswhat

ดูท่าทางลุงอัสจะจากไปในไม่นานแล้วหมอยุทธจะต้านทานหมอกริชได้ไหมล่ะเนี่ย

hunterkung


kk2016

หมอกริชยังคงมุ่งมั่นแก้แค้นโดยไม่รู้จะเจอสิ่งที่ไม่ควรไม่ยุ่ง สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

tum696969

เมื่อไหร่กิ่งกาญจน์จะโดนหมอยุทธเย็ดนะ

toy5599


Angel_p

หมอกริชได้พลังเพิ่ม แบบนี้งานจะเข้ารึป่าวนะ

baitong haha


Sakoda

อยากรู้จังใครอยู่เบื้องหลังหมอกริช แล้วกิ่งกานจะไปไหน

lamom


thanarat3459

งานนี้มีสนุกแน่...หมอกริชมีอาจารย์ใหม่....งานจะเข้ากิ่งกาญจน์ซะละมั้ง

fufu22

สุดท้ายหมอกริชจะโดนยังไง แต่ที่คอยช่วยเหมือนจะมีดีอยู่เหมือนกัน

Au Nanma

ถึงจะมีอาจารย์ดีแค่ไหนก็ไม่น่าจะสู้ได้หรอก

Boy A Man

หมอกริชได้อาจารย์ใหม่ หมอยุทธจะรับมือได้ไหมนะ