ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_nato87

เกมรักภารโรงเฒ่า ปี 2 ตอนที่ 37 : คุณเชื่อเรื่องอดีตชาติไหม? Part 1

เริ่มโดย nato87, พฤษภาคม 11, 2023, 11:19:22 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

nato87

พูดคุยก่อนอ่าน : ก็มาก่อนเวลาวันนึง สำหรับตอนใหม่ คือตอนนี้ผมจะแบ่งเป็น 2 Parts นะครับ พาร์ทแรกเน้นครูเบสท์ พาร์ทสองเน้นลูกขวัญ เน้นเนื้อเรื่องเป็นหลัก ยังไม่มีฉากเลิฟซีนอะไรทั้งนั้น

สำหรับตอนนี้ก็ ผมได้ใช้ภาษาเหนือและภาษาใต้กับนิยายของผม แต่ไม่ต้องกลัว ผมใส่ Sub ไว้ให้แล้ว บอกก่อนว่าผมไม่ค่อยเป๊ะเรื่องภาษาเหนือนะ ถ้ามีรีดเดอร์คนไหนเป็นคนเหนืออ่านนิยายผม (ยิ่งถ้าเป็นคนเชียงราย คนบ้านเดียวกับครูเบสท์ ยิ่งดีใหญ่) ถ้าท่านจะช่วยรีไรท์ให้ผม ผมจะขอบคุณมาก

ในตอนที่แล้ว ผมอ่านคอมเมนต์ ส่วนใหญ่ก็คิดว่าครูเบสท์จะมาขอบคุณ แล้วก็แอบแซ่บกับลุงพล ผิดครับ 55555+ ยังก่อน นิยายผมเน้นความสมเหตุสมผล มันง่ายไปสำหรับนางเอกตัวจริงอย่างครูเบสท์ครับ ลุงพลต้องเจอบทพิสูจน์อะไรอีกมาก

ปล.ผมอาจจะสลับเขียนฉากเนื้อเรื่องหลักกับฉาก Deleted Scene นะครับ

ปล2. ผมเกิดราดรี (บ้านเกิดน้องอุ๊) ไปโตและเรียนที่ภูเก็ต (บ้านเกิดลูกขวัญ)  ทำงานอยู่กรุงเทพ (บ้านเกิดโดนัท) แล้วกลับมาอยู่ราดรีบ้านเกิดอีกครั้งครับ ชีวิตนี้ไม่เคยขึ้นเหนือมากกว่าอุทัยธานีเลย 5555+ เพราะฉะนั้น ภาษาอีสานกับภาษาเหนือ ผมไม่ค่อยสันทัดนัก แต่ก็ยังหาทำ เขียนในนิยายจนได้


###############

ความเดิมตอนที่แล้ว


//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=271350.0

เมื่อสามเดือนก่อน


หลังถูกลุงพลย้ำรักที่ห้องเก็บของบนชั้นดาดฟ้าของตึกอาคารพยาบาล ภัคจิราก็นอนซมเพราะพิษไข้ และในที่สุด เธอก็ไม่สามารถเดินทางเข้าไปสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายกับท่านเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ส่งผลให้แผนการเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐต้องเลื่อนออกไป ซ้ำร้าย เธอไม่สามารถคุมเด็กพยาบาลสอบไฟนอลในช่วงสุดท้าย ส่งผลให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนอาจารย์คุมสอบกันอย่างจ้าละหวั่น

"มันเกิดอะไรขึ้นเหรอเบสท์?" อาจารย์อังศุมาลิน ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นหัวหน้าคณะพยาบาลศาสตร์ โทรมาถามถึงสาเหตุที่ภัคจิราไม่สามารถเดินทางไปสอบสัมภาษณ์กับท่านทูตสหรัฐได้

"เบสท์ไม่สบายค่ะ..." ภัคจิราตอบตามความจริง แต่ไม่ทั้งหมด เธอไม่ได้ตอบว่าเหตุผลที่เธอต้องนอนซมเพราะพิษไข้ ก็เพราะถูกอดีตภารโรงอย่างลุงพลขืนใจที่ห้องพักครู และห้องเก็บของบนชั้นดาดฟ้าวิทยาลัยพยาบาล

ไม่ใช่แค่อังศุมาลิน แต่เหล่าบรรดาอาจารย์รุ่นพี่ รวมไปถึงพ่อกับแม่ของเธอได้สอบถามถึงสาเหตุที่เธอไม่สามารถไปสอบสัมภาษณ์กับท่านทูต จนเป็นเหตุให้การเดินทางไปเรียนต่อด้านการแพทย์และพยาบาลที่สหรัฐอเมริกาต้องถูกเลื่อนออกไป

"ฮือ...ฮือ...ฮือ" ภัคจิรานอนซมในห้องเพราะพิษไข้ และหลั่งน้ำตาด้วยความอับอายขายขี้หน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอถูกคนอย่างลุงพลข่มขืนมาแล้วถึงสองครั้งสองครา โดยอ้างเหตุผลว่าจำเป็นต้องทำ เพื่อช่วยชีวิตเธอจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในอนาคต

"เบสท์? เบสท์? เป็นยังไงบ้างลูก?" ทันใดนั้น กมลวรรณ ข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย ก็เปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอนของภัคจิราเพื่อสอบถามอาการของลูกสาว

"คุณแม่...ฮืออออ!!!" เมื่อเห็นผู้เป็นแม่เดินเข้ามา ภัคจิราที่นอนซมเพราะพิษไข้ ก็โผลเข้ากอดทั้งน้ำตา "ฮือออออ"

"เบสท์? เบสท์เป็นอะไรเหรอลูก?" กมลวรรณลูบศีรษะบุตรสาวคนเก่งของตนเองด้วยความเป็นห่วง "มีอะไรไม่สบายใจ บอกพ่อกับแม่ได้นะ"

"ฮือออ..." ต่อหน้านักศึกษาพยาบาล ภัคจิราคืออาจารย์ที่เหล่าบรรดาลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพรัก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากมลวรรณผู้เป็นแม่ ภัคจิรายังเป็นเพียงแค่เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น "เบสท์...เบสท์...เบสท์เสียใจที่ไปสอบสัมภาษณ์ไม่ได้...ฮือออ"

"ไม่เป็นไรหรอกลูก" ข้าราชการสาวใหญ่ปลอบโยนบุตรสาวของตน "เอาไว้โอกาสหน้าก็ได้ วันพระไม่มีหนเดียวซะหน่อย นะลูก อย่าเสียใจไปเลย"

"ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอเบสท์?" แล้วทันใดนั้น ทศพล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้เป็นพ่อของภัคจิราก็ปรากฎตัวเข้ามาภายในห้อง "วันก่อนก็เห็นเรายังแข็งแรงอยู่เลย? ไปทำอะไรมา ถึงได้ป่วยเป็นไข้นอนซมแบบนี้?"

สำหรับทศพลนั้น เดิมทีเขาเป็นคนกรุงเทพ แต่มีโอกาสได้ไปทำงานเป็นปลัดที่ภาคเหนือ และได้พบรักกับกมลวรรณ สาวเจียงฮายที่ทำงานเป็นข้าราชการที่เดียวกับทศพล จนทั้งคู่ได้พบรักและแต่งงานกัน และภายหลังได้ให้กำเนิดบุตรสาวที่น่ารักอย่างภัคจิรา

ด้วยสายงานของทศพล เลยทำให้เขาต้องย้ายถิ่นฐานอยู่บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับกมลวรรณ แต่ทั้งคู่ตัดสินใจให้ภัคจิราศึกษาเล่าเรียนที่เชียงราย โดยอาศัยอยู่กับป้าของเธอ เพื่อรอจนกว่าเธอจะจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้วจึงให้เธอย้ายมาเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพในภายหลัง

"ฮือออ...ฮือออ" กลับมาที่ภัคจิรา เมื่อความจริงทุกอย่างมันแน่นอยู่ในอก แต่เธอไม่สามารถบอกความจริงได้ ว่าเธอถูกมารสังคมอย่างลุงพลข่มขืนทั้งทางร่างกายและจิตใจด้วยความกลัว และความอับอาย จนทำให้เธอไม่สามารถทำตามความฝันของตนเองได้ นั่นคือการไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตามที่เธอต้องการ

"เอ้า!!! เบสท์???" ทศพลร่นคิ้วด้วยความสงสัย "พ่อถามไม่ได้ยินเหรอ? เราไปทำอะไรมาถึงได้ป่วยเป็นไข้นอนซมแบบนี้เนี่ย???"

"คุณ!!! คุณก็อย่าพึ่งไปรุกเร้าเซ้าซี้ถามอะไรลูกตอนนี้เลย!!!" กมลวรรณหันไปตำหนิสามี "ไม่เป็นไรนะเบสท์ ไม่เป็นไร พักผ่อนก่อนเถอะ เอาไว้หาย แล้วค่อยมาคิดและตัดสินใจอีกที ว่าจะทำยังไงต่อนะลูกนะ"

"ค่ะแม่...ฮือออ" นางฟ้าพยาบาลซบที่ไหล่ของผู้เป็นแม่ ที่กำลังปลอบโยน ส่วนทศพลผู้เป็นพ่อ ก็นั่งพิงขอบประตูมองสองแม่ลูกด้วยความห่วงใย

หลังจากนั้น ภัคจิราก็นอนพักฟื้นที่บ้าน และไม่ได้ไปทำการคุมสอบในช่วงโค้งสุดท้าย แต่ถึงกระนั้น เธอยังฟื้นไข้ได้ทัน และสามารถทำหน้าที่ตรวจข้อสอบและตัดเกรดนักศึกษาในรายวิชาที่เธอกำลังสอน

พอเข้าสู่ช่วงปิดเทอม ภัคจิราจึงตัดสินใจบินกลับไปที่บ้านเกิดเชียงราย เพื่อไปพักผ่อนและทำบุญกรวดน้ำที่วัดในบ้านเกิดของเธอเพื่อความเป็นสิริมงคล และกรวดน้ำให้เหล่าบรรดาเจ้ากรรมนายเวรทั้งชาติภพปัจจุบันและอดีตชาติ ด้วยความหวังว่าชีวิตต่อจากนี้ของเธอจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ภัคจิรา นฤนารถไมตรี (ครูเบสท์)




"เกตเปื้อนฮัก!!! สะหวัดดี กึดเติงงง!!!" (เกตเพื่อนรัก สวัสดี คิดถึง) ภัคจิราเอ่ยปากทักทายเกตแก้วเพื่อนรักสมัยเรียน ที่ไม่ได้เจอกันนาน

"เบสท์!!?? บ่าได้ป๊ะกันเมิน สบายดีก่อ?" (เบสท์ เป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีไหม?)" เกตแก้ว เพื่อนรักของภัคจิราสมัยเรียนมัธยมปลายที่เชียงราย เอ่ยปากทักทายเพื่อนรักอาจารย์สาวคณะพยาบาลศาสตร์ ที่แวะมาเยี่ยมถึงร้านของตนเอง

"เปิ่นสบายดี!!!" (เราสบายดี) ภัคจิรา ที่แวะมาเยี่ยมร้านอาหารเหนือของเพื่อนรักสมัยเรียน ม.ปลาย ที่เชียงราย ตอบด้วยภาษาเหนือ "วันนี้เป็นวันตี้ดีเน้อ ได้เจอเปื้อนเกต กึดเติงหาตั๋ว กึดเติงงง" (วันนี้เป็นวันที่ดีนะ ได้เจอเพื่อนเกต คิดถึงมาก)

"เปิ่นก็กึดเติงงตั๋ว" (เราก็คิดถึงเธอ) เกตแก้ว ผู้เป็นเจ้าของร้านอาหารเหนือยิ้มหวาน "มาเจียงฮายบะได๋? นั่งเครื่องก่อ? ได้ไปแอ่วตี้ไหนมาหนิ?" (มาเชียงรายตอนไหน นั่งเครื่องมาเหรอ? ได้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างเนี่ย?)

"ใช่ นั่งเครื่องมาตะวา เมื่อแลง" (ใช่ นั่งเครื่องมาเมื่อวาน ตอนเย็น) ภัคจิราตอบ ก่อนอู้กำเมืองเหนือยาว "เปิ่นบะไปได๋แอ่วตี้ไหนเลย เมื่อเจ้าเปิ่นไปทำบุญตี้วัดมา เมื่องายเปิ่นก็ขับรถมาหาตั๋วตี้ร้าน" (เราไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย เมื่อเช้าเราเพิ่งไปทำบุญที่วัดมา ตอนสายเราก็ขับรถมาเธอที่ร้านเนี่ย)

"ดีจัง!!" (ดีจัง!!!)  เกตแก้วยิ้มหวาน "ว่าแต่ตั๋วกิ๋นข้าวแล้วก๋า? กิ๋นข้าวป่ะ?" (ว่าแต่เธอกินข้าวหรือยังไง? จะกินข้าวไหม?)

"เปื้อนเกตน่าฮักอ่ะ!! ฮู้ใจ๋!!" (เพื่อนเกตน่ารักอ่ะ รู้ใจ) ว่าแล้วแม่สาวเจียงฮายก็เอามือกุมท้อง "เปิ่นยังบ่าได๋กินข้าวตั้งแต่เจ้า มีเมนูอะหยังแนะนำเปิ่นเป็นปิเศษบ๋อ?" (เรายังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้าเลย มีเมนูอะไรแนะนำเราเป็นพิเศษไหม?)

"มี จัดหื้อทุกความต้องก๋าน!!!" (มี จัดให้ทุกความต้องการ) เกตุแก้วตอบ "เปื้อเปื้อนเบสท์ เดี๋ยวเกตจัดหื้อ!!!" (เพื่อเพื่อนเบสท์ เดี๋ยวเกตจัดให้)

"จ๊า!!!" ครูสาวพยาบาลยิ้มร่า ก่อนเดินตามเพื่อนรักเข้าไปนั่งภายในร้านอาหารเหนือของเกตแก้ว ที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์ล้านนาผสมกลิ่นอายแบบโมเดิร์นที่ดูทันสมัย

เกตแก้วได้นำเมนูอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ เพื่อให้ภัคจิราได้เลือก โดยครูสาวได้เลือกเมนู เกาเหลาน้ำเงี้ยวหมูเปื่อย พร้อมเครื่องเคียงอย่างถั่วงอก มะนาว แคบหมู และผักสดอย่างต้นหอม แตงกวา พร้อมกับพริกแห้งคั่ว เพื่อเพิ่มรสชาติอาหารให้จัดจ้านยิ่งขึ้น

"เป็นจะดั่ย?" (เป็นยังไง?) เกตุแก้วเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับภัคจิรา ที่กำลังกินข้าวมื้อแรกของวันอย่างเอร็ดอร่อย "ลำก่อตั๋ว?" (อร่อยไหมเธอ?)

"ลำแต๊แต๊เลยจ้าววว!!!" (อร่อยมาก ๆ เลยจ้า) ครูเบสท์ยกมือขึ้นมาป้องปากที่กำลังเคี้ยวกับข้าวแสนอร่อยจนแก้มป่อง "Very Very Delicious!!!" (โคตรอร่อยเลยอ่ะ!!!)

"Excellent!! Thank you!!! อะริกาโตโกไซมัส!!!" (เยี่ยมยอด ขอบคุณมว๊ากกก) เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักตอบเป็นภาษาอังกฤษ เกตแก้วก็ตอบเป็นภาษาอังกฤษปนภาษาญี่ปุ่น ก่อนที่สองเพื่อนรักอย่างเกตแก้วและภัคจิราจะหัวเราะร่าอย่างมีความสุข

ในขณะที่สองเพื่อนรักหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข ตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน แล้วทันใดนั้นเอง ภาพข่าวบนโทรทัศน์ LCD ที่แขวนอยู่บนเพดาน ก็รายงานข่าวด่วนที่กำลังเป็นที่สนใจไปทั่วโลก

"ค่ะ!!! กลับมาที่ห้องส่งกันอีกครั้งนะคะ ตอนนี้เรากำลังติดตามความคืบหน้าข่าวเครื่องบินของสายการบินไทยแลนด์แอร์ไลน์ เที่ยวบินระหว่างประเทศ TH16969 จากกรุงเทพ มุ่งตรงสู่นครซานฟรานซิสโก เมื่อเช้าค่ำที่ผ่านมา ตามเวลาในประเทศไทยนะคะ ซึ่ง ณ ขณะนี้ เรายังไม่ทราบชะตากรรมของลูกเรือและผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 300 คน..."

"เอ๋?" เมื่อได้ยินข่าวด่วนเครื่องบินตกจากการรายงานบนโทรทัศน์ ภัคจิราก็เงยหน้ามองภาพข่าวด้วยความตกใจ ก่อนนึกถึงคำเตือนของลุงพล ที่เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องปัญญาอ่อน

"ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ ครูเบสท์จะต้องมีอันเป็นไป ได้โปรด อย่าไปเรียนต่อที่อเมริกาเลยนะครับ เพราะเครื่องบินที่ครูเบสท์จะนั่งไป มันจะตกกลางทะเล..."


"เฮ้อ!!!" เกตแก้วนั่งถอนหายใจ กับข่าวโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น "เอ็นดูคนตี้อยู่บนเครื่อง แล้วญาติปี้น้องจะทำจะดั่ย ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้ตุ๊กคนบนเครื่องบ่าเป็นจะไดตีเน้อ..." (สงสารคนที่อยู่บนเครื่องบิน แล้วญาติพี่น้องจะทำยังไง ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้ทุกคนบนเครื่องไม่เป็นอะไรที่เถอะ)

"แกร๊ง..." เสียงช้อนซ้อมที่หล่นจากมือของภัคจิราดังกระทบกับเสียงจานข้าว ทำเอาเกตแก้วผู้เป็นเจ้าของร้านต้องหันกลับไปด้วยความตกใจ

"เบสท์? ตั๋วเป็นจะดั๋ย?" (เบสท์ เธอเป็นอะไร?) เพื่อนรักของครูเบสท์เอ่ยปากถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งตกใจอยู่ตรงหน้า

ภัคจิรารีบลุกขึ้นจากโต๊ะ แล้วเดินไปที่หน้าจอโทรทัศน์ที่ถูกแขวนอยู่บนเพดาน เพื่อติดตามข่าวสารบนหน้าจอโทรทัศน์จนจบ ก่อนที่จะหยิบมือถือขึ้นมาเช็คข่าวสารบนหน้าจอเฟสบุ๊ค เพราะหลังจากที่เธอหลับที่บ้านของป้าเมื่อคืน เธอยังไม่ได้เปิดเน็ต เช็คข่าวสารบนฟีดโซเชียลเลยจนถึงตอนนี้

"ไม่จริงใช่ไหมเนี่ย?" ภัคจิรามองภาพข่าวเครื่องบินตกบนหน้าจอสมาร์ทโฟนด้วยความตกใจ "นี่มันเรื่องอะไรกัน? ไม่จริงใช่ไหมเนี่ย?"

.........................

ตัดมาที่ปัจจุบัน ในช่วงเย็นของวิทยาลัยพยาบาล


หลังจากทำความสะอาดและเก็บกวาดร้านน้ำเต้าหู้เสร็จแล้ว ลุงพลก็เดินมาพบกับครูเบสท์ ที่ลานจอดรถภายในวิทยาลัยพยาบาล หนุ่มใหญ่ยืนรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จนในที่สุด ครูเบสท์ ที่เพิ่งเสร็จจากงานปฐมนิเทศนักศึกษาพยาบาล ก็ปรากฎตัวขึ้นมาในชุดสูทกระโปรงสีดำที่เป็นเครื่องแบบทางการของวิทยาลัยพยาบาล

"ครูเบสท์?" ลุงพลเอ่ยปากเรียกอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

"เพี๊ยะ!!!"

"โอ้ย!!! นี่มันอะไรกันครับเนี่ย!!!??" พอมาถึง ครูเบสท์ก็ตบฉาดใส่หน้าของลุงพลด้วยความโกรธ เพราะตาเฒ่าคนนี้คือต้นเหตุที่ทำให้เธออดไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอย่างที่เธอตั้งใจเอาไว้

"นี่ยังน้อยไปนะ สำหรับคนแบบลุง!!!" ภัคจิราทำตาขวางใส่ลุงพล "คนอย่างลุง แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับสิ่งที่ลุงได้ทำกับเบสท์ ทำกับผู้หญิงคนอื่น ๆ บอกหน่อยได้ไหม? ว่าเบสท์ควรทำยังไงกับลุงดี?"

"ครูเบสท์..." ตาเฒ่าจอมหื่นเอามือกุมแก้มที่เป็นรอยฝ่ามือจากครูเบสท์ "ครูเบสท์ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ข่าวเครื่องบินตกออกจะดัง ผมก็นึกว่าครูเบสท์จะมาขอบคุณผมซะอีก..."

"โอโห!!!" ภัคจิราในโหมดหัวร้อนทำเสียงสูง "ยังจะมาทวงบุญคุณกันอีกเหร๊อ!!! หน้าด้านมากเลยนะลุงน่ะ!!! ถามกลับนะ!!! เบสท์ควรต้องขอบคุณคนอย่างลุงพลจริง ๆ ยังงั้นเหรอ!!!?? ไม่มีทาง!!! เพราะสิ่งที่ลุงทำกับเบสท์น่ะ!!! มันคือการฉวยโอกาส!!! มันคือการข่มขืนทั้งกายและใจของเบสท์ และผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่เค้าไม่รู่อิโหน่อิเหน่ด้วย!!! เบสท์จะด่าลุงว่าเลวมันก็ยังน้อยไป!!! จะด่าว่าอะไรดี? ให้สมกับความเลวระยำตำบอนของลุง!! ห๊ะ!!!"

"ผมรู้ครับ..." เมื่อได้รู้ว่าครูเบสท์ไม่ได้จะมาขอบคุณ แต่มาด่า ด่าแบบเกรี้ยวกราดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มนุษย์ลุงก็ทำหน้าสลด "คนอย่างผมไม่มีอะไรดีในสายตาของครูเบสท์เลยใช่ไหมครับ?"

"โอ้โห!!!! ยังจะกล้าถาม!!! หน้าด้าน!!! หน้าหนายิ่งกว่าคอนกรีตบนทางด่วนอีก!!!" ภัคจิราหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ร่องคิ้วขมวดปมด้วยความเกรี้ยวกราดขั้นสุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่บ่อยนัก ที่สาวหวานใจเย็นอย่างครูเบสท์จะโกรธใครสักคนได้มากขนาดนี้ "บอกให้เอาบุญนะ!!! เมื่อก่อนน่ะเคยมี!!! เบสท์เคยเคารพลุงในฐานะผู้ใหญ่คนนึง!!! แต่ตอนนี้เบสท์ตาสว่างแล้ว ว่าเบสท์มองคนผิดไป!!!!"

"นี่ตกลง..." ลุงพลทำหน้าจ่อย เมื่อรู้ว่าผลลัพธ์ที่ได้มามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย "ครูเบสท์เรียกผมมาตบ แล้วก็ด่าใช่ไหมครับ?"

"อยากจะส่งลุงเข้าคุกด้วย!!!" ภัคจิรายืนกอดอก ทำตาขวางใส่ลุงพล "น่าจับขังลืม แล้วก็เฉือนไอ้ตรงนั้นทิ้ง ๆ ไปซะ จะได้ไม่ต้องทำร้ายผู้หญิงบริสุทธิ์ที่เค้าไม่รู่อิโหน่อิเหน่ด้วย!!!"

"ครูเบสท์ครับ..." มนุษย์ลุงถอนหายใจ "เฮ้อ!!! จะด่าจะว่าผมยังไงก็เอาที่ครูเบสท์สบายใจเลยนะครับ แต่สำหรับผม ผมขอแค่ให้ได้ช่วยชีวิตครูเบสท์ ผมก็พอใจแล้ว ผมไม่อยากให้ครูเบสท์ต้อง..."

"เงียบ!!! หุบปาก!!! ไม่ต้องพูด!!!" นางฟ้าพยาบาลยังคงเกรี้ยวกราด "อย่าพยายามพูดให้ตัวเองดูน่าสงสาร อย่าพยายามพูดให้ตัวเองดูดี เพื่อให้เบสท์ใจอ่อนกับคนแบบลุง เบสท์จะบอกไว้ ณ ตรงนี้เลยนะ ว่าไม่มีวันที่เบสท์จะขอบคุณลุง และจะไม่มีวันให้อภัยกับสิ่งที่ลุงได้ทำกับเบสท์ กับพี่พลอย และลูกศิษย์ของเบสท์ทุกคนด้วย!!!"

"แล้วครูเบสท์จะให้ผมทำยังไงครับ?" ลุงพลถาม "จะต้องให้ผมทำยังไง เพื่อให้ครูเบสท์ยกโทษให้ผม?"

ภัคจิรายังคงยืนกอดอก จิกตาใส่ลุงพลเหมือนอยากจะฆ่าให้ตาย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

"ถ้างั้น ให้ผมได้พูดบ้างนะครับ" เมื่อไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย "ผมเคยบอกครูเบสท์ไปแล้วไงครับ แต่ครูเบสท์ไม่เชื่อผม ว่าถ้าครูเบสท์ไปอเมริกา เครื่องบินที่ครูเบสท์นั่งไปมันจะตกกลางทะเล ครูเบสท์ก็เห็นแล้วใช่ไหม? ว่าผมไม่ได้โกหก มันคือเรื่องจริง"

"นี่!!! มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้หรือเปล่า!!??" ครูเบสท์ยังคงโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อน "อย่าเคลมว่าเป็นเพราะตัวเองเลยลุงพล!!! ลุงคิดว่าตัวเองเป็นนอสตราดามุสหรือไง!!!?? ห๊ะ!!! ถ้าแม่นซะขนาดนี้ไปเปิดสำนักหมอดูดีกว่าไหม!!??"

"ทำไมกันครับครู?" มนุษย์ลุงเริ่มเกิดอาการน้อยใจ "ผมลงทุนทำถึงขนาดนี้ ยอมให้ครูเบสท์เกลียดผมยังกะไส้เดือน กิ้งกือ ครูเบสท์ยังไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดอีกเหรอครับ!!??"

"พูดเองนะลุงน่ะ เบสท์จะบอกให้นะไส้เดือนกับกิ้งกือ ยังมีคุณค่ามากกว่าลุงซะด้วยซ้ำ!!! คนอย่างลุงมันต้ำชั้นกว่าพวกสัตว์เซลล์เดียว ไม่คู่ควรกับการเป็นโฮโมเซเปี้ยนซะด้วยซ้ำ!!! การมีอยู่ของคนแบบลุง มันคือความผิดพลาดทางวิวัฒนาการของมนุษยชาติอย่างร้ายกาจ!!!" ครูเบสท์ตอบกลับด้วยศัพท์ทางวิทยาศาสตร์อย่างเกรี้ยวกราด "ทำไมเบสท์ต้องเชื่อคนอย่างลุงด้วย!!!?? แล้วถามหน่อย!!! ถ้าคิดจะเตือนเบสท์ หรือช่วยเบสท์ มันมีวิธีที่ดีกว่านี้ วิธีของคนดี ๆ ของสุจริตชน ที่เค้าควรจะทำ แต่ทำไมลุงไม่ทำ!!! ลุงกับใช้วิธีเลวทรามต่ำช้ากับเบสท์!!! ไหน!!! ตอบมาหน่อยซิลุงพล!!! พ่อนอสตราดามุสเมืองไทย!!!"

"เอ่อ..." ลุงพลถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกรอบ "แล้ว...ถ้าผมไปเตือนครูเบสท์ดี ๆ ครูเบสท์จะเชื่อผมหรือเปล่าละ?"

"ก็ถ้ามาเตือนกันดี ๆ เบสท์ก็อาจจะฟัง!!!" ครูเบสท์ตอบกลับ "ไม่ใช่มาฉวยโอกาสกับความไว้ใจของเบสท์แบบนั้น!!!??"

"เชื่อผมเถอะครับครูเบสท์" ตาเฒ่าหื่นแย้ง "ยังไงครูเบสท์ก็หาว่าผมบ้าอยู่ดี ผมรู้ครับ ว่าผมทำให้ครูเบสท์พลาดโอกาสและความก้าวหน้าในชีวิต แต่ผมไม่มีทางเลือกอื่น ผมจำเป็นต้องทำ เพื่อช่วยชีวิตครูเบสท์"

"จ๊า!!! ขอบคุณจ๊าพ่อพระ!!! เหอะ!!!" ภัคจิราจิกกัดลุงพลแบบไม่ยั้ง "งั้นถามหน่อย!!! ที่ช่วยเบสท์เนี่ย!!! ตกลงช่วยเพราะอะไร!!?? คนเราน่ะ ถ้าจะช่วยใครสักคน มันต้องมีเหตุผลจูงใจไม่มากก็น้อยนั่นแหละ!!! ไหน!!! บอกมาซิลุงพล!!! ที่ช่วยเบสท์!!! ตกลงลุงช่วยเพราะอะไร!!?? ลุงต้องการอะไรจากเบสท์กันแน่!!!?? หรือว่าต้องการเงิน!!! เอาไหม!!?? เบสท์ให้เงินลุงก็ได้!!!"

"ไม่ใช่เรื่องเงินครับ ผมช่วยครูเบสท์ เพราะผมรักครูเบสท์ครับ" คนหน้าด้านอย่างลุงพล ผู้ใช้คำว่ารักกับเหล่าบรรดาสาว ๆ ได้โคตรฟุ่มเฟือยที่สุดในสามโลก ตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน "ผมรักครูเบสท์ เพราะมันเป็นกรรมที่พวกเราเคย..."

"หยุด!!! หยุดเพ้อเจ้ออดีตชาติบ้าบออะไรนั่นได้แล้ว!!??" ภัคจิรารีบยกมือขึ้นป้อง "ถ้าเบสท์เชื่อ เบสท์ว่าเบสท์คงปัญญาอ่อนแล้วละ!!! แต่เบสท์ไม่ใช่ลุง!!! เบสท์ไม่ได้มีปัญหาด้านสมองและด้านจริยธรรมแบบลุง!!!"

"ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้ครับครูเบสท์!!!" อธิบายยังไงครูเบสท์ก็ไม่ฟัง จนลุงพลชักเริ่มหมดความอดทน "จะต้องบังคับให้ลุงพูดแบบนี้ใช่ไหม!!!?? อดีตชาติของครูเบสท์คือภัคจิราวดี บุตรีขององค์ตุลาการสวรรค์!!!  ผม ครูเบสท์ หมอพลอย และอีกหลาย ๆ คนต้องลงมาชดใช้กรรมร่วมกันบนโลกมนุษย์ นั่นแหละคือความจริง!!!

"โอ๊ะ!!! โอ้ยยยย!!!!" ทันใดนั้นเอง ครูเบสท์เกิดอาการปวดหัว วงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม จนเกือบจะเซถลาล้มลงไปนอนกองกับพื้น

"ครูเบสท์!!! ครูเบสท์!!!" แล้วพ่อนอสตราดามุสชุมพล ก็รีบโผล่เข้าไปช่วยประคองภัคจิราที่กำลังจะล้มหัวฟาดพื้นลานจอดรถได้ทันท่วงที

"โอ้ยยย!!! ทำไมปวดหัวแบบนี้!!!??" ครูเบสท์หลับตาปี๋ด้วยอาการปวดหัว "ปล่อย!!! บอกให้ปล่อยนะ!!! เดี๋ยวใครมาเห็น!!! ปล่อย!!!"

"ไม่ครับ!!! ไม่ปล่อย!!!" ลุงพลโอบกอดครูเบสท์ไว้ในอ้อมอกของตัวเอง "ลองนึกดูให้ดีซิครับครูเบสท์ ครูเบสท์คือภัคจิราวดีในอดีตชาติ จำลุง ไม่ซิ จำข้าได้ไหม? ข้าคือท้าวชุมพลศักดา ที่เจ้าเคยมีใจรักเมื่อครั้นยังเสวยชาติภพเป็นเทพธิดาบนสรวลสวรรค์ไง!!!"

".........." ไม่มีคำตอบจากครูเบสท์ ดูเหมือนว่านัยน์ตาที่เกรี้ยวกราดของเธอเริ่มจางหายไป ราวกับว่าเธอกำลังระลึกชาติภพในอดีตได้ ว่าในครั้งนั้น ภัคจิราวดีมีใจรักในตัวท่านท้าวชุมพลศักดามากมายเพียงใด

.....................

อีกมุมหนึ่งของลานจอดรถ


"ฮัลโหลแม่? มีไรหลาว?" (ฮัลโหลแม่? มีอะไรเหรอ?) นาถลดา ที่พึ่งกลับขึ้นมาจากหาดใหญ่ กำลังเดินไปหาซื้ออะไรกินที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามวิทยาลัยพยาบาล กำลังคุยโทรศัพท์กับพ่อแม่ที่หาดใหญ่ "ถึงแหล่วว เมื่อฉ่าว" (ถึงแล้ว ถึงตั้งแต่เมื่อเช้า)




นาถลดา ถิ่นสงขลา (นาถ)


นาถลดายืนกอดอกคุยโทรศัพท์กับแม่ ที่โทรมาถามว่าถึงวิทยาลัยพยาบาลแล้วหรือยัง

"กินข้าวแล้วหม้ายหลูก?" (กินข้าวแล้วหรือยังลูก?)

"กำลังออกไปหาไรกินจ๊ะแม่" (กำลังจะออกไปหาอะไรกินจ๊ะแม่)

"ดีแหลววว ตั้งใจเรียนนะหลูก ตั้งใจเรียน อย่าพึ่งมีแควน มีแควนตอนเรียน เดี๋ยวเรียนไม่จบ รอให้หนาดจบก่อน เดี๋ยวกะชายก็เข้ามาให้หนาดได้เลือกเองแหละ อย่าแคบมีแควนตอนนี้ มันไม่ดี รู้ม้ายยย" (ดีแล้ว ตั้งใจเรียนนะลูก อย่าพึ่งมีแฟน มีแฟนตอนเรียน เดี๋ยวเรียนไม่จบ รอให้นาถจบก่อน เดี๋ยวก็มีผู้ชายเข้ามาให้นาถได้เลือกเองแหละ อย่ารีบมีแฟนตอนนี้ มันไม่ดี รู้ไหม)

"ไรหลาวแม่ มาแหลงพันนี้ ม่ายยย หนาดยังไม่อยากมีแควนจ๊ะแม่" (อะไรอีกแม่ มาพูดแบบนี้ ไม่อ่ะ นาถยังไม่อยากมีแฟนจ๊ะแม่) นาถลดายิ้มกริ่ม แอบเอานิ้วชี้และนิ้วกลางไขว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเธอกำลังโกหกโดยไม่ได้ตั้งใจ "หนาดม่ายส๊นเรื่องแควน พ่อกับแม๊บายจัยต๊ะ หนาดไม่ทำตัวเหลวไหล ไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวั่งแน๊ หนาดอยากเรียนจบก๋อน ให้พ่อกับแม๊ได้ภูมิใจในตัวลูกคนนี้" (นาถไม่สนเรื่องแฟน พ่อกับแม่สบายใจเถอะ นาถไม่ทำตัวเหลวไหล ไม่ทำพ่อกับแม่ผิดหวังแน่ นาถอยากเรียนให้จบ ให้พ่อกับแม่ได้ภูมิใจในตัวลูกคนนี้)

 

โปรดติดตามตอนต่อไป...

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
ฝากติดตามเพจเฟสบุ๊คของผมด้วยนะครับ


g9898



อัศวิน รัตนแก้ว

เอาแล้ว ครูเบสท์จะจำท่านท้าวได้ไหมนะ น้องนารถเจอกำลังกอดกันแบบนี่ เรื่องถึงหมอพลอยแน่ๆ ว่าแต่ ไฟลท์ th16969 นี่มันจั้กกะเดียมยังไงไม่รู้ครับ^^

hatdog

ชอบจังมีซับภาษากลางให้ด้วย


testman

เอ้า ถ้าอยู่ ๆ ครูเบสระลึกชาติได้ แปลว่าต่อไปลุงพลก็ต้องมีครูเบสเป็นลูกมือสิเนี่ย



amagusto

ผมคนเชียงราย อ่านภาษาเหนือแล้วมีผิดหลายคำครับ แต่ผมไม่รู้จะแก้ให้ยังไง อย่างเช่น คิดถึง ต้องเป็น กึดเติง แต่ต้องบอกว่าskillของท่านไรด์ในการใช้ภาษาเหนือดีมาก ทั้งที่ไม่ใช่คนเหนือครับ

Nato87: ขอบคุณที่แนะนำครับ ณ ขณะนี้ ผมเองก็ไล่แก้อยู่ เหตุผลที่ผมใช้ภาษาเหนือ ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ถนัด ก็เพื่อตัวครูเบสท์เองนั่นแหละครับ ผมอยากให้คนอ่านรู้สึกว่าครูเบสท์เป็นสาวเจียงฮายจริง

ปล.ผมเป็นคนภาคกลาง ที่ไปเรียนและโตที่ภาคใต้ แล้วกลับมาอยู่ภาคกลางโซนตะวันตก บ้านเดียวกับน้องอุ๊ครับ แต่คนละอำเภอ 5555+

pooloop

นาถจะต้องมาเห็นฉากบาดตาบาดใจแน่ๆเลย จะทำไรป่วนๆอีกป่ะเนี่ย

singkanong


dan tee


Leo the rott


ton29048