ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ร้านคาราโอเกะ [ Part 08 ] ตอนที่ 127 ( ประสบการณ์ของนายโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, กรกฎาคม 07, 2023, 02:06:52 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ สวัสดี ร้านเกะมาละครับ

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา



ปล. สำหรับท่านที่ต้องการอ่าน ซีรีย์คาราโอเกะ หรือ ทุกซีรีย์ย้อนหลัง




สามารถคลิกที่ภาพ เพื่อวาร์ปไปห้องสมุดนายโทนได้เลยครับ








★★★★★★★★★★★



ปล.2 สำหรับใครสมาชิกใหม่ที่พึ่งสมัครเมมยูซเซอร์เข้ามาแล้วพออ่านเรื่องนี้แล้วอยากอ่านต่อก็ง่ายๆครับ
ตามภาพเลย ขั้นตอน 1 2 3  แต่ระวังการคอมเมนต์ไว้ให้ดีๆ อย่ามาแต่ อีโม นะ



★★★★★★★★★★★


จอย สาวแว่นนักประสานงาน




★★★★★★★★★★★


น้องดรีม แฟนคนแรกนายโทน





★★★★★★★★★★★

ความเดิมตอนที่แล้ว

ผมมาที่งานเลี้ยงรุ่นครับ เจอสารพัดเรื่องเลยแท้ๆ

เจอแม่พี่เจมส์เรียกต่อหน้าคนอื่น แล้วไม่แค่นั้น

เพราะตอนที่แนะนำรุ่นพี่ ที่รับเชิญมาคุยกับน้องๆ

1 ในรุ่นพี่คนนั้นก็คือจอย !!!


★★★★★★★★★★★


" เหวอ " คือคำนิยามเดียวของผมในตอนนั้นเลยครับ คุณเลขาสาวแว่นคนนั้น ตอนนี้เธออยู่บนเวทีห้องประชุมในฐานะศิษย์เก่า เดี๋ยวนะวันก่อนที่คุยกันแล้ว ที่ผมถามว่าทำไมกลับบ้านล่ะ แล้วเธอบอกว่ามีธุระ  ธุระที่บอกคือเรื่องนี้เหรอเนี่ย โอยย งามใส้ละ.. เฮ้ยเดี๋ยวก่อนนะ จอยเป็นรุ่นพี่ผม แล้วผม.... ไปแล้ว



งาม.... งามใส้เลยครับแบบนี้ แล้วใส่แว่นมาด้วยนะ อื้อหือ... แต่งตัวแบบกึ่งๆ ทางกางเสื้อสีครีม เรียกทรงอะไรไม่รู้ แต่แขนดูเย็บเป็นกลีบดอกไม้ ฟูๆฟ่องๆ แล้วใส่กางเกงยีน รองเท้าส้นสูง ผมสีน้ำตาลยาวสลวยก็ดัดลอนที่ปลาย ยิ่งทำให้ดูน่ามองและ sexy โคตรๆ จอยหุ่นดีอยู่แล้วใส่กางเกงยีนแบบนี้ยิ่งเหมือนได้โชว์ของไปอีก


คือจอยก็ไม่ได้แต่งตัวกะว่าจะเด่นที่สุดในงานหรอก แต่ด้วยออร่าอะไรบางอย่าง กับเสื้อผ้า หน้าผม หุ่น มันทำให้จอยดูเด่นมากๆ แล้วด้วยคำว่า " ประสบความสำเร็จ " มันก็ยิ่งทำให้เธอถูกจับตามองมากกว่าปกติอยู่แล้ว อื้อหือทำไมน้ำมันติดคอวะเนี่ย.... นี่ผมเคย... กับคนสวยแบบนั้นเหรอเนี่ย เฮ้ย ๆ ๆ ไม่ๆ ไม่ใช่คิดเรื่องนั้น ใจเย็น ๆ ๆ ๆ


ไอ้โจ๊กก็บอกโห พี่จอยแม่งโคตรญี่ปุ่นเลย ผมก็กระอักกระอ่วนเลยครับ คือไม่รู้ว่าจอยมาถึงนานยัง มาทันตอนที่แม่พี่เจมส์เรียกผมหรือเปล่า ฮื๊มม แต่ไม่หรอก คิดในแง่ดีเข้าไว้ วิทยากรรับเชิญคนอื่นๆก็แนะนำตัวบลา ๆ ๆ  เสียงปรบมือวี๊ดวิวด็ดังมาเรื่อยๆ ก็นะถึงจะดูเป็นทางการ แต่นี่มันคืองานเลี้ยงรุ่น มันคงไม่ตึงเปรี๊ยะทุกกระเบียดนิ้วหรอก


ผมก็พูดลอยๆแบบโยนหินถามทางว่า แหม่ ไอ้โจ๊กมึงจำพี่จอยไรนั่นแม่นจังนะ มันบอก โห !!! นายช่าง มึงไม่รู้อะไรซะแล้ว  ตอนพี่เขาอยู่ ม.6 โคตรเอ็กซ์เลยนะ ผมก็บอกจะรู้เหรอวะ อ้อ ย้ำอีกครั้ง ไอ้โจ๊ก จะเรียกผมว่านายช่าง เพราะว่าตอนทำสแตนกีฬาสี ผมเป็นหัวเรือใหญ่เรื่องการทำสแตนและมันก็เป็นลูกมือที่โคตรรู้งาน ตอนนี้ไอ้โจ๊กย้ายไปอยู่ออสฯ แล้ว มันคงไม่ได้อ่าน เลยพูดถึงมันได้



มันบอกพี่เขาเงียบๆๆแหละ แต่น่ารักชิบหาย ใครเห็นใครก็มอง มันกระซิบผมมาว่า แต่เหมือนพูดๆกันว่าโดนไปแล้วว่ะ ตั้งแต่ม.5 ผมก็พูดเหรอ.. มันบอกโห่ นายช่าง พี่เขาคบกับไอ้พวกม.6 แล้วเอ็กซ์ขนาดนั้นเหลือไรล่ะ ผมบอกเออๆ มันเรื่องของเขาไอ้โจ๊ก มันก็บอกเออรู้น่า  เพื่อนผมอีกคนมันก็พูดว่า เป็นรุ่นพี่เรากี่ปีวะ ไอ้โจ๊กบอก  สองปี สามปีมั้ง



พวกผู้หญิงก็เม๊ากันคุยกันไปต่อ วิทยากรรับเชิญคนแรกขึ้นมา หน้าม้าก็เยอะมากกก ปรบมือส่งเสียงเชียร์ใหญ่ พี่เขาก็แนะนำตัว .. อ้าวไม่ได้ยินเสียง อ๋อ ไมค์ไม่ดัง สมัยนั้นระบบไร้สายยังไม่ค่อยสเถียรเท่าไรครับ เลยใช้เป็นไมค์เหมือนที่นักแสดงใช้กัน ที่เป็นสาย และต่อเข้ากับตัวรับเสียง ถ้าเป็นสมัยนี้เจอตัวนี้เข้าไปจบเลย



คือไมค์ลอยก็มีนะ แต่มันดูไม่มืออาชีพ และดูไม่สมาร์ท ลองคิดดูสิ่ครับ ถ้าต้องมาพูดต่อหน้าคนทั่วไป แล้วต้องมาถือไมค์ค้างไว้แล้วพูดๆ กับทั้งสองข้างเป็นอิสระไม่ต้องถือไมค์ แล้วออกท่าทางภาษากายได้เต็มที่ แบบไหนมันจะเข้าใจและดูดีกว่ากัน ก็นั่นแหละครับ



เขาก็พูดๆไปคนนี้ คนๆนี้ทำธุรกิจนำเข้าบลา ๆ ๆ  รวยแบบนั้นแบบนี้บลาๆ  สอนนู่นนี่นั่นให้รู้จักประหยัดบลาๆ ซึ่งผมไม่เก็ท และไม่อินสุดๆ  คนๆนี้ผมรู้จักนามสกุลเขานะ รวยมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่แล้ว ตัวเขาเองตอนเรียนหนังสืออยู่ที่นี่ ก็เห็นมีรถมารับมาส่งทุกวัน ของอะไรที่แพงๆเป็นที่นิยมในยุคนั้นๆก็มีหมด


คือไม่ผิดนะเพราะเงินก็เงินพ่อแม่เขา จะใช้ยังไงก็ได้ แต่การที่คนๆนึงที่ฐานะไม่เคยลำบาก แต่มาสอนให้คนระดับกลางๆ ต้องมาประหยัด มัธยัสถ์ .... อะไรวะน่ะ ไม่รู้ดิ่ คนให้ที่ไม่เคยลำบาก มาสอนคนที่ปากกัดตีนถีบแบบตัวผม มันก็ไม่น่าฟัง ผมรู้จักกับพี่แมนมาหลายปี พี่เขาสอนผมทุกอย่าง แต่ทีเรื่องนึงที่พี่แมนไม่เคยสั่งสอนผมเลยคือ เรื่องเงิน



พี่แมนไม่เคยบอกผมว่าเอ็งต้องประหยัดแบบนี้นะ ต้องแบ่งใช้ แบ่งจ่าย แบ่งไว้ลงทุน อะไรแบบนี้พี่แมนไม่เคยเลย ซึ่งถ้าพี่เขาพูดเรื่องนี้ผมก็ไม่ติดไม่ขัดเลย เพราะบ้านเขาเองถึงก็เคยอยู่ในสภาพเดียวกันบ้านผม การที่พี่เขาจะสอนให้ผมทำนู่นนี่นั่น ผมไม่ติดขัดเลย ผมมองไปบนเวทีแล้วก็แบบอื่ม เอาเถอะ เขาอาจจะพยายาม แต่เราไม่เห็นก็ได้...


แต่ว่า... รูปเก่าๆที่เขาเอามาทำสไลด์โชว์นั้น มีแต่หรูๆ แบรนด์เนมทั้งนั้น ขัดกับคำว่าใช้ชีวิตแบบเรียงง่าย... ตั้งใจศึกษาตลาด ...  อื้มๆง่ายก็ง่ายแล้วแต่พี่ครับ แต่เพื่อนผู้หญิงในกลุ่มก็พูดมาสามคำ  ถ้าเป็นสมัยนี้คงใช้คำว่า " ปลอม " แต่ว่าในตอนนั้นคำที่เพื่อนผมพูดออกคือ


" ตอแหลว่ะ " 


อุ้ยย ผมนี่สะดุ้งเลย เพื่อนผมพูดนะว่า เรียบง่ายบ้านแกสิ่ เรียนมหาวิทยาลัยใช้กระเป๋าแชแนลงี้ ขับเบนซ์ไปเรียน ตอแหลบอกเรียบง่าย บ้านรวยก็บอกบ้านรวยดิ่ แอ๊บจัง อือหืออ เพื่อนผมก็ปากร้ายเหมือนกันนะเนี่ย  ไอ้โจ๊กเอาน่าๆ ก็แค่ไม่ฟัง เพื่อนผมก็บอก แต่มันเข้าหูชั้นไง



พวกผมก็หัวเราะกันเลยครับ ข้างบนก็พล่าม  ๆ ๆ ๆ ไปเรื่อย เปลี่ยนคนอีก เปลี่ยนคนอีก ระหว่างนั้นไอ้คิงก็เดินมาตบไหล่บอกเฮ้ย ๆ ๆ  เจอโจทก์มึงยัง ผมก็ถามใครวะ แล้วเพื่อนผู้หญิงก็ทักหวัดดีคิงงงงง มันก็บอกหวัดดีๆ แล้วก็หันมาบอกผมดรีมไง ผมบอก เออ เจอแล้ว ไอ้คิงก็ทำหน้างงๆ แล้วถามว่า เจอแล้วแต่ชิ่งเนี่ยนะ ผมบอกเอออออ จะให้กูนั่งเฝ้าเลยไง


มันก็บอก โอ้ววว เพื่อนกู นึกว่าจะหงอยเป็นหมาป่วยซะละ ผมถามนะว่ามึงอยากป่วยมั้ยล่ะ มันบอกพอเลย พรุ่งนี้กูมีคิวงาน ผมก็บอกเออ มันก็บอกเออๆ กูไปโต๊ะห้องกูละ ( หมายถึงโต๊ะจีนที่เพื่อนๆมันนั่งอยู่ ) พอไอ้คิงไป คราวนี้สารพัดคำถามเลยจากทั้ง ผู้ชายและผู้หญิง ผู้ชายก็ถามว่าเฮ้ยยยย เจอเด็กเก่าเหรอ ผู้หญิงก็ถามว่าอีโทนแกยังสนิทกับคิงอยู่เหรอ


คำถามก็ตีกันโบ๊ะบ๊ะ ๆ ไปหมด ผมก็บอกทีละคน ๆ ๆ เพื่อนผู้ชายก็เลยถาม แต่ว่าเพื่อนผู้หญิงก็เอามือปิดปาก แล้วถามว่าแก ๆ ๆ ติดต่อกับคิงทางไหนอ่ะ ผมก็บอกคุย m กับมันน่ะแหละ เพื่อนผมก็บอกหรอ ๆ ๆ ขอ... ผมรับเบรกเลย แล้วบอกว่าให้ไม่ได้ อยากได้ไปขอมันเอง เพื่อนก็บอกโห งก ผมก็เลยบอกเพื่อนไปว่า ถ้ามันทำงานปกติเหมือนพวกเรา จะให้ทันทีเลย


แต่ก็รู้นี้ว่ามันทำงานอะไร เพื่อนผมก็พูดแบบเคืองๆ เออๆก็ด้ะๆ ผมบอกว่าเดินไปขอเองเลย เพื่อนบอกเออออ รู้แล้ววว จากนั้นเพื่อนผู้ชายก็ถามเฮ้ย ๆ ๆ มึงกับน้องดรีมเหอะยังไง ๆ ๆ  รีเทิร์นป่ะ น้องเขาเอาภาพมึงขึ้นดิส m ด้วยไม่ใช่เหรอ ผมก็บอกมั้งงง เพื่อนบอกมึงอย่ามาเนียนไอ้สัสนี่



แล้วขึ้นไว้นานด้วยยังไม่เปลี่ยนเลย ยังไงมึงสองคนนี่ยังไง ตอนแรกแหม ทำเป็นไม่อยากคุยไม่อยากวุ่นวาย ไปคบกันยังไงตอนไหนวะ ผมบอกมึงจะถามทำไมเนี่ยยย ไอ้ห่าาาาา มันยอกเอ้าก็อยากรู้ มึงรู้ป่ะว่าคนชอบ คนจีบน้องดรีมกี่คน ผมก็บอกอื้มก็เยอะนะ มันก็บอกเฮ้ย ๆ ๆ  แล้วมึงไปทำไงถึงเข้าเส้นชัยวะ ต้องคอยไปรับไปส่งตลอด หรือว่า.... !!!!!


ผมอาจจะคิดมากไปเองนะ แต่คำพูดที่มันเว้นไว้ก็ทำให้ผมไม่ค่อยพอใจเหมือนกัน ผมมองหน้ามันแล้วถามว่า ทำไม ? ผมถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเรียบๆ แต่พยายามข่มอารมณ์อยู่ เพราะผมคิดไปก่อนแล้วว่า มันคงหมายถึงเรื่องอย่างว่า ผมถามแล้วต้องหน้ามันพยายามข่มอารมณ์สุดๆ มันก็บอกเปล่าๆ ไรวะ ก็ไปส่องกัน ก็เวลาจีบมากกว่าคนอื่นๆป่ะล่ะ


ผมถอนหายใจออกแล้วก็ไม่ตอบอะไร บนเวทีก็เปลี่ยนคนแล้วนะ แล้วตอนนั้นเจนก็เดินมาเรียกโทนๆ ว่างเปล่า ผมก็ถามมีอะไรเหรอ เจนบอกคุยแปปดิ่ ผมก็ถามมีอะไรสำคัญเปล่า เจนบอกมาแปปๆ ผมก็เลยต้องลุกตามไปครับ เดินเลาะๆ ๆ แต่ผมเดินไปในจุดที่คนจะเห็นเยอะๆ ว่าผมเดินไปไหนและไปกับใคร



พอออกมาข้างนอกมันก็จะเงียบๆหน่อยอ่ะเนอะ เพราะคนอยู่ในห้องประชุมหมดผมก็เดินตามเจนมา แล้วก็ถามว่าเจนมีอะไรหรือเปล่า ตอนนั้นเจนก็หยุดแล้วเดินสวนกลับมาจนตัวจะติดผมนะ เจนถามว่าโทนๆ ตอนนี้กับน้องดรีมคืออะไรอ่ะ ผมก็ถามหยั่งเชิงไปก่อนว่าคืออะไรที่ถาม เจนบอกเอ่ออ เห็นน้องดรีมเขาเปลี่ยนดิส เป็นรูปโทนอ่ะ ผมก็บอกอ่ออื้มแล้วไงต่อ เจนก็เงียบไปครับ เธอทำท่าลูบคาเหมือนร้อนๆ แล้วบอกร้อนๆอ่ะ แล้วร้องอุ๊ยย โทนวานดูให้หน่อยดิ่อะไรกัดคอไม่รู้มดเปล่าอ่ะ เจนพูดแล้วก็หันหลังลูบๆต้นคอครับ


แต่ผมเองก็รู้สึกว่าร้อนวู่บบ ที่ต้นคอเหมือนกัน มันร้อนวู่บๆ เหมือนเปิดไดร์เป่าผมแล้วยกผ่านไป มันวู่บ !!!!  ผมจับคอแล้วสะดุ้งหันไปข้างหลัง อันนี้เห็นชัดเลยเหมือนคนมันหลบเข้าไปในมุม ผมก็คิดละว่าไม่ปกติ แล้วตอนนั้นโคตรโชคดีครับที่ว่ามีรุ่นน้องเดินผ่านมา ผมก็เลยบอกมานี่หน่อยๆ วานดูให้พี่เขาหน่อยดิ่ พี่เขาบอกมดกัดคอ น้องเขาก็ค่ะ ๆ ๆ แล้วผมก็เดินแยกกลับมาที่ห้องเลย ซึ่งผมก็ไม่ลืมที่จะมองเข้าไปในมุมมืดนั้น ยังไงก็มีคนอยู่แน่ๆ



พอผมเดินเข้ามา อ้าวทำไมเวทีโล่งเลยล่ะ แล้วเป็นน้องๆขึ้นมาร้องเพลงให้ฟัง ผมก็ถามเพื่อนๆว่าอ้าวทำไรกันอ่ะ เพื่อนผมก็บอกเบรกอ่ะดิ่ ผมบอกเอ้อ อื้มม งั้นเดี๋ยวมา ซึ่งแน่นอนครับผมต้องไปหาพี่น้องนักยูโดอยู่แล้ว ผมก็เดินลงมา เดิน ๆ ๆ เดินหาซุ้มซักซุ้มที่ชัดของนักยูโด และตอนนั้น ไอ้พี่โทนโว้ยยยยยย เสียงเรียกประสานเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ไม่ต้องสืบหรอกว่าใคร เป็นรุ่นน้องจากชมรมยูโดนั่นแหละครับ ผมก็หันไปหา.. อ้าว.. มันอ้วนขึ้นเปล่าวะ ผมคิดในใจ เอาเถอะ คนเรากินข้าวทุกวัน มันก็มีโอกาสอ้วนอยู่แล้ว คิดในใจได้ แต่ไม่พูดออกไปคงจะดีกว่า


มันคงจะเป็นเรื่องที่โคตรแย่ ที่เวลาเจอกันแล้วไปถามว่าอ้วนขึ้นป่ะเนี่ย ผมก็หันไปพยักหน้า แล้วบอกเอ้ออ ว่างาย รุ่นน้องสองคนรีบเดินมาหาผมแล้วบอก โฮ๊ !!! นึกว่าจะไม่มาติดต่อไม่ได้เลย ผมบอกว่าก็เกือบๆนั่นแหละ ผมถามว่ามานานยังเนี่ย พวกน้องๆก็บอกว่า อยู่ตั้งแน่เมื่อคืนแล้ว จัดบู๊ทจัดซุ้ม


ผมก็อ้อ เฮ้ย ๆ ๆ  ไหนๆ ไปดิ๊ แล้วมันก็เดินนำทางไป โอ้วว พอไปถึงก็เจอสารพัดรุ่นพี่ รุ่นน้องเลย พวกเขาก็ทักเหมือนปกติ ผมก็ไหว้ ๆ ๆ  มีพี่คนนึงถามว่า มุงไม่คิดจะอ้วนบ้างเลยเหรอวะ ดูไอ้... นั่นดิ่ นึกว่าอืด.. นี่ไงสิ่งที่ไม่ควรทำ น้องมันก็ยิ้มแห้งๆ เฮ้อออ พูดแบบนี้ไม่ดีเลย ผมก็บอกไปว่าขึ้นมา 5 กิโลฯ แล้วพี่ แต่พี่เขาก็บอกไรวะ ก็เหมือนเดิมเนี่ย



แล้วพี่ตบไหล่ปั้ปๆ แล้วหยุด... จากนั้นก็ใช้สองมือตบไหล่สองข้างๆ แล้วบอกเฮ้ย... เฮ้ยๆ ๆ  แล้วพูดว่า ไหนพวกเด็กๆมันบอกว่ามึงเลิกเล่น ( ยูโด) แล้วไง ผมก็บอกว่าเลิกแล้วจริงพี่ พี่เขามองหน้าแล้วบอกไหนมึงไชโยดิ๊ ผมก็รู้แหละครับว่าพี่เขายะทำอะไร ผมก็ยกแขนขึ้น 2 ข้าง พี่เขาดึงชายเสื้อผมขึ้นแล้วบอกนี่ไง 6 ลูกเลยไอ้ห่า


เขาก็ต่อยๆเบาๆ คนแถวนั้นก็มอง พี่ๆน้องๆ คนอื่นๆก็มาคุยกันตามปกติ ผมถือว่านี่คือครอบครัวๆนึงเลยนะ เหนื่อยด้วยกัน แพ้ด้วยกัน ชนะด้วยกัน อ้วกแตกด้วยกัน  ตั้งแต่ม.1 จนจบม.6 เก่าจบไปใหม่ก็เข้ามา ตอน ม.ต้น ผมก็ทำตัวเรื่อยๆเปื่อยๆตั่งใจซ้อมอย่างเดียว แต่พอขึ้นม.ปลาย ด้วยคำว่าพี่ ที่น้องๆเรียกกัน ผมก็เลยต้องเปลี่ยนตัวเองหนักเลยล่ะ



ประจวบกับช่วงนั้นโดนพี่พลอยทิ้งด้วย ก็เลยซ้อมหนัก ๆ ๆ  จนรู้ตัวอีกที ก็เก่งไปแล้วถึงจะไม่ได้เก่งจนได้เหรียญทองในทุกรายการแข่ง แต่หลายคนก็บอกเล่นดีขึ้นมาก เราก็คุยกันไปๆมาๆ แปปเดียว ดรีมก็เดินผ่านเฉย แล้วเดินก็ไม่เดินเฉยๆนะ มีแวะ ๆ ๆ มองๆ แล้วยื่นไอ้ทาโกะยากิมาให้ แล้วบอกกินให้หน่อย ดรีมกินไม่หมดอ่ะ


ผมก็บอกเดี๋ยว ๆ ๆ อะไรเนี่ย ดูจากปริมาณแล้ว ผมว่าน่าจัยังไม่ได้กินมากกว่า ดรีมบอกเสียดายของหนื จะกินดีๆหรือ กินด้วยน้ำตา ผมนี่อื้อหือออ กำหมัดเลยครับ แล้วดรีมก็ยืนจ้อง ๆ ๆ จนผมต้องจิ้มขึ้นมากิน ดรีมก็บอกเนี้ยยย ก็แค่เนี่ยยย แล้วดรีมก็ไหว้ ๆ ๆ  คนที่เธอพอจะรู้จักชมรมยูโด แล้วก็ไปเดินเล่นกับเพื่อนต่อ


พอดรีมไปพวกที่รู้เรื่องราวที่ผมกับเธอเป็นแฟนกัน ก็รีบเข้ามาแซว เฮ้ยยยยย ยังไง รีเทิร์นป่ะเนี่ยย ผมก็กระอักกระอ่วนเลย เพราะว่าคำตอบในใจคือยังไงก็ไม่รีเทิร์นแน่ๆ เพราะเราสองคนรู้ดีว่า มันจะมีตัวแปลสำคัญที่ด่อให้เกิดความรำคาญหนักหนาแน่ๆ ถ้ารีเทิร์นกันไปอีก แค่ตอนนี้คอยบ่ย คอยดูแลกันไกลๆก็พอ


แต่ประเด็นคือดรีม เธอเอารูปผมไปตั้งเป็นดิสเพลย์ไง เอามาเป็นไม้กันหมา ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงดีก็ได้แต่พูดไปว่า

" เฮ้ยย อะไรร "


แค่นั้นแหละที่ผมพูด จากนั้นก็คุยกับพวกคนในชมรมอีกแปปนึง จนรู้สึกว่าน้องๆของเราก็โตขึ้นเยอะนะ รายละเอียดช่างมันเถอะ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเนื้อเรื่องเท่าไร ผมไปไหว้อาจารย์ที่สั่งสอนวิชายูโดพูดในหลายๆเรื่อง ท่านก็ยินดีที่ผมเริ่มต้นชีวิตเร็ว และประสบความสำเร็จในเวลาอันสั้น ถึงมันจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมากก็ตาม


จนไอ้คิงโทรตามครับ ผมก็ขอตัวและเดินไปหามัน มันกำลังรวมตัวอยู่กับแก๊งที่เรียน รักษาดิรแดนมาด้วยกัน พอผมเดินมาพวกมันก็ค้อนรับกัน อย่างดี แจกกล้วย ให้ระนาว ผมไม่ถือเพราะรู้ว่า พวกแม่งเป็นกันแบบี้  บางคนก็เติมยศให้ด้วย ไอ้บ้าง ไอ้สัสบ้าง ผมเองก็ไม่น้อยหน้ามันหรอก อยู่ต่างห้องกัน แต่ลำบากมาด้วยกัน


กลุ่มเรียนรักษาดินแดนเองก็จะมีกลุ่มของแต่ละคนเหมือนกัน อย่างบางกลุ่ม ก็จะจับกลุ่มเฉพาะที่เรียนหนังสือห้องเดียวกัน บางคนก็จะจับกลุ่มคนที่นั่งใกล้ๆกัน แต่กลุ่มของผมค่อนข้างใหญ่ เพราะมันรวมคนจากทุกๆห้อง ตั้งแต่ วิทย์- คณิต จนถึงศิลป์สังคม คุยกันเข้าใจกัน เพราะในกลุ่มมีแต่คนระดับกลางๆทั้งนั้น


บางทีผมอาจจะสนิทใจที่จะคุยกับพวกมันมากกว่าคนในห้องเดียวกันอีก พวกห้องสายวิทย์ที่ว่าหยิ่งๆ พอมาเรียนรักษาดินแดนด้วยกัน ก็ละลายพฤติกรรมกันไปเลย เราคุยกันสารพัดเรื่องที่จะคุยได้ ที่แปลกก็คือพวกเราไม่มีใครพูเอวดเรื่องความสำเร็จอะไรเลย มีแต่เล่าเรื่องความบัดซบของชีวิตการเรียน มหาวิทยาลัย บางคนจบม.6 แล้วทำงานเลย ก็มาบ่นๆให้ฟัง


ขิงแข่งกันว่าชีวิตใครบัดซบมากกว่า บางคนทำงานดีๆ แต่ก็บ่นๆว่ส ทำงานเยี่ยงทาส ผมก็หัวเราะกันหนักเลยทีนี้ แล้วก็มีคนเปิดประเด็นครับ เฮ้ยเดี๋ยวหาเหล้าแดรกกันป่ะ หลายๆคนก็บอกเออไปดิ่ ตอนนี้แหละผมเริ่มกระอักกระอ่วนละ เพราะไม่ค่อยอยากกินเท่าไร แต่ไอ้คิงก็บอกกุไปไม่ได้ว่ะ พรุ่งนี้มีงาน เดี๋ยวพี่... มารับ เพื่อนๆมันก็แซวโถ๋วววววววว มันก็มีบางคนที่เข้าใจ กับบางคนที่พยายามคะยั้นคะยอ ให้ไปให้ได้


ส่วนรายละเอียดข้ามๆมันไปเถอะ ไอ้คิงก็ปฏิเสธแบบเรียบๆไป พูดเสร็จมันก็ชนไหบ่สะกิดผมเบาๆ ผมก็เลยบอกเออกูไปไม่ได้ว่ะ เพื่อนมันก็บอกไอ้ห่าา ไรวะเนี่ย จนมีคนนึงนึกอะไรไม่รู้พูดมา จะไปต่กับน้องดรีมเด็กเก่ามึงอ่ะดิ่ ผมก็ไม่พูดอะไรนะ แต่พยายามแสดงอาการออกประมาณว่าโดนจับไดั แล้วก็สำเร็จพวกมันคิดว่าผมจะไปกับดรีมจริงๆ มันก็แซว ๆ ๆ ๆ


จนพอได้จังหวะ ผมกับไอ้คิงก็ออกมาเลย มันบอกว่าถ้าไปกับพวกแม่ง กว่าจะได้กลับนู่นอ่ะเช้า ผมบอกเออ ไม่อยากไปเลย ไปกับพวกมันยังไงก็เฺหมือนเดิม แดรกเหล้ส แทงสนุ๊ก คึกๆหน่อยก็ชวนไปสวนลุม แต่เหตุผลหลักๆเลยที่ผมกับไอ้คิงรู้ๆกันคือ พวกเพื่อนๆผมเป็นสิงห์อมควัน ดูดบุหรี่กันแทบทุกคน ถ้าเลี่ยงได้ผมก็อยากเลี่ยง  และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าพวกมันนั้น พัฒนากันไกลแค่ไหน


เพราะในช่วงนั้น Facebook twitter ig  มันยังมา internet มันยังเข้าไม่ทั่วถึงแบบยุคปัจจุบันที่นั่งเขียน เพราะงั้น  ก็จะไม่รู้เลยว่าข่วงชีวิตมหาวิทยาลัยของเพื่อรแต่ละคนเป็นยังไงบ้าง ทำอะไร คบกลุ่มเพื่อนใหม่ๆแบบไหนบ้าง


มันอาจจะไม่ใช่แค่บุหรี่ที่พวกมันสูบ แต่อาจจะเป็นบุหรี่ยัดใส้ มารีฮวนน่า กัญชา บลา ๆ ๆ ๆ เพราะงั้นเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ยิ่งไอ้คิงนี่ไม่ได้เลย อะไรนิดๆหน่อยๆก็กระทบมันหนักแน่ๆ มันก็ถามผมว่า มึงยังไงเนี่ยเลิกงาน ผมก็บอกคงกลับบ้านว่ะ มันบอกเพื่อนในห้องมึงล่ะ ผมก็บอกไม่รู้ว่ะ กุไม่ได้วางแผนล่วงหน้ามาอ่ะดิ่


มันก็ถามว่าแล้วมึงกับดรีมน่ะ ยังไงดูน้องมันก็ยังไงอยู่นะ ไหนจะเอารูปมึงขึ้นดิสอีก ผมก็มองหน้ามันแล้วบอกก็คุยกันตลอด บ่นกูเรื่องนอนดึกตลอด กูก็บอกดรีมมันให้หาเวลาพักเยอะๆ มันบอกเออดีว่ะเลิกกันแล้วยังคุยได้ ผมก็บอกมันนะว่ากูไม่ได้เลิกกันเพราะเกลียดกันนี่หว่า มึงก็รู้ มันก็บอกรู้ดิ่ เดินตากฝนร้องไห้ยั๊งหมา ผมฟังแล้วหัวเราะเลย พอมันผ่านมาแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่คุยตลกๆได้นะ ผมบอกก็แม่เขาปลื้มมึง อยากได้มึงเป็นลูกเขย แต่ไอ้คิงบอกแต่กูไม่ปลื้มป้าเขาว่ะ มีแม่ยายแบบนั้นกูบวชดีกว่า  พวกเราก็ขำกันฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ



แล้วตอนนั้นผมก็บอกเฮ้ยยย ขึ้นไปข้างบนกัน เดี๋ยวจะถึงคิวจอยแล้วนี่หว่า ไอ้คิงบอกจอย จอยไหนวะ....  ผมก็สะดุ้งเลยครับ ลืมตัวครับ แล้วไอ้คิงก็รู้เลย มันบอกเดี๋ยวไอ้สัส จอยที่เป็นรุ่นพี่เรา ที่เป็นวิทยากรรับเชิญป่ะ แล้วทำไมมึงเรียกจอยเฉยๆ ผมเหงื่อไหลจ๊อก ๆ ๆ ไอ้คิงมันดังคอเสื้อผมเบาๆ แล้วพูดว่า มึงสารภาพบาปมาตรงๆ จะบอกกูดีๆหรือต้องโดนหมัด ผมนี่เหงื่อไหลจ๊อกๆเลยครับตอนนี้

 




เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

namogt

เข้ามารอเทพโทนทุกวันเลยครับ ดีใจเลยครับเข้ามาเจอตอนใหม่ 




sunnies

เผลอหลุดปากเรื่องจอยแล้วจ่ะแก้ตัวยังไง สงสัยอยู่ครับว่าจอยขึ้นไปพูดคงต้องกล่าวถึงโทนแน่ๆ



zeebraa





Roam/Z/l3


Tritratex

หลุดเรื่องจอยซะแล้วท่านโทน ไม่รู้ว่าจะบอกคิงได้หมดมั้ยน้อ