ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_nato87

เกมรักภารโรงเฒ่า ปี 2 ตอนที่ 39 : ปลอบโยนลูกสาวนายหัว Part 2.5

เริ่มโดย nato87, กรกฎาคม 07, 2023, 05:12:57 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

nato87

พูดคุยก่อนอ่าน : ตอนแรกว่าจะให้ตอนนี้เป็นตอนที่ 3 แต่เขียนไปเขียนมา ผมไม่เอาดีกว่า ให้เป็นตอนที่ 2.5 แทน

เหตุผลเหรอ? มันเป็นตอนที่ติดพันมาจากตอนที่ 2 และผมก็ไม่อยากโกหกคนอ่านว่า ตอนนี้ลุงพลกับลูกขวัญ XYZ กันแล้ว ยังครับยัง Part 3 ของจริงครับ 55555+

โอเค บ่นผมมา บ่นมาได้เลย ลีลาเยอะจริง ๆ ไอ้ Nato87 เป็นนักเขียนที่ลีลาเยอะจริง ๆ จะยืดเรื่องไปถึงไหน แต่ผมจะพูดคำเดิม พูดเป็นรอบที่ล้านว่า นิยายของผมทุกเรื่อง ผมเน้นความเรียล ความสมเหตุสมผล ถึงผมจะบอกว่าผมอาจจะต้อง Skip เนื้อหาบางอย่างออกไป เพื่อความรวดเร็วของเนื้อเรื่อง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมทำไม่ได้อีก ความสมเหตุสมผล ความมีตัวตน ความมีเลือดเนื้อและหัวใจของตัวละคร และไดอาล็อคบทพูด ที่แสดงถึงตัวตนของตัวละครที่ผมเขียน และเนื้อหาใน Part 2.5 มันก็สำคัญซะด้วย ผมไม่อยากจะตัดมันออกไป เพราะมันจะเป็นอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมน้องลูกขวัญกับลุงพลถึงได้ลงเอยกันนั่นเอง



ในตอนนี้ ผมอยากให้ทุกคนได้เห็นความสัมพันธ์ของลุงพลและน้องลูกขวัญ แน่นอนว่าตัวละครอย่างน้องลูกขวัญ ถึงเธอจะยังเด็ก (เพิ่ง 18 ปี) แต่เธอก็ไม่ได้ไร้เดียงสา อ่อนต่อโลกอะไรขนาดนั้น เธอเป็นเด็กฉลาดพอตัว แต่ด้วยปัญหาชีวิตที่ถาโถมเข้ามา ด้วยวัยวุฒิของเด็กสาวอายุเพียงเท่านั้น ก็ต้องมีเป๋บ้างเป็นธรรมดา และแน่นอนว่า เมื่อลุงพลยื่นมือเข้ามาช่วย คนอย่างน้องลูกขวัญเองก็ต้องตั้งคำถามว่า 'ตาลุงคนนี้มาช่วยเราเพื่ออะไร?' ครับ

ก็...ใน Part 3,4,5,6 ผมจะให้แอร์ไทม์คู่รักต่างวัยสองคนนี้แบบยาว ๆ และฉากเลิฟซีนที่เรารอคอย จะเริ่มต้นขึ้นใน Part ที่สาม อดใจกันอีกนิดเดียว เพราะผมกำลังเขียน Part 3 อยู่ครับ มันจะเนียบนาบ เชื่องช้า แต่แฝงไว้ด้วยรายละเอียด ความละมุนละไม ของเด็กสาวอย่างภาสินี ที่เรา (และผม) รอคอยเธอมานานเหลือเกิน


Part 3 ไม่มีมาลีลาแล้วครับ ไม่มีมาบรรยายฉากกินข้าวอีกละ จะมีแค่ฉากที่น้องลูกขวัญพาลุงพลไปเยือนถึงคอนโดของเธอ ตามฉาก Spin off ที่ผมเคยเขียนไว้นั่นเอง และเราจะได้รู้กันสักทีว่า รอยเปื้อนสีแดงบนเตียงนอนของน้องลูกขวัญ มันคือรอยอะไร อิอิ

ความเดิมตอนที่แล้ว


//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=273580.0

ในที่สุด ลูกขวัญก็ตอบตกลง ยอมขึ้นรถกระบะของลุงพล ที่กำลังขับออกจากวิทยาลัยพยาบาล

"เรากินข้าวหรือยัง?" ลุงพลที่กำลังหมุนพวงมาลัยรถเลี้ยวออกจากวิทยาลัยพยาบาลเอ่ยปากถามลูกขวัญในชุดนักศึกษาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ "เดี๋ยวเราหาอะไรกินกันก่อนดีกว่าไหมจ๊ะหลาน?"

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะลุง" ด้วยความเกรงใจ หมวยน้อยจึงตอบปฏิเสธไป แต่ท้องน้อยของเธอกลับส่งเสียงร้องเพื่อเป็นการฟ้องว่าเด็กสาวยังไม่ได้กินอะไรเลย นอกจากน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ร้านลุงพล "หนูกินมาแล้ว"

"แน่ใจเหรอจ๊ะหลาน" ลุงพลหันควับไป "ท้องร้องขนาดนี้ แสดงว่ายังไม่ได้กินข้าว ฟังนะลูกขวัญ ไม่ต้องอาย ไม่ต้องเกรงใจลุงหรอก อยากกินอะไรก็บอกมาเถอะ เดี๋ยวลุงเลี้ยง"

"อืม...เสียทรงซะแล้วซิ" เพราะจนแต้ม ภาสินีเลยเอามือกุมท้องน้อยด้วยความหิว "ก็ได้ อะไรก็ได้ค่ะลุง"

"หมายความว่ายังไง?" คนขายน้ำเต้าหู้ถาม "อยากกินอะไรก็บอกมาเลยจ๊ะลูกขวัญ บอกมาเลย เดี๋ยวลุงเลี้ยงเอง"

"ก๋วยเตี๋ยวข้างทาง อาหารตามสั่ง" หมวยน้อยจากภูเก็ตตอบ "อะไรก็ได้ ประมาณนั้นค่ะลุง"



"งั้นก็ได้จ๊ะ" ลุงพลสับเกียร์กระปุกรถกระบะอย่างคล่องแคล่ว "ลุงรู้จักอยู่ร้านนึง ร้านนี้อร่อย เป็นร้านอาหารตามสั่ง เดี๋ยวลุงพาไปนะ"

"ลุงพลคะ หนูยังไม่ได้ขอบคุณลุงที่ช่วยชีวิตหนูเลย ขอบคุณที่ลุงช่วยชีวิตหนูนะคะ" ภาสินีเอ่ยปากขอบคุณลุงพล พร้อมกับพนมมือไหว้อีกฝ่ายที่อาวุโสกว่า "ส่วนค่าข้าว เอาไว้ถ้าหนูมีเงิน หนูจะมาจ่ายคืนให้นะคะ"

"โอ้ยยย!!! ไม่ต้องหรอกจ๊ะ!!!" ลุงพลปฏิเสธพร้อมกับรอยยิ้ม เด็กสาวคนนี้กิริยามารยาทดีมาก แสดงว่าทางบ้านต้องอบรมสั่งสอนมาดีอย่างแน่นอน "ที่ลุงช่วยเราน่ะ เพราะลุงเห็นว่าเราเหมือนลูกเหมือนหลานลุงคนนึง ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องคิดมากอะไรขนาดนั้นหรอก"

"ค่ะลุง" แล้วภาสินี ก็หันหน้ากลับไป พร้อมกับหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็คข้อความทางไลน์

"พี่แบงค์ ช่วยขวัญหน่อยได้ไหมคะ? ตอนนี้ขวัญไม่มีเงินเลย พี่พอมีเงินให้ขวัญสัก 20,000 ไหมคะ ขวัญรู้นะคะว่ามันเยอะไป แต่ตอนนี้ขวัญเดือดร้อนจริง ๆ ถ้าขวัญมีเงิน ขวัญจะรีบเอามาคืนให้พี่นะคะ"

"พี่ไม่มีเงินขนาดนั้นครับขวัญ พี่ขอโทษที่ช่วยเราไม่ได้ ตอนนี้ขวัญอยู่ไหน ให้พี่ไปอยู่เป็นเพื่อนไหม?"

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขวัญไม่เป็นไร ตะกี้ที่ขวัญพิมพ์ไป ลืม ๆ มันไปเถอะค่ะ ขอโทษที่รบกวนนะคะพี่แบงค์"

ภาสินี กดดูข้อความทางไลน์ ที่เธอส่งขอความไปขอความช่วยเหลือเรื่องเงินจากศาสตรา หนุ่มรุ่นพี่ที่เธอกำลังคบหาอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าด้วยเงินจำนวนมากขนาดนั้น ศาสตราที่ยังไม่ได้ทำงานหาเลี้ยงชีพได้ตัวเองก็ไม่สามารถหามาให้ยืมได้ หลังจากนั้นศาสตราก็โทรไลน์มาหา เพื่อขอให้ลูกขวัญไปหาที่หอพัก โดยให้เหตุผลว่าจะลองหาวิธีช่วยลูกขวัญดู

แต่เด็กสาวอย่างลูกขวัญรู้ดีว่า ศาสตราไม่สามารถช่วยเหลือด้านการเงินได้ ที่หนุ่มรุ่นพี่ชวนให้ไปที่หอ ก็น่าจะเพื่อเจตนาอื่นมากกว่า ซึ่งตัวเธอเองก็พอจะเดาออก ว่าอีกฝ่ายต้องการฉวยโอกาสในตอนที่ชีวิตของเธอกำลังพบเจอกับมรสุมเพื่อเรื่องเซ็กส์

ซึ่งเอาเข้าจริง มันอาจไม่ใช่อย่างที่ลูกขวัญคิดก็ได้ แต่ทำไมก็ไม่รู้ เซนส์ของเธอมันรู้สึกแบบนั้น ถ้าหากเธอไปหาพี่แบงค์ที่หอจริง ๆ นอกจากที่เธอจะไม่ได้รับการช่วยเหลือเรื่องเงิน ดีไม่ดี เธออาจจะต้องเสียตัวแทน เพราะเธอเองก็แอบสังเกตพฤติกรรมของแฟนหนุ่มรุ่นพี่มาได้สักพัก ว่าอีกฝ่ายมักจะพยายามแต๊ะอั๋ง หรือถึงเนื้อถึงตัวเธออยู่ตลอด ถ้าหากมีโอกาส

สุดท้ายลูกขวัญจึงปฏิเสธหนุ่มรุ่นพี่ และโกหกไปว่าคุณแม่ของเธอโอนเงินมาให้แล้ว ท่ามกลางความกังขาของศาสตรา ว่าตกลงแล้วแฟนสาวรุ่นน้องกำลังคิด กำลังทำอะไรอยู่กันแน่

"นี่ลูกขวัญ" ขณะกำลังขับรถอยู่ ลุงพลก็แอบชำเลืองมองเด็กสาวที่กำลังอ่านข้อความทางไลน์ของใครบางคนผ่านแอปไลน์ จึงหาคุยถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น "ลุงถามหน่อยซิ ตกลงเราลาออกแล้วจริง ๆ เหรอ?"

"ก็..." ภาสินีกดปิดหน้าจอสมาร์ทโฟน "จริง ๆ หนูก็ตั้งใจว่าจะมาลาออก แต่อาจารย์ที่คณะไม่ยอม พวกท่านบอกว่าให้หนูดรอปเรียนไปก่อนสักเทอมเพื่อรอดูสถานการณ์ ระหว่างนี้ก็ให้หนูไปดูแลคุณพ่อที่กำลังป่วย แล้วพอคุณพ่อหนูหายดีแล้ว สถานการณ์อะไร ๆ มันดีขึ้น แล้วค่อยกลับมาเรียนต่อในเทอมหน้า ทีนี้ หนูก็เลยขอเงินค่าเทอมคืน เพราะว่าตอนนี้หนูร้อนเงินมาก..."

หมวยน้อยจากภูเก็ตถอนหายใจเสียงดังด้วยความทุกข์ เธอเหลือบมองหน้าคุณลุงขายน้ำเต้าหู้ เพราะไม่รู้ว่าเธอควรจะพูดเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายฟังดีหรือไม่

"แล้วยังไงต่อจ๊ะหลาน" ลุงพลถาม "ไม่ต้องกลัว!!! ทุกอย่างที่หนูเล่า ลุงสัญญาว่าลุงจะเก็บมันเป็นความลับระหว่างเราสองคน"

"ตอนนี้หนูมีเงินเหลือติดในบัญชีแค่ไม่กี่พันบาท" ภาสินีตอบ "ก็อย่างที่หนูได้บอกลุงไปตะกี้เนี่ยแหละ ส่วนเรื่องคืนเงินค่าเทอม อาจารย์ที่คณะก็คุยกัน และตกลงกันว่าจะไปคุยกับฝ่ายการเงิน เพื่อขอคืนเงินค่าเทอมให้หนู แต่ยังตอบไม่ได้ว่าหนูจะได้เงินคืนเมื่อไร แต่คงอีกนานแหละ หนูรอไม่ไหวจริง ๆ"



"แล้วตอนนี้ หนูมีภาระค่าใช้จ่ายอะไรบ้างจ๊ะ?" ลุงพลถามต่อไป โดยปักธงว่าถ้าหากจำนวนเงินที่ลูกขวัญต้องการนั้นไม่มากนัก ก็อาจจะยื่นมือเข้ามาช่วย ส่วนหนึ่งเพราะสงสารเด็กสาวผู้โชคร้ายอย่างภาสินี

"พี่ชายตัวแสบของหนูเชิดเงินส่วนกลางที่คุณแม่แบ่งเอาไว้ให้ไปใช้คนเดียว แถมยังขโมยรถหนูขับหนีลงใต้ ไอ้พี่บ้า!!!"

ภาสินีระบายความทุกข์ในใจให้ลุงพลที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นานได้รับฟัง

"แล้วทีนี้ พอพ่อหนูป่วย ก็ไม่มีใครเป็นเสาหลัก คนที่ควรจะเป็นหลักอย่างพี่ชายของหนูก็ดันเชิดเงินหนีไป ส่วนคุณแม่ ก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลทางฝั่งภูเก็ต แล้วแม่หนูก็มาป่วยอีกคนเพราะเรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้!!! แล้วตอนนี้คนใช้ที่บ้านของหนูลาออกกันหมดแล้ว แล้วหนูก็ต้องใช้เงินเก็บบางส่วนออกเงินเดือนก้อนสุดท้ายให้ทุกคน" ภาสินีเอ่ยปากพูดขึ้นมา "ตอนนี้ที่บ้านของหนูไม่มีใครอยู่ หนูก็เลยปิดบ้านเอาไว้ คอนนี้หนูก็เลยไปนอนพักที่คอนโด แต่ว่าทุก ๆ เดือน หนูก็ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟทั้งที่บ้านแล้วก็ที่คอนโด หนูตั้งใจว่าจะไปทำเรื่องที่การไฟฟ้า การประปา ให้หยุดจ่ายน้ำจ่ายไฟที่บ้านใหญ่ เพราะตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ตอนนี้หนูเลยเหลือเงินติดตัวแค่ไม่กี่พันบาท"

"เดี๋ยวนะจ๊ะหลาน ก็ไหนวันก่อน ที่หนูว่าจะขับรถกลับบ้าน? ลุงพลเอ่ยปากถามถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากที่ตนเองได้ช่วยชีวิตเด็กสาวแล้วครูเบสท์มาพบ ทั้งสามคนเลยได้คุยกัน ก่อนที่ลูกขวัญจะขอขับรถกลับบ้านแทนที่จะไปนอนพักที่ห้องพยาบาลของหมอพลอย

"หนูโกหก..." ภาสินีตอบเสียงสั่น "ตอนนี้เวลาหนูจะไปไหนมาไหน หนูก็ต้องโบกรถแท็กซี่ แต่จะให้โบกแท็กซี่ตลอดไปแบบนี้ก็ไม่ไหว บางครั้งหนูก็ต้องขึ้นรถเมลล์บ้าง รถตู้บ้าง เพราะไม่อย่างนั้นเงินหนูก็จะหมดเร็วขึ้นไปอีก หนูคิดว่าถ้ามันไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ หนูคงจะไปขายตัวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!!!"

"อย่าทำแบบนั้นเด็ดขาดนะหลาน!!!" พอได้ยินลูกขวัญตัดพ้อชีวิต ถึงขนาดจะยอมไปขายตัว ลุงพลก็รีบขวางขึ้นมา "อย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด!!! หนูยังเด็ก!!! ยังมีอนาคตที่ดี!!! อย่าคิดแบบนั้นเด็ดขาดนะ!!!"

"แล้วลุงจะให้หนูทำยังไงละ!!?? พี่ชายหนูเล่นเชิดเงินขโมยรถหนูหนีหายลงใต้ พ่อหนูก็นอนอยู่ห้อง ICU แม่หนูก็กำลังแย่" ภาสินีเอ่ยปากถาม "หนูไม่รู้จะหาเงินยังไง? นอกจากเขียนนิยายหาค่าขนมเดือนไม่กี่พันอ่ะ!!!"

"หนูต้องการเงินเท่าไร" เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ลุงพลก็พูดขึ้นมา "บอกลุงมา ว่าหนูต้องการเงินเท่าไร?"

"ลุงจะช่วยหนูได้เหรอ?" หมวยน้อยร่นคิ้วด้วยความสงสัย

"บอกมาเถอะ" คนขายน้ำเต้าหู้ยิ้ม "ถ้ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรง ลุงยินดีช่วย"

"เรื่องรักษาพยาบาลคุณพ่อ คุณแม่จัดการไว้แล้วก่อนที่จะป่วย แล้วโชคยังดี ที่คุณพ่อทำประกันสุขภาพ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร" ภาสินีอธิบายถึงปัญหาด้านการเงินที่เธอต้องพบเจอ ณ ขณะนี้ "ไว้ถ้าคุณแม่หนูหายดี ทุกอย่างก็น่าจะดีขึ้น ติดแค่เรื่องเงินค่าใช้จ่ายประจำวัน ค่าน้ำค่าไฟ ที่เดือนนี้ หนูมีพอที่จะจ่าย แต่เดือนหน้า หนูไม่รู้จะเอาเงินจากไหนมาให้ จะขอคุณแม่ หนูก็เกรงใจ..."



"เอาละ ๆ ลุงเข้าใจแล้ว ๆ " ลุงพลต้องรีบตัดบท เพราะไม่งั้นลูกขวัญคงจะร่ายยาวไปมากกว่านี้ "บอกลุงมา หนูต้องการเท่าไร?"

"ไม่ต้องก็ได้ค่ะลุง..." ภาสินีปฏิเสธ "แค่ลุงมานั่งฟังในสิ่งที่หนูระบายออกมา หนูก็รู้สึกดีแล้ว อย่าให้หนูรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณลุงไปมากกว่านี้เลย"

"ก็ลุงบอกแล้วไงละ?" มนุษย์ลุงพูดคำเดิม เสียงดังฟังชัด "ไม่ต้องเกรงใจ ลุงเต็มใจช่วยหนู นี่ลุงพูดจริง ๆ นะ"

"ลุงพล?" หมวยน้อยหรี่ตามองคุณลุงขายน้ำเต้าหู้ด้วยความสงสัย "ถามจริง ๆ เถอะ ที่ลุงต้องการจะช่วยหนู ลุงต้องการอะไรกันแน่?"

"ก็ลุงบอกแล้วไงจ๊ะ" ลุงพลยิ้ม "ลุงอยากช่วยเราจริง ๆ ลุงเห็นเราเหมือนลูกเหมือนหลานคน..."

"โกหก..." ลูกขวัญยิ้มที่มุมปาก เหมือนมีธงในใจ ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ "อย่ามาเล่นละครคุณธรรมกับหนู ลุงพล บอกความจริงมาเถอะ ว่าลุงต้องการอะไรจากหนูกันแน่?"

ดูเหมือนว่าเด็กสาวคนนี้จะไม่ได้ใสซื่อไร้เดียงสา ถึงขนาดไม่รู้ว่าคุณลุงขายน้ำเต้าหู้ที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่นานมีเจตนาซ่อนเร้น เพราะเธอคิดเสมอว่า บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาแบบฟรี ๆ

"ก็ลุงบอกแล้วไงจ๊ะ" แต่ถึงกระนั้น ลุงพลก็ยังตีเนียนต่อไป "ลุงน่ะ..."

"ตรงไปตรงมากับหนูดีกว่าค่ะลุง" ภาสินีแทรกขึ้นมา "ตอนที่ลุงช่วยหนูบนดาดฟ้า หนูรู้นะ ว่าลุงทำอะไร?"

"แล้วลุงทำอะไรละจ๊ะ?" มาถึงขั้นนี้ มนุษย์ลุงยังตีหน้าซื่อ "ก็ลุงช่วยชีวิตหนูไง"

"นั่นก็ใช่" หมวยน้อยตอบ "แต่ลุงเอาเป้ากางเกงมาถูก้นหนู ลุงคิดว่าหนูไม่รู้เหรอ? นี่ถ้าหนูบอกความจริงกับครูเบสท์ หนูว่าครูเบสท์เอาลุงตายแน่!!!"

"เอ่อ..." เอาแล้วไง มาเจอเด็กสาวรู้ทัน ตาเฒ่าจอมหื่นถึงกับไปไม่เป็น "มัน...มันไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย"

"แน่ใจเหรอ?" ภาสินีหรี่ตามองลุงพล "ที่ลุงมาช่วยหนู นั่นหนูก็ขอบคุณ แต่ที่ลุงมาลวนลามหนู นั่นก็อีกเรื่อง ยอมรับได้หรือยังละ!!?? ว่าลุงน่ะแอบลวนลามหนูตอนเผลอจริง ๆ"

"เฮ้อ..." ลุงพลถึงกับถอนหายใจ "ลุงไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ ตอนนั้นมันเหตุสุดวิสัย ก็ลุงกลัวว่าหนูจะคิดสั้น ลุงเลยต้องพยายามรั้งตัวเอาไว้ แล้วทีนี้ อวัยวะบางอย่างของลุง มันก็ดันไม่เชื่อฟัง หนูต้องเข้าใจก่อนนะ จังหวะนั้นมันเป็นจังหวะชุลมุน ลุงก็คิดแค่จะช่วยชีวิตหนูจริง ๆ ลุงไม่ได้..."

"พอละ!!! พอเลย!!!" หมวยน้อยถึงกับอมยิ้ม เมื่อสามารถไล่ต้อนคุณลุงขายน้ำเต้าหู้คนนี้ได้สำเร็จ "หนูแค่แกล้งหยอกลุงเฉย ๆ ก็แค่นั้นแหละ!!!"

"แกล้งคนแก่มันบาปนะหนู" คนขายน้ำเต้าหู้ตอบ

แล้วภาสินีก็ไม่ได้ตอบอะไร เธอเบือนหน้าหนีไปทางกระจกรถ เฝ้ามองดูวิวทิวทัศน์ด้านนอก ที่มีแต่รถยนต์นานาชนิดแล่นผ่านในช่วงหัวค่ำของวัน ส่วนลุงพลก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น จนทุกอย่างกลับสู่ความเงียบ



ลูกขวัญเอามือกุมท้องที่ร้องจ๊อกด้วยความหิว จนลุงพลที่ขับรถอยู่อดขำไม่ได้

"มีอะไรน่าขำเหรอคะลุง?" ภาสินีมองค้อนใส่

"เห้อ!!! ตัวเล็กแค่นี้" ลุงพลอมยิ้ม ขณะที่มือกำลังจับพวงมาลัยแน่น "แต่ท้องร้องเสียงดังมาก ท่าทางจะหิว"

"ก็หิวซิ!!!" หมวยน้อยผู้ตกอับตอบ ก่อนก้มมองท้องน้อยเบื้องล่าง "อาทิตย์นี้หนูกินแต่มาม่า ไม่ก็ข้าวกับปลากระป๋อง กับเมนูสารพัดไข่ โคตรเลี่ยนเลยอ่ะ!!!"

"กินแค่มาม่า ปลากระป๋องติดต่อกันบ่อย ๆ ไม่ดีนะหลาน" ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ ลุงพลเลยเอ่ยปากเตือนด้วยความเป็นห่วง "เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะหรอก!!!"

"ก็หนูต้องประหยัดเงินให้มากที่สุดอ่ะ" ลูกขวัญบ่น "หนูโกหกคุณแม่ ว่าหนูยังมีเงินเหลือเก็บอยู่ เพราะหนูไม่อยากรบกวนคุณแม่อีก นี่ถ้าพี่ชายหนูไม่เชิดเงินส่วนกลางที่คุณแม่แบ่งให้หนีไป หนูคงไม่ตกอับถึงขนาดนี้หรอก!!!"

"เอาละ ๆ" คนขายน้ำเต้าหู้ตัดบท "ไม่ต้องบ่น ลุงเข้าใจ อดทนอีกนิดนะหลาน เดี๋ยวก็ได้กินข้าวแล้ว"

"ก็มันน่าบ่นไหมละลุง!!!" ภาสินียังไม่ยอมเลิกบ่น "เนี่ย!!! เพราะแบบนี้แหละ!!! หนูถึงจะไปขายตัว ประชดชีวิตให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!!!"

"ไม่เอาซิ!!!" เอาอีกแล้ว มาตัดพ้อว่าจะไปขายตัวอีกแล้ว "ลุงไม่สนับสนุนวิธีนั้นเลยนะ เราน่ะเป็นลูกผู้ดีมีสกุล อย่าคิดทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่หนูรู้เรื่องนี้ขึ้นมา พวกท่านสองคนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!!??"

"แล้วจะให้หนูทำยังไงละลุง!!!" หมวยน้อยถาม "หนูไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว!!! แล้วอีกอย่าง!!! หนูถามลุงหน่อยเหอะ!!! มันธุระอะไรของลุง!! ลุงถึงมาห้ามไม่ให้หนูขายตัวเนี่ย!!??"

"ก็เพราะลุงเห็นว่าหนูเป็นลูกผู้ดีมีสกุลไงละ" ลุงพลตอบ "ลุงเตือนเรา เพราะลุงหวังดีจริง ๆ นะ"

"ลุงตอบไม่ตรงคำถามอ่ะ!!?? หนูถามลุงว่าลุงจะห้ามหนูในฐานะอะไร!!?? ลุงกับหนูไม่ได้เป็นญาติกันสักหน่อย!!!" ลูกขวัญยังไม่ยอมเลิกรา "แถมเราก็เราพึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน!!! แล้วทำไมหนูต้องฟังลุงด้วย!!! เพราะลุงช่วยชีวิตหนูไว้!!! หนูเลยต้องฟังลุงยังงั้นเหรอ!!??"

"หลานจ๊ะ...ใจเย็น ๆ แล้วฟังลุงพูดก่อนนะ" เป็นเด็กที่เร้ารือเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย ลุงพลคิด "ลุงไม่ได้เป็นญาติของหลานก็จริง แต่ที่ลุงเตือนเนี่ย ลุงหวังดีกับเราจริง ๆ ชีวิตหลานยังมีอนาคตอีกไกลนะ ถ้าหลานเดือดร้อนเงิน เดี๋ยวลุงช่วยออกให้"

"คนเราน่ะ ไม่มีใครทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทนหรอก หนูอาจจะเด็ก แต่หนูไม่ได้อ่อนต่อโลกสักหน่อย!!!" ภาสินีพูดขึ้นมา เพราะสงสัยในความชัดเจนของลุงขายน้ำเต้าหู้คนนี้ "ที่ลุงช่วยหนู ลุงต้องการอะไรจากหนูกันแน่?"

"ก็ลุงบอกแล้วไงละ" ลุงพลก็ยังยึดมั่นในคำตอบเดิม "ลุงแค่หวังดีกับเราจริง ๆ นะ ลุงไม่ได้..."

"มันมากกว่านั้น!!!" ภาสินีปฏิเสธ ก่อนที่เธอจะทิ้งช่วงเงียบไปสักระยะ ก่อนที่จะพูดอะไรเพิ่มเติมขึ้นมา "ถ้าหนูบอกว่า หนูต้องการเงินสักแสน ลุงจะให้หนูได้ไหม?"

"จะเอาไปทำอะไรตั้งแสนนึงเหรอ!!??" พอได้ยินจำนวนตัวเลข ลุงพลถึงกับหันควับกลับไปมองเด็กสาวที่นั่งอยู่เบาะผู้โดยสาร

"ก็หนูต้องจ่ายค่าส่วนกลางคอนโดของหนูเกือบ 20,00 บาท" ภาสินีร่ายยาวถึงรายจ่ายที่ตนต้องแบกรับ หลังจากที่ภูวนาท พี่ชายตัวแสบเชิดเงินหลายล้านหนีหายไปพร้อมกับรถยนต์ของเธอ "ไหนจะค่าเดินทาง ไปดูแลคุณพ่อที่โรงพยาบาล ค่ากินค่าใช้ ค่าน้ำค่าไฟ แล้วก็..."

"พอละ!!!" ลุงพลรีบผายมือบอกให้เด็กสาวหยุด "ลุงเข้าใจแล้ว!!! เอางี้แล้วกัน!!! เดี๋ยวลุงให้หนูยืมเงิน ตกลงไหม!!??"

"ลุงพูดจริงป่ะเนี่ย!!??" ภาสินีร่นคิ้ว ด้วยความไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน "เงินตั้งแสน!!! แล้วก็นะ!!! นี่หนูไม่ได้จะดูถูกลุงนะ!!! ลุงเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้ รายได้ต่อเดือนลุงจะสักเท่าไรกันอ่ะ!!! ลุงมีให้หนูยืมเหรอ!!??"

"เชื่อเถอะ ว่าลุงมีให้หนู" ไม่รู้อะไรซะแล้ว ลูกสาวนายหัวคนนี้ ลุงพลคิด "แต่ เงินแสนมันเยอะนะ ลูกขวัญ หลานเองก็พูดออกมาเองไม่ใช่เหรอ? ว่าไม่มีใครบนโลกใบนี้ทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน"

"ก็ใช่" หมวยน้อยพยักหน้า "แล้วลุงต้องการอะไรจากหนูละ?"

"........"

แล้วความเงียบก็เข้ามาปกคลุมบรรยากาศภายในรถกระบะอีกครั้ง ลุงพลเกิดอาการลังเล ที่จะบอกความต้องการที่แท้จริงของตัวเองออกมา ส่วนลูกขวัญก็นั่งเงียบ ลุ้นว่าลุงขายน้ำเต้าหู้ที่ขับรถต้องการอะไรจากเธอ

 
โปรดติดตามตอนต่อไป...
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
ฝากติดตามเพจเฟสบุ๊คของผมด้วยนะครับ


Darkreader


Liver fc


amnasi


pui10000


navy868

ไม่รู้จักลุงพลสายเปย์ซะแล้วลูกขวัญ แสนนึงสบายมาก ส่วนที่ลุงต้องการ คิดดีไม่ได้เลย...
::Oops::
ลูกขวัญยื่นข้อเสนอเองซะด้วย ใจถึงมาก


xtazy

เจอลุงสายเปย์แบบนี้ อย่างน้อยเดือนนี้ก็คงรอดไปได้

เดช12341



tong2929


review1972

อย่าว่าแต่ลูกขวัญลุ้นว่าลุงพลจะขออะไรตอบแทน พวกผมก็ลุ้นครับ555

peddo

ลูกขวัญ​คิดจะขายตัว เจอถูกคนแล้วครับ แต่ลุงต้องซื้อด้วยใจนะครับ

Lonelyworm


Nut1951

น้องลูกขวัญไม่ต้องตกใจ ลุงพลต้องการปลอบใจจริงๆ    55555555555