ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ร้านคาราโอเกะ [ Part 08 ] ตอนที่ 139 ( ประสบการณ์ของนายโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, มกราคม 30, 2024, 12:06:59 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้




COKE

อ้างจาก: ΜoNoTΩИ∑ ★★★ เมื่อ มกราคม 30, 2024, 12:06:59 ก่อนเที่ยง
สวัสดีครับ สวัสดี ร้านเกะมาละครับ

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา



ปล. สำหรับท่านที่ต้องการอ่าน ซีรีย์คาราโอเกะ หรือ ทุกซีรีย์ย้อนหลัง




สามารถคลิกที่ภาพ เพื่อวาร์ปไปห้องสมุดนายโทนได้เลยครับ







ปล.2 สำหรับใครสมาชิกใหม่ที่พึ่งสมัครเมมยูซเซอร์เข้ามาแล้วพออ่านเรื่องนี้แล้วอยากอ่านต่อก็ง่ายๆครับ
ตามภาพเลย ขั้นตอน 1 2 3  แต่ระวังการคอมเมนต์ไว้ให้ดีๆ อย่ามาแต่ อีโม นะ






★★★★★★★★★★★

ความเดิมตอนที่แล้ว

ผมก็มาทำงานวันอังคารนี่แหละครับ จอยก็มาเหมือนกัน

จอยบอกว่าวันนี้ทางคุณท่านเนี่ยมีประชุม

แล้วก็เอารายชื่อมาให้ดู มีพี่แท-โอ และอีกคน

อื้อหือไม่อยากอ่านชื่อเลยว่ะ แต่ว่า

ยังไม่ทันได้เปิดคอม ปัญหาก็มาซะแล้ว

คารีน่าเธอเดินมานู่นแล้ว



★★★★★★★★★★★






คารีน่า !!!  ผมคิดในใจเวรเอ๊ย มาตั้งแต่วันแรกเลย  เธอยืน กอด / อก แล้วมองหน้าผมโดยตรง ยังย้ำคำพูดเดิมว่า ผมอาละวาดใหญ่เลยนะ ตอนนั้นบรรยากาศรอบข้างมันไม่ดีเท่าไรเลยครับ คนรอบข้างผมนี่นิ่งไปเลย แต่แล้วไงอ่ะ ผมก็จงใจ ถอนหายใจยาวๆ มันเป็นภาษาสากลแหละครับ อยากจะบอกว่ากูล่ะหน่ายใจ และผมก็พูดภาษาอังกฤษ งานก็เยอะ เสียเวลา


คารีน่าพูดว่า โทน นี่ชั้นอุตส่าห์แวะมาหาโดยเฉพาะเลยนะ แล้วจะไปไหน ผมก็ตอบไปว่าทำงานไง แล้วผมงงใจมากเลยนะกับความห้าวของการ์ดทีมคารีน่า ผมรู้แล้วล่ะมันเดินเข้ามา แต่ไม่คิดว่ามันจะกล้า วางมือผั๊วะบนไหล่แล้ว ผมคว้ามั่บหมุนตัวและบิดข้อมือสวนทาง มันก็ร้องด้วยความเจ็บปวด


ผมก็ถามว่าใครอนุญาตให้เข้ามาไม่ทราบ คารีน่าบอกว่าจะเข้ามาต้องขออนุญาตเหรอ ผมก็บอกว่า ก็นะมันเป็นมารยาทสากลนั่นแหละ แต่สำหรับคนที่ไม่รู้จัก การ์ดคนที่ผมบิดข้อมือแสดงท่าทางคุกคามชัดเจน ผมบิดข้อมืออีกครั้ง แปลกมั้ยครับ บิดข้อมือแต่เข่าทรุด ผมใช้จังหวะนั้นและผั๊วะ !!!  ใช้อุ้งมือกระแทกเฉียงเข้าที่แก้มและไล่ไปโดนปลายคาง ใช้บริเวณตามภาพครับ



ไม่แข็งเหมือนหมัด แต่ก็ไม่ได้นุ่มเหมือนนุ่น ผั๊วะ !!!  ผมซัดลงไปนอนกองทันที ลุกไม่ไหวหรอกครับ สมองคงเต้นระบำอยู่ ตอนนั้นทุกอย่างเหมือนจะเงียบลงทันที ใจผมก็คิดว่าชิบหายแล้วแน่ๆใช้กำลังในที่ทำงานแบบนี้แต่ว่า ผมเห็นอะไรบางอย่างในเสื้อของไอ้เวนนี่ แม่งเอ๊ยกล้าพก เข้ามาได้ยังไงวะ

** มุมมองของจอย **

จอยน่ะตั้งใจมาที่บริษัทโทนเลยนะ เพราะว่าพึ่งได้รายงานประชุมมา มาถึงก็พอจำได้ว่าโทนอยู่แผนกไหน แต่ว่าคนในแผนกชื่อเหมียวเนี่ยแปลกๆมองโทนแบบแปลกๆ เฮ้อ ช่างเถอะๆ เพราะจอยเองก็ไม่รู้ว่า จอยกับโทนจะรักษาสถานะเพื่อนร่วมงาน ร่วมเตียง แบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหนเนี่ย รู้แค่ว่าตอนนี้ยังสบายดี และโทนชอบมีอะไรแปลกใจมาให้รู้ตลอดเลย


ไอ้โทนบ้าเอ๊ย ดันไปอาละวาดซะยกใหญ่ที่โรงเรียนเลย แต่ก็ยิ่งแปลกใจที่แบ็คของโทนจะหนาขนาดนั้นช่างเถอะๆ จอยรีบมาที่แผนกของโทน เพราะว่าในรายชื่อผู้ร่วมเข้าประชุมมีคน คารีน่าอยู่ด้วย แล้วไหนจะคุณแทโออีกล่ะ ก็อย่างที่โทนเล่าไปว่า จอยเข้ามาก็แจกแจงนู่นนี่นั่น แล้วจังหวะก็นรกเกิ๊น เหมือนท่านยมถีบมาส่งเลย พอโทนเห็นชื่อคุณคารีน่า แล้วก็หงุดหงิดทันที แต่ใครจะไปเชื่อว่าคุณคารีน่าจะมาจริงๆ

คุณคาริน่า. . .  จอยอุทานในใจเลยคือต่อให้ไม่ใช่สายงานเกาหลีโดยตรง แต่ในสายงานแบบจอย การที่ได้เจอคนใหญ่คนโต คนที่มีความสำคัญในวงการธุรกิจ เอเชียแบบจังๆ อย่างนี้ ใครก็ต้องตื่นเต้น ผิวขาวที่ใสเหมือนกระจกบอกเลย ว่าตามต้นตำรับนิยมเป๊ะ ๆ ๆ  เขาหุ่นเพียว สะโอดสะอง หน้าแบบขาวมาก

หน้าหวานมาก แต่ตาก็ดุ แต่ถ้ามองในมุมมองผู้ชายนะ ตาแบบนี้คือจ้องแล้วต้องยอมแพ้น่ะ  เขาก้าวย่าง ด้วยเรียวขาสวยๆแบบดีมากก ผิวดีมากๆ เหมือนทุกการกระทำสะกดการเคลื่อนไหวของสายคาคนอื่นๆแทบทั้งหมด.... เอ่อ.. ยกเว้นคนๆเดียว ก็มีคนๆเดียวนั่นแหละ จอยหันไปมองโทน แล้วโทนก็จงใจพูดภาอังกฤษว่าเสียเวลาทำงานมากมาย แล้วการ์ดของคุณคารีน่าก็เข้าไปหาเรื่อง


และก็จบตามที่เห็น แต่จอยทึ่งนะ โทนเขาจัดการแปปเดียวอ่ะ ตอนแรกที่บิดแขนนึกว่าจะปล่อยแล้ว ที่ไหนได้ อัดฝ่ามือ อุ้งมือ เข้าที่โหนกแก้มเต็มๆ จนการ์ดเกาหลีลงไปนอนเป็นปุ๋ยเลย ในใจจอยก็อุทาน โท๊นนนน ไหงได้ออกแรงแต่เช้าแบบนี้ล่ะ ถ้าเป็นคุณหมิวก็คง อีโท๊นนนนนน คือโทนไม่ได้สนใจอะไรเลย พอจัดการกับการ์ดแล้ว โทนเข้าสู่โหมดเมินเฉยกับสถานการณ์ตรงหน้าได้แบบ 100%


พูดแบบเข้าใจง่ายๆ ภาษาเกมส์ เหมือนโทนมี Passive Skill  หรือ สกิลติดตัวคือ ต่อต้านเวทย์มนต์สะกดใจ เนี่ย ๆ ๆ คุณคาริน่า สะกดสายตาจริงๅ แต่โทนคือ ไม่สนใจ คุณคาริน่าเดินทาเสียงส้นสูงของเขากระแทกพื้น กร่อก กร่อก กร่อก และยืนหยุดนิ่ง คนในแผนกของโทนยืนตัวแข็งทื่อไปหมด


ยกเว้นโทนที่กำลังค้นตัวของการ์ด ที่โทนพึ่งซัดจนหมอบไป มีพวกดิ้ว ( กระบองยืด ) พวกกระเป๋าบัตร แต่โทนไม่ได้เปิดนะ แค่ลื้อออกมา แล้วโยนๆไว้ จนคุณคาริน่าต้องเป็นฝ่ายพูดเองว่า คำทักทายก็ไม่มีแล้วเหรอ เดี๋ยวนี้น่ะโทน เนี่ยๆ มันเป็นจังหวะโบ๊ะบ๊ะมากๆ ทุกคนคือมองหน้ากันเลิ่กลั่กไปหมดนะ


ตลอดเวลา โทนเขาพรีเซนต์ตัวเองว่า เป็นเด็กจบใหม่ บ้านไม่ได้ร่ำรวย ไม่มีเส้นสาย ที่รีบมางาน เพราะอยากพิสูจน์ให้แฟนเก่าเห็นว่า ดูแลแฟนได้ แล้วก็ทำตัวเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร คนในแผนกก็คุยแค่บางคน แล้วดูตอนนี้สิ่  ลองให้ทุกลองคิดว่าเป็นตัวเองก็ได้ แบบว่ารู้จักคนๆนึงมาปีนิดๆ เหมือนจะเป็นคนธรรมดาๆ แต่ว่าอยู่มาวันนึง


ผู้ถือหุ้นใหญ่คนใหม่ ก็มาเรียกว่า ลูกชาย แล้วสนิทกับลูกชาย กับ ลูกสาวของท่านมากๆ ขนาดภรรยาของท่านก็ยังเรียก เจ้าโทนว่าไงลูก แล้วไหนจะคุณเจมส์ คุณจ๋า แล้วมาคุณเคย์ที่ให้ความเป็นกันเองมากๆ แล้วยังๆ ๆ ไม่ มาคุณแทโอ กับ คุณฮยอนอา อีก แค่นี้จอยก็คิดว่า คนในแผนกโทนก็มีหนาวๆร้อนๆกันบ้างแหละ คำถามมากมายก็เกิดขึ้นในหัวจอยเลยว่า ตกลงโทนที่จอยเหมือนจะรู้จักนี้ มันมีอะไรที่จอยยังไม่รู้อีกบ้างนะ


คราวนี้ ผมเล่าบ้าง...  จริงๆ ผมเห็นคาริน่าเดินเข้ามาแล้วล่ะครับ  แล้วมัน... ยังไงล่ะ ผมไม่ได้สนใจอะไรหรอก ถึงจะมีอำนาจ ไม่แพ้พี่แท-โอ แต่ความเคารพนับถือมันคนละเรื่อง เข้ามาก็ทวงคำทักทาย ไม่อ่ะ ไม่สน ผมก็เช็คและตรวจ ว่าไอ้การ์ดเวนพวกนี้ มันพกของเข้ามาได้ไง แต่อยู่ดีๆ ไอ้ชาติเพื่อนรักก็พูดขึ้นมาว่า โทน.. คุณคารีน่า เขาถามน่ะ


แหม่.... ชาติ  ชาติหมาเพื่อนรัก อยากมีบทเฉย ผมก็มอง มอง... แต่พี่ตั้มก็เดินมาสะกิดผมเบาๆ ผมก็เลยเงยหน้าและหยิบพวกบัตรต่างๆ กับ ดิ้ว และพูดว่า ตามข้อสัญญาของบริษัท ไม่อนุญาตให้พก บาร์ตันเข้ามา เพราะมันถือว่าเป็นอาวุธร้ายแรง ผมพูดแล้วก็วางลงบนโต๊ะข้างๆ ดังตึ้ง !!! แล้วถามว่า ถ้าไอ้การ์ดสันดานเสียคนนี้มันทำร้ายคนในแผนกของผม แล้วเกิดคนในแผนกนี้ ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไง


คารีน่าเธอตอบผมว่า ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บไม่ใช่เหรอ เห็นจัดการจนหมด ผมก็เลยพูดว่าเพราะไอ้ทีม 3 พวกนี้มันกระจอกไง ถ้าเป็นคนที่ผมรับมือไม่ไหวขึ้นมาจะทำไง สำนึกมีบ้างรึเปล่า อย่าเอานิสัยเก่าๆที่ทำกับพี่ฮยอน-อา มาใช้ในบริษัทนี้ แล้วพอผมพูดถึงพี่ฮยอน-อา การ์ดที่อยู่ด้วย ก็เดินเข้ามาชี้หน้าผม พูดภาษาเกาหลี อีโล้งโช้งเช้งใส่ ผม ผมคว้ามั่บ และบิดข้อมือ ดันไหล่ จับไขว้หลัง และย่ำลงตรงข้อพับให้ทรุดลงไปนั่ง


"  English "


ผมบอกไปแบบนั้น ตูฟังเกาหลีไม่รู้เรื่อง การ์ดเกาหลีทำท่าจะขยับ ผมเลยคว้ามั่บ เข้าที่สาบเสื้อสูท และรัดด้วยท่าเชือด พอมันเข้าเส้นเลือด ออกแรงนิดเดียว ไม่ถึง 3 วินาที การ์ดเกาหลีก็ตบที่แขน พั่บ ๆ ๆ ๆ ๆ ผมก็ปล่อย เพราะถ้าผมไม่ทำให้สลบไป ผมก็อ้างได้ว้า ป้องกันตัวโดยมี่ไม่ทำเกินกว่าเหตุ

ผมเองก็ต้องเซฟตัวเองในฐานะพนักงานของที่นี่ด้วย จริงๆ ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่า จะต้องมาเจอกับคารีน่าอีก แล้วยิ่งมาเจอในที่แบบนี้ผมยิ่งไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็มีแต่ต้องรับมือนั่นแหละ มันรีบตะกุยพื้นแล้วไปหาคุณคารีน่าเลยนะ ผมหันไปบอกชาติเพื่อนรักเบาๆว่า เคลียร์ที่หน่อย พวกแม่งไม่จบแน่


ชาติรีบดึงเก้าอี้ดึงอะไรหลบเลยนะ ผมบีบมือแกร๊บ แกร๊บบ ขยับต้นคอกร่อก ๆ แล้วบอกว่า ทำงานวันแรกมีปัญหาเลยแฮะ หัวหน้าผมเลยรีบออกตัวก่อนเลยว่า รบกวนใจเย็นทั้งคู่นะ เขาเดินมากลางวง และยกมือห้ามทั้งฝั่งผม ทั้งฝั่งคารีน่าเลย คารีน่าก็พูดว่า รบกวนอย่าพึ่งยุ่ง โอ้โห จี๊ดเลย ผมก็จะเข้าไปหาเลยนะ ชาติรีบล็อคตัวไว้แล้วบอกเฮ้ยใจเย็น ผมก็เลยบอกว่า เพราะนิสัยที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นแบบนี้ไง ถึงไม่อยากจะเข้าไปใกล้นะ โตจนป่านนี้แล้ว


จนไอ้ชาติบอกเฮ้ยๆ มึงพูดไทย เขาฟังไม่รู้เรื่อง เอ่อ ผมพูดภาษาไทยนี่หว่า เวรเอ๊ย เขินเลย ผมก็เลยบอกคารีน่าว่า ไม่มีอะไรจะคุยแล้ว เธอก็บอกว่า เธอแค่จะว่าเรียกร้องความยุติธรรมให้คนของเธอ เพราะว่าคนของเธอหลายคนโดนทำร้าย ผมก็นิ่งแล้วถามใครทำร้ายใครเหรอ คือถ้าทุกคนนึกภาพไม่ออก ให้ลองนึกถึงโบอา แฮนด์ค็อคครับ หยิ่งยะโสแบบนั้นเลย


ผมไม่ปฏิเสธว่าคารีน่าเธอสวยมากๆ แต่นิสัยแบบนี้ไม่ไหวว่ะ ผมบอกใครทำร้ายเหรอ เธอก็ชี้นิ้วมาทางผม ทุกคนก็หันมามองเลยนะ ผมบอกว่า แย่จังเลยนะที่ผมทำไปเพราะว่าป้องกันตัว เพราะไม่รู้มีไอ้พวกโง่ใส่สูทที่ไหนไม่รู้วิ่งเข้ามาหาเอง ผมก็แกะกระดุมเสื้อ พร้อมกับปลดกระดุมแขนเสื้อออก พับแขนเป็นท่าที่ยกมาป้องกัน มันจะเห็นว่าเป็นรอยช้ำที่ต่อกัน ผมเลยบอกว่า แล้วไอ้โง่พวกนั้นก็ใช้อาวุธกับคนที่มือเปล่าด้วยสิ่นะ ผมพูดแล้วก็เหยียบไปที่คนที่นอนมึนๆอยู่ ผมพูดว่าใครกันนะ


ผมคิดในใจว่ายอมถอยไปสักทีสิ่โว้ยย ไม่อยากทำร้ายคนนะ ผมนับ 1 2 3 ในใจ แล้วก็เอ่ยไปว่าเจ็บนิดนึงนะไอ้ทิต อโหสิด้วยนะ ผมง้างเท้าเตรียมกระทืบ แต่คารีน่าก็บอกว่าหยุด !!!  มันเป็นจังหวะเดียวกับที่โอยยย พ่อพระของโผ๊มม พี่แมนเดินมาครับ มาถึงก็เอ้าไอ้โทนออกกำลังแต่เช้าเชียว


พี่แมนมองคารีน่าแล้วก็ทักทาย ว่าไงคารีน่ามาแต่เช้าเลยนะ คารีน่าก็บอกว่าก็ปกตินั่นแหละ แล้วมองพี่แมนแบบหัวจรดเท้าเลยนะ ผมก็เลยเหยียบไอ้เกานี่เบาๆให้มันกระแอมเล่นๆ ผมก็บอกว่า มารยาทขั้นต้นน่ะนะ คืออย่ามองคนตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนั้น เขาจะมองเป็นคนไม่มีมารยาท คารีน่าก็บอกว่า พอโตแล้วก็ปากกล้าขึ้นเยอะนะโทน ครั้งนี้ยกให้ก่อน คราวหน้าคงต้องคุยปรับทัศยคติกันหน่อยแล้ว


คารีน่าพูดแล้วก็เดินมาหาผม เธอจะยื่นมาจับหน้าผม ผมก็คว้ามั่บไว้นะ แล้วบอกว่าอย่าดีกว่า ผมยิ่งผิวแพ้ง่ายอยู่ด้วย แต่เธอก็แสบพอตัวนะ ผมจับอีกมือ เธอก็เอาอีกมือมาจับหน้าไว้แล้วบอกว่า อย่าคิดว่าจะชนะไปได้ทุกครั้งล่ะ แล้วเธอก็เดินไป แล้วพี่แมนก็บอกว่ารัชน์นำทางคุณเจ้าหญิงหน่อยไป พี่รัชน์ก็รับหน้าที่ผายมือไป แล้วก็เดินนำ ผมบอกเดี๋ยวๆ แบกไอ้นี่ไปด้วย เธอหันมามองทางผม แล้วการ์ดเหมือนจะรู้งานครับ รีบมาหิ้วไปเลย


พี่แมนบอกเฮ้อ เจอโจทก์เก่าดิ่เอ็ง อ้อสวัสดีทุกคนนะครับ พี่แมนก็ทักทายทุกคน  ทุกคนก็สวัสดีครับ สวัสดีค่ะคุณแมน พี่แมนบอกว่า ขอโทษด้วยนะครับที่มีเรื่องวุ่นวายแต่เช้า เขาหันมาพูดกับหัวหน้าผมว่ายังไงเรื่องที่ไอ้โทนใช้กำลังในที่ทำงานครั้งนี้ ถือว่าผมขอแล้วกันนะครับ หัวหน้าบอกครั้งนี้ผมให้ได้นะครับคุณแมน หัวหน้าเดินมาโบกหัวผมแล้วบอกว่า คราวหน้ามึงเตรียมเขียนรายงานเลยไอ้โทน ผมก็โอยครับ ๆ ๆ ๆ


จอยเล่าต่อนะ เพราะว่าถ้าเล่าในมุมของโทน โทนคงไม่เห็นว่ารอบๆข้างมีปฎิกิริยายังไง พอคุณคารีน่าไปแล้วคุณแมนก็คลายเนคไทร์ออกแล้วบอกฮู่วว แต่เช้าเลยแฮะ โทนก็บอกผมนี่ดิ่ข้าวยังไม่ทันย่อยเลยได้ออกแรงละเนี่ย คุณแมนก็มาที่โต๊ะตัวตึงและกอด อก ยืนพิง แล้วพูดว่า เอ็งเล่นไปอัดการ์ดทีม 3 ซะเละเลยนี่หว่า


ทันทีที่คุณแมนพูดว่าโทนไปอัดการ์ดของอีกฝั่งจนเละเทะ หัวหน้าของโทนกับพี่คนชื่อจักร ถึงกับกุมขมับเลย เขาพูดว่าเอาอีกแล้วไอ้นี่ จอยก็เผลอไปมองหน้าหัวหน้าของโทน ไม่รู้เขาคิดอะไรเขาถามจอยว่า เรื่องจริงเปล่าครับคุณจอย  จอยก็พยักหน้าแล้วบอกค่ะๆ แต่ว่าฝั่งนั้นมาหาเรื่องโทนก่อนเองค่ะ


ซึ่งระหว่างนั้นคุณแมนกับโทนก็คุยกันนะ คุณแมนก็แบบคือมาดเท่เลยอ่ะ เขายืนล้วงกระเป๋าแล้วพูดว่าตกลงว่า คารีน่าให้พวกการ์ดไปเชิญตัวเอ็งจากงานเลี้ยงรุ่น แล้วก็ใช้กำลังว่างั้นเถอะ โทนบอกก็ตามนั้นครับพี่ โทนมองมาที่จอยนะ จอยน่ะคิดว่าโทนคงจะบอกว่าถามจอยได้เลยพี่แมน แต่ว่าโทนไม่ได้เอ่ยถึงจอยนะ


โทนบอกว่า ผมก็กำลังเดือดๆจากโดนหาเรื่องก่อนอยู่แล้ว แล้วยังมาวางอำนาจเกิ๊น โคตรจะดูถูกกันเลย เอาพวกทีม3 กับเด็กฝึกงานมาเฉ๊ย คุณแมนลูบคางเบาๆแล้วพูดว่า ทีม3 เอ็งก็เก็บเรียบอยู่แล้วหนิ คิดอะไรของเขาวะ เอาทีม 3 ไปเชิญ โทนบอกอย่าเรียกเชิญเล๊ยย เรียกว่ากะจะบังคับมากกว่า หัวหน้าเขาถามจอยว่าคุณจอยอยู่ในเหตุการณ์มั้ย จอยก็พยักหน้าแล้วตอบว่าค่ะ พอดีว่าจอยกลับไปงานเลี้ยงรุ่นพอดีค่ะ


หัวหน้าเขาก็มองจอยกับมองที่โทน ซึ่งจอยว่าเขาคงเดาได้ไม่ยากหรอก พี่ที่ชื่อจักรก็มาถามจอยอีกนะว่าโทนมันอัดการ์ดของเกาหลีจริงๆเหรอคุณจอย จอยก็บอกว่าค่ะตามนั้นค่ะ จอยก็บอกว่าสมรรถภาพร่างกายของโทนตอนนี้ พวกทีม 3 สู้ไม่ได้หรอกค่ะ ผลก็อย่างที่เห็น ตอนนั้นคนในแผนกก็เงียบนะ เหมือนกำลังตั้งใจฟัง คุณแมนกับคุณแมนคุยอะไรไปเมื่อกี้ฟังไม่ทัน


พอเริ่มบทสนทนาใหม่จอยก็ตั้งใจฟังนะ คุณแมนบอกว่าแล้วเอ็งจะเอาไงต่อ โทนถามว่าพี่พอรู้มั้ยว่าคารีน่าอยู่ไทยกี่วัน คุณแมนก็มองไปที่พี่รุจน์ พอเขาเดินเข้ามาจอยก็ยกมือไหว้ เขาก็ยิ้มๆให้ โทนก็ยกมือไหว้แล้วบอกพี่รุจน์หวัดดีครับ พี่รุจน์บอกเอ้อ ก่อเรื่องก่อนจะไปเก็บตัวเลยนะ แล้วก็เอาเอกสารยื่นให้ทั้งคุณแมนและโทนดูและพูดว่า เอ่ออ กลับวันนี้แหละครับคุณแมน ตอนนั้นโทนชกหมัดลงพื้น แล้วบอกเย่ซ กลับไปเลยไป๊ เอ้อพี่แมนแล้วเจ๊หมิวล่ะครับ โทนถามไป คุณแมนก็ตอบว่า ไอ้หมิวมีเรียนน่ะ โทนก็บอกครับๆ


โทนน่ะเขาก็ยืนคุยกับคุณแมนเหมือนเป็นเรื่องปกติเลย คือก็ในมุมมองของโทนก็คงเป็นเรื่องปกติๆนั่นแหละ แต่ทุกคนลองมาคิดในมุมของจอยดิ่ คุณแมนคือลูกชายของท่านประธานเลยนะ แล้วโทนคือไม่ได้มีท่าทีท่าทางประหม่าอะไรเลย แถมพูดจาตอบโต้กันไปมา ที่สำคัญความเป็นกันเองที่คุณแมนแสดงกับโทนอีก


คือคุณแมนน่ะ ในมุมมองของจอยนะเขาเป็นคนที่ไม่ได้เข้าหายาก แต่ว่าก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าไปหา ไปพูดคุยได้ คือต้องมีกึ๋น มีทัศนคติที่ดีระดับนึงเลย ก็เหมือนคุณแทโอนั่นแหละ แต่รายนั้นยากมากๆ คุณแทโอ ออกแนวเลือกคนที่จะคุยด้วยซ้ำ เนี่ย !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!  พอพูดถึงคุณแทโอ จอยยิ่งกว่าช็อค


เพราะคุณแทโอเองก็ให้ความสนิทสนมกับโทนมาก มุมมองของจอยนะ โทนเป็นคนที่ทำงานเก่ง แต่ก็เก่งแค่ระดับนึง ประสบการณ์ อายุงานยังน้อย การตัดสินใจอะไรโอเคแหละ ในคนที่อายุงานเท่าๆกันโทนอาจจะทำได้ดี แต่ถ้าวัดเรื่องมาตรฐานโทนยังอยู่แค่ระดับกลางๆ ซึ่งไม่มีทางหรอกที่คุณแทโอ จะให้ความสนิทสนมขนาดนี้ ขนาดคนเก่งๆ ในบริษัทหลักที่จอยทำงาน หรือแม้แต่บริษัทโทนก็เถอะจะมีซักกี่คนที่ได้คุย

โอ๊ยยย โทนถามจริงว่าโทนเป็นใคร เป็นอะไร หรือ เป็นสิ่งไหนกันแน่เนี่ย การพูดคุยของโทนกับคุณแมนก็ยังดำเนินต่อไปนั่นแหละ จนมาถึงคำพูดที่ว่า แล้วพี่แทโอล่ะ โทนถามขึ้นมา คุณแมนบอกว่าคงกำลังมา โทนกุมขมับเลยแล้วพูดออกว่า ทำไมไม่กลับไปซักที มาแต่ละทีนี้วุ่นกันทั้งบาง


แล้วจังหวะมันก็บ้าบอ โบ๊ะบ๊ะ เหมือนละครเกิ๊นน ไม่ต้องบอกใช่มะว่าใครมา ก็คนที่เพิ่งนินทานั่นแหละมาเลย มากับทีมงานเขาเลย มะไม่ทันแล้ว จอยหันไปเตือนไปทันแล้ว แต่ว่าคุณแทโอพูดมาก่อนเลยนะว่า สวัสดีทุกท่านแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ทุกคนก็โค้งเบาๆ ตามหลักสากลนั่นแหละ แล้วคุณแทโอก็เอียงคอมองผ่านไปเลย


แล้วชี้นิ้วไปตรงที่โทนอยู่แล้วพูดว่า เมื่อคืนก่อเรื่องอะไรไว้ล่ะน้องชาย ทุกคนหันไปหาโทนเลยนะ สิ่งที่คุณแมนทำคือเบี่ยงตัวหลบ คือมันทั้งขำทั้งตกใจ คือคุณแมนพาตัวเองออกจากการตกเป็นเป้าหมายได้ไวมาก และที่สำคัญมันไม่ใช่กิริยาที่จะแสดงออกมาได้ ถ้าไม่ได้มีความสนิทใจ และ เชื่อว่าคนระดับคุณแทโอจะไม่พอใจ คุณแทโอน่ะเขี้ยวมากๆ อะไรที่เขามาพอใจ เขาพร้อมจะปัดทิ้งทันที


คุณแมนก็ยกมือเหมือนยอมแพ้แล้วพูดว่า ผมไม่เกี่ยวนะ ส่วนโทนก็หันมองคุณแมนแบบสิ้นหวังอ่ะ แต่ก็เกาต้นคอแกร่กๆเหมือนว่าต้องยอมมอบตัวอ่ะ แล้วโทนก็พูดว่า ก็พี่อนุญาตนี่ครับ คุณแทโอก็บอกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ถล่มทีมการ์ดซะยับเยินขนาดนั้น  โทนก็บอกว่าพวกนั้นอ่อนเกินนี่ครับ ยังไม่ได้เอาจริงเลยด้วยซ้ำ


เอ้าโทนไปเถียงทำไม แย่แล้วคุณแทโอ คนระดับคุณแทโอไม่ใช่จะให้ใครมาเถียงง่ายๆแบบนี้นะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เขาหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า แกจะบอกว่าการ์ดทีม 3 อ่อนงั้นเหรอ โทนก็เกาต้นคอแล้วบอกว่า อ่อนเกินไปครับ แล้วโทนก็โชว์รอยที่แขนแล้วพูดมาว่า ที่สำคัญ ใช้อาวุธกับพลเรือนมือเปล่าด้วย ผมว่ากฎมันหย่อนยานไปนะพี่แทโอ แล้วทำไมต้องให้คารีน่ายืมการ์ดไปด้วยล่ะน่ะ


คุณแทโอก็ยกมือห้ามแล้วบอกว่าเรื่องนั้นไว้ค่อยคุยกัน พี่แค่จะมาดูเฉยๆว่าแก เป็นยังไงบ้าง ยังไงก็เตรียมตัวไว้ล่ะ เพราะที่แกทำเมื่อคืนเท่ากับว่าแกประกาศศึกกับทีม 3 ทั้งทีมแล้ว ถ้าตอนที่ไปเก็บตัวร่วมซ้อม ร่วมฝึกอาจจะแย่หน่อยนะ คุณแทโอเดินเข้าไปตบไหล่แล้วบอกว่า ทำอะไรไว้มันก็มีผลตามมาเสมอ แต่ว่า... คุณแทโอ พูดแล้วตบไหล่ปั้ปๆแล้วพูดว่า แค่นี้แกสบายอยู่แล้ว


ด้วยความที่จอยน่ะทำงานด้านประสานงานมาตลอด ต้องคอยสังเกต สิ่งต่างๆเกี่ยวกับผู้คนมาเยอะ ทั้งน้ำเสียง สีหน้า ท่าทาง ภาษากายของคุณแทโอที่แสดงออกมา มันคือสมบูรณ์แบบ ตอนที่บอกว่าโทนต้องเตรียมตัวรับสิ่งที่จะตามมาคือ น้ำเสียงหนักแน่น ท่าทางที่แสดงออกมา คือต้องการบอกกับโทนว่ามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่พอตอนที่ตบไหล่แล้วพูดออกมา มันคือท่าทางของคนที่มีความเชื่อใจ พี่ชายที่เชื่อใจน้องชายน่ะ จอยไม่เห็นแววตาของคุณแทโอนะ


แต่จอยสังเกตสีหน้าของคนที่ยืนอยู่ข้างหลังโทน เขาจะมาเห็นสีหน้าคุณแทโอโดยตรง พวกผู้หญิงคือตะลึง สตั๊นไปเลย นิ่งไม่ไหวติง จอยคาดเดาเอาน่ะ ว่าสีหน้าคงแสดงความอบอุ่นมาแน่นอน เนี่ยถึงได้บอกไงว่า โทนไปทำอีท่าไหนยังไง คุณแทโอเขาถึงได้ยอมรับในตัวโทนขนาดที่ เท่าๆที่ฟังมาแค่ไปกระทืบการ์ดของทีมเกาหลีนี่นา แล้วไหงสนิทกับคุณแทโอได้ขนาดนี้ล่ะ


คุณแทโอตบไหล่อีก 2 ครั้งปั้ปๆ แล้วบอกแกทำงานของแกซะ แล้วหันไปบอกคุณแมนว่า ได้เวลาแล้วไปกันแมน แล้วก็ตบไหล่คุณแมนไปที คุณก็โค้งหัวให้เล็กๆ แล้วทั้งคู่ก็ไป จอยไม่รู้ว่าตัวเองมีนิสัยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร แต่จอยหมั่นใส้เลขาคนไทยที่มาด้วยน่ะวางท่า วางทางจังเลย แต่ว่ามันไม่จบแค่นั้นเพราะโทนก็ยังเป็นโทน โทนพูดเป็นภาษาไทยว่า อย่าลืมนะ คราวหน้าไปเอาเอซ หรือ ตัวท็อปๆของทีม 2 มา เลขาคือหันมามองหน้าควั่บเลย แต่โทนก็บอกว่าแต่มันคงไม่มีครั้งหน้าแล้วล่ะ


เอาล่ะกลับมาในมุมของผมบ้าง พอพี่แท-โอ เดินเข้ามาผมก็คิดในใจว่า โอ๋ยย อะไรมันจะเฮ็งขนาดนี้ว๊า ทุกอย่างก็เป็นอย่างที่จอยเล่านั่นแหละ พอพี่แท-โอ ชี้มาทางผม พี่แมนก็เบี่ยงตัวหลบ เหมือนนีโอเบี่ยงตัวหลับกระสุนของ เอเจนท์สมิทเลยว่ะ เวรกรรมโถ๊ พรี่ชาย จนพี่แท-โอ บอกว่าแบบนี้เท่ากับผมประกาศศึกกับทีม 3 แล้วนะ ผมคิดในใจเลยว่าเฮ้ยผมแค่ป้องกันตัวเองนะ แต่พอพี่แท-โอ เอามือมาวางบนไหล่แล้วบอกว่าเชื่อในตัวผม ผมก็ต้องทำใจเพราะมันเป็นสิ่งที่ผมสมัครใจและทำมันลงไปแล้ว


สิ่งที่ต้องทำก็คือต้องเตรียมรับมือล่ะนะ พอพี่แท-โอ กับพี่แมนออกไป ผมก็ถอนหายใจเฮ้อออ พวกพี่ๆก็กรูกันเข้ามา เขาบอกอีโทน นี่แกสนิทกับคุณทั้งสองแค่ไหนกันแน่เนี่ย คราวก่อนที่มาด้วยกันไม่คิดว่าจะสนิทกันขนาดนี้ ผมก็บอกว่าก็ตามที่เห็นแหละคร๊าบ แล้วตอนนั้นจอยก็เดินหลบๆมา พี่ๆในแผนกผมก็หลบให้นะ จอยเข้ามาถามว่า มีอะไรจะให้เตรียมมั้ย ผมบอกไม่มี ขอบใจหลายเด้อออ ผมก็พูดเล่นๆไป จอยก็ถามว่าแล้วจะเอาไงต่อ


ผมบอกไม่เอาไง ก็ทำงานตามปกติกลับบ้านก็ค่อยออกกำลังกายกับหาทางซ้อมนั่นแหละ น่าจะอีกหลายเดือน จอยบอกอ่ออื้ม จอยบอกงั้นขอตัวก่อน ผมบอกโอเคขอบคุณมากที่เอารายชื่อประชุมมาให้ จอยบอกไม่เป็นไร แล้วเธอก็ขอตัวกับพี่ๆในแผนกผมออกไป เหมียวก็แซวว่ามีสาวๆมาหาเลยเน๊อออ แล้วเสียงคือประชดเกิ๊น ผมก็เลยบอกว่า จอยก็ไม่ได้เจาะจงมาหาผมคนเดียวนี่ แต่เอาพวกเอกสารมาให้


เหมียวมองหน้าและบอกอ๋องั้นเหรอ จนพี่ตั้มพูดแทรกมาว่า เฮ้ยย ไอ้โทน อะไรคือเตรียมตัวไว้วะ เมื่อกี้ได้ยิน ผมก็เลยถอนหายใจเฮ้อออ แล้วก็มองหัวที่หัวหน้าแล้วพูดว่า ผมโดนพี่แท-โอ ส่งเทียบเชิญโดยตรงให้ไปซ้อมร่วมกับทีมการ์ดของบริษัทเขาอ่ะ ผมอาจจะต้องขอลานะหัวหน้า แต่ก่อนไปผมจะรีบเคลียร์งาน หัวหน้ากอด - อก และถามผมว่าจะไปเมื่อไร ผมก็บอกว่าผมไม่แน่ใจหรอกครับ แต่พี่แท-โอ คงจะบอกผมก่อน หัวหน้าบอกอืม


ถ้าลาไปภารกิจมันไม่มีปัญหาหรอก แต่เอ็งต้องเคลียร์งานอะไรให้เสร็จก่อนนะ ผมก็บอกครับ ๆ ๆ พี่จักรก็ถามว่าคุณแท-โอ เชิญเองเลยเหรอ ผมก็บอกครับพี่แท-โอ กับ หัวหน้าทีมการ์ดสองคนเลย ก็ในวันงานเลี้ยงที่หัวหน้ากับพี่จักรไปด้วยนั่นแหละครับ  ผมถอนหายใจเฮ้อออ ไม่อยากไปเล๊ย ทำงานดีกว่า ผมพูดตัดบทแบบนั้น หัวหน้าก็ตบมือเผี๊ยะๆ แล้วบอกเอ้าๆ แยกกันทำงาน เพราะเดี๋ยวบ่าย 2 เราจะประชุมแผนกกัน แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันทำงานเลย


ผมก็กลับมาที่ห้องครับ เปิดคอมทำงาน เริ่มชีวิตพนักงานออฟฟิศทันที ทำงานจนถึง 10 โมง ก็เหมือนเดิมครับเดินเข้าห้องครัวของออฟฟิศ เปิดตู้เย็นเอาแซนวิชมากิน ฟาร์มเฮ้าส์ 12 บาท ทุกวันนี้คงไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว หรือต่อให้มีก็คงไม่ใช่ 12 บาท แปปนึงพี่จักรก็เดินมาครับ เขาหยิบทัปเพอร์แวร์ ของเขามา เป็นขนมปังโฮลวีท ที่เมียพี่เขาเป็นคนทำมาให้ พี่จักรเห็นผมก็ยื่นแบ่งให้เลย


แล้วบอกว่าเอ้าโทนเอาไปกิน ผมก็ไม่ปฎิเสธครับ พี่จักรบอกว่า ต้องเตรียมร่างกายสิ่นะ ผมก็บอกใช่ครับ 10 โมง ผมต้องหาอะไรกินร้องท้องไว้ ไม่ให้มันหิวมากจะได้คุมเรื่องอาหารกลางวันได้ บ่าย 2 ก็ต้องหาอะไรกินไว้ เพื่อที่เมื่อเย็นจะไม่หิวจนมันโหย แล้วซัดทุกอย่างที่ซื้อมา พี่จักรบอกอื้ม งั้นเดี๋ยวพี่ให้เมียพี่ทำขนมปังมาให้ ผมบอกถ้าแบบนั้นผมขอเป็นซื้อดีกว่าพี่จักร แต่ขอแบบสั่งเป็นรายวันได้มั้ยครับ อยากกินแบบหลากหลาย


พี่จักรบอกได้สิ่ ก็บอกไปแล้วว่าเมียพี่ชอบอบขนมปัง นี่ก็เอาไปขายบ้าง ทำแจกบ้าง ผมต้องบอกว่าเมียพี่จักรอบขนมเก่งนะครับ ทำงานเป็นแม่บ้านแบบ Full Time ที่ทำได้เพราะมีรายได้แบบ Passive หลายทางครับ เลยเลือกทำสิ่งที่ชอบได้ เอาล่ะมาต่อครับ ผมบอกว่าขอเลือกเป็นรายวันนะพี่ แต่เป็นแค่ขนมปังเปล่าๆก็พอไม่ต้องใส่พวกครีม ไอซ์ซิ่งอะไรพวกนี้ พี่จักรบอกสบายมาก


แล้วเหมียวก็เดินมา พี่จักรที่ยืนคุยกับผมอยู่ก็กลับไปทำงาน ผมพอกินขนมปังเสร็จจะล้างมือครับ เหมียวก็บอกว่าเสน่ห์แรงเน๊อออ ผมก็เลยมองค้อนเลยแล้วบอกว่า บอกไปแล้วนะ แล้วจะบอกครั้งเดียวด้วย เหมียวก็หัวเราะแล้วบอกโห่ !!!  แกล้งไม่เคยได้เลยอ่ะ พอเหมียวเข้ามาผมก็บีบจมูกแล้วบอกว่า สีหน้ามันบอกชัดเจนนี่ แล้วเหมียวเนี่ยนะจะหึงไม่มีทาง เหมียวบอกเอบบ เอบบบ ปล่อยยก่อนน ผมก็ปล่อยนะ แล้วก็รั้งเอวเธอเข้ามากอด


ผมบอกว่าขยันหาเรื่องกันเนอะเดี๋ยวนี้ เหมียวบอกแล้วมีไรป่ะ ผมก็ถามอารายเนี่ย เหมียวบอก ป๊าววว ผมก็บอกเสียงสูงเชียว เหมียวเธอล้างมือสะบัดๆเช็ดๆ แล้วก็เดินออก แต่ว่าตอนที่จะเดินออกนะ ที่มันก็ไม่ได้แคบมากนะ แต่เธอบิดตัวเหมือนจะเดินผ่านที่แคบ แต่.. เดินทาเบียดทำไม แล้วหันทางก้น มาฟื๊ดด ที่เป้าผมอีก เอาล่ะ ผมก็ไม่ใช่เด็กน้อยที่ไม่รู้ความหมายล่ะนะ


ผมก็แซวไปว่าเดี๋ยวชะตา ( จิ๋ม ) ขาดหรอก เหมียวหันกลับมาบอกกลัวตายล่ะ นั่นแน๊ !!! ท้าทาย ๆ ๆ แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นครับ เพราะอาจจะมีใครมาเห็นก็ได้ ผมกลับมานั่งทำงานต่อ ได้ยืดเส้นยืดสายหน่อยมันก็ดีนะ แต่มันมีอะไรแปลกๆหว่า เหมือนอะไรมันไม่คุ้นตาแฮะ



งานเยอะน่าดูเลยล่ะครับ หยุดไป 3 วันช่างน่าปวดใจ ผมทำงานจนลืมดูเวลา จนมีคนพูดโทนเว้ยยย กินข้าวเว้ยยย ผมก็ เซฟงาน ปิดคอม เดินออกมา ก็เป็นรุ่นพี่แหละครับที่มาเรียก เหมียวคงลงไปกับเพื่อนๆต่างแผนกแล้วล่ะ บอกตรงๆ ชีวิตพนักงานออฟฟิศ ผมไม่ค่อยเหมือนคนอื่น ผมยังไม่มีเพื่อนกลุ่มประจำ ที่แบบว่าพอพักเที่ยงก็จะรอไปกินข้าวด้วยกันตลอด


อาจจะเพราะพึ่งทำงานได้ปีกว่าๆเองด้วยล่ะมั้ง และอีกอย่างถ้ารวมกลุ่มกันไปกินข้าว กว่าจะได้ลุกจากร้าน ก็คงคุยกันยาวจนเกือบจะหมดเวลาพักเที่ยงนั่นแหละ ผมลงมากับพวกพี่ๆเขา รสนิยมของเราเหมือนกันอย่างนึงคือ ข้าวแกง ไม่ว่าจะข้าวราดแกง หรือ แกงราดข้าว ได้โม๊ดดดด


ผมก็มองไปที่ห้องที่เอาไว้นั้งพัก ผมมองๆ พี่เขาก็ถามมองไรวะน่ะ มีผีเหรอ ผมบอกไม่ใช่ๆ ชั้นเราไม่มี แต่มันแปลกๆตาอ่ะพี่ พี่เขาก็บอกอ่อ กระสอบทรายเหรอ  เอ๊ออออ ใช่ กระสอบทรายหายไป กระสอบทรายที่เอาไว้เตะต่อยระบายอารมณ์ตอนหัวเสียจากการทำงานมันหายไปไหน


ผมก็บอกเอ้อพี่กระสอบทรายหายไปไหน พี่เขาบอกพ่อเอ็งสั่งให้เอาออกไปแล้ว ผมนี่ฮึ๊ !!! พ่อผมเหรอ เดี๋ยว ๆ ๆ  พ่อผมไปสั่งได้ยังไง... แล้วพวกพี่เขารู้แล้วเหรอว่าพ่อผมเป็นที่ปรึกษาให้ทีมการ์ด ผมแบล๊ง ไปแปปนึง... สับสนอยู่ พวกพี่เขาก็บอกว่า คุณ ( ชื่อคุณท่าน ) ไง เขาให้เก็บไป เพราะมันทำให้ดูเกะกะตาและไม่ค่อยเหมาะเท่าไร


อ่อ... คุณท่านสั่งนี่เอง ฮู่วว ตกใจหมดนึกว่าพ่อผมเป็นคนสั่ง ผมก็ลงมากินข้าวกับพวกพี่ๆเขานั่นแหละ พอกินเสร็จแบ้ว ผมก็บอกพี่ๆว่า ผมขึ้นไปก่อนนะพี่ พี่เขาบอกเอ้อไปก่อนเลยพี่นั่งเล่นอีกแปป เนี่ยแหละที่ผมบอก... ผมอยากใช้เวลาพักให้คุ้มมากกว่าการนั่งคุยอ่ะ ไม่ใช่ว่าการนั่งคุยไม่ดีนะ แต่ผมอยากพักมากกว่า


อาจจะเป็นเพราะช่วงอายุมั้ง ถ้าผมอายุเท่าพวกพี่เขาก็คงจะนั่งคุยแบบนั้นแหละ ผมแวะซื้อผลไม้ไว้ครับ และแวะมานั่งตรงซอกตึก อู้วว ลมโกรกดีแท้ และ พวกคอมเพลสเซอร์แอร์ที่เป่าลมร้อนๆออกมาก็ย้ายไปหมดแล้ว อื๊มมม สบายว่ะบอกตรงๆ งานโคตรไว


ผมนั่งคิด คิด คิด ถึงเรื่องหลายๆวันที่ผ่านมา ผมใช้แรงไปเยอะแฮะ หมายถึงบู๊ที่โรงเรียนนะ หลายๆอย่างเกิดขึ้นมากมาย ทั้งอา5 ที่โผล่มาช่วยออกหน้าให้ แล้วไหนจะมีพี่ชายคนละพ่อคนละแม่เพิ่มอีก ( ลูกอา5 )  แล้วไหนจะไอ้พี่แว่นฮิบิโน่ ที่โผล่มาเรียกตรีนให้ผมในตอนที่ 94-96 อีก  ตกลงพ่อผมนี่ยังไงกันแน่นะ


อีกทั้งเรื่องที่รับงานเป็นที่ปรึกษาทีมการ์ดมา 3 ปี โดยที่ไม่บอกผมอีก มิน่าละ ช่วงปี 3 ถึงปี 4 พ่อกับแม่ถึงบอกว่า ให้ทำงานแค่หาใช้ระหว่างเรียนก็พอ ไม่ต้องเก็บค่าเทอมอีกครึ่งนึง เดี๋ยวพ่อกับแม่จัดการเอง ตอนนั้นก็มั้งแปลกใจ ทั้งกังวล ทั้งดีใจ จนไม่ได้สงสัยอะไรเลย

 แปลกใจที่อยู่ดีๆ พ่อบอกให้หาเงินแค่ใช้ระหว่างเรียนก็พอ

กังวลว่าพ่อกับแม่ต้องทำงานเพิ่มมั้ย

ดีใจที่จะได้มีเวลามากขึ้น เพราะตอนนั้นก็มีแฟนแล้ว อาจจะทำงานเพิ่มนิดๆหน่อยเพื่อหาเงินพาแฟนเที่ยว แต่ก็ไม่เยอะเท่าตอนหาค่าเทอม


ก็นั่นแหละ ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมควรจะทำยังไง และรู้สึกยังไงดี แต่คงไม่โกรธเหมือนในละครหรอก ที่ว่าพอรู้ความจริงเรื่องงานของพ่อแม่แล้วรับไม่ได้ที่พวกท่านไม่บอก เพราะแค่เงินเดือนออกในทุกๆเดือน แล้วพ่อกับแม่บอกไม่ต้องเอามาแบ่ง ไม่ต้องเอามาให้แค่นั้นผมก็ขอบคุณพวกท่านมากๆแล้ว











สู้ต่อไปนายโทน

bybee






rastaman



latipk

บางที พ่อทศอาจจะไม่บอกสายโทนก็ได้ว่าเป็นมหาเศรษฐีปลอมตัวมา

Thassana

ตั้งแต่เข้าฝึกจริงจังมาโทนบู๊เก่งขึ้นมากแบบนี้โดนใครมาหาเรื่องเหมือนเมื่อก่อนนี่รับมือสบายมากเลย


Ka55anova