ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ร้านคาราโอเกะ [ Part 09 ] ตอนที่ 143( ประสบการณ์ของนายโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, กุมภาพันธ์ 26, 2024, 01:38:23 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้



เอี้ยเกี้ย


COKE

อ้างจาก: ΜoNoTΩИ∑ ★★★ เมื่อ กุมภาพันธ์ 26, 2024, 01:38:23 ก่อนเที่ยง
สวัสดีครับ สวัสดี ร้านเกะมาละครับ

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

เดินทางมาถึง Part9 แล้ว ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามครับ

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา



ปล. สำหรับท่านที่ต้องการอ่าน ซีรีย์คาราโอเกะ หรือ ทุกซีรีย์ย้อนหลัง




สามารถคลิกที่ภาพ เพื่อวาร์ปไปห้องสมุดนายโทนได้เลยครับ







ปล.2 สำหรับใครสมาชิกใหม่ที่พึ่งสมัครเมมยูซเซอร์เข้ามาแล้วพออ่านเรื่องนี้แล้วอยากอ่านต่อก็ง่ายๆครับ
ตามภาพเลย ขั้นตอน 1 2 3  แต่ระวังการคอมเมนต์ไว้ให้ดีๆ อย่ามาแต่ อีโม นะ






★★★★★★★★★★★

แนะนำสาวๆหน่อยครับ


แม่เสือดาว พี่ใหญ่ของบรรดาสาวๆ ตัวท็อปร้านเกะ



★★★★★★★★★★★

เจ้าหญิงน้ำแข็ง ก็น้ำแข็งสมชื่อ แต่ยิ้มทีบอกเลยละลายยย



★★★★★★★★★★★

แก้ม ยัยตัวแสบ นางมารตัวน้อย ซนๆป่วนๆ จนเราไม่เหงาเลย




★★★★★★★★★★★

ความเดิมตอนที่แล้ว

สามสาวมาเที่ยวบ้านสวนครับ

ก็ได้ทำกิจกรรมหลายอย่างแหละ

แต่ส่วนมากแม่จะเป็นคนพาทำ

พอเย็นแล้ว ผมก็จะพาสามสาวกลับ

แต่แก้มคือแสดงออกชัดเจน ว่าอยากอยู่ต่อ

แล้วแม่ผมก็ชวน 3 สาวให้นอนค้างที่บ้าน



★★★★★★★★★★★

เอ๊าพ่อ ทำไมพูดแบบนั้นล่ะเนี่ย ผมกุมขมับเลยแฮะ ... แม่ผมก็ไม่ใช่แค่อนุญาต แต่เป็นฝ่ายชวนให้นอนเองซะงั้นน่ะ ผมก็มองเข้าไปในบ้าน มองแอร์เคลื่อนที่ แล้วก็มองพ่อ พ่อบอกอะไรมองอะไร ก็แม่เอ็งชวนเอง แล้วจะทำไรได้ ผมก็ถามว่าพ่อไม่ห้ามหน่อยล่ะ พ่อผมแตะไหล่ผมปั้ปๆแล้วถามว่า

" คิดว่า แย้งได้มั้ยล่ะ ไอ้ลูกหมา "

อื่ม... ไม่ได้หรอก คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว ผมก็กุมขมับ แล้วถามว่า แอร์ของใครน่ะพ่อ พ่อบอกของไอ้( เจ้าของตลาด ) นั่นแหละ ผมก็บอกไม่น่าไปยืมหรอกพ่อ  พ่อบอกเฮ้ย... จะให้นอนแบบพวกเราน่ะ มันไม่ได้หรอกไอ้ลูกหมา แล้วเอ็งนั่นแหละ นอนแอร์ทุกวัน


ไม่ใช่ว่านอนพัดลมไม่ได้นะ ผมบอกพ่อ ว่าผมก็ไม่ได้นอนเปิดแอร์ทั้งวันหรอกพ่อ ตั้งเวลาปิดตอนเที่ยงคืนน่ะ พ่อบอกอืม จริงๆ มันก็ของพ่อนั่นแหละ แต่เอาไปฝากไว้ที่บ้านนู้น บ้านเรามันแคบ เอาไว้ก็เกะกะ ผมก็ถามอ้าว.. ได้มาไงอ่ะพ่อ... พ่อบอก พวกที่บริษัทแห่ กันเอามาให้น่ะ ที่ห้องพ่อกับแม่ก็มีเครื่องนึง


ผมถามเดี๋ยวๆ ใครเอามาให้อ่ะพ่อ แล้วพอพ่อเอ่ยชื่อมาอื้อหือ... ระดับแต่ละคนไม่อยากจะเข้าใกล้เลย สรุปแล้ว... แอร์เคลื่อนที่เป็นของพ่อผมทั้งหมด 3 ตัวครับ... พ่อแม่ผมก็เอาไว้ใช้ตัวนึง พ่อบอกบางคืนมันก็ร้อนเกินไป ก็เปิดให้พอนอนได้ อื้ม.. ผมเข้าใจดีเลยล่ะ


คือต้องย้ำอีกครั้งว่า บ้านผมเป็นบ้านแบบครึ่งปูนครึ่งไม้ ใครที่เคยอยู่บ้านไม้ ก็คงจะรู้ว่าบ้านไม้ เวลาเจอแดดตอนกลางวันเนี่ย ตอนกลางคืนแทบจะนอนไม่ได้เลย เพราะไม้มันคายความร้อน ก็จริงอยู่ที่บ้านผมนิด สปริงเกอร์เล็กๆ เอาไว้พรมน้ำบนหลังคา แค่กับตัวฝ้าบ้านมันไม่โดนนี่หว่า จงเพราะงั้นแอร์ก็คงคือคำตอบ


แต่ผมก็สงสัยทำไมถึงเอาไปฝากไว้ที่บ้านลุงหว่า ฟังดูแปลกๆ แต่ก็เอาเถอะ ถ้าพ่อบอกว่ามันเกะกะก็คือมันเกะกะ แล้วสิ่งที่ทำให้ผมเชื่อว่าเป็นของพ่อคือ ตัวพลาสติกที่คลุมมา มันถูกเขียนว่า ของบ้านสวนห้ามเอาไปใช้... โอเคชัดเจนละ

แต่ผมก็บอกนะว่าทตัวเดียวก็พอแล้วมั้งพ่อ พ่อก็บอก เอาทาแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี พ่อบอกบ้านเรามีแต่ห้องเล็กๆ ใช้แค่ 9000 btu ก็พอแล้ว จริงๆ 6000 มันก็พอแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้เครื่องมันโหลดเกินไป เวลาเจออากาศร้อนๆผมก็อื้อครับ


ตอนนี้ผมก็เหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่แหละครับ มาหยิบ มาจับดูแอร์อย่างไวเลย ไหนรีโมท ไหนคู่มือผมก็หยิบมาอ่าน เอ่.... มีอะไรมาให้บ้างหว่า มีแอร์มาให้สองตัว มีท่อยืด เอาไว้ต่อหลังแอร์เพื่อระบายลมร้อนออก ผมก็มองๆคิดในใจว่า จะได้เหรอวะ... มันคงไม่เหมือนพัดลมทำความเย็นที่มีระบบหมุนเวียนน้ำ บอกตรงๆไม่ประทับใจเลย ( ในยุคนั้น )


มันแบบชื้นๆ เหนียวๆน่ะ ผมบอกจะดีแน่นะพ่อ เหมือนพัดลมไอเย็นเลย พ่อบอกเฮ้ยๆคนละเกรดเลย ถ้าเอาราคาจริงๆตกตัวละหมื่นกว่าเลยนะเว้ยไอ้ลูกหมา  ป๊าดดด ตอนนั้นผมสะดุ้งเลย คือในใจก็คิดว่าทำไมราคาขนาดนี้ไม่ซื้อแอร์ใหญ่ไปเลย พ่อบอกบ้านเราเป็นไม้ใช้ไม่ได้หรอก มันจะชื้นแล้วรามันจะขึ้น อื้มก็ตามที่พ่อผมบอกแหละครับ


เอ้า... แล้วอะไรล่ะน่ะ ห่อใหญ่ๆ ผมก็หยิบๆมา แล้วพูดอะไรหว่า จับๆ ๆ ๆ  พ่อก็บอกมุ้งไง ผมก็บอกนะว่า มุ้งผมก็ยังมีนะพ่อ พ่อก็บอกเฮ่ยยย ~ อย่าถามมากน่า ให้มานอนต่างที่ก็คงมีประหม่าอยู่แล้ว เอาไว้ลองไปกางดูเดี๋ยวก็รู้แหละ อ่าครับพ่อ.. ผมไม่มีอะไรจะถามอีกแล้ว..


เพราะพ่อคงคิดไว้ล่วงหน้าและจัดการไว้แล้ว อะไรที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ มันคือของที่ต้องใช้ 100% แน่ๆล่ะ ผมก็นั่งมองคนงานที่กำลังสร้างโรงอาบน้ำอยู่ แล้วบอกเฮ้ออออ ค่าไฟเพิ่มมาบานแน่ๆทไอ้ระบบทำน้ำร้อนเนี่ย  พ่อบอกช่างเถอะ คงไม่ได้ใช้ทุกวันหรอกน่า


มันก็คงดีกว่าให้พวกคุณนายมาแล้ว ไม่ค่อยสะดวกนั่นแหละ ผมก็มองตาละห้อยเลย เฮ้ออออ วิถีความสงบจะโดนพรากไปมั้ยเนี่ย แล้วพ่อก็ถามว่า แท-โอ กลับเกาหลีไปแล้วใช่มั้ย ผมบอก อื้อกลับไปแล้ว.. เนี่ยแล้ว Black card ไม่เอากลับไปด้วย มาฝากไว้กับผมน่ะพ่อ


พ่อก็มองแล้วบอกว่า งั้นก็เก็บเอาไว้ให้ดีๆ เขาไว้ใจก็อย่าทำลายความเชื่อใจของเขา ผมบอกจะไปทำลายอะไร๊ล่ะพ่อ ขนาดเก็บไว้ยังลำบากใจเลย พ่อผมบอกเอาล่ะๆ คร่ำครวญไปก็เท่านั้น เขาไว้ใจก็ต้องทำให้เต็มที่...  ครับพ่อ ผมตอบไปแบบนั้น


แล้วพ่อก็บอกเอ้อ ไหนๆก็นอนบ้านแล้ว เอาพวกผลไม้ไปตลาดหน่อยไป ผมก็ลุกไปที่รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างที่จอดไว้ข้างๆบ้าน อุ้ยยยย มีโรงจอดรถด้วย ถึงจะบอกว่าโรงจอดรถ แต่ก็เป็นแค่ผ้าใบที่โยงด้วยเชือกกับต้นไม้เอาไว้แค่กันแดดไม่ให้โดนรถแค่นั้น ผมขับออกมาตอนแรกก็ติดขัดๆนิดหน่อย เลยต้องไปขับจับจังหวะอีกครั้งตรงหน้าบ้าน เพราะว่ามอไซค์พ่วง มันจะยากนิดนึง เอาล่ะๆ วน 3 รอบจับจังหวะเดิมได้ละ ผมก็บิดมาตรงเข่งผลไม้นั่นแหละ พ่อบอกว่าอันนี้เอาไปให้นั้น ตะกร้านั้นเอาไปให้คนนี้หน่อย ผมก็ยก ยก ยก วางตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ


แล้วก็เหมือนทั่วไปแหละครับ พอเสียงแปลกๆคนไทยก็มักจะมามุง แต่เป็น 3 ไทยมุง คนสวยนะ สามสาวเดินออกมาหน้าบ้านครับ มิ้นต์ถามไปไหนง่ะ ผมก็เลยบอกจะเอาผลไม้ไปตลาดหน่อยน่ะ มิ้นต์บอกอยากไปด้วย แก้มบอกหนูไปด้วย


ผมบอกไปแปปเดียวเอง แล้วสองสาวก็ทำหน้าบุ่ย น่าร๊ากเว้ยยย จะว่าไปแล้ว.. มิ้นต์ไม่ค่อยประชดแฮะ แปลกๆไม่ชินมแต่ก็ดีย์แหละ แม่ผมก็เลยบอก พาน้องไปตลาดด้วยโทน ซื้อพวกเนื้อกับผักมาด้วย ผมก็ครับๆ แล้วผมก็ถามดาวว่าไปมั้ย ๆ มิ้นต์รีบบอกที่เต็มแล้วไปไม่ได้หรอก แก้มบอกใช่ ๆ ๆ


ดาวก็บอกอ้าวๆ เตะตัดขากันเฉยเลย ไปกันเถอะย่ะ พี่อยู่ข่วยแม่เตรียมมื้อเย็นดีกว่า แปปนึงแม่ผมก็เดินมาแล้วยื่นกระดาษให้ แล้วบอกว่าจะไปตลาดก็ซื้อพวกนี้มาด้วยนะ ผมก็อ่านๆ แล้ว. . . อ้าวลืม ผมบอกแปปนึง แล้วก็ตัังใจจะไปหยิบกระเป๋ามาสะพายข้าง เพราะอย่างที่เมมเบอร์ร้านเกะทุกท่านรู้

ผมไม่ชอบเอาพวกมือถือกับกระเป๋าเงินใส่ในกระเป๋ากางเกง แต่พอขึ้นมาบนห้องก็ .. จำไม่ได้ว่าเอาไว้ไหน เลยรีบๆหยิบย่ามอ่ะมาก็เป็นย่ามที่ซื้อๆมาตอนไปเที่ยวแหละครับ


พอลงมามิ้นต์ก็ถามว่า เด็กวัดที่ไหนอ่ะ แล้วแก้มกับดาวก็หัวเราะดลย ฮื่มมมม กำหมัดแล้วนะ สองสาวค่อยๆขึ้น แต่ก็มีงึกๆงักๆบ้าง ผมถามไม่เคยขึ้นเหรอเนี่ย จะไหวมั้ยเนี่ย ผมก็จับตัวพ่วงไว้ไม่ให้ไหลแหละครับ เพราะตัวเบรก มันเบรกที่ล้อมอ'ไซค์ ไม่ใช่ล้อพ่วง รถมอไซค์พ่วงที่บ้านก็ประมาณนี้ครับ


แก้มก็กระดึ้บบ กระดึ๊บบบ ขึ้นไปนั่ง มิ้นต์ก็ขึ้นไปด้วย มือนึงจับตัวนั่ง มือนึงจับเข่ง ผมหันไปถามดาวว่าอยากกินอะไรมั้ย ดาวเดินมาจับมั่บที่ตรงส่วนนั่ง แก้มก็สะดุ้ง ดาวถามแน่ใจน๊าาาา จะไปน่ะ แก้มบอกไม่เหฺ็นกลัวเลยยยยยมเนอะมิ้นต์เนอะ แต่มิ้นต์ตอนนี้เกาะแน่นเลยครับ อะไรจับได้ก็จับ ผมจะจำก็ไม่ได้


ผมก็ค่อยๆบิดไปครับ ผมบอกเกาะแน่นๆนะตรงนี้ต้องบิดฝฟ่พ้นเนิน แว๊น แหว่นนนน ผมก็บิดเบาๆพอพ้นเนินแหละครับ เลี้ยวขวา มาก็บิดปกติ แก้มกับมิ้นต์เกาะแน่นเลย พอผ่านบ้านใคร แล้วเขาอยู่หน้าบ้าน ผมก็จะชะลอครับ เดี๋ยวเฉี่ยวเอา พวกเขาก็ เอ้าโทนกลับบ้านเหรอ ผมก็ตอบครับ  พอขับไปอีก เจอคนอีกก็เอ้าโทนกลับมาเมื่อไร ผมก็บอกเมื่อเช้าครับ


ขับไปอีกเจอคนทัก ผมก็ตอบโต้ไปตามบริบทที่ถาม จนมิ้นต์บอกแก้มว่ส ไปหาดอกดาวเรืองมาให้พี่โทนคล้องคอดีมั้ยแก้ม เป็น สส. หรือไง มีแต่คนทัก แก้มบอกช่าย ๆ ๆ  มีแต่คนทัก ผมก็เลยเบ่งแบบกวนๆไปนิดหน่อยว่า แน่น๊อนนน คนดังของชุมชนนี่นา มิ้นต์บอกขี้อวดอ่ะ ผมบอกอาราย ๆ ๆ 


จนพอขับมาเรื่อยๆ เจอคนเยอะขึ้น ก็ทักเยอะขึ้น จนเลี้ยงซ้ายจะมาจอดตลาด.. โอ้... ตลาดมีโซนใหม่ด้วย ที่สำคัญ เทปูนปรับพื้นไม่มีน้ำขังเลย ผมก็เอาไปจอดในตรงที่ว่างๆ เข้าเกียร์ทิ้งไว้ แล้วเดินไปจับพ่วง ให้สองสาวลง พอสองสาวลงผมก็บอกเดินดูอะไรก่อน พี่เอาผลไม้ไปส่งก่อน แก้มบอกหนูช่วย ๆ ผมเลยบอกไม่ได้ อันนี้มันหนัก แก้มก็บุ่ยยย ผมมะเหงกหัวเบาๆไป 1 ที



แก้มบอก ฮ๋อยยย เจ็บนะพี่โทนแล้วบอกว่า คราวนี้ไม่ได้ ห้ามงอนนะ มันหนักจริงๆ มิ้นต์ก็เลยจับๆไหล่แก้มไว้ แก้มยอกงื้มม แต่หนูงอนอยู่ ต้องเลี้ยงชานมไข่มุกกับเครป ผมก็อ่ะจ้า ๆ ๆ รอแปปนะ  ผมก็แบกเข่งไป ร้านลุงที่พ่อบอก ลุงก็บอกเอ๊า โทนกลับมาเมื่อไร โห้ หล่อเลยกลับมาบ้านรอบนี้ ผมก็ยิ้มครับๆ กลับมาเมื่อเช้า


ซึ่งบอกเลย ผมไม่ติดกับดักคำว่าหล่อเลยหรอก ผมส่งของทุกร้าน เขาก็ทักหล่อขึ้นทุกร้านแหละ คงเพราะความเอ็นดูเพราะเห็นผมมาตั้งแต่เด็กๆ ก็คงเหมือนกับเวลายืนมองของกินอยู่แล้วโดนทักว่า รูปหล่อเอาไรดีนั้นแหละ ผมก็ส่ง ๆ ๆ  เรียงๆ เงินไม่ต้องเก็บเพราะส่วนใหญ่จะจ่ายล่วงหน้าหมด กลับมาที่รถ


คราวนี้เป็นพวกผัก แก้มกับมิ้นต์ก็ช่วยถือได้ ผมก็ไม่ได้ท้วง อะไร ก็มามา ส่วนนึงเพราะอยากอวดด้วยแหละว่ามีสาวๆมาช่วยขายของ ลุงๆป้าๆทก็ทักตั้งแต่หัวตลาด เอ๊ยย โทน มาสาวมาไหว้พ่อเหรอ  เอ้าโทนมาแฟนกลับบ้านเหรอ แล้วสองสาวคือทำหน้าไม่ถูก ทั้งยิ้ม ทั้งพยายามกลั้นยิ้ม เอาง่ายๆคือเสียอาการ จนเอาผักมาให้ครบทุกร้าน ก็เอาเข่งมาเก็บ


ก็เจอคนเก็บค่าแผง ก็ลูกน้องลุงนั่นแหละครับ ( ตอนนั้นยังใช้ระบบเดินเก็บอยู่ ) เขาก็ทักเอ้าโทนว่าไง ผมก็ไหว้สวัสดีคร๊าบ เขาบอกก็ว่าอยู่เห็นรถพี่ทศ แต่ไม่เห็นพี่ทศ เขาก็มองสองสาว แล้วขยับมาใกล้ๆผมแล้วบอก เฮ้ยย ไม่ธรรมดานี่หว่า ควงสองเลยเหรอ ผมก็.. อ้อ คงจะกระจายข่าวไปทั้งบ้านแล้วสิ่ วงเล็บบ้านลุงน่ะครับ ผมก็แหะๆ ๆ


เขาก็บอก อ่ะ ตามสบาย แล้วเขาก็เดินไปเก็บค่าแผงต่อ ผมก็บอกสองสาว ป่ะ ไปซื้อของกัน ก็พาสองสาวเดินซื้อของที่อยากได้หรืออยากกินก่อนครับ พวกเนื้อ และวัตถุดิบทำมื้อเย็น ค่อยซื้อทีหลัง มันจะได้ไม่ช้ำเวลาเดินแกว่งไปๆมาๆ แต่สองสาวก็หยุดกึ้กเลย... ยืนจ้องหน้าร้านขนมตาล ผมถามว่าหืมเป็นไร



แก้มหันทำหน้าจ๋อยๆ แล้วบอกว่าไม่ได้เอาเป๋าตังส์มา มิ้นต์ก็ด้วย เพราะเมื่อกี้รีบขึ้นรถเลยลืมหยิบ ผมบอกสั่งเลย ๆ มิ้นต์บอกไม่เอา.. ผมเลยใช้ท่าไม่ตายด้วยการหยิบกระเป๋าตังส์ นับ ๆ ๆ มีเงินที่กดมาใช้เหลือ 400 เป๊ะๆ ผมเลยหยิบมา มือซ้ายถือ 200 มือขวาอีก 200 แล้วบอก อ่ะงั้นพี่ใช้ยืมคนละ 200 แล้วกลับบ้านค่อยคืน


แก้มบอกเย้ขอบคุณค่ะ แล้วหยิบไปเลย 200 ส่วนมิ้นต์ยังมองอยู่เฉยๆ ผมเลยต้องใช้ท่าไม้ตายท่าที่สอง ผมบอกงั้นพี่ขับมอ'ไซค์กลับไปเอากระเป๋าตังส์ให้เอามั้ย เจ้าหญิงน้ำแข็งเธอคว้ามั่บเลย แก้มก็จูงแขนไปซื้อของกิน  ถามว่าใครดูดี๊ด๊าสุด ผมบอกไม่ได้ เพราะว่าพอๆกัน พากันหยุดหน้าร้านนั้น ซื้อของร้านนี้ ดูสนุกกันสองคนเลย

ของกินในตลาด ราคาก็ 10 บาท 20 บาท เพราะงั้นช็อปปิ้งไปเถอะ 200 น่ะเหลือเฟือ ผมเองก็ดูๆ ร้านมือถือที่เคยซื้อ ก็ไม่ค่อยมีแล้ว หลายอย่างก็เริ่มดูแปลกไป ของแปลกๆเริ่มมีเข้ามาขาย หัวชาร์จแบบใหม่ก็เริ่มมีเยอะ ไม่ใช่แบบกลมๆของโนเกียแบบที่คุ้นเคย แล้วแบบมีสายชาร์จที่แบบถอดสายได้ เสียบแบบ usb โอ้ . . . นี่ผมต้องอัพเดทบ้างแล้วสิ่นะเนี่ย


ตอนนั้นทั้งมิ้นต์และแก้มก็แวะร้านนั้น แวะร้านนี้ซื้อนิดๆหน่อยๆไม่เยอะหรอก แต่แวะหลายร้าน เพราะว่ายังมีมื้อเย็นรออยู่ แต่แปปนึงสองสาวก็แวะไปซื้อเครปเอย ขนมครกเอย ขนมเบื้องเอย  ส่วนแก้มก็ไปยืนจ้องอยู่หน้าร้านไอ้ติมหลอด แก้มถามกินได้มั้ยง่ะพี่โทน กลัวจะอิ่มแล้วกินข้าวไม่ได้ ผมบอกกินเถอะ เพราะกว่าแม่จะทำเสร็จด็เกือบทุ่มนั่นน่ะ แก้มกับมิ้นต์ก็นั่นแหละ จัดไปคนละ 2 ขนมนี่เต็มไม้เต็มมือเลย แล้วก็ไปแวะซื้อเครปญี่ปุ่น... อืมญี่ปุ่นก็ญี่ปุ่น ก็ 2 ใส้ 20 บาท  3 ใส้ 25 บาท


ก็สั่งๆ ผมมองแล้วก็คิดในใจนะ... เยลลี่กับพริกเผา มันเข้ากันด้วยเหรอวะ . แต่เอาเถอะ กระเพาะของผู้หญิง คงเกินสามัญสำนึกของผมไปไกลแล้วล่ะ ช่างเถอะๆ จนได้เวลาซื้อของให้แม่.. อ้าวลืม 400 เมื่อกี้สุดท้ายในกระเป๋าแล้วนี่หว่า ผมบอกสองสาวแปปนะกดเงินแปป มิ้นต์ก็มองแบบจ๋อยๆ ผมเลยลูบหัวเบาๆแล้ว บอกไม่เป็นไรน่าาาาาาาาาา


อ่ะตู้เขียวๆอยู่ใกล้ๆ กดเงินมาเพิ่ม พยายามไม่มองยอดเงิน คิดในใจว่าอดทนไว้ ๆ ๆ อาทิตย์หน้าอีก ไม่กี่วันก็จะพาดาวไปเที่ยวแล้ว เอาล่ะกดเงินๆ  พอกดเงินมา แล้วเดินมาตรงที่รถจอดก็เห็นคนมาชวนสองสาวคุย ผมก็เลยเดินเข้าไปซึ่งพอมันเห็นแล้ว ก็สะดุ้งแล้วฉากหลบ มันยกมือไหว้สวัสดีครับพี่โทน ผมก็เลยโอบไหล่สองสาวแล้วพูดว่า ต้องให้บอกมั้ยว่าอะไรเป็นอะไรน่ะพวกมึง ผมพูดแล้วกอดเอวสองสาวแน่นขึ้น ซึ่งสองสาวก็ยอมให้ผมกอดแต่โดยดี แล้วแก้มก็ทำท่าเช็ดหน้าให้ผมเบาๆด้วย


พวกนั้นก็ยกมือไหว้แล้วบอก โห ไม่รู้ครับว่าเด็กพี่โทน พวกนั้นก็ขอโทษพวกแก้มกับมิ้นต์ ผมก็มองที่สองสาว ซึ่งสองสาวก็บอกว่าไม่เป็นไร ถึงยังไงก็ไม่ให้อยู่แล้ว พวกนั้นก็ก้มหัวงกๆ แล้วถอยไปเลย คือมันก็เป็นลูกหลานของพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนี่แหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าใครปล่อยข่าวว่าผมน่ะเป็นหลานเจ้าของตลาด พวกนี้ก็เลยเกรงกลัวผมไปโดยปริยาย ซึ่งผมเองก็อาศัยข่าวลือนั่นเพื่อที่จะไม่ต้องมีปัญหาวุ่นวายอะไรอีก

แต่จริงๆแล้วที่พวกเด็กแถวนี้ไม่ค่อยกล้ายุ่งกับผมก็คงเพราะเรื่องวันนั้นด้วยแหละมั่ง อยู่ดีๆก็กลายเป็นลูกพี่เฉย เฮ้อช่างเถอะ แล้วพอพวกมันไปผมก็เก็บแขนตัวเองแล้วบอกโทษนะสองคน ที่โอบแก้มบอกโอบอีกก็ได้น้าจะโอวเอวเค้าเดิน เค้าก็ไม่ว่าอะไรหรอก มิ้นต์มองหน้าผมดุๆแล้วพูดไอ้บ้า

เอ๊าเป็นงั้นไป ผมบอกป่ะๆซื้อของให้แม่กัน แล้วผมก็หยิบรายการที่แม่ลิสต์ของที่จะซื้อขึ้นมาแล้วถามว่าใครจะอาสาถือไว้แล้วบอกพี่ได้บ้าง ที่ต้องทำแบบนี้เพราะว่าเป็นการโยนหินแหละครับ เพราะถ้าไปเจาะจงใครสักคนเดี๋ยวมันจะมาคุซะเปล่าๆ แก้มบอกมิ้นต์ถือเลยเค้ากินติมอยู่ มิ้นต์ก็ถือแล้วก็เริ่มไล่รายการแรก


ผมฟังแล้วก็เดินไปร้านที่ขาย พูดคุยกับเจ้าของร้านนิดหน่อยแล้วก็รายการต่อไปมิ้นต์พูด ผมก็เดินไปที่ร้านนั้นๆสองสาวก็เดินตามมาด้วย แล้วก็ทักทายกับเจ้าของร้านนิดหน่อย ซื้อของแล้วก็ออกมา รายการต่อไปก็ทำเหมือนๆกัน และทุกๆร้านที่ซื้อของจะต้องมีคำนี้ด้วย

" เอานี้ไปด้วยโทน "

แทบทุกร้านก็พูดทำนองเดียวกันแล้วก็แถมของมาให้ตลอด จนเริ่มถือลำบากแล้ว จนเดินมาถึงรถผมก็เอาของพวกนั้นใส่ตะกร้านั่นแหละ  แก้มบอกโหของแถมจะมากกว่าของซื้ออีกมั้งเนี่ย ผมก็บอกว่าก็ปกติแหละเวลาเอาของมาให้ มิ้นต์บอกแบบนี้จะกินยังไงหมด ผมก็บอกไปว่ากินไม่หมดก็เก็บได้แหละมิ้นต์

ผมบอกป่ะกลับบ้านกัน จนมิ้นต์ถามขึ้นว่า แล้วหนังสือพระ กับ หนังสือมวยของพ่อล่ะพี่โทน... เอ้อ ใช่ๆเกือบแล้วมั้ยล่ะ ผมก็บอกเอ้อใช่ แล้วกันไปเอาหลังมือลูบหัวเบาๆ เพราะว่ามือผมมันเลอะพวกอาหารสดแล้วไง มือเช็ดๆกางเกงแล้วก็เดินไปที่ร้านหนังสือ คือมันเป็นความรู้สึกที่ใหม่เลยนะ


เดินตลาดที่บ้านแล้วมีสาวสวยสองคนเดินอยู่ข้างๆเนี่ย ผ่านร้านขาย CD ร้านขายแผ่นหนัง ก็มาร้านขายหนังสือ ก็ถามเขาว่าหนังสือพระยี่ห้อนี้ ๆ ๆ เล่มใหม่มายัง เขาก็บอกอ้อ นี่ๆ พี่ทศสั่งไว้พอดี แล้วเขาก็หยิบมาให้อย่างละเล่ม ผมก็จ่ายเงินไปแล้วขอบคุณคร๊าบ  แล้วก็มองๆไปที่โซนหนังสือการ์ตูน อื่มมม มีอะไรน่าอ่านบ้างล่ะเนี่ย ไม่รู้จะซื้ออะไร ก็ซื้อวันพีชซะเลย เมื่อก่อนเล่มไม่บาทเอง


เอาล่ะกลับบ้าน ๆ ๆ  พอเดินมาที่รถผมก็อื่ม... หยิบตะกร้าซ้อนตะกร้า เพื่อจะได้มีพื้นที่เพิ่ม ใจผมน่ะที่ซ้อนเพราะจะให้เข่งมันมีน้ำหนักจะได้ไม่ขยับตอนรถวิ่ง แล้วอยู่ดีๆมิ้นต์ก็พูดขึ้นมาว่า แล้วคืนนี้จะใส่อะไรนอน ผมกับแก้มก็ เออใช่ขึ้นมาพร้อมกันเลย สามสาวมากันแค่ชุดเดียวนี่หว่า แก้มบอกแต่ตั้งหมดแล้ว


ผมบอกป่ะไปซื้อเสื้อผ้ากัน แก้มบอกเง้ออออ เปลืองเงินอีกแล้ว ผมก็นึกขึ้นได้ก็เลยพูดไปว่า เสื้อสามตัวร้อย กางเกงสามตัวร้อย โอเคป่ะ แก้มมองมิ้นต์แล้วบอกอื้อๆ ผมก็พอเดินไปซื้อครับ พวกเกงเกงเจเจ พวกเสื้อยืดสกรีนลาย ยุคนั้นถึงจะ 3ตัวร้อย แต่เนื้อผ้าก็ดีอยู่ ร้านนี้ไว้ใจได้ไม่งั้นผมไม่พามาหรอก


เขาก็ช่วยเลือกตัวเนื้อผ้าดีๆให้ ดีที่สุดในเรทราคานี้แหละครับ แต่ว่าสุดท้ายก็ต้องจ่ายเพิ่มจาก 200 เป็น 350 เพราะว่าอยากให้ได้เนื้อผ้าที่ดีจริงๆ อยากให้ใส่นอนแล้วสบายๆ พอได้กันครบก็กลับมาที่มอไซค์ พอก้าวขึ้นได้แก้มก็ไปนั่งปุ้กเลย นั่งไปตรงพื้นที่ว่างๆที่ผมเอาเข่งไปซ้อนกันจนมีที่ว่างนั่นแหละ มิ้นต์ก็ร้องแก้มมม แล้วเค้าล่ะ แก้มบอกเดี๋ยวเค้าจับมิ้นต์ไว้เอง... เฮ้อ ผมนี่ทั้งขำทั้งสงสาร พอสองสาวขึ้นรถแก้มก็จับขามิ้นต์ไว้แน่นเลย ผมก็บิดไปเบาๆเรื่อยๆ มิ้นต์ก็บ่นแก้มขี้โกง บ่นเบาๆ แก้มก็ถามผมนะว่าพี่โทนพวกหนูค้างได้แน่นะ จะไม่ลำบากพี่โทนเหรแ ผมบอกว่า ถ้าแม่ให้ค้างก็ค้างได้แหละ แต่อาจจะเบียดนิดนึง เป็นไรกันมั้ย แก้มบอกหนูนอนได้ ถ้าเบียดมากๆ เดี๋ยวหนูนอนทับพี่ก็ได้


เอ๊าาา เป็นงั้นไป มิ้นต์ก็ตีมือแก้มที่ล็อคขาไว้ แล้วบอกแก้มม อย่าไปเปิดทางให้คนบ้ากามดิ่ ผมก็ถามเอ้าาาทพี่ผิดอารายเนี่ย ซึ่งระหว่างทางกลับบ้าน ยิ่งใกล้ค่ำ คนก็จะออกมานั่งเล่นกันหน้าบ้าน ถึงจะมีระยะจากตัวบ้านถึงถนน ผมก็ต้องระวัง ต้องขับช้าๆพอยิ่งขับช้า คนเห็นผม พวกเขาก็ทักเหมือนเดิม


จนมาถึงบ้าน พ่อผมก็กวาดลานหน้าบ้านอยู่ ตอนลงจากพ่วง ก็ยังทุลักทุเลเหมือนเดิม อ่ะเก็บของ ผมก็ยกของไปไว้ในบ้านเอาของที่แม่สั่งไปให้ ดาวกับแม่ก็นั่งพักอยู่ ระหว่างที่ผมเดินไป และดาวกำลังเดินมา มิ้นต์ก็เข้ามายืนกางแขนบังตรงหน้าผมเหมือนกันดาวไว้ มิ้นต์บอก หยุดเลยจะทำอะไรที่นี่ไม่ใช่หอพักนะ


ผมก็ฮึ๊... อะไรหว่า จนดาวก็บอกแหม ๆ ๆ  ร้อนรนจังเลยมิ้นต์ พี่แค่จะมาพวกเนื้อ ไม่ได้ทำอะไรนะ ที่คิดเองอยากทำเองเปล่า มิ้นต์บอกไร อะไร ทำไร จนแก้มต่องเดินมาบอกมิ้นต์ ๆ ๆ ๆ  แม่มาแล้ว มิ้นต์เลยหยุดครับ ผมก็เลยลูบหัว ๆ มิ้นต์เลยบอกเชอะ แล้วไป ดาวก็หัวเราะแก้มก็บอกมิ้นต์ร้อนตัวอ่าาา มิ้นต์ก็เถียงเค้าเปล่านะ


ผมก็เลยเดินเอาพวกของที่ซื้อมา วาง ๆ ๆ ไว้ แม่ก็มาแยก ๆ ๆ ทำท่าหยิบเงินจะให้ แล้วถามผมว่าเท่าไรเนี่ย ... ผมก็บอกไม่รู้ลืม แล้วก็เดินออกมา ขับมอไซค์ไปเก็บ .. จะถามทำไมน๊อออ เงินไม่กี่บาทเอง เดินกลับหน้าบ้าน ก็เห็นพ่อนั่งแกะหนังสือพระ แล้วนั่งอ่าน. . . .  ผมก็ไปนั่งใกล้ๆ


ทิ้งตัวนอนหงายลงบนแคร่ เฮ้อออ ผมถอนใจออกไปเต็มแรง พ่อบอกเฮ้ย ๆ ๆ ๆ  เบาๆหน่อย ผมก็บอกเอ๋าอะไรล่ะ อ่อก.... อยู่ดีๆ พ่อก็ยกขามาวางตุ้บที่หน้าท้องผม แล้วเกร็งไม่ทันไง  โอยยย อิหยังหนอ แต่ผมก็ไม่อะไรหรอก จับขาพ่อและบีบๆนวดๆให้แทน รีดเล้นตรงน่องเบาๆ พ่อก็อ่านหนังสือพระของเขาไป แล้วก็ถาม ยังไงช่วงนี้ทำงานเป็นไง


ผมก็บอกวุ่นๆน่ะพ่อ มีเมลล์ส่งมาเยอะ ไหนจะเรื่องงาน ไหนจะเรื่องขอให้จัดงานสัมมนาอีกครั้ง พ่อบอกก็ดีแล้ว มีอะไรให้ทำก็ดีกว่าอยู่เฉยๆ มันสบายก็จริง แต่อยู่แบบไม่มีผลงานน่ะ รัยได้เหรอไงไอ้ลูกหมา ผมก็บอกใครจะไปรับได้ล่ะพ่อ แต่บางที ที่ส่งๆมา มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับงานที่ทำโดยตรงหนิ


พ่อผมยกขาและตุ้บใส่หน้าท้องอีกที ผมเกร็งทัน พ่อบอกว่า อะไรที่มันง่ายๆ มันไม่ใช่งานหรอก แล้วมันไม่มีใครที่ไหนบนโลกหรอกที่ได้ทำงานแค่งานไปตลอดชีวิต ผมก็บีบๆนวดๆขาให้พ่อต่อ อื่อหือ.. กล้ามขาแบบนี้ โดนเตะทีหลังแอ่นแน่ๆ


พ่อบอกงานน่ะยิ่งได้เรียนรู้เยอะๆ มันก็ยิ่งดี ทักษะมันจะได้มีติดตัว ให้เลือกเอาไปใช้หลายอย่าง เอ็งเรียนนิเทศมา แล้วได้ใช้มั้ย ผมก็เหล่มองพระบิดาเลย ซึ่งพ่อก็มองผมอยู่พอดี พ่อดีบอกว่า ไม่ได้จะบอกว่าที่เอ็งเรียนน่ะมันไร้ประโยชน์ไอ้ลูกหมา แต่ว่าโลกเราเนี้ย มันมีไม่กี่คนหรอก ที่จะได้ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาในทันที ได้ใช้วิชาความรู้ทำงานตรงสาย ดูอย่างเอ็งสิ่ จบนิเทศมา แต่ไหงได้มาทำงานที่ไม่ตรงสายล่ะ


คนเราน่ะอยู่ในโรงเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแค่สิบปีนิดๆ แต่การเรียนรู้น่ะมันเริ่มมาตั้งแต่เอ็งอ่านหนังสือเป็นแล้ว และมันต้องเรียนรู้ไปตลอด มันไม่มีชื่อวิชา มันไม่มีหน่วยกิต มันมีแต่เอ็งต้องเรียนรู้และต้องสอบผ่านให้ได้ พ่อผมเปลี่ยนหน้าหนังสือแล้วบอกว่า แต่ไอ้โปรเจคที่ผ่านมาไม่นับนะ ผมก็ถามฮ๊ะไม่ผ่านเหรอพ่อ โห !!! หลายสิบล้านเลยนะ


พ่อผมมองแล้วบอกว่าเดือนก่อนแมนพึ่งปิดเดลกับพวกใต้หวันไปทำคนเดียวด้วย ผมบอกโหพ่อนั่นพี่แมนเลยนะ พ่อมองแล้วบอกว่าแล้วยังไง แค่หลายสิบล้านกล้าอวดนะไอ้ลูกหมา โลกธุรกิจที่เอ็งทำงานน่ะมูลค่าแค่นั้นมันแค่เริ่มต้นเว้ย พ่อผมบอกว่าแมนเองก็หัด ก็เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ถ้าเอ็งพอใจกับไอ้แค่ไม่กี่สิบล้านแค่นี้ก็ได้แค่นี้แหละ พ่อผมพูดแล้วก็สลับขาให้ผมนวด ผมก็นอนบีบๆๆไปให้


โห่ เอาซะห่อเหี่ยวใจ 8 หลักของโผม ผมก็นวดๆ ๆ ไปเรื่อยพอพ่อยกขาออก ผมก็ลุกขึ้นมานั่ง ลมก็พัดมาจากในสวน นี่สิ่แดดร่มลมตกของแท้ แดดก็เริ่มลับยอดต้นไม้แล้วล่ะ จะ 5 โมงแล้วเหรอเนี่ย ผมมองไปที่มุ้ง มองไปที่แอร์เคลื่อนที่อีก 2 ตัวแล้วบอกว่า จริงๆไม่ต้องให้คนของลุงเอามาให้ก็ได้นะพ่อเกรงใจ


บ้านเราพัดลมก็มีตั้ง 2 ตัว เปิดไปก็ได้ในห้องผมน่ะ ผมมองไปที่ตัวบ้าน เดินขยับนิดนึงไปมองเห็นสามสาวช่วยแม่ทำกับข้าวอยู่ ผมก็โอเคน่าจะไม่ได้ยิน พ่อผมก็ถามเป็นไรของเอ็งไอ้ลูกหมา ผมก็บอกว่าจริงๆผมก็ไม่ได้อยากให้สามคนค้างบ้านเราเหมือนกันนะพ่อ พามาบ้านครั้งแรกแล้วชวนค้างมันก็ยังไงอยู่ ไม่เหมือนกรณีเหมียวที่ตอนนั้นฝนตก


พ่อผมก็บอกว่าคิดแบบนั้นแหละถูกแล้ว ทำอะไรก็ให้เกียรติเขาหน่อย แต่ทำไงได้แม่เอ็งเป็นคนออกปากเอง ก็ต้องต้อนรับกันเท่าที่ทำได้นั่นแหละ ผมบอกแหม่ ตอนแรกก็นึกว่าจะให้นอนแบบปกติธรรมดาแบบเหมียว พ่อบอกว่ากรณีของหนูเหมียวมันฉุกละหุกโว้ย ผมบอกเอ๋านึกว่าอยากให้สัมผัสธรรมชาติบ้านสวน พ่อผมวางหนังสือลงแล้วบอกไอ้ลูกหมาเอ็งดูละครมากไปมั้ยเนี่ย


คิดว่าข้าจะลองใจผู้หญิงที่เอ็งพามาบ้านเหรอ ผมบอกเอ๋าจะรู้เรอะ ก็นึกว่าจะสแกนว่านอนแบบลำบากๆได้มั้ย พ่อบอกนั่นไงเอ็งดูละครเยอะไปแล้วมั้ง ไอ้การจะวัดใจอะไรนั่นน่ะมันไร้สาระ ผมก็อ้าว . . . . . พ่อผมบอกว่าการจะดูใจคน มันก็จริงว่าอาจจะดูกันตอนลำบาก แต่คนที่จะใช้ชีวิตไปด้วยกันน่ะมันคนละเรื่อง ผมก็เงียบบบ


พ่อบอกว่าจะมองกันน่ะไม่ใช่แค่มองว่าตอนลำบากน่ะพวกเขายังอยู่กับเอ็งแล้วจะคิดว่าคงอยู่ด้วยกันตลอดไป มันไม่ใช่หรอก พ่อบอกว่าคนเราจะอยู่ด้วยกันหรือจากกันมันเกิดขึ้นได้ตลอดนั่นแหละไอ้ลูกหมา จำไม่ได้หรือไง ( ชื่อคนรู้จัก 2 คน ) ที่อยู่ปากซอยนั่นน่ะ ดูมีความสุขดี รักกันดี อยู่ดีๆก็เลิกกันและย้ายออกไป

ดาราบางคนหน้าที่การงานดี ครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตามีความสุข แต่อยู่ดีๆก็หย่าร้างกันไป แล้วก็บอกว่าจบด้วยความเข้าใจก็มีถมเถ คนเราน่ะไอ้ลูกหมาจะอยู่ด้วยกันหรือเปล่าไม่ได้มองแค่ว่า เขาอยู่กับเราตอนลำบากมั้ย แต่มันอยู่ที่ระหว่างทางจะทำยังไงให้เข้าใจกันมากกว่า เพราะว่าไอ้ตอนที่จีบใหม่ๆเนี่ยลำบากแค่ไหนก็ยอม ร้อนแค่ไหนก็นอนได้เชื่อสิ่ ผมก็ถามว่าแล้วพ่อกับแม่ทำไงอ่ะพ่อถึงอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ พ่อผมบอกว่าถามไปก็เท่านั้น รูปแบบการใช้ชีวิตของพ่อกับแม่น่ะ มันต่างกับของเอ็งตอนนี้


จริงๆชีวิตคนเราน่ะ ถูกออกแบบ ถูกตีกรอบว่า จะต้องมีครอบครัวเดียว เมียเดียว ผัวเดียว แต่ก็เอาเถอะชีวิตของเอ็ง เอ็งก็จัดการเอาเอง พ่อก็ไม่รู้หรอกว่า เอ็งจะอยู่กับพวกหนู 3คน จะอยู่กันแบบนี้อีกนานแค่ไหน ใครจะไปก่อน หรือ สุดท้ายเอ็งต้องเริ่มใหม่ เอ็งจะทำยังไง การเอาใจใส่ใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นี่ 3 เลย เอ็งก็ต้องเหนื่อยกว่าชาวบ้านเขา พ่อบอกเฮ้ยๆหมายถึงเหนื่อยเวลามีปัญหาเข้ามา


เชื่อข้าเถอะ มันไม่มีคู่ไหนบนโลกราบรื่น ราบเรียบไปตลอดหรอก ยังไงก็ต้องมีสักวันที่ต้องเจอปัญหา ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ยังไงก็ต้องเจอ คนเราจะทำความเข้าใจกันได้ มันก็ต้องเจอปัญหาก่อนทั้งนั้น แล้วมันก็อยู่ที่ว่าพอเจอปัญหาแล้ว ต่างคนจะต่างพยายามใจเย็นหรือปรับให้เข้ากันมั้ย ชีวิตมันไม่ได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินที่จะเรียนรู้ เอาเถอะพูดไปตอนนี้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเอ็งก็คงไม่เข้าใจ ค่อยเรียนรู้ไปนั่นแหละไอ้ลูกหมา










พ่อสอนดีนะนายโทน



Panya Sripaks






latipk



Thassana

สามสาวทำให้ทางบ้านโทนยอมรับได้พอสมควรนะถึงขนาดท่านแม่ออกปากชวนให้นอนค้างที่บ้านด้วย