ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

สัปประยุทธ์ทะลุฟ้า NTR บทที่ 1 จุดจบอันเลวร้าย

เริ่มโดย Oumale, สิงหาคม 12, 2024, 06:11:53 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mr007


Panya Sripaks




yuta279

เปิดเรื่องมานางเอกก็เริ่มต้นเข้าสู่ทางอันมืดมิดแล้ว






pornpat tammalangka

เตรียมพบกับความร้อนแรงของนางเอกได้เลย เปิดมาแบบนี้



Topzaa

ขอบคุน

----------------------------------------------------------------

รวมนิยายทั้งหมด

สัปประยุทธ์ทะลุฟ้า NTR (ทั้งหมด 35 ตอนจบ)
บทที่ 1 จุดจบอันเลวร้าย
อ่าน : กำลังอ่าน
บทที่ 2 จุดเริ่มต้นความอัปยศ
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/9/2567)
บทที่ 3 ทาสราคะ กู่ซวินเอ๋อร์
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/10/2567)

เนื้อหาในเว็บผมจะอัพเดทให้เดือนละตอนนะครับ ทุกวันที่หนึ่งของเดือน ส่วนในกลุ่มลับจะอับลงทุก 1-3 วันจนกว่าจะทันต้นฉบับ
ใครอยากเข้ากลุ่มลับสามารถแอดมาพูดคุยได้ที่ FB : Art atowai 
ค่าเข้า 150 บาทราคาเดิม และอ่านได้ล่วงหน้าแบบไม่ต้องรอนาน

[/size]
--------------------------------------------------------------------------------------------

บทที่ 1 จุดจบอันเลวร้าย
   
     หยาดพิรุณโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง ตกกระทบบนใบหน้าซีดเซียวของชายหนุ่มที่กำลังเจ็บปวดใจ
  
     เขามองขึ้นไปบนฟ้า ดวงตาไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวาเฉกเช่นในอดีต ฝนที่ตกลงมาอาบชโลมทั่วร่างจนเนื้อตัวเย็นเฉียบ ดุจเดียวกับหัวใจที่ตายด้าน ดำมืดไปอย่างหมดจนนับแต่ช่วงเวลานั้น...
  
     เขาเอาชนะหุนเทียนตี้ เขาปกป้องตระกูลของตัวเองสำเร็จ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับสตรีรู้ใจข้างกาย กลายเป็นตำนานตลอดกาลแห่งทวีปโต้วฉี ชีวิตของเขาควรจะสมบูรณ์แบบเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม นั้นเป็นเพียงความฝันลวงหลอกที่ปั้นแต่งมาเพื่อหลบหนีความจริง
   
     ชื่อของเขาคือเซียวเหยียน เขาเป็นดั่งตัวละครเอกในเรื่องเล่าทั้งหลาย ฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ เหยียบย่ำคู่ต่อสู้มากมายไว้ใต้เท้า โอบกอดสาวงามเฉิดฉันไว้ในอ้อมแขน แต่น่าเศร้าที่เขาไม่ใช่ตัวละครเอกอีกแล้ว ไม่เหมือนกับตำนานเหล่านั้น

     เขาล้มเหลว พ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง!!
  
     ความฝันมลายหายไปเมื่อลืมตาตื่น แววเสียงอันคุ้นเคยปลุกเซียวเหยียนกลับมาจากโลกทัศน์ที่สวยหรูสู่ความเป็นจริงอันโหดร้าย สิ่งที่เห็นคือใบหน้าบอบบางและงดงามจนมองกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อหน่าย แต่ก็เป็นใบหน้าที่เขาอยากเห็นน้อยที่สุดในเวลานี้ สาวงามผู้ยากจะหาใครเทียมในใต้หล้า คนรักของเขา กู่ซวินเอ๋อร์


     เซียวเหยีนหัวเราะเยาะตัวเอง เดิมทีเขาสัญญาว่าจะแต่งงานกับนางหลังจากเอาชนะหุนเทียนตี้ได้ แต่บัดนี้ตัวเขามีตรงไหนที่คู่ควรกับนาง
  
     ซวินเอ๋อร์จับไหล่ของเซียวเหยียนอย่างอ่อนโยนและกล่าวเสียงนุ่ม"พี่เซียวเหยียน ไยท่านจึงมานั่งตากฝนอยู่ตรงนี้ อาการบาดเจ็บของท่านยังไม่ทุเลาหายดี หากท่านทำเช่นนี้ตัวท่านจะไม่สบายได้ รีบกลับไปกับข้า เสี่ยวอีเซียนจัดเตรียมยาของวันนี้ไว้ให้ท่านแล้ว นางกำลังตามหาท่านอยู่"
  
     เซียวเหยียนปัดแขนบอบบางของซวินเอ๋อร์ออกด้วยมือเดียวและกล่าวเสียงต่ำ
   
     "ปล่อยข้าไปเถิด ให้ข้าอยู่คนเดียว บอกเสี่ยวอีเซียนด้วยว่านางไม่ต้องลำบากเตรียมยาให้ข้า การบาดเจ็บของข้าจะไม่มีวันหายดี"
  
     ซวินเอ๋อร์ตกตะลึงเล็กน้อย ในความทรงจำของนาง พี่เซียวเหยียนไม่เคยที่จะพูดจาตัดรอนและปฏิบัติกับนางด้วยท่าทีเย็นชาขนาดนี้ แต่กระนั้นนางก็เข้าใจ ไม่ว่าชายหนุ่มจะต่อต้านอย่างไร นางก็ยังคงก้าวไปข้างหน้าและกอดเซียวเหยียนราวกับมารดา ซุกใบหน้าที่ทรุดโทรมของเขาไว้ในอ้อมอกและกล่าวปลอบโยน

     "ไม่เป็นไรพี่เซียวเหยียน ท่านได้รักษาสัญญาที่มีให้กับท่านพ่อของข้าแล้ว ถ้าท่านอยากร้องไห้ก็แค่ร้องออกมา"
   
     แก้มของชายหนุ่มจมจ่อมกับอกอุ่นนุ่มละมุนที่ไม่ได้สัมผัสมาเป็นเวลานาน ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของซวินเอ๋อร์ เซียวเหยียนจดจำคำพูดคราวนั้นได้
   
     "เซียวเหยียน จงจำไว้ ปกป้องบุตรสาวของข้า อย่าปล่อยให้นางตกอยู่ในเงื้อมมือของตระกูลหุน นี่คือคำขอของข้าในฐานะพ่อ"  
    
     เขาไม่มีวันลืมภาพนั้น อาจารย์ของเขา พ่อของเขา เหล่าผู้อาวุโส เพื่อนพ้องมิตรสหาย ตลอดจนผู้ใต้บังคับบัญชาของตนต่างระเบิดความกล้าในวาระสุดท้ายเพื่อสกัดหุนเทียนตี้ไว้ชั่วครู่ จากนั้นก็กลายเป็นเถ้าถ่านและตายสิ้น ไม่อาจรวมซากอัฐิกลับมากลบฝัง
  
     ความเจ็บปวดที่อดกลั้นมานานประทุขึ้นโดยพลัน คู่รักซึ่งสาบานว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปได้ระบายความโศกเศร้า โอบกอด และร่ำไห้ ทั้งสองได้สูญเสียเหล่าคนที่สำคัญที่สุดไปในเวลาเดียวกัน
  
     ซวินเอ๋อร์ "พี่เซียวเหยียน อย่าได้ท้อแท้ ลองคิดดูเมื่อตระกูลเซียวตกต่ำ ท่านเองก็ได้รับความลำบากมามากมายไม่ต่างกับตอนนี้ ในเมื่อท่านสามารถยืดหยัดกลับมาได้ครั้งหนึ่ง ก็ต้องยืนหยัดกลับมาได้อีกเป็นครั้งที่สอง อย่าได้ลืม...ต่อให้ท่านจะสูญเสียทุกอย่างไป ท่านและข้า...ซวินเอ๋อร์จะอยู่เคียงข้างท่านเสมอ ฉะนั้น...ได้โปรดอย่ากล่าววาจาแบบนั้นอีก...ได้รึไม่?"
  
     เซียวเหยียน "ข้าขอโทษ ซวินเอ๋อร์ ข้าผิดไปแล้ว ข้าสัญญากับปรมาจารย์กู่หยวนว่าจะปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิตแท้ ๆ"
  
     ซวินเอ๋อร์ "ระหว่างทางหลบหนี หากเราไม่ได้บังเอิญพบแดนลับแห่งนี้เข้า คงถูกตระกูลหุนจับตัวไปแล้ว นี่สมควรเป็นนิมิตหมายอันดีจากสวรรค์มิใช่หรือ? ข้าเชื่อว่าสักวันหนึ่งเราต้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับทุกคนที่ตายได้"
  
     ในที่สุดดวงตาที่เซื่องซึมของเซียวเหยียนก็กลับมามีประกาย ความมุ่งมั่นดั่งเช่นกาลก่อนกลับมาอีกคำรบ เขาตบแก้มตัวเองก่อนจะกล่าว"ข้าจะไปหาเสี่ยวอีเซียนเดี๋ยวนี้ เฮ้อ...น่ากลัวว่าข้าต้องถูกนางดุด่าอีกหลายคำเป็นแน่"
   
     ซวินเอ๋อร์ยิ้มและเอ่ยว่า "ไม่ใช่ว่าท่านไม่รู้จักนิสัยของนาง นางอาจมีฝีปากแหลมคม แต่ความจริงกลับจิตใจอ่อนโยน"
  
     เซียวเหยียน "งั้นเราก็กลับกันเถิด"
  
     ใบหน้าของซวินเอ๋อร์ร้อนขึ้นฉับพลัน นางกล่าวว่า "พี่เซียวเหยียน พี่กลับไปก่อน ข้าจะต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า..."
  
     เซียวเหยียนจึงรู้ตัวว่าชุดสีครามของซวินเอ๋อร์เปียกโชกไปด้วยสายฝนและเกาะติดกับเรือนร่างอันเพรียงระหงและโค้งเว้าของนางแน่น เห็นทะลุถึงชุดชั้นในได้อย่างเลือนลาง
  
     เซียวเหยียนลูบหลังศีรษะและกล่าวว่า "ตกลง ข้าจะกลับไปก่อน ฝนตกถนนลื่น เดินเหินเจ้าต้องระวังด้วย"
  
     เอ่ยจบเขาก็ทะยานอย่างรวดเร็วและหายเข้าไปในป่าทึบ
   
     ซวินเอ๋อร์ไม่ทราบจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ถึงนางจะสูญเสีย 'เพลิงทองจักรพรรดิพลาญฟ้า' ที่สืบทอดมาจากตระกูลโบราณไป แต่ก็ยังเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่งระดับเทพยุทธ์ นางไหนเลยจะเป็นสาวน้อยอ่อนแอที่เดินเหินก็หกล้ม?
  
     พี่เซียวเหยียน พินิจเป้ากางเกงของเขาเมื่อครู่ ตำแหน่งนั้น...เห็นได้ชัดว่านูนขึ้นสะดุดตา เฮ้อ พลังฝีมือของเขาไม่เพิ่มพูนมากนักในช่วงนี้ แต่รูปร่างก็ยังสมชายชาตรี นางไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจ

     อย่างไรก็ตาม แดนลับแห่งนี้ช่างประหลาดนัก มันไม่เพียงอัดแน่นด้วยพลังยุทธ์เข้มข้น แต่มีแม้กระทั่งพื้นที่อาศัยและอาหารอุดมสมบูรณ์ เพียงพอที่จะเลี้ยงคนจำนวนหนึ่งได้หลายปี ถ้ามีโอกาสนางก็อยากสำรวจแดนลับแห่งนี้ให้ปรุโปร่ง แต่เรื่องนี้ต้องใช้เวลาใคร่ครวญให้ดี มิฉะนั้นถ้ากลไกบางอย่างถูกกระตุ้นให้ทำงาน เป็นไปได้ว่าตระกูลหุนที่กำลังตามล่าจะสังเกตพบ

     ตอนนั้นเอง เสียงบุรุษลึกลับกลับดังขึ้นอย่างไม่ตั้งตัว
   
     "หึหึ มีสองอย่างที่ทำให้ข้าประหลาดใจ หนึ่งคือเจ้าเด็กนั้นกลับทิ้งเจ้าไว้ตามลำพังได้อย่างสนิทใจ ส่วนอีกหนึ่งคือเจ้าที่สมกับเป็นสาวงามล่มเมือง..และไม่เพียงแต่จะหน้าตาดีเท่านั้น จะพลังหรือฐานะก็ล้วนเป็นอันดับต้น ๆ ของทวีปโต้วฉี"
  
     น้ำเสียงเย่อหยิ่งและบิดเบี้ยวดังขึ้นจากป่าทึบ เปี่ยมไปด้วยความลำพองอหังการ เนื่องจากเขาคือหุนเทียนตี้ บุคคลผู้ทรงพลังที่สุดบนทวีปโต้วฉี ณ ปัจจุบัน
   
     ดวงหน้าของซวินเอ๋อร์ค่อย ๆ เย็นชาราวกับน้ำแข็ง แน่นอนว่านางจำเสียงของอีกฝ่ายได้ทันควัน เขาคือศัตรูที่สังหารบิดาของนางกระทั่งในความฝัน สิ่งเดียวที่นางไม่เข้าใจคือเหตุใดตนถึงไม่รู้ตัวจนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามบุกมาประชิดขนาดนี้ แดนลับแห่งนี้มีค่ายกลสลักซับซ้อน ไหนเลยจะปล่อยให้ใครที่ไหนไม่รู้เข้ามาแบบไร้สุ้มเสียง
  
     หุนเทียนตี้ "ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ และข้าเชื่อว่าด้วยสติปัญญาของเจ้าจะต้องคาดเดาคำตอบได้ในทันที"
  
     ได้ยินดังนั้น พวงแก้มของซวินเอ๋อร์ก็ซีดเผือด นางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
   
     "เป็นไปไม่ได้...เจ้า...อย่าบอกนะว่าจงใจให้พวกเราเข้ามาหลบในแดนลับแห่งนี้?"  
   
     ไม่ใช่นิมิตหมายจากสวรรค์ แต่เป็นกับดักอันชั่วร้ายต่างหาก
  
     หุนเทียนตี้กล่าวหยามหยัน"ไม่เช่นนั้น เจ้าคิดว่าคนแก่ คนป่วย และคนพิการที่เจ้าดูแลอยู่ จะสามารถหนีพ้นการไล่ล่าของข้าได้จริง ๆ หรือ ข้าทิ้งพวกสวะเหล่านั้นไว้ให้เป็นภาระของเจ้า หาไม่ด้วยความแข็งแกร่งของเทพยุทธ์ คงเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะไล่ตามเมื่อพวกมันกระจายกันออกไป"
  
     ซวินเอ๋อร์พูดน้ำเสียงเย็นชา "แล้วเหตุใดเจ้าไม่ผนึกทางเข้าออกแดนลับนี้แล้วสังหารพวกเราทุกคนให้รู้แล้วรู้รอด?"
  
     หุนเทียนตี้ "นี่คือกระดานหมากที่ข้าชนะแน่นอนแล้ว ทำไมจะไม่อยากปิดฉากให้สนุกกว่านี้ ไหนเลยจะปล่อยให้บุตรสาวของเพื่อนเก่าจบสิ้นโดยง่าย?"
  
     ซวินเอ๋อร์ "...จริงอยู่ ด้วยพลังของข้าในระดับเทพยุทธ์ การเอาชนะเจ้าเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเจ้าต้องการจับข้าทั้งเป็น ข้าเกรงว่ามันจะไม่ง่ายตามใจคิด 'มหาดัชนีดับสังขาร'!!"
   
     จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พร้อมกลิ่นอายฆ่าฟันอันน่าสะพรึงกลัวควบแน่นเป็นเส้นแสงและโจมตีหุนเทียนตี้ที่กำลังพูดอยู่โดยไม่ให้โอกาสตั้งตัว
  
     ซวินเอ๋อร์ไม่มีความตั้งใจที่จะคุยกับบุรุษที่เกลียดชังลึกถึงกระดูกคนนี้ให้มากความ
   
     หุนเทียนตี้เพียงโบกมือขวาของตัวเองเบา ๆ 'มหาดัชนีดับสังขาร' ซึ่งสามารถทำให้เทพยุทธ์ขั้นสุดยังต้องหลีกหนีพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
   
     หุนเทียนตี้เอ่ยชม "ฝีมือล้ำเลิศไม่แพ้ใบหน้า ยากนักที่จะฝึกปรือ 'มหาดัชนีดับสังขาร' ได้ถึงขั้นนี้ ต่อให้กู่หยวนใช้วิชานี้ด้วยตัวเองก็เกรงว่าจะเหนือกว่าเจ้าไม่มากสาวน้อย"
   
     ทั้งนี้ทั้งนั้นซวินเอ๋อร์ยังไม่ยอมถอดใจ นางตวัดมือส่งลูกศรสัญญาณยิงตรงขึ้นไปบนฟากฟ้า ไม่ปรารถนาให้คนสำคัญของเซียวเหยียนตกอยู่ในมือของตระกูลหุน อย่างน้อยก็ไม่ควรถูกจับในสภาพที่ยังมีชีวิต นางตระหนักดีถึงวิธีการอันโหดร้ายของตระกูลหุนที่ใช้ทรมานสตรี โดยเฉพาะสาวงามที่เป็นที่หมายปองทั่วโลกเช่นพวกนาง
   
     หุนเทียนตี้ถอนหายใจเบา ๆ "เฮ้อ เจ้าเป็นผู้หญิงที่น่าชื่นชมจริงแท้..."
    
     ซวินเอ๋อร์อุทานเสียงแข็ง "อันใดกัน!!"
   
     ทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและก้าวถอยหลัง ก่อนจะตระหนักว่าลูกศรส่งสัญญาณไม่ได้ระเบิดออก นางตรวจสอบจนแน่ใจทุกคืนว่าไม่มีข้อผิดพลาด มันเสียหายเพราะฝนงั้นหรือ? ไม่มีทาง ลูกศรส่งสัญญาณสามารถกันฝนได้

     ฉะนั้นจึงเหลือความเป็นไปได้เพียงข้อเดียวเท่านั้น...
   
     พยาดพิรุณยังคงสาดเทไม่หยุด ตกกระทบบนใบหน้าของหญิงสาวที่ทั้งโกรธและคับแค้น  
  
     นางทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว แต่ก็ไม่อาจหนีพ้นเงื้อมมือของหุนเทียนตี้ไปได้
  
     หุนเทียนตี้ "ถ้าเจ้าเป็นบุตรสาวข้า เจ้าย่อมได้เป็นมหาจักรพรรดิคนต่อไป น่าเสียดายที่บัดนี้ข้าทำได้เพียงเปลี่ยนให้เจ้ากลายเป็นทาสบำเรอกาม เป็นของขวัญแก่กู่หยวนที่ตายตาไม่หลับ"
  
     ซวินเอ๋อร์ยิ้มขื่นขม "ข้ารู้ว่าตระกูลหุนของเจ้าสามารถควบคุมวิญญาณคนตายได้ แต่แล้วอย่างไร...ตระกูลโบราณของเราและตระกูลหุนต่อสู้กันมาตั้งแต่ยุคบรรพกาล เพื่อปกป้องความลับหลังตกตาย จึงเรียนรู้วิชาที่จะทำลายตัวเองจนไม่เหลือจิตวิญญาณ"
   
     ซวินเอ๋อร์มองทิศทางที่เซียวเหยียนพึ่งจากไป นางพึมพำอย่างเศร้าสร้อย "ลาก่อน พี่เซียวเหยียน ซวินเอ๋อร์รักท่านเหลือเกิน"
    
     หุนเทียนตี้ "...ข้าจะทำข้อตกลงกับเจ้า ข้าสามารถปล่อยให้เซียวเหยียนมีชีวิตอยู่...มีชีวิตอยู่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง แทนที่จะทำลายจิตวิญญาณของมัน ตัดแขนตัดขาออก และประสบกับชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย"
  
     ซวินเอ๋อร์ที่กำลังจะทำลายตัวเองอย่างไม่ลังเลเพื่อปกป้องตัวเองจากหุนเทียนตี้พลันชะงักงัน การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดลง นางทราบดีว่าข้อตกลงของหุนเทียนตี้จะต้องทำให้นางเผชิญชะตากรรมที่เสมือนตายทั้งเป็น แต่เพราะคำขู่ดังกล่าว เงื่อนไขนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่ไม่อาจไม่ยอมรับ
  
     หุนเทียนตี้ "ในตระกูลหุนของเรา มีทักษะหนึ่งซึ่งมีเพียงผู้นำเท่านั้นที่ใช้งานได้ มันเรียกว่า 'ศาสตร์บังคับวิญญาณ' ตราบใดที่เจ้ายอมลดการป้องกันทางจิตลง และปล่อยให้ข้าแทรกซึมเข้าสู่จิตสำนึก ร่างกายเจ้าจะถูกข้าควบคุมอย่างสมบูรณ์ ทว่าอย่าได้กังวล มันส่งผลต่อร่างกายเท่านั้น สติสัมปชัญญะของเจ้าจะยังเป็นของเจ้าอยู่ คนอย่างข้าพูดคำไหนคำนั้น"
  
     ซวินเอ๋อร์ "พี่เซียวเหยียนเกือบจัดการเจ้าได้ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ"
  
     หุนเทียนตี้ "สิ่งที่ทำให้มันคุกคามข้าได้คือ 'เพลิงสวรรค์' ในการต่อสู้ครั้งก่อน เพลิงสวรรค์ทั้งหมดที่มันรวบรวมมาถูกข้ากระจายออกไปทั่วทวีปอีกครั้ง สำหรับเซียนเหยียนที่ไร้ซึ่งเพลิงสวรรค์ มันจะเหลืออะไรมาคุกคามข้า? หรือเจ้าคิดว่ามันสามารถรวบรวมเพลิงสวรรค์กลับมาอีกครั้งใต้จมูกข้าได้?"
    
     ซวินเอ๋อร์พูดไม่ออก สามัญสำนึกของนางร้องบอกว่าสิ่งที่หุนเทียนตี้เอ่ยปากนั้นเป็นความจริง เมื่อไม่มีไฟวิเศษ พลังของพี่เซียนเหยียนก็ตกต่ำลงเหลือแค่ระดับจักรพรรดิ เวลานี้ไม่ต้องกล่าวถึงหุนเทียนตี้ กระทั่งหยุนซานแห่งนิกายเมฆครามก็สามารถเอาชนะชายหนุ่มได้ไม่ยาก
  
     หุนเทียนตี้ "จงตัดสินใจสาวน้อย ข้อตกลงที่ข้าเสนอนับว่าเมตตาแล้ว เจ้าต้องรู้ไว้ว่าความอดทนของข้ามีจำกัด"
  
     ซวินเอ๋อร์กัดฟัน "ข้ายอมก็ได้ แต่เจ้าห้ามแตะต้องพี่เซียวเหยียนเด็ดขาด รวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย..."
  
     หุนเทียนตี้ "คนอื่นรึ ฮ่าฮ่าฮ่า สาวน้อย ข้าซาบซึ้งในน้ำใจของเจ้านัก พวกนางเป็นคู่แข่งทางความรักของเจ้า แต่เจ้าก็ยังออกตัวปกป้องสุดชีวิต"
  
     ซวินเอ๋อร์ "เพราะพวกนางเอกก็รักพี่เซียวเหยียนหมดหัวใจเช่นข้า"
  
     หุนเทียนตี้ "ดูเหมือนเจ้าจะสำคัญตัวเองผิด ข้าไม่เคยต่อรองกับใคร แต่บัดนี้เงื่อนไขของข้าเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเจ้าปฏิเสธข้อตกลงของข้า ข้าจะไม่ฆ่าเซียวเหยียน แต่จะทำให้มันเสียใจที่ตัวเองเกิดมา"
  
     ซวินเอ๋อร์เงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ก้มศีรษะลง "ข้าขออภัย โปรดยกโทษให้ความเห็นแก่ตัวของซวินเอ๋อร์ ซวินเอ๋อร์แค่อยากให้พี่เซียวเหยียนมีชีวิตที่ดี ข้าเชื่อว่าถ้าเป็นท่าน ย่อมต้องเลือกเส้นทางแบบเดียวกัน..."
   
     ฝนที่ตกหนักมาตลอดทั้งวันได้หยุดลง ซวินเอ๋อร์ซึ่งจำนนต่อชะตากรรมปลดการป้องการทางจิตออก ยอมให้หุนเทียนตี้แทรกซึมเข้าสู่จิตสำนึกของนาง
  
     ตราประทับอันชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนท้องน้อยของนางราวกับรอยแผลที่สร้างขึ้นจากเหล็กร้อน ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย นางรู้สึกถึงพลังงานดำมืดที่รุกล้ำร่างกาย ฝังตัวอยู่ในทุกอณูของร่าง ยึดครองเส้นโลหิตทั้งหมดในเวลาไม่กี่ลมหายใจ ทำให้นางมีสภาพไม่ต่างกับหุ่นเชิดใต้เชือก ยังดีว่าหุนเทียนตี้ไม่ได้โกหก ความคิดของนางยังคงแจ่มชัดช่วยให้รู้ตัวว่านับจากนี้ไปเรือนร่างที่น่าทะนุถนอมของนางไม่ได้เป็นของตัวเองอีกแล้ว
   
     เม็ดฝนที่ราวกับอัณญมณีเกลือกกลิ้งไปตามรูปกายของนาง อาบโชลมเส้นผมที่เปียกแฉะ อาภรณ์ท่อนบนบีบกระชับแนบไปกับทรวงอก กระโปรงสีฟ้าครามอันชุ่มชื้นยึดติดกับส่วนโค้งเว้าของสะโพก นางไม่ได้ปัดแป้งประทินโฉม มีความงดงามตามธรรมชาติ ร่างกายของสตรีที่อุดมสมบูรณ์สอดรับกับบรรยากาศสูงส่งเหนือโลกีย์ ประหนึ่งนางเซียนที่ไม่ได้ดำรงอยู่บนโลก เพียงแค่นางยืนอยู่นิ่ง ๆ และส่งสายตา สิ่งมีชีวิตทั้งหลายต่างเต็มใจที่จะยอมสยบนอบน้อม
   
     ซวินเอ๋อร์รำพึงกับตัวเอง "ลาก่อนพี่เซียวเหยียน ซวินเอ๋อร์รักท่านเหลือเกิน"
   
     ความกังวลของกู่หยวนเรื่องบุตรียามสิ้มลมกลับกลายเป็นจริง นางตกเป็นส่วนหนึ่งของตระกูนหุนในฐานะทาสความใคร่ ทาสสวาทกู่ซวินเอ๋อร์ นับจากนี้นางคงไม่คู่ควรที่จะชอบเซียวเหยียน พี่ชายคนสำคัญของนางอีกต่อไป
   
     การวางแผนอย่างรอบคอบของเขาประสบความสำคัญ ในที่สุดก็สามารถกำราบสตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกได้ หุนเทียนตี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หยิบม้วนหนังสือออกมาจากแหวนเก็บของ จากนั้นส่งให้ซวินเอ๋อร์อย่างหยาบคาย ใบหน้าที่หยิ่งผยองแสดงกิริยาไม่หวังดี ทำเอาซวินเอ๋อร์อดรู้สึกหวั่นใจมิได้  
  
     ซวินเอ๋อร์เปิดม้วนหนังสือ เหลือบมองมันแวบหนึ่ง ก่อนจะมองหน้าหุนเทียนตี้ด้วยแววตาไม่กระพริบ มีความอัปยศอดสูสำแดงอยู่
  
     หุนเทียนตี้กล่าวอย่างปลอดโปร่ง " 'บันทึกกามสูตรเทวะ' นี้เป็นวิชาระดับสวรรค์ที่สืบทอดกันมาในตระกูลหุนของข้า หากไม่ใช่หญิงงามระดับเจ้า ข้าย่อมไม่เต็มใจจะใช้งาน"
   
     ซวินเอ๋อร์ "เจ้ามันต่ำช้า 'กามสูตร' นี้จะเปลี่ยนพลังยุทธ์ทั้งหมดของข้าให้กลายเป็นพลังแห่งตัณหา ใช้ปลุกเร้าความต้องการทางเพศให้รุนแรง เสริมสร้างร่างกายให้คงทน ทั้งฟื้นฟูความเจ็บปวดในชั่วพริบตา เหล่านี้ล้วนมีไว้เพื่อประกอบการร่วมรักทั้งสิ้น และเมื่อใดที่ข้าฝึกฝนจนสำเร็จขั้นแรก ในอนาคตมันจะพัฒนาด้วยตัวเอง ต่อให้มีพลังระดับเทพยุทธ์...แต่ข้าจะไม่อาจใช้พลังเพื่อการต่อสู้ได้อีก"  
   
     หุนเทียนตี้ "ฮ่าฮ่าฮ่า ในอนาคตเจ้ามีเพียงทักษะบนเตียงก็พอแล้ว จะต้องใช้ทักษะการต่อสู้ไปทำไม?




[/quote]

RE:StarT