ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ร้านคาราโอเกะ [ Part 10 ] ตอนที่ 171 ( ประสบการณ์ของนายโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, มกราคม 19, 2025, 11:01:50 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

dog_963 และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ สวัสดี ร้านเกะมาละครับ

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของทุกๆท่านครับ

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 มาจนถึง Part 10

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา

ปล. สำหรับท่านที่ต้องการอ่าน ซีรีย์คาราโอเกะ หรือ ทุกซีรีย์ย้อนหลัง




สามารถคลิกที่ภาพ เพื่อวาร์ปไปห้องสมุดนายโทนได้เลยครับ







ปล.2 สำหรับใครสมาชิกใหม่ที่พึ่งสมัครเมมยูซเซอร์เข้ามาแล้วพออ่านเรื่องนี้แล้วอยากอ่านต่อก็ง่ายๆครับ
ตามภาพเลย ขั้นตอน 1 2 3  แต่ระวังการคอมเมนต์ไว้ให้ดีๆ อย่ามาแต่ อีโม นะ







ปล.3 ท่านสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมหลังอ่านจบด้วยการดูที่มุมขวาล่างของคอมเมนต์ที่ท่านแสดงความคิดเห็นไว้

เลือกที่เพิ่มเติมและเลือกแก้ไข



แนะนำเหมียว



เหมียวเป็นรุ่นพี่ที่ทำงานครับ หลายคนน่าจะรู้จักเหมียวดี

แต่ผมพึ่งมารู้ว่าเธอเองก็เป็น New Blood รุ่นที่ 2


★★★★★★★★★★★


ความเดิมตอนที่แล้ว

ผมมารู้ว่า ตัวเองเป็น 1 ใน Project New Blood

มันเป็น Project ที่จะเลี้ยงดู ฝึกฝนเด็กรุ่นใหม่

เพื่อที่จะเป็น ไอเดียใหม่ๆในการขับเคลื่อนบริษัท

แต่ในระหว่างที่กำลังคุยกับหัวหน้าอยู่ ก็มีคนเอาของมาส่ง

และมีข้อความมาฝากผมว่า

" แล้วเจอกันนะคะ ซารุซัง "


★★★★★★★★★★★

นายโทนไดอารี่ 171

ลายมือ... อื่มมม ไก่เขี่ยแบบนี้รุกะแน่ๆ แล้วเจอกันเหรอ ทำไมผมรู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นนะ แต่เหนือสิ่งอื่นใด คุณรุกะรู้ได้ไงนะว่าผมชอบวิตามิน C ยี่ห้อนี้ มันเป็นยี่ห้อเดียวกับที่กินที่พัทยาครับหรือเพราะว่ามันก็ดังที่ญี่ปุ่นเหมือนกัน

ไม่รู้สิ่ มันเปรี้ยว มันหวาน สดชื่นน่ะ แต่อยู่กรุงเทพฯไม่ค่อยได้กินหรอกครับ ต้องไปซื้อในห้างใหญ่ๆ เพราะมันต้องนำเข้า ผมติดขี้เกียจไปเดินห้างเลยไม่ค่อยได้กิน แฮ่ๆ ๆ ๆ

ชอบตรงที่มันต้องบิดเกลียว 2 ชั้นนี่แหละ ผมคาบปากหลอดวิตามินC แล้วมองข้อความในกระดาษนั้นถอนหายใจเบาๆ ถอนแรงไม่ได้เดียวปากเผยอแล้วถุงวิตามิน C จะหล่น ผมจะทำหน้ายังไงเวลาเจอคุณรุกะนะ ผมยืนดูดวิตามิน C แบบอึนๆ จนหัวหน้าบอกเฮ้ยไอ้โทน คั่มหมอน ผมเดินกลับเข้ามา พวกพี่ๆก็ถามว่าเปิดยังไงนะอีโทน ผมก็เลยเปิดให้ดูอีกรอบ เขาถามว่าทำไมแกดูคล่องจัง

ผมก็บอกว่า เอ่อถ้าไปเดินห้างแล้วมันมีมุมของ อิมพอร์ตผมก็จะซื้อมาบ้างอ่ะครับ และผมก็เดินตามหัวหน้าเข้าไปคุยในห้องต่อ แต่คราวนี้พี่จักรกับพี่อ้อมไม่อยู่แล้ว เขาก็บอกว่า ก็ตามที่มึงรับรู้ไปนั่นแหละ New Blood ไม่ได้มีแค่มึงคนเดียว และไม่ใช้มึงแค่รุ่นเดียว แผนกเรามี มา 3 รุ่น ไอ้รุ่นแรกที่อยู่แผนกเราไม่ผ่านโปรฯก็ปลิวไปแล้ว มันยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าอยู่ในโปรเจค ส่วนรุ่น 2 ก็เหมียว ส่วนมึงก็รุ่น 3 ( ผมขอใช้ NB แทน New Blood ครับ )

พวกรุ่น 1 กับรุ่น 2 ก็เฉิดฉายกันไปหลายคนแล้ว ส่วนรุ่นเดียวกับมึงที่อยู่ใน NB ก็เร่งทำผลงานตัวเองอยู่ ผมก็ถามว่าแล้วคนอื่นๆได้ทำงานเยอะแบบผมมั้ยครับพี่ พี่เขาบอกก็แบบมึงนั่นแหละ ก็อย่างที่บอก โปรเจคนี่เพื่อเลี้ยงดูคนรุ่นใหม่ ให้เติบโตขึ้นมาเป็นบุคลากรชั้นดี

ทั้งยื่นโอกาสที่สมควรและเหมาะสมให้ สร้างบรรยากาศในการทำงานให้ อย่างเช่นห้องทำงานของมึงนั่นก็เป็น 1 ในสิ่งที่ NB ทุกคนจะได้ นั่นไงผมว่าละ ทำไมผมถึงมีห้องทำงานส่วนตัว ผมก็เลยถามว่าคนอื่นก็มีแบบผมเหรอพี่ เขาบอกถูกต้องตามนั้น แต่ว่าในห้องจะมีพวกอุปกรณ์ให้เยอะแค่ไหน อยู่ที่การประเมิน 3 เดือนแรก

และ NB ทุกคนจะได้รับการแจกจ่ายงาน พัฒนาทักษะ และอุปกรณ์ที่จำเป็น อย่าง BB ที่ให้มึงไปใช้นั่นก็ด้วย พี่เขาบอกแต่ที่ให้ไปนั้นเป็นเพราะมึงยังใช้ N72 อยู่ไง มันรับส่งข้อมูลแบบ Real Time ไม่ได้ ก็เลยคงต้องให้มึงเอาไปใช้ แรกๆมึงใช้เมลล์ในการสื่อสารมันก็ยังพอได้ แต่นานๆไปมันไม่ไหว เพราะงานมึงมันเยอะขึ้นเรื่อยๆก็เลยต้องให้เอาไปใช้

NB คนอื่นๆมันมีBB กันหมด เหลือแต่มึงนี่แหละ คนมันจะเก่งยังไง สุดท้ายก็ต้องพึ่งเทคโนโลยีอยู่ดี งานที่ดีมันเริ่มสารสื่อสารที่รวดเร็วและถูกต้องมึงจำตรงนี้เอาไว้ด้วย NB จากแผนกอื่นมันก็โดดเด่นกันไปในแต่ละด้านนั่นแหละ ไม่ใช่ว่ามีแค่มึงที่โดดเด่นคนเดียว แต่... มึงโชคดีที่ความเป็นเด็กกิจกรรมที่ติดตัวมึงมาตั้งแต่ มหา'ลัย มันช่วยให้มึงกล้าทำ กล้าคิด กล้าแหวก มันเลยเด่นออกมามากกว่าคนอื่น

ในขณะที่คนอื่นแข่งกันเรื่องวิชางานทฤษฎี แต่มึงเด่นเรื่องการเอาออกมาลงมือทำ พวกหัวหน้าแผนก เขาประเมินผลการทำงานของพวกมึงทุกคน ตลอดนั่นแหละ ผลมันก็ออกมาอย่างให้เห็น มึงทำผิดพลาดบ่อยสุด ในขณะที่คนอื่นพลาดน้อย ผมก็บอกอ้าว ชิบหายละ


แต่หัวหน้าผมบอกว่า แต่ว่าพวกหัวหน้าที่รับผิดชอบโปรเจคไม่ได้มองแค่ว่า ผลงานดีอย่างเดียว จำนวนที่ทำ จำนวนที่แก้ไข จำนวนที่ผิด เขาตรวจสอบกันหมด คนจะเก่งมันไม่ได้เก่งเพราะทำแล้วถูกตลอด แต่มันจะเก่งเพราะการพัฒนาขึ้นจากข้อผิดพลาด สุดท้ายหลังจากที่ประเมินกันหลายๆเดือน ผลประเมินของมึงก็ขึ้นมาตีขนาบกับเบอร์1 ของรุ่นในด้านวิชาการ

แต่ก็นั่นแหละ จุดประสงค์ของ NB ไม่ได้ต้องการหาคนที่เก่งด้านเดียว มันต้องรอบด้าน และมึงโชคดีที่ผลประเมินต่างๆของมึง มันตรงตามจุดประสงค์ของโปรเจค ผมก็บอกว่า... คงเพราะที่คุณท่านจับผมไปเรียนกับพวกป้าๆเขานั่นแหละครับ เลยไม่ค่อยรู้สึกว่าถ้าทำผิดแล้ว มันจะพังทลายไปหมด มันแก้ไขได้ถ้ายังมีเวลา

ลูกพี่ผมบอกเออ เพราะมึงได้เรียนกับตัวจริงนั่นแหละที่ได้เปรียบชาวบ้านเขา มึงอย่าลืมไปยกธูปแพเทียนไปแพ ไปขอบคุณพวกเขาล่ะ พี่เขาบอก อีกไม่นานNB แต่ละคน คงจะได้เจอหน้ากันนั่นแหละมึงก็เตรียมตัวไว้หน่อย ผมก็ถามอ้าวทำไมต้องเตรียมตัวล่ะพี่ พี่เขาบอกผลการเรียนมึงห่วยสุด ผลงานเกี่ยวกับวิชาการไม่มีห่าไรเลย

แต่เสรือกทำผลงานออกมาดี ใครก็หมั่นใส้ทั้งนั้นแหละ แล้วพี่เขาก็หัวเราะ ผมก็เลยบอกเอ๋าอะไรวะน่ะ... พี่เขาบอกเอาน่ะ ๆ ๆ เดี๋ยวก็คงได้เจอกันเร็วๆนี้ ยังไงซะมันคงไม่เหมือนในละครหรอก ที่พอเจอหน้ากัน เหม็นขี้หน้ากันแล้วซัดกันเลย ถึงต่อให้มีการลงไม้ลงมือ มึงก็คงกินรอบวงนั่นแหละ ผมก็เกาหัวแกร่กๆเลย อะไรวะเนี่ย แล้วลูกพี่เขาก็บอกว่าส่วนงานสัมมนามึงก็คิดภาพในหัวเอาไว้คร่าวๆล่ะ

ผมเอนหลังถอนหายใจ แล้วบอกว่าไม่อยากทำเลยว่ะพี่ แม่งกินพลังงานมากเลยนะ กับการที่ต้องคุมทั้งเวลา ทั้งคนเนี่ยคุมยากสุดๆ แล้วอีกอย่างเหตุการณ์ที่เมียไอ้พี่เท่ส์ไปก่อกวนงานอีก นั่นแม่งก็มายังไงก็ไม่รู้ หัวหน้าก็บอกว่า พี่จะบอกอะไรให้นะเว้ย เพราะไอ้เหตุการณ์นั้นแหละ ผลการประเมินของมึงถึงได้พุ่งขึ้นมาขนาดนั้น จนได้ไปทำงานที่เชียงใหม่

ผมก็ฮ๊ะ !!!? พี่เขาบอกว่า ผลประเมินออกมาคือ ควบคุมสถานการณ์ได้ทันท่วงที ควบคุมกระแสของสถานการณ์ ทำให้สถานการณ์เฉพาะหน้าจบลงได้ในเวลาอันรวดเร็ว และดูแลปกป้องคนในทีมได้ ( เหมียว ) เรื่องนี้พวกตัวบิ๊กๆปลื้มกันทั้งนั้น เพราะงั้นไอ้การที่ให้มึงไปลุยที่เชียงใหม่มันเลยถูกยกมาคุยเป็นเรื่องแรกๆตั้งแต่ตอนนั้นแหละ

จะยกเว้นก็แต่ไอ้ที่มึงไปต่อยบอร์ดไม้ก๊อกจนทะลุนั่นแหละ พี่เขาเกาหัวแล้วบอกเฮ้อ มึงนี่มันจะให้ดีก็ดีอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีอะไรมาดึงตลอดไอ้ห่าเอ๊ย ผมถอนหายใจอีกที แล้วบอกว่าแต่สัมมนามันเหนื่อยว่ะพี่ ผมบอกไม่อยากทำเลยว่ะพี่ แล้วพอมารู้ว่าตัวเอง แม่มกลายเป็นอะไรนะ 1 ในโปรเจคของบริษัทแล้วรู้สึกขนลุกว่ะ ผมถามไปว่านี่ตกลงผมอยู่ในโปรเจคนานยัง เขาบอกว่าก็ตั้งแต่มึงเข้ามาทำงานวันแรกนั่นแหละ ทุกคนที่มาสมัครงาน ผ่านสัมภาษณ์และได้รับการบรรจุเข้าทำงานปีเดียวกับมึงนั่นแหละคือ บุคลากรของ NB

ผมก็เฮ้อ แล้วก็เอนหลังบอกว่า ก็ว่าอยู๊วววววววว ทำงานผมก็โตไวกว่าชาวบ้านชาวช่องเขา งานการอะไรก็เข้ามาเยอะ แถมไอ้ BB ส่วนกลางที่เอามาให้ผมถือคนเดียวมันก็แปลกใจไม่ใช่เล่นเลย แล้วไหนจะการที่มีห้องทำงานแบบนั้นอีก พี่เขาบอกว่า เฮ้ยๆ มั่นใจในตัวเองหน่อย ถ้าพวกพี่ประเมินแล้วว่ามึงไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในโปรเจคต่อไป มึงบินไปตั้งแต่ 3เดือนแรกแล้ว เพราะงั้นมั่นใจหน่อย

แล้วก็อย่างที่บอกไปแล้วไงมันคือ การสร้างบรรยากาศการทำงาน ท่านประธานคนเก่าเขาอยากรู้ถึงขีดจำกัดของเด็กยุคใหม่ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหนในระยะ 1 ปี ผมก็ถามว่าแล้วไอ้คนอื่นๆล่ะพี่ ที่บอกว่าผลงานดีกว่าผมหน่อยนึงน่ะ ตอนผมได้รับหน้าที่ไปดีลงานที่เชียงใหม่ มันทำอะไร เขาก็บอกว่าได้ไปดูงานที่บาหลี ก็ทริปเดียวกับรอง HR นั่นแหละ

ส่วนอีกคนก็ไปดูงานที่ระยอง ส่วนอีกคนก็ไปนู่น โรงงานที่ขอนแก่น พวกที่ได้ไปดูงานในที่ต่างๆจะเป็นคนที่โดดเด่นออกมาจากในรุ่น ก็มีตามที่บอกส่วนคนที่เหลือก็ถือว่าใช้ได้ แต่อัตลักษณ์และความพิเศษมันยังไม่โดดเด่นออกมาเท่าไร ไอ้คนที่ได้ไปบาหลี ถ้าพูดเรื่องวิชาการเดี่ยวๆมันอาจจะโดดเด่นที่สุดในรุ่นได้ ส่วนนึงนี่แม่งไปทั่วเลย จับฉ่ายชิบหาย

ผมบอกเอ้า นี่ชมผมป่ะเนี่ย เขาบอกเฮ้ยนี่พี่ชมนะ จริงอยู่ว่าผลประเมินจากทุกๆฝ่ายน่ะเรื่องวิชาการของมึงอาจจะตามหลังไอ้นั่นอยู่ แต่ไอ้นั่นมันเรียนสายนี้มาโดยตรง การที่มันจะไปไวมันก็ไม่แปลก ถ้าเทียบกับมึงที่เรียนนิเทศมา แต่สามารถสร้างผลงานจนมีผลประเมินไล่เลี่ยกัน ภาษีมันก็จะเทไปฝั่งมึงมากกว่า ในด้านความพยายามและการปรับตัว เหมือนมันออกตัวมาก่อน 10 กิโลฯ แต่มึงสปีดมาตามหลังมันนิดเดียวนั่นแหละ

และสิ่งที่มึงมีแต่มันไม่มีคือ การกล้าทดลองทำอย่างที่บอกไปนั่นแหละ และอีกอย่างทีมงานหลังบ้านของมึงก็แน่นซะขนาดนั้น ก็ว่าใครจะแหยมกับมึงก็คงยาก พี่เขาถามว่าที่เชียงใหม่มีอะไรที่ทำให้เกือบล่มมะ ผมพูดเลยว่ามีดิ่พี่ ก็ไอ้ ( ชื่อผู้จัดการคนนั้น ) แม่มเอาเอกสารเก่ามาให้พวกผม

ดีนะที่จอยทักขึ้นมาว่ามันแปลกๆ เหมือนเอกสารเก่า พอเอามานั่งดูกันก็ใช่ตามนั้น พี่เขาถามแล้วมึงทำไง ผมบอกผมโทรหาพี่แมนอ่ะดิ่ครับ ให้เขาช่วยหาเอกสารให้ พี่เขาบอกนี่มึงใช้คนระดับนั้นหาเอกสารให้เหรอวะ ผมก็ถาม.. อ้าวก็พี่เขาถามว่ามีไรให้ช่วย ผมก็บอกให้เขาช่วยอ่ะดิ่พี่

ผมบอกอ้าส์ ไม่อยากทำสัมมนาเลยว่ะพี่ ให้ NB คนอื่นทำให้ได้มั้ยพี่ จะได้สร้างผลงาน หัวหน้าผมมองหน้าเลย เอาล่ะปล่อยฮาคิมาละ หัวหน้าพูดว่ามึงอย่าทำเป็นเล่นไป มึงคิดว่าการบอกให้คนนึงรับผิดชอบงานใหญ่แบบนั้นมันใช่เรื่องเล่นเหรอ จริงอยู่ว่ามันพูดออกมาเหมือนง่าย

แต่กว่าจะลงความเห็นกัน กว่าจะลงคะแนนกัน พวกหัวหน้าแผนกต้องตีกันขนาดไหน และด้วยตัวมึงเองที่อยู่ใน NB และท่านผู้ถือหุ้นคนเก่าก็ไว้ใจให้ทำด้วย มึงจะมาพูดว่าให้คนอื่นทำง่ายๆแบบนี้ไม่ได้ อันนี้กูพูดในฐานะรุ่นพี่มึงนะ การที่มึงพูดปฏิเสธออกมา 2ครั้ง 2คราวแบบนี้กับงานที่ได้รับมอบหมายจากเบื้องบนมาโดยตรง มึงอาจจะโดนซองขาวไปแล้วก็ได้ เพราะงั้นจำไว้ว่า ต่อให้กูเป็นรุ่นพี่มึง แต่ยังไงกูก็เป็นหัวหน้าแผนก เพราะงั้นทำอะไรให้คิดถึงจุดนี้ไว้ด้วย

ผมก็สะอึกเลยว่ะ.. ติดเล่นมากเกินไปสิ่นะ ผมก็เลยยกมือไหว้แล้วบอกว่า ผมขอโทษครับ จะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีกครับหัวหน้า ผมก็ขอโทษหัวหน้าไปแบบจริงๆจังๆนั่นแหละครับ เขาก็บอกเออจำไว้ก็แล้วกัน เขาถามผมนะว่า แล้วมึงน่ะยังไงจะไปเกาหลี แต่สร้างโจทก์เกาหลีไว้ซะตัวเป้งเลยนะ คุณคารีน่านั่น มึงก็น่าจะรู้ว่าไม่ธรรมดา ระดับไม่ได้ด้อยไปกว่า พัค ฮยอน-อา เลยนะ

ผมก็บอกว่า... ก็รู้แหละครับพี่ แต่คนมันไม่ชอบจะให้ผมทำงายล่ะครับ พี่เขาถอนหายใจแล้วบอกมึงนี่นะ ไปรู้จักแต่กับพวกตัวเป้งๆ จนกรูหลอนไปหมดแล้วเนี่ย ผมบอกแค่โชคดีเองน่ะพี่ พี่เขาบอกเดี๋ยวก็ยันโครมเลย แต่มันก็มีผลดีขึ้นมาบ้าง ผมถามว่าดียังไงพี่

เขาบอกว่าแผนกเรามีทั้ง พัค แท-โอ ที่ EGO จัดๆมาเยี่ยมถึงแผนก พัค ฮยอน-อา ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหยิ่ง รวมถึงคารีน่า ก็มาเยี่ยมที่แผนก ถึงจะมาไม่ค่อยเป็นมิตรก็เถอะ แค่นี้มันก็พอช่วยสร้างเครดิตให้แผนกเราได้มากโขอยู่ คราวนี้ของบอะไรไป ก็น่าจะผ่านได้ไม่ยากเหมือนปีก่อนๆแล้ว หรืออาจจะขอได้มากกว่าเดิมด้วย

ผมก็หัวเราะ 555 แล้วบอกเอาละเว้ย ได้งบเพิ่มละ พี่เขาบอกว่าแต่มึงจำไว้นะ ถึงมึงจะเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดใน NB  แต่อย่ากดดันตัวเอง มึงคือผลผลิตของแผนก ไม่ใช่คนที่ต้องมาแบกรับแผนก  ในตอนนี้ไม่มีใครเขาคาดหวังกับไอ้เด็กอ่อนด๋อยแบบมึงหรอก พี่เขาบอกว่าแค่อายุงานปีนึง มึงแบกบริษัทไม่ได้  หน้าที่แบกรับมันเป็นของพวกระดับสูงๆ

ส่วนมึงต้องเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง เพื่อให้สมกับที่ได้เข้ามาอยู่ในโปรเจค สิ่งที่โปรเจคนี้ต้องการจากบรรดาพวกมึง คือความสดใหม่ และรูปแบบที่ยืดหยุ่นในการทำงานที่แตกต่างจากพวก Gen X เพราะงั้นทำงานให้เหมือนเดิม พยายามพัฒนาตัวเอง ให้เหมาะกับที่พวกเขาประเมินมึงเอาไว้สูง แต่ก็อย่างที่บอกไม่มีใครหวังว่าบริษัทจะรุ่งโรจน์ภายใน 2-3 ปีนี้หรอก

เขาบอกว่าแต่ต้องจำเอาไว้ว่า ถ้ามีโอกาสอะไรเข้ามาให้คว้าไว้ หรือไม่มึงก็ต้องสร้างโอกาสให้ตัวเอง เพราะว่าถึงมึงจะเป็น 1 ในโปรเจคแต่พอเวลาผ่านไป มึงจะกลายเป็นแค่พนักงานคนนึง เพราะงั้นสะสมผลงานเอาไว้เยอะๆ พี่บอกแล้วนะว่าเอ็งควรอยู่ที่นี่ไม่เกิน 5 ปี คนเราทำงาน สร้างผลงาน ไม่ใช่เพื่อบริษัทอย่างเดียว แต่ก็เพื่อตัวเองด้วย

ถ้าตัวเองทำงานได้ดีก็จะมีผลต่อการประเมินปรับเงินเดือน แต่ว่ามึงจำคำพี่ไว้ วิธีเพิ่มเงินเดือนที่เร็วและเยอะที่สุดคือการหอบผลงานไปสมัครที่ใหม่ ถ้ามัวแต่รอปรับในแต่ละปียังไงก็ไม่ทันกิน เพราะงั้นจำที่พี่บอกไว้ แต่ผมก็บอกจะไปไหนได้ล่ะพี่ ผมว่าที่นี่ก็ดีจะตาย หัวหน้าบอกเฮ้ยเดี๋ยวตบคว่ำ หัดทะเยอะทยาน หรือ ตั้งเป้าหมายสูงๆไว้บ้าง ที่ที่มึงอยู่ตอนนี้ ถ้าให้พูดตรงๆ

ตอนแรกพี่ก็มั่นใจว่าองค์กรเราก็ไม่แพ้ใคร ถึงจะไม่ได้ยักษ์ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่ใครจะเมินได้ แต่หลังจากที่ท่านประธานเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นคนใหม่ ด้วยความต่างของขนาดองค์กรมันก็เท่ากับว่าที่นี่เป็นแค่บริษัทในเครือของท่านประธานเหมือนกับอีกหลายๆที่ ยังไงมึงก็ต้องไปทำงานที่บริษัทใหญ่ให้ได้ มึงตั้งเป้าหมายไว้เลย แต่พี่ดูจากทรงความเขี้ยวแล้ว คงไม่ใช่ในระยะ 3-4 ปีแน่ๆ ที่สำคัญดูแล้ว เขาไม่ใจดีกับมึงเท่าไรด้วย 


ผมบอกอื้อหือ ไม่เลยครับ ไม่เลยสักนิด พี่เขาบอกนั่นแหละดีแล้ว ไม่งั้นมึงก็ไม่โต ไปทำงานซะไป แล้วก็เรื่องเหมียว หยวนๆหน่อยไป ผมก็ถามอารายพี่ เขาบอกแหม่ เหมียวมันคอยเช็ดๆถูๆ ห้องทำงานให้ก็ใจเย็นๆหน่อยเถอะว๊า ผมถอนหายจายเบาๆ เขาบอกว่าหรือมึงสองคนได้กันแล้วจริงๆ เพราะสิ่งที่เหมียวมันทำนี่ เหมือนดูแลผัวเลย

ผมก็บอกจะเป็นงั้นได้ไง ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่ในใจคิด แม่มเอ๋ยยย จมูกไวชิบหายเลยลวกเพี่ยยยยยย พี่เขาบอกว่าอีกอย่าง กลับมาจากทะเลเหมียวมันก็ดูแปลกๆด้วย ผมก็เลยบอก ไม่รู้ดิ่พี่แต่ผมไม่ชอบคนเหวี่ยงใส่วะ มีอะไรก็พูดดิ่ ผมไม่ได้มีจิตสัมผัสนะถึงจะได้รู้ทุกอย่าง พี่เขาก็บอกเออๆ มีไรก็ค่อยๆคุยกัน คิดซะว่า ตอนมึงเข้ามาใหม่ๆ ก็ได้เหมียวมันช่วยดูแล ผมก็บอกว่าแต่ผมก็ไม่คิดเลยนะว่าเหมียวจะเป็น 1 ใน โปรเจค NB ด้วย

พี่เขาบอกไม่รู้ก็ไม่แปลก คนอื่นก็ไม่รู้ เพราะว่าถ้าบางคนเข้าใจก็จะคิดว่าเป็นไปตามแผนงานของบริษัท ส่วนคนที่ไม่เข้าใจก็จะคิดว่าเด็กเส้น เพราะงั้นเลยตกลงกันไว้ว่านอกจากผู้รับผิดชอบในแต่ละแผนก และเจ้าตัว อ้อรวมถึงผู้บริหารระดับสูงแล้ว เรื่องนี้จะไม่บอกใครและห้ามบอกใครเด็ดขาด

พี่เขาถอนหายใจแล้วก็พูดว่าเหมียวมันก็ทำงานดี แต่มันก็มี Safe Zone ของตัวเองเยอะเกินไปจนไม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ เหมียวมันโดนบรรยากาศรอบตัวกลืนกินมากเกินไป จนสุดท้ายก็พัฒนาได้ไม่เต็มที่เท่าไร แต่ก็เอาเถอะยังไงซะเหมียวมันก็เป็นที่ถูกใจของบรรดาผู้ตรวจสอบหลายๆคน

เพราะเรื่องการประสานงานในแต่ละฝ่ายได้ดีนั่นแหละ ผมก็บอกอืมครับอันนี้ไม่เถียง ถ้าเรื่องทำงานเพียวๆเกี่ยวกับการประสานงานก็คงไม่มีใครเก่ง ปรับตัวตามงานที่ผมแจกจ่ายที่สัมมนาก็รวดเร็ว พี่เขาบอกเหมียวมันก็ทำงานดีนะ นิสัยก็ดี ดูแลมึงในฐานะรุ่นพี่โปรเจคก็ดี

เขาพูดมาตบไหล่แปะๆ แล้วบอกว่าถึงจะได้เป็นแค่เพื่อนก็เถอะ ผมก็ฮึ๊ อะไรนะพี่ แล้วพี่เขาก็พูด โทนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลยยย หัวหน้าผมพูดแบบดัดเสียง ผมบอกเฮ้ยไปได้ยินมาจากไหนเนี่ยพี่ พี่เขาบอก ก็มึงไง ผมบอกเฮ้ยเดี๋ยว ผมไม่เคยบอกนะ พี่เขาบอกก็มึงเมาาาาาา เมาแล้วพูดไม่หยุดเลยไง

พี่คิดดิ่พี่ ผมหวังดีจริงๆนะเว้ย แต่แค่เพื่อนเหรอวะ พี่เขาก็พูดไปแล้วดัดเสียงไป ชี๊บหายแล๊วไง พี่เขาบอกมึงไม่ต้องมาตกใจหรอก เขารู้กันทั้งแผนกว่าตอนนั้นมึงชอบเหมียว แหม พอไอ้นัดมาที่แผนกหน้านี่เหมือนหมาป่วย พอเหมียวมันเลิกกับไอ้นัดมึงก็เป็นคนแรกที่ไปตามหามัน เขามองออกกันหมดแหละไอ้โทน

ผมฟังแล้วก็พยายามระลึกชาติว่า วันนั้นมีใครอยู่ด้วยวะ เรื่องทุกคนในแผนกรู้ว่าผมเคยชอบเหมียวอันนั้นช่างมัน แต่ไอ้ที่พูดๆไปนั้น มีใครรู้บ้างวะ ผมเหวอเลยตอนนั้น พี่เขาบอกเฮ้ยๆ คนที่ได้ยินมีแค่ พี่ ไอ้จักร แล้วก็มึงไง วันนั้นไปทำงานที่บ้านพี่อ่ะ ผมก็บอกพี่จักรด้วยเหรอพี่ โอ้โหจบละชีวิต

แล้วพี่เขาก็พูด อ้อๆ มีเมียไอ้จักรด้วย จังหวะมารับไอ้จักรกลับบ้านพอดี แล้วก็ได้ยินหมดเลย ผมนี่ร้องเสียงหลงเลย ม๊ายยย ม่ายยยยย โอ้ยยยย ไรวะเนี่ยยยยยยย พี่เขาก็หัวเราะลั่นเลย  โดนกำแพงเฟรนด์โซนเฉยเลย 555555 ผมบอกพอเลยพี่อย่าพูดถึงเลย แล้วพี่เขาก็ร้องเพลง

" ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่ "


ผมบอกเฮ้ย ลวกเพี่ย พอเถอะน่า เขาบอกเออๆ ไปทำงานได้แล้วไป ผมก็ยกมือไหว้แล้วเดินออกมาทำงานต่อ แม่มเอ๊ยเมาไปได้ไงวะนั่นกรู


 



เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน


locklock leck

มีความหลังกับเหมียวด้วยหรอเนี้ย

อ่านถึงตอนจบอยากลุ้นตอนต่อไปเลย

unicrons


Au Nanma


อ่านตอนนี้แล้วได้วิสัยทัศน์การบริหารบุคคล การบริหารองค์กรหลายอย่างเลยครับ หวังว่าจะมีการแวะคอนโดเจ๊หมิวนะครับ



hunterkung



Wiwek



Otaza

ตอนนี้มาเต็มในพาร์ทการทำงาน จะเติบโต ต้องรับผิดชอบงานมากขึ้น ต้องใส่ใจงานทุกรายละเอียด ต้องประสานงาน ยืดหยุ่น ใช้คนให้ถูกกับงาน ผิดพลาดได้ แก้ไขให้ได้ ยอดเยี่ยมครับ

tann sathien



meendavid