ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_KaohomLM

มหายุทธสยบรัก ตอนที่ 3: หวังอี้หนีตาย

เริ่มโดย KaohomLM, มีนาคม 26, 2025, 04:54:01 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

KaohomLM

    เสียงฝนกระหน่ำดังลั่นสะท้อนไปมาเมื่อหวังอี้ฟื้นคืนสติอีกครั้ง
    มันมองไปรอบตัวอย่างงุนงง ขณะที่พยายามรำลึกว่าเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้น
    "นี่ข้า....อยู่ในถ้ำเช่นนั้นหรือ" มันถามตัวเองเมื่อเห็นผนังรอบด้าน
    ภาพสุดท้ายที่มันจำได้คือแจกันที่ลอยกลับมาหามัน
    "ใช่สินะ....ข้าพยายามช่วยแม่นางเซียวเฟยซิง...แล้ว...."
    ที่บนหัวของมันมีผ้าที่ฉีกออกมาจากแขนเสื้อของมันพันรอบอยู่ แต่มันก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากแผลบนศีรษะ
    "นี่...ข้า....."
    มันดันร่างลุกขึ้น เหลียวมองรอบกายจนเห็นแสงสว่างส่องมาจากภายนอก
    แสงที่ลอดมาจากปากถ้ำน้อยนั้นมืดลงหน่อยหนึ่งจากเงาที่บังขวางอยู่ แต่เมื่อมันเดินขโยกเขยกเข้าหากลับต้องอ้าปากค้าง เซียวเฟยซิงนั่งกอดเข่าอยู่ที่ปากถ้ำ แผ่นหลังของนางขาวโพลนเปลือยเปล่างดงามเสียทุกสัดส่วน เส้นผมดำที่เปียกชุ่มโชกแปะติดเนื้อหนังเนียนเป็นเส้นสายลากยาวลงไปถึงง่ามก้นที่มันมองเห็นได้อย่างชัดเจน
    ใบหน้างามที่เปื้อนด้วยน้ำตาหันมาหามัน รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏบนดวงหน้างามดุจดั่งเทพธิดา แม้จะมีไหล่บางมาขวางและเข่าของนางก็ยกขึ้นแนบอก ทว่าหวังอี้ก็ยังคงเห็นยอดถันสีชมพูอ่อนงามที่ประดับเหนืออกอิ่มอวบแสนยั่วเย้าอารมณ์ มันรีบเบือนหน้าหนีจากภาพแสนวาบหวามเบื้องหน้า
    "ท่านพี่หวัง...ท่านฟื้นแล้ว..."
    "แม่นางเซียว ไยเจ้านั่งเปลือยกายเช่นนี้เล่า"
    เซียวเฟยซิงเบือนหน้าแดงก่ำหนี แม้หวังอี้จะพยายามไม่มองมาที่ร่างของนางก็ยังทำให้นางรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วสรรพางค์กาย
    "ข้า....ไม่มีอาภรณ์อื่นติดกาย"
    "ไยไม่ถอดเอาเสื้อคลุมของข้าไปเล่า" หวังอี้ถามและรีบถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกห่มร่างให้นาง
    "ข้ามิใช่ขโมย จะให้เอาของท่านโดยท่านมิได้อนุญาตข้าทำมิได้ดอก"
    "แม่นางช่างเป็นคนดียิ่งนัก...." หวังอี้กล่าว
    "ข้าหาใช่คนดีไม่ ข้าทระนง หยิ่งยโส ท่านพี่เตือนข้าแล้ว แต่ข้ากลับดื้อดึงไปหาหวังฟันเจ้า ข้าเกือบถูกย่ำยีต้องเสียเกียรติแห่งอิสตรี ท่านพี่ยังหาญกล้าเสี่ยงชีวิตช่วยข้าจนเกือบต้องถึงแก่ความตายไปด้วย บุญคุณท่านใหญ่หลวงนัก เซียวเฟยซิงใช้สิบชาติก็ไม่หมด"
    "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แม่นาง" หวังอี้เกาหัว "แต่แม่นางโปรดเล่าให้ข้าฟังเถิด ท่านเป็นใคร เกี่ยวข้องอันใดกับหวังฟันเจ้า เหตุใดจึงต้องการเอาชีวิตมัน"
    "ข้านามเซียวเฟยซิงแห่งสำนักหมื่นบุปผา พี่ชายคงรู้จัก"
    "มิได้ ข้าหารู้เรื่องใด ๆ เกี่ยวกับยุทธจักรไม่"
    "เช่นนั้นหรือ ท่านโยนแจกันนั้นได้รวดเร็วและรุนแรงเสียจนข้าคิดว่าท่านต้องเป็นผู้มีฝีมือเป็นแน่"
    "หากข้ามีฝีมือจริง คงไม่สลบเหมือดเช่นนี้ดอก"
    "หวังฟันเจ้าเยี่ยมยุทธนัก แม้ยอดฝีมือผู้ฝึกปรือก็ยากจะรอดพ้นกระบวนท่าของมันได้" เซียวเฟยซิงตอบ "แต่หากท่านไม่รู้จริง ๆ เซียวเฟยซิงก็จะเล่าให้ท่านฟัง สำนักหมื่นบุปผาเป็นพรรคเทพในฝ่ายธรรมะที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในยุทธจักร สำนักหมื่นบุปผาเป็นพรรคของอิสตรี เหล่าธิดาบุปผาล้วนล้ำเลิศด้านวรยุทธ ต่างก็ท่องยุทธจักรด้วยประสงค์ช่วยเหลือหญิงสาวที่ถูกย่ำยีโดยบุรุษโฉดชั่ว ทว่าเมื่อหกปีที่แล้วหวังฟันเจ้ากลับปลอมแปลงกายเป็นอิสตรี เข้าศึกษาในสำนัก ลักลอบเรียนเรียนเคล็ดวิชาของเรานานกว่าสองปี"
    เซียวเฟยซิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยโทสะ "ที่สำนัก นอกจากขโมยเอาเคล็ดวิชาแล้ว มันยังลักลอบได้เสียกับธิดาบุปผาศิษย์พี่ข้าถึงหกคน เคล็ดวิชาสำนักหมื่นบุปผานั้นแตกต่างจากวิชาอื่น ๆ หากหญิงสาวผู้ฝึกฝนสูญเสียพรหมจรรย์ไป ก็จะสูญเสียพลังยุทธ ไม่อาจเป็นธิดาบุปผาได้อีก ศิษย์พี่ของข้าทั้งหกล้วนแล้วแต่กลายเป็นนางคณิกาชั้นต่ำในซ่องนางโลม"
    "หวังฟันเจ้าหาได้ถือพรหมจรรย์ไม่" หวังอี้แย้ง "เหตุใดมันจึงยังแข็งแกร่งเช่นนั้นเล่า"
    "หวังฟันเจ้าหาใช่สตรีไม่" นางตอบ "เพราะเหตุนี้ ท่านอาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักจึงบัญญัติไว้ห้ามนำวิชาไปสอนให้บุรุษ ด้วยพวกมันมีแต่จะนำเอาวิชากลับมาใช้ย่ำยีสตรี"
    "เช่นนั้นท่านก็มิอาจ......มีครอบครัวได้เช่นนั้นหรือ"
    "มีได้สิ ข้าก็เป็นบุตรสาวของท่านเจ้าสำนัก นกกระสานำข้ามาให้ท่านเมื่อท่านใกล้พ้นวัยเป็นธิดาบุปผา.....ไยท่านทำหน้าเช่นนั้นเล่า"
    "ไม่มีอันใดหรอก ท่านเล่าเรื่องต่อไปเถิด"
    "หวังฟันเจ้าเมื่อบรรลุวิชาที่อาจารย์ของสำนักสอนแล้ว ก็บุกเข้าไปในหอตำราศักดิ์สิทธิ์ สังหารมารดาข้า ท่านเจ้าสำนัก และชิงเอาคัมภีร์บุปผาสวรรค์หนีไป ตำราเล่มนั้นบันทึกสุดยอดเคล็ดวิชาสูงสุดของสำนักเอาไว้ หลังจากนั้นข้าก็ทุ่มเทฝึกฝน ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าข้าเป็นธิดาบุปผาที่เยี่ยมยุทธที่สุดในรอบร้อยปี....ข้า...ข้าเชื่อมั่นว่าแข็งแกร่งพอจะเอาชนะหวังฟันเจ้าได้แล้ว จึงออกจากสำนักเพื่อตามหามัน...ข้า.........ข้าบอกทุกคนว่าเพื่อปกป้องคนอื่นจากมัน ทว่าจริง ๆ แล้ว ใจข้าอยากจะล้างแค้น"
    "หวังฟันเจ้าสังหารบิดาข้า ข่มขืนมารดาจนท่านสิ้นใจต่อหน้าข้า ก่อนจะเก็บข้าไว้เป็นเด็กรับใช้ในหมู่บ้าน เรียกข้าไปคอยถูพื้นยามมันข่มเหงสตรีหน้าใหม่" หวังอี้บอก "ข้านั้นไรัฝีมือ ได้แต่จำใจรับใช้พวกมันมาโดยตลอด ข้ารังเกียจตนเองยิ่งนัก"
    "ท่านอย่าได้คิดเช่นนั้นเลย ท่านไม่มีวรยุทธ หากแข็งขืนย่อนมีแต่จะเสียชีวิตเปล่า บิดามารดาท่านจะภูมิใจเช่นนั้นหรือ ท่านมีชีวิตอยู่ ยังช่วยผู้อื่นได้ หากไม่ได้ท่าน ข้าก็คงไม่ได้มาอยู่ที่นี่ วางแผนเตรียมการจะล้างแค้นหวังฟันเจ้าอีกรอบ"
    "แล้วท่านจะทำได้หรือ ฝีมือท่านเยี่ยมยุทธนัก แต่แค่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ข้าอยู่เมืองแห่งนี้มา ข้าเห็นหลายผู้หลายนามพยายามทำลายความบิดเบี้ยวของเมืองวิปลาสแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเหล่านักพรตเพนจร จอมยุทธพิทักษ์ธรรม แม้แต่พวกทหารและองครักษ์จากวังหลวง ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือน่ายกย่อง แต่ไม่มีใครปราบหวังฟันเจ้าลงได้สักคน ยิ่งลองยิ่งมีแต่จะตายเปล่า ข้าจึงได้เตือนแม่นางตั้งแต่แรกเห็น"
    "คิดเช่นนั้นมีแต่จะแพ้ตั้งแต่ยังมิได้ต่อสู้" เซียงเฟยซิงตัดพ้อ "หากสู้ซึ่งหน้ามิได้ ข้าก็จะลอบสังหารมัน ขอเพียงแค่โอกาส"
    นางปาดน้ำตา ลุกขึ้นยืน ดึงเสื้อคลุมชั้นนอกของหวังอี้กระชับรอบกายมากขึ้น "ท่านนอนพักผ่อนเถิด บาดแผลที่ศีรษะของท่านลึกนัก หากมิได้ข้าถ่ายทอดลมปราณสมานแผลให้ท่านคงมิได้อยู่ถึงบัดนี้ พรุ่งนี้เราค่อยหาทางกำจัดโจรชั่วหวังฟันเจ้าต่อ"
    "แม่นาง...ล้มเลิกความตั้งใจเสียเถิด..."
    เซียวเฟยซิงไม่ฟังคำทัดท้าน นางลุกขึ้นยืน "ท่านพักผ่อนเสียเถิด ข้าจักเฝ้ายามเอง"

    ยามเช้าสายฝนหยุดเทกระหน่ำเหลือไว้แต่เพียงพื้นป่าที่ชุ่มไปด้วยหยาดน้ำ
    "ข้ามิได้มองทางด้วยซ้ำยามหลบหนีมาที่นี่" เซียวเฟยซิงบอก "ท่านพี่หวังอี้เป็นคนพื้นถิ่น พอทราบหรือไม่ว่าป่าลักษณะเช่นนี้ อยู่ห่างจากเมืองเพียงใด"
    "ข้ามิเคยได้ย่างเท้าออกจากบริเวณตัวเมืองเสียด้วยซ้ำหลังจากเข้าไปแล้ว" หวังอี้ตอบ "เกรงว่าข้าคงช่วยแม่นางไม่ได้"
    "เจ้าอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณครึ่งลี้ในทิศประจิม" หวังฟันเจ้าบอก
    "เจ้าคนโฉดชั่ว!!! เจ้าตามเรามาที่นี่ได้อย่างไรกัน" เซียวเฟยซิงร้อง พลางก็โคจรพลังยุทธเตรียมพร้อมสู้ศึก
    "ข้าไม่ชอบฝน มันเปียก อีกฝนยังนำเอากลิ่นไอจากพื้นดินขึ้นมา กลบเอากลิ่นกายอันหอมหวานของธิดาบุปผาหมดสิ้น" หวังฟันเจ้าบอก "แต่เมื่อฝนหยุดแล้ว ตามกลิ่นบุปผามา หาใช่เรื่องยากไม่"
    เซียวเฟยซิงง้างมือ
    "หากเจ้าจะจู่โจมข้าด้วยฝ่ามือทลายเมฆาอีกรอบ เกรงว่าข้าคงต้องทำลายวรยุทธของเจ้าเสีย" หวังฟันเจ้าพูดด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม
    ฝ่ามือทลายเมฆาอันเป็นหนึ่งในห้ายอดวิชาแห่งสำนักหมื่นบุปผานั้นเป็นการจู่โจมด้วยพลังลมปราณที่มั่นคงทว่าโกลาหล ลมปราณนี้จะไปรบกวนพลังวัฒน์ของศตรู ทำให้ผู้ที่มีพลังยุทธ์ไม่กล้าแข็งพอเกิดลมปราณไหลย้อนไม่อาจใช้พลังยุทธ์ได้ชั่วคราว ท่านอาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่า ณ ขั้นสูงสุดฝ่ามือทลายเมฆาสามารถทำลายพลังยุทธ์ของบุคคลได้อย่างถาวร แต่เมื่อไม่มีคัมภีร์บุปผาสวรรค์ตัวนางเองก็หมดหวังจะบรรลุถึงขั้นนั้น
    "หวังอี้....หวังอี้ ข้าอุตส่าห์มีเมตตาด้วยเห็นเจ้าเป็นคนแซ่เดียวกัน ไว้ชีวิตเจ้าแถมเลี้ยงดูปูเสื่อ แต่เจ้ากลับทำเช่นนี้กับข้า ช่างเป็นคนที่ไม่รู้คุณคนเสียจริง" หวังฟันเจ้าหันไปพูดกับหวังอี้ด้วยเสียงนุ่มนิ่ม
    "เจ้าฆ่าพ่อข้า...."
    "หากพ่อเจ้ายอมตกลงอยู่กับข้าด้วยดีในวันนั้น ป่านนี้มันคงอยู่อย่างมีความสุขมีนางบำเรอเต็มบ้านไปแล้ว" หวังฟันเจ้าเย้ย "ข้าไม่ใช่คนโหดร้าย ไม่เคยคิดเข่นฆ่าพี่น้องร่วมแซ่ร่วมสกุลหรอก แม้เมื่อพ่อเจ้าไม่ยอมให้ข้าอยู่อย่างสงบจนข้าจำเป็นต้องฆ่ามัน ข้าก็ยังเลี้ยงดูเจ้าไม่ใช่เหรอ"
    "เจ้าเลี้ยงข้าไว้เหยียดหยามเท่านั้น เจ้าคนโสโครก" หวังอี้ร้อง
    กระบี่ยาวมาอยู่ในมือหวังฟันเจ้าตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ แต่ในฉับพลันนั้นเองไม้ใหญ่หลายต้นรอบตัวหวังอี้ล้วนโค่นลงมาด้วยแรงฟาดของกระบี่ โชคดีนักที่มันก้มหัวหลบทัน
    "วิ่ง ท่านพี่หวังอี้!!" เซียวเฟยซิงร้อง
    หวังอี้ไม่รอให้นางต้องสั่งซ้ำสอง มันรีบวิ่งสุดฝีเท้าทันที ทว่ามันวิ่งได้สิบก้าว หวังฟันเจ้าขยับตัวเพียงก้าวเดียวก็มาดักหน้ามันได้แล้ว
    พลั่กกกกก
    เซียวเฟยซิงทะยานเข้ามาด้วยวิชาตัวเบา ไหล่บางกระแทกจนหวังฟันเจ้าเซไปก้าวหนึ่ง กระบี่ยาวที่ยกฟาดใส่หวังอี้พลาดไปหลายคืบโดยต้นไม้ใหญ่ล้มลงแทน
    เซียวเฟยซิงไม่ปล่อยโอกาสเสียเปล่า รุกไล่เจ้าโจรชั่วด้วยฝ่ามือทลายเมฆาผสมกับหมัดฟ้าบุปผาร่วง หวังฟันเจ้ารับได้ทุกกระบวนท่าก่อนจะแทงกระบี่สวนกลับมา
    แคว่กกกกกกก
    เสื้อคลุมของหวังอี้ที่นางสวมขาดออกเป็นสองท่อนปลิวไปคนละทิศละทาง ทิ้งร่างนางให้เปลือยเปล่าอีกครั้ง
    "เจ้าคนบัดซบ ไยจึงชอบให้ข้าเปลือยนักเล่า" เซียงเฟยซิงตะโกนด่า แต่อีกครั้งที่นางมิได้พยายามปกปิดร่างกาย สองมือจ้องแต่เตรียมจะปัดป้องการโจมตีครั้งต่อไปของหวังฟันเจ้า
    "อูยยยย สวยจริง ๆ" หวังอี้หยุดวิ่ง หันกลับมามองร่างเนียนนวลสมส่วนไปเสียทุกที่ของเซียวเฟยซิง
    "ก็ศิษย์น้องข้าสวยขนาดนี้ ข้าจะอดใจไหวได้อย่างไร" หวังฟันเจ้าตอบ มันทิ่มแทงไปสองกระบี่แต่เซียวเฟยซิงปัดป้องได้ทั้งสองกระบวนท่า
    นิ่งไว้ เฟยซิง นางบอกตนเอง หากโมโหหรืออับอาย ย่อมเปิดช่องว่างให้มันเล่นงานนางอีกแน่
    กระบี่ที่สามอัดพลังลมปราณไว้เต็มเปี่ยม แม้เซียวเฟยซิงจะปัดป้องได้ทันพลังแฝงในกระบี่ก็กระแทกร่างนางจนปลิวหวือไป หวังอี้ยืนมองตาค้างอยู่หลบไม่ทันจึงโดนร่างนางกระแทกเข้าเต็ม ๆ
    ร่างสองร่างกระเด็นกลิ้งหลุน ๆ ไปหลายสิบหลาก่อนหลังหวังอี้จะชนต้นไม้ใหญ่ 
    เซียวเฟยซิงกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งแล้วแน่นิ่งไป
    "แม่นาง...."
    มันโอบร่างเซียวเฟยซิงอุ้มขึ้นมา แต่เมื่อเห็นสภาพรอบตัวก็ได้แต่มองไปมองมาด้วยความสิ้นหวังและตื่นตระหนก
    เบื้องหน้าเป็นแม่น้ำใหญ่กว้างลึก ด้านหลังหวังฟันเจ้าก็ย่างสามขุมเข้ามา กระบี่ยาวในมือวาววับ รอยยิ้มชั่วร้ายประทับบนใบหน้าสะอ้าน
    "เอาก็เอาว๊ะ!!!" หวังอี้ร้อง และกระโจนลงแม่น้ำพร้อมโอบอุ้มร่างเซียวเฟยซิงที่ยังสลบไสล ขณะที่เสียงหวังฟันเจ้าร้องตะโกนด้วยความโกรธลอยมาตามหลัง

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

teerawatc

อ่านไปสองตอนเริ่มชินกับสำนวนหนังจีนกำลังภายใน

ได้แต่ลุ้นให้แม่นางซิงหาทางแก้แค้นให้ได้

แต่หวังฟันเจ้าต้อนพระเอกนางเอกจนมุมขนาดนี้แล้ว จะหาทางรอดได้ยังไงล่ะนี่


peddo

ตกเขาตกน้ำในนิยายกำลังภายในไม่มีทางตาย หนำซ้ำยังได้ของวิเศษสร้างพลังภายใน หรือหวังอี้อาจได้พลังวิเศษจากน้องซิงก็ได้นะครับ

ryg123456

แม่นางมีความแค้นฝังแน่นนะ แต่ชื่อตัวร้ายนี่แปลกดีนะ


navy868

ตามประเพณีนิยมนิยายกำลังภายในพระเอกนางเอกกระโดดลงหน้าผา กระโดดลงแม่น้ำจะไม่ตาย ปัญหาคือทำไงจะสู้มันได้ ::Fighto::



Nobita Nobituta


เด็กสายเบิร์น

เนื้อเรื่องน่าติดตามแต่จะมีจนจบมั้ยนะ รอชมๆ




mangmo2010

หวังอี้คงรอดและได้มีโอกาสฝึกวิชามาเพื่อแก้แค้นนะ