ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_DRACULolitA

Wayfarer Guardian C2: นักเวทย์ฝึกหัดกับลูกไฟดวงน้อย

เริ่มโดย DRACULolitA, เมษายน 26, 2025, 09:45:35 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

DRACULolitA

Wayfarer Guardian เพื่อนนักเดินทาง
Chapter 2: นักเวทย์ฝึกหัดกับลูกไฟดวงน้อย
By DRACULolitA


"ท่านแม่! ดูนั่นสิ...ใช่สไลม์รึเปล่า"

เด็กน้อยโดโรเธียร์ร้องทักขึ้น  ระหว่างออกเดินทาง พ้นเขตเมืองมาไม่เท่าไหร่  เนื่องจากอยู่ใกล้เมือง  มอนสเตอร์ที่ปรากฏให้เห็นจึงมีเพียงสไลม์และมอนสเตอร์เลเวลต่ำ ๆ เท่านั้น  ซึ่งมอนสเตอร์เหล่านี้ปกติแล้วไม่ทำร้ายผู้คน การที่เด็กน้อยรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นสไลม์  แสดงว่าเธอแทบไม่เคยออกจากเมืองเลย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกสำหรับเด็กวัย 9 ขวบอย่างโดโรเธียร์



"ต้องขออภัยด้วยที่เสียงของลูกสาวข้าอาจทำให้ท่านมาร์คัสรำคาญใจ  นางไม่ค่อยได้เดินทางไปไหนมาไหนบ่อยนัก"
ผู้เป็นพ่อซึ่งนั่งด้านหน้ารถม้าอยู่ข้าง ๆ ข้า เอ่ยปากขอโทษแทนลูกสาว  ข้าหันมองด้านหลัง  เห็นสามสาวคุยกันสนุกอยู่ในรถม้า  จึงค่อยหันมาสนทนากับเขา
"ไม่เป็นไร  ข้าไม่ถือสาหรอก  ปกติแล้วเส้นทางนี้ก็มักจะมีครอบครัวพาเด็ก ๆ มาชมดอกเรดวัลเวตเป็นประจำ  ข้าชินซะแล้วล่ะ"
คำตอบของข้าน่าจะทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกมั่นใจในตัวข้าขึ้นมาพอสมควร
"โชคดีของข้าจริง ๆ ที่ได้ท่านมาร์คัสเป็นผู้นำทาง  มีที่พักให้อย่างดี  ได้รถม้าเดินทางสะดวกสบาย  แถมยังเป็นคนใจกว้างอีกด้วย  ข้ารู้สึกนับถือท่านยิ่งนัก"
ผู้เป็นพ่อกล่าวชมข้าอย่างไม่หยุดปาก  ทำเอาข้าได้แต่เบือนหน้าทำเป็นไม่สนใจคำชมนั้น  เพราะหากเขาได้รู้ความจริงทั้งหมด  ความคิดของเขาอาจเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเลยก็เป็นได้

ผ่านเขตทุ่งหญ้าชานเมืองไป  กำลังจะเข้าสู่เขตพื้นที่ป่า  มีลำธารสายเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง  และมีร่มไม้เพียงพอให้เป็นที่พักได้ ข้าเลือกที่จะแวะพักที่จุดนี้  ให้ม้าได้กินหญ้ากินน้ำ  ก่อนที่จะเดินทางกันต่อในช่วงบ่าย
"ถึงแล้วเหรอคะ...ข้ายังไม่เห็นดอกพรมแดงเลยสักดอก"
โดโรธีเปิดปากบ่นออกมาเป็นคนแรกเหมือนอย่างเคย  แต่บุคลิกที่ดูมุ่งมั่นเอาแต่ใจของนางก็ถูกใจข้าไม่น้อยเช่นกัน
"เราต้องแวะหยุดให้คุณม้าได้พักผ่อนบ้างนะลูก  ไม่งั้นถ้าม้าหมดแรงหนูต้องลงไปลากรถม้าเองนะ"
แม่ของเด็กสาวช่วยข้าอธิบายเหตุผล  แถมด้วยการชี้ให้เห็น ถึงผลเสียของความเอาแต่ใจของเธอด้วย  ซึ่งนั่นดูเหมือนจะได้ผลมากทีเดียว เด็กสาวไม่โต้ตอบอะไรอีก  ได้แต่ลงจากรถม้าแล้วยืนมองลำธาร  ทำทีเป็นชมวิวทิวทัศน์
"เหลือเกินจริง ๆ นะลูกสาวคนนี้  เอ่อ...ต้องขอโทษด้วยนะคะท่านมาร์คัส 
ยัยโดโรธีรบเร้าจะดูทุ่งดอกพรมแดงให้ได้  นางแค่อยากจะเห็นไว ๆ ขอท่านอย่าได้ถือสาเลยนะคะ"

ผู้เป็นแม่ก็เข้าร่วมขบวนการของโทษขอโพยข้าด้วยอีกคน 

"ถ้าต้องหยุดพักตรงนี้สักระยะ  ข้าจะลองไปล่าสัตว์ในป่าแถว ๆ นี้ดู  เผื่อจะได้เนื้อดี ๆ มาทำอาหารกัน"
"งั้นข้าจะไปดูลำธาร  น้ำใส ๆ แบบนี้น่าจะมีปลาเยอะเลย"
"ข้าขอไปด้วยนะคะ"

โดโรเธียร์ยังติดพ่อกับแม่จึงอยากขอตามไปด้วย  แต่เนื่องจากกลัวจะเป็นอันตราย  พวกเขาจึงสั่งให้เธออยู่ที่รถม้ากับข้าและโดโรธี เด็กน้อยมีอาการหน้างอ แต่ก็ยอมเชื่อฟังพ่อกับแม่ของเธอแต่โดยดี  จนเมื่อทั้งสองลับสายตาไปแล้ว  คงเหลือข้าอยู่กับสองสาวตามลำพัง เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ข้าจะทำความคุ้นเคยกับพวกเธอ

"อา...จริงสิ  ถ้ามีเนื้อมีปลามากิน  ก็ต้องก่อกองไฟสินะ  งั้นพวกเรามาช่วยกันเก็บกิ่งไม้มาก่อกองไฟกันดีไหม"
โดโรเธียร์เห็นเป็นเรื่องสนุกจึงตอบตกลงในทันที  แต่เด็กสาวคนพี่นั้นยังคงไว้เชิง  ไม่ยอมตอบอะไร  แต่ก็เดินตามน้องสาวไปช่วยเก็บกิ่งไม้เช่นกัน ข้าเตรียมพื้นที่สำหรับก่อกองไฟ  ในขณะที่สองสาวนำกิ่งไม้มาสุมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีเพียงพอสำหรับเติมฟืนในภายหลังด้วย
"เก่งมากเลยทั้งสองคน"
โดโรเธียร์ดีใจกับคำชมของข้าต่างจากโดโรธีที่ยังทำเป็นเฉย  เห็นทีคงต้องรุกให้หนักขึ้นอีกสักหน่อย



"เจ้าจุดไฟได้ไหม"
ข้าเอ่ยถามโดโรธีด้วยน้ำเสียงปกติ  หากเด็กสาวเป็นนักเวทย์ฝึกหัดจริง คาถาแรก ๆ ที่ควรใช้เป็นก็คือคาถาจุดไฟนี่แหละ
"เป็นนักเวทย์ฝึกหัดไม่ใช่เหรอ"
ข้าถามย้ำอีกทีเมื่อเห็นเธอยังเงียบเฉย
"อ่อ...ยังทำอะไรไม่เป็นเลยนี่เอง"
ข้าทำทีเป็นสรุปไปแบบนั้น  และนั่นทำให้เด็กสาวทนนิ่งเฉยไม่ไหว
"ใครบอกล่ะ! ทำเป็นสิ...แค่จุดไฟ  ง่ายนิดเดียว"
ข้าได้แต่แอบยิ้มไม่ให้เด็กสาวเห็น  บางทีท่าทางนิ่ง ๆ ของนางก็มองออกง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ

"ฮึ๊บ!"
เด็กสาวคว้าไม้คทาของเธอออกมา  ทำสมาธิ  แล้วแกว่งไปทางกองไฟ เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย  กองไฟทั้งกองยังคงแห้งสนิท บางทีสิ่งที่ข้าแกล้งพูดเล่น ๆ นั้นอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้
"ฮึ๊บ!"
เด็กสาวพยายามอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ข้าเห็นแล้วก็ขำปนกับสงสาร  จึงตัดสินใจช่วยเหลือเธอ

"เวลาใช้เวทย์  ไม่ใช่แค่ตั้งท่าอย่างเดียว  เจ้าต้องควบคุมพลังเวทย์ในตัวเจ้าให้ไหลเวียนมาที่มือของเจ้าแล้วส่งต่อไปที่คทาด้วย"
ข้าไม่พูดอย่างเดียว  แต่ถือวิสาสะกุมมือข้างที่ถือคทาของนางเอาไว้
"อ๊ะ!"
เด็กสาวมีท่าทีตกใจครู่หนึ่ง  ก่อนที่ข้าจะส่งผ่านพลังเวทย์ของข้าเข้าไปที่มือของนางผ่านทางการสัมผัส ทันใดนั้นปลายคทาของนางก็เกิดลูกไฟขนาดเล็กพุ่งออกมา  แต่เนื่องจากข้าจับมือนางหันไปทางอื่น  ลูกไฟนั้นก็พุ่งลงไปในลำธารแล้วก็ดับไป
"ว้าว! พี่โดโรธีพ่นไฟได้แล้ว!"
น้องสาวที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น  พี่สาวเธอเองก็เช่นเดียวกัน เมื่อเห็นลูกไฟลอยออกมาจากคทาของเธอเช่นนั้น  นางก็มีท่าทีตื่นเต้น  และเผลอแสดงรอยยิ้มแรกที่แสนน่ารักให้ข้าได้เห็น



"รู้สึกรึยัง...เจ้าต้องควบคุมการไหลเวียนพลังเวทย์ในร่างกาย ให้ไหลไปยังทิศทางที่เจ้าต้องการด้วย" 
แม้จะรู้สึกเสียดายที่ต้องปล่อยมือนุ่ม ๆ ที่กำลังจับอยู่ไป  แต่ข้าก็จำเป็นต้องทำ  สีหน้าของเด็กสาวหลังจากที่ข้าแนะนำเรื่องการใช้เวทย์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เธอเผยรอยยิ้มและจ้องมองข้าด้วยแววตาแห่งความหวัง
"เอ่อ...ทะ...ท่านก็เป็นนักเวทย์เหรอ"
"ใช่สิ...ท่านพ่อของเจ้าไม่ได้บอกรึ"

นางส่ายหัวตอบ  แต่ก็ยังคงมองข้าตาไม่กะพริบ
"สอนข้าทำแบบเมื่อกี้อีกได้ไหม"
"วิธีพื้นฐานเลยนะเนี่ย  เจ้าไม่ได้ฝึกแบบนี้มาก่อนเลยรึ"

นางส่ายหัวตอบอีกครั้ง
"ข้าอยากเป็นนักเวทย์  แต่พ่อกับแม่ข้าไม่มีใครเป็นนักเวทย์เลยสักคน  ข้าได้แต่หาตำรามาลองฝึกด้วยตัวเองเท่านั้น"
ข้าได้ฟังแล้วก็เข้าใจได้ในทันที  ไอ้พวกที่อ่านตำราเหล่านั้นแล้วทำได้จริง  ก็มีแต่พวกอัจฉริยะแต่กำเนิดเท่านั้นแหละ

"ลูกไฟเมื่อกี้เป็นพลังเวทย์ของข้านะ  หากเจ้าอยากจะทำให้เป็น  เจ้าต้องใช้พลังเวทย์ของตัวเอง  เข้าใจไหม"
เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นนางพยักหน้ารัว ๆ ราวกับเด็กน้อยที่มีความอยากรู้อยากเห็นเต็มเปี่ยม  ท่าทีหยิ่งผยอง  ไม่สุงสิง  เอาแต่ใจ และขี้บ่น หายไปราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว
"เข้าใจแล้วค่ะ  ขอลองแบบเมื่อกี้อีกทีได้ไหมคะ  ข้ารู้สึกเหมือนกำลังจะทำได้แล้ว"
พอมีเป้าหมายใหม่แล้ว  นางก็ไม่สนเรื่องอื่นเลย  หากมองเฉพาะจุดนี้แล้ว  โดโรธีก็มีคุณสมบัติของนักเวทย์ที่ดีอยู่เหมือนกันนะ ในเมื่อเจ้าตัวขอมาเองแบบนี้  จะให้ข้าปฏิเสธได้อย่างไร ในคราวนี้ ข้าอ้อมไปด้านหลังของนาง  มือหนึ่งจับมือข้างที่ถือคทาของเด็กสาวเช่นเดิม ส่วนอีกมือวางบนไหล่ของโดโรธี  เมื่อข้าตั้งสมาธิพลังเวทย์ที่อยู่ในมือของข้าก็ค่อย ๆ ถ่ายลงบนไหล่ของเด็กสาว  แล้วไหลไปสู่มืออีกข้าง เพื่อให้เธอเรียนรู้กระบวนการไหลของพลังเวทย์
"รู้สึกอะไรบ้างไหม"
"อา...รู้สึกค่ะ  พลังเวทย์ของท่านมาร์คัสไหลจากไหล่ข้า  ไปที่มืออีกข้าง"

โดโรธีเรียกข้าแบบเดียวกับที่พ่อและแม่ของเธอเรียก  ทำเอาภาพเด็กสาวที่แสนเย่อหยิ่งหายไปเลย
"ดี...ทีนี้เจ้าลองควบคุมการไหลของพลังเวทย์  แบบเดียวกับที่ข้าทำดูซิ"
ข้ายังคงวางมือทั้งสองข้างไว้ที่เดิม  ขณะรอให้เธอรีดเร้นพลังเวทย์ออกมา สัมผัสเนียนนุ่มของไหล่และมือของเธอ  ทำเอาใจของข้าเต้นไม่เป็นจังหวะ

ไม่นานนักก็เกิดประกายไฟเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่ปลายคทาของเธอ  เด็กสาวดีใจจนกระโดดโลดเต้น
"ทำได้แล้ว...ทำได้แล้ว  ข้าทำได้แล้ว!"
ประกายไฟนั้นมอดดับไปแทบจะทันทีที่มันปรากฏออกมา  ดูเหมือนสมาธิของเด็กสาวจะยังไม่มากพอ
"เจ้าอย่าเพิ่งดีใจเกินไป  ประกายไฟแบบนั้นอย่าว่าแต่จุดฟืนเลย  จุดเทียนยังไม่ได้ด้วยซ้ำ"
สองพี่น้องหัวเราะไปกับคำแซวของข้า  บรรยากาศโดยรวมดูดีขึ้นกว่าตอนแรกที่ได้เจอพวกเธอมากทีเดียว

"ถ้าเช่นนั้น  ข้าขอลองอีกครั้งนะ"
โดโรธีพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว  รีดเร้นพลังเวทย์จากหัวไหล่ไปยังมือข้างที่เธอถือคทาอยู่ข้าและโดโรเธียร์เห็นประกายไฟเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ แต่ก็ยังไม่ต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ จนสีหน้าของเด็กสาวเริ่มมีอาการท้อใจ  จังหวะนั้นข้าจึงเดินไปหานางอีกครั้ง

ข้าเข้าหานางจากด้านหลังเช่นเคย  แต่คราวนี้แทนที่มือข้างซ้ายจะวางลงบนไหล่เธอตามเดิม  ข้าเปลี่ยนตำแหน่งมาจับที่หน้าท้องของเธอ
"พลังเวทย์จากไหล่ถึงแขนของเจ้าอาจมีน้อยเกินไป  เจ้าลองเคลื่อนพลังเวทย์จากตำแหน่งหน้าท้องนี้ขึ้นไปที่แขนดูสิ"
แม้โดโรธีจะมีอาการตกใจเล็กน้อยเมื่อมือของข้าสัมผัสโดนหน้าท้องของเธอ แต่คำอธิบายของข้าทำให้นางเลิกกังวล  แล้วหันมาสนใจการฝึกอย่างต่อเนื่อง
"ฮึ๊บ!"
ได้ยินเสียงร้องของนางแล้วก็อดขำไม่ได้  แต่หลังจากที่ข้าแนะนำ  ผลลัพธ์ที่ได้ก็ทำให้ทั้งสองพี่น้องประหลาดใจ ลูกไฟดวงเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่ปลายคทาราวกับคบเพลิง  มันลุกโชนอยู่อย่างนั้นได้ราว ๆ 3 วินาทีแล้วจึงดับลง โดโรธีมีอาการเหนื่อยหอบเล็กน้อย  จนไม่มีเวลาจะแสดงความดีใจ  แต่สีหน้าและแววตาของเธอบ่งบอกความภูมิใจในตัวเองที่แม้แต่ข้าเองก็รู้สึกชื่นชมนาง
"ทำได้แล้ว...ข้าทำได้แล้วใช่ไหมท่านมาร์คัส"
เด็กสาวที่เสมือนยังอยู่ในอ้อมกอดข้าส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ  กลิ่นกายของโดโรธีหอมฟุ้งจนข้าเกือบเผลอใจไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ข้าก็พยายามข่มใจแล้วหันมาแสดงความยินดีเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเธอ
"อืม...แบบนี้ค่อยดูเหมือนนักเวทย์ขึ้นมาหน่อย  แต่เจ้าจะทำได้เองโดยไม่มีข้าช่วยได้ไหมนะ"
ข้าจำต้องฝืนปล่อยอ้อมกอดนาง  ทั้ง ๆ ที่ยังเพลิดเพลินกับหน้าท้องที่แบนราบและเนียนนุ่มอยู่เลย

"ต้องได้อยู่แล้ว"
โดโรธีมีแวววตาเปล่งประกายแห่งความหวังขึ้นมาอีกครั้ง  เธอรวบรวมสมาธิอย่างจริงจังและตั้งใจ  ก่อนจะชูคทาชี้ไปด้านหน้า
"ฮึ๊บ!"
สิ้นเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของเด็กสาว  ลูกไฟขนาดเดียวกันกับที่เธอทำได้เมื่อครู่นี้ปรากฏขึ้นมาที่ปลายคทา  มันสว่างอยู่อย่างนั้นได้นานกว่าเดิมเล็กน้อยด้วย  ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่ดีมากทีเดียว
"ดีกว่าเมื่อกี้อีก...แสดงว่าเริ่มจับจุดได้แล้ว  เก่งมากครับ"
ดูเหมือนโดโรธีจะดีใจที่ได้รับคำชมจากข้าไม่น้อย  เธอยิ้มหน้าบานพลางหันไปกอดกับน้องสาวอย่างมีความสุข จังหวะนั้นเองทั้งพ่อและแม่ของพวกเธอก็กลับมา พวกเขามาทันได้ยินเสียงสองพี่น้องร้องดีใจกันพอดี
"ดีใจอะไรกันนะสองคนนี้"
ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม  ก่อนจะวางหมูป่าตัวใหญ่ที่ล่ามาได้ลงกับพื้น น้องสาวกำลังจะเล่าให้พ่อของเธอฟัง  แต่โดโรธีห้ามเอาไว้ก่อน  ดูเหมือนเธอต้องการโชว์ความสามารถให้พ่อกับแม่ของเธอได้เห็น
"ฮึ๊บ!"
แม้เสียงร้องนี้จะไม่ได้มีความจำเป็นต่อการใช้เวทย์  แต่ข้าก็รู้สึกว่าแบบนี้เหมาะสมกับนางดี  ข้าจึงได้แต่ยิ้มให้เด็กสาว ขณะที่ลูกไฟขนาดเล็กปรากฏขึ้นที่ปลายคทาต่อหน้าพ่อกับแม่ของเธอ

"นี่โดโรธี...ใช้เวทย์มนต์ได้แล้วเหรอลูก"
แม่ของสองเด็กสาว มีน้ำเสียงประหลาดใจยิ่งนัก  ขณะที่พ่อของเธอตะลึงจนตาค้าง  แต่สีหน้าของทั้งคู่ดูมีความสุขกับสิ่งที่พวกเขาเห็น เห็นได้ชัดว่ากว่าเธอจะมาถึงจุดนี้ได้  โดโรธีต้องฝึกมาหนักขนาดไหนโดโรธีไม่หยุดแค่โชว์ลูกไฟ  เธอยังเอาปลายคทานั้นแหย่ลงในกองฟืนจนไฟลุกท่วมภายในเวลาไม่นาน ในที่สุดเด็กสาวก็จุดฟืนได้ด้วยตัวเธอเองได้จริง ๆ เสียที



"เป็นไงคะ...หนูฝึกใช้เวทย์ไฟเองสำเร็จแล้ว"
โดโรธีพูดอย่างภาคภูมิใจแต่ก็รู้สึกแบบนั้นได้ไม่นาน
"ท่านมาร์คัสเป็นคนสอนตะหาก"
น้องสาวเผยความลับ  เล่นเอาโดโรธีเขินไปชั่วขณะ  ใบหน้าเธอในตอนนั้นดูน่ารักเอามาก ๆ
"ก็...ท่านมาร์คัสสอนแค่ตอนแรก  แต่สุดท้ายข้าก็ทำเองได้ยังไงล่ะ"
แม่ของเด็กทั้งสองเข้าไปแยกทั้งคู่ก่อนเรื่องจะบานปลายจนทะเลาะกัน  ก่อนจะสั่งให้คนพี่ไปตักน้ำ  ส่วนคนน้องไปหยิบจานและชาม ส่วนผู้เป็นพ่อรับผิดชอบแล่เนื้อหมูป่าด้วยความชำนาญ  จนข้าเองยังแปลกใจ

"แต่ก่อน  ข้าก็หาเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์  ขายวัตถุดิบนี่แหละ  ก็เลยมีทักษะแล่เนื้ออยู่พอสมควร"
พ่อของเด็กทั้งสองกล่าวอย่างถ่อมตัว  ฝีมือการแล่ระดับนี้ไม่ใช่แค่ทำได้พอสมควรหรอก  มันคือระดับเดียวกับร้านรับซื้อวัตถุดิบเลยแหละ
"แต่เรื่องเวทมนตร์บอกเลยว่าข้านี่จนปัญญา  ต้องขอบคุณท่านมาร์คัสมากจริง ๆ ที่ช่วยสอนลูกสาวข้าจนนางทำได้สำเร็จ"
ดูเหมือนข้าจะสร้างเรื่องประทับใจให้กับเขาเพิ่มอีกแล้ว  ข้าได้แต่รับคำขอบคุณนั้นแล้วช่วยพวกเขาเตรียมอาหาร หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว  เราทั้ง 5 คนก็นั่งร่วมวงทานอาหารร่วมกัน มีทั้งเนื้อหมูป่าชั้นดี  และเนื้อปลาตัวโตที่รสสัมผัสเนียนนุ่ม ถือเป็นมื้ออาหารที่เลิศหรูไม่เบา  สำหรับการเดินทางเพื่อไปดูดอกเรดวัลเวต ระหว่างทานอาหาร  พวกเราพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  ทุกคนดูคุ้นเคยกับข้ามากขึ้นโดยเฉพาะโดโรธีที่ก่อนหน้านี้แทบไม่สนใจมองข้าเลย  ในตอนนี้เธอยิ้มให้ข้ามากขึ้น  หัวเราะไปกับข้ามากขึ้น บางจังหวะที่เธอนั่งไม่ระวัง  กระโปรงสั้น ๆ ของเธอก็ไม่อาจบดบังกางเกงในตัวสีขาวที่เธอใส่มาด้วยได้
เห็นเช่นนั้นแล้วมันก็ชวนให้ข้าหวั่นไหวได้เหมือนกัน

หลังทานอาหารเสร็จสิ้น  พวกเราออกเดินทางต่อไป  และเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย  ข้าจึงตั้งใจว่าะต้องผ่านพ้นเขตป่านี้ไปให้ได้ก่อนที่จะมืดเสียก่อน
"นี่...ท่านมาร์คัส  ระหว่างทางไม่มีแวะพักที่ไหนแล้วเหรอ"
ตรงข้ามกับในตอนแรกที่อยากจะไปถึงทุ่งเรดวัลเวตให้เร็วที่สุด  ในตอนนี้โดโรธีกลับนึกอยากให้พักบ่อย ๆ ขึ้นมาซะอย่างนั้น สาเหตุก็เพราะนางไม่สามารถฝึกเวทย์บนรถม้าได้  โชคดีของข้าที่แม่ของนางช่วยยึดคทาเอาไว้ให้ มิฉะนั้น  ความเป็นคนมุ่งมั่นของนางอาจทำรถม้าของข้าเสียหายเอาได้
"โดโรธี...เจ้านี่ยังไงกันนะ ไม่ได้อยากดูดอกพรมแดงแล้วรึไง"
"อยากค่ะ...แต่ข้าก็อยากฝึกด้วยนี่นา  ข้ากำลังทำได้ดีเลยนะท่านพ่อ"

ความกระตือรือล้นของนางชวนให้ข้านึกย้อนไปยังช่วงที่ข้าฝึกเคลื่อนพลังเวทย์ใหม่ ๆ ในตอนนั้นข้าเองก็ฝึกหนักเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนกัน

"หากพ้นเขตป่านี้ไปได้ก่อนค่ำ  ข้าจะสอนเจ้าขว้างลูกไฟ...ดีไหม"
คำพูดของข้าทำเด็กสาวดีใจจนออกนอกหน้า
"จริงนะ!...ท่านจะสอนข้าจริง ๆ นะ  งั้น...รีบ ๆ ไปเลยค่ะ  จะได้พ้นเขตป่านี้ไว ๆ"
ข้าแอบได้ยินเสียงหัวเราะจากทั้งพ่อและแม่ของนาง  นั่นก็ไม่แปลกอะไร  เพราะข้าเองก็รู้สึกขำในท่าทีของนางอยู่เหมือนกัน
"ต้องลำบากท่านแล้ว...ท่านมาร์คัส"
หลังจากเสียงหัวเราะสงบลง  ผู้เป็นพ่อก็หันมาพูดคุยกับข้าต่อ
"ไม่เป็นไร..นาน ๆ ที ข้าได้รื้อฟื้นพื้นฐานเวทย์ก็สนุกดีเหมือนกัน"

รถม้าเดินทางเข้าเขตป่ามาได้พักใหญ่  ระหว่างทางมีมอนสเตอร์ปรากฏออกมาอยู่บ้าง  แต่ยังไม่มีปัญหาถึงขั้นต้องลงไปจัดการ จนกระทั่งข้าจำเป็นต้องหยุดรถม้า  เมื่อถนนถูกขวางโดยไจแอนท์เดียร์มอนสเตอร์ที่ดูเหมือนกวางตัวใหญ่  เขาของมันสวยงามและขายได้ราคาก็จริง  แต่ความดุร้ายของมันก็ไม่ได้น้อยไปกว่าสัตว์กินเนื้อเลย
"ข้าจัดการเองท่านมาร์คัส"
พูดจบผู้เป็นพ่อของครอบครัวก็กระโจนออกไปข้างหน้าพร้อมกับดาบคู่ใจของเขา ตวัดดาบไปไม่กี่กระบวนท่า  ไจแอนท์เดียร์ก็ล้มลงอย่างไม่ยากเย็นนัก ชายผู้นี้มีฝีมือดาบ  สมกับที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาโดยตลอด
"ท่านพ่อเก่งที่สุดเลย"
โดโรเธียร์กล่าวยกย่องผู้เป็นพ่ออย่างออกหน้าออกตา 

เพื่อให้เดินทางต่อได้ในทันที  พ่อของเด็กสาวขอแยกส่วนวัตถุดิบบนรถม้า  ซึ่งข้าก็ไม่ขัดข้อง กลิ่นของเลือดและภาพการชำแหละไจแอนท์เดียร์คงไม่น่าดูเท่าไหร่นักสำหรับลูกสาวคนโต นางจึงขยับมานั่งหน้ารถแทนที่พ่อของเธอ
"ถึงจะอยู่หน้ารถ  ก็ฝึกเวทย์ไม่ได้หรอกนะ"
ข้าได้โอกาสแซวโดโรธีให้เธอมองค้อน  หากเป็นช่วงแรกที่เราได้เจอกัน  นางคงตวาดด่าข้าทันที  โทษฐานที่แซวนาง
"ท่านมาร์คัสก็...ท่านแม่ยึดคทาของข้าไป  จะให้ข้าฝึกได้ยังไงล่ะ"
เราทั้งคู่ต่างก็หัวเราะกันเบา ๆ ขณะที่รถม้าแล่นเข้าสู่โซนอันตรายที่สุดของป่าแห่งนี้

"เพราะเป็นใจกลางของป่าน่ะ  มันจึงมีมอนสเตอร์ผ่านไปมาจำนวนมาก  แต่หากไม่มาขวางทางก็ไม่เป็นปัญหาหรอก"
ข้าอธิบายให้เด็กสาวเข้าใจถึงความน่ากลัวของพื้นที่บริเวณนี้  และดูเหมือนพ่อของนางก็รับรู้ได้ถึงอันตรายเช่นเดียวกัน
"โดโรธี...ตรงนี้อันตราย  พ่อแยกส่วนไจแอนท์เดียร์เสร็จแล้ว  เข้าไปอยู่ด้านในเถอะ"
ดูเหมือนข้าจะแอบเห็นสีหน้าผิดหวังของเด็กสาวอยู่  ท่าทางเธอคงอยากนั่งข้างข้าอยู่ไม่น้อย  คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
"ถึงข้าจะบอกว่ามีมอนสเตอร์อยู่มาก  แต่ที่พบก็มักจะเป็นไจแอนท์เดียร์  หรือไม่ก็ก็อปลินเท่านั้นแหละ"
ข้าอธิบายลักษณะเฉพาะของพื้นที่ให้พ่อของเด็ก ๆ ฟัง  ราวกับไกด์นำทางท่องเที่ยวป่า ทุกอย่างที่พูดล้วนเป็นความจริงจากประสบการณ์ของข้า  ยกเว้นเพียงเรื่องเดียวที่ข้ายังไม่ได้บอกพวกเขา ซึ่งจะว่าอันตรายก็อันตราย  แต่จะว่าไม่อันตรายก็พูดได้หมือนกัน

เบื้องหน้ารถม้ามีสไลม์จำนวนไม่น้อยขวางทางเอาไว้  ข้าจำเป็นต้องหยุดรถเพื่อดูสถานการณ์ก่อน ถึงแม้โดยธรรมชาติสไลม์จะไม่ทำร้ายคน  แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานที่และอาหารที่มันกินเป็นประจำ ดูจากสีสันของพวกมันไม่ผิดแน่ ๆ มันต้องกินเจ้าสิ่งนั้นเป็นประจำอย่างไม่ต้องสงสัย



"ข้าจัดการเองท่านมาร์คัส"
ผู้เป็นพ่อออกตัวเป็นคนจัดการเองเช่นเคย  ขนาดไจแอนท์เดียร์ที่ว่าดุร้ายก็กำจัดได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นสไลม์ปกติไม่มีทางที่จะเป็นคู่ปรับของเขาได้อยู่แล้ว  แต่เขาจะรู้ไหมนะ...ว่าสไลม์เหล่านี้ไม่ใช่สไลม์ปกติ

เสียงดาบตวัดตัดสไลม์ขาดเป็นสองท่อน  ทันใดนั้นสไลม์ก็ละลายเกิดเป็นกลุ่มควันขึ้นมา ด้วยความที่กำลังเตรียมจัดการสไลม์ตัวอื่น  ทำให้เขาไม่ทันระวัง สูดดมกลุ่มควันนั้นเข้าไปเต็มปอด จากนั้นไม่นานผู้เป็นพ่อก็ล้มลงในทันที
"ที่รัก!"
"ท่านพ่อ!"

กลุ่มควันจางหายไปแล้ว  มันคือสารพิษที่เกิดจากสลีปชรูม  เห็ดพิษที่มีผลทำให้หลับชั่วคราว เมื่อสไลม์ทานเห็ดชนิดนี้เข้าไปจึงทำให้สไลม์มีพิษขึ้นมา  มันมีนิสัยดุร้ายขึ้นและเมื่อกำจัดมันด้วยวิธีทางกายภาพ  มันก็จะปล่อยสารพิษออกมาทำให้ศัตรูหลับไป

ข้ารีบลงจากรถและเตะเจ้าสไลม์ที่กำลังจู่โจมใส่พ่อบ้านที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่  ให้กระเด็นออกไปไกล ๆ หากไม่ทำให้พวกมันมีบาดแผลจนปล่อยก๊าซออกมา  มันก็ไม่ได้อันตรายมากนัก แต่นักเดินทางจำนวนมากต้องมาจบชีวิตง่าย ๆ เพราะเผลอไปฟันพวกมันจนหลับและถูกสไลม์รุมแทะจนไม่เหลือซาก
"ท่านมาร์คัส...ให้ข้าช่วย...อ๊ะ!"
ขณะที่ข้าวุ่นกับการจัดการสไลม์กลุ่มที่เล่นงานผู้เป็นพ่ออยู่  สไลม์กลุ่มที่อยู่ด้านหลังรถม้าก็เริ่มจู่โจมพุ่งเข้าใส่ หากมีสติสักหน่อย  แค่ดึงมันออกทีละตัวแล้วเหวี่ยงไปไกล ๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่แม่ของเด็ก ๆ น่าจะไม่คุ้นเคยกับวิธีจัดการแบบนั้น  นางคว้ามีดสั้นที่พกเอาไว้แทงเข้าไปกลางลำตัวสไลม์ ทันใดนั้นก็มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากจุดที่นางแทง  กลุ่มควันนั้นฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วทั้งคันรถ เสียงร้องของทั้งสามคนดังขึ้น  จากนั้นไม่นานเสียงนั้นก็เงียบไป  ไม่บอกก็รู้ว่าทั้งสามหลับไปเรียบร้อยแล้ว

ข้าจับสไลม์เหวี่ยงไปให้ไกล ๆ จากนั้นก็กางฝ่ามือออก ขว้างลูกไฟขนาดเท่าลูกบอล ไปโดนสไลม์ตัวนั้นจากระยะไกล แม้จะเกิดควันพิษพวยพุ่งขึ้นมา  แต่มันก็ไกลเกินกว่าจะมีผลกระทบต่อตัวข้า หลังจากจัดการเหล่าสไลม์ด้วยวิธีนี้ทีละตัว จนบริเวณรอบคันรถไม่มีสไลม์หลงเหลืออยู่แล้ว  ข้าจึงค่อยเข้าไปจัดการ สไลม์ที่ยังเหลืออยู่ในรถ กลุ่มควันก่อนหน้านี้จางหายไปแล้ว  เหลือเพียงสามสาวแม่ลูกที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่และสไลม์สองตัวที่กำลังคืบคลานไปบนตัวของสองพี่น้อง เพียงจับสไลม์ทั้งสองตัวเหวี่ยงออกไป  เท่านี้พวกเธอก็พ้นจากอันตรายแล้ว



"นี่แหละนะ...พวกนักดาบที่มั่นใจในฝีมือของตนเองมากเกินไป"
ข้าได้แต่พูดเปรย ๆ ออกมา  ก่อนจะแบกพ่อของเด็กสาวขึ้นรถ  แล้วรีบขับออกจากบริเวณที่อันตรายโดยเร็ว




DRACULolitA ชื่อนี้มีแต่ผลงานแนว Loli เท่านั้น กรุณาอ่านเพื่อความบันเทิง และอย่าคาดหวังแนวอื่น

ผลงานใหม่
Wayfarer Guardian[Loli/Fantasy/Mf/Mff]: C1 C2 C3 C4 C5 C6 C7(ยังไม่จบ)
ผลงานดั้งเดิม (Angel's Item/Oh! My Angel/uBiB)

sutud


km001


P4p