ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_KaohomLM

มหายุทธสยบรัก ตอนที่ 14: ถอนพิษให้หลิวอัง

เริ่มโดย KaohomLM, พฤษภาคม 02, 2025, 02:17:32 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

KaohomLM

   "แม่นางเซียว...." หวังปี้รำพึง
   นางจับจ้องใบหน้าของมัน ใบหน้าแย้มยิ้มสุขสันต์นัก
   "เมื่อได้สติ ข้าเที่ยวหาท่านตลอดลำน้ำ" นางว่า "จนเดือนเศษไม่พบแม้ศพ ข้าจึงปักใจว่าท่านคงขึ้นจากน้ำได้แลหลบหนีไปแล้ว ข้าจึงได้เลิกตามหา"
   "ข้าก็ตามหาท่าน" หวังปี้บอก "ทว่าผ่านไปห้าวัน มีผู้บอกข้าว่าพบศพหญิงสาวลอยน้ำมาเมื่อห้าวันก่อนแลทำพิธีฝังไปแล้ว ข้านึกว่าเป็นท่าน จึงได้เลิกตามหา แล้วข้าก็ได้พบอาจารย์ผู้มีฝีมือ ตั้งใจฝึกวิทยายุทธเพื่อล้างแค้นให้ท่าน"
   นางยิ้ม รอยยิ้มสดใสนักจนหวังปี้พลอยยิ้มไปด้วย "ข้าเห็นแล้ว ฝีมือท่านดีนัก"
   "อั่กกกก" หลิวอังทรุดลงกับพื้น กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง
   "แม่นางหลิว!!!!" หวังปี้ร้อง
   "นางต้องพิษจากมารประจิมมากนัก" ราชสีห์ทองคำบอกเมื่อเห็นหยดเลือดที่ไหลออกจากปากมีสีดำปนเปื้อน "ปราณของนางมิแข็งแกร่งเท่าเราสามคน ร่างกายมิอาจขับพิษเองได้"
   "แม่นางเจ้าจงนั่งหลังตรงท่าขัดสมาธิ โคจรลมปราณให้ทั่วกายเถิด อย่าให้พิษรวมตกค้างอยู่มากส่วนใดส่วนหนึ่ง ร่างกายจักเสียหายได้" เซียวเฟยซิงบอก หลิวอังฝืนทนทำตามที่สั่ง สีหน้านางหมองคล้ำนักเม็ดเหงื่อไหลท่วม เลือดยังคงไหลออกจากมุมปาก
   อ้าวหลางทรุดกายลงนั่งด้านหลังนางใช้สองฝ่ามือสัมผัสที่แผ่นหลัง ช่วยนางระบายลมปราณสู้พิษ ทว่าปราดเดียวใบหน้าของราชสีห์ทองคำก็หม่นหมองลง "ลมปราณนางใกล้แตกแล้ว พิษในร่างมากนัก"   "สกัดจุดกักพิษได้หรือไม่" เซียวเฟยซิงถาม
   "ไม่ได้ พิษลามทั่วร่างแล้ว"
   ธิดาบุปผาหันกลับมาหาหวังปี้ "ท่านกับนางอยู่ใกล้มารประจิมนักยามเมื่อมันปล่อยลมปราณพิษ ทว่าท่านขับออกได้โดยอาศัยน้ำพิสุทธิ์"
   นางมองหลิวอังแลทำท่าลังเลครู่หนึ่ง "ท่านทำอีกครั้งได้หรือไม่ หลั่งน้ำพิสุทธิ์ในกายนางแลให้น้ำนั้นดูดซับพิษออก"
   หวังปี้ตะลึงกับข้อเสนอนี้
   "ข้าน่าจะทำได้" หวังปี้ครุ่นคิด "แต่แม่นางหลิวอังจะยอมหรือไม่เล่า"
   หลิวอังลืมตาขึ้นมา หวังปี้ตกใจนักที่เห็นดวงตาของนางแดงก่ำด้วยเลือดแล้ว
   "หวังปี้ท่านทำเถิด" นางว่า เสียงสั่นเครือด้วยเจ็บปวดนัก "ถือว่าช่วยชีวิตข้า.....แลหากเป็นท่าน ข้าหาถือสาไม่"
   แม้ต้องพิษขนาดนั้นแก้มนางยังแดงซ่านด้วยเลือดฝาด
   "ข้าแก่กว่านางนัก มิใช่สหายร่วมทาง แลมิรู้จักการนำน้ำพิสุทธิ์มาใช้เยี่ยงนั้น" อ้าวหลางบอก พลางแนบฝ่ามือที่หลังนางอีกระลอก หลิวอังกระอักโลหิตออกมาอีกคำหนึ่ง เป็นสีดำคล้ำกว่าครั้งแรกนัก "เจ้าต้องเป็นผู้ช่วยนาง"
   "ตกลงข้าจะทำ" หวังปี้บอก "หากแม่นางเซียวอนุญาต"
   "ไย.....ไยต้องขออนุญาตข้าเล่า...." นางหน้าแดงก่ำ "เพื่อช่วยชีวิตคน ไยข้าควรปฏิเสธ......"
   "เร็วเถิด ชีวิตนางใกล้สิ้นแล้ว" อ้าวหลางบอก
   หวังปี้ปลดเปลื้องกางเกงลง เซียวเฟยซิงหน้าแดงก่ำเบือนหนี
   "ช่างใหญ่โตนัก" นางพึมพำในลำคอ
   อ้าวหลางช่วยปลดชุดคลุมด้านบนของหลิวอังลง ร่างนางนั้นชุ่มด้วยเม็ดเหงื่อ ทว่ายังคงทรงความงดงามระเหิดระหง เพรียวบาง ผุดผ่อง เม็ดบัวเม็ดเล็กประดับอยู่เหนืออกแบนราบ
   "ข้า......ข้าหามีหน้าอกเช่นอิสตรีไม่" หลิวอังว่า "ท่านหวังปี้โปรดอย่าถือสา"
   "ร่างกายท่านงดงามนัก" หวังปี้บอก
   อ้าวหลางลุกขึ้นถอยออก นางเอนหลังลงนอนราบกับพื้น หวังปี้ถลกชุดคลุมส่วนล่างไปกองที่เอวบางของนาง แหวกกางเกงชั้นในไปข้างหนึ่งแลแทรกกายเข้าที่หว่างขา
   "ขออภัยแม่นางนัก ข้าไม่มีเวลาปลุกเร้าอารมณ์ จักขอเข้าไปในตัวท่านเลย"
   หลิวอังพยักหน้าเบา ๆ
   "ไปเถิด" อ้าวหลางสะกิดเซียวเฟยซิงที่ยืนมอง "ให้พวกนั้นเสร็จกิจแล้วเราค่อยกลับมาเถิด"
   เซียวเฟยซิงมองหวังปี้อย่างอาลัยอีกครั้ง ก่อนจะเหลียวหลังเดินตามสหายยอดฝีมือไป
   "ธิดาบุปผา ท่านรู้จักเจ้าหนุ่มคนนนั้นฤา" อ้าวหลางถาม
   "ข้ารู้จัก มันเป็นคนดีนัก หากมิได้มันตัวข้าเองคงไม่รอดมาจากเมืองวิปลาส"
   "ได้กำจัดมารประจิม แบ่งเบาเพทภัยต่อยุทธภพได้มากนัก" ราชสีห์ทองคำเปรย "ทว่า เรายังคงไม่ทราบว่าหวังฟันเจ้านำสิ่งใดไปจากมารประจิม เจ้าโจรชั่วนั้นนับวันยิ่งแข็งกล้า ข้าเกรงว่ามันออกจากเมืองวิปลาส ประกาศศักดาคราใดจะเดือดร้อนกันทั่วทุกหย่อมหญ้า"
   "มารประจิมบอกว่าหวังฟันเจ้าจักขึ้นเป็นจ้าวยุทธจักร" นางว่า "ท่านคิดว่ามันตั้งเป้าหมายไว้สูงเพียงนั้นฤา"
   "ข้าหารู้เป้าหมายของมันไม่" ราชสีห์ทองคำตอบ "ทว่า หากฝีมือของมันกล้าแกร่งเช่นที่ท่านว่า ข้าเกรงว่าตำแหน่งจ้าวยุทธจักรจักอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมมือมัน"
   "เช่นนั้น เราจงช่วยคิดหาหนทางปราบเจ้าโจรชั่วเถิด" นางว่า และทอดกายลงนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ พูดคุยปรึกษาหารือกับราชสีห์ทองคำในประเด็นเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพียงเพื่อไม่ให้ตนเองต้องคิดเรื่องหวังอี้แลหลิวอัง
   
   "ซี๊ดดดดดดดดด"
   ทวนเนื้อแข็งแกร่งค่อย ๆ รุกคืบเข้าไปอย่างช้า ๆ ร่องรักค่อย ๆ ขยายตัวรับการรุกราน
   ใบหน้างามของหลิวอังบิดเบี้ยว ทว่าความเจ็บปวดจากช่วงล่างนั้นเทียบมิได้เลยกับเพลิงร้อนที่เผาผลาญจากพิษที่ไหลเวียนไปทั่วร่าง
   ใต้ผิวหนังนางราวกับมีตะขาบนับพันไต่ไปทั่วแลฉกกัด หลิวอังเจ็บปวดแทบขาดใจเกร็งไปทั่วร่าง
   "แม่นางเจ็บปวดหรือ ข้าขออภัยด้วย" หวังปี้ร้อง ทวนเนื้อของมันเสียบเข้าไปได้เพียงผิวเผินเท่านั้น
   หลิวอังลืมตาที่ห้อเลือดขึ้นมอง
   "ท่านหาทำข้าเจ็บไม่ โปรดทำต่อเถิด"
   จริงสินะ พิษร้ายเผาผลาญทั่วร่างนาง หากมันไม่รีบหลั่งน้ำพิสุทธิ์เข้าไปช่วยแก้ นางคงมิอาจรอดชีวิตได้
   สวบ!!!!!
   มิดลำ หยดเลือดอันแปดเปื้อนด้วยพิษร้ายไหลออกจากเยื่อพรหมจรรย์ที่ฉีกขาด
   ทว่าหวังอี้รู้ดีว่าไม่มีเวลาโลมเล้าให้นางคลายความเจ็บปวด ทุกเสี้ยววินาทีสำคัญนัก
   มือหนาคว้าจับรอบเอวบาง หวังปี้กระแทกร่างรวดเร็วรัวถี่ หลิวอังร้องครางไม่เป็นภาษา
   "อา ไย ไยรู้สึกดีเช่นนี้เล่า อา ทั่วร่างข้าราวจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทว่าที่โพรงถ้ำกลับรู้สึกดีนัก อา"
   "รอเถิด สักครู่จะต้องดีกว่านี้แน่ อา" หวังปี้ปลอบ
   "ซี๊ดดดดดดด ข้าเกิดมา ได้สัมผัสความรักเช่นนี้ แม้นตายก็ไม่เสียดายแล้ว อา"
   "แม่นางอย่าพูดเช่นนั้น ท่านมิตายดอก เมื่อข้าหลั่งน้ำแล้วท่านจักรู้สึกดีขึ้นนัก"
   "อร๊าาาา"
   โพรงถ้ำรักรึงรอบลำท่อนเนื้อรุนแรงนัก ทั้งยังบีบรัดรุนแรงขึ้นทุกครั้งที่มันกระแทกเข้าจนสุด
   "แม่นาง....ไยถ้ำรักของเจ้าจึงคับแน่นนักเล่า"
   "ซี๊ดดดด ข้ามิเคยผ่านมือบุรุษ ย่อมต้องคับแน่นเป็นธรรมดา"
   บทสนทนาลามกนั้นกลับทำให้นางรู้สึกว่าเจ็บปวดน้อยลง หวังปี้สังเกตรู้จึงถามต่อ
   "เช่นนั้น หากข้าจะถล่มให้ถ้ำรักเจ้าหลวมขึ้นมากนัก"
   พูดไม่พูดเปล่า ทวนเนื้องัดคว้านไปมาซ้ายทีขวาทีราวจะเบิกให้ถ้ำหยกขยับขยาย หลิวอังแผดเสียงหวีดร้องด้วยความเสียวจนลืมความเจ็บปวดไปสิ้น
   "อา อา หวังปี้ ท่านหวังปี้ อ๊าาาาา"
   "อา ช่างบีบรัดดีเหลือเกิน ยิ่งข้าขยับยิ่งรัดแน่ ซี๊ดดดดด"
   "อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"
   "รับเถิด หลิวอัง รับน้ำพิสุทธิ์ของข้าเถิด" หวังปี้ร้อง
   "อ๊าาาาาาาาาาาาา"
   หวังปี้หลั่งน้ำเข้าในร่างกายนางจนหมดสิ้น ก่อนจะรีบดึงแก่นกายออกมาแลใช้นิ้วกระตุ้นที่จุดที่ท้องน้อยของนาง เร่งให้ร่างกายไหลเวียนเลือดผ่านบริเวณมดลูกแลถ่ายพิษเข้าสู่น้ำพิสุทธิ์ ของเหลวที่ไหลออกมาจากถ้ำสาวค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีขาวหม่นเป็นสีดำเข้มนัก หวังปี้เพียงนำผ้าไปเช็ดก็รู้สึกราวมือจะไหม้เกรียม
   "ข้า.....ข้ารู้สึกดีขึ้น......เจ็บปวดน้อยลงมากแล้ว....." หลิวอังหอบ
   "พิษน่าจะออกจากร่างเจ้าแล้วสักเก้าในสิบส่วน" หวังปี้บอกและปาดเอาน้ำพิษที่หลั่งไหลออกมาออกอีก
   "เช่นนั้น......หากต้องการให้พิษหมดสิ้น..........ท่านต้องทำแบบเมื่อครู่อีกรอบใช่หรือไม่" นางถาม
   "แม้นข้าไม่ทำ ร่างกายของเจ้าคงสามารถขับพิษที่เหลือออกเองได้" หวังปี้บอก
   หลิวอังทำแก้มป่องงอนดูน่ารักนัก "หากพิษที่เหลือหนึ่งในสิบส่วนทำข้าเสียชีวิตเล่า"
   "เช่นนั้นข้าก็ยินดีช่วยเหลือ" หวังปี้ยิ้ม "ทว่า แม่นางต้องตกลงเป็นภรรยาของข้าเสียก่อน"
   หลิวอังทำหน้าสับสนยิ่ง "ท่านเบิกพรหมจรรย์ของข้าแลหลั่งน้ำพิสุทธิ์เสียเต็มมดลูก ข้ายังมิใช่ภรรยาของท่านอีกหรือ"
   หวังปี้ยิ้ม "ข้าลืมนึกถึงในส่วนนั้น ต้องขออภัยแม่นางนัก"
   "จะขออภัยใดเล่า มาช่วยข้าขับพิษอีกสักรอบเถิด"  

   จนมืดค่ำนั่นแล อ้าวหลางจึงได้ขึ้นมาตามหาด้วยเกรงว่าหวังปี้จะถ่ายถอนพิษไม่สำเร็จแลหลิวอังจะตายเสียแล้ว
   "ว๊ายยยยยยยยยยยยยย" หลิวอังร้องเมื่อเห็นราชสีห์ทองคำเดินกลับขึ้นเขามา  นางรีบกระโจนออกจากหวังปี้แลคว้าเสื้อผ้ามาเร่งสวมใส่
   "ขออภัย" อ้าวหลางว่า "แต่ข้าขอเชิญท่านทั้งสองลงไปร่วมเสวนากับข้าแลธิดาบุปผาเถิด บัดนี้แม่นางหายจากพิษแล้วใช่หรือไม่"
   "ข้า....ข้าหายดีแล้ว" นางว่า พลางก็พยายามเช็ดคราบน้ำพิสุทธิ์ตามร่างกายออก
   "ทางทิศอุดรมีแม่น้ำสายเล็ก เจ้าสองคนไปอาบน้ำชำระร่างกายเถิด ข้าแลแม่นางเซียวจักรอ"
   "ยามอาบน้ำเราทำกันอีกรอบได้หรือไม่" หวังปี้กระซิบถามหลิวอัง
   "มิได้ ข้าเจ็บแสบไปหมดแทบไม่มีแรงเดินแล้ว อีกไม่อยากให้ท่านอ้าวหลางแลแม่นางเซียวเฟยซิงต้องรอนานด้วย" นางว่า   

   อีกราวชั้วยามหวังปี้จึงอุ้มร่างหลิวอังลงจากเขามา
   "ท่านช่าง.....มีเรี่ยวแรงยิ่งนัก" นางครวญคราง
   เซียวเฟยซิงและอ้าวหลางนั่งอยู่รอบกองไฟ ทำอาหารไว้พร้อมสรรพ   
   "ไยเจ้าลงมาช้านักเล่า" ราชสีห์ทองคำถาม
   หลิวอังมองค้อนหวังปี้ ทว่ามันกลับยักไหล่ "แม่นางหลิวเหน็ดเหนื่อยนัก ร่างกายเพิ่งฟื้นจากพิษร้ายมิมีแรงเดินด้วยตนเองได้ ข้าจึงต้องอาบน้ำแลอุ้มตัวนาง ขออภัยที่ข้าล่าช้า"
   มันวางร่างหลิวอังลงนั่งบนขอนไม้ใหญ่ แลลงนั่งเคียงกายนาง เซียวเฟยซิงยื่นเนื้อย่างสองจานให้ทั้งคู่
   "ขอบคุณแม่นางเซียวนัก" หวังปี้ว่า
   "เมื่อแม่นางหลิวปลอดภัยแล้ว เรามาทวนความหลังกันเถิด" เซียวเฟยซิงว่า "ท่านพี่หวังอี้ ท่านมาที่นี่ทำไมกันเล่า"
   "ข้าได้พานพบผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ท่านรับข้าเป็นศิษย์สั่งสอนวิชา ตัวข้านั้นมั่นหมายจะกลับไปล้างแค้นหวังฟันเจ้าจึงได้ฝึกฝน"
   "ผู้เฒ่าคนนี้ ใช่เฮี๊ยงกวยหลี่หรือไม่" อ้าวหลางถาม
   "ท่านรู้จักท่านอาจารย์หรือ" หวังปี้ถาม
   "ยุทธภพกว้างใหญ่ ผู้ใดเล่าไม่รู้จักเฒ่าลามกเฮี๊ยงกวยหลี่" ราชสีห์ทองคำบอก "แลวิชาของเจ้าคลับคล้ายวิชาของมันนัก"
   "แม้นเฒ่าลามกจะแปลกวิสัยยิ่ง ทว่าไม่เคยก่อเหตุฉุดคร่าแลล่วงเกินอิสตรี" เซียวเฟยซิงบอก "สำนักหมื่นบุปผามิได้นับผู้เฒ่าเฮี๊ยงเป็นคนร้าย แลตัวท่านเอง ข้าก็หาได้มองว่าผิดประหลาดไม่"
   "ท่านอาจารย์ให้รายชื่อยอดฝีมือข้ามา ธิดาบุปผาเซียวเฟยซิง เทพกระบี่หลิวปิง ซานเอ๋อหนิงแห่งเกาะดอกทอง จิวไต้กั๋วแห่งวังน้ำแข็ง ว่านเหนียงองครักษ์ชั้นหนึ่งแห่งวังหลวง มารประจิมกงเหลา ราชสีห์ทองคำอ้าวหลาง ชางป๋อขุนศึกแดนใต้ จอมโจรทมิฬม้าหลิวกง เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดฝีมือลือเลื่องทั่วยุทธจักร" มันท่อง "ท่านให้ข้าคิดเองว่าควรทำอย่างไร ข้าจึงคิดจะตามหาท่านเหล่านี้ วิงวอนให้มาร่วมกันต่อสู้หวังฟันเจ้า"
   "เฒ่าลามกเจ้าเล่ห์นัก แอบนำชื่อตนเองออก" ราชสีห์ทองคำว่า "ชื่อเสียงของมันหาได้ด้อยกว่าตัวข้าหรือแม่นางเซียวไม่"
   "ตัวข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับท่าน" เซียวเฟยซิงบอก "เมื่อเราพลัดพรากแลข้าหาท่านไม่พบ ข้าจึงเที่ยวออกแสวงหาผู้ที่จะมาช่วยในการปราบหวังฟันเจ้าได้ ตัวข้านั้นเคยหยิ่งยโสนัก เชื่อว่าตนเองทำได้ทุกอย่างเพียงลำพัง แต่เป็นท่าน ท่านหวังอี้ ที่ทำให้ข้าเห็นว่าแม้แต่ข้าก็จำเป็นต้องให้ผู้อื่นช่วย"
   "ผู้มีความรู้ด้านยุทธจักรบอกว่าข้าควรหาเทพกระบี่แลราชสีห์ทองคำก่อน" หวังปี้เล่าต่อ "ข้าจึงไปที่สำนักเทพกระบี่"
   "ทว่าบิดาข้าสิ้นบุญแล้ว" หลิวอังบอก
   "ข้าเสียใจด้วยยิ่งนัก" อ้าวหลางก้มหน้า "หากข้าไม่ไปชักชวนท่าน เทพกระบี่อาจไม่บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต"
   "บิดาวัยเก้าสิบเศษแล้ว ใช้ชีวิตอย่างดีมาโดยตลอด ท่านบอกข้าว่าถึงเวลาของท่านแล้ว และไม่ใช่เรื่องน่าเสียใจดอก" หลิวอังบอก
   "แม่นางหลิวเมตตาข้ายิ่งนัก ช่วยเหลือแลชี้นำให้ข้ามาหาท่าน ท่านอ้าวหลาง" หวังปี้บอก "แต่ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะได้พบแม่นางเซียวด้วย"
   "เราเป็นจอมยุทธพิทักษ์ธรรม หาได้หูหนวกตาบอดไม่" อ้าวหลางว่า "ไยจะไม่รู้เรื่องเมืองวิปลาส ทว่าจอมยุทธยอดฝีมือมากมายอีกทหารหลวงล้วนแต่พยายามปราบปรามสมาคมหวัง กลับไม่มีใครทำสำเร็จ ข้าเกรงว่าพวกมันคงมิใช่กองโจรธรรมดาสามัญ ยิ่งเมื่อแม่นางเซียวมาหาข้าแลเล่าเรื่องความพ่ายแพ้ ข้าก็รู้ว่าข้าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว หากนิ่งเฉยเสีย อีกไม่ช้าหวังฟันเจ้าต้องแข็งแกร่งพอจะแผ่อำนาจปกครองไปทั่วทั้งแผ่นดินแลยุทธจักร"
   "ตัวข้าเอง" เซียวเฟยซิงว่า "หลังขอความช่วยเหลือจากท่านอ้าวหลางก็กลับไปสังเกตเมืองวิปลาส พบคนส่งสารเดินทางระหว่างเขากิสานสู่เมืองวิปลาสหลายคนนัก ข้าดักสารได้ฉบับหนึ่ง เป็นข้อความที่หวังฟันเจ้าส่งมาขอบคุณ ที่มารประจิมกงเหลามอบบางอย่างให้มัน"
   "เห็นได้ชัดเจนยิ่ง ฝ่ายอธรรมหมายมั่นจะรวมเป็นหนึ่ง" อ้าวหลางบอก "เราไม่รู้ว่าจะสู้หวังฟันเจ้าได้ไหม แต่คิดว่าปราบมารประจิมให้ได้ก่อน ภัยหนักย่อมกลายเป็นเบา ข้าจึงพยายามไปชวนเชิญเทพกระบี่ ก่อนจะเดินทางมาที่นี่กับแม่นางเซียวหลังเทพกระบี่ได้รับบาดเจ็บ"
   "แล้วพวกท่านมีแผนใดต่อไปเล่าในการรับมือหวังฟันเจ้า" หวังปี้ถาม
   "เรายังไม่มี" อ้าวหลางยอมรับ
   "ข้าจึงอยากปรึกษาพวกท่านแล ท่านพี่หวังอี้แลบุตรสาวเทพกระบี่" เซียวเฟยซิงบอก
   หลิวอังชักสีหน้า หวังปี้รีบบอก "แม่นางเซียว แม่นางหลิวปรารถนาเป็นเทพกระบี่แทนบิดา นางไม่พอใจนักหากมองนางเป็นเพียงบุตรสาวของเทพกระบี่"
   "กระนั้นหรือ" เสียงของเซียวเฟยซิงกลับเย็นชา "ตัวข้า อ้าวหลาง แลบิดาของท่านโลดแล่นยุทธจักรก่อวีรกรรมมากมายจึงได้รับการยกย่อง ฝีมือเพลงกระบี่ท่านข้าไม่เคยเห็นเสียด้วยซ้ำ อยู่ ๆ จะให้นับท่านเป็นเทพกระบี่คงไม่ได้"
   "เช่นนั้นธิดาบุปผาดวลกับข้าเถิด" หลิวอังลุกยืนมือชักกระบี่ ทว่าเพียงขยับก้าวหนึ่งก็เจ็บปวดจนตัวงอจำต้องกลับลงนั่งอีกครั้ง
   "ท่านต้องพิษสาหัสวันนี้ แม้นขับพิษได้แล้วร่างกายก็เสียหายไม่น้อย พักผ่อนเถิด ไว้ท่านหายดีเมื่อไหร่ เซียวเฟยซิงย่อมพร้อมรับคำท้า" เซียวเฟยซิงบอก
   "ข้าล้าจากการขับพิษมากกว่าตอนโดนพิษเสียอีก" หลิวอังพึมพำเชิงบ่น
   "แม่นางทั้งสองโปรดอย่าทะเลาะกันเองเลย" หวังปี้บอก "สำคัญตอนนี้คือเรื่องหวังฟันเจ้าต่างหากเล่า"
   "ก็จริง" เซียวเฟยซิงพยักหน้า "มารประจิมตายโดยไม่ยอมบอกว่าให้อะไรกับหวังฟันเจ้า อาวุธกระนั้นหรือ หรือเคล็ดวิชาใหม่ หากเรารู้ย่อมเตรียมการต่อสู้ได้"
   "อีกสามเดือนจักมีงานชุมนุมชาวยุทธที่เขาคุนลุ้น" ราชสีห์ทองคำว่า "เราไปที่งานชุมนุมเถิด เรียกร้องหาผู้กล้าร่วมกันผดุงคุณธรรม หากทุกสำนักใหญ่ร่วมมือเป็นหนึ่ง ข้าไม่เชื่อว่าสมาคมหวังแม้นแข็งแกร่งเพียงใด จะสู้กำลังจากทั่งทั้งยุทธภพได้"
   "ท่านพูดได้ดีนัก" หลิวอังว่า "ข้าเห็นด้วย"
   "สามเดือนเป็นเวลานานยิ่ง" เซียวเฟยซิงรำพึง "แม้นจะตกลงเรื่องไปงามชุมนุมชาวยุทธได้ ทว่าสามเดือนก่อนนั้นจักให้นั่งอยู่เฉย ๆ กระนั้นหรือ"
   "หากบุกเดี่ยวเข้าเมืองวิปลาสมีแต่พ่ายแพ้อย่างตัวท่านดอก" ราชสีห์ทองคำว่า
   เซียวเฟยซิงย่นจมูก สีหน้าดูเย็นชานัก "ข้ามิได้เสนอให้บุกจู่โจม แต่ให้นั่งเฉย ๆ สามเดือนข้าคงมิอาจทำได้"
   "เราควรสร้างพันธมิตรสิ" หวังปี้บอก "บู๊ตึงแลง่อไบ๊ยังเป็นสำนักใหญ่ในใต้หล้าอยู่ไม่ใช่หรือ ไยเราไม่เจรจาขอความช่วยเหลือก่อนงานชุมนุมชาวยุทธเล่า วังน้ำแข็ง มีคนบอกข้าว่าปิดตาย แต่เราลองไปไม่ได้เลยหรือ"
   "ก็จริง" ราชสีห์ทองคำพยักหน้า
   "น่าสนใจ" เซียวเฟยซิงยอมรับ "อีกทั้ง.........มีบางเรื่องที่ข้าสงสัย ท่านอ้าวหลาง โปรดตอบข้าหน่อยเถิด ท่านรู้หรือไม่ มารประจิมขึ้นเขากิสานมาทำไม"
   "จริงสินะ ตัวเจ้ายังเยาว์เกินจะจำได้" อ้าวหลางรำพึง "เมื่อยี่สิบปีก่อนมารประจิมอาละวาดทั่วยุทธจักร ฆ่าฟันผู้คนแลสูบพลังชีวิต ในครานั้นพิษของมันยังมิได้ร้ายกาจเท่าทุกวันนี้ด้วยซ้ำ ทว่าทั้งเทพกระบี่แลข้าล้วนพ่ายแพ้ต่อมัน จนเฒ่าลามกเอาชนะมันได้ มันจึงสาบานว่าจักหาคัมภีร์เอกสุริยันให้พบแล้วกลับมาล้างแค้น"
   เซียวเฟยซิงตัวแข็งทื่อ "คัมภีร์เอกสุริยันกระนั้นรือ"
   หวังปี้มองเซียวเฟยซิงอย่างสงสัย นางจึงอธิบายเพิ่มเติม "เป็นคัมภีร์อันลือเลื่องเป็นตำนาน แม้ในสำนักข้ายังบอกว่าล้ำเลิศยิ่งกว่าคัมภีร์บุปผาสวรรค์"
   "มารประจิมหายไปจากยุทธจักรนานแล้ว เพิ่งปรากฏตัวอีกครั้งเมื่อสองปีก่อนบนเขากิสานนี้"
   "เป็นไปได้หรือไม่ ว่าคัมภีร์นั้นจะอยู่ที่นี่" หวังปี้ถาม
   "เป็นไปได้" เซียวเฟยซิงรีบตอบ "และหากอยู่จริง เราต้องหามันให้เจอ"
   "ไม่ใช่ว่ามารประจิมหาพบแล้วล่ะ" หลิวอังว่า
   "คงมิใช่ คัมภีร์เอกสุริยันล้วนแล้วแต่เป็นเพลงยุทธธาตุไฟ มารประจิมมิได้ใช้เพลงยุทธไฟแม้แต่วิชาเดียววันนี้" ราชสีห์ทองคำส่ายหน้า
   "เช่นนั้น เราแบ่งกันเถิด" เซียวเฟยซิงบอก "อ้าวหลาง ท่านกับหลิวอังลงสู่ที่ราบ ติดต่อบู๊ตึงแลง่อไบ๊เถิด ข้ากับหวังอี้จักออกแสวงหาคัมภีร์เอกสุริยัน ไม่ว่าจะพบหรือไม่ เราจักไปที่วังน้ำแข็ง พบกันที่งานชุมนุมชาวยุทธในอีกสามเดือน"
   "เดี๋ยวก่อน!!!!" หลิวอังร้อง "ไยเป็นเช่นนั้นเล่า ไยไม่ให้ข้าไปกับท่านหวังปี้"
   "หนึ่ง ในที่นี้ข้าแลอ้าวหลางวรยุทธล้ำเลิศสุด ท่านกับหวังอี้ฝีมือต่ำกว่าเราขั้นหนึ่ง หากจับคู่กัน ย่อมควรให้มีผู้ยอดวรยุทธที่พึ่งพาได้เป็นหัวหลัก" เซียวเฟยซิงอธิบาย "สอง บู๊ตึงแลง่อไบ๊เป็นสำนักใหญ่ ให้ความสำคัญแก่ชื่อเสียงมากมายนัก ราชสีห์ทองคำแลเทพกระบี่ล้วนเป็นที่ยกย่องสรรเสริญ ตัวข้าเองยังเยาว์ ซ้ำยังมาจากสำนักหมื่นบุปผาที่ไม่ใช่สำนักโด่งดัง นามของข้าใช้ต่อรองได้ไม่มากเท่านามของท่าน สาม วันนี้ตัวท่านต้องพิษ บาดเจ็บมากนัก แม้ว่าขับพิษแล้ว ก็ควรไปให้หมอในหัวเมืองใหญ่ตรวจรักษาเสียก่อน จึงควรลงจากเขาเข้าเมืองแสวงหาสำนักใหญ่มากกว่าจะดั้นด้นตามหาคัมภีร์"
   "สี่ ตัวข้าอยากอยู่กับพี่หวังอี้นัก" นางกระซิบกับตนเอง หามีใครได้ยินไม่
   "ธิดาบุปผากล่าวได้มีเหตุผลแล้ว" อ้าวหลางบอก "นอนพักเถิด หลิวอัง พรุ่งนี้ เราลงเขากันเถิด อาเคยเดินทางกับบิดาเจ้าสมบุกสมบันนัก เป็นเกียรติที่จะได้ร่วมออกท่องยุทธจักรกับเจ้า"
   หลิวอังมองหวังปี้ด้วยสายตาวิงวอน
   "แม่นางหลิวทำตามที่ธิดาบุปผาพูดเถิด" หวังปี้บอก "เพียงสามเดือนเราก็ได้กลับมาเจอกันแล้ว"
   "ข้าจักนับวันรอ" นางว่า

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

maitree_kongton


peddo

คนมาก่อนถูกปาดหน้าเอาหัวน้ำพิสูจน์ไปก่อนย่อมไม่พอใจ อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ถ้าได้ชิมแล้วจะรู้ว่า ทำไมหลิวอังถึงติดใจ



ryg123456

ต้องขับพิษออกให้หมดนะ แต่ต้องทำบ่อยๆ ถี่ๆ นะแม่นาง


navy868

#7
เซียวเฟยซิงแผนสูงมาก ::Orz::
เสียดาย ธิดาเทพกระบี่จอแบนซะงั้น  ::Sweat::
ต้องอยู่กับเซียวเฟยซิงไปอีกสามเดือน ภรรยาคนที่สามต้องมาแล้วละ ::WowWow::  ::Bloody::

First10



sdsawaddee

เซียงเฟยชิงเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก อ้างเหตุผล เพื่อลองของใหญ่



เลิศ2024


RE:StarT

เอาละหวังปี้หรรมทองคำ ใครก็ชอบละจังหวะนี้  ::DookDig::