“แฟรงค์กินส์ๆ !” เวโรนิก้าร้องดังลั่นทันทีที่กลับมาถึงบริษัท และเมื่อเจอหน้าเจ้าแวมไพร์ตัวนั้นเธอก็ส่งร่างชายหนุ่มให้มันทันที พร้อมกับเอ่ยถามถึงงานที่สั่ง “เครื่องข้ามมิติที่ข้าสั่งให้เปิดชาร์ทพลังงานถึงไหนแล้ว”
“ตอนนี้ชาร์ทถึง 36% แล้วครับ อีกไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็จะครบ 100% ถึงตอนนั้นเราก็เดินเครื่องทำงานได้แล้ว”
“1 ชั่วโมง ก็ยังดี อ๊ะ อุ๊ยยยยยยยย” แต่แล้วขณะที่กำลังสนทนาเวโรนิก้าก็ต้องเผลอครางออกมาเบาๆ
“ท่านเวโรนิก้าเป็นอะไรเหรอครับ” เจ้าแวมไพร์แฟรงค์กินส์เห็นเข้าก็อดเอ่ยถามไม่ได้
แต่เวโรนิก้าก็หันมาทำหน้าดุใส่แทนคำตอบ เพราะอาการที่เกิดขึ้นมันก็เกิดจากเวทย์โลกนิมิตแดนฝันของเธอนั่นแหละ จิตในโลกแห่งความฝันกับความจริงมันจะเชื่อมถึงกัน โดนเย็ดในความฝันก็จะพลอยรู้สึกโดนเย็ดในโลกความจริงไปด้วย ดังนั้นเธอในตอนนี้ก็รู้สึกราวกับว่ามีท่อนควยขนาด 8 นิ้วกำลังซอยเข้าออกในร่องสวาทของเธออย่างรุนแรง แต่ยังดีหน่อยที่จิตมันเชื่อมถึงกันแค่เป็นช่วงๆ ไม่งั้นเธอคงกลับมาถึงบริษัทไม่ไหวแน่
แวมไพร์สาวสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อพยามสงบอารมณ์ ก่อนที่เธอจะหันไปสั่งงานกับแวมไพร์คู่ใจ
“แฟรงค์กินส์ ............ เรียกระดมพลแวมไพร์ทั้งหมดกลับมาที่บริษัท แล้วให้เปิดระบบพร้อมรบเต็มรูปแบบ อีกไม่นานเราจะมีแขกชุดใหญ่มาเยี่ยม”
.
.
.
.
.
ณ ถนนร้างห่างออกไป ที่ที่พึ่งผ่านการต่อสู้มาอย่างดุเดือดเมื่อ ตอนนี้ฝุ่นควันที่เกิดจากแรงระเบิดได้เบาบางลงไปแล้ว เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวที่มีลำแสงสีขาวกางปกคลุมทั่วร่าง นับเธอโชคดีไม่น้อยเพราะชั่วขณะที่เจ้าแวมไพร์มาโฮนมัวแต่ตกตะลึงเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกจุดระเบิด จนไม่ได้โจมตีเธอต่อ ทำให้เปิดโอกาสในเธอกางลำแสงเป็นบาเรีย เธอจึงรอดจากแรงระเบิดได้อย่างหวุดหวิด ส่วนเจ้าพาลาดินที่อยู่ห่างออกไป เกาะที่หุ้มกายมันอยู่ก็ปกป้องแรงระเบิดได้หมดเช่นกัน เรียกได้ว่าระเบิดเมื่อครู่ไม่สามารถทำอันตรายพวกเขาทั้งสองได้เลย แต่ว่า ... ก็ทำให้พวกเขาคลาดจากนางแวมไพร์ไปจนได้
“อาร์ตตตตตตต !!” วิเวียนร้องลั่นอย่างร้อนใจ ว่าแล้วเธอก็ใช้เวทย์เชื่อมจิตติดต่อชายหนุ่มทันที แต่ก็ไม่ได้ผล ชายหนุ่มโดนสะกดให้หลับอยู่จึงไม่สามารถติดต่อได้ ครั้นจะแกะรอยตามไป นางแวมไพร์นั่นก็ไม่เหลือร่องรอยอะไรทิ้งไว้อีก ดูท่าเธอคงจะหาเขาไม่เจอแล้ว
“ใจเย็นน่าน้องสาว” สโตนเฮดปลดเกราะที่สวมอยู่ออกจนหมด ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างใจเย็น ทำเอาพรีสสาวต้องแปลกใจกับท่าทีของเขา เพราะการที่นายอาร์ตโดนแวมไพร์จับตัวได้แบบนี้ จริงๆแล้วเจ้าพาลาดินก็ควรจะเดือดร้อนไม่แพ้เธอ
“ที่ที่มันจะพาตัวเจ้าหนุ่มนั่นไปมีอยู่ที่เดียว ก็คือรังใหญ่ของมันที่นี่ที่มันเรียกว่าบริษัท สถานที่ตั้งของมันพวกข้าสืบมาเรียบร้อยแล้ว อีกเดี๋ยวเราก็ค่อยไปลุยมันด้วยกัน” เจ้าพาลาดินพูดจบก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง
“จะรอทำไม เรารีบไปตอนนี้เลยสิ” วิเวียนเอ่ยอย่างร้อนใจ
“ใจเย็น ลุยกันแค่สองคนมันเหงา” สโตนเฮดเอ่ยเสร็จก่อนจะปรายตามองมาที่พรีสสาวเล็กน้อย “ข้าพึ่งชี้พิกัดตรงนี้ไป เดี๋ยวอีกสักพักกำลังเสริมก็จะมาแล้ว”
“กำลังเสริม?”
“นั่นไง .... มาแล้ว !!” สโตนเฮดร้องลั่นก่อนจะชี้มือขึ้นท้องฟ้า พริบตานั้นก็มีดวงไฟสีฟ้าสว่างแว๊บขึ้นมา 3 ดวง ก่อนจะพุ่งตกลงมายังจุดที่พวกเขายืนอยู่ และทันทีที่กระทบพื้นก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นติดต่อกัน 3 ครั้ง ตูม ! ตูม ! ตูม !
และเมื่อสิ้นเสียงระเบิด ก็มีเงาของชาย 3 คนยืนอยู่กลางกลุ่มควัน ชาย 3 คนที่มีพลังมาน่ามหาศาลไม่แพ้สโตนเฮด ชายที่เป็นเจ้าของโคดเนมพาลาดินอีก 3 ธาตุ
ไซโคลนแห่งลม
ไอซ์เอจแห่งน้ำ
โวลต์แห่งสายฟ้า
.
.
.
.
.
“เร็วๆเข้าโว้ยยยยยย !!” เสียงตะโกนของเหล่าแวมไพร์ดังลั่นอื้ออึงไปหมด เหล่าแวมไพร์ชั้นนักรบจากทุกสาทิศต่างมารวมตัวกันหลังจากได้รับคำสั่งระดมพล จนตอนนี้ลานกว้างบริเวณชั้นล่างแน่นขนัดไปหมด แวมไพร์เหล่านี้โดนแบ่งออกตามธาตุประจำตัว แล้วแบ่งไปยืนในตำแหน่งตามที่ระบุค่ายกลพิชัยยุทธ์แห่งเวทย์ เพื่อใช้ประโยชน์ในหลักแพ้ทาง เสริมแรงให้เวทย์มนต์แต่ละสายมีอานุภาพการโจมตีรุนแรงยิ่งขึ้น
ที่ชั้นบนสุดของอาคาร แวมไพร์แฟรงค์กินส์ยืนมองสถานการณ์อย่างพึงพอใจ ตอนนี้กำลังพลที่ประจำอยู่ทั่วทุกสารทิศโดนเรียกระดมพลมาหมดแล้ว แถมการจัดวางกำลังก็กำลังเป็นรูปเป็นร่าง เพียงพอที่จะต้านผู้บุกรุกไม่ว่าหน้าไหน ในขณะที่เครื่องข้ามมิติก็ชาร์ตกำลังไปที่ 69 % จนเครื่องข้ามมิติที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกระจกบานใหญ่ เปล่งแสงสีฟ้าเรืองรอง เป็นสัญญาณว่าใกล้เวลาที่เครื่องจะพร้อมทำงานเข้าไปทุกขณะ
“ท่านเวโรนิก้า ตอนนี้ทุกอย่างใกล้พร้อมเต็มที่แล้วครับ” เจ้าแวมไพร์แฟรงค์กินส์ รายงานความคืบหน้าต่อแวมไพร์สาวทันที เนื่องจากตอนนี้เธอเป็นผุ้นำสูงสุดของบริษัทแห่งนี้ไปแล้ว
“อืม” เวโรนิก้ารับคำเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปสายตาไปจับจ้องชายหนุ่มที่หลับสนิทบนเตียง ที่ตั้งตระง่านบนด้านหน้าเครื่องข้ามมิติ ชายหนุ่มที่ตอนแรกโดนมนต์สะกดให้ต้องร่วมรักกับแวมไพร์สาวในความฝัน แต่หลังจากผ่านภาวะนั้นไปแล้ว ชายหนุ่มก็จะรับสนิทราวกับเจ้าชายนิทรา เป็นโอกาสในแวมไพร์สาวได้พินิจชายหนุ่มในระยะใกล้
‘หน้าตาใช้ได้ แถมลีลาดีแบบนี้นี่เอง นังพรีสนั่นถึงทั้งรักทั้งหลง ยอมเสี่ยงตายขนาดนี้’ เวโรนิก้ารำพึงเบาๆก่อนจะเอามือลูบไล้ไปตามผิวหน้าของชายหนุ่ม
แต่ชั่วขณะนั้นเอง !! เธอก็สัมผัสได้ถึงกลุ่มพลังมาน่าแปลกปลอม 5 กลุ่ม ที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเธอไปไม่น้อย เพราะเธอไม่คิดว่าพวกของวิเวียน จะมีกำลังเข้ามาเสริมได้เร็วขนาดนี้
“พวกมันมาแล้ว !!!” แวมไพร์สาวประกาศก้อง เป็นสัญญาณส่งไปถึงเหล่าแวมไพร์เบื้องล่างให้เตรียมตัวรับมือที่ แต่ไม่ทันที่เหล่าแวมไพร์จะพร้อมรบ เสียงระเบิดก็ดังสนั่นขึ้นเบื้องหน้า
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมม !!
สิ้นเสียงระเบิด หอกลำแสงด้ามหนึ่งก็พุ่งทะลวงด้านหน้า หอกลำแสงนี้เป็นเวทย์มนต์ระดับเลเวล 6 ไม่มีทางเลยที่เหล่าแวมไพร์จะต้านทานไว้ได้ มิหนำซ้ำ ธาตุแสงก็เป็นธาตุที่เป็นปฏิปักษ์โดยตรงของเหล่าแวมไพร์ ทำให้เจ้าแวมไพร์ที่โดนหอกลำแสงนี้ รวมไปถึงแวมไพร์บริเวณใกล้เคียงสูญสลายกลายเป็นละอองขี้เถ้าฟุ้งกระจาย และทันทีละอองขี้เถ้าจางลง หญิงสาวผมสีเงินแวววาวก็ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าแล้ว
“ลำแสงสะเก็ดดาว ..... จ่อก่อร่างเป็นหอก” หญิงสาวรวมพลังแล้วร่ายเวทย์ทันที แสงในมือของเธอสว่างวาบก่อนจะรวมร่างเป็นหอกลำแสงทั้งข้าง ทันทีที่ร่ายเวทย์เสร็จแล้วหญิงสาวก็ร้องลั่นก่อนจะซัดหอกลำแสงในมือเข้าใส่ฝูงแวมไพร์ตรงหน้าทันที จนเสียงระเบิดดังสนั่น หญิงสาวเธอไม่หยุดแค่นั้น เธอร่ายเวทย์และซัดหอกออกไปอย่างต่อเนื่อง แค่พริบตาเดียว เหล่าแวมไพร์ก็โดนเธอสังหารไปจำนวนมาก ก็เล่นเอาค่ายกลแวมไพร์ที่ตั้งไว้แตกขบวนไม่เป็นท่า
“รักษาตำแหน่ง อย่าแตกกลุ่ม !!” แวมไพร์แฟรงค์กินส์ตะโกนสั่งการมากจากด้านบน เหล่าแวมไพร์ที่ยังเหลือรอดอยู่ต่างหันมาจับกลุ่มกันใหม่พร้อมกับเริ่มโต้กลับทันที เหล่าแวมไพร์ธาตุไฟซัดพลังเข้าตอบโต้ โดยมีแวมไพร์ธาตุดินคอยเสริมพลัง ทำให้ได้เปลวไฟที่มีอานุภาพรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า ....... แต่สุดไฟเวทย์ไฟนี้ก็ไม่ได้ผลอยู่ดีเมื่อมีร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งเข้ามารับไว้
สโตนเฮดนั่นเอง ตอนนี้เขามาในร่างหุ้มเกราะศิลาเต็มตัว เกราะศิลาที่สร้างขึ้นมาจากเวทย์มนต์ระดับ 9 จึงไม่ระคายผิวจากเปลวไฟที่เกิดจากเวทย์ต่ำชั้นกว่าหลายขั้นนี้แม้แต่น้อย เจ้าพาลาดินร่างยักษ์ยิ้มขึ้นอย่างเหี้ยมเกรียม ก่อนจะกระโดดเข้ากลางวงเหล่าแวมไพร์พร้อมกับสะบัดแขนจู่โจมทันที แขมขาที่หุ้มเกราะทรงพลังเมื่อกวัดแกว่งไปทางไหน แวมไพร์ที่อยู่ทางนั้นก็ร่างกายป่นปี้กระดูกแหลกเหลวทันที โดยที่แวมไพร์เหล่านั้นไม่อาจต้านทานได้เลย ดูแล้วช่างไม่ต่างอะไรกับหมาป่าตัวใหญ่ที่กระโจนเข้าขย่ำฝูงไก่อย่างไรอย่างนั้น
“กระสุนเวทย์เยือกหิมะ” เมื่อสโตนเฮดเข้าสู้แล้ว พาลาดินคนอื่นๆก็เริ่มลงมือตาม เริ่มจากไอซ์เอจที่เอาปืนรูปร่างประหลาดออกมาพร้อมกับร่ายเวทย์ พริบตานั้นหินธาตุน้ำที่บรรจุในปืนก็สว่างวาบรับกับเวทย์ทันที หินธาตุทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการดูดพลังธาตุน้ำในธรรมชาติเข้ามาไว้ที่ตัวปืน ก่อนที่พาลาดินไอซ์เอจจะยิงกราดออกไปเป็นลูกกระสุน กระสุนธาตุน้ำมีอานุภาพเย็นจัด เมื่อกระทบเข้าร่างแวมไพร์ตนใด แวมไพร์ตนนั้นก็มีสภาพเป็นศพแช่แข็งทันที
“ผนึกลมวาตะ” พาลาดินแห่งลมไซโคลนเป็นคนต่อมาที่เริ่มร่ายเวทย์ และหินธาตุที่บรรจุในปลอกแขนทั้งสองข้างของเขาก็ตอบสนองทันที พลังธาตุลมรอบข้างโดนดึงดูดเข้าไปรวมอยู่ข้างในปลอกแขน ก่อนที่ไซโคลนจะสะบัดอย่างแรงเพื่อปล่อยอาวุธลับที่เป็นมีดบินหลายสิบเล่มพุ่งออกมา มีดบินเหล่านี้เป็นมีดบินที่อาบไปด้วยพลังธาตุลม ทำให้มีอานุภาพในการทะลุทะลวงสูงกว่าเดิมหลายร้อยเท่า และด้วยการซัดที่แม่นยำของไซโคลน มีดบินเหล่านี้พุ่งเข้าจุดตายของแวมไพร์รอบด้านจนดับดิ้นราวกลับใบไม้ร่วง
แต่พลาดินคนสุดท้ายอย่างโวลต์กลับไม่เร่งรีบใช้เวทย์ไล่ห้ำหั่นเหล่าแวมไพร์ตรงหน้า เขาเลือกที่จะเดินอ้อมไปอีกทางเพื่อดักรอพวกแวมไพร์ที่กำลังแตกขบวน พร้อมกับเกร็งพลังธาตุสายฟ้าจนสองมือที่เขาไขว้ไว้ข้างหลังเกิดประกายไฟวูบวาบ และทันทีที่แวมไพร์เหล่านั้นเข้ามาในระยะจู่โจม “มือประทับอัสนีบาต” พาลาดินแห่งสายฟ้าก็ร่ายเวทย์ทันที ก่อนจะเผยให้เห็นสองมือที่ห่อหุ้มไปด้วยถุงมือพิเศษที่ติดตั้งหินธาตุสายฟ้า ที่ทำหน้าที่รวมพลังธาตุสายฟ้าก่อนที่จะระเบิดออกจนได้พลังไฟฟ้าที่มีแรงช๊อตสูงเท่าเวทย์ระดับ 9 และเมื่อรวมกับเพลงฝ่ามือที่ร้ายการของโวลต์ พริบตาเดียวก็สังหารแวมไพร์ได้นับร้อยตัว
แม้ช่วงก่อนหน้านี้เหล่าแวมไพร์สามารถระดมพลจากทั่วทุกสารทิศจนได้ถึงหลายพันตน แต่สุดท้ายแล้ว จำนวนที่มากกว่าก็ไม่ได้ทำให้เหล่าแวมไพร์ได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย พวกมันโดนพรีสสาวกับพาลาดินทั้ง4ไล่ล่าสังหารจนต้องล้มตายไปเป็นจำนวนมาก แม้จะมีบางส่วนที่คิดหนีเอาตัวรอด แต่ทางออกทั้งหมดก็โดนเหล่าพาหลาดินกั้นขวางไว้หมดแล้ว ทำให้จำนวนแวมไพร์ในตอนนี้เหลือน้อยลงทุกที เมื่อเป็นเช่นนี้แผนการถ่วงเวลาเพื่อให้ทันเครื่องย้ายมิติพร้อมใช้งานของเวโรนิก้าก็ต้องล้มเหลวเป็นแน่
“ท่านเวโรนิก้า !!!” เจ้าแวมไพร์แฟรงค์กินส์ร้องขึ้นอย่างร้อนรน แตกต่างจากนายสาวของมันที่ยืนหน้านิ่งจ้องมองจอมอร์นิเตอร์อย่างเคร่งเครียด การเพิ่มจำนวนเข้ามาของพาลาดินอีก 3 ไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของเธอเลย ทำให้แผนการของเธอพังทลายไปไม่เป็นท่า เมื่อเป็นแบบนี้เธอก็ต้องรีบคิดแผนการใหม่ขึ้นมา แต่แผนการใดเล่าที่จะทำให้เธอพลิกสถานการณ์ให้เหนือกว่าเหล่าศัตรูที่มีเวทย์เลเวลสูงกว่าถึง 3 ขั้น
“นำ วัลคีรี่ (valkyrie) ออกมา” แวมไพร์สาวออกคำสั่งทันที “ถึงเจ้าพวกพาลาดินมันจะมีเลเวลสูงถึงระดับ 9 แต่ยังไงมันก็ยังเป็นตัวผู้ ยังพอใช้วัลคีรี่จัดการได้”
“แต่วัลคีรี่เป็นการทดลองที่ไม่สมบูรณ์น่ะครับ แถมนังพรีสนั่นข้าว่าวัลคีรี่ไม่น่าจะทำอะไรมันได้” แฟรงค์กินส์เอ่ยตอบ
“ช่างมัน !! ถึงวัลคีรี่จะไม่สมบูรณ์แต่น่าจะใช้ต้านเจ้าพวกพาลาดินไหว ส่วนนังพรีส.....” เวโรนิก้าปรายตาไปทางนายอาร์ตที่กำลังหลับเพราะฤทธิ์เวทย์ ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมาน้อยๆ “ข้ามีวิธีแยกตัวมันออกมา !!”
.
.
.
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก” เสียงร้องอย่างโหยหวนของแวมไพร์ที่เหลืออยู่ตนสุดท้าย ก่อนที่จะเงียบลงหลังจากสโตนเฮดกระทืบอย่างแรงจนกะโหลกมันแตกละเอียด เหล่าพาลาดินหัวเราะก้องอย่างสะใจ เพราะสำหรับพวกบ้าสงครามเช่นพวกเขา ไม่มีอะไรจะมันส์สะใจไปกว่าการไล่ฆ่าสังหารหมู่เผ่าพันธุ์คู่สงครามอย่างพวกแวมไพร์อีกแล้ว แต่สำหรับพรีสสาวที่ยืนห่างออกไปกลับไม่ได้มีสีหน้ายินดีในการต่อสู้ครั้งนี้เท่าไหร่นัก เพราะสิ่งสำคัญสำหรับเธอตอนนี้ก็คือต้องรีบหาตัวนายอาร์ตให้เร็วที่สุด แต่มันก็ไม่ใช่งานง่ายเพราะในบริษัทแห่งนี้เต็มไปด้วยห้องหับมากมาย แถมต้องหาทางสลัดพวกพาลาดินที่หมายสังหารชายคนรักของเธอเหล่านี้ให้หลุดด้วย
.
.
“วิเวียนนนนนนนนนนนน”
.
.
ชั่วขณะนั้น !! เสียงของชายคนรักเธอก็ผลุดขึ้นมาในสมอง เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงที่ส่งผ่านมาทางโทรจิต สัญชาติญาณ บอกเธอว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลเป็นแน่ ก็ในเมื่อชายคนรักของเธอโดนสะกดให้หลับใหลไปก่อนหน้า นี่อาจจะเป็นเล่ห์อย่างหนึ่งของพวกแวมไพร์ก็เป็นได้
หญิงสาวหลับตาเพื่อใช้กระแสเวทย์จับตำแหน่งของนายอาร์ต เป็นไปอย่างที่เธอคาด ชายคนรักของเธอโดนคลายสะกดเพื่อให้ตื่นขึ้นจริงๆ เมื่อเป็นแบบนี้เวทย์เชื่อมจิตที่เธอทำไว้กับเขาทำให้เธอสามารถรับรู้ตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ สิ่งนี้ยิ่งทำให้เธอไม่เข้าใจ เหตุใดเจ้าแวมไพร์ถึงคลายสะกดเขาเหมือนจะบอกตำแหน่งของเขาให้เธอรู้
“เวทย์เชื่อมจิต !!” หญิงสาวร่ายเวทย์ขึ้นทันที พริบตานั้นตรงตำแหน่งที่เธอยืนอยู่ก็บังเกิดวงกลมแสงสีแดงขึ้นโดยรอบ ความวิเศษของเวทย์บทนี้ก็คือทำให้คู่สัญญาสามารถสื่อสารกันผ่านทางโทรจิตได้ และก็สามารถวาร์บเธอให้กระโจนไปหาเขาในชั่วพริบตาได้เช่นกัน เล่นเหล่าพาลาดินที่เห็นเหตุการณ์ร้องขึ้นอย่างตกใจ เจ้าไซโคลนที่อยู่ใกล้สุดรีบกระโดดคว้าร่างของพรีสสาวทันที แต่ก็ไม่สำเร็จ ร่างของหญิงสาวหายไปต่อหน้ามัน
“นังพรีสสสสสสส” เจ้าพาลาดินแห่งลมได้แต่ร้องอย่างเจ็บใจ
.
.
“ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!!”
.
.
แต่มันก็ไม่ทันจะตกใจได้นาน ชั่วพริบตาที่ร่างของวิเวียนหายไป ก็มีของแข็งบางอย่างถูกทิ้งลงมาจากด้านบน จนทำให้ฝุ่นขี้เถ้าขึ้นเคล้าคลุ้งไปหมด และเมื่อฝุ่นขี้เถ้าเริ่มจากลง มันก็ได้เห็นว่าสิ่งที่ถูกทิ้งลงมาเป็นโลงศพขนาดใหญ่ทั้งหมด 10 โลงด้วยกัน และไม่ทันที่มันจะสงสัยได้นาน โลงศพเหล่านั้นก็เปิดตัวออก เผยให้เห็นแวมไพร์สาว 10 ตนที่นอนหลับอยู่ในโลงแต่ล่ะโลง แวมไพร์สาวแต่ละตัวอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆ อีกทั้งแต่ละตัวก็งดงามหญิงกว่าแวมไพร์หรือมนุษย์คนไหนเป็นร้อยเท่า รูปร่างของพวกเธอก็โค้งสวยได้รูป เหล่ากับเป็นสิ่งที่ถูกสร้างจากเทพเบื้องบนอย่างไงอย่างงั้น
“เจ้าพวกแวมไพร์มันคิดจะเล่นตลกอะไรว่ะ” ไอซ์เอจเอ่ยขึ้นอย่างไม่วางใจ พร้อมกระชับปืนในมือเพื่อระมัดระวังแวมไพร์สาวเหล่านั้น โดยไม่ได้สนใจไอมาน่าของพวกแวมไพร์สาวที่กำลังคืบคลานมายังเขาเลยแม้แต่น้อย อาจะเป็นเพราะเขาเห็นแค่ว่ามันเป็นไอพลังมาน่าทั่วไปเลยไม่คิดสนใจซึ่งกว่าจะรู้ว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดพลาด เขาก็โดนไอมาน่านั่นไปเต็มๆ
เพราะทันทีที่เขาโดนไอมาน่านั่นสัมผัส ไฟราคะในกายเขาก็ทวีความรุนแรงขึ้นมาในทันทีจนท่อนเอ็นของเขาแข็งเป็นลำอัดแน่นไปหมด อาการเช่นนี้มันเป็นอาการของผู้ที่ถูกปลุกกำหนัดด้วยพลังมาน่า ซึ่งมันจะไม่น่าตกใจเลยถ้าผู้ที่โดนเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือวอร์ริเออร์อ่อนหัด แต่สำหรับเขาซึ่งเป็นพาลาดินที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชนจนไม่น่าจะเสียท่าแบบนี้ เจ้าพาลาดินแห่งน้ำพยามต่อสู้กับอารมณ์เงี่ยนอย่างถึงที่สุดพร้อมกับยกปืนขึ้นประทับเพื่อทำลายแวมไพร์สาวตรงหน้า แต่ยิ่งแวมไพร์สาวเยื้องย่างจากโลงศพหินมาใกล้เขามากเท่าไหร่ไฟราคะของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น จนในที่สุดมือขวาที่ตั้งใจจะลั่นไกสังหารแวมไพร์ตรงหน้า ก็เปลี่ยนเป็นฉุดร่างของแวมไพร์สาวเข้ามาพร้อมกับควักท่อนเอ็นเข้ายัดปากทันที !!
นี่ก็คืออานุภาพของโปรเจ็ค วัลคีรี่ นั่นเอง ...... วัลคีรี่เป็นโปรเจ็คทดลองที่เวโรนิก้ากับเหล่านักวิชาการแวมไพร์ที่อยู่ในมิตินี้คิดค้นขึ้น จุดประสงค์ก็คือเพิ่มสมรรถภาพของเหล่าแวมไพร์ผ่านการใช้ยากระตุ้น จากการทดลองเป็นระยะเวลานาน ก็ได้แวมไพร์สาวที่ผ่านกระบวนการ 10 ตน ทั้ง 10 ตนนี้มีคุณสมบัติพิเศษตรงสามารถปลดปล่อยพลังมาน่าสีเขียวเข้มผิดกับพลังมาน่าปกติ แถมมีอานุภาพสามารถกระตุ้นไฟราคะของเพศตรงข้ามได้ดีกว่าเดิมนับร้อยเท่า อีกทั้งช่องคลอดที่มีพลังในการดูดพลังมาน่าฝ่ายตรงข้ามสูง ขนาดที่แม้แต่พรีสระดับสูงก็ไม่อาจต้านทานได้ ..... แต่วัลคีรี่กลับมีข้อเสียที่ร้ายแรงก็คือเหล่าวัลคีรี่สูญสิ้นสติปัญญาจนหมด ในหัวมีแค่เพียงเรื่องเย็ดอย่างเดียวเช่นกัน สุดท้ายแล้วการทดลงนี้ก็ได้ออกมาแค่เพียงแวมไพร์ร่านสวาทเท่านั้น
แม้จะเป็นการทดลองที่ไม่สมบูรณ์ เวโรนิก้า ก็เลือกที่จะเก็บร่างทดลองเหล่านี้ไว้โดยอ้างเหตุเอาไว้ศึกษา โดยที่แม้แต่ตัวเธอก็ไม่รู้เลยว่าจะได้นำเหล่าวัลคีรี่นี้มาใช้อีก ซึ่งจะว่าไปเหล่าวัลคีรี่นี้ก็เหมาะจะใช้รับมือพวกพาลาดินพอดี เพราะในการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์นั้น ถ้าสู้ด้วยเวทย์ไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนมาสู้ด้วยการเย็ดกันนี่แหละ
.
.
.
ถัดขึ้นไปที่ห้องหนึ่งบนชั้นบนสุดของบริษัท วงกลมแสงแห่งเวทย์เชื่อมจิตได้ปรากฏขึ้นที่กลางห้อง ส่งให้ร่างของพรีสสาวผมเงินยาวสลวยมาปรากฏตรงหน้า หลังจากการวาร์ปเสร็จสิ้นลงวิเวียนก็มองไปรอบด้านอย่างระแวดระวัง ก่อนที่เธอจะพบว่าห้องแห่งนี้เป็นห้องโล่งว่างเปล่า มีเพียงประตูเชื่อมไปยังห้องต่างๆอีกหลายบานเท่านั้น คล้ายกับจะให้เธอเลือกว่าชายคนรักของเธออยู่ประตูบานใด
“เวทย์เชื่อมจิต” หญิงใช้เวทย์เชื่อมจิตเพื่อหาร่างชายคนรักอีกครั้ง ซึ่งก็ทำให้เธอเจอตำแน่งของเขาอย่างง่ายดายว่าอยู่หลังประตูบานใด หญิงสาวเดินไปหยุดที่หน้าประตูพร้อมกับร่ายเวทย์อีกครั้งทันที “ลำแสงสะเก็ดดาว จงก่อร่างเป็นดาบ”
ทันทีที่เธอร่ายเวทย์สร้างดาบแสงสำเร็จ หญิงสาวก็ถีบประตูอย่างแรงเพื่อบุกจู่โจมเข้าไปทันที แต่ฝ่ายแวมไพร์ก็รอต้อนรับเธออยู่แล้ว มันร่ายเวทย์สร้างลูกไฟขนาดยักษ์โจมตีเข้าใส่ แต่วิเวียนก็สไลด์หลบได้หวุดหวิดก่อนที่จะชักดาบฟันเข้าใส่แวมไพร์ตรงหน้าจนร่างมันขาดครึ่ง เจ้าแวมไพร์ได้แต่เพียงร้องออกมาคำนึงก่อนที่ร้องของมันจะสลายไป
“นั่นคือแฟรงค์กินส์ .... ที่เจ้าพึ่งฆ่าไปเป็นวิศวกรที่มีค่ามากของพวกเรา เจ้ารู้หรือเปล่า” วิเวียนหันไปตามต้นเสียงทันที เสียงนี่เป็นเสียงที่เธอจำได้อย่างชัดเจน เพราะเป็นของแวมไพร์คู่อาฆาตที่เธอปะทะมาด้วยหลายครั้ง เป็นเสียงของแวมไพร์ที่ลักพาคนรักมาจากเธอ เป็นเสียงของแวมไพร์สาวผมดำขลับที่ถูกเรียกในนาม เวโรนิก้า
“อาร์ตอยู่ไหน” วิเวียนเอ่ยเสียงกร้าว ก่อนจะหันปลายดาบแสงชี้ไปยังแวมไพร์สาวตรงหน้า
แต่เวโรนิก้าก็ไม่ตอบอะไร เธอแค่เพียงหลบฉากไปอีกด้าน เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มที่โดนพันธนาการให้นอนบนเตียงหิน แถมกำลังสะลึมสะลือเพราะพึ่งตื่นจากฤทธิ์เวทย์ วิเวียนเมื่อได้เห็นร้างชายคนรักเช่นก็วิ่งถลาเข้าไปหาทันที แต่ก่อนที่เธอจะถึงตัวเขาก็เกิดบาเรียสีม่วงอ่อนขึ้นมาคลอบคลุมร่างชายหนุ่มไว้ก่อนทันที
“ที่จริงเจ้าก็เป็นพรีสฝีมือดีนะ ...... แต่น่าเสียดายที่เจ้าคาดเดาง่ายเกินไป แบบนี้ถ้าอยู่ในสงครามเจ้าไม่รอดแน่” เวโรนิก้าเอ่ยเย้ยหยัน แต่วิเวียนก็ไม่สนใจ เธอวาดดาบฟันเข้าใส่บาเรียตรงหน้าทันที แต่เจ้าบาเรียนั่นกลับดูดซับแรงโจมตีไว้หมดก่อนจะสะท้อนกลับดีดร่างพรีสสาวให้ถอยกลับไปหลายก้าว
“บาเรียเวทย์นั่น เจ้าทำลายไม่ได้หรอก” แวมไพร์สาวเอ่ย
“ถ้าฆ่าเจ้า บาเรียนั่นจะหายไปใช่ไหม” วิเวียนเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินสืบเท้าเข้าหาแวมไพร์แพศยาที่อยู่ตรงหน้า
“ดาบเหล็กสาบศิลา” เวโรนิก้าเอ่ยร่ายเวทย์ขึ้นทันที มือขวาของดึงดูดพลังเวทย์ธาตุดินในอากาศมาก่อร่างรวมกันจนเป็นดาบเหล็กรูปร่างสวยงาม แต่ก็ความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเวทย์เลเวล 6 หลังจากนั้นเธอจึงเอ่ยตอบคำถามของพรีสสาว “หายไปอยู่แล้ว”
เมื่อได้คำตอบเช่นนี้ วิเวียนก็บุกเข้าใส่แวมไพร์สาวอย่างไม่ลังเล ดาบเวทย์ของทั้งคู่ปะทะกันดังกึกก้อง ชี้ให้เห็นถึงพลังเวทย์ของทั้งคู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ผลแพ้ชนะก็ต้องวัดกันที่เชิงดาบ ซึ่งสำหรับวิเวียนวิชาดาบเป็นวิชาที่เข้าทางเธอไม่น้อย เธอจึงรุกไล่อย่างหนัก แต่ก็ไม่อาจทำอะไรแวมไพร์สาวตรงหน้าได้มากนัก เพราะคู่ต่อสู้ของเธอใช้วิธีปัดป้อง หลบฉากไปเรื่อยๆ พร้อมกับโต้สวนมาเป็นระยะ ทำให้การต่อสู้ครั้งนี้ต้องยืดเยื้อไปอีกนาน
.
.
.
“อ๊า ............” ในขณะที่ด้านบนกำลังดวลดาบกันอย่างดุเดือด การเย็ดด้านล่างก็ดุเดือดไม่แพ้กัน เสียงครางที่สุขสมดังระงมไปหมด ไม่เว้นแม้แต่เหล่าพาลาดินก็ยังซูดปากด้วยความเสียว เริ่มจากไอซ์เอจที่กำลังซอยควยเข้าปากวัลคีรี่สาวอย่างเมามันส์ ริมฝีปากที่สวยงามได้รูปของเธอสร้างความสุขสมให้เขาไม่น้อย เพราะมันทั้งเนียนนุ่มลืนกระชับไปทั้งลำควย ยิ่งตอนที่ปากของวัลคีรี่สาวรูดจากลำควยขึ้นไปที่หัวหยัก ก็เล่นเอาเขาเสียวจนต้องร้องซี๊ดออกมาทันที เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงจับศีรษะของวัลคีรี่สาวจนแน่นก่อนจะกระแทกควยเขาเข้าไปอย่างแรงจนเสียงควยกระทบคอดังปั๊กๆ ก่อนที่จังหวะสุดท้าย เจ้าพาลาดินจะอัดควยเข้าไปในคอหอยจนมิดด้ามก่อนจะแช่ค้างไว้อย่างนั้นเป็นเวลานาน เล่นเอาวัลคีรี่สาวตัวนั้นถึงกับดิ้นขลุกขลักเพราะกำลังใกล้ตายจากการขาดอาการหายใจ
“แค่ก ๆๆๆ” แต่ก่อนที่วัลคีรี่สาวตัวนี้จะขาดใจตาย เจ้าพาลาดินธาตุน้ำก็ถอนควยออกมาเสียก่อน เปิดโอกาสให้วัลคีรี่สาวได้คายเสลดในลำคอออกมาก้อนใหญ่ พร้อมกับน้ำหูน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทาง อาการเช่นนี้ไม่ทำให้เจ้าพาลาดินเห็นใจเลยแม้แต่น้อย กลับยิ่งเร้าอารมณ์เงี่ยนของมันขึ้นไปอีก ท่อนเอ็นที่แข็งอยู่แล้วก็ยิ่งแข็งโป๊กขึ้นไปราวกับเป็นท่อนไม้ แต่ท่อนเอ็นมันก็ไม่ต้องว่างนาน เพราะช่วยขณะที่วัลคีรี่สาวตัวนั้นคายท่อนเอ็นมันออก วัลคีรี่สาวอีกตัวที่อยู่ด้านข้างก็รีบเข้ามาดูดควยของเขาทันที ทำให้ความเสียวกระสันของมันไม่ได้ขาดตอนลงไปเลย
ถัดไปด้านข้าง โวลต์ พาลาดินสายฟ้า กำลังนอนเปลือยเปล่าอย่างสบายอารมณ์โดยที่มีวัลคีรี่สาวตัวหนึ่งกำลังนอนดูดท่อนเอ็นของมันให้ ท่อนเอ็นของมันที่ถูกดูดจนมิดด้ามจนทะลุลึกไปถึงคอหอย ทำให้เขารู้สึกเสียวกระสันไม่ต่างจากไอซ์เอจ เพียงแต่โวลต์ไม่เลือกที่จะกระแทกควยอัดปากไปแบบนั้น เพราะลำพังแค่จังหวะการดูดขึ้นลงของวัลคีรี่ตัวนี้ก็สร้างความเสียวกระสันให้มันอย่างมากอยู่แล้ว
“นายท่านเจ้าขา ........” วัลคีรี่อีกตัวเอ่ยกระซิบขึ้นข้างหู ทำให้เจ้าพาลาดินสายฟ้าต้องลืมหาหันไปมองหน้า วัลคีรี่ตัวนี้แตกต่างจากตัวอื่นตรงที่มีใบหน้าหวานใส อีกทั้งดวงตาก็กลมโตซึ่งเมื่อเขาได้สบกับสายตาคู่นั้น อารมณ์กำหนัดของเขาก็เพิ่มพูน ก่อนจะถึงวัลคีรี่ตัวนั้นเข้ามาประกบปากทันที ลิ้นของเขาที่แหย่เข้าไปในปาก โดนลิ้นของวัลคีรี่สาวตัวนั้นโอบรัดไว้อย่างนุ่มนวล ก่อนจะลากวนไปมาราวกับต้องการให้อารมณ์ของเขาพลุ้งผล่านยิ่งขึ้นไปอีก เท่านั้นไม่พอ มือของเขายังถูกวัลคีรี่นำไปวางบนเต้างามคู่สวยของเธอ ราวกับจะเชื้อเชิญให้เขาบีบเค้นมันได้ตามต้องการ ซึ่งพาลาดินหนุ่มก็ไม่ขัด เขาบีบเค้นอย่างแรงจนเต้างามคู่สวยนั้นแดงก่ำขึ้นมาทันใด
หลังจากแลกลิ้นกันไปสักพักเขาก็ถอนปากออก ก่อนจะหันไปหาวัลคีรี่สาวอีกตัวที่คลานเข้ามาหา วัลคีรี่สาวตัวนี้ค่อยๆเลื่อนตัวขึ้นไปค่อมบนศีรษะของเขา ก่อนจะแหวกแคมทั้งสองกลีบ เผยให้เห็นเนื้อติ่งสีชมพูดสวยใสที่อยู่ข้างใน ราวกับจะเชื้อเชิญให้พาลาดินสายฟ้ามาลิ้มลอง ซึ่งเขาก็ไม่ปฏิเสธ เขาลากลิ้นขึ้นไปชโลมเลียเม็ดติ่งสวยนั้นอย่างช่ำชอง สร้างความเสียวกระสันให้วัลคีรี่ตัวนั้นเป็นอย่างมาก จนเธอถึงกับร้องซี๊ดไม่หยุดปาก
“อ๊างงงงงงงงงงงงงงงงง” ห่างไปอีกด้าน วัลคีรี่ตัวนึงถูกจับให้นอนคลานในท่าหมา ที่ตอนนี้กำลังร้องครางด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากช่องคลอดของเธอถูกกระแทกอย่างแรงโดยท่อนเอ็นขนาดใหญ่ของพาลาดินสโตนเฮด ที่ใช้กำลังช้างสาร กระแทกท่อนเอ็นเข้ามาทีเดียวมิดด้าม ความเจ็บปวดที่เธอได้รับนี้เล่นเอาเธอต้องนอนฟุบลงไปกลับพื้นมีเพียงสะโพกที่ถูกพาลาดินข้างหลังรั้งเอาไว้ให้ลอยเหนือพื้น
“เสียวหัวควยเว้ยยยยย” เจ้าสโตนเฮดเองก็ร้องลั่นออกมาไม่แพ้กัน ช่องคลอดที่ฟิตแน่นของวัลคีรี่สาว ทำให้มันรู้สึกถึงของตอดรัดไปทั่วทั้งลำควย อีกทั้งเจ้าวัลคีรี่ตัวนี้ที่แม้ท่าทางจะเหมือนว่าใกล้สลบแล้ว แต่มันก็ยังขมิบหีเป็นจังหวะ เพื่อเพิ่มการตอดรัดเข้าไปอีก จนมันรู้สึกเสียวกระสันน้ำแทบแต่ทั้งๆที่ไม่ได้ขยับควยเข้าออกเลยแม้แต่น้อย
“อืออออออออออออออ” แต่แล้ววัลคีรี่สาวก็ต้องร้องครางอีกครั้ง เมื่อสโตรเฮดค่อยๆถอนลำควยออกมา ลำควยที่ใหญ่โตแถมยังแข็งปูดเต็มที่ เมื่อถูกถอนออกส่วนหัวหยักเลยครูดไปกับพนังช่องคลอด ทำให้เธอเสียวหีมากจนเผลอขมิบหีรัวสั่นระริก จนน้ำรักที่อยู่ภายในโดนขับออกมาจนเปียกเยิ้มไปทั้งโพลงหี ราวกับจะช่วยเหลือ ให้ท่อนเอ็นใหญ่ยักษ์นี้ขยับเข้าออกโพลงหีเธอได้ง่ายขึ้น ซึ่งเจ้าสโตนเฮดก็ไม่ขัดศรัทธา ทันทีที่เขาถอดท่อนควยออกมาใกล้หมดลำ เขาก็กระแทกมันกับไปอีกครั้งจนท่อนควยกระแทกเข้ากับพนังดังกึก ! ทำเอาวัลคีรี่สาวจุกแน่นจนไม่อาจร้องเสียงออกมาได้ แต่ไม่ทันที่เธอจะหายจุกดี ท่อนเอ็นก็ค่อยๆโดนลากออกไปช้าๆอีกครั้ง จนตอนนี้เธอรู้สึกจุกสลับเสียวซ่านไปมาไม่หยุด
ในขณะที่เจ้าพาลาดินเองก็ต้องเป่าปากด้วยความเสียวเช่นกัน เพราะน้ำรักที่หลั่งออกมาของวัลคีรี่สาวที่ออกมาช่วยหล่อลื่นจนเปียกชุ่ม ทำให้มันสามารถขยับเอวส่งท่อนเอ็นเข้าออกโพลงหีได้เร็วขึ้น ทำให้ตอนนี้มันกระแทกวัลคีรี่สาวตรงหน้าจนเสียงกระแทกดังลั่นไปหมด ไม่พอแค่นั้น มันยังเอื้อมมือขวาไปจิกผมวัลคีรี่สาวที่นอนฟุบลงกับพื้น ก่อนจะกระชากอย่างแรง จนวัลคีรี่สาวต้องเชิดหน้าร้องลั่นระงม
ในขณะที่สโตนเฮดกำลังกระแทกท่อนเอ็นอย่างเมามันส์ วัลคีรี่สาวอีกตัวก็เข้ามาสวมกอดเขาจากด้านหลัง ก่อนจะลากลิ้นตวัดโลมเล้าที่ซอกหูเขาเบาๆ สองมือของเธอก็ลูบไล้ไปมาบนแผ่นอกแข็งแกร่งก่อนที่จะเขี่ยหัวนมเขาเบาๆ ส่วนแผ่นหลังของเขาก็ถูกนวดเฟ้นไปมาด้วยเต้างามคู่สวยของเธอ การปลุกเล้าเข้าที่ 3 จุดพร้อมกันของวัลคีรี่สาว ได้ทวีความเสียวซ่านให้กับสโตนเฮดเป็นอย่างมาก จนมันอัดแน่นไปเต็มอก จนทำให้เขายิ่งกระแทกใส่วัลคีรี่สาวตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง เพื่อระบายความเสียวซ่านนี้ออกไป
ส่วนพาลาดินคนสุดท้ายอย่างไซโคลนที่ตอนนี้โดนรุมล้อมด้วยวัลคีรี่ถึง 3 ตัว 2 ตัวแรกเข้ามากระนาบเขาทั้งซ้ายขวา ก่อนจะกลดเขาให้นอนราบไปกับพื้น มีเพียงท่อนเอ็นยาวใหญ่ของเขาเท่านั้นที่ตั้งตระหง่านขึ้นมา ท่อนเอ็นที่มันวาวเพราะผ่านการเล้าโลมจากวัลคีรี่ทั้ง 3 ทำให้ตอนนี้มันแข็งเต็มที่พร้อมใช้งาน ทำให้วัลคีรี่ตัวสุดท้ายไม่รอช้าตรงเข้าขึ้นค่อมพร้อมกับหย่อยปากหีเข้ากลืนกินท่อนเอ็นนั้นจนมิดด้าม
“อ๊า .................” วัลคีรี่สาวตนนั้นเอ่ยร้องออกมาอย่างเสียวซ่าน ท่อนเอ็นที่แข็งแกร่งนี้คับแน่นไปทั้งช่องคลอดจนทำให้เธอจุกจนแทบจะหายใจไม่ออก จนเธอต้องแช่มันไว้สักพักเพื่อให้ช่องคลอดของเธอปรับตัวได้ และเมื่อทุกอย่างพร้อม วัลคีรี่สาวก็เริ่มลงมือขยับสะโพกขึ้นลงเป็นจังหวะ ก่อนจะค่อยๆเพิ่มความเร็วจนถึงความเร็วสูงสุด
“อือออออออออ” ลีลาการขย่มเอวของวัลคีรี่สาวต้องใจไซโคลนไม่น้อย ด้วยช่องคลอดที่แน่นกระชับ แถมมีแรงตอดที่รุนแรง เมื่อเสริมด้วยลีลาที่เร่าร้อนหนักหน่วงเข้าไปอีก ทำให้เขาอดใจไม่ไหว ต้องเอื้อมมือไปบีบขย่ำเต้างามคู่สวยของวัลคีรี่สาวตนนั้นอย่างรุนแรง โดยที่วัลคีรี่สาวตนนี้ก็ไม่ยอมถอย กลับยิ่งแอ่นอกให้ไซโคลนบีบแรงขึ้นไปอีก ในขณะที่สะโพกก็ขย่มต่อเนื่องโดยไม่ขาดตอน
แต่เขาก็บีบเค้นได้ไม่นาน สองแขนของเขาก็ถูกกดลงโดยวัลคีรี่สาว 2 ตนที่กระนาบอยู่ด้านข้าง พวกเธอทั้งสองต่างก็จับนิ้วกลางกับนิ้วชี้ของไซโคลนเสียบเข้าไปในช่องคลอด ราวกับจะอ้อนวอนให้พาลาดินหนุ่มช่วยปลดเปลื้องความกระสันที่แน่นอยู่เต็มอกของเธอทั้ง 2 ให้จางหายไป ซึ่งเขาก็ตอบสนองความต้องการของเธออย่างไม่ขัดข้อง เขาเริ่มคลำหาพร้อมกับขยี้ไปที่เม็ดติ่งของเธอทั้งคู่ จนพวกเธอต้องกรีดร้อง