4 วันต่อมา
“อึกกกกก” นายอาร์ตครางออกมาหนึ่งคำก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ แต่ภาพที่เขาเห็นกลับมีแต่แสงสว่างจ้าไปหมด อีกทั้งภายในหัวของเขาก็มีเรื่องราววุ่นวายสับสนอลม่านจนเขาจับต้นชมปลายไม่ถูก ดูท่านี่คงจะเป็นผลข้างเคียงจากการที่เขาสลบไปหลายวันเป็นแน่ ดังนั้นสิ่งที่เขาควรจะทำก่อนอันดับแรก ก็คือเขาต้องหลับตาลงไปก่อน เพื่อตั้งสมาธิ แล้วคิดทบทวนเรื่องราวความทรงจำในหัวใหม่อีกครั้ง
สิ่งสุดท้ายที่เขาพอจะจำได้ก็คือ .... ในตอนนั้น ตอนที่เขามีพวกพรีสกลุ่มนั้นตามมาสมทบ และด้วยความประมาทหรือความไว้ใจก็ไม่รู้ ทำให้เขาไม่ได้ระวังภัยอันตรายเลย และเจ้าพรีสพวกนั้นก็ฉวยจังหวะดังกล่าว แทงดาบเล่มยักษ์เสียบเข้าท้องเขาอย่างจัง ก่อนที่มันจะชักออกอย่างแรง จนบาดแผลเปิดกว้าง โลหิตในร่างของเขาจำนวนมากจึงไหลทะลักออกมาจากบาดแผลราวกับเขื่อนแตก แม้เขาจะพยามใช้สองมือกดปิดบาดแผล แต่มันก็ไม่อาจขว้างกันโลหิตเหล่านั้นได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้เขาคงจะตายแน่ๆ แต่ก่อนที่เขาจะกำลังหมดสติลง สายตาของเขาก็มองไปเห็น ......... เธอ
“ตื่นแล้วเหรอ นี่เจ้าสลบไป 4 วันเต็มๆเลยรู้หรือเปล่า” เสียงหวานๆที่คุ้นหูก็ดังขึ้น ที่จริงจะไม่ให้เขาคุ้นได้ยังไง เพราะเจ้าของเสียงนี่เขาก็ได้เจอมาหลายครั้ง และที่สำคัญเจ้าของเสียงเสียงนี้ ก็คือคนเดียวกับหญิงสาวที่เขาเห็นในความจำสุดท้าย ใช่แล้ว เธอก็คือ แวมไพร์สาว เวโรนิก้า
“รอก่อนน่ะ เดี้ยวข้าจะไปหาอะไรมาให้กิน” เวโรนิก้าพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป ตรงนี้ ทำเขารู้สึกแปลกใจเล็กๆ แวมไพร์นี่นะเหรอจะหาอะไรให้เขากิน หวังว่าคงจะไม่ใช่เลือดสดๆนะ
เวลาผ่านไปไม่นานนัก แวมไพร์สาวก็กลับมา พร้อมกับข้าวต้มร้อนๆหม้อใหญ่ในมือ ก่อนที่เธอจะวางมันลงบนโต๊ะ แล้วจัดแจงตักแบ่งใส่ชามเล็กๆและพูดคุยกับชายหนุ่มไปพร้อมกัน
“เจ้าโชคดีน่ะ ที่แอสการ์ดนี้มีข้าอยู่ มันก็เลยยังมีคนพอทำอาหารมนุษย์ให้เจ้าทานได้ แต่ข้าก็ไม่รู้น่ะว่ามันจะทานได้ไหม เพราะตั้งแต่ข้าเป็นแวมไพร์มา 50 กว่าปี ข้าก็ไม่ได้ทำอาหารแบบนี้อีกเลย”
“ฉันไม่กิน !!” นายอาร์ตร้องเสียงแข็งกร้าว
“หืมมมมมมมม” แวมไพร์สาวลากเสียงสูง ก่อนจะวางถ้วยชามลง แล้วเดินไปหาชายหนุ่มที่นอนนิ่งบนเตียง “พอตื่นขึ้นมาก็ออกฤทธิ์เลยน่ะ ทำไมเหรอ เจ้าต้องการอะไร”
“ฉันน่าจะเป็นฝ่ายถามมากกว่า ว่าเธอต้องการอะไร” นายอาร์ตหันมาจ้องตอบ “ถ้าแค่ไม่อยากให้ฉันต้องตายไปก่อน ก็ไม่ต้องมาสร้างภาพทำเป็นดูแลฉันหรอก เพราะยังไงเธอก็แค่ต้องการจะเอาตัวฉันไปทำพิธีที่ค้างไว้ต่อให้จบ ถึงตอนนั้นฉันก็ต้องตายอยู่ดี”
“มันจะทำให้เจ้าตายได้ยังไง” แวมไพร์สาวเอ่ยถามกลับ พร้อมกับนั่งลงที่ข้างเตียงเขา ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบโต้ด้วยการขยับตัวหนีเพื่อบ่งบอกว่าเขาไม่ต้องการอยู่ใกล้เธอ แต่แวมไพร์สาวก็ยังไวพอที่จะคว้าแขนชายหนุ่มไว้ได้ทัน เพื่อให้เธอได้มีโอกาสพูดประโยคต่อไป “พิธีปลุกวิญญาณมันไม่มีอันตรายกับเจ้าหรอก พิธีนี้มันก็แค่ทำให้เจ้ากลับมาเป็นท่านอาลูคาร์ดโดยสมบูรณ์แค่นั้น”
“พอสักทีเถอะ !!” นายอาร์ตตวาดลั่นพร้อมกับกระชากแขนออกอย่างแรง “จะให้ฉันเชื่อเหรอ ฉันจะเชื่อใจใครได้อีก เธอลองดูสิ แผลที่ท้องฉัน ฉันก็ได้มาเพราะไอ้คำว่าเชื่อใจนี่แหละ”
“ก็เชื่อใจข้าไง” แวมไพร์สาวเอื่อมมือไปสัมผัสแก้มเขาเบาๆ พร้อมกับค่อยๆหันใบหน้าของเขามาสบตากับเธอ “ข้าจะไม่ยืนยันกับเจ้าด้วยคำพูดหรอกน่ะ แต่ข้าอยากให้เจ้ามองตาข้าแล้วลองนึกย้อนดีๆสิ ใครกันที่ช่วยชีวิตเจ้าอยู่เสมอ แล้วแบบนี้เจ้าจะเชื่อใจข้าได้หรือยัง”
คำพูดของแวมไพร์สาวทำให้ชายหนุ่มที่มีท่าทีขัดขืนเมื่อครู่ ค่อยๆสงบลง จริงอย่างที่เธอว่า เพราะเมื่อเขานึกย้อนกลับไป ชีวิตของเขานี้ถูกเธอช่วยมาหลายครั้ง เรียกได้ว่าถ้าไม่มีเธอ ป่านนี้เขาคงตายไปแล้ว คนที่เคยช่วยชีวิตเขาก็ย่อมไม่มีเจตนาร้าย เขาควรเชื่อเช่นนี้หรือเปล่า แต่ถ้าเขาเชื่ออย่างนั้น นั่นไม่แปลว่าเขาควรจะอยู่กับพวกแวมไพร์อย่างงั้นเหรอ
“เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ที่ผ่านมาทั้งหมดนี้ใครกันที่อยากฆ่าเจ้า พวกพรีสพวกนั้นไม่ใช่เหรอ” เวโรนิก้าเมื่อเห็นว่านายอาร์ตกำลังสับสน ก็รีบพูดจาโน้มน้าวต่อทันที “เชื่อข้าเถอะ เจ้าควรจะอยู่กับพวกเราต่างหาก แล้วเราจะแก้ไขทุกอย่างด้วยกัน เมื่อถึงตอนนั้น ก็ไม่มีอะไรจะทำร้ายเจ้าได้อีกแล้ว”
อยู่กับพวกแวมไพร์ ? เราควรอยู่กับพวกแวมไพร์อย่างนั้นเหรอ ? นายอาร์ตได้แต่คิดสับสนอยู่ในใจ เพราะจริงอย่างที่แวมไพร์สาวว่า เขาเกือบโดนพวกพรีสฆ่า เมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็คงไม่มีทางที่จะได้กลับไปอีกแล้ว และเมื่ออยู่กับมนุษย์ไม่ได้ ที่ที่เขาควรอยู่ก็คืออยู่กับฝ่ายแวมไพร์หรือเปล่า ..... แต่ถ้าอยู่กับแวมไพร์ เขาไม่ต้องกลายเป็นแวมไพร์ไปด้วยงั้นเหรอ และถ้าเขาเป็นแวมไพร์ ..... วิเวียนล่ะ
“ไม่ !!” นายอาร์ตตะโกนร้องในทันที “ฉันรู้แล้ว ที่เธอพูดมาทั้งหมดก็เพราะจะให้ฉันยอมเป็นพวกแวมไพร์ใช่ไหม แต่ฉันไม่ยอมหรอกนะ เพราะฉันไม่ใช่แวมไพร์ และก็ไม่มีวันที่จะเป็นด้วย”
“ทำไม !!” เวโรนิก้าตะโกนดังลั่นพร้อมกับแยกเขี้ยวอย่างเกรี้ยวกราด ท่าทีที่ดูดุร้ายของเธอเช่นนี้ทำเอานายอาร์ตที่ต่อปากต่อคำกับเธอเมื่อครู่ถึงกับตกใจกลัว พยามถอยหนี แต่ก็ยังช้าไป เพราะแค่แวมไพร์สาวกระโจนทีเดียวก็สามารถขึ้นค่อมเขาได้ทันที ก่อนที่แวมไพร์สาวจะกดชายหนุ่มให้นอนราบไปกับเตียง จนสายตาของทั้งคู่ได้มาประสานกัน
“เพราะนางอย่างนั้นเหรอ” แค่อ่านจากสายตาแวมไพร์สาวก็สามารถรับรู้ได้ในทันที “เพราะนางพรีสคนนั้นใช่ไหม ที่ฉุดรั้งเจ้าไว้ เจ้าถึงไม่ยอมเป็นพวกเรา งั้นมาลองดูกันสิว่า ถ้าข้าทำให้เจ้าลืมนาง เจ้าจะมีอะไรมาฉุดรั้งไว้ได้อีก”
“เธอจะทำอะไร !!” นายอาร์ตถามเสียงดังลั่น แวมไพร์สาวจึงยิ้มน้อยๆแทนคำตอบ ก่อนที่ร่างของเธอจะกระตุกอย่างรุนแรง พริบตานั้นไอมาน่าสีเขียวเข้มก็พุ่งกระจายออกมาจากร่างของเธอ นายอาร์ตที่โดนแวมไพร์สาวค่อมอยู่จึงต้องรับไอมาน่านี้เข้าไปเต็มๆ ไอมาน่าที่มีสรรพคุณกระตุ้นความกำหนัดของเพศตรงข้าม ซึ่งข้อนี้แม้แต่ตัวนายอาร์ตเอง ก็ไม่อาจต้านทานได้ อารมณ์ของเขาในตอนนี้พลุ้งพล่านอย่างบ้าคลั่ง พอๆกับเลือดในกายเขาที่กำลังสูบฉีดอย่างรุนแรง เมื่อเจอเข้าไปแบบนี้สติของเขาก็เริ่มจะเลือนลาง ผิดชอบชั่วดีกำลังจะเลือนหาย และเหลือเพียงสัญชาติญาณของสัตว์ป่า ที่ต้องการจะเสพสมเท่านั้น
เวโรนิก้าก้มลงมองชายหนุ่มที่อยู่เบื้องล่าง ด้วยประสบการณ์ของแวมไพร์สาวเริงกามอย่างเธอ มองปราดเดียวก็รู้แล้ว ว่าชายหนุ่มตกอยู่ภายใต้พลังมาน่าของเธอเต็มเปา ดังนั้นเธอจึงไม่รอช้าที่จะดำเนินการขั้นต่อไป ด้วยการกระชากผ้าห่มผืนบางที่คุมร่างชายหนุ่มออก เผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ ไม่แค่นั้น เธอยังถลกชุดแซกบางเบาของเธอขึ้นมาจนเหนือเอว จนเห็นเนินหีอวบอิ่มของเธออย่างชัดเจน จากนั้นเธอก็วางเนินหี นาบลงบนท่อนควย ก่อนจะค่อยๆขยับเอวไปมา ให้เนินหีถูขึ้นลงตามลำควย
ลำพังแค่พลังมาน่าก็ทำเขาเงี่ยนจนแทบคลั่งอยู่แล้ว นี่เขายังมาเจอเนินหีอุ่นๆที่ถูไปมาบนลำควยของเขาอีก เพียงเท่านี้ สามัญสำนึกของเขาก็ขาดลงอย่างไม่มีชิ้นดี สองมือที่ว่างอยู่ก็คว้าหมับเข้าที่เต้าคู่สวยทั้งสอง ก่อนที่จะขยำเล่นอย่างรุนแรง เล่นเอาแวมไพร์สาวเผลอร้องออกมาหนึ่งคำ แต่กระนั้นแทนที่เธอจะถอยหนี เธอกลับแอ่นหน้าอก ราวกับท้าทายให้ชายหนุ่มขยำเล่นให้หนักขึ้นไปอีก
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังขยำเต้างามคู่สวยอย่างสนุกมือนั้น สติที่เขาขาดหายไปเมื่อสักครู่ ก็กลับคืนมาเล็กน้อย เมื่อมือเรียวงามของแวมไพร์สาว เอื้อมมาปาดเหงื่อกาฬที่ผุดขึ้นเต็มหน้าผากของเขาออก ทำให้เขามีโอกาสได้มองแวมไพร์สาวผู้นี้ชัดๆเช่นนี้เป็นครั้งแรก ทำให้เขาได้รู้ว่า เธอเป็นคนสวยที่สุดคนนึงเท่าที่เขาเคยเห็นมาเลยทีเดียว ผิวขาวใสของเธอ เมื่อตัดกับเส้นผมสีดำขลับ มันทำให้เธอดูมาเสน่ห์ลึกลับอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาของเธอที่เรียวยาว เมื่อจ้องมองมาที่เขา มันดูยั่วยวนจนเขาหลงใหล และริมฝีปากของเธอ ที่อวบอิ่มน่าสัมผัส จนเขาอดนึกไม่ได้ว่ารสจูบที่เธอนั้นจะน่าลิ้มลองแค่ไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงค่อยๆโน้นกายเธอลงมาเพื่อหมายจะลองสัมผัสมันดูสักครั้ง
ตอนนี้ใบหน้าของเธอห่างจากเขาแค่ไม่กี่เซนติเมตร ความต้องการของเขากำลังจะเป็นจริง เขากำลังจะได้จุมพิศจากปากของเธอแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็ไม่อาจจะอดใจไหว เขาเลื่อนหน้าเข้าไปหมายจะได้สัมผัสเธอเสียที แต่แล้วแวมไพร์สาวกลับใช้มือดันหน้าอกเขาไว้ ก่อนจะเลื่อนกายถอยห่างออกไป ทำเอาชายหนุ่มหน้านิ่วไปเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ เขาจึงโน้มกายเธอมาอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม ก่อนที่เขาจะได้จูบเธอ เธอก็ดันกายถอยกลับไป ทำเอาชายหนุ่มสับสนหนักกว่าเดิมว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ เธอไม่ต้องการเขาอย่างนั้นเหรอ ถ้าเช่นนั้น ทำไมเธอถึงยังร่อนเอวถูควยเขาไปมาอยู่อีกล่ะ
ชายหนุ่มจึงโน้มกายเธออีกครั้ง คราวนี้ก็เหมือนทุกครั้ง เธอโอนอ่อนอย่างว่าง่าย ก่อนที่จะขัดขืนในวินาทีสุดท้ายแล้วขืนตัวกลับไป จากนั้นเธอก็ส่งในสายตาให้เขา พร้อมกับยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ราวกับจะยิ้มเยาะที่เขาไม่มีวันได้จูบเธอได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกเดือดดาดขึ้นมาทันที เขาสะบัดร่างของเธอกระแทกเข้ากับเตียงอย่างรุนแรง ก่อนจะพลิกกายเป็นฝ่ายขึ้นค่อมเธอแทน แต่แวมไพร์สาวกลับไม่มีทีท่าตื่นกลัวแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำเธอยังหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ทำเอานายอาร์ตระงับอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป เขาก้มลง และบดปากใส่เธออย่างรุนแรง ในขณะที่มือทั้งสอง ก็แกกระชากชุดแซกของแวมไพร์สาว จนเต้างามทั้งคู่หลุดออกมาสู่ภายนอก
และเมื่อชายหนุ่มได้บดปากใส่แวมไพร์สาวจนหนำใจแล้ว เขาก็เลือนตัวลงมาขบกัดไปที่ยอดปทุมของแวมไพร์สาวอย่างรุนแรง ทำเอาเธอต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่นั่นก็ยังไม่สาแก่ใจเขาเพียงพอ เขาจึงใช้มือทั้งสองข้าง แหวกขาของเธอออก จากนั้นก็เอาท่อนควยมาจ่อที่ปากหี ก่อนที่จะกระแทกมันเข้าไปอย่างเต็มแรง ถึงตอนนี้แวมไพร์สาวร้องไม่ออกแล้ว เพราะท่อนควยที่กระแทกเข้าไปถึงมดลูก มันทำเธอจุกแน่นไปหมด แต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย เขารีบตะบันควยใส่เธอทันทีอย่างรุนแรง
นี่คงเป็นผลที่เกิดจากนายอาร์ตตกอยู่ภายใต้พลังมาน่ากระมัง อารมณ์ของเขาจึงรุนแรงกว่าปกติหลายเท่า ซึ่งตรงนี้เวโรนิก้าก็รู้ดี เธอจึงจงใจยั่วโมโหเพื่อกระตุ้นให้เขาลืมตัว และกระทำใส่เธออย่างป่าเถื่อน ซึ่งตัวเธอก็พร้อมรับการกระทำนั้นไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นขบกัด หรือแม้แต่กระแทกควยใส่เธอรุนแรงแค่ไหน เธอก็ไม่ถอย มิหนำซ้ำยังแอ่นหีรับท่อนควยนี้อย่างไม่กลัวเกรง
“อุ๊บบบบบบบบบส์” ในขณะที่นายอาร์ตกำลังซอยควยไม่มียั้งอยู่นั้น อยู่ๆเขาก็เผลอร้องออกมาคำนึง ก่อนจะเลื่อนมือไปกุมแผลที่หน้าท้อง อันที่จริงเขายังไม่หายดีเลย แค่ขยับเล็กน้อยแผลก็ปวดขึ้นแล้ว ดังนั้นการที่เขาซอยควยหนักๆเช่นนี้ แผลของเขาก็ยิ่งปวดขึ้นเป็นทวีคูน
“สมน้ำหน้า” เวโรนิก้าเอ่ยขึ้น ก่อนที่เธอจะหัวเราะคิกคัก แต่ไม่ทันที่นายอาร์ตจะพูดอะไรตอบ เธอก็ค่อยๆพลิกกายชายหนุ่มลงมานอนด้านข้าง พร้อมกับกระซิบข้างหูเขาด้วยเสียงกระเส่าว่า “เดี้ยวเมียทำให้นะคะ ที่รัก”
จากนั้นแวมไพร์สาวก็ค่อยๆจัดแจงท่อนควยชายหนุ่มให้ตั้งตระหง่าน ก่อนจะที่เธอจะค่อยๆหย่อนช่องรักกลืนกินลำควยนี้ลงไปช้าๆ ทำให้เธอได้มีเวลาซึมซาบความรู้สึกที่ท่อนควยคูดผ่านผนังช่องคลอดของเธอได้เต็มที่ ท่อนควย ที่ร้อนฉ่าราวกับจะระเบิด มันช่างเหมือนไม้ขีดไฟอย่างดี ที่ใช้จุดไฟราคะในตัวเธอให้ลุกโซน จนผิวพรรณของเธอในตอนนี้ แดงก่ำขึ้นมาถนัดตา
และหลังจากที่เวโรนิก้า สามารถกลืนกินท่อนควยของเขาได้จนหมด เธอจัดแจงโชว์ลีลาให้สมกับที่เป็นแวมไพร์สาวร่านราคะ สะโพกของเธอค่อยๆยกลงช้าๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ จนชายหนุ่มรู้สึกถึงร่องแฉะๆที่เคลื่อนตัวจากโคนสุดไปจนถึงหัวหยัก ก่อนที่ร่องนั้นจะเคลื่อนตัวลงมาใหม่ แถมความเร็วก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นในทุกครั้ง จนเขาไม่อาจทนไหว ต้องซี๊ดปากส่งเสียงออกมาอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นอาการเช่นนี้ของชายหนุ่ม เวโรนิก้าก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนที่เธอจะเร่งความเร็วของสะโพกเข้าไปอีก จนได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่น จนร่างของเธอ เปียกฉุ่มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมาโซมกาย แน่นอนว่าการที่เธอขึ้นขย่มอย่างหนักหน่วงเป็นเวลานานเช่นนี้ มันทำให้เธอเหนื่อยล้าราวกับวิ่งมาราธอนเป็นระยะทางไกล แต่เมื่อเธอสัมผัสถึงรสควยที่เคลื่อนที่ภายในช่องคลอด อาการเหนื่อยล้าของเธอก็หายเป็นปริดทิ้ง เหลือเพียงความเงี่ยนที่เติมเท่าไหร่ มันก็ไม่มีวันเต็มเสียที
“อ๊อยยยยยยยยยยย” เสียงร้องของชายหนุ่ม บวกกับอาการสั่นกระตุกของท่อนควย มันทำให้เธอตื่นขึ้นมาจากภวังค์ ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังเข้าใกล้จุดมุ่งหมายเสียแล้ว แวมไพร์สาวจึงไม่รอช้าอีกต่อไป เรี่ยวแรงที่เธอมีเท่าไหร่จึงถูกนำมาใช้ไม่มียั้ง สะโพกของขยับขึ้นลงอย่างสุดแรงเกิด จนราวกับว่ามันคือเครื่องจักรสังหารที่มีไว้เพื่อสูบน้ำเงี่ยนไม่มีผิด ด้วยลีลาที่ดุดันเช่นนี้ นายอาร์ตไม่อาจจะต้านทานไว้ได้อีกแล้ว น้ำรักที่มีอยู่ในร่าง จึงพุ่งทะลักเข้าช่องคลอดแวมไพร์สาวจนสุดแรง จนแวมไพร์สาวหวีดร้องออกมาเช่นกัน
ทุกอย่างจบลงแล้ว ....... ไอมาน่าที่เคยฟุ้งกระจาย ตอนนี้มันหายไปจนหมด และสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือชายหญิงคู่หนึ่งที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลเต็มร่าง จนหญิงสาวต้องเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปหยิบผ้า มาเช็ดหงาดเหงื่อบนร่างชายหนุ่มเบาๆอย่างทะนุถนอม แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนท่า เธอยังนั่งค่อมเขาอยู่และปล่อยให้ท่อนควยคาอยู่ในช่องรักของเธอเช่นนั้น ราวกับกลัวว่ามันจะหลุดหายไป
“อะไรที่นางทำได้ ข้าก็ทำได้ และทำได้ดีกว่าด้วย เจ้าว่าจริงไหม” เวโรนิก้าเอ่ยขึ้นขณะเช็ดเหงื่อบนหน้าชายหนุ่มเบาๆ โดยที่ชายหนุ่มทำได้แต่เพียงมองหน้าเธอเงียบๆ เขาไม่รู้ว้าเธอหมายถึงอะไร แต่ถ้าหมายถึงเรื่องเซ็กส์ เขาก็ต้องยอมรับเลย ว่านี่เป็นเซ็กส์ที่เขาประทับใจจริงๆ
“ยังแข็งอยู่เลยนี่” แวมไพร์สาวเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าท่อนควยที่อยู่ในร่างของเธอไม่ยอมอ่อนลงไปเลย ทั้งๆที่เมื่อครู่พึ่งพ่นน้ำปริมาณมหาศาลออกมาแท้ๆ ว่าแล้วแวมไพร์สาวจึงค่อยๆขยับสะโพกขึ้นลงอีกครั้ง เป็นสัญญาณว่าเธอกำลังเริ่มบทสวาทขึ้นใหม่อีกครั้งนึง
นายอาร์ตเผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจ ก่อนที่เขาจะหุบยิ้มนั้นลงแทบไม่ทัน เขากำลังเป็นบ้าอะไรอยู่เนี่ย เขากำลังติดใจรสสวาทที่แวมไพร์สาวผู้นี้มอบให้อย่างงั้นเหรอ ทั้งที่เขามีคนรัก และเธอก็กำลังหาทางมาช่วยเขาอยู่แท้ๆ แต่เขากับนอกใจเธอไปซะแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนี้ ....... เขาจึงใช้มือทั้งสองข้างคว้าไปที่เอวแวมไพร์สาวตรงหน้า พร้อมกับตั้งใจจะจะรวบรวมกำลังผลักร่างของเธอให้ออกไปไกลๆ
.
.
เขา .....
.
.
เขา .....
.
.
เขา ..... เขาไม่อาจทานไหวเสียแล้ว สองมือที่หมายจะผลักร่างกลับกลายเป็นโน้มกายแวมไพร์สาวลงมา เพื่อจะได้ดูดเต้างามคู่สวยนั้นได้ถนัด ..... สุดท้ายแล้ว เขาก็ตกเป็นทาสรสสวาทของเธอไปจริงๆ
‘วิเวียนนนนนน ผมขอโทษ’
.
.
.
.
.
แต่จะว่าไป นี่อาจจะเป็นโชคดีของนายอาร์ตก็ได้ ที่เขาทำได้แค่นึกถึงวิเวียนเท่านั้น เพราะถ้าเขาอยู่ตรงนี้ และได้เห็นสภาพปัจจุบันของหญิงสาว เขาอาจจะช็อคจนเป็นลมตายก็ได้ ..........
สภาพของเธอในตอนนี้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ยืนในท่าโก้งโค้งและใช้มือดันกำแพงเอาไว้ ผมยาวสลวยสีเงินของเธอ บัดนนี้มันพันกันยุ่งเหยิงจนดูไม่ออกเสียแล้วว่าเป็นทรงใด ในขณะที่เนื้อตัวของเธอ ถูกอาบด้วยเหงื่อกาฬจำนวนมาก ถึงขนาดที่มันสามารถฉาบผิวสีแทนของเธอให้มันวาวในยามที่ตัวเธอต้องแสงไฟ ...... แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังเทียบไม่ได้เลย กับการที่เธอต้องโยกตัวไปข้างหน้าอย่างรุนแรง ซึ่งสาเหตุก็เพราะมีแวมไพร์ร่างยักษ์กำลังตะบันควยใส่เธอไม่ยั้ง จากทางด้านหลังนั่นเอง
เสียงเนื้อกระแทกกันของทั้งคู่ดังลั่นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆนี้จนก้องไปหมด ถึงขนาดที่ว่า ถ้าใครผ่านมาแล้วได้ยินแค่เสียง ต้องไม่คิดแน่ๆว่านี่คือเสียงของคนเอากัน มันเหมือนเสียงคนต่อยกัน ราวกับจะให้อีกฝ่ายตายคามือเสียมากกว่า ซึ่งจะว่าไปมันก็ไม่ผิดนัก เพราะเจ้าแวมไพร์มันก็ตั้งใจจะเย็ดวิเวียนให้ตายคาควยเช่นกัน
“ปัก !!” เสียงกระแทกในดอกสุดท้ายของมันดังลั่น ก่อนที่มันจะดึงควยออกดังบ๊อก !! และทันทีที่ควยของเจ้าแวมไพร์ถูกดึงออก วิเวียนก็หมดสิ้นเรี่ยวแรงจะทานทนไว้ สองชาที่สั่นระริกของเธอไม่อาจรับน้ำหนักได้อีกต่อไป จนร่างงามของเธอทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างหมดท่า
“ยังหรอกอีกกระหรี่ !!” เจ้าแวมไพร์สบถดังลั่น ก่อนที่นั่งจะนั่งคุกเข่าแล้วพลิกร่างของหญิงสาวอย่างแรง เพื่อให้เธอนอนหงาย ก่อนที่มันจะแหวกขาเธอออก แล้วเสียบแท่งควยของมันเข้าไปดังกึ๊ก !! ..... เพราะมันในตอนนี้ ไม่ต้องการเสียเวลา แม้สักเสี้ยววินาทีเดียว
ส่วนวิเวียน ที่โดนควยขนาดยักษ์เสียบใส่ แต่เธอกลับไม่แสดงอาการใดๆเลย นั่นก็เพราะเธอต้องรวมเพศอย่างป่าเถื่อนแบบนี้มาเป็นเวลานาน จนหีของเธอในตอนนี้ มันด้านชาจนปราศจากความรู้สึก อีกทั้งตัวเธอเองก็เหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด ขนาดที่ว่าแม้แต่การเปล่งเสียงครางสักครั้ง เธอสิ้นเรี่ยวแรงจะทำไหวเสียแล้ว
“ใครใช้ให้มึงหลับหา !!” เจ้าแวมไพร์ตะโกนลั่น เมื่อมันเห็นหญิงสาวข้างหน้าตาปิดไปเสียแล้ว แถมมันไม่พูดพูดเปล่า มันเงื้อมือตบหน้าของหญิงสาวดังลั่น จนหน้าของเธอสะบัดหันไปตามแรง ..... แต่ทั้งๆที่มันตบเธอแรงขนาดนั้นแท้ๆ กลับไม่สามารถเรียกสติของเธอกลับมาได้เลย ตอนนี้หญิงสาว สลบคาควยมันไปแล้วอย่างสมบูรณ์
เจ้าแวมไพร์หัวเราะขึ้นเบาๆ จริงๆนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับมันเลย เพราะที่ผ่านมา ผู้หญิงที่เย็ดกับมัน ถ้าไม่สลบเมือด ก็ต้องตายคาควยมันทั้งนั้น เมื่อมันเห็นเช่นนี้ มันจึงหันไปทางผนังกระจกที่อยู่อีกด้านของห้อง เพราะมันรู้ดีว่า ข้างหลังกระจกนั้น มีคนกลุ่มหนึ่งนั่งจับตาดูมันอยู่
“ไอ้พวกโง่ มึงคิดว่ากูเป็นใครว่ะ !! กูเป็นแวมไพร์ชั้นขุนพลนะเว้ย มึงคิดเหรอว่า อีกระหรี่นี่จะเย็ดสู้กูได้ กูจะเย็ดอีนี่ให้ตาย แล้วเอาพลังมาน่ามันมา จากนั้นกูก็จะฆ่าพวกมึงไม่ให้เหลือ !!”
หลังจากเจ้าแวมไพร์ตะโกนลั่นอย่างสะใจแล้ว มันก็ตั้งหน้าตั้งตาเย็ดหญิงสาวที่สลบไสลตรงหน้าต่อ นังผู้หญิงนี่สลบไปแล้ว มันจึงไม่รีรออีกต่อไป เรี่ยวแรงที่มันมีทั้งหมดถูกดึงมาใช้ไม่มียั้ง จนน้ำเงี่ยนที่สะสมอยู่ในกาย เริ่มรวมตัวกัน แล้วไหลขึ้นมาตามกระบอกฉีด เพื่อจะแตกทะลักในไม่กี่วินาทีข้างหน้า เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย แล้วพลังมาน่าของพรีสสาวผู้นี้ ก็จะตกเป็นของมันอย่างแน่นอน
“เฮ้ย !!” เจ้าแวมไพร์ร้องอย่างตกใจ เพราะอยู่ๆข้างของหญิงสาวตรงหน้าก็ตวัดรัดขาของมันแน่น มือของเธอก็เช่นกัน ล็อคแขนของมันไม่ยอมปล่อย และสุดท้ายปั้นเอวของเธอ ก็เด้งสวนใส่ควยของมันอย่างรุนแรง แถมหญิงสาวตรงหน้ายังยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ราวกับจะเฉลยคำตอบให้มันรู้ ว่าที่ผ่านมาทั้งหมดเธอแค่แสดงหลอกมันเท่านั้น แต่ถึงคำเฉลยจะเป็นเช่นไร เจ้าแวมไพร์ก็ไม่อาจรับรู้ได้อีกแล้ว เพราะหลังจากนี้มันทำได้แค่เพียงร้องมาอีกคำเดียว ก่อนที่ทั้งร่างมันจะสูญสลาย ไปพร้อมๆกับพลังมาน่า ที่มันต้องเสียให้เธอ
“แฮก ๆๆๆ” หลังจากร่างของเจ้าแวมไพร์สูญสลายไปแล้ว หญิงสาวก็นอนแผ่หลาอย่างเหนื่อยอ่อน อันที่จริงเมื่อครู่แม้เธอจะแกล้งหลอกมัน แต่ไอ้อาการเหนื่อยล้าแทบขาดใจนี้มันเป็นของจริง ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็เกิดจากการที่เธอต้องเย็ดกับแวมไพร์ระดับขุนพลต่อเนื่องไม่มีหยุด รวมเจ้าตัวเมื่อกี้ ก็ปาเข้าไป 22 ตัวแล้ว
“ยอดเลยว่ะ เย็ดกับแวมไพร์ชั้นขุนพลที่เราจับมา รวดเดียว 22 ตัวแล้วเนี่ย” เจ้าหน้าที่ที่อยู่หลังกระจกต่างพูดคุยกันอย่างไม่เชื่อสายตา ในขณะที่บางคนถึงกับชักว่าวไปด้วยอย่างไม่มีอาย แต่เพราะมันชักแบบนี้มาตั้งแต่วิเวียนเย็ดกับแวมไพร์ตัวแรก จนถึงตอนนี้แม้มันจะชักเท่าไหร่ น้ำเงี่ยนก็ไม่พอให้ไหลอีกแล้ว
“คุณวิเวียนเป็นอย่างไรบ้างครับ” เจ้าหน้าที่พูดผ่านไมโครโพนเข้าไปยังห้อง แต่วิเวียนในตอนนี้หมดแรงที่จะตอบ เธอจึงทำได้แค่ยกนิ้วโป้งเพื่อบอกว่าสบายดีเท่านั้น “งั้นผมจะปล่อยตัวต่อไปเข้าไปเดี้ยวนี้นะครับ” วิเวียนก็ยกนิ้วตอบกลับว่า OK
.
.
“พวกเจ้าทำบ้าอะไร !! หยุดเดี้ยวนี้”
.
.
แต่ไม่ทันที่เจ้าหน้าที่จะกดสวิทย์เพื่อปล่อยนักโทษตัวต่อไป เสียงตวาดดังลั่นก็ดังขึ้นเสียก่อน เล่นเอาเจ้าหน้าที่ชะงักนิ้วแทบไม่ทัน และเมื่อมันหันกลับไปที่ต้นเสียง มันก็พบว่าผู้ที่ตระโกนไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น ‘โบน’ รองสังฆราชสูงสุดฝ่ายขวา นี่เอง
“แต่ว่า ... นี่เป็นคำสั่งของท่านสังฆราชสูงสุดนะครับ” เจ้าหน้าที่คนนั้นรีบตอบละล่ำละลัก
“ว่าไงนะ !!” โบนตะโกนร้องอย่างไม่เชิ่อหู “เรื่องนั้นไว้ทีหลัง เจ้าเปิดประตูเดี้ยวนี้ ข้าจะไปพานางออกมา” แต่ไม่ว่าคำสั่งจะเป็นเช่นไร นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับเขาเลย เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด ก็คือต้องรีบพาวิเวียนออกมาเสียก่อน ขืนปล่อยไว้ มีหวังนางโดนเย็ดจนตายแน่ๆ
“ตะ ... แต่ว่า”
“จะเปิด ... หรือจะตายมันตรงนี้” เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ทำท่าลังเล โบนก็ไม่ร้องช้าบีบเข้าไปที่ลำคอมันแน่น แถมบวกคำขู่เข้าไปอีกประโยค เพียงเท่านี้ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ตื่นตกใจฉี่แทบแตก รีบเปิดประตูให้โบนแทบไม่ทัน
.
.
“คุณโบน !!”
.
.
วิเวียนร้องตกใจ อันที่จริงเธอก็สงสัยอยู่แล้วว่าทำไมพวกเจ้าหน้าที่ถึงช้านัก แต่มันก็ดีกับเธอไม่น้อยเพราะมันทำให้เธอได้มีโอกาสพักหายใจ จนตอนนี้เรี่ยวแรงเธอเริ่มกลับมาแล้ว แต่ขณะที่เธอกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆประตูฝั่งเจ้าหน้าที่ก็เปิดออก และเป็นโบนที่พรวดพราดเข้ามา
“วิเวียน เจ้าเป็นอย่างไงบ้าง” โบนพูดเสียงสั่นเครือ พร้อมกับหยิบผ้า มาเช็ดหน้าเช็ดตา ให้กับวิเวียนอย่างอ่อนโยน
“วิเวียนสบายดี” เธอรีบลุกขึ้นนั่งทันที
“ยังจะมาโกหกอีก ดูสิ!! เย็ดจนเหงื่อเต็มตัวหมดแล้ว พอๆเลิกๆ ไม่ต้องเย็ดแล้ว เจ้ามากับข้า” โบนร้องลั่นก่อนจะฉุดร่างของวิเวียนให้ลุกขึ้น แต่วิเวียนเสียอีก ที่เป็นฝ่ายดึงมือเอาไว้
“วิเวียนไปไม่ได้คุณโบน” เธอตอบกลับมา
“ทำไม !! อ้อ ..... เจ้ากลัวไอ้รอสมันใช่ไหม งั้นเจ้าไม่ต้องกลัว เดี้ยวเรื่องไอ้รอสน่ะ ข้าจะจัดการเอง !!”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณพ่อนะคะ เรื่องนี้วิเวียนสมัครใจทำเอง” คำตอบนี้ทำเอาโบนถึงกลับต้องหันมาด้วยความตกใจ
“ว่าไงนะ !!!” เพราะคำตอบนี้ไม่ใช่คำตอบที่เขาคาดคิดมาก่อน “เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง !!”
“เพราะตอนนี้วิเวียนมีพลังมาน่าไม่พอ ถึงจะได้พลังของลินคอร์นมา แต่มันก็ยังไม่พออยู่ดี วิเวียนก็เลยขอคุณพ่อ ให้มาที่นี่ จะได้เย็ดกับพวกแวมไพร์ที่เราจับเป็นเฉลย เพื่อวิเวียนจะได้มีพลังมาน่าเพิ่มขึ้นไปอีก”
“เพื่อให้พอที่วิเวียนจะสามารถใช้ ‘เทวีพิราบขาว’ ได้ยังไงละค่ะ”
“เทวีพิราบขาว !!!” โบนตะโกนดังลั่น “เจ้าจะบ้าหรือไงวิเวียน นั่นเป็นเวทย์แสงเลเวล 12 เป็นเวทย์ที่สูงที่สุดเลยน่ะ”
“และอีกอย่าง ตัวเจ้าก็พึ่งใช้เวทย์เลเวล 9 ได้ อยู่ดีๆจะข้ามขั้นไปใช้เลเวล 12 เจ้าไม่รู้เหรอว่านั่นมันอันตรายมาก” โบนร้องตะโกนพร้อมกับทรุดตัวลงจับไหล่ของวิเวียนไว้ เพื่อที่เขาจะได้ มองลึกลงไปในดวงตาเธอ จะได้รู้ว่าซะทีว่าที่เธอพูดมันใช่เรื่องจริงหรือเปล่า
“วิเวียนรู้ว่ามันอันตราย แต่วิเวียนไม่มีทางเลือกนี่คะ” หญิงสาวรู้ดีว่าชายตรงหน้าห่วงใยเธอแค่ไหน เธอจึงดึงมือของเขาเอามากุมไว้เบาๆ
.
.
“ตอนนี้พวกแวมไพร์ได้ตัวร่างกำเนิดใหม่ของอาลูอาร์ดไปแล้ว วิเวียนเลยต้องเร่งเพื่อให้ใช้เวทย์บทนี้ให้ได้ เพราะถึงตอนนั้น ต่อให้พวกมันคืนชีพให้อาลูคาร์ดสำเร็จ วิเวียนก็จะใช้เวทย์นี้ สังหารเจ้าอาลูคาร์ดซะ!!”
.
.
“ว่าไงน่ะ !!!!!!!!!!” คำตอบนี้มันยิ่งกว่าคำตอบไหนๆ ไม่มีคำตอบใดที่จะทำให้โบนต้องตะโกนด้วยความตกใจได้เช่นนี้อีกแล้ว “เจ้าบอกว่า เจ้าจะฆ่าอาลูคาร์ดอย่างงั้นเหรอ”
“คะ ??” ส่วนวิเวียนเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน “ทำไมคุณโบนถึงตกใจล่ะ ก็นี่มันคือภารกิจของวิเวียนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
บ้าไปแล้ว บ้าแน่ๆ นี่มันคือเรื่องบ้าอะไรกัน อยู่ดีๆวิเวียนก็มาบอกว่าจะฆ่าอาลูคาร์ด และสายตาเธอก็ฟ้อง ว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่ๆ ฆ่าอาลูคาร์ด ฆ่านายอาร์ตเนี่ยน่ะ มันจะเป็นไปได้ไงกัน ก็เมื่อหลายวันก่อน เธอยังมากระซิบข้างหูกับเขาเลย ว่าเธอ รัก นายอาร์ต แล้วอยู่ๆ ทำไมเธอจึงเปลี่ยนไป
โบนสีหน้าเคร่งเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยวในชั่วพริบตา เพราะด้วยสติปัญญาระดับเขา แค่แว๊บเดียวเขาก็พอเข้าใจเรื่องทั้งหมด ........ ช่วงไม่กี่วันมานี้ ช่วงที่เขาพักฟื้น มีใครบางคนทำอะไรบางอย่างกับวิเวียน ใครบางคน ที่ทำเธอเปลี่ยนไป
และคนที่จะตอบเรื่องราวทั้งหมดได้นั้น ก็มีอยู่คนเดียว
“รอสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส !!”
.
.
.
เหนือขึ้นไป ที่ชั้นบนสุดของโบสถ์คาดินัลล์ ที่ห้องทำงานของสาธุคุณรอส ผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของเหล่าพรีส ที่ตอนนี้กำลังนั่งประชุมอย่างเคร่งเครียด กับแองเจลล่า รองสังฆราชฝ่ายซ้าย และเหล่าพรีส ระดับเสนาธิการขึ้นไป
“ตอนนี้ราชาเมนเดสตอบรับเราแล้วค่ะ พระองค์ทรงอนุญาตให้ใช้นครเจนีวา เป็นสถานที่ประสำหรับประชุม 3 ฝ่าย” แองเจลล่ากำลังอ่านรายงาน ต่อที่ประชุม “และดูเหมือนว่า ทางฝ่ายวอร์ริเอร์ นายพลแลนด์ซาร์ต จะเป็นผู้เดินทางมาด้วยตนเอง
“ไอ้แก่เดนตายเอ๊ย” รอสสบถออกมาเบาๆ
“ส่วนกำลังพลของเรา ที่เราเรียกระดมไปเมื่อหลายวันก่อน ถึงตอนนี้เราสามารถรวบรวมได้ 70,000 คนแล้วครับ” หลังจากแองเจลล่ารายงานจบ พรีสอีกคนก็รีบรายงานทันที
“อันที่จริงเราสวรระดมพลให้ได้ 100,000 เลยด้วยซ้ำ ก็เพราะเรียกระดมพลได้แค่นี้นี่ไง เราถึงต้องขอกำลังพลจากพวกวอร์ริเอร์กับสมพันธ์ 9 นครมาเสริม” รอสเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“ดูท่า งานนี้พวกวอร์ริเอร์มันคงคิดจะหักหน้าเรา ด้วยการขอเป็นผู้นำศึกนี้แทนเราเป็นแน่” แองเจลล่าเอ่ยขึ้นกับที่ประชุม
.
.
“ปังงงงงงงงงงงงงงงงงง !!” เสียงกระแทก ของประตูห้องประชุมดังลั่น ก่อนที่เจ้าของผลงานจะกล่าวเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด “รอส !!”
“โบน” สาธุคุณรอสยิ้มขึ้นมานิดๆ ก่อนจะสั่งทุกคนที่อยู่ในห้องประชุม “การประชุมวันนี้จบลงแล้ว พวกเจ้าไปเตรียมเดินทางไปนครเจนีวาได้”
“แต่ท่านรอส” แองเจลล่าเอ่ยขึ้น เพราะดูจากท่าทีแล้ว คงไม่ดีแน่ถ้าปล่อยให้สาธุคุณรอสกับโบนอยู่กันตามลำพัง แต่กระนั้นสาธุคุณรอสก็ปฏิเสธ “ข้าจะจัดการเอง”
เมื่อสาธุคุณรอสยังยืนยันคำเดิม แองเจลล่าและเหล่าพรีสทั้งหมด ก็ทยอยออกจากห้องไป แค่อึดใจเดียว ห้องประชุมในตอนนี้ก็เงียบสงัด ทั้งห้องเหลือแค่คนอยู่เพียงสองคนเท่านั้น แต่ไม่นานนัก สาธุคุณรอสก็เป็นฝ่ายเอ่ยออกมาเป็นคนแรก “ข้าคิดแล้วว่าเจ้าต้องมา แต่ผิดคาดนะ เพราะข้าคิดว่าเจ้าจะมาเร็....”
“ตูมมมมมมมมมมมมมม !!” ไม่ทันที่สาธุคุณรอสจะพูดจบ โบนก็ฟาดแขนลงบนโต๊ะทำงานหินอ่อนของอีกฝ่ายทันที และด้วยการฟาดแค่ครั้งเดียว โต๊ะหินอ่อนที่แกะสลักอย่างงดงาม ก็แตกละเอียดกระจัดกระจาย ราวกับว่ามันเป็นแค่เศษอิฐเศษดินเท่านั้น
แต่ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะแค่ชั่วพริบตา โบนก็คว้าหมับเข้าที่ลำคอของรอส ก่อนที่เขาจะดันอีกฝ่ายด้วยความเร็วสูง เข้ากระแทกเข้ากับผนังที่อยู่ด้านหลังเต็มแรง
“มึงทำอะไรลงไป” โบนเค้นเสียงถามอย่างคลั่งแค้น
.
.
.
ย้อนกลับไป เมื่อ 4 วันก่อนหน้า
หลังจากที่เหล่าแวมไพร์ออกจากแซงจูรี่ย์ไปแล้ว หลายชั่วโมงถัดจากนั้น เหล่าพรีสที่ทราบข่าวต้องเร่งกลับเมืองแทบไม่ทัน แม้แต่สาธุคุณรอสที่กำลังประชุมสำคัญกับพระราชาต่างเมือง เขาก็ต้องยกเลิกการประชุมและรีบกลับมาในทันที และทันทีที่เขาก้าวมาถึง ภาพที่เขาเห็นตรงหน้า ก็ทำเขาเดือดดาดจนแทบคลั่ง
ภาพของเมือง ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองที่สวยงาม เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่ล้ำค่า แต่บัดนี้สิ่งเหล่านั้นไม่มีหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว สิ่งที่มีในตอนนี้ มันเหลือเพียงแค่ซากปรักพักพังไปทุกหย่อมหญ้า จนเขาคิดไม่ออกเลยว่า ต้องใช้เวลานานเท่าใด จึงจะสามารถ