“แล้วแบบนี้ไม่กลัวน้องแนนกับน้องเจนหาว่าพี่บีไม่ได้รับเท่ากันทุกคนอย่างที่พูดหรอค่ะ” ก้อยมองดูแหวนที่นิ้วนางมือซ้ายพร้อมกับยิ้ม
ผมเอื้อมมือไปจับมือซ้ายก้อนแล้วลูบแหวนบนนิ้วเธอ
“พี่ก็ซื้อให้แนนกับเจนแล้วเหมือนกัน แต่พี่ยังไม่มีโอกาสที่จะให้”
ก้อยหันหน้ากลับมามองหน้าผม
“เจนอาจจะยังไม่มีโอกาสให้ แต่แนนอยู่ด้วยกันทุกวันทำไมถึงมาให้ก้อยก่อนหละค่ะ”
“ไอ้ตัวเล็กหนะหรอ ให้ไปก็คงไม่ยอมใส่หรอก เค้าอยู่นอกบ้านทำตัวแมนจะตาย”
ก้อยหัวเราะ “ถ้าเค้าไม่ยอมใส่ที่นิ้วก็หาที่อื่นให้เค้าใส่ซิค่ะ”
“ไม่ใส่ที่นิ้วแล้วจะให้ใส่ที่ไหนหละ ก้อยพูดแปลกจัง”
“แหมแค่นี้ก็ไม่รู้ ก็หาสร้อยมาใส่แหวนแล้วให้แนนเค้าห้อยคอไว้ซิค่ะ แบบนั้นแนนคงยอมแหละ”
“นั่นซินะ แบบนั้นไอ้ตัวเล็กคงไม่โวยวายนะ แต่แบบนี้กจะกลายเป็นแนนได้เยอะกว่าคนอื่นหรือเปล่า ทั้งสร้อยทั้งแหวนเลย”
“ไม่หรอกค่ะ ก้อยไม่คิดอะไรหรอก เจนก็คงเหมือนกันค่ะ”
ผมหอมแก้มก้อยไปหนึ่งฟอด “เมียพี่คนนี้ทั้งฉลาดทั้งใจกว้างเลยนะ”
“ไม่ต้องมาชมเลย อุ้ยสามโมงแล้ว ก้อยต้องกลับไปทำงานแล้ว”
ก้อยพยายามจะลุกขึ้นแต่ผมก็กอดไว้ไม่ยอมปล่อย
“ก้อยสายแล้วนะพี่บี ปล่อยก้อยเถอะ”
“ยังไม่หายคิดถึงเลย จะไปแล้วหรอ”
“พอแล้วหละค่ะ เอาไว้ก้อยไปค้างที่ห้องอีกทีนะ”
“โหพี่ยังไม่หายคิดถึงก้อยเลย อ้อพี่นึกได้แล้วพี่ลืมบอกก้อยไปเรื่องนึง”
“จะหลอกให้ก้อยอยู่ต่อใช่ไหมเนี่ย”
“พี่ไม่ได้หลอกก้อยนะ พี่มีเรื่องจะต้องบอกก้อยจริงๆ”
“ถ้าไม่สำคัญจริง ก้อยกลับแล้วนะค่ะ”
“สำคัญจริงๆ คือ คุณอำนาจมาขอหงส์ให้กับคุณรุช”
ผมเล่ารายละเอียดให้ก้อยฟัง
“และพี่บีว่าไงค่ะ”
“ก้อยจะให้พี่ว่ายังไงหละ มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ”
“เอาจริงๆ ซิค่ะ สิ่งที่พี่บีรู้สึกจริงๆ สิ่งที่ในใจพี่บีกำลังคิดอยู่”
“ไม่มีอะไรนี่ พี่ไม่ได้คิดอะไร เออก้อยจะรีบกลับไปทำงานไม่ใช่หรอ เราไปอาบน้ำกันเถอะ”
“พี่บี”
ผมลุกขึ้น มันเป็นสิ่งที่ผมทำไปโดยไม่รู้สึกตัว ก้อยลุกขึ้นตามผมเข้าไปในห้องน้ำ ตามปรกติผมคงไม่ทำแค่อาบน้ำแน่ๆ ถ้าอยู่กับก้อยสองคนแบบนี้ ครั้งนี้ผมกลับอาบน้ำให้ก้อยและกลับออกมาจากห้องน้ำโดนไม่ได้ทำอะไรก้อยเลย หลังจากแต่งตัวเสร็จผมก็จูงก้อยออกจากห้องและพาเธอไปยังที่จอดรถ ผมส่งก้อยขึ้นรถและรอให้เธอขึ้นไปนั่งบนรถ
“ให้ก้อยไปที่ห้องไหมค่ะ เย็นนี้”
“ไม่เป็นไรจ๊ะเอาไว้ก้อยค่อยมาวันศุกร์แล้วกันนะ วันนี้พี่จะรีบรับหงส์ พรุ่งนี้หงส์จะต้องกลับบ้านแล้ว วันนี้พี่ไม่อยากให้หงส์ต้องรอให้แนนไปรับแทนหรือว่ากลับไปเอง”
“ค่ะ แต่จะดีกว่านี้นะถ้าพี่บีจะยอมรับความจริงว่าพี่คิดยังไงกับน้องหงส์”
“เออ พี่ไปก่อนนะสายแล้วเดี๋ยวจะไปไม่ทันห้าโมงเย็น”
ผมเดินหนีก้อยออกมา ทำไมกันนะทำไมพอก้อยพูดเรื่องหงส์ผมจะต้องหนีด้วย แต่ก้อยก็ไม่ได้โกรธผม เธอขับรถมาขนาบข้างผมแล้วเปิดกระจกมาโบกมือลาก่อนจะขับรถออกไป ผมกลับไปที่รถและขับกลับไปที่บริษัท โดยที่ในหัวผมว่างเปล่า พอกลับไปถึงออฟฟิตผมก็พบว่าหงส์กำลังเหมือนรอผมอยู่ แวบแรกดูเหมือนเธอกำลังจะร้องไห้ แต่เพียงแวบเดียวเธอก็มีรอยยิ้มขึ้นบนหน้า
“รอพี่เก็บของแป๊บนะ แล้วเรากลับบ้านกัน”
“ค่ะ” หงส์ตอบรับพร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
พอผมเก็บของเสร็จก็ได้เวลาเลิกงานพอดี พอผมกลับออกมาจากห้องทำงานหงส์ก็รีบลุกเดินตามมา คุณรุชไม่อยู่และผมก็รู้สึกไม่อยากถามถึงเขาเหมือนกัน ผมกับหงส์เลยเดินกันไปที่จอดรถโดยไม่ได้พูดอะไรกัน แต่พอขึ้นไปบนรถ ผมก็ถามหงส์ว่าวันนี้อยากกินอะไรพิเศษไหมเพราะพรุ่งนี้เธอก็จะกลับไปบ้านหลายวัน น่าจะเลี้ยงส่งกันซักหน่อย
“หงส์ขอทำกับข้าวให้ทานกันได้ไหมค่ะ”
“เอางั้นหรอ ก็ได้นะ ดีเหมือนกัน หงส์จะไม่อยู่หลายวัน พี่คงต้องซื้อกับข้าวถุงกิน ไม่ก็ต้องกินฝีมือแนนแทน คิดแล้วสยอง”
หงส์หัวเราะ
ผมพาหงส์แวะซื้อของที่จะไปทำกับข้าวเย็นนี้ และผมก็ถือโอกาสซื้อพวกอาหารกล่องแช่แข็งเตรียมเอาไว้ด้วย เพราะผมคงมีโอกาสได้ใช้มันแน่ในระหว่างที่หงส์ไม่อยู่ ในซุปเปอร์มาเก็ต ผมเป็นคนเข็นรถตามหงส์ที่เดินนำเพื่อเลือกซื้อชอง ในสายตาคนอื่นคงคิดว่าผมกับหงส์เป็นแฟนกัน และผมก็คิดว่าหงส์เองก็คงกำลังคิดแบบนั้น ถึงจะรู้ว่าไม่ควรให้หงส์คิดแบบนี้ แต่วันนี้ผมกลับไม่กล้าที่จะทำอะไรที่จะทำให้ใบหน้าของหงส์ที่กำลังมีความสุขอยู่ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น
“วันนี้จะทำอะไรให้ไอ้ตัวเล็กกิน เดี๋ยวไม่มีของถูกใจจะงองแงอีกนะ”
“อืมของแนนก็มี แกงอ่อมหมู ลาบหมู แล้วหงส์ว่าจะซื้อข้าวเหนียวให้แนนด้วยค่ะ”
“โหเอาใจกันจัง นี่ตกลงว่าที่อยากอยู่ห้องพี่ เพราะแนนจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”
หงส์หัวเราะที่ผมแซว หลังจากซื้อของเสร็จ ผมกับหงส์ก็พากันกลับไปที่ห้อง แนนกับฟางกลับมาจากมหาลัยกันแล้ว พอเห็นหงส์กลับมาแนนก็ถามถึงข้าวเย็น พอแนนรู้ว่าจะได้กินของชอบเธอก็ดีใจกระโดดโลดเต้น แล้วหลังจากนั้นแนนก็วนเวียนอยู่ในครัวเหมือนจะรอให้ถึงเวลาทานข้าวเย็นไม่ไหว
นี่ผมยังไม่ได้บอกแนนเรื่องหงส์เลย ถ้าแนนรู้คงจะโวยวายแล้วงอนผมอีกแน่ๆ
“น่ากินจัง” แนนมองอาหารที่ชอบพร้อมกับรอยยิ้ม
แต่ผมก็แอบเห็นว่าแวบนึงเธอทำหน้าเศร้าเหมือนกำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่ แต่แนนก็กลับมาร่าเริงตามปรกติจนทำให้หงส์กับฟางที่นั่งอยู่ด้วยไม่ทันสังเกตเห็น หลังจากทานข้าวเย็นกันเสร็จแนนก็ขอให้หงส์ทำอาหารที่เธอชอบให้ทานอีก แต่ผมก็เผลอขัดคอเธอเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ แต่ครั้งนี้ผมดันลืมไปว่าผมเผลอพูดในเรื่องที่ไม่อยากบอกแนนออกไปแล้ว
“พี่หงส์ พรุ่งนี้ทำของอร่อยๆ ให้กินอีกนะ”
หงส์ไม่ตอบได้แต่ยิ้ม
“ไม่ได้” ผมรีบขัดคอแนนโดยไม่ได้ทันคิดว่ากำลังจะเปิดเผยความลับ
“ทำไม” แนนหันหน้ามาส่งเสียงดังใส่ผม
“เออ....” ผมเริ่มคิดได้ว่าผมทำพลาดซะแล้ว
“พี่จะกลับไปบ้านค่ะ น้องแนน เอาไว้พี่กลับมาพี่จะทำของที่แนนชอบให้ทานอีกนะ”
“ทำไมอะ แล้วทำไมต้องรีบกลับพรุ่งนี้ด้วย กลับวันหยุดไม่ได้หรอ”
“ก็พี่เค้ามีธุระหนะซิ เค้าถึงต้องรีบไป”
“พี่หงส์มีธุระด่วนอะไร”
ผมหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว แล้วผมจะตอบแนนยังไงดีหละเนี่ย
“พี่จะกลับไปหาแม่หนะจ๊ะ”
“หรอ อืมๆ” แนนดูเหมือนจะยอมรับเหตผลของหงส์แต่ก็ทำหน้าเศร้า
หลังทานข้าวผมมานั่งดูโทรทัศน์ที่โซฟา ปล่อยให้สาวๆ ช่วยกันเก็บโต๊ะและล้างจานกันสามคน หลังจากนั้นแนนกับฟางก็มานั่งที่โซฟากับผมอยู่พักนึกก่อนจะพากันเข้าไปนอนในห้องนอน พอไม่มีใครหงส์ก็เดินมายืนที่ข้างๆ โซฟาแล้วมองผมเหมือนมีเรื่องอะไรที่จะพูด แต่หงส์ก็ยังคงอ้ำๆ อึ้งๆ
“ว่าไงมีอะไรหรอ นั่งซิ” ผมหันไปบอกหงส์ที่ยืนมองอยู่
“ค่ะ” หงส์นั่งลงข้างๆ ผม
“เก็บเสื้อผ้าแล้วหรอ”
“พรุ่งนี้หงส์ค่อยเก็บค่ะ รถหงส์ออกบ่ายสองโมง”
“งั้นหรอ งั้นพรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ หรือว่ามีคนไปส่งแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ ไม่มีใครไปส่งหงส์หรอกค่ะ”
“อืมดีเหมือนกัน อ้อไหนๆ ก็กลับบ้านแล้วถึงว่าไปพักด้วยก็ได้นะ ไม่ต้องรีบกลับอยู่บ้านให้หายคิดถึงก่อนก็ได้พี่ไม่ว่าอะไรหรอก”
“ค่ะ”
แล้วหงส์ก็นั่งเงียบจนผมต้องถามเธอว่าเธออยากจะคุยอะไรกับผม
“อ้าวนั่งเงียบเลย จะคุยอะไรกับพี่ไม่ใช่หรอ”
“ค่ะ”
“ก็พูดซิ”
“พี่บีค่ะ พี่บีไม่อยากให้หงส์อยู่ด้วยหรอค่ะ”
“หือ ทำไมคิดแบบนั้นหละ ดีซะอีกนะที่หงส์อยู่ด้วย พี่ไม่ต้องทะเลาะกับไอ้ตัวเล็กเรื่องกินเรื่องกับบ้านดึก มีหงส์อยู่ช่วยพี่ได้ตั้งหลายเรื่อง”
“แล้วทำไมพี่บีถึงอยากให้ออกไปอยู่กับคนอื่นหละค่ะ”
คำถามหงส์ทำเอาผมอึ้งไปพักนึง แต่ผมก็ต้องอธิบายเรื่องนี้ให้หงส์เข้าใจ ผมโอบไหล่หงส์แล้วดึงมาซบที่ไหล่ผม
“หงส์อยากจะอยู่กับพี่นานแค่ไหนก็ได้ และที่พี่เห็นว่าหงส์น่าจะหมั่นกับคุณรุชก็เพราะพี่เห็นว่ามันน่าจะเป็นหนทางที่ดีกว่าการมาอยู่กับพี่โดยไม่มีอะไรแบบนี้”
“แล้วถ้าหงส์ไม่อยากไปหละค่ะ”
“พี่ห้ามหงส์ไม่ได้ แต่พี่อยากให้หงส์คิดถึงแม่ คิดถึงน้อง ถ้าหงส์อยู่แบบนี้ ถึงจะช่วยแม่ช่วยน้องได้ระดับนึง แต่ถ้าหงส์ได้แต่งกับคุณรุชหงส์จะทำให้แม่กับน้องหงส์ได้สบายมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้เยอะนะ แล้วเค้าก็เป็นคนมีหน้ามีตา แม่กับน้องหงส์ก็ไม่ต้องอายใครถ้าหงส์ตกลงปรงใจกับคุณรุช แต่กับพี่ถ้ามีคนรู้เค้าก็ต้องคิดว่าหงส์มาเป็นน้อยพี่ ถ้าแม่กับน้องหงส์รู้เค้าจะเสียใจแค่ไหนหงส์อยากให้เป็นแบบนั้นหรอ”
เหตผลผมทำเอาหงส์นิ่งไป
“พี่ไม่ได้บังคับหงส์ แต่พี่อยากให้หงส์คิดดูดีๆ ถ้ามันเป็นวิธีที่ทำให้ลำบาก พี่ไม่มีวันยอมให้หงส์ทำหรอก”
“หงส์เข้าใจแล้วค่ะ แต่หงส์มีเรื่องนึงอยากจะถามพี่บี”
“อยากถามอะไร ถามมาซิ”
หงส์เงยหน้าที่ซบไหล่ผมขึ้น ผมเองก็หันมามองใบหน้าของเธอ ตอนนี้นัยต์ตาหงส์เริ่มมีน้ำตาออกมา ผมรู้ทันทีว่าหงส์กำลังจะถามผมในสิ่งที่ถ้าผมตอบไม่ดี น้ำตาที่เอ่ออยู่นั้นจะไหลออกมาทันที
“พี่บีไม่รักหงส์เลยหรอค่ะ”
คำถามหงส์ทำเอาผมพูดไม่ออกจริงๆ แล้วคราวนี้ ยิ่งผมพูดไม่ออกน้ำตาหยดน้อยๆ ก็เริ่มไหลออกจากสองตาของหงส์
“แอะแฮ่ม” แนนส่งเสียงขัดจังหวะผมกับหงส์
หงส์รีบเช็ดน้ำตาและขยับออกห่างจากผม
“พี่หงส์ไปนอนกันเถอะ” แนนพูดพร้อมทั้งเดินมาจับข้อมือหงส์แล้วดึงให้ลุกขึ้นจากโซฟา
ถ้าเป็นตอนอื่นผมไม่ยอมให้แนนมาดึงหงส์ไปง่ายๆ แบบนี้ แต่วันนี้เหมือนแนนเป็นฝ่ายช่วยให้ผมรอดจากคำถามที่ผมไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง ผมรักหงส์นะ แต่ถ้าบอกว่ารักแล้วเธอถามว่าทำไมผมถึงให้เธออยู่ด้วยไม่ได้ ผมจะตอบเธอยังไงดี
คืนนี้ผมเลยนอนที่โซฟาเพราะผมไม่อยากเข้าไปในห้องนอน ผมกลัวว่าหงส์ยังคงไม่หลับและรอคำตอบจากผมอยู่ ตอนเช้าตื่นมาอาบน้ำแต่ไม่ใส่ชุดทำงานเพราะจะรอไปส่งหงส์ที่รถทัวร์ก่อน ผมเจอแนนไม่ใส่ชุดนักศึกษาผมเลยแปลกใจ
“ไม่มีเรียนหรอวันนี้”
แนนหันมามองผมพร้อมทำหน้างอก่อนจะตอบ
“มี”
“อ้าว เรียนรอบบ่ายหรอถึงยังไม่แต่งตัว”
“รอบเช้าก็มี”
“อ้าวมีเรียนแล้วทำไมยังไม่แต่งตัวอีกหละเดี๋ยวก็สายหรอก”
“ไม่ไป จะไปส่งพี่หงส์ก่อน”
“ไม่ต้องเลย แล้วฟางหละมีเรียนหรือเปล่า” ผมหันไปหาฟางที่ใส่ชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว
“มีค่ะ”
“นี่ไง ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย แล้วพาฟางเค้าไปส่งด้วย”
“ก็”
“ไม่ต้องก็รีบๆ เลย ขี้เกรียจแบบนี้กะจะ 8 ปีจบใช่ไหม”
“ไปก็ได้ เบื่อ ไปเรียนกันดีกว่าเนอะฟาง”
ฟางมานั่งข้างๆ ผม
“เป็นไงอยู่นี่เบื่อไหม พี่แนนนำเล่นทั้งวันเลยซิ”
“ไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่พูดถึงเรื่องมาอยู่นี่ ฟางมาอยู่หลายวันแล้ว วันนี้ฟางขอกลับไปห้องนะค่ะ”
“อ้าวทำไมหรอ สรุปว่าเบื่อหรือไม่เบื่อถึงได้อยากกลับห้องตัวเองแล้ว”
“ไม่ได้เบื่อหรอกค่ะ แต่ฟางจะกลับไปทำความสะอาดห้องไม่ได้ทำนานแล้ว เอออีกอย่างฟางกำลังจะสอบด้วย อยู่ที่นี่ฟางเออ........”
“ไม่ได้อ่านหนังสือหละซิ อืมพี่เข้าใจนะกลับไปห้องเถอะ แล้วค่อยมาใหม่ช่วงที่ไม่มีสอบแล้วกัน เออแล้วนี่บอกไอ้ตัวเล็กหรือยังหละ”
“ยังค่ะ”
“อ้าว ถึงว่าไม่โวยวาย นี่ถ้ารู้นะมีหวังโวยแน่เลย พี่หงส์ก็ไม่อยู่ฟางก็จะกลับห้อง”
“แบบนั้นฟางยังไม่กลับก็ได้ค่ะ” ฟางทำหน้าเหมือนกลัวๆ
“ไม่ต้องสนใจหรอก เรากลับไปอ่านหนังสือเถอะ อยู่นี่ก็เดี๋ยวแนนกวน ไม่มีแนนก็พี่กวน ไม่มีเวลาอ่านหนังสือหรอก”
“ค่ะ”
แนนแต่งตัวเสร็จเดินกลับมาหาฟางพอดี
“ไปกันเถอะฟาง” แนนบอกฟางเสร็จก็หันหน้ามาแล๊ปลิ้นใส่ผม
หลังจากทานข้าวเช้ากันเสร็จและสองสาวไปเรียนกันแล้ว หงส์ก็เริ่มเก็บเสื้อผ้า ทีแรกผมคิดว่าหงส์จะรีบมาขอคำตอบที่ถามผมเมื่อคืนซะอีก แต่หงส์กลับหายไปเก็บเสื้อผ้าอยู่ในห้องนอน ผมนั่งรออยู่นานก็เริ่มทนไม่ไหวเพราะคิดว่าหงส์คงกำลังนั่งร้องไห้แน่ๆ
ผมเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ก็เห็นหงส์รีบเอามือปาดน้ำตาที่แก้มก่อนจะหันหน้าหลบผม ผมรีบเข้าไปนั่งข้างแล้วกอดหงส์ไว้
“จะร้องไห้ทำไม หงส์ไม่อยากกลับบ้านหรอ”
หงส์ไม่ตอบได้แต่ก้มหน้าร้องไห้
“หยุดร้องไห้ซิ หงส์จะร้องไห้ทำไม ถ้าหงส์ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปนะ พี่บอกแล้วไงว่าพี่จะไม่บังคับหงส์”
หงส์หยุดสะอื้นแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองตาผม
“พี่บี พี่บีรักหงส์หรือเปล่าค่ะ”
หงส์ถามคำถามที่ผมไม่ได้ตอบเธอเมื่อคืนอีกครั้ง คราวนี้ผมคงไม่มีตัวช่วยอย่างแนนแล้ว และผมจะโกหกไม่ได้ มีแต่ความรู้สึกจริงๆ เท่านั้นที่จะทำให้เธอเข้าใจ
“พี่รักหงส์ซิ ทำไมหงส์ถึงคิดว่าพี่ไม่รักหงส์หละ ทุกอย่างที่พี่เลือกให้หงส์พี่เลือกเพราะพี่รักหงส์นะ”
ผมได้แต่ลุ้นว่าหงส์จะพูดกลับมาว่ายังไง แล้วผมจะให้คำตอบที่เธอเข้าใจได้หรือเปล่า แต่หงส์กลับไม่ถามอะไรอีกเธอเช็ดน้ำตาแล้วก็เก็บเสื้อผ้าต่อ ผมก้มไปหอมแก้มเธอ ทีแรกหงส์ก็ทำเป็นไม่สนใจแต่พอผมหอมมากๆ เข้าหงส์ก็แก้มแดง
“อย่าค่ะ”
“ทำไมหละ หรือว่าหงส์จะเก็บไว้ให้เออ...” ผมหมายถึงคุณรุช
“ไม่ใช่ค่ะ แต่คือหงส์ไม่สะดวก เอาไว้หงส์กลับมาก่อนนะค่ะ”
ผมเข้าใจว่าหงส์คงกำลังมีประจำเดือน เลยให้ผมทำอะไรไม่ได้
“แหมแค่กอดแค่หอมก็ได้นี่ เอาไว้กลับมาก่อนก็ได้”
ผมก็นั่งกอดหงส์ไปแกล้งเธอไปจนหงส์แทบไม่มีสมาธิเก็บของพอเก็บของเสร็จผมก็ชวนหงส์ไปเดินซื้อของไปฝากแม่กับน้องที่บ้าน หงส์ตกลงพอเก็บกระเป๋าเสร็จผมก็พาหงส์ออกไปข้างนอก
“แล้วพี่บีจะพาหงส์ไปซื้อของฝากที่ไหนค่ะ กรุงเทพมีของฝากด้วยหรอค่ะ”
“โถเอ่ย ที่ห้างไง มีของทุกภาคแหละ แม่กับน้องหงส์ชอบกินอะไร มีหมดนะพี่ว่า”
“ค่ะ”
ผมพาหงส์ไปซื้อของฝากแม่กับน้องเธอซะถุงใหญ่ ดีที่เธอไม่ได้ขนเสื้อผ้าไปเยอะเลยมีแค่กระเป๋าเดินทางใบเดียวบวกกับถุงของฝากที่ผมซื้อให้ หลังจากซื้อของเสร็จเราก็ทานข้าวเที่ยงกันก่อนที่จะไปยังสถานีขนส่ง ผมไปนั่งรถส่งหงส์จนกระทั้งถึงเวลาที่รถออก พอรู้ตัวว่ากำลังจะต้องไม่เจอผมหลายวันหงส์ก็เริ่มทำท่าจะร้องไห้แล้วโผเข้ามากอดผม ผมปลอบหงส์จนเธอหยุดร้องไห้ แล้วส่งเธอขึ้นรถ
พอรถที่หงส์นั่งเคลื่อนออกไป ผมก็เริ่มใจหายเหมือนกัน ผมมองหงส์ที่พยายามจะหันหน้ามามองผมจนกระทั้งรถขับออกไปจนพ้นสายตา ผมรู้สึกไม่อยากกลับเข้าไปทำงานเลยโทรไปลากับพี่คม หลังจากนั้นผมก็ไปหาร้านกาแฟนั่งในห้างแห่งนึง ระหว่างนั้นมีเด็กสาวๆ น่ารักๆ หลายคนเดินผ่านไปผ่านมา บางคนเห็นผมก็ส่งสายตาหวานให้ แต่ผมกลับเห็นแล้วทำเป็นมองไปทางอื่น ผมไม่มีอารมณ์จะสนใจจริงๆ เลยตอนนี้ แต่แล้วก้อยก็โทรมาหาผมทำให้ผมค่อยรู้สึกกลับมามีสติหน่อย
“อยู่ไหนค่ะเนี่ย ไม่กลับไปทำงานหรอ”
“พี่อยู่ห้างหนะเบื่อๆ เลยนั่งกินกาแฟคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยนะ”
“น้องหงส์ไปแล้วหรอค่ะ”
“อืมขึ้นรถไปตั้งแต่บ่ายสองแล้วหละ”
“วันนี้ให้ก้อยไปค้างไหมค่ะ ดูพี่บีน้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยสบายใจเลยนะ ตอนแนนก็มีน้องฟาง คงไม่ค่อยสนใจว่าพี่เท่าไหร่ให้ก้อยไปคุยเป็นเพื่อนไหมค่ะ”
“ก็ดีนะ แล้วฟางเค้าก็กลับบ้านเหมือนกัน วันนี้ไอ้ตัวเล็กต้องเล่นงานพี่อีกแน่ๆ ว่าทำให้ไม่มีเพื่อน ก้อยมาก็ดีพี่จะได้ไม่ต้องปวดหัว”
“อ้าวน้องฟางกลับห้องหรอค่ะ งั้นก็ไม่ไปดีกว่า”
“อ้าวทำไมหละก้อย ก้อยไม่สงสารพี่หรอ ไม่มีใครอยู่แบบนี้ แนนต้องบอกว่าเป็นเพราะพี่แล้วเล่นงานพี่แน่ๆ”
“แหมแนนเค้าก็ทำเป็นโวยวายไปงั้นแหละค่ะ เค้าคงอายนะก้อยคิดว่า”
“ไอ้ตัวเล็กนะอาย”
“ก็แนนเค้าอายไงค่ะ อยู่กับพี่บีสองคนเค้าอายที่จะต้องทำตัวหวานๆ ด้วย”
“อืม คงงั้นเนอะ แต่ก้อยจะมาวันนี้จริงๆ หรอ”
“ไม่แล้วหละค่ะ วันนี้พี่บีก็ถือโอกาสให้แหวนแนนเลยซิค่ะ อยู่กันสองคนแล้ว แนนเค้าจะได้รับแบบไม่ต้องกลัวว่าจะอายคนอื่น”
“ไอ้ตัวเล็กจะเอาหรอ”
“แหมผู้หญิงหนะของสวยๆ ก็ชอบเหมือนกันหมดแหละค่ะ แล้วเป็นของจากคนที่เรารักด้วย พี่บีอยู่ห้างใช่ไหมค่ะ”
“อืมใช่ทำไมหรอ ก้อยจะให้พี่ซื้ออะไรให้หรอ”
“ไมใช่สำหรับก้อยค่ะ แต่สำหรับแนน พี่บีซื้อสร้อยซะเลยซิค่ะ แล้วคืนนี้ก็ให้แนนซะเลย”
“เอางั้นหรอ จะดีหรอไมใช่ไอ้ตัวเล็กยิ่งงอนพี่หนักนะ”
“ไม่หรอกค่ะ ก้อยต้องทำงานแล้วนะค่ะ พี่บีอย่าลืมซื้อสร้อยแล้วอย่าลืมให้แหวนแนนด้วยหละ วันนี้ก้อยไม่ไปแล้ว ปล่อยให้สวีทกันสองคนบ้าง นานๆ จะมีโอกาสซักที”
“คงไม่มั้ง”
“ก้อยไม่คุยแล้วนะบายค่ะแล้วพรุ่งนี้ก้อยไปค้างนะค่ะ บาย”
“ก้อย ก้อย”
ก้อยวางสาย ส่วนผมก็คิดว่าได้เวลาลุกหลังจากนั้นแช่อยู่ในร้านนานพอสมควร สิ่งแรกที่ผมทำคือเดินหาร้านทองหรือร้านขายเรื่องประดับตามที่ก้อยบอก แล้วผมก็เจอร้านขายสร้อยทองร้านนึง ผมบอกคนขายว่าผมต้องการสร้อยสำหรับไว้คล้องแหวน พนักงานขายแนะนำให้ผมซื้อสร้อยเส้นเล็กๆ เส้นนึง โดยอธิบายว่าสำหรับเด็กสาวน่าจะชอบสร้อยเส้นเล็กๆ มากกว่าสร้อยเส้นโต เพราะการใส่สร้อยเส้นโตๆ มีแต่คนแก่เท่านั้นที่ใส่
หลังจากได้สร้อยมาผมก็ไม่รู้จะไปไหนต่อเลยคิดว่ากลับห้องดีกว่า บางทีผมอาจจะนอนพักซักหน่อย ระหว่างทางเดินกลับไปที่จอดรถผมก็เห็นป้ายโฆษณาหนังหลายเรื่อง นี่ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงไปดูหนังฆ่าเวลาก่อนที่จะกลับห้องแล้ว แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอยากจะทำอะไรแบบนี้เลย
ผมกลับมาถึงห้อง แนนยังไม่กลับมา ผมหยิบขวดน้ำในตู้เย็นแล้วมานอนพิงหมอนที่โซฟาแล้วก็หลับไป ผมมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่มีเสียงคนเปิดประตูห้องเข้ามา แนนกลับมา แน่นอนว่ามาคนเดียวเพราะฟางคงกลับห้องไปแล้ว แนนเดินมาเห็นผมนอนอยู่ก็ทำหน้าเบ้ใส่ แนนเดินหายเข้าไปในห้องนอนก่อนจะกลับออกมาด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหมือนที่เธอชอบใส่เป็นประจำ
“เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้นหละ”
“ก็ฟางเค้ากลับห้องอะ พี่หงส์ก็ไม่อยู่ ต้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว”
“พี่ก็อยู่ทำไมพูดว่าอยู่คนเดียวหละ”
“อย่ามาพูดเลย ไม่ค่อยกลับบ้านชอบไปเที่ยวดึกๆ”
“ใครกลับดึก นี่พี่มาถึงห้องก่อนแนนอีกนะ”
“เชอะก็แค่วันนี้ มีไรกินบ้างอะ”
“ดูในตู้เย็นซิ พี่ซื้ออาหารแช่เช็งไว้”
“หูยอาหารแช่แข็ง ไม่เอาอะ”
“ไม่ชอบก็ลงไปซื้อกับข้าวที่ตลาดซิ ถ้าไปพี่ฝากซื้อด้วยนะ”
“ไม่เอาอะ ไม่ยอมบอกก่อนไม่งั้นซื้อมาแล้ว ให้ออกไปตอนนี้ไม่กินดีกว่า”
“ก็ตามใจซิ”
แนนเดินป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ และผมรู้สึกว่าแอบได้ยินเสียงท้องเธอร้องแต่พอมองหน้าแนนก็รีบหันหน้าหนี แนนคงหิวแต่คงไม่อยากลงไปซื้อเพราะเธอใส่ขาสั้นกลัววัยรุ่นแถวนี้แซว ไม่ซิแนนคงไม่กลัวโดนแซวแต่คงรำคาญคนที่พยายามเข้ามาจีบเธอมากกว่า
“เบื่อหรองั้นไปดูหนังกันไหม แล้วกินข้าวกันข้างนอกด้วย”
“ไม่เอาไม่อยากดู แต่จะดูเรื่องอะไรหละ”
“อ้าวไหนว่าไม่อยากดูไง แล้วถามทำไมว่าเรื่องอะไร”
“เชอะ” แนนงอนที่โดนผมย้อนแล้วทำท่าจะเดินหนีไป
“เรื่องอะไรก็ได้เอารอบดึกๆ หน่อย ก่อนหน้านั้นก็กินข้าวกินไอติมรอ”
แนนหันมาทำปากเบ้ใส่ผมอีกรอบก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอน
ผมคิดว่าแนนคงงอนผมไม่ยอมไปแล้ว แต่ซักพักแนนก็กลับออกมาพร้อมกระเป๋าสะพานใบเล็กที่เธอชอบหิ้วเวลาไปเที่ยว แนนเดินมาหาผมทำหน้าเหมือนทำไมผมยังไม่ลุกเตรียมตัวพาเธอไปกินข้าวกินไอติมดูหนัง
“อ้าวเอากระเป๋ามาทำไม จะไปซื้อข้าวที่ตลาดหรอ ดีๆ พี่ฝากด้วยนะ” ผมแกล้งแหย่แนน
“คนบ้า” แนนเอากระเป๋าตีผม
ผมจับแขนแนนแล้วดึงตัวเธอมาเพื่อจะหอบ แนนรีบดิ้นพยายามปัดป้องขัดขืน
“อ้าวๆ แหมขอหอมก่อนแล้วจะพาไปตกลงไหม”
แนนทำหน้างอแต่ก็เอียงแก้มให้ผมหอม ผมถือโอกาสไซดไปตามซอกคอด้วยทำให้แนนเริ่มดิ้นและโวยวายอีกครั้ง ผมเลยต้องยอมปล่อยแขนเธอแล้วลุกขึ้นพาเธอไปกินข้าวดูหนังตามที่บอกเธอไว้
ผมปล่อยให้แนนเลือกหนังที่อยากดูเอง เพราะเข็ดกับการเลือกหนังให้เธอดูแล้วโดนเธอบ่นว่าไม่สนุก แต่แนนก็มักจะบ่นขำๆ แบบยัวให้ผมแกล้งเธอมากกว่า เราจองตั๋วรอบ 4 ทุ่มจากนั้นก็ไปหาข้าวทานกัน แนนดูไม่ค่อยสนใจที่จะกินข้าวเย็นแล้ว ตอนนี้เธอแทบอยากจะลากผมไปร้านไอติมเลยด้วยซ้ำ
แต่ผมก็พาแนนไปนั่งกินอาหารในร้านยำแฟนชายชื่อดังร้านนึง ซึ่งผมคิดว่าแนนน่าจะชอบมากกว่าร้านอาหารฝรั่งหรือญี่ปุ่นที่ผมอยากเข้าไปกิน ซึ่งมันก็ถูกต้องแนนสั่งอาหารที่เธอชอบมาซะเต็มโต๊ะโดยที่ผมไม่ต้องเลือกเมนูเลย ถึงจะไม่ใช่ร้านที่ผมรู้สึกอยากกินตอนนี้ แต่ผมก็ชอบอาหารรสชาติแซบๆ แบบนี้เหมือนกับแนน
ระหว่างทานอาหารผมก็มีโอกาสได้ถามแนนในหลายๆ เรื่องที่ปรกติถึงเราอยู่ด้วยกันผมก็ไม่ค่อยมีโอกาสถาม อย่างเช่นเรื่องเรียน เรื่องที่แนนพาฟางไปเล่นกันหมาที่บ้านคุณอำนาจ เรื่องที่เธอติดต่อกับเจน กลายเป็นว่าผมต้องถามแนนเรื่องเจนเพราะแนนติดต่อกับเจนจนเหมือนเจนเป็นแฟนเธอไม่ใช่แฟนผมด้วยซ้ำ
“แล้วเมื่อไหร่เจนเค้าจะกลับมาอีก ปิดเทอมเค้ามีไหมที่นั้นหนะ”
“มีแต่เค้าบอกว่าจะเรียนตอนปิดเทอมด้วย จะได้จบเร็วๆ”
“หรอ แล้วเค้าบอกไหมว่าจะว่างช่วงไหนพี่จะได้ส่งเราไปเยี่ยมเค้า”
แนนมองหน้าผมก่อนจะก้มหน้าพร้อมกับรอยยิ้มแปลก
“เค้าอยากให้คนอื่นไปหามากกว่าแนนมั้ง แต่คนๆ นั้นมันไม่ได้เรื่องดีแต่ทำอะไรไม่เป็นเรื่อง”
ผมรู้ว่าแนนว่าผมที่ไม่เคยสนใจจะติดต่อหรือ ถามไถ่เจนเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ซึ่งผมก็โกรธเธอเรื่องนี้ไม่ได้
“แล้วอยากจะไปพร้อมกับพี่หรือว่าไปคนเดียวหละ”
แนนมองหน้าผมก่อนจะตักหมูมะนาวมาใส่จาน
“ไปคนเดียวดีกว่า ให้ไปด้วยเดี๋ยวก็ไปเจ้าชู้อีก”
ผมรู้ว่าแนนไม่พอใจผมเรื่องนี้มาก ไม่ใช่เรื่องเจ้าชู้แต่เรื่องที่ไม่ค่อยดูแลเจนซักเท่าไหร่ ผมเลยต้องเปลี่ยนเรื่องคุย
“แนนคิดว่ายังไงถ้าพี่จะซื้อบ้าน”
“มีตังก็ซื้อซิ”
“ไม่ดีใจหรอ”
“ทำไมต้องดีใจด้วยหละ”
“อ้าวก็ซื้อบ้านก็มีที่ว่าง มีที่ว่างก็”
“เลี้ยงหมาได้” แนนต่อท้ายประโยคให้ผม
“อืมก็ใช่นะ ถ้าเรามีบ้าน แนนก็เลี้ยงหมาได้”
“ซื้อเมื่อไหร่อะ แล้วพี่ก้อยว่ายังไงบ้าง”
“พี่ยังไม่ได้บอกพี่ก้อยเลย พี่บอกแนนคนแรก”
แนนยิ้ม
“เลี้ยงหมาพันธุ์อะไรดีน่า”
“ก็ตามใจซิ พี่คงซื้อบ้านที่มีเนื้อที่เยอะหน่อยเพราะเราต้องอยู่กันหลายคนแค่ที่จอดรถก็คง 4-5 คันแล้ว แล้วพี่ก็กะว่าจะให้บ้านมีห้องอย่างน้อย 5 ห้องขึ้นไป แนนจะได้มีห้องส่วนตัวด้วยดีไหม”
“ก็ดี” แนนทำจมูกย่อนใส่ผม
ผมหัวเราะ
“อืม พี่บีๆ พี่บีจำหมาที่เห็นที่ญี่ปุ่นในงานแต่งงานเพื่อนพี่บีได้ไหม”
“อ้อจำได้ซิ อืม พี่เคยเห็นหมาแบบนี้ในหนังญี่ปุ่นบ่อยๆ”
“เอาตัวแบบนั้นดีไหม แนนว่ามันหน้าตาตลกดี จะฝรั่งก็ไม่ฝรั่ง จะเอเชียก็ไม่เชีย ดูมันครึ่งๆ ดี แล้วก็ดูตัวอ้วนน่ากอด”
“ก็เอาซิ แต่จะหายากหรือเปล่าไม่รู้นะเพราะมันไม่ใช่หมาพันธุ์ที่เค้านิยมเลี้ยงกันในไทย”
“ไม่รู้หละแนนเลือกแล้ว วันเสาร์นี้เราไปดูกันเลยนะ”
“อ้าวๆ บ้านยังไม่ซื้อเลยจะซื้อหมาแล้วหรอ”
แนนทำหน้างอใส่ผมอีกแล้ว
“ไปดูไว้ก่อนก็ได้นี่ เอาไว้มีบ้านจะได้ไม่ต้องไปหาอีก”
“ก็ได้ๆ ไปดูก็ได้ วันเสาร์นี้พี่ก้อยอยู่ด้วย เราไปเที่ยวกันสามคนบ้างก็ดี”
“เย้ อุ้ยใกล้หนังจะเข้าแล้ว กินติมดีกว่า”
แนนลุกขึ้นแล้วข้ามมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้นไปจ่ายเงินเพื่อที่จะได้มีเวลากินไอติมก่อนที่จะขึ้นไปดูหนัง ผมนั่งกินไอติมกับแนนจนกระทั้งใกล้เวลาหนังจะฉายแล้วจริงๆ ผมบอกแนนให้รีบขึ้นไปดูหนังกัน แนนบอกว่าอยากจะซื้อไอติมเอาไว้กินพรุ่งนี้ แต่ผมกับเธอต้องดูหนังกันอีกตั้งเกือบสองชั่วโมงมันคงละลายหมดก่อน แต่เพื่อไม่ให้แนนมางอนผมอีกพรุ่งนี้ผมเลยรับปากว่าจะแวะซื้อไอติมมาให้เธอก่อนกลับห้อง
แนนเข้ามากอดแขนผมระหว่างที่เราเดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปที่ชั้นโรงหนัง แต่พอไปถึงชั้นโรงหนังที่มีสาวๆ แต่งตัวนักศึกษาบ้าง แต่งตัวตามแฟนชั่นบ้างแนนก็ปล่อยแขนผมแล้วทำหูตาแพรวพราว แต่ก็มีหนุ่มจ้องกลับมาที่แนนหลายคนเพราะเรียวขาขาวๆ และหุ่นของเธอ พอแนนเริ่มรู้สึกว่ากำลังจะมีใครเข้ามาจีบแนนก็รีบกลับมากอดแขนผมอีก
“อ้าว ไม่จีบสาวแล้วหรอ”
แนนไม่ตอบได้แต่ยิ้มแหย่ๆ ผมเลยควงเธอเย้ยหนุ่มๆ ที่กำลังจ้องมาทางเธอ เราสองคนเข้าไปดูหนังกัน หลังจากหนังจบห้างก็ปิดแล้ว เราเดินตามฝูงชนไปจนถึงลานจอดรถ ผมแอบเอากล่องใส่แหวนที่เอาสร้อยที่ซื้อมาคล้องไว้แล้วออกมา แต่ก็ไม่กล้าที่จะให้แนน
แนนชวนผมไปเที่ยวต่อ ซึ่งที่จริงมันก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะเท่าที่ผมรู้ก่อนที่ผมกับเธอจะคบกันแนนน่าจะเที่ยวเก่งมาก่อนรวมถึงกินเหล้าและสูบบุรี่ แต่ตอนนี้เธอไม่เคยไปเที่ยวเลย เพราะทุกคืนเธอก็จะต้องรอผมกลับไปหา เรื่องเหล้าอาจจะเคยเห็นว่ามีกินบ้างเวลาผมพาพวกที่บริษัทไปเลี้ยง แต่เรื่องบุหรี่นี่หายไปเลย
“ไปซิ แต่ทำไมถึงอยากไปหละ ตั้งแต่มาอยู่กับพี่พี่ไม่เคยเห็นแนนขอไปเที่ยวกลางคืนเลยนะ”
“เมื่อก่อนที่ไปก็เพราะพิสต้าแหละ”
“แล้วตอนนี้ทำไมนึกอยากไปอีกหละ”
“ก็แค่เบื่อๆ หาอะไรทำ ทำไมชวนไปด้วยยังจะหึงอีกหรอ”
พอแนนบอกแบบนี้ผมก็ต้องเป็นฝ่ายยิ้มบ้าง ผมพาเธอไปเที่ยวตามที่เธอขอ เรากินเหล้ากันแต่ก็แค่สนุกๆ จากนั้นผมก็นั่งดูแนนเต้น แนนมาดึงผมออกไปเต้นเป็นเพื่อนบ้าง แต่พอเธอได้สาวๆ เต้นเป็นเพื่อนเธอก็เลิกมากวนใจผม ปล่อยให้ผมนั่งดูเธอเล่นสนุกในแบบของเธอ
ผมนั่งดูแนนกอดเอวสาวคนนั้นที หอมแก้มคนนี้ทีโดยที่สาวๆ ไม่ได้คิดอะไรพวกเธอคงคิดว่าแนนเมามากกว่าที่จะแต๊ะอั้งพวกเธอ เราอยู่กันจนผับปิด สาวๆ ชวนแนนไปเที่ยวด้วยต่อแต่เธอไม่ไปและกลับมาหาผม หลังจากนั้นผมก็พาเธอกลับบ้าน แนนที่กำลังเมานิดๆ ยังคงเต้นต่อในรถ
ผมไ