« เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2012, 02:57:06 am »
เจาะเวลาหาฉิมพลี(ภาคยุทธจักร) ตอนที่ 16 ระหว่างทาง
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
"ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น ?" ก๋วนเทียนเล้ง ฉายาเทพบุตรมังกรทอง เอ่ยถามขึ้นมา หลังได้ยินเสียงจอแจ"บ่าวจะออกไปดู" ก๋วนผู 1 ใน 2ผู้ติดตาม ที่มาลี่เจียงพร้อมกับก๋วนเทียนเล้งเอ่ยขึ้นแล้วค่อยๆออกจากห้องไป
ก๋วนผู และก๋วนซ่ง ถึงจะใช้คำแทนตัวว่าบ่าว แต่ที่จริงถือเป็นองครักษ์ที่มีฝีมือระดับสูง ของป้อมมังกรทองเลยทีเดียว มีชื่อเสียงในยุทธจักรไม่น้อย ปรกติจะคอยตามรับใช้ก๋วนเทียนหยู ประมุขป้อมมังกรทอง แต่ครั้งนี้ถูกมอบหมายให้มาเป็นองครักษ์ก๋วนเทียนเล้ง
"ส่งข่าวไปให้ท่านพ่อเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่?" ก๋วนเทียนเล้ง เอ่ยถามก๋วนซ่ง "ส่งพิราบสื่อสารไปตั้งแต่เมื่อวาน ตอนนี้ท่านประมุขน่าจะได้รับแล้ว" ก๋วนซ่งตอบ "มาลี่เจียงคราวนี้ ไม่คาดคิดว่าจะได้ข่าวของคัมภีร์ชะล้างไขกระดูก แถมยังยาเม็ดคืนวิญญานกับแพทย์ปีศาจอีก" ก๋วนเทียนเล้งพูด "ท่านประมุข อยากจะได้ตัวแพทย์ปีศาจมาทำงานให้กับป้อมของเรามานานแล้ว ความสามารถด้านการแพทย์ของต้วนอู่คังเรียกว่าเป็นหนึ่งไม่มีสองจริงๆ" ก๋วนซ่งกล่าวเสริม ทันใดนั้นทั้งก๋วนเทียนเล้งและก๋วนซ่งสบตากันวูบ เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนไม่น้อยกำลังวิ่งมาทางหน้าห้องพัก
"หลีกทาง !!!!" เสียงของทหารของลี่เจียง ตะโกนดังลั่น หลังตรวจค้นห้องพักในโรงเตี้ยมแห่งนี้มาจนทั่วจนมาถึงตึกส่วนตัวที่ก๋วนเทียนเล้งเหมาไว้ แต่พอจะเข้ามาก็เจอกับก๋วนผู ที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูนั่นเอง
"บังอาญ!!!" เสียงก๋วนผูตะโกนเสียงดังกว่า แล้วพูดต่อด้วยเสียงเหี้ยมเกรียมว่า "พวกเจ้ารู้รึเปล่าว่านี่เป็นที่พักของใคร" "ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องเปิดประตูให้พวกเราตรวจค้น" เสียงนายกองทหารคนแรกยังแหกปากเสียงดังแข่งบรรดาทหารอื่นๆอีก 10กว่าคน เริ่มเอามือกระชับอาวุธแน่น ทว่าก๋วนผูกลับไม่ได้สะทกสะท้าน แม้หางตายังไม่ถ่อมตัวลงมองกลับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหมือนชื่นชมต่อดวงจันทร์กลมโตที่กำลังส่องสว่าง
"ชะ ชะ ชะ เจ้านี่ รนหาที่ตายสะแล้ว ทหาร..!!!" เสียงนายกองตะโกนสั่งการลั่น แต่ไม่ทันจะสิ้นเสียง ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา "พวกเจ้าสิ รนหาที่ รีบเก็บอาวุธเดี๋ยวนี้" ร่างมาพร้อมเสียง หัวป้า หัวหน้ามือปราบของลี่เจียงปราดเข้ามาพร้อมรีบประสานมือคารวะ "องครักษ์ก๋วน ไม่ได้เจอกันนาน " หัวป้า หัวหน้ามือปราบของลี่เจียงมีอายุ40เศษๆ เท่าๆกับก๋วนผู ทว่าระดับฝีมือห่างกันลิบลับแต่ด้วยประสบการณ์ในการเป็นมือปราบมานาน ย่อมทราบดีว่า หากก๋วนผูมายืนเฝ้าหน้าประตูเช่นนี้ คนที่อยู่ด้านในย่อมต้องเป็นก๋วนเทียนเลี้ยง ประมุขน้อยแห่งป้อมมังกรทองแน่นอน
"เหอะ เหอะ มือปราบหัว ยังต้องการจะตรวจค้นห้องด้านในอีกหรือไม่" ก๋วนผู หันหน้ามาตอบหัวป้า แม้ว่าจะไม่แยแสกับฝีมือของหัวป้า แต่ถ้ามีเรื่องกับทหารของทางการก็จะต้องปวดหัวมิใช่น้อยเหมือนกัน "ไม่ตรวจ ไม่ตรวจ ย่อมไม่ต้องตรวจ ๆ" หัวป้ารีบตอบ แล้วพูดต่อ "ฝากองครักษ์ก๋วนคารวะประมุขน้อยแทนด้วย หัวป้าขออำลา"จากนั้นหันมาพยักหน้ากับเหล่าทหารแล้วกลับออกไป
"หัวหน้าหัว องครักษ์ก๋วน ที่ท่านเรียกนั่น หรือว่าจะเป็น...." นายกองเอ่ยถามหัวป้าหลังออกมาจากโรงเตี้ยม "มือโลหิต ก๋วนผู องครักษ์ป้อมมังกรทอง" หัวป้าตอบเสียงเรียบๆ แต่ทำเอาทั้งทหารและนายกองสะดุ้งเฮือกแค่คำป้อมมังกรทอง ก็เกินที่รับแล้ว นี่ยังเป็นระดับองครักษ์ ว่ากันว่าองครักษ์ทั้ง 5 ของป้องมังกรทองฝีมือด้อยกว่าระดับเจ้าสำนักใหญ่ไม่มาก อย่าว่าแต่คืนนี้จะพาทหารมาไม่ถึง 20 ถึงมากันเป็น 100 ก็ไม่รู้จะสะกิดอะไรก๋วนผูคนนี้ได้ แถมยังมีประมุขน้อยอะไรนั่นอีก - - ทำเอาพวกทหารตัวสั่นเหมือนไข้ขึ้นกันหมด นึกขอบคุณชะตาฟ้าดินที่คืนนี้ไปเดินป้วนเปี้ยนอยู่ขอบประตูยมโลก แล้วได้กลับมาอย่างมีชีวิต
...............................................................................................
"เป็นอย่างไรบ้าง" ก๋วนเทียนเล้งถามขึ้นหลังก๋วนผูกลับเข้ามาในห้อง "ทางการกำลังตรวจค้นตามบ้านและโรงเตี้ยม เหมือนกับว่าจะตามหาคน" ก๋วนผูรายงาน "ตรวจค้นแบบนี้ แสดงว่าต้องเป็นคนสำคัญสิเนี่ย.." ก๋วนเทียนเล้งมีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะถามขึ้นอีกว่า "ยังไม่ได้ข่าวของแพทย์ปีศาจเพิ่มเติมเลยเหรอ"
"ยังครับนายน้อย หายสาบสูญไป 3 วันแล้ว แต่เทียนซินไต้ซือเหมือนจะเข้าๆออกๆที่สำนักคุ้มกันตระกูลจางอยู่ "คราวนี้ก๋วนซ่งเป็นคนตอบ พอเอ่ยถึงสำนักคุ้มกันภัยตระกูลจาง ก๋วนเทียนเล้งก็อดนึกถึงจางซินถงไม่ได้ รูปร่างที่เปล่งปลั่งอวบอัด เต็มไปด้วยแรงดึงดูดผิวกายที่ขาวราวหิมะ ไม่ต้องพูดถึงใบหน้าที่งามราวเทพธิดา .....เห็นทีพรุ่งนี้หาเรื่องแวะไปเยี่ยมสำนักคุ้มกันภัยสักหน่อยให้หายคิดถึงท่าจะดี แต่อีกใจก็อดนึกถึงสะคราญลี่เจียงอีกคนไม่ได้ อ๋องไต้อี้นั่นก็สวยไปอีกแบบใบหน้าสะคราญสวยใสแบบไร้เดียงสา ดูซุกซนน่ารัก แต่ส่วนโค้งส่วนเว้ากลับไม่ธรรมดา ที่ควรนูนก็นูน ที่ควรเว้าก็เว้า ขาเรียวยาวสวยนั่น ถ้าได้ลูบไล้มันจะ.... ยิ่งคิดยิ่งเกิดความปรารถนา... หรือจะไปที่จวนเจ้าเมืองก่อนดี ประมุขน้อยแห่งป้อมมังกรทองชักลังเล
........................................................................................................
สิ่งที่ก๋วนเทียนเล้งคิดนั่น ตอนนี้มีคนกำลังทำแทนอยู่ - -
ยูอันแบกอ๋องไต้อี้เดินทางต่อ แน่นอนว่า ยังเก็บค่าจ้างนำส่ง ไปด้วยตลอดอดไม่ได้จริงๆที่จะลูบไล้ท่อนขาเรียวๆเต่งตึงของสาวสวย ทำเอาอ๋องไต้อี้ปั่นป่วนไปหมดทีแรกก็ทั้งโมโห ทั้งโกรษ แต่เนื่องจากขัดขืนอะไรไม่ได้ แถมยังสูดเอากลิ่นหงื่อของยูอันเข้าไปตลอดทางทำเอาความต้องการทางเพศถูกกระตุ้นขึ้นมาเป็นครั้งแรกในชีวิต ยิ่งโดนมือร้อนๆแข็งแรงๆลูบไล้ต้นขาของตัวเองตลอดทางแบบนี้ ยิ่งไปกันใหญ่ จากโมโหก็เริ่มไม่โมโหแล้ว ยิ่งตอนนี้รู้แล้วว่าคนที่กำลังพาตนเองไปส่งบ้านคือเด็กรับใช้รูปร่างน่ามองคนนั้นนี่เอง การที่ยูอันช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่งานเลี้ยงวันเกิดจางไท่ อ๋องไต้อี้เองก็ชื่นชมไม่น้อยไม่นึกว่าเด็กรับใช้ที่ไม่มีวรยุทธ จะสามารถทำในสิ่งที่ยอดฝีมือตั้งหลายคนไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย
"อุ๊ย !!" สาวสวยร้องในใจ เมื่อยูอันเริ่มเดินผ่านเข้าไปบริเวณน้ำตก จึงต้องก้าวขึ้นลง ตามโขดหินบ้างทำเอาส่วนหน้าท้องของอ๋องไต้อี้ถูกกระแทกกระทั้นกับหัวไหล่ของยูอันขึ้นๆลงๆ เลี่ยงไม่ได้ที่ส่วนเนินสาวของอ๋องไต้อี้จะได้รับการกระตุ้น ทำเอาสาวสวยร้องโอย โอย ในใจความรู้สึกเสียวที่เนินสาวบดเบียดกับหัวไหล่ ทำเอาสาวสวยปั่นป่วนไปหมด แรกๆก็ตกใจว่านี่มันคือความรู้สึกอะไรแต่พอหายตกใจ ก็เริ่มรู้จักกับความเสียวแล้ว บวกกับยูอันต้องกระชับมือจับต้นขาสาวสวยแน่นขึ้นช่วงที่ก้าวขึ้นๆลงๆทำเอาอ๋องไต้อี้ อายตัวเองขึ้นมา ที่ดันรู้สึกดีที่ต้นขาโดนบีบแน่นขึ้น แถมยังอยากให้ช่วงเดินผ่านน้ำตกนี่ มันยาวนานไปเรื่อยๆ
เหมือนเค้าว่า ยิ่งเราอยากให้เวลาผ่านไปช้าๆ มันก็จะตรงกันข้าม
ไม่ช้าก็เดินผ่านช่วงน้ำตก เข้าสู่ทางเดินเรียบๆ อ๋องไต้อี้ไม่แน่ใจว่าตัวเองโล่งอก หรืออยากให้เกิดการกระแทกกระทั้นแบบนั้นอีก .....................................................................................................
เดินอีกไม่เท่าไหร่ ยูอันเห็นแสงไฟแว๊บๆอยู่ข้างหน้า คล้ายๆกับนักเดินทางที่ก่อไฟแล้วพักแรมกลางป่า
ได้ยินเสียงคุยแว่วๆมาแต่ไกล น่าจะมีมากกว่า 1คน
ยูอันลดฝีเท้าลง แล้วค่อยๆเดินอ้อมๆไปทางด้นที่มีต้นไม้และหญ้าสูงขึ้นอยู่ เพราะไม่แน่ใจว่าจะเป็นนักเดินทางทั่วๆไป พรานป่า หรืออาจจะเป็นพวกโจรก็ได้ ยิ่งตัวเองแบกสาวสวยบนบ่าแบบนี้ด้วย คงยากจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ
เสียงพูดคุยดังขึ้นมาเล็กน้อย หลังเข้าใกล้จุดที่มีการก่อกองไฟ ยูอันยิ่งระมัดระวัง ไม่ให้เท้าไปเหยียบโดนกิ่งไม้แล้วหักส่งเสียงขึ้นมา อ๋องไต้อี้เองก็เริ่มได้ยินเสียงสนทนาแล้วเช่นกัน
"น้องสามดีขึ้นหรือไม่ ?" เสียงชายคนแรกถามไถ่ขึ้น ยูอันมองไม่เห็นหน้าเนื่องจากมีต้นไม้บังสายตาอยู่ "ถ้าจะให้หายดีคงต้องพักอีกสองสามวัน แต่หลังจากเดินลมปราณเมื่อครู่ ก็พอเดินเหินได้แล้วพี่ใหญ่"อีกเสียงหนึ่งตอบขึ้นมา "เทวราชทรงพลังก็เกินไป ตามท้าประลองกับน้องรองและน้องสามอยู่นั่น " เสียงชายคนแรกพูดขึ้นมายูอันได้ยินถึงกับสะดุ้งเฮือก เพราะรู้แล้วว่า มาเจอกับใครเข้า
ที่แท้สองคนที่กำลังสนทนากันอยู่ไม่ใช่ใครที่ไหน มารกระบี่กับมารหัตถ์มรณะ ในสามมารคีเลี้ยงนั่นเองซึ่งสามสี่วันนี้ ถูกเทวราชจอมพลังตามมาท้าประลองอยู่ไม่ขาด สู้ๆหนีๆมาหลายวัน ทำเอาสะบักสะบอมไม่น้อยมารกระบี่เองก็ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บที่ประลองกับเทียนซินไต้ซือ และยังมีเทวราชร้อยพิษมายืนคุมอีกทำให้ได้แต่ยืนมองน้องร่วมสาบานทั้งสองปะทะกับเทวราชทรงพลัง
สู้พลางหลบหนีพลาง พอดีกับชำนาญพื้นที่แถบบึงมังกรดำนี่มากกว่า จึงสลัดพ้นการติดตามของเทวราชทรงพลังมาได้ "เป็นห่วงแต่พี่รอง ไม่รู้จะสลัดหลุดสองเทวราชมาได้หรือไม่" มารหัตถ์มรณะหมายถึงมารเหินหาว ที่ล่อสองเทวราชไปอีกทาง ตอนนี้อ๋องไต้อี้ก็ทราบแล้วว่ายูอันแบกตัวเองมาเจอเอาพวกสามมารคีเลี้ยงเข้า
"น้องรองมีวิชาตัวเบาเป็นเลิศ ถ้าเจตนาจะหลบหนียากที่ใครจะตามทัน ต่อให้สองเทวราชก็เถอะ"มารกระบี่เอ่ยด้วยความมั่นใจไม่น้อย
"ว่าแต่ เจ้าหนุ่ม จะแอบฟังอยู่ให้ยุงกัดทำไม มานั่งฟังใกล้ๆนี่ก็ได้ " เสียงมารกระบี่เอ่ยขึ้นยูอันได้ยินก็ร้อง ตายแน่ในใจ - - ใช่แล้วในนิยายจีนก็อ่านมาตั้งเยอะ ทำไมไม่จำ - -เราเดินมาใกล้ขนาดนี้ ยอดฝีมือระดับนี้ จะไม่รู้ตัวได้ไง ต้องถอนหายใจอย่างอับจนปัญญาแบกอ๋องไต้อี้ เดินเข้าไปช้าๆ
"คารวะท่านผู้อาวุโสทั้งสองท่าน ผู้เยาว์ยูอัน แห่งสำนักคุ้มกันตระกูลจาง" ยูอันทำใจดีสู้เสือแนะนำตัวพร้อมคารวะอย่างนอบน้อม แล้ววางอ๋องไต้อี้ลงข้างๆตัว
"สำนักคุ้มกันภัยตระกูลจางรับ คุ้มกัน หญิงสาวในชุดนอนด้วยรึไง" มารกระบี่เอ่ยเสียงราบเรียบฟังไม่ออกว่าพูดด้วยอารมณ์เช่นไร
"จะถามให้เสียเวลาทำไมพี่ใหญ่ สังหารทิ้งไปก็หมดเรื่อง" มารหัตถ์มรณะเอ่ยเสียงราบเรียบเช่นกันทำเอายูอันใจหายวาบ นึกถึงวีรกรรมในงานเลี้ยง ที่มารหัตถ์มรณะสะบัดฝ่ามือสังหารชาวยุทธทิ้งเหมือนไม่รู้สึกอะไรสักนิดแล้วนี่เราจะรอดมั้ยเนี่ย สาธุ อาจารย์คนใดคนหนึ่งผ่านมาเจอด้วยเถอะ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าอาจารย์จะสู้พวกมารคีเลี้ยงนี่ได้รึเปล่า
"เอ่อ... คือว่า..." ถึงยูอันจะฉลาดแค่ไหน ตอนนี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน "เจ้าหนุ่มนี่มันไม่มีวรยุทธ" มารกระบี่เอ่ยขึ้นมา ทำเอามารหัตถ์มรณะที่กำลังรักษาตัวเอง ต้องมองยูอันอีกรอบ "ใช่จริงๆด้วย " มารหัตถ์มรณะเอ่ยขึ้น แล้วพูดต่อ "แต่ทำไมถึงแบกหญิงสาวเดินมาด้วยฝีเท้าเช่นนี้ได้"ที่มารหัตถ์มรณะพูดก็ถูกต้อง ยูอันแบกคนบนไหล่แต่ยังมีฝีเท้าเบาเหมือนเดินตัวเปล่า ทำให้ดูเผินๆเหมือนมีวรยุทธนั่นเอง
"เหอะ เหอะ" มารหัตถ์มรณะหัวเราะเหมือนหงุดหงิด เพราะสามมารคีเลี้ยง ถึงจะได้ชื่อนำหน้าว่า มาร แต่ก็ไม่ฆ่าคนไม่มีวรยุทธนั่นเอง
"น้องรองมาแล้ว" มารกระบี่พูดไม่ทันขาดคำ ร่างของมารเหินหาวก็พริ้วเข้ามาถึงทันที
มารเหินหาวขณะกำลังจะเอ่ยปาก ก็มองเห็นยูอันกับอ๋องไต้อี้ที่นอนฟุบหน้าอยู่ พอดูก็รู้ว่าอ๋องไต้อี้ถูกจี้สกัดจุดและยูอันไม่มีวรยุทธ จึงหันไปมองมารกระบี่ เหมือนถามว่านี่มันอะไรกัน
"เป็นอย่างไรบ้าง" มารกระบี่เหมือนบอกเป็นนัยๆว่าให้พูดได้ ไม่ต้องสนใจเด็กสองคนนั่นอะไรแบบนั้น
มารเหินหาวเดินมานั่งข้างๆมารหัตถ์มรณะ แล้วตอบว่า
"น่าหงุดหงิดนัก กว่าจะสลัดเจ้าสองเทวราชนั่นได้ ต้องวิ่งไปๆมาๆเกือบทั้งคืน" "ลำบากพี่รองแล้ว" มารหัตถ์มรณะเอ่ยขึ้น จากนั้นมารเหินหาวพูดต่อว่า "ที่แท้เรื่องที่เทวราชทรงพลังมาท้าประลองพวกเรา เกิดจากฝีมือของเจ้าเด็กรับใช้สำนักคุ้มกันภัยก่อขึ้น"
ยูอันสะดุ้งเฮือกอีกรอบ ต้องร้องในใจ ชีวิตหนอชีวิต -*- จากนั้นมารเหินหาวก็เล่าเหตุการณ์ที่ไปสืบข่าวมาให้ฟัง ว่าหลังจากทั้งสามออกมาจากงานเลี้ยงแล้วเกิดอะไรขึ้น
ยูอันได้แต่โอมเพี้ยงๆในใจว่า มารเหินหาว จะไม่ได้ถามมาว่า เด็กรับใช้คนนั้น ชื่อว่าอะไร - -
"เด็กรับใช้ ในสำนักคุ้มกันตระกูลจางงั้นเหรอ..." มารกระบี่หันมาทางยูอัน ทำเอายูอันต้องฝืนยิ้มแห้งๆ - - "เด็กรับใช้คนนั้นมันชื่ออะไร" มารกระบี่ถามขึ้นมา แน่นอนว่าถามมารเหินหาว แต่ตายังมองมายังยูอันเขม็ง "ยูอัน เจ้าเด็กนั่นชื่อยูอัน" มารเหินหาวตอบ ยูอันเหมือนอยากจะร้องไห้จริงๆตอนนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++[backcolor=#cccccc]
คุยกันท้ายตอน [/backcolor]
[backcolor=#cccccc]
[/backcolor]
[backcolor=#cccccc]
ไม่รู้ว่าสังเกตุกันรึเปล่า ผมจะใช้ +++++++++++++++++++ ปิดท้ายของแต่ละตอน[/backcolor]
[backcolor=#cccccc]
ผู้อ่านจะได้รู้ว่า นี่มันจบตอนจริงๆ *-* ทำไมมันจบห้วนๆ จบตอนจริงป่าวอะไรแบบนั้น [/backcolor]
[backcolor=#cccccc]
[/backcolor]
[backcolor=#cccccc]
พอเขียนจบตอนนี้ ก็หิวขึ้นมาตะหงิดๆ ขอพักกินอะไรสักนิด เดี๋ยวมาเขียนตอน 17 ต่อเลย[/backcolor]
[backcolor=#cccccc]
แล้วรอพบกับ เจาะเวลาหาฉิมพลี(ภาคยุทธจักร) ตอนที่ 17 คู่หมั้นจำเป็น เร็วๆนี้ครับ *-*[/backcolor]
[backcolor=#cccccc]
[/backcolor]
[backcolor=#cccccc]
ยู[/backcolor]