The dream Time machine ตอนที่ 1 ปฐมบทข้ามมิติ[ครึ่งแรก50 หน้า].แว่น.by.areja.(ซ่อนเนื้อหา) | two-hitchhikers.ru

The dream Time machine ตอนที่ 1 ปฐมบทข้ามมิติ[ครึ่งแรก50 หน้า].แว่น.by.areja.(ซ่อนเนื้อหา)

  • 9 ตอบ
  • 15709 อ่าน
*

ออฟไลน์ areja

  • Global Moderator
  • *****
  • 11641
  • 21937
  • เจ้เตือนแล้วนร้าว่า อย่าสดๆ
    • ดูรายละเอียด
....../ The dream Time machine ตอนที่ 1 ปฐมบทข้ามมิติ[ครึ่งแรก50 หน้า]..แว่น..by..areja.. (ซ่อนเนื้อหา) /.....

.... ..เรื่องนี้ ปั้น ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ยังไม่ว่างต่อทั้งที่หาข้อมูล ตอนต่อไว้หมดแล้ว ลองชมกันนิวางไว้ 10 ตอนเอาครึ่งตอนแรกมาให้อ่านก่อน ค่อยๆ อ่านช้าๆ จะเข้าใจได้ง่ายนะคะ..ไวยากรณ์ไม่ต้อง พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ก็ขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยนะจ๊ะ ข้อมูลใดไม่ถูกต้องคลาดเคลื่อน สะกิดบอกกันได้นะจ๊ะ ถือว่า แชร์ความรู้ที่ถูกต้องกันๆ..

อะเตือนไว้ก่อนพวกตอบ zzzzzzzzzz ddd dddddd xxxxxxxxxxxx ลักษณะนี้นะ หรือ พวกกด ตัวอังษร มั่วๆ
แบนอย่างเดียว ไปใช้ความมักง่ายที่ บอร์ดอื่น เวปอื่น..งานเขียนกว่าจะเสร็จแต่ละชิ้น ถ้าแสดงน้ำใจมักง่ายแค่นี้ อย่าอ่าน!! ไปอ่านงาน ท่านอื่น แต่ บอร์ดอื่นนะ..กระดาน เรื่องเล่าประสบกามเสียว ถ้าเจอ แบน หมด..ถ้ายากใช้ “ ขอบคุณ ” สั้นๆ ถ้ามีน้ำใจแค่นั้น..

และ พวกปั้ม ตอบหลายกระทู้ใน โพท์เดียวอีก เดียวจะจัดให้พัก สั้นพักยาวกัน..จำไว้ เมื่อ กดส่งพวกเนตเต่า ให้รอ 10 วินาทีมันจะสำเร็จทุกอันที่ กดส่ง ๆ ๆ ๆ ๆ..เข้าใจไหม ? ไม่แน่นใจให้ลอง กด เปิดดูอีกหน้า,ใครถูก ระบบเตือนกลับนะ ระวังให้เยอะขึ้น ไม่อยากแบนใคร ถ้า ขอกันได้เรื่องแค่นี้  ไม่มีกติกา ก็เละซิถูกไหม? สังคมของ เรา นะ..

แว่น ตรวจกระดานทุกวันๆ ละหลายรอบ ฉะนั้นอย่า ลองของ โดนแบนมันจะเสียน้ำใจเสียความรู้สึกกันเปล่าๆ คนอื่นทำได้ คุณ เป็นไรจะทำไม่ได้..จะ เกรียน แบน อย่างเดียว
..

............//............... .................././( 21/4/2558 )/./.............. ............//.............

          

......... ...ดรีม และ ไทม์ เป็นพี่น้องเกิดวันเดียวกัน โดยตกไข่คราวเดียวกัน ทั้งสอง โตมากับ บิดาที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ มารดาเป็นนักโบราณคดี เมื่อ อายุ 6 ขวบ รถที่พ่อ-แม่ และทั้งสองนั่งมาเกิดอุบัติเหตุฟ้าฝ่า ความสูญเสียเกิดแก่ สองพี่น้อง แต่ด้วยประกันภัยที่ พ่อ-แม่ ทำไว้ทั้งคู่จึงหาลำบากไม่ สามารถอยู่โดยไม่ต้องทำงานตลอดชีวิต สมบัติก็ไม่มีทางหมด..ปัจจุบัน ทั้งสองอาศัยอยู่บนยอดตึก แห่งหนึ่งใจกลางเมืองตึกนี้ก็เป็นสมบัติ ที่ พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ โดยมี นวล แม่บ้านวัย 40 และ นิ่ม ลูกสาววัยเดียวกับ ดรีม และ ไทม์ อาศัยอยู่ด้วย รวม 4 คนภายในห้องชั้นบนทั้งชั้นของตัวตึก 25 ชั้น..

จากเหตุฟ้าฝ่านั้น ทำให้สองพี่น้อง สามารถ เดินทางข้ามเวลาฝ่ามิติต่างๆ ได้จากความฝันเป็น ประตู ข้ามมิติ ทั้งคู่สามารถ ทะลุไปที่ใด ก็ได้ใน ทุกหนทุกแห่ง ที่ต้องการจะไป แต่ จะไม่สามารถ กลับไปซ้ำอีกเป็นอันขาด ในเวลาเดิมนั้น (คือ ไปที่เวลา 12 นาฬิกา ซ้ำวันเดียวกัน ไม่ได้นะคะ หรือ โผล่ตรงจุดเวลาเดิมไม่ได้...) และ ทั้งสองยัง ได้ความฉลาดสิ่งเรียนรู้ต่างๆ ที่พ่อและแม่ มีในสมองถ่ายโอนมายังทั้งคู่ ทุกอณูเซล จากเหตุการณ์ฟ้าฝ่านั้นด้วย เรื่องการมีพลังวิเศษนี้ นวลแม่บ้านหม้าย และ นิ่ม ลูกสาว ต่างล่วงรู้ และ เคยเดินทาง ร่วมไปยัง เหตุการณ์ต่างหลายครั้ง..

          วิธีเดินทางไม่ได้ซับซ้อน แค่ เมื่อจะเดินทาง ทุกคนที่จะร่วมเดินทางต้องจับมือกับ ดีม หรือ ไทม์ ถ้าคนไหนจะพาข้ามไปในมิติ ต่างๆ และ นอนหลับ...เท่านี้เอง จะกำหนดไปที่ใด ก็แล้วแต่ ตอนกลับ ก็ ต้องประสานมือกัน ของ ผู้จะร่วมเดินทาง แล้วหาแหล่งน้ำ หรือ ที่สูงโดดลงมา ร่างและจิตในที่ ๆ คณะเดินทางไป ก็ จะกลับมายังสู่ร่าง ปัจจุบัน ทันที แต่จะไม่สามารถนำสิ่งมีชีวิต ใดๆ ที่ไม่ใช่กาลเวลาเดียวกันกลับมาได้เลย....

ดรีม เด็กสาว วัย 20 เต็มกำลังเพลิดเพลินใน ห้องส่วนกลางของห้องเอนกประสงค์ หรือ ห้องรับแขกรวม ไทม์ ก็ นั่งอ่านหนังสือศึกษาเรื่องราวที่ๆ หนึ่ง ในที่ๆ กำลังจะ ข้ามมิติไป คืนนี้ ..นวล เตรียมจัดหาอาหารสำหรับมื้อเย็น อยู่ในครัว นิ่ม เตรียมลำเรียงอาหาร มาขึ้นโต๊ะสำหรับมื้อเย็น และ ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างช้าๆ...

เวลาผ่านไป จนถึงเวลาเหมาะกับการเดินทาง คืนนี้ ไทม์ จะข้ามมิติไป กับ นิ่ม ที่ขอติดไปเที่ยวด้วย ไทม์ เตือน นิ่ม เสมอเมื่อ จะ เดินทางไปด้วย..คือ

1.ห้ามอยู่ห่าง เพราะ เกิดอะไรขึ้น คนที่ไปด้วย อาจติดอยู่ที่นั้น และ อาจกลับมาปัจจุบันเองไม่ได้..
2 .ให้ระวัง อุบัติเหตุ ต้องพยายามอย่าให้เกิดการบาดเจ็บทุกชนิดให้มากที่สุด ในที่ที่ไป เพราะนั้นจะทำให้เมื่อ กลับมาแล้วร่างกายจะ เกิดการบาดเจ็บกับจุดเดียวกันนั้นทันที.
3..ถ้าข้ามเวลาแล้ว สามารถ เข้าไปอยู่ใน สิ่งมีชีวิตใด ก็ ได้ แต่ ต้องพยายาม ห้าม ทำผิด วิสัยร่างนั้น เช่น พอถึงไปโผล่ ในร่างหมา จะ ไปเดินเหมือนคน พูด แบบคนไม่ได้ และ ต้องทนอยู่ในร่างนั้น จนกว่าจะ กลับ มิติ ปัจจุบัน .. ( อาจ เข้าไปอยู่ในร่าง หรือ อาจใช่ร่างตัวเอง ก็ ได้ แล้วแต่คนเขียน กำหนด คะ ส่วนนี้..)

.พอทวน กฎหลักจบ ไทม์ และ นิ่ม ก็นอนลงบนเตียงนอน ในห้อง สำหรับข้ามเวลา..ทั้งคู่ยืนมือมาประสานกัน ขณะนี้ ..เวลาผ่านไป ไม่ถึง สามนาที ทั้งสอง ก็.......

          ไทม์ และ ดรีม เด็กรุ่นใหม่หน้าเกาหลี หุ่นทรง เกาหลี ใช่ชีวิตหลังสูญเสีย พ่อและแม่ ด้วย ทนายความเก่าแก่ที่ พ่อ-แม่ไว้ใจ ทุกสิ่งอย่างถูกจัดเตรียมเหมือนรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น.. ( ขอให้จำจุดนี้ไว้ เมื่อใด แว่น เขียนตอนอวสาน เมื่อนั้น ปมจุดนี้จะเฉลย แล้วนั้นคงเป็นเรื่องแรก ของ นิยายลูกโซ่ ที่จบสมบูรณ์..). . ตารางเรียน ตารางการใช่ชีวิต ถูกจัดวางไว้ จนถึงปัจจุบันถึงอายุครบ 20 กันแล้วแต่ ทนายประจำตระกูลคนนี้ก็ ยังทำหน้าที่ เหมือนพ่อบ้านอยู่ ทั้งดูแลรายได้จากการเช่าอาคาร ชั้นต่างๆ ที่เหลือ เป็น ออฟฟิต เป็นห้องพักอาศัย หรือ แม้แต่ ฟิตเนตเซ็นเตอร์ ฯลฯ อีกทั้งทรัพย์สินมากมาย ที่มี ( แล้วจะค่อยๆ บอกภายหลังมีอะไรมั่ง.).

ส่วนการดูแลทุกอย่างในบ้านนั้น นวลแม่บ้าน เป็นผู้จัดการทั้งสิ้น โดยในเวลากลางวันจะมีเมต ของ ตึกเข้ามา ช่วย แม่บ้านนวล..นิ่ม ลูกสาวนวล เด็กฉลาดสดใสร่าเริง โตมาพร้อม ดรีม และ ไทม์ ทั้งสามจึงเหมือนพี่น้องกัน โดย ดรีม และ ไทม์ ก็ คิดเช่นนั้น..ไทม์ เด็กอัจฉริยะ ทั้งการประดิษฐ์ คิดค้น ทั้งแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดี มีทักษะทางกีฬา เกือบทุกชนิด..ไทม์ ขณะนี้ เรียนแพทย์ เพื่อหวังช่วยคนในทุกที่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ ก็ยังไม่ทิ้งที่ชอบคือ ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมืออะไรแปลกๆเสมอ..

          ดรีม เด็กหัวไวจดจำสิ่งต่างๆ เป็นเลิศ ชอบโบราณคดีเป็นจิตใจ รักการผจญภัยเป็นที่สุด..ดรีม เรียนโบราณคดีเพราะชื่นชอบด้านนี้ เป็นพิเศษ แต่ ก็ เรียนเสริมค้นคว้าเรื่องพืชพรรณ และ สิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ เป็นพิเศษ..นิ่ม เธอ หัวดี แต่เลือกเรียนพยาบาล เพื่อหวังจะไปในทุกที่ที่มี ไทม์..ใช่ เธอแอบหลงรักเขามาตั้งแต่เด็ก และจนโตก็ไม่เคยคิดจะมองผู้ชายคนใด.
 
แสงสว่างวาบ ที่ปลายทางพา ไทม์ และ นิ่ม มายังจุดที่กำหนดไว้ก่อนมา ทั้งเวลา และ สถานที โดย ไทม์..

            การข้ามเวลา จะใช้เวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น คือ หลับเพียง 1 นาทีและตื่นใน 1 นาทีนั้น แต่จุดหมายที่เดินทางไปถึงอาจใช่เวลาเป็นปีเป็นเดือน ก็ตามอายุในปัจจุบันจะไม่เพิ่มแต่อายุที่ไปจะเพิ่ม( เหมือนเรื่องนาเนียไง) ความทรงจำจะเพิ่มพูน และจะได้ความรู้ใหม่เพิ่มเติมจากการเดินทาง นอกจากการได้รับบาดเจ็บอย่างเดียวที่จะทำให้ส่งผลถึงปัจจุบัน..และ ไทม์ กับ ดรีม ได้บอกกันไว้ว่าถ้าการเดินทางครั้งใดผ่านเลยเวลาเกิน 1 ชั่วโมงแล้วยังไม่กลับมาให้อีกคนตามไปช่วยได้ทันที..

โดย จับมือ คนที่ไปก่อนและหลับข้ามเวลาไป ก็ จะเดินทางไปยังมิติเวลา ที่คนก่อนหน้าไป.. แต่ เวลาคนตามไป จะไม่ได้ไปในวันที่ คนก่อนหน้าไป แต่ ไปอยู่ในยุคเดียวกันอาจหลายวัน หลายเดือน หรือ หลายปี.. ซึ่งไม่สามารถกำหนดเวลาได้..แต่ จะสามารถรู้ว่า คนที่มาก่อนไปที่ไหน ทำอะไรอยู่ขณะข้ามเวลามาแล้วนั้น และ นั้นจะเป็นเบาะแสที่จะตามหากันจนเจอ...แต่ หลายครั้งที่ เดินทางยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น...


       ………….

 เพลงไอ้หนูบิลลี่ เดอะคิด...

. .( ตอนนี้ที่นำมา ปั้น  เป็นการหาข้อมูลจากหนังสือแปลประวัติ..แว่น ดึงเอาบางส่วนมาเขียน และอัดสำนวนเนื้อหาของ แว่น เพื่อเพิ่มอรรถรส แต่ ก็คงไว้ซึ่งเนื้อหาประวัติของ บิลลี่  เดอะคิด ที่สมบูรณ์จากผู้แปลเป็นไกด์ลาย..แฟนคลับ หรือ ผู้สนใจแนว นี้ ลองอ่านกันนิ สนุกๆ..) ..

                         0  

               บิลลี่ เดอะคิด เป็นชื่อที่วัยรุ่นดาวร้ายนอกกฎหมายของสหรัฐอเมริกาได้รับการถึงมากที่สุดคนหนึ่ง..บ้างว่าเขาเหี้ยมโหดป่าเถื่อน แต่บางมุมก็ได้รับการยกย่องในความซื่อสัตย์ยุติธรรม แต่ไม่ว่าถูกมองมุมไหน บิลลี่ ก็เป็นตัวตนเขาเองไม่เปลี่ยนแปลง..

..... ..ปี ค.ศ. 1859  สหรัฐเป็นดินแดนแห่งการบุกเบิกของผู้คนที่แสวงหาเสรีภาพ ความอุดมสมบูรณ์อันกว้างใหญ่ไพศาล ท้าทายผู้ทรหดมาปักหลักปักฐานจากทั่วทุกทิศทุกทาง ชนผิวขาวเดินทางข้ามทะเลฝ่าคลื่นมาแสวงหาแผ่นดินใหม่..

        นิวยอร์กซิตี้ เมื่องเกิดที่คับครั่งวุ่นวาย 23 พฤจิกายน ค.ศ. 1859 บิลลี่ ลืมตาดูโลกด้วยชื่อจริงว่า เฮ็นรี่ แม็คคาร์ที อายุห่างจากพี่ชายคนโต 5 ปี.. ( พี่ชายคนนี้ไม่เคยข้องเกี่ยวกับทุจริตผิดกฎหมาย จึงใช้ชีวิตสงบสุขจนอายุ 75 ปีจึงลาโลกที่เมืองเดนเวอร์.) ..และ ต่อมาเขาถูกขนานนามในชื่อ ไอ้หนูบิลลี่ หรือ บิลลี่เดอะคิด..เขา โตมาไม่กี่ปีพ่อก็ด่วนตายไปก่อน เขา กับ พี่ จึงอยู่ในความดูแลของแม่ ต่อมาแม่ย้ายมาอยู่ ซานตาเฟ่, นิวเม็กซีโก และแต่งงานใหม่กับ วิลเลี่ยม เอ็ชแอนทริม นางจึงมีเงินมาเลี้ยงลูกโดยเปิดบ้านแบ่งให้เช่า และมีบริการอาหารให้ด้วย..

บิลลี่ เจริญเจริญเติบโตในท้องถิ่นที่มีคนหลากหลายเชื้อชาติอยู่ด้วยกัน พอมีอายุ 15 ปี ..เดินผิดทางคบหัวขโมยสมญานามว่า ซอบเบรโร แจ๊ก มันชวน บิลลี่ ไปขโมยเสื้อผ้าในร้าน แต่เจ้าของร้านจับได้เสียก่อน ซอบเบรโร หลบฉากเอาตัวรอดไปได้..บิลลี่ จำต้องเข้าไปนอนในห้องขังรอส่งตัวขึ้นศาล..ผ่านไป 2 คืน บิลลี่ ก็ปีนหนีออกทางปล่องไฟแล้วเตลิดมุ่งสู่ตะวันตก..

เขา ใช่ชื่อพ่อเลี้ยงแทนชื่อของตน คือ เฮ็นรี่ แอนทริม ..จนอายุ 18 ปีแต่ร่างกายก็ไม่สูงใหญ่เท่าไร คงร่างกายสันทัด จึงมักถูกเรียกว่า ไอ้หนู เหมือนเดิมแต่เขา ก็ไม่ได้ใส่ใจในชื่อที่คนอื่นขานนาม อุปนิสัยร่าเริง จิตใจเบิกบาน คือ ความเป็นตัวตน ของ บิลลี่..ด้วยการดิ้นรนเพื่ออยู่รอด เขา จึงไม่เกี่ยงงาน ว่าจะไปเป็นลูกจ้างร้านเหล้าเล็กๆ อยู่ใกล้กับ ค่ายแกรนท์ งานในร้านเขาทำทุกอย่าง ตั้งแต่กวาด ถูพื้น จนตวงเหล้าให้ลูกค้า..

          และแล้ววันพลิกชีวิต ก็มาถึงเป็นเวลาเลยเวลาอาหารไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ลูกค้าประจำร้านเหล้า เอฟ.พี.คาฮิล พาร่างสูงใหญ่ล่ำสัน เต็มด้วยมัดกล้ามเดินเข้ามาในร้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เพราะ วิวาทะกับศรีภรรเมียมา เสียงด่าไล่หลังตามเข้าร้านมา..คาอิล มีร้านตีเหล็กห่างจากร้านเหล้าไม่ถึง 50 ก้าว งานหนักเหนื่อยร้อนหน้าเตาไฟตีเหล็กผ่าวร้อนทั้งวัน..ทำให้อารมณ์ส่วนใหญ่ชายคนนี้ขุ่นมั่วตลอดเวลา ซ้ำเจอเมียปากร้ายจัดจ้าน ก็ไม่ต่าง จ่อไฟลนใจให้ร้อนระอุ..

คาฮิล ก้าวพรวดโครมครามเข้ามาในร้านพร้อมตะโกนสั่งให้เอาเหล้ามาให้เต็มแก้ว..บังเอิญ เจ้าของร้านไม่อยู่..บิลลี่ กำลังถูพื้นอยู่คนเดียวในร้าน เขาไม่ชอบหน้า คาฮิล เพราะนิสัยกักขฬะ ชอบพาลหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว กระนั้น เขา ก็วางไม้ถูไปรินเหล้ามาส่งให้ คาฮิล กระดกแก้วพรวดเดียวหมดแก้ว และ กระแทกแก้วเปล่าลงบนโต๊ะพร้อมสั่ง..


“ ไปเอาเหล้ามาทั้งขวดโวย.ไอ้หนู..”..บิลลี่ เดินไปหยิบขวดวิสกี้บนชั้นหิ้งแล้วเดินกลับมาวางให้ตามต้องการ แต่ ไม่ทันจะผละออกไป ..
“ รินเหล้าให้เต็มแก้วซิวะ ไอ้หนูบิลลี่..”..คาฮิล แผดเสียงสั่งลั่น..
“ แกอยากกินเองก็รินเองซิ กัน ไม่ใช่คนรับใช้ “..บิลลี่ ตอบกลับอย่างเหลืออด..
“ ข้าสั่ง แกต้องทำซิวะ..ไอ้เด็กเมื่อวานซืน”..ชายร่างใหญ่ คำราม ก่อนทะลึ่งพรวดขึ้นยืน สันดานพาลหาเรื่องเพื่อระบายอารมณ์ ..
“ ไม่ “..โทสะบิลี่ ขึ้นเหมือนกัน..

           คาฮิล ตวัดมือตบฉาดเข้าเต็มซีกหน้าหนุ่มรุ่น..บิลลี่ ถึงกับเซถลาแทบล้ม แต่ พอตั้งหลักได้ ก็ พุ่งเข้าหา คาฮิล ด้วยความโกธรสุดขีด วาดกำปันเหวี่ยงใส่สุดเหนี่ยว แต่ ก็ไม่อาจทำให้ร่างนั้นสะเทือนไม่ บิลลี่เงื้อหมัดจะทิ่มซ้ำ..กำปันใหญ่ ของ คาฮิล ก็ สวนโครมเข้าเต็มกระโดงคาง คราวนี้ บิลลี่ ถึงกับหงายหลังฟาดพื้น เห็นดาวระยิบระยับเต็มคลองจักษุ..กำลังจะลุกขึ้นมา คาฮิล ก็ มายืนค้ำ เหยียบฝ่ารองเท้า เหยียบไปบนในหน้าซีกหนึ่งของ บิลลี่..คาฮิล คลึงเท้าบดขยี้ไปบนหน้า บิลลี่..

สติยั้งคิด ของ ไอ้หนูบิลลี่ ขาดผึ่งควานมือเข้าหาปืน ที่เสียบซ่อนไว้ซอกเอวกระชากออกมา..พร้อมสลัดศีรษะออกจากฝ่าเท้า พลิกหงายตัวขึ้น..คาฮิล ตกตะลึงตาค้าง เมื่อ เห็นหนุ่มรุ่นเหยียดแขนเล็งปืนเสยลำกล้องขึ้นมา..มันขยับด้วยความไวสุดตัว แต่ ก็ไม่อาจเกินครึ่งก้าว เปรี๊ยงงง..ง.ง. ..เสียงกัมปนาทดับความเงียบของเมือง กระสุนนัดนั้น.. พุ่งทะลวงเจาะหน้าท้องทะลุหลังเลือดกระจายร่าง คาฮิล ทรุดฮวบลงกับพื้นฝุ่นหน้าร้านตรงจุดล้ม ของ คาฮิล ฟุ้งตลบ..

              บิลลี่ ก็ ตะลึงไปเหมือนกัน ไม่คิดว่า เขา จะทำผิดกฎหมายร้ายแรง ถึงขั้น ฆ่าคนตาย แม้ขณะนั้น คาฮิล ยังมีลมหายใจ แต่เลือดที่ไหลโกรกจำนวนมาก ทำให้รู้ว่าไม่ตายตอนนี้ แต่ อย่างไรก็ไม่มีทางรอด..เข้ากระโดดออกหน้าต่างประตูหลัง เพื่อ หลบหนีมือ กฎหมาย ที่กำลังมาตามเสียงปืน....ไม่ถึงหนึ่งวัน คาฮิล ก็เป็นศพแรก เปิดประเดิมเส้นทางคนเถื่อน..นายอำเภอสืบถามจนรู้ว่าคนยิง คาฮิล คือ เฮ็นรี่ แอนทริม หรือ บิลลี่ เดอะคิด พอ คาฮิล ตายประกาศจับ ข้อหา ฆาตกร ที่กฎหมายต้องการตัว ก็ แผ่กระจายออกไป..


                         1

         บิลลี่ เตลิดออกจากเมือง สูญหายไร้ร่องรอย ด้วยการขโมยม้าตัวหนึ่ง หนีซอกซอนออกจาก เขตแอริโซน่า เที่ยวแวะทำงานตามไร่ ปศุสัตว์หลายต่อหลายแห่ง อาศัยพอมีฝีมือในการเล่นไพ่พอตัว จึงหาเงินมาใช้ได้ไม่ขาดมือ..เขา ใช้ชีวิตตามสบายไม่อาทรร้อนใจใดๆ ความเป็นคนยิ้มง่ายใจกว้าง ร่าเริงแจ่มใสจึงทำให้เขา มีเพื่อนไปทั่ว..ช่วงนี้ เขา คบกับหนุ่มจรจัดสันดาลเกเรนามว่า เจสสี อีแวนส์ มาชวน บิลลี่ ไปขโมยวัว และ ทั้งสองก็เลยกลายเป็นโจร ขโมยวัวอีกวีรกรรมหนึ่ง..

เวลานั้น นิวเม๊กซิโก ยังไม่ได้เป็น มลรัฐ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งกว้างอุดมสมบูรณ์ เหมาะ แก่การเลี้ยงวัวอย่างมาก และมี เมืองลินคอล์น เคาน์ตี้ เป็นศูนย์กลาง...ผู้ทรงอิทธิพลที่สุด คือ เมอร์ฟี่ และ ดูลัน อดีตนายทหารแห่งกองทัพบกสหรัฐฯ ทั้งสองร่วมมือกันก่อตั้งบริษัท เมอร์ฟี แอนด์ ดูลัน ขึ้นโดยทำธุรกิจไร่ปศุสัตว์ และ เป็นเจ้าของกิจการร้านสรรพสินค้า อยู่หลายร้านหลายเมือง และ ยังไปตั้งร้านในเขตชนบทอีกหลายร้าน ธุรกิจร้านสรรพสินค้าทำกำไรมากมหาศาลเอาการ..

ถึงทรัพย์สินฐานะจะมั่งคั่งร่ำรวย แต่ สำหรับคนโลภ มันไม่เคยมีคำว่าพอ..ยังไปติดต่อทำสัญญาขายวัว ให้กับ รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อ ส่งวัวเหล่านั้นไปเป็นอาหารให้อินเดียนแดงอาปาเช่ ในเขตสงวน การทำการค้าวัว หาก สุจริตทั่วไป ก็คือ ไปขอซื้อแก่ปศุสัตว์ต่างๆ ทั่วไป แล้วต้อนนำไปส่ง ก็ จะได้ราคากำไรมากโขอยู่แล้ว..แต่ เมอร์ฟี่ กับ ดูลัน ต้องการผลกำไรมากขึ้นไปอีก เลยรับซื้อวัวจากขโมย โดย กดราคากลุ่มโจร และ ไปขายราคาเต็ม แก่ รัฐบาล แล้วพวก โจร ขโมย ในเขตนี้ ก็ ล้วนแต่เป็นคนในสังกัดไร่ปศุสัตว์ ของ จอมอิทธิฟล ทั้งสองแทบทั้งสิ้น..รวมถึง ไอ้หนูบิลลี่ ก็ อยู่ในจำนวนนั้นด้วยเช่นกัน..
.

            ในแถบพื้นที่นั้น หาใช่มีแต่ เมอร์ฟี่ และ ดูลัน เท่านั้นที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่แต่มี จอห์น ซิสซั่ม เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ที่มีเนื้อที่มหาศาล มีวัวหลายพันตัวตระเวนในทุ่งหญ้าและมีคาวบอยอีกจำนวนมากที่ดูแลผู้วัวจำนวนมหึมานี้ แต่ด้วยจำนวนที่มากวัวจึงกระจายหากินไปทั่ว ทำให้คาวบอยในสังกัด จะปกป้องดูแลไม่ทั่วถึง ซิสซั่ม จึงถูกขโมยวัวอยู่เสมอ และไม่สามารถตามจับโจรมาได้ แต่ ถึงจะโดนแอบเข้ามาตอนไปไม่ยาก แต่ ก็มีปัญหาสำหรับพวกโจร เพราะได้วัวไปไม่รู้จะเอาไปขายใคร..

เนื่องจากวัวทุกตัวถูกตีตราบนสะโพก และบัวหูวัวยังถูกเฉือนควั่นให้แหว่งเป็นสัญญาลักษณ์ให้สังเกตอีกด้วย..ใครเห็นว่าวัวมีตำหนิดังกล่าว ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะจะเจอขอหาลักขโมยวัวซึ่งมีโทษถึงแขวนคอ และอาจเผชิญกับคาวบอยมือปืน สังกัดของ จอห์น ซิสซั่ม มาเยือนได้ทุกเมื่อ..แต่ แก๊งค์โจรในสังกัด เมอร์ฟี่ และ ดูลัน ไม่สนใจ คอยจองแต่หาโอกาสขโมยตอนมาจำนวนเท่าไร ก็ จะเอาไปให้สองอิทธิพลเถื่อน แต่ ก็จะถูกกดราคา และวัวชุดนี้จะถูกส่งขึ้นรถไฟไปเขตสงวนทันที กว่า ซิสซั่ม จะตามรอยก็สายเกินไปแล้ว และ ก็ไม่มีวัวเหลือเป็นหลักฐานให้เอาผิด..

          ถึงเมอร์ฟี่ และ ดูลัน จะยิ่งใหญ่ในเมืองลินคอล์น แต่ ก็ยังมี ซิสซั่ม เป็นเหมือนก้างชิ้นโต แต่การจะล้มเจ้าพ่อซิสซั่ม ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ ถ้าพูดถึงฐานะการเงิน ซสซั่ม ก็ รวยเหมือนกันเผลอๆ อาจมีมากกว่า สองเกลอ รวมกันซะอีกด้วย หรือ จะว่ากันเชิงนักเลงลูกทุ่ง ซิสซั่ม ก็เหนือกว่า เพราะมีคาวบอยใน ฟาร์มประจำเกือบยี่สิบคน และ คาวบอยเหล่านั้น ก็ กร้านเกรียม และ โชกโชนในการต่อสู่มาสารพัด ทั้งยังซื่อสัตย์ภักดี ต่อปศุสัตว์ยิ่ง ถ้าถูกสั่งลุยเมื่อไร ก็คงควบม้ามาเป็นโขยง..

เมอร์ฟี่ และ ดูลัน ถึงจะมีลูกน้อง ก็เป็นพวกเกเรหิวเงินทั้งนั้น แม้จะมีตัวร้ายหลายคน ทว่าถ้าให้ทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย พวกนี้ต้องจ่ายหนักจึงจะลงมือ สองเกลอจึงคิดว่ายังไม่คุ้มจะหักล้างหรือ แหลกในตอนนี้..ในขณะที่ทั้งสองเกลอยังฮื่มฮั่มกับ ซิสซั่น นั้นก็ปรากฏสุภาพบุรุษชาวอังกฤษชื่อจอห์น เฮช.ทันสตอล ได้อพยพเข้ามาปักหลักลงฐานที่เมือง ลินคอล์น โดยจับจองทำไร่ปศุสัตว์เลี้ยงวัวเหมือนกับ ซิสซั่ม แต่เจ้าพ่อไม่สนใจเพราะเป็นเพียง ปศุสัตว์เล็กๆ เทียบไม่ได้กับกิจการของเขา..ระยะแรกเมอร์ฟี่ และ ดูลัน มองข้าม ทันสตอล ไป..กระทัง ทันสตอลเข้าหุ้นกับทนายความชื่ออเล็กซานเดอร์ เอ.แม็คสวีน เปิดร้านสรรพสินค้าขึ้นใน เมืองลินคอล์น..

           คราวนี้สองเกลอต้องหันมาจอง ทันสตอล ไม่กระพริบตาเพราะ ร้านสรรพสินค้าที่ใหญ่กว่าโออ่ากว่า และมีสินค้าใหม่สารพัดชนิด ร้าเริ่มดึงลูกค้ากวาดเงิน จากชาวเมืองใกล้ไกล ซึ่งเหมือนแย่งเงินไปจากมือ ของสองเกลอจนทั้งคู่อยู่ไม่เป็นสุขและ ที่ทำให้ทั้งคู่เดือดอีกประการหนึ่งคือ ทันสตอล เขียนจดหมายไปลงหนังสือพิมพ์เปิดโปงการเลี่ยงภาษี และ โกงภาษี ของ สองสหาย..ทั้งคูจึงเริ่มหาทางกำจัด ทันสตอล กับ แม็คสวีน ให้ดับดิ้นสิ้นชื่อ...

ช่วงนั้นได้เกิเหตุการณ์ เข้ามาอีกสองเรื่อง..เรื่องแรกแทบทำให้ เมิร์ฟี่ และ ดูลันแทบกระอักเลือด เพราะ ทันสตอล กับ แม็คสวีน ก่อตั้งธนาคารขึ้นในเมืองลินคอล์น..โดยดึง เจ้าพ่อซิสซั่ม เป็นอีกหนึ่งหุ้นส่วน..เรื่องที่สอง ไอ้หนูบิลลี่ เกิดมีปากมีเสียงทะเลาะกับหัวหน้าคนงานชื่อ บิลลี่ มอร์ตัน ขั้นรุนแรงหวุดหวิดกระหน่ำยิงกัน ไอ้หนูบิลลี่ เลยลาออกจากสังกัดแล้วไปสมัครเป็นคาวบอยกับ ทันสตอล..ทั้งที่ความจริง ไอ้หนูบิลลี่ ออกจะไม่ชอบหน้า ทันสตอล ผู้มีมาดผู้ดีตลอด 24 ชั่วโมงทุกกระเบียดนิ้วสักเท่าไร..

การที่ สองเกลอเสีย ไอ้หนูบิลลี่ไปนั้นเหมือนเสีย  “ นักสู้ฝีมือดี “..ไปหนึ่ง เพราะเชิงปืน บิลลี่ เรียกว่าไม่เป็นรองใคร สำคัญมีจิตใจเด็ดเดี่ยวบ้าบิ่นไม่กลัวตาย..แม้ช่วงแรกในเมืองสถานการณ์ทั้งสองกลุ่มยังเป็นปกติ ปราศจากเรื่องราวที่จะรุนแรง แต่ความเขม็งเกลียวตึงขึ้นเรื่อยๆ เจ้าพ่ออย่าง ซิสซั่ม นั้นถือว่าลอยตัว เพราะ ถือว่าไม่ใช่คู่กรณีโดยตรง แต่ ความเงียบเช่นนี้ อุปมาประหนึ่งภูมิอากาศสงบนิ่งก่อนพายุร้ายจะโหมมา..


    [post].......... วันนั้นราวเดือน  กุมภาพันธ์ ค.ศ.1878 บริวารในสังกัด เมอร์ฟี่ และ ดูลัน ได้รับการแต่ตั้งให้เป็นผู้ช่วยนายอำเภอชั่วคราว จาก นายอำเภอแบรดดี้ ซึ่งเป็นพวกเดียวกับสองเกลอ กลุ่มผู้ช่วยนี้ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอ ให้นำหนังสืออายัดทรัพย์ไปยื่นให้ ทันสตอล สาเหตุการยึดได้กล่าวไว้ว่าเป็นไปตามตัวบทกกหมาย แต่เมื่อตรวจดูหนังสือดั่งกล่าวไม่มีตัวบทกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น และ ไม่ชอบไม่ถูกต้องตาม กฎหมายด้วยซ้ำไป..

เรื่องราวพัลวันดังกล่าวสืบเนื่องจาก แม็คสวีน ทนายความหุ้นส่วน ทันสตอล เกิดปะทะคารมกับ เมอร์ฟี่ ในที่สาธารณะ และ เมอร์ฟี่ กล่าววาจาล่วงละเมิด แม็คสวีน อย่างรุนแรง..ทนายแม็คสวีน จึงยื่นฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท ส่วน เมอร์ฟี่ ก็ตั้งทนายฟ้องกลับบ้างว่าเป็นการฟ้องเท็จ โดยว่า แม็คสวีนยืมเงินตนด้วยวาจาไปจำนวนหนึ่งแล้วไม่ยอมคืน ทั้งให้ทนายทำหนังสือยึดทรัพย์ ทันสตอล เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเมื่อ แม็คสวีน กับ ทันสตอล เป็นหุ้นส่วนกันทรัพย์สินในไร่ ของ ทันสตอล ทั้งหมด แม็คสวีน ย่อมมีส่วนเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่ง..

ซึ่งตามจริงกิจการในไร่ปศุสัตว์ของ ทันสตอล เป็นการลงทุนแต่ผู้เดียว แม็คสวีน นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดเลย..ทนายความของ เมอร์ฟี่ ไม่มีสิทธิ์ออกหนังสือยึดทรัพย์เลยทุกกรณี แต่เวลานั้น ภาคตะวันตก ของ สหรัฐอเมริกา มีสภาพไม่ผิดบ้านป่าเมืองเถื่อน โดยเฉพาะเมืองเกิดใหม่ที่อยู่ห่างไกล กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ยังไม่ได้ยื่นมือเข้าถึง ชุมชนเหล่านั้น มักกำหนดกฎหมายตามใจชอบ เช่นเดียวกับ ทนายความของ เมอร์ฟี่ ที่ทำหนังสือยึดทรัพย์ ซึ่งเป็นความเท็จนี้ขึ้นมา..

          ผู้ช่วยนายอำเภอกลุ่มนี้มี บิลลี่ มอร์ตัน หัวหน้าคาวบอยของ เมอร์ฟี่ นำขบวนไดนำพากลุ่มผู้ช่วยลัดเลาะทางไป ปศุสัตว์ของ ทันสตอล ชาวเมืองส่วนใหญ่จึงไม่มีใครรู้ใครเห็นแต่ไปถึงกลับไม่พบใครจึงเดินทางกลับทางเดิม แต่ ทันสตอล และคนงาน 4 คนกำลังต้อนฝูงม้าจะกลับมาคอก ลูกน้อง ทันสตอล มี ดิ๊ก บรูเวอร์ หัวหน้าคนงาน จอห์น มิดเดิลตัน, โรเบิร์ต ไวเดนแมน และ บิลลี่ เดอะคิด...

ระหว่างทางก่อนกลับถึง ไอ้หนูบิลลี่ เห็นไก่งวงป่าฝูงหนึ่งจึงชวน มิดเดิลตัน ไปต้อนจับไก่งวงเพื่อจะเอาไปย่างกินแกล้มเหล้า สองหนุ่มห้อม้าย้อนกลับไปกลางทุ่งหญ้าที่บริเวณเนินเขาที่ผ่านมา ทั้งสองไล่ตอนไก่ง่วงอย่างสนุกสนาน แต่ อีกทาง กลุ่มขบวนผู้ช่วยนายอำเภอก็ควบมาพ้นโค้งโผล่มาประจันหน้ากับ ทันสตอล ..ยังไม่มีการกล่าววาจาพูดคุยแม้แต่คำเดียว กลุ่มผู้ช่วยนายอำเภอ ก็ ชักปืนยิงเข้าใส่ก่อน..

... ..เปรี้ยงๆ.ๆ..ๆๆๆ..ๆๆ...ๆ.ๆ..ๆ เปรี้ยงๆ ปังปัง. ..

          ทันสตอล นำหน้ามาดึงม้าให้หยุดกับที่จน ม้าพันธุ์ดียกขาหน้าคู่ขึ้นก่อนกระแทกเท้าลงพื้นหยุดนิ่งเพราะตื่นเสียงปืนที่ลั่นวิถีใส่..ดิ๊ก บลูเวอร์ กับ โรเบิร์ต ไวเดนแมน ต้อนฝูงม้าตามหลังมา ชักบังเหียนมาให้ให้เผ่นหาที่กำบัง แล้วกลิ้งม้วนไปหลังโขลดหินเพื่อกำบัง พร้อมกระตุกปืนที่เข็มขัดคาดเอวออกมายิงสวนกลับ...... เปรี้ยงๆ เปรี้ยงๆๆๆๆ..... บิลลี่ กับ มิดเดิลตัน เห็นสถานการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น  ทั้งสองเผ่นม้าเข้าหาต้นไม้ใหญ่ และ โดดหมอบหาที่กำบัง..
[/post]

............................/>
                    

        [post]...............ฟากหนึ่งของเมืองลินคอล์น หนึ่งเดือนก่อน..ในเวลาที่ ไทม์ และ นิ่ม เดินทางข้ามเวลามาถึง..แสงวาบเหมือนปลายอุโมงค์สว่างขึ้น ก่อนมืดลงอีกครั้งตามเวลาในมิติที่มาถึง.. ไทม์ และ นิ่ม มาโผล่อยู่ริมธารน้ำสายหนึ่งที่มีทางเกวียนใช้ผ่านลำน้ำ..รอบบริเวณหนาตาไปด้วยไม้ยืนต้นหลากชนิด ด้านหนึ่งของฝั่งติดริมน้ำมีเต้นกลางอยู่สองหลัง และ เกวียนเทียมสัมภาระสิ่งของ อีกสองเกวียนใหญ่ มีม้า 8 ตัวถูกผูกไว้พักที่โคนต้นโอ๊คใหญ่ กองไฟสว่างสะบัดเปลว และ มีคนนั่งล้อมวงอยู่ 6 คน..ไทม์ จกนาฬิกาตลับมีสายเป็นสร้อยเงินขึ้นมา กดตุ่มเปิดฝาดูเวลา ตามวันเวลาที่ตั้งไว้ว่าจะมาถึงก่อนเดินทาง ตรงตามที่กำหนดไว้คือ 19.30 น.ดูจากความมืดโดยรอบ..แต่จุดเปิดอุโมงค์มิตินั้น จะไม่อาจกำหนดเป้าหมายตรงได้ชัดเจนมากนักแต่จะไม่คลาดเคลื่อนมากเกิน..ที่ ไทม์ กำหนดไว้คือเมืองลินคอล์น และนี้ ก็คงจะใช่ แต่ ระยะห่างขนาดไหนเขายังไม่อาจทราบได้..

“ ไป นิ่มตามพี่มา เดียวเราเข้าไปถามทางพวกเขา และถ้าไปทิศทางเดียวกัน เรา ก็จะขออาศัยพวกเขาตามขบวนไป เพราะ อาจจะปลอดภัยกว่า เรา เดินไปกันเพียงสองคน และ อีกอย่างพวกเขามีพาหนะ เรา จะได้ไม่ลำบากเกินถ้าบังเอิญเมืองยังอยู่ไกล..”..ไทม์ สำรวจเป้ที่เป็นสำภาระสำหรับทิปเดินทางนี้และ พยายามเลือกหาของใช้ที่ใกล้เคียงในยุคนี้มามากพอสมควร..

          ของ ทุกสิ่งที่เตรียมจะหายจากร่างที่ ปัจจุบัน ติดมาด้วยกับการเดินทาง เพราะฉะนั้นตอนกลับต้องพยายามนำกลับด้วยเช่นกัน ถ้าเป็นของผิดยุค!!.. เพราะอาจไปกระทบกับประวัติศาสตร์ได้ จึงต้องพยายามนำติดตัวเสมอ ในเวลาเดินทางข้ามเวลากลับต้องพยายามนำกลับด้วยเช่นกัน..เขา เดินจูงมือเข้าไปยังที่ตั้งกองไฟ และ ส่งเสียงตะโกนเข้าไปก่อน. . (อย่าสงสัยเรื่องภาษา เพราะ พวกเขาเก่ง ภาษาอยู่แล้ว แต่ความจริงอีกอย่างคือ ในอุโมงค์เวลานั้น ก็ ทำหน้าที่เหมือน ฟองน้ำแปลภาษา ของโดเรมอน ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใด แม้ มนุษย์ต่างดาว ถ้ามาอยู่บนโลก พวกเขา ก็ จะสามารถคุยภาษาเดียวกันได้ รวมทั้งสัตว์ เกือบทุกชนิดด้วย..จึงได้บอกไง ว่าบางที่อาจไปโผล่ในร่างสัตว์ ก็ ต้องทำตัวไม่แตกต่างกับ สัตว์ชนิดนั้น..). .

“ ไฮ สวัสดีครับทุกท่าน ผมมาดีผมมาดี แค่หลงทางมา ขอแวะพักผิงไฟ ใจเย็นๆก่อน..”..ไทม์ ตะโกนเสียงดังเพื่อ ให้คนกลุ่มนั้นรู้เจตนา ไม่ได้ประสงค์ร้าย เพราะ ยุคนั้นเป็นยุคบ้านป่าเมืองเถื่อนจะไว้ใจใคร นั้นเป็นเรื่องยาก แต่ พออีกฝั่งได้ยินเสียงก็ มีสองคนในกลุ่มยกปืนขึ้นเล็งมา..
“ ยกมือขึ้นเดินเข้ามาช้าๆ ..”..เสียงชายตัวใหญ่ตะโกนสั่งมา..
“ ผมมาดี แค่ผ่านมาขอแวะผิงไฟครับ กับหาอะไรร้อนๆดื่มเท่านั้นเอง..ตกลงผมจะค่อยๆ เดินเข้าไปหาพวกคุณช้าๆนะ..ผม มากับน้องสาว เพียงสองคน..”..เขา ทำตามที่อีกฝั่งตะโกนบอกมา..

          พอเดินเข้าไปถึงแสงสว่างจากเปลวกองไฟ ก็ ทำให้รู้ว่ามี ชาย 3 หญิง 3 อยู่ที่นั้นคนตัวใหญ่ผิวดำเล็งปืนมายัง เขา และ นิ่ม ส่วนคนผิวขาวอีกคนตัวไม่ใหญ่มากสูงประมาณไม่เกิน 170 พอเราทั้งสองเดินเข้าไปจนพอเห็นหน้าคนผิวขาวก็ลดปืนลง แต่ คนผิวดำสูงเกือบ 2 เมตรยังถือปืนเล็งมาอยู่..

“ คุณเป็นใคร มาทำอะไรอยู่แถวนี้..”..ชายผิวขาววัยประมาณ 50 คนนั้นถามท่าทีดูเป็นมิตร..
“ ผม เป็นคนพเนจรเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วนะครับเดินทางผ่านมา จะไปเมืองลินคอล์น..”..ไทม์ ตอบกลับไปอย่างสุภาพ..
“ เฮ้ย คุณเป็นคนเหลืองหรา..”..เขา ดูท่าทางแปลกใจเมื่อเห็นหน้าพวกเราชัดขึ้น..
“ ใช่ ผมมาจากสยาม คุณคงไม่รู้จัก..ผม ไทม์ครับ”..ไทม์ ตอบกลับก่อนเดินเข้าไปจับมือคนผิวขาว และคนผิวดำก็ลดปืนลง.
“ ขอโทษที่เสียมารยาท แต่เพื่อความปลอดภัยนะครับ..เชิญๆ..ผม ฟรังซัว โซรองซ์ ครับ..หยางกุ่ยรินชากาแฟให้เขาหน่อย...”..เขา หันไปบอกคนจีนอายุมากที่ยังไว้ผมเปียทักคนหนึ่ง..
“ ยินดีที่ได้พบค่ะ นิ่ม คะคุณผู้หญิง..”..นิ่ม ยืนมือไปจับมือกับ หญิงสาวคนหนึ่งน่าจะวัยเดียวกันกับเธอ..
“  ค่ะยินดีคะ ฉันแมรี่ จ๊ะ นิ่ม ชื่อคุณออกเสียงยากจัง นั่น หย่างกุ่ย และ ฟงหลิน และนั้น โทมัส และ สิเรียม..”..หญิงสาว แนะนำทุกคน พวกเราต่างเดินไปจับมือ แต่ คนผิวดำทั้งสองดู งง งง ซึ่งต่างจาก สองพ่อลูกคนจีน ที่ดูจะดีใจและ ยินดีที่พบคนผิวสีเดียวกัน..

       ทั้งหมดนั่งลงล้อมวงอีกครั้งพร้อมสนทนาถามที่มา-ที่ไปของ แต่ละฝ่าย..ไทม์ และ นิ่ม บอกว่าเป็นคนพเนจรเดินทางท่องเที่ยงหาแหล่งทองไปเรื่อยๆ กำลังจะไปเมืองลินคอล์น เพื่อหาซื้อเสบียง แล้วที่พักสักระยะหนึ่ง ก่อนเดินทางต่อ..ฟรังซัว โซรองซ์ ชายผิวขาวเป็นชาวฝรั่งเศสมีอาชีพหมอ อาศัยอยู่ก่อนถึงเมืองประมาณ 1 ไมล์เดินทางกลับมาจากไปทำพิธีศพแม่ภรรยาที่ อังกฤษ ตอนนี้..

 เขา และ ลูกสาวคือแมรี่..โทมัส และ สิเรียม[


*

ออฟไลน์ kaithai

  • Global Moderator
  • *****
  • 2743
  • 2748
    • ดูรายละเอียด
จองที่ไว้ก่อน

*

kawana okamoto

ชอบแนวเหนือธรรมชาติ​มากครับ

*

ออฟไลน์ anakinssss

  • Full Member
  • **
  • 129
  • 53
    • ดูรายละเอียด
ขอติดตามต่อนะครับ บทเเรกยังไม่มีอะไร

*

ออฟไลน์ kuykaru

  • Full Member
  • **
  • 125
  • 1
    • ดูรายละเอียด
ช่างเป็นความสาม่รถที่น่าหลงไหลจริงๆ

*

ออฟไลน์ xmem08

  • Senior Member
  • ****
  • 931
  • 50
    • ดูรายละเอียด
ยุคคาวบอยด้วย

*

ออฟไลน์ Free_dyna03

  • Junior Member
  • ***
  • 353
  • 0
    • ดูรายละเอียด
เนื้อเรื่องแปลกดีครับ

*

ออฟไลน์ cupjoker

  • Tiny Member
  • *
  • 31
  • 0
    • ดูรายละเอียด
สนุกสนานครับ น่าติดตาม

*

ออฟไลน์ inferno555

  • Junior Member
  • ***
  • 359
  • 0
    • ดูรายละเอียด
เรื่องดีมีคุณภาพ

*

ออฟไลน์ huipai

  • Tiny Member
  • *
  • 38
  • 51
    • ดูรายละเอียด
อ่านไปยาวๆ

 

ช่องทางแจ้งข่าวเผื่อโดนปิด ติดตามไว้นะ