ในห้องรับแขกนั้น ชาติชาย วรวุฒิ ศรัณย์กับชายหนุ่มอีกสองคน นั่งล้อมโต๊ะตัวเล็กก้มหน้าคุยกันง่วน เสียงโทรศัพท์วรวุฒิดังขึ้นเจ้าตัวจึงปลีกตัวไปรับโทรศัพท์ ครู่ใหญ่ ๆ ก็เดินกลับมา
“เฮ้ย งานเข้า” เสียงดังตั้งแต่ตัวยังเดินมาไม่ถึง “ผู้การเรียก ไอ้ชายกับรัณย์ไม่ต้องเว้ยไม่ใช่เรื่องนี้ เรื่องต่างด้าว เดี๋ยว พวกข้าไปรับงานก่อน”
“งั้นผมติดรถกลับไปบ้านด้วยครับพี่” ศรัณย์ร้องบอกพร้อมกับเก็บของ
“ดี กูกลับด้วย” ชาติชายบอกเรียบๆ ลุกขึ้นช่วยเก็บของ ขณะที่กำลังช่วยกันปิดบ้านนั่นโทรศัพท์ของวรวุฒิก็ดังขึ้นอีก
“ว่าไง ยายก้อย... อ้าว..แล้วไงล่ะ.. เดี๋ยวพี่จะออกไปทำงานก่อนแหละ.. เหรอ ได้ ๆเดี๋ยวให้ไอ้ชายมันรอแล้วกัน แค่นี้” วรวุฒิปิดโทรศัพท์ขณะที่ชาติชายหันมามองเลิกคิ้ว
“ชาย ไอ้ก้อยมันกำลังกลับบ้านมันลืมกุญแจบ้านน่ะ เอ็งช่วยรอ ยายก้อยหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวมาแล้วค่อยกลับ”
“ได้ แล้วเอ็งกลับมากี่โมง” ชาติชายบอกเรียบ ๆ
“ไม่รู้ว่ะ เดี๋ยวไปแล้วจะโทรมาบอกยังไงฝากดูด้วยแล้วกัน” วรวุฒิบอกพลางหยิบของชาติชายยักไหล่
“นี่ข้ามาเป็นขี้ข้าเอ็งแต่เมื่อไรวะ” ชาติชายบ่นพึมพำ วรวุฒิเดินโฉบเข้ามาใกล้ ๆพูดกันให้ได้ยินกันแค่สองคน
“หัดไว้ ไอ้ชาย ไอ้น้องเขย ฮ่าฮ่า ฮ่า” พูดจบก็ออกเดินตัวปลิวออกจากบ้านไปชาติชายกลับมานั่งที่โต๊ะเปิดโทรทัศน์ นั่งดูฆ่าเวลาระหว่างที่ไม่รู้จะทำอะไร
“สวัสดีค่า พี่ชาย” เสียงใส ๆ ของสาวน้อยดังขึ้นชาติชายหันไปดูเห็นสาวน้อยในชุดนิสิตกำลังถอดรองเท้า
“สวัสดีจ๊ะ ร้อนไหม วันนี้ทำไมเลิกเร็วล่ะบ่ายไม่มีเรียนเหรอ แล้วยังไงถึงได้ลืมกุญแจบ้าน” ชาติชายถามส
าวน้อย ยืนเบิกตาเลิกคิ้ว “พี่ชายยยย” เสียงถามแหลมสูงจนชาติชายเลิกคิ้วบ้าง
“ทำไมเหรอ”
“ก็โหถามซ้า... ยังกะเป็นผู้ปกครองงั้นน่ะ” ตอบพร้อมกับเม้มปาก
“ค่า ก้อยเลิกเร็วเพราะวันนี้มีเรียนแค่ครึ่งวันเจ้าค่ะบ่ายไม่มีเรียนเจ้าค่ะ แล้วเมื่อเช้าก็ตื่นสายไปหน่อยเตรียมกับข้าวกับปลาให้พี่แก้วอยู่ เลยลืมหยิบกุญแจบ้าน เจ้าค่า....”
“โห แค่นี้ มีประชด” ชาติชายลุกเดินไปรินน้ำเย็น ๆ มายื่นส่งให้
“อ่ะ กินน้ำก่อนนะ”
“พี่ชายนี่บ้านก้อยนะ”
“อ้าว จริงดิงั้นไม่ต้องกินแล้วกัน” ชาติชายทำท่าจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มสาวน้อยพุ่งเข้าแย่งแก้วน้ำจากมือ ตอนที่มือ กระทบกันทำเอาน้ำกระฉอกรดทั้งสองคนจนเปียกไปด้วยกันสาวน้อยยืนหน้าบึ้งขณะที่ชาติชายหัวเราะ เช็ดน้ำ ออกจากใบหน้าตัวเอง
“ดูเด่ะ เปียกหมดเลย” คำพูดกระเง้ากระงอดทำให้ชาติชายยิ้มมากขึ้น
“ยังจะมายิ้มอีก เดี๋ยวเหอะ”
“เอาน่า ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะไป๊” สาวน้อยสะบัดหน้า คว้าหนังสือเดินตึง ๆ ขึ้นชั้นบนครู่ใหญ่สาวน้อยก็เดินลงมาโดยเปลี่ยนจากชุดนิสิตมาเป็นเสื้อยืดแขนกุดคอกว้างอวดเนินอกผุดผ่องกับกางเกงขาสั้นอวดเรียวขาระหง
“พี่ชายกินอะไรดีคะ มื้อเย็นน่ะ” สาวน้อยชะโงกหน้าถามมาจากประตูห้องครัว
“ไม่ละ เดี๋ยวพี่กลับแล้ว”
“อ้าวเหรอคะ” เสียงสลดไปนิดหนึ่ง
“พี่แก้วกลับมากินข้าวป่าวคะ”
“ไม่รู้มันมันบอกว่าเดี๋ยวจะโทรมาบอก”
“แหม พูดไม่เพราะเลย ผู้ชายเนี่ย”
“อ้าว...”
“ก็จริงนี่คะหรือจะเถียง”
“ก็นิด ๆ หน่อย ๆ เองแหละน่าพี่ก็พูดกับเพื่อน ๆ เท่านั้นเอง”
“นั่นแหละเดี๋ยวจะโทรไปฟ้องคุณป้า”
.
“อ้าว...”
“แน้..พี่ชายนี่ พูดเป็นแต่อ้าวอ้าว เหรอคะเนี่ย”
“อ้าว... ไหงงั้นล่ะจะให้พูดอะไรล่ะ”
“ไม่รู้แล้วโกรธแล้ว” พูดจบสาวน้อยก็สะบัดหน้าเดินหายลับขึ้นไปข้างบนปล่อยให้ชาติชายนั่งงงอยู่คนเดียวเขานั่ง ส่ายหัวเบา ๆ แล้วหันไปดูโทรทัศน์ต่อได้ครู่ใหญ่ ๆ สาวน้อยก็เดินตุ๊บ ๆมายืนข้างหลัง
“พี่ชายคะ จะกลับบ้านจริงเหรอ”
“อ้าวเดี๋ยวพี่ก็ต้องกลับบ้านซีครับ เดี๋ยววุฒิก็คงกลับแล้วมั๊ง”
“ไม่หรอกค่ะพี่แก้วบอกว่าไม่กลับจะออกไปทำงานเลย คงอีกสักสามสี่วัน”
“อ้าว เหรอ มันโทรมาแล้วเหรอ”
“ค่ะ โทรมาเมื่อกี้พี่ชายอยู่เป็นเพื่อนก้อยได้ไหมคะ”
“ก็ได้จ๊ะ ค่ำ ๆ ค่อยกลับก็ได้ไม่เป็นไรหรอก วุฒิออกไปทำงานนี่พี่คงว่าง ๆ อยู่หรอก”
“ไม่ใช่ค่ะ อยู่กลางคืนน่ะ” น้ำเสียงเริ่มกระเง้ากระงอด
“อืมม จะดีเหรอ” ชาติชายครุ่นคิดแหงนหน้าขึ้นมองสาวน้อยที่ก้มลงมาจ้องตา
“นะคะ นะคะ ก้อยอยู่คนเดียวเหงาด้วย เบื่อด้วย ทุกครั้งเลย”
“แล้วให้พี่มาอยู่เป็นตัวตลกเหรอพี่เล่นตลกไม่เป็นด้วยนา”
“มาอยู่เป็นเพื่อนก้อยไงคะแบบคุยกันน่ะ เผื่อก้อยถามการบ้านมั่ง”
“งั้น..พี่จะรู้เรื่องเหรอนั่น เรียนมาคนละเรื่องเลยน่ะนะ”
“แหมก้อยก็ถามที่พี่ชายรู้เรื่องซีคะ เหอะ ไม่อยากก็ไม่ต้องก็ได้” สาวน้อยเดินหายลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้งสาวน้อยหายไปอีกพักใหญ่ก็เดินกลับลงมา
“พี่ชายคะพี่ชายจะไม่แต่งงานกับก้อยตามที่คุณป้าบอกใช่ไหมคะ
” “หา อะไรนะ” ชาติชายสะดุ้งลุกขึ้นนั่งตัวตรง
“พี่ชายจะไม่แต่งกับก้อยตามที่คุณป้าบอกใช่ไหมคะ”
“ใครบอกล่ะ”
“ก็เนี่ยก้อยบอกอะไรก็ไม่เห็นจะทำสักอย่าง”
“อ้าว...” “ก็จริงนิ ก้อยขอให้มาอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่มาใหิ้อยู่กินข้าวก็ไม่อยู่”
“อ้าว...”
“แล้วยังจะมากวนโทโสก้อยอีกฮือ..” คราวนี้สาวน้อยยืนร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทางลงมาอาบแก้ม
“เฮ้ย..อ้าว ร้องไห้เรื่องอะไร” ชาติชายลุกขึ้นเดินไปโอบไหล่สาวน้อยเข้ามากอดเบา ๆ
“ขี้แยซะ..”
“ไม่ต้องมาว่าก้อยเลย โกรธแล้ว”
“โกรธอะไรเล่าพี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แล้วก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่แต่งงานสักนิดแค่บอกว่าพี่อยู่ค้างคืนมันจะไม่ดี เท่านั้นเอง” ชาติชายกอดพลางลูบไหล่มนๆ เบา ๆ กลิ่นกายสาวโชยเข้าจมูกรวยรื่น
“แหม ก้อยโตแล้วนะคะ”
“ก็นั่นแหละอย่างที่แม่ว่านั่นแหละ ใครเขาจะมองไม่ดีไง”
“ช่างเขาดิ”
“แต่ก้อยจะเสียหายนะ”
“เรื่องของก้อย คนอื่นไม่ได้มาเป็นอะไรกับก้อยนี่”
“อ้าว...”
“งั้นพี่ชายกินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับนะคะนะคะ นะ น้า...” ใบหน้าสวย ๆอ่อนเยาว์นั้นเงยขึ้นออดอ้อน
“อืมม ตกลง เดี๋ยวพี่โทรบอกศรัณย์ก่อนเขาจะได้รู้ว่าพี่ไม่กลับไปกินข้าวน่ะ”
“ได้ค่า...งั้นก้อยไปทำกับข้าวแล้วนะคะ”
................... “เดี๋ยวคืนนี้มีของมาส่งจ่าชดช่วยไปรับของหน่อย หลังขนส่งน่ะ” เสี่ยใหญ่บอกลูกน้องคนใหม่อดีตตชด.นอกแถว
“ครับ กี่โมงครับเสี่ยแล้วจะให้เอาไปไหนครับ”
“สักสี่ทุ่มน่ะ เอาไปเก็บไว้ที่บ้านที่บ่อสร้างก่อน ระวังด้วยล่ะ”
“ได้ครับแล้วเสี่ยล่ะครับ”
“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวอั๊วกลับบ้านเลย” เสี่ยใหญ่บอกแล้วลุกขึ้น
“จ่าไปส่งที่บ้านแล้วก็ตามสะดวกแล้วกัน เสร็จแล้วโทรบอกหน่อย แค่นั้นก็พอ เดี๋ยวอีกสักสามวันค่อยไปส่งของกัน”
“ครับเสี่ย” เสี่ยใหญ่เดินนำหน้าจ่าตำรวจออกจากห้องทำงาน พอขึ้นนั่งก็หยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นมากดหมายเลข...................
“ตกลงตามนั้นเลย เสี่ยผมจะให้คนไปรับของ แต่ช่วงนี้คงต้องระวังตัวหน่อยแล้วนะเสี่ยดูเหมือนมันจะใกล้ตัวเสี่ย เข้าไปทุกทีแล้วมั๊ง” ผู้ช่วยรัฐมนตรีหนุ่มใหญ่นอนเอกเขนกอยู่บนที่นอน
“ครับ ผมมีคนคุ้มกันใหม่แล้วครับท่านไม่ต้องห่วงนะครับ”
“อือมมม เสียดายลูกชายเสี่ยนะยังหนุ่มยังแน่น”
“ท่านพอจะระแคะระคายว่าฝีมือใครไหมครับ”
“ยังเลยนะ ทางนี้เงียบ ๆ อยู่ผบ.ตร. ก็ไม่ได้ว่าอะไร” ผู้ช่วยรัฐมนตรีหันไปมองประตูห้องที่เปิดแง้มออก
“แล้วคราวหน้า จะให้ใครมาส่งของล่ะ” “เดี๋ยวผมมาเองครับ ขับรถล่องมาเลยกับลูกน้องอีกคนคนเก่าโดนเก็บไปหมด ต้องค่อย ๆ หาคนมาแทนครับ”
“ก็ดีนะ จะได้มาคุยกันบ้างพาคุณพัชราภามาด้วยซี จะได้มาพักสมอง” ปากก็พูดอย่างหนึ่งแต่ในหัวนึกภาพเมียสาวใหญ่ของเสี่ยกิมเล้ง ยามที่เปลือยกายให้เขาเอาท่อนเนื้อทะลวงรูฉ่ำน้ำเมื่อคราวที่แล้ว
“เดี๋ยวคราวหลัง ผมพามาพักผ่อนครับคราวนี้ส่งของเดี๋ยวจะเอิกเกริก”
“พามาก็ช่วยปกปิดด้วยไงก็โอเคนะเสี่ย งั้นแค่นี้นะ” ผุ้ช่วยรัฐมนตรีบอกตัดบทสนทนา
“ครับท่าน สวัสดีครับ”...................
ชาติชายส่งจานที่ล้างจนสะอาดไปให้สาวน้อยที่รับไปเช็ดจนแห้งหมาดแล้วคว่ำวางลงกับตะแกรงสำหรับวางจาน
“พี่ชายอยู่เป็นเพื่อนก้อยไม่ได้จริง ๆ เหรอคะ” เสียงถามอ่อย ๆ
“มันไม่ดีไงล่ะจ๊ะ” ชาติชายตอบเรียบๆ หันไปยิ้มให้สาวน้อยที่ยืนหน้าง้ำอยู่ข้าง ๆ ปิดน้ำที่ล้างจานอยู่แล้วเอาฟองน้ำเช็ดอ่างล้างจานจนหมาด
“ใครรู้เข้าเขาจะเอาไปพูด สาวน้อยก็เสียหายไงเกิดไปเข้าหูแม่เข้า มีหวังโดนเทศนากันอีก” คราวนี้สาวน้อยไม่ได้ออดอ้อนออกฤทธิ์แต่เดินขึ้นชั้นบนไปเงียบๆ ชาติชายถอนหายใจเบา ๆ จัดการปิดประตูหลังบ้าน แล้วไล่ปิดหน้าต่างครัวลงกลอนปิดไฟแสงสว่างจนเรียบร้อย แล้วไล่ปิดมาถึงห้องนั่งเล่น จัดการปิดหน้าต่าง ปิดไฟในห้องเปิดไฟหน้าประตูบ้านเงยหน้าขึ้นมองชั้นบนที่สาวน้อยหายเงียบขึ้นไปครู่ใหญ่แล้ว เขาชั่งใจก่อนจะปิดประตูบ้านลงกลอนไว้ก่อน แล้วพาร่างเดินขึ้นชั้นบนตรงไปยังประตูห้องสาวน้อยที่ปิดเงียบยกมือเคาะประตูเบา ๆ พอไม่มีเสียงตอบก็ค่อย ๆ แง้มประตูมองเข้าไปในห้องเตียงนอนว่างเปล่าพาให้เขาฉงนใจว่าสาวน้อยหายไปอยู่ที่ไหน แต่พอหันกลับมาร่างขาว ๆก็โดดเข้าใส่กอดคอแน่น อกอวบตันในเสื้อยืดบดอัดกับหน้าอก สองขาเรียวนวลรัด รอบเอวเขาไว้ชาติชายโอบแขนรัดรับร่างประเปรียวนั้นไว้แน่นด้วยกลัวเธอจะหล่น
“นี่แน่ พี่ชาย” ใบหน้างามจิ้มลิ้มยิ้มกริ่ม
“อืมม อยู่นี่เอง เห็นเงียบพี่เลยขึ้นมาดู จะกลับแล้ว”
“ไม่ให้กลับ” สาวน้อยบอกแล้วแนบร่างเข้ากอดซุกหน้าลงกับซอกคอแน่น
“ขี้โกงแล้วนะ”
“ไม่รู้ล่ะ ก้อยไม่ให้กลับ” พูดแล้วกอดแน่นขยับตัวที่เลื่อนไหลทำเอาเป้ากางเกงไถเอากับเป้ากางเกงชาติชายปลุก ท่อนเนื้อขึ้นมาช้า ๆชาติชายใจหายเมื่อรู้สึกว่าท่อนเอ็นเนื้อโดนกระตุ้นอย่างที่สาวน้อยก็ไม่ได้ตั้งใจ “นี่สาวน้อย อย่าโกงซีครับ ปล่อยเถอะ”
“ไม่ปล่อย ไม่ปล่อย” สาวน้อยขยับตัวรัดแน่นขึ้นแล้วก็ตื่นตะลึงตัวแข็งหน้าแดงเมื่อเป้ากางเกงที่แนบแน่นรู้สึกถึง ท่อนลำเนื้อของชาติชายที่แข็งขึ้นมาเป็นลำพองตัวส่งความแข็งผ่านเนื้อผ้าขึ้นมากดโคกเนินตัวเอง
“อุ้ย..” “หือ..เป็นอะไร” “ไม่รุ๊..” ใบหน้าแดงซ่านซุกเข้ากับซอกคอแต่ก้นกลมกลึงขยับไปมาเบา ๆ
“ก้อย หยุดนะพี่ชายไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ” ชาติชายหน้าตาตื่นเมื่อรู้สึกว่าสะโพกกลมกลึงนั่นขยับจนเป้าโหนกขยับไถท่อนเนื้อเขาอยู่เบา ๆ
“น้องก้อย..”
“ขา..” เสียงขานรับมาจากซอกคอดังสั่นกระเส่าเรียวแขนรัดร่างชาติชายจนรู้สึกถึงกระเปาะเต้าบดอัดเข้ามากับอกเขา
“พอเหอะ นะจ๊ะ”
“ไม่..” ใบหน้าที่เงยขึ้นสบตานั้นแดงซ่าน
“อย่าดื้อซิครับ”
“จะดื้อ..” ชาติชายรัดร่างนั้นแน่นขึ้นเพราะตัวสาวน้อยทำท่าจะไถลลง
“สาวน้อย เดี๋ยวเลยเถิดนะครับ”
“อืมม.. ช่างมัน” สาวน้อยตอบแผ่วหวิวพยายามรัดร่างตนเองไว้กับร่างชาติชาย
“พี่ชายรักก้อยหน่อยซีคะ”
“พี่ชายก็รักสาวน้อยอยู่แล้วนี่” ชาติชายขยับตัวเข้าไปในห้องพยายามขยับตัวเดินไปเพื่อจะวางร่างสาวน้อยลงบนเตียง แต่นั่นก็เท่ากับว่าตัวเขาเองขย่มร่างสาวน้อยจนโหนกเนื้อที่เบียดอยู่กับท่อนเอ็นถูไถกันมากขึ้น
[colo