ฤาลมจะพัดหวน 1 | two-hitchhikers.ru

ฤาลมจะพัดหวน 1

  • 31 ตอบ
  • 10514 อ่าน
*

ออนไลน์ twintower

  • Junior Member
  • ***
  • 255
  • 2990
    • ดูรายละเอียด
ฤาลมจะพัดหวน 1
« เมื่อ: สิงหาคม 13, 2016, 02:46:36 pm »
(จากผู้เขียน  เรื่องนี้ตอนแรกใจจริงผมอยากจะแต่งให้เป็นเรื่องสั้นจบเป็นภายในตอนเดียว  แต่แล้วมันก็กลายเป็นเรื่องยาวเลยแบ่งเป็น 2 ตอน  เรื่องนี้ฉากเซ็กส์อาจจะไม่จุใจเท่าไหร่นะครับ 

ป.ล.ส่วนใครที่รอเรื่องแบบนี้ต้องสั่งสอน คงต้องรอสักพักนะครับผมยังแต่งไม่จบครับ แต่ดูแล้วน่าจะจบในตอนที่ สองครับ)


พออ่านเอกสารที่เป็นโครงการใหม่ที่ฝ่ายการตลาดจะนำเสนอในที่ประชุมวันนี้ รอบที่สองผมเผลอพูดออกมาเบาๆว่า “ฉิบหายแล้ว”แล้วรีบกดโทรศัทพ์ไปโต๊ะ  M.D. ทันที แต่ไม่มีคนรับสายแสดงว่าไม่อยู่ที่ห้องแล้วลองโทรไปโต๊ะเลขา ก็ไม่รับสายแปลว่าไปห้องประชุมด้วยกันแล้ว ผมรีบเอาโทรศัทพ์มือถือโทรทันที แต่แล้วก็โทรศัพท์ที่โต๊ะดังขึ้น พอก้มลงดูเห็นเป็นเบอร์ของ  กระต่ายเลขาของผม ผมปล่อยให้มันดังเพราะรอให้ M.D. รับสาย รอสักพักถึงรับสาย

“เอ่อ พี่กวางครับ”แต่เธอก็พูดขึ้นมา

“จ้า เจมส์ทุกคนรออยู่ที่ห้องประชุมเลยรีบมาเลยนะ”

ผมยังไม่ทันพูดอะไรเธอก็วางสายแต่ก่อนผมจะลุกขึ้นผมมองไปขวดน้ำฝรั่งคั้นที่อยู่บนโต๊ะด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ก่อนที่จะรีบเดินไปห้องประชุมพร้อมเอกสารโครงการใหม่ที่การตลาดนำเสนอพร้อมไอแพ่ด พอเปิดประตูห้อง กระต่ายรีบบอกว่า

“คุณเจมส์  รีบไปห้องประชุมเลยคะ ฝนโทรมาตามแล้ว”

ฝนในที่นี้คือเลขาสาวของคุณกวางหรือที่ผมเรียกพี่กวาง ที่เป็น M.D ของบริษัทฯนี้ แต่กระต่ายทำหน้าเหมือนจะมีคำถาม พอผมเลิกคิ้วเหมือนจะถามเธอว่ามีอะไรอีกหรือเปล่า

“เอ่อ  ไว้คุยหลังประชุมก็ได้คะมันไม่สำคัญเท่าไหร่ ทุกคนรอคุณเจมส์อยู่”

ผมพยักหน้าแล้วเดินขึ้นไปห้องประชุมที่อยู่อีกชั้น   พอเข้าไปดูเหมือนทุกคนจะมาครบแล้ว สายตาเกือบทุกคู่มองมาที่ผม แต่ดูเหมือนจะมีสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองผมเป็นพิเศษ ผมสบตาพี่กวางที่นั่งหัวโต๊ะนิดนึงเธอมองผมด้วยใบหน้ายิ้ม  ผมเดินไปห้องเก้าอี้เกือบท้ายโต๊ะ โดยข้างๆผมเป็น ผอ.ฝ่ายขาย แต่สายตาคู่นั้นยังลอบมาที่ผมเป็นระยะโดยผมแกล้งทำเป็นไม่เห็น แล้วพี่กวางก็กล่าวนำหลังจากองค์ประชุมครบแล้ว ว่าทางฝายการตลาดมีโครงการจะนำเสนอ ถ้ามันสำเร็จจะทำกำไรให้บริษัทมากมายถึงแม้จะใช้ทุนสูง พี่กวางเลยอยากให้ทุกคนรับทราบและเสนอข้อแนะนำโดยทางฝ่ายการตลาดได้นำเอกสารโครงการนี้ส่งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องรับทราบมาเกือบ อาทิตย์แล้ว หลังจากนั้น พี่กวางได้ให้ ผจก.ฝ่ายการตลาดที่ชื่อ ลิลลี่พร้อม ผช.ผจก.ฝ่ายการตลาดคนใหม่ชื่อแพร ที่มาเริ่มงานได้เกือบเดือนเป็นคนนำเสนอ ทั้งคู่ได้นำเสนอโครงการนี้เป็นอย่างดี ดูทุกอย่างสวยหรูมีข้อมูลที่แน่น แต่ระหว่างที่ทั้งคู่ออกมาพูดพร้อมข้อมูลต่างๆ บนหน้าจอโปรเจ็คเตอร์  ผมนั่งจดบางเรื่องบนกระดาษเอกสารของโครงการนี้โดยไม่สนใจที่ทั้งคู่พูด แม้ทั้งแพรกับลิลลี่พยามมองมาที่ผม จน ผอ.ฝ่ายขายกระซิบถามผมที่นั่งจดอย่างเดียวด้วยความสงสัยว่า

“มีอะไรหรือเปล่าเจมส์  เห็นนั่งจดอย่างเดียว”

ผมตอบไปด้วยเสียงเบาๆว่า

“มีครับพี่  รอประชุมจบก่อนสงสัยคุยกันยาว”

พอการนำเสนอจบ พี่กวางได้สอบถามว่าใครมีอะไรสงสัยหรือจะนำเสนอตรงไหน  ซึ่งทุกคนส่วนใหญ่จะเห็นด้วยถึงมีข้อสงสัยทั้งแพรและลิลลี่ตอบข้อสงสัยได้หมด ระหว่างนั้นผมนั่งเงียบอย่างเดียว จนในที่สุด พี่กวางถามผมเป็นคนสุดท้าย

“ว่าไงเจมส์นั่งเงียบมาตลอด มีอะไรจะบอกไหมและคิดว่าควรจะให้ผ่านหรือเปล่า ก่อนที่จะนำเสนอท่านประธาน
อีกที”ท่านประธานในที่นี้คือคุณพ่อของพี่กวาง

ผมยังไม่ทันตอบ ลิลลี่ก็พูดต่อทันที

“นั่นสิเจมส์ว่ายังไง อ่านรายละเอียดก่อนแล้วใช่ไหมเห็นนั่งจด คิดว่ายังไง ลิลลี่ก็อยากปรึกษาเจมส์ก่อนนะ เพราะรู้ว่าเจมส์เคยทำงานกับบริษัทที่เป็นที่ปรึกษาโครงการแบบนี้มาแล้ว  แต่เจมส์ไปดูงานที่ญี่ปุ่นเกือบเดือนตั้งแต่กลับมาเราเลยไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ ลิลลี่กับแพรอยากได้ข้อแนะนำจากเจมส์แต่หลายอย่างแพรเป็นคนคิดนะและลิลลี่เห็นชอบด้วยเลยมานำเสนอ”

ลิลลี่พูดจบพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ผม  ผมเงียบไปนิดนึงก่อนพร้อมถอนหายใจเบาๆก่อนพูดออกมาว่า

“ไม่ผ่านครับ” แล้วผมยกมือขึ้นห้ามลิลลี่ที่สีหน้าเปลี่ยนไปทันทีแล้วทำท่าจะถามถึงสาเหตุที่ผมค้านเหมือนจะบอกว่าฟังผมก่อน

“ที่ผมบอกไม่ผ่าน เพราะมันจะต้องเจอปัญหาแบบนี้แน่นอนเดี๋ยวผมจะบอกให้ผมไม่อยากให้บริษัทต้องเสี่ยงกับเงินที่ต้องลงทุนไปมากและมาแบกกับความเสี่ยงโดยไม่ป้องกัน เพราะที่ฟังมาร่วม 45 นาทีและในเอกสารที่ผมอ่าน  ไม่ได้บอกวิธีเตรียมการที่จะแก้ปัญหาพวกนี้ที่อาจจะเกิดขึ้น และผมบอกได้ว่า บางข้อที่ผมจะบอกต่อไปนี้เกิดขึ้นแน่นอน”

แล้วผมยกคำถามและประเด็นที่อาจเป็นปัญหาขึ้นมาซึ่งมี ร่วม 10 ข้อ ตบท้ายว่าถ้าหาวิธีมามาป้องกันและเตรียมวิธีแก้ไขให้กับข้อสงสัยนี้ขึ้นมาได้ ผมว่าน่าจะผ่านความเห็นชอบ  และตลอดเวลาที่ผมพูด เป็นครั้งแรกในรอบ3-4 วันที่ผ่านมาที่ผมสบตากับแพรอย่างจริงจังซึ่งสายตาของแพรที่มองมาที่ผมนั้น มันบ่งบอกถึงความตัดพ้อ ความน้อยใจส่วนสายตาของผมที่มองไปที่แพรมีแต่ความเย็นชา ซึ่งต่างกับสายตาของลิลลี่ที่ดูไม่พอใจอย่างมาก และมันทำให้ผมนึกย้อนไปถึงช่วงเวลา 4-5ปีที่ผ่านมา

ผมกับแพรเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละคณะ สถานะของเราสองคนมันต่างกันมาก แพรเป็นลูกสาวข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เป็นทั้งดาวคณะและเป็นลีดส์คณะ  ในขณะที่ผมเป็นลูกชาวบ้านธรรมดา พ่อกับแม่เคยทำงานราชการในกรุงเทพ และก่อนที่ผมจะเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งสองคนได้ตัดสินใจลาออกเพื่อจะไปดูแลและทำไร่ที่ต่างจังหวัด ผมตั้งใจเรียนด้วยความอดทนแต่คงเป็นเพราะโชคชะตา ทำให้ผมกับแพรได้รู้จักกันและเป็นแฟนกันในที่สุดท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนทั้ง 2 ฝ่าย แต่เราก็ต้องปรับตัวหากันมาก นิสัยของแพรเป็นลูกคุณหนู เอาแต่ใจ ขี้งอน ขณะที่ผมเอาใจคนไม่เป็น ง้อไม่เก่งแต่เราก็พยายามปรับตัวเข้าหากันจนได้ เราไปกันได้ด้วยดี และด้วยผมเป็นคนที่ค่อนข้างขยันในการเรียน จนทำให้เกรดอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้เกียรตินิยม แต่ชีวิตรักของเรามันก็มาจบก่อนที่เราจะเรียนจบไม่กี่เดือน แพรเข้าใจผมผิดว่าไปเป็นกิ๊กส์กับนักศึกษารุ่นน้องคณะเดียวกัน แต่ความจริงก็คือ เด็กคนนั้นเป็นคนในละแวกของบ้านพ่อกับแม่ผมที่ต่างจังหวัด ทางบ้านเลยฝากให้ผมช่วยดูแล  ตอนนั้นผมพยายามจะอธิบายแต่แพรก็ไม่สนใจที่จะฟัง เธอไม่ยอมที่จะมาพบผมทั้งๆที่เพื่อนของเราทั้งคู่ต่างพยายามจะช่วย แต่ไม่เป็นผลแถมเธอยังหันไปทำท่าคบกับผู้ชายอีกคนในคณะเดียวกับเธอ แถมยังให้ผมเห็น ตอนนั้นผมเสียใจเป็นอย่างมากเพื่อนๆพยายามช่วยเต็มที่ทั้งปลอบใจทั้งให้กำลังใจ แต่ยังโชคดีที่ผมนึกถึงที่บ้านได้ ทำเอาสติกลับมาและเรียนจบจนได้เกียรตินิยมอันดับ 1 จนมีบริษัทมาติดต่อหลายบริษัททันที  ผมตัดสินใจเลือกทำงานกับบริษัทชั้นนำทันที ตอนนั้นผมเริ่มพยายามจะลืมแพรให้ได้ พยามหลีกเลี่ยงไปในที่ ที่คาดจะได้พบเธอและตัดสินใจบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของแพรแม้ในงานรับปริญญา ตั้งแต่วันซ้อมจนถึงวันจริง ผมเลี่ยงที่จะเจอเธอเพราะไม่อยากให้ตัวเองปวดร้าวไปมากกว่านี้  ทั้งๆที่เพื่อนของเราทั้งคู่ต่างชวนแต่ผมปฏิเสธไป


กับเพื่อนๆถ้ามีการเอ่ยถึงแพร  ผมจะทำเฉยๆไม่รับรู้จนเพื่อนไม่กล้าพูดถึงแต่แล้วผมก็ได้ข่าวว่าเธอจะไปเรียนต่อเมืองนอกจากเพื่อนสนิทของแพรที่ชื่อนี ผมก็ได้แต่รับรู้ ไม่กี่วันต่อมาหลังเลิกงานผมจะไปหาเพื่อนผมที่นัดให้มาเจอกันแถวสยามผมเจอเธอโดยบังเอิญบนรถไฟฟ้า โดยไม่รู้ว่าใครขึ้นมาก่อนเราอยู่ในรถไฟตู้เดียวกัน ท่ามกลางผู้คนที่ยืนเบียดกันแน่น ผมรู้สึกมีสายคู่หนึ่งจ้องมองมา ผมชำเลืองไปดูเห็นแพรยืนมองมาที่ผม และทำท่าจะเดินเข้ามาหา แต่รถไปถึงสถานีก่อนผมรีบลงทันทีทั้งๆที่ยังไม่ถึงสยาม พอลงมาผมก็มองรถไฟขบวนนั้นจนลับสายตาและตัดใจกลับห้องพักทันทีโดยโทรไปบอกเพื่อนว่าผมติดงานด่วนไปไม่ได้ หลังจากนั้นทุกอย่างมันก็เงียบหาย ผมตั้งใจทำงานเป็นอย่างดีจนเงินเดือนปรับขึ้นสูง  ผมเลยเก็บเงินเพื่อจะเรียนต่อปริญญาโทและถ้ามีงานเลี้ยงรุ่นหรือสังสรรค์ระหว่างเพื่อนๆที่เรียนมาผมก็ไปด้วยทุกครั้งและบางครั้งเพื่อนของแพรรวมถึงนีก็จะมาร่วมด้วย และจะเล่าให้ผมฟังว่าแพรถามถึงผมด้วย แต่ผมจะใช้วิธีนิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ยิน จนเพื่อนๆเลิกพูดถึงแต่นีก็เปรยๆว่า ผมอย่าทำเป็นคนใจดำ แล้วผมตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทในเมืองไทย ที่นั่นทำให้ผมรู้จักพี่กวาง พี่กวางมาเรียนเพิ่มเติมเป็นปริญญาโทใบที่ 2 ใบแรกพี่กวางจบโทจากเมืองนอก พอรู้จักกันผมเลยรู้ว่าพี่กวางเป็นลูกสาวของนักธุรกิจชื่อ มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมีชื่อที่พ่อพี่กวางเป็นเจ้าของ  พี่กวางอายุมากกว่าผม3-4 ปี แล้วเราก็สนิทกัน ตอนนั้นพี่กวางพึ่งเลิกกับแฟนได้ไม่นานและผมก็ไม่มีใคร แถมพี่กวางมีนิสัยบางอย่างใกล้เคียงกับแพร จนความใกล้ชิดในการช่วยกันทำรายงานช่วยกันติวของ ทำให้จากความสัมพันธ์แบบพี่น้องได้เปลี่ยนไปเพราะเรามีอะไรกันแต่มันเป็นความสัมพันธ์แบบชั่วคราวเท่านั้นมันจะเกิดขึ้นต่อเมื่อความต้องการตรงกัน และมันก็จะไปจบที่โรงแรมไม่ก็คอนโดที่พี่กวางซื้อทิ้งไว้หลายห้อง


เหมือนอย่างวันหนึ่งในขณะที่เราไปอ่านหนังสือกันที่โซฟาร์ในคอนโดของพี่กวางแห่งหนึ่ง  หลังจากที่เมื่อคืนผมบรรเลงกามกับพี่กวางจนสุขสมอารมณ์กันทั้งคู่ ตอนสายๆเราก็มานั่งอ่านหนังสือช่วยกันติวก่อนที่จะสอบ พี่กวางนั่งตรงข้ามผมเธอแต่งตัวตามอย่างสบายๆ นุ่งกางเกงขาสั้นที่สั้นมากจนแก้มก้นโผล่ ส่วนเสื้อเป็นเสื้อกล้ามคอลึก พอเธอนั่งก้มบ่อยๆ เต้าคู่งามก็โผล่ทะลักมาให้เห็นบ่อยๆ  ทำเอาผมไม่มีสมาธิ จนผมมองนมของเธอไม่วางตา ทำให้เธอรู้ตัวและค้อนผมพร้อมบอกมาว่า

“เจมส์มองอะไร เห็นมาหลายครั้งแล้วไม่เบื่อหรือแถมเมื่อคืนยังกัดจนหน้าอกพี่เป็นรอยยังไม่หาย”

“ก็มันน่ามองนี่ครับ  มองยังไงก็ไม่เบื่อ นมพี่ก็ออกจะสวย”

พอเธอทำท่าจะเอาหนังสือปิดผมบอกทันที

“ถ้าพี่ไม่ให้ผมมอง  ผมถอดเสื้อพี่จริงๆด้วยนะ และตอนนี้ก็........”

ผมชำเลืองมองไปที่เป้ากางเกงตัวที่ตอนนี้มันเริ่มตุง พี่กวางจ้องมองตามและใบหน้าเธอแดงขึ้นมาทันที

“พีกวางครับ  มาทำให้มันหลับที  เพราะพี่กวางโชว์นมทำให้มันตื่น”

 ผมพูดแบบอ้อนเธอ

“เจมส์พี่ยังแสบอยู่เลยนะ”

“ใช้ตรงอื่นก็ได้ นะนะนะครับพี่กวางมาเหอะ”

ผมออดอ้อนเธอเพิ่มขึ้น จนเธอทนเสียงอ้อนไม่ไหวเดินมาหาผมแล้วนั่งลงกับพื้นก่อนถอดกางเกงผมออกแล้วเริ่มใช้มือรูดควยผมที่เริ่มจะแข็งตัว ก่อนที่จะมองค้อนผมแล้วใช้ลิ้นเลียควยผมไปทั่วจนแข็งตัวเต็มที่แล้วเธอใช้ปากครอบลงไป แล้วผงกหัวรูดควยไปมาอย่างช้าๆพร้อมสายตาที่ยั่วยวนแถมเธอจับมือผมให้ล้วงไปในเสื้อและเสื้อในเธอเพื่อจับนมทั้งสองข้าง ผมสนองตอบทันทีทั้งบีบทั้งเคล้น บี้ไปที่หัวนม แล้วเธอก็หยุดทำแล้วลุกขึ้นถอดกางเกงขาสั้นโยนไป ก่อนมานั่งคล่อมผม

“ไหนบอกว่าแสบไง”

“ทนไม่ไหวนะสิ”

แล้วเธอจับควยผมค่อยจัดเข้าไปในรูหีเธอและค่อยหย่อนตัวลงผมดันสวนขึ้นเบา แล้วเธอโยกตัวไปมาอย่างช้าๆ ผมประคองจับเอวไปด้วย เราทั้งคู่ครางอย่างแผ่วเบา สลับกับการแลกจูบ แล้วพี่กวางก็เร่งจังหวะขึ้นทำให้เสียงเนื้อของเรากระทบกันดังขึ้น แล้วเธอก็ฟุบมาที่ตัวผม ผมพาเธอไปล้างตัวและมานอนพักที่เตียง ครั้งนั้นกว่าเราจะได้อ่านหนังสือกันอย่างจริงจังก็ช่วงเย็นไปแล้ว

จนเราจะจบปริญญาโทพี่กวางเสนองานให้ผมทำในบริษัทของพี่กวางเอง เพราะคุณพ่อพี่กวางจะเริ่มวางมือและเลื่อนไปเป็นประธานบริษัท เธอจะเข้ามาเป็น M.D.แทน เธออยากได้คนที่ไว้ใจมาช่วยงานของเธอและเธอมั่นใจว่าผมทำได้ เป็นการเสนองานให้หลังจากที่เธอพึ่งขย่มผมเสร็จบนเตียงในโรงแรมที่หัวหิน เพราะเธออยากมาผ่อนคลายจากเรื่องงานและเรื่องเรียนเธอเลยชวนผมมาเที่ยวหัวหิน  ผมเลยบอกเธอไปว่าเป็นการสัมภาษณ์งานที่เซ็กส์ที่สุดในโลกเธอถามว่าแล้วตกลงหรือเปล่า  ผมบอกว่าจะให้คำตอบหลังจากเอาเธอในท่าด็อกกี้เสร็จ  เธอปลุกผมด้วยปากจนผมแข็งตัวทำให้ผมจัดเธอท่าด๊อกกี้จนผมกระเด้าเธอเราพากันไปถึงสวรรค์อีกรอบ แล้วผมตอบตกลง ต่อมาเธอพาผมไปคุยเรื่องงานกับคุณพ่อของเธออีกรอบ แล้วอีก3-4วันเธอเอาใบสมัครมาให้ผมไปเขียนที่คอนโดของเธอ โดยที่มีการอนุมัติมาก่อนเรียบร้อยพร้อมค่าจ้างที่สูงก่อนที่ผมจะเขียนใบสมัครเสียอีก ผมเลยจัดการขอบคุณเธอทั้งคืน

ซึ่งมันเหมือนดวงผมกำลังจะขึ้น  ก่อนที่ผมจะไปเริ่มงานกับที่ใหม่ ทางบ้านได้ปรึกษากับผมว่ามีคนมาติดต่อซื้อที่เพื่อจะทำ รีสอร์ท  เราเลยคิดกันหนักแต่สุดท้ายก็ตกลงขายแต่เราขายไม่หมดเหลือไว้แค่ส่วนเล็กๆเพื่อพ่อกับแม่จะได้มีสวนทำไว้แก้เบื่อ  มันทำให้บ้านผมกลายเป็นเศรษฐีทันที  พ่อกับแม่ให้เงินผมมาซื้อรถและซื้อบ้านที่กรุงเทพ  ผมอยากอยู่คอนโดมากกว่า  โดยพี่กวางเป็นคนช่วยหาคอนโดให้ซึ่งมันหรูพอสมควรแยกห้องนอนเป็นสัดส่วนและเธอจะเป็นแขกประจำที่มานอนที่คอนโดผมรวมถึงรถพี่กวางได้ช่วยติดต่อเซลล์มาให้เรียบร้อยโดยเธอขอให้ผมซื้อรถยุโรปเพราะมันจะเหมาะกับตำแหน่งใหม่ของผม  ส่วนเรื่องงาน พี่กวางมอบตำแหน่งระดับบริหารให้โดยขึ้นตรงกับเธอกับคุณพ่อของเธอ และเธอบอกให้ผมเรียกเธอว่าพี่เหมือนเดิม  เพราะทั้งบริษัทจะเรียกเธอว่าคุณกวางเลยเป็นผมคนเดียวในบริษัทที่เรียกเธอว่าพี่โดยให้เหตุผลกับใครๆว่าติดปากตั้งแต่ตอนเรียน ผมตั้งใจทำงานเป็นอย่างดีเพื่อตอบแทนเธอจนกิจการไปได้ด้วยดี ถึงแม้จะมีใครไม่ชอบใจอยู่บ้างแต่ก็เพราะความเกรงใจพี่กวางกับคุณพ่อเลยไม่มีการต่อต้านมากนัก   ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของเรานั้นเหมือนเดิม เราเจอกันเดือนละ2-3 ครั้งโดยไม่ผูกพัน และเราก็ทำตัวเหมือนเจ้านายลูกน้อง พี่สาวน้องชายในที่ทำงาน โดยไม่มีใครสงสัย เพราะขนาดอยู่สองต่อสองเราไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวกันเลย ทุกคนในที่ทำงานต่างให้เกียรติผมมาก จนในที่สุดผมต้องรับเลขามาช่วยงานอีกคนเพราะงานผมเพิ่มขึ้น พี่กวางให้ผมรับหน้าที่ติดต่อกับต่างประเทศที่เป็นคู่ค้ากันอยู่ทำให้ผมได้ฝึกภาษาเพิ่มเติมอีกภาษาจากภาษาอังกฤษที่คล่องเป็นทุนเดิมตั้งแต่เด็กเพราะแม่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ คือภาษาเยอรมันที่ผมเลือกเป็นวิชาเสรีสมัยเรียนปริญญาตรีทำให้มีพื้นในภาษานี้อยู่เพราะมีบริษัทคู่ค้าอยู่ที่เยอรมัน ทำให้ผมต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยขึ้นทั้งสิงคโปร์,ญี่ปุ่น,จีน,เยอรมัน จนต้องมีเลขามาโดยผมเลือกเอง และล่าสุดผมไปดูงานที่ญี่ปุ่นมาเกือบเดือนทั้งๆที่จริงๆแล้วมันแค่ 2 อาทิตย์ แต่พี่กวางให้ผมอยู่นานขึ้นเพราะเธออยากให้ผมพักผ่อนเนื่องจากที่ผ่านมาผมทำงานให้จนไม่มีเวลาพักผ่อนทำให้เธอเห็นใจผมมากซึ่งตอนแรกเธอจะบินตามไปด้วยเหมือนตอนที่ผมไปสิงคโปร์เธอบินไปค้างกับผม 2 คืน แต่ครั้งเธอติดงานด่วนเลยไปไม่ได้

ซึ่งตอนที่อยู่ญี่ปุ่นผมได้อ่านเมลของบริษัทที่ส่งมาให้ และเจอเมลของฝ่ายบุคคลที่ประกาศแนะนำพนักงานใหม่ ผมเปิดเข้าอ่านทำให้เจอทั้งรูปภาพและชื่อ-นามสกุลในประกาศนั้นทำเอาผมถึงกับตะลึงเพราะพนักงานใหม่ คือแพรที่เข้ามารับตำแหน่งผช.ผจก.ฝ่ายการตลาดคนใหม่ผมอ่านอยู่หลายรอบจนลืมตัวเอามือไปลูบที่แก้มของเธอตรงหน้าจอในภาพแพรยังดูสดใสเหมือนเดิม ถึงไม่เจอกัน 4-5 ปีดูเธอไม่เปลี่ยน  แต่มันทำเอาผมสับสนขึ้นมาทัน ผมเกือบลืมเธอไปแล้ว เรื่องของเธอมันอยู่ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจของผมมันเหมือนถูกขุดขึ้นมาอีกครั้งและเราต้องมาทำงานด้วยกันทำเอาผมเครียดความรู้สึกต่างๆมันปะดังปะเดเข้ามา  ผมจะทำยังไงเมื่อเจอหน้าเธอจะพุดคุยกันได้สนิทเหมือนเดิมหรือไม่ เธอมีครอบครัวหรือยัง ผมจะวางตัวยังไง ทุกอย่างมันสันสนในหัวผมหมด ยิ่งใกล้วันกลับผมยิ่งอยากยืดเวลานั้นออกไปให้นานที่สุด จนผมกลับเมืองไทยและวันแรกที่ผมเข้าไปทำงานด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกและไม่มีสมาธิเท่าไหร่ ผมพยายามเลี่ยงที่จะเดินไปแถวฝ่ายการตลาด พร้อมสั่งเลขาไว้ว่าถ้าลิลลี่จะมาหาผมให้กระต่ายแจ้งผมก่อนทันที  แต่ช่วงสายๆผมต้องไปคุยงานกับฝ่ายขายต้องเดินผ่านการตลาด และมันไม่เป็นอย่างที่ผมภาวนา ผมเห็นลิลลี่ยืนคุยกับทีมงานตรงหน้าห้องผมพยายามเดินให้เร็วที่สุดแต่ลิลลี่เห็นผม

“เจมส์ คะ แป็บนึงคะ เชิญทางนี้หน่อยค่ะ”

ผมเลยต้องหยุดและมองไปทางลิลลี่และเห็นแพรที่ยืนมองผมอยู่ด้วยใบหน้าที่ดีใจ แต่ผมทำหน้าเหมือนมีคำถาม ลิลลี่เดินจูงแพรเข้ามาพร้อมบอกว่า

“เจมส์นี่น้องแพรผู้ช่วยคนใหม่ของลิลลี่เจมส์คงเห็นจากประกาศแล้ว “

พร้อมกับหันไปทางแพรและพูดต่อว่า

“แพรนี่คุณเจมส์ที่พี่เคยบอก คุณเจมส์เป็นผู้จัดการทั่วไปเป็นผู้ช่วยคุณกวางด้วย เจมส์พึ่งกลับจากญี่ปุ่นเลยพึ่งเจอกัน  เรื่องสำคัญของที่นี่หลายเรื่องเจมส์จะช่วยดูแลจ๊ะแพร อืมแต่จบตรีจากที่เดียวกันเคยเห็นหน้ากันหรือเปล่า”

แพรยิ้มให้ผมทันทีแต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรผมซึ่งก็ทำตัวไม่ถูกได้แต่ทำหน้านิ่งๆสายตาที่ มองเธอไปเหมือนไม่เคยรู้จักมาก่อนและมีแต่ความเย็นชาผมผงกหัวให้นิดนึง แต่ก่อนที่คิดว่าจะทำยังไงต่อแต่ทำเอาแพรหน้าเสียไปนิดนึงที่เห็นกิริยาที่เฉยเมยจากผม  เหมือนระฆังช่วยเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ผมหยิบมาดูและเห็นเป็นเบอร์จากสิงคโปร์ ผมหันมาบอกลิลลี่

“จากสิงคโปร์นะ ขอตัวก่อน”แล้วผมเดินจากมาทันทีโดยไม่หันไปมอง หลังจากนั้นผมทำงานด้วยความสับสนวุ่นวายจนรู้สึกว่าทุกอย่างมันวนอยู่ในหัวผมทั้งหมด จนพักเที่ยงปกติผมจะทานข้าวเที่ยงกับ ผอ.ฝ่ายขายไม่ก็ ผจก.ฝ่ายบุคคลแต่วันนี้ทั้งคู่ออกข้างนอก ผมเลยทานคนเดียวตอนแรกผมกะจะขับรถไปกินข้างนอก แต่ด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นผมไม่กล้าขับเลยกินที่ร้านอาหารประจำใกล้ๆที่ทำงาน ผมนั่งกินอยู่คนเดียวได้สักพัก ผมเห็นลิลลี่กับแพรเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะใกล้ๆผมพยายามทำเป็นไม่เห็นแต่พอลิลลี่ร้องทัก ผมนั่งนิ่งไปนิดนึงทั้งๆที่กินยังไม่หมดผมรวบช้อนส้อมแล้วลุกขึ้นยืน ลิลลี่ถามทันที

“อ้าวเจมส์อิ่มแล้วหรือยังกินไม่หมดเลย”

ผมตอบไปโดยไม่หันไปมองหน้าแพรทั้งๆที่เธอจ้องมา

“อิ่มแล้ว ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”

“สงสัยยังติดใจอาหารญี่ปุ่นอยู่”

ลิลลี่พูดแซวแต่ผมไม่ตอบอะไรแล้วเดินไปจ่ายเงินทันที

ตอนบ่ายผมได้คุยงานกับพี่กวาง ซึ่งอาการของผมทำให้พี่กวางสังเกตเห็นทำให้เธอถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ผมบอกไปว่าเป็นเพราะอากาศที่นั่นเย็นๆแต่ที่นี่ยังร้อนเลยทำให้รู้สึกแปลกๆ  แต่เธอก็ไม่คาดคั้นผมต่อแต่บอกให้รักษาสุขภาพและเธอพูดถึงโครงการของฝายการตลาดมีเอกสารให้ผมอ่าน และจะประชุมกันมะรืนนี้ เธออยากให้ผมอ่านจะได้ช่วยตรวจดู  ผมบอกไปว่าน่าจะไม่มีเวลาเพราะงานที่ผมต้องติดต่อทั้งญี่ปุ่นกับเยอรมันก็เยอะอยู่แล้ว ทำเอาเธอนึกออกและบอกว่าถ้ามีเวลาก็อ่านก่อนเข้าประชุมก็ยังดี วันนั้นผมอยู่จนค่ำเพราะกลัวจะเจอแพรตอนกลับบ้าน พอกลับถึงคอนโดผมนอนไม่หลับคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อ เรื่องงานไม่เท่าไหร่แต่เรื่องแพรนี่สิและวันนี้ผมทำตัวกับเธอแบบนี้ด้วยทำเอาผมคิดไม่ตก ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโดยไม่รู้จะทำอะไรผมเลยไปเปิดเฟสบุ๊คที่นานๆผมถึงจะเข้าไปดูสักที  ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่สมัครเพราะเห็นใครๆสมัครกัน ผมเลื่อนอ่านไปเรื่อยๆ บางทีก็มีเพื่อนมาแขวะว่าผมตายหายสาบศูนย์ไปแล้วไม่เห็นเข้ามาในเฟสบุ๊คเลย  แต่ผมไปเห็นข้างๆหน้าจอที่โปรแกรมจะมีการแนะนำเพื่อนของโปรแกรม 

ผมไปเห็นชื่อของแพรและรูปของเธอ ผมเลยคลิ๊กเข้าไปดูและเจอข้อความที่เธอพึ่งพิมพ์ไปไม่กี่ชั่วโมงว่า

“วันนี้ก็เจอใครคนหนึ่งจนได้ แต่เค้าทำเหมือนไม่เคยรู้จักเราเลยและแถมด้วยสายตาที่มีแต่ความเย็นชา จะทำยังไงต่อไปดี”

และมีข้อความจากนีเพื่อสนิทของเธอสมัยเรียนที่ผมรู้จักดีและเพื่อนคนนี้ในตอนนั้นพยายามที่จะทำให้ผมกับแพรคืนดีกันให้ได้เธอพิมพ์มาว่า

“สู้ๆนะเพื่อน เค้าคนนั้นอาจยังสับสนอยู่”

ผมนิ่งคิดว่าทำไมอยู่ดีๆเฟสของผมถึงมีชื่อเธอปรากฏมาให้เห็น เพราะเธอไม่รู้ทั้งE-mail ผม หรือเบอร์โทรศัพท์ แสดงว่าแพรใช้วิธีเสิร์ชหาชื่อผม ระบบมันเลยขึ้นชื่อแนะนำ ผมนั่งซึมอยู่นานเพราะเห็นความในใจของเธอแต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เลยตั้งระบบให้เป็นส่วนตัวนอกจากเพื่อนแล้วคนอื่นไม่เห็นข้อความที่ผมโพสแต่ไม่บล็อคเธอ ผมไม่อยากให้เธอมาเห็นอะไรมากแม้ผมจะไม่ค่อยโพสก็ตาม วันรุ่งขึ้นผมไปทำงานตามปกติและเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเพราะไม่อยากเจอหน้าแพร  แม้ตอนกลางวันผมให้กระต่ายช่วยซื้อของกินง่ายๆมาให้โดยอ้างว่าผมงานยุ่ง  ต้องทำสรุปส่งทางต่างประเทศ แต่กระต่ายก็ย้ำว่าอย่าลืมอ่านโครงการของการตลาดเพราะเธอส่งเอกสารให้ผมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผมพยักหน้าแต่รู้ว่าวันนี้ไม่ได้อ่านแน่นอน ผมนั่งทำงานจนเย็นแล้วฝนที่เป็นเลขาพี่กวางโทรมาหาชวนไปกินข้าวด้วยแต่ผมปฏิเสธเพราะกลัวงานไม่เสร็จ ผมนั่งทำอยู่จนดึกวันนี้ผมไม่เจอแพรทั้งวันแถมงานยุ่งจนทำให้หายฟุ้งซ่าน  ผมเอางานที่เหลือกลับไปทำที่คอนโดเพราะพรุ่งนี้จะสรุปให้พี่กวาง

เช้าวันต่อมาผมมาถึงที่ทำงานแต่เช้า แต่ระหว่างรอลิฟท์ผมเห็นแพรเดินแบบจ้ำมาหา ผมจะเดินเลี่ยงไปขึ้นบันไดก็ไม่ทันแล้ว เลยต้องเข้าไปในลิฟท์กับเธอเพียงสองคน เรายืนเงียบทั้งคู่ ผมพยายามไม่หันไปมองเธอ จนเธอทักขึ้นมาก่อน

“เจมส์สบายดีนะ”

“ครับ”

ผมตอบด้วยเสียงเบาๆแต่ไม่หันไปมองหน้าเธอจังหวะที่ลิฟท์เปิดออกที่ชั้น 2เพราะมีแม่บ้านกดเรียก ผมเลยถือจังหวะเดินออก ทันทีโดยไม่หันมามองเธอ พร้อมด่าตัวเองในใจที่ทำตัวแบบนี้กับเธอ ยิ่งทำให้อารมณ์ของผมไม่ดีนักแต่ กระต่ายได้เตือนผมอีกรอบ  ผมบอกไปว่าคงได้อ่านก่อนประชุมช่วงบ่ายเพราะงานผมก็เร่งต้องคุยกับ M.D.เย็นนี้ ด้วยจนกลางวัน ผมฝากกระต่ายซื้อของกินง่ายๆอีก  เธอถามด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้ว่าผมทำงานดึกมาหลายวันและกินมื้อกลางวันไม่มากแต่ผมบอกไม่เป็นไร  จนกระต่ายขึ้นมาโดยซื้อแซนวิสมาให้ 2ชิ้น และมีน้ำฝรั่งคั้นขวดใหญ่มาให้ แต่เลขาบอกผมทันทีก่อนที่ผมจะถามว่า

“ของกินที่คุณเจมส์ฝากต่ายซื้อคือแซนวิส 2 ชิ้นแต่ น้ำฝรั่งนี่คุณแพรที่ทำงานกับคุณลิลลี่ซื้อฝากมาให้คะ”

พอผมทำหน้างงๆกระต่ายบอกว่าระหว่างเธอซื้อแซนวิสที่ร้านก็ไปเจอลิลลี่กับแพรซื้อของอยู่แถวๆนั้น พอลิลลี่ถามเธอว่าซื้อของให้ใคร กระต่ายก็ตอบไปว่าซื้อให้ผมที่ไม่ลงมากินข้าว พอได้ยินแพรได้เดินหายไปและมาเจออีกทีหน้าร้านพร้อมกับยื่นน้ำฝรั่งคั้นให้และบอกว่ากระต่ายซื้อให้อย่าบอกผมว่าเธอเป็นคนซื้อให้ แต่กระต่ายไม่กล้าโกหกผม เธอเลยเล่าให้ฟังหมด ผมพยักหน้ารับทราบแล้วกระต่ายเดินออกไป ผมมองน้ำฝรั่งที่วางบนโต๊ะด้วยความรู้สึกที่ตื้นตัน แพรยังจำได้ว่าผมชอบดื่มน้ำฝรั่งคั้นมากไปตอนนั้นไปทานข้าวกับเธอทีไร ผมจะสั่งมากินทุกทีและเธอจะซื้อมาให้ผมบ่อยมาก หลังจากกินแซนวิส หมดโดยที่ผมไม่กล้าแตะน้ำฝรั่งขวดนั้นเลย ผมนั่งอ่านเอกสารโครงการของฝ่ายการตลาดจนหมดและอ่านซ้ำอีกรอบก่อนที่จะเจอประเด็นที่ทำให้เกิดปัญหา

และเรื่องมันก็มาบรรจบท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดของห้องประชุม  ลิลลี่ดูออกว่าไม่พอใจอย่างมากแต่แพรนั่งนิ่งมีแต่สายตาที่มองมาที่ผมกึ่งตัดพ้อกิ่งน้อยใจ  จนในที่สุดพี่กวางถามในที่ประชุมว่าจะเอายังไงเพราะความเห็นเริ่มแตกต่างกัน จนในที่สุด ผอ.ฝ่ายขายที่ทำงานมานานกับท่านประธานจนพี่กวางต้องเกรงใจได้สรุปว่า ควรฟังข้อแนะนำของผมก่อนแล้วค่อยมาสรุปกันอีกมันเป็นโปรเจ็คที่ดีมากแต่ประเด็นที่ผมเสนอนำไปหาวิธีแก้ไขก่อน แล้วการประชุมก็จบลงด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างมากของลิลลี่ และสายตาของแพรที่มองมาที่ผมแบบน้อยใจ ผมสบตาเธอนิดนึงก่อนเมินไปทางอื่น แต่พี่กวางบอกลิลลี่ว่าให้ไปหาเธอที่ห้องอีก 10 นาที แล้วพี่กวางส่งสายตามาที่ผมว่าผมต้องไปด้วย แล้วเธอเดินออกจากห้องประชุมทันที ผมเดินตามเธอไปกับฝน ซึ่งฝนกระซิบถามผมว่า

“ทำไมเจมส์ทำแบบนี้”

“แล้วจะให้ทำยังไงละ เจมส์พึ่งอ่านเอกสารก่อนประชุมเอง พอจะบอกก็เข้าห้องกันหมดแล้ว”

“ฝนเห็นแล้วสงสารแพร นั่งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้นะ “

ผมไม่ตอบอะไร เพระถึงห้องพี่กวางพอดี ผมเดินเข้าไปเห็นลิลลี่ที่หน้าหงิกนั่งรออยู่แล้ว พี่กวางชี้ให้ผมนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเธอ ผมนั่งหลังตรงและฟังที่พี่กวางพูดเข้าประเด็นจนให้ลิลลี่พูด   เธอบอกด้วยความไม่พอใจว่าทำไมผมไม่บอกเธอก่อนจะได้ไม่เกิดกรณีขึ้น ทำให้เธอกับทีมงานรู้สึกท้อ รวมถึงแพรที่จบด้านนี้จากสหรัฐและมีประสบการณ์ทำงานบริษัทการตลาดชั้นนำที่สหรัฐมาแล้ว นั่นทำให้ผมรู้เพิ่มว่าหลังจากที่เธอจบเธอทำงานที่นั่นต่อ ผมเลยบอกว่าแล้วจะให้ผมทำยังไง ผมอยู่ญี่ปุ่นกลับมาก็ต้องทำงานโปรเจ็คของเยอรมันกับญี่ปุ่น จนมีเวลาอ่านก่อนประชุมเท่านั้น ทำให้พี่กวางนึกขึ้นได้ว่าที่ผมโทรหาเธอ เธอเลยถามผมว่า

“เจมส์จะบอกพี่เรื่องนี้ก่อนใช่ไหม”

“ครับ แต่ไม่ทัน และจะให้ผมมาบอกหลังประชุมหลังจากทุกคนเห็นชอบ มันเป็นไปไม่ได้ใครจะเสียหน้ามากกว่ากันถ้ามาเปลี่ยนแปลงหลังจากทุกคนเห็นชอบการตลาดไม่เสียทั้งทีมหรือครับ เลยต้องบอกแบบนั้น แล้วลิลลี่อย่าลืมสิว่าหลายๆอย่างที่อมริกากับที่นี่ไม่เหมือนกันถ้าไม่มาประยุกต์หรือดัดแปลงมันไม่รอด”

จริงๆแล้วลิลลี่อายุใกล้เคียงกับพี่กวางแต่ผมไม่เคยเรียกพี่หรือคุณ  เพราะการวางตัวของเธอที่ผ่านมาแต่เธอก็ยินดีที่เรียกแบบนี้เพราะดูเหมือนสนิทกัน

แล้วในทีสุดพี่กวางสรุปว่า  เป็นความผิดของเธอที่ไม่เรียกคุยกันนอกรอบก่อนประชุมจะโทษใครก็ไม่ได้เพราะทุกคนหวังดี จะว่าผมมาหักหน้าลิลลี่ก็ไม่ได้ เพราะผมงานยุ่งมากจนไม่มีเวลาศึกษา จะโทษใครให้มาโทษเธอคนเดียวและสิ่งที่เกิดขึ้นคือทุกคนหวังดีกับบริษัท และบอกว่ากับลิลลี่ว่า

“คุณลิลลี่กวางฝากไปบอกทีมงานด้วยนะว่ากวางขอโทษ กวางผิดเอง ถ้าไม่เข้าใจกวางจะไปขอโทษเอง โดยเฉพาะแพรบอกไปว่าอย่าพึ่งท้อ ใจเย็นๆแล้วค่อยๆปรับปรุงหาวิธีทำ”

“โอ๊ะคุณกวางไม่ต้องไปเอง  เดี๋ยวลิลลี่แจ้งเอง มันคงจะดีขึ้นจริงๆคะ แล้วต้องให้ลิลลี่ทำยังไงต่อตอนนี้ลิลลี่มึนไปหมดแล้ว”

พี่กวางมองหน้าผมเหมือนจะให้ผมบอกแต่ผมนิ่ง พี่กวางเลยพูดเองว่างานนี้ไม่มีเดดไลน์แต่ขอให้รีบ  เพราะบริษัทมีโปรเจ็คกับเมืองนอกอีกเยอะกลัวจะไม่ทัน ลิลลี่ถามว่าอยากให้ผมมาช่วยด้วย ผมตอบทันที

“ไม่ได้ครับลิลลี่ ผม มีงานอยู่แล้ว ปกติงานการตลาดไม่ต้องผ่านผม อย่าให้ผมไปยุ่งเกี่ยวเพราะจะมีคนมองว่าผมไปก้าวก่าย แต่ถ้าจะมาสรุปกันก่อนก็ได้ แต่อย่าทำแค่3 คนควรมีฝ่ายขายกับบัญชีเข้ามาด้วยเรามาประชุมย่อยกันแล้วมาดูข้อบกพร่องก่อนนำเสนอที่ประชุมใหญ่กับท่านประธานจะดีที่สุดครับ”

พี่กวางกับลิลลี่เห็นดีด้วย แล้วลิลลี่ก็เดินไปจากห้องก่อนผมด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นแต่เพราะผมมีโปรเจ็คของเยอรมันจะคุยกับพี่กวางต่อ ก่อนเธอจะเดินไปเธอหันมาบอกผมว่า

“เจมส์ส่วนตัวนิดนึงนะ  รู้ตัวหรือเปล่าตั้งแต่กลับจากญี่ปุ่น แทบจะไม่ใครเห็นเจมส์ยิ้มเลย”

แล้วเธอก็เดินออกไปแบบไม่รอคำตอบ  ผมหันมามองพี่กวางที่มองมาที่ผมด้วยใบหน้ายิ้มๆ

“เอ้าพ่อตัวดี ที่นี้เรื่องของเรา”

ผมผ่อนคลายทันทีเมื่ออยู่สองต่อสองกับพี่กวางนั่งเอนตัวพึงเก้าอี้เต็มที่  พร้อมพับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้น

“เป็นอะไร มีปัญหาตรงไหนบอกพี่มา”เธอถามทันที

“เอาโปรเจ็คเยอรมันก่อนดีกว่าครับ” ผมบอกและหยิบไอแพ่ดขึ้นมาให้เธอดูสิ่งที่ผมทำสรุปมา3-4 วันให้เธอดู  พี่กวางฟังผมอธิบายจนจบและถามข้อสงสัยที่เจอจดไว้จนผมตอบข้อสงสัยของเธอได้ทั้งหมด  เธอจะได้นำไปเสนอกับท่านประธานอีกทีแล้วเธอก็วกมาถามประเด็นเดิม  ผมเอาหัวพึงไปที่เบาะแล้วถอนหายใจยาวๆ

“มีเรื่องเครียดครับ”

“เรื่องส่วนตัวละสิ”

“ครับ

“เรื่องที่บ้านหรือเปล่าเจมส์”

เสียงเธออ่อนลงเหมือนปลอบประโลมผม ผมเผลอตัวลุกเดินจากเก้าอี้ไปยืนที่มองวิวข้างนอกที่หน้าต่าง ซึ่งการกระทำแบบนี้มันไม่ควรทำในที่งานถ้าใครมาเห็นมันจะยิ่งดูไม่ดีและไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้มาก่อน ผมยืนมองวิวข้างนอกพร้อมความว้าวุ่นที่อยู่ในใจสักครู่ก่อนเดินกลับมาที่เก้าอี้ พี่กวางมองผมตลอดถ้าผมทำแบบนี้แล้วเราอยู่ข้างนอกเธอต้องเดินมากอดผมเพื่อปลอบแบบที่เคยทำทุกครั้งแน่นอนแต่นี่คือที่ทำงาน

“ไม่ใช่เรื่องที่บ้านครับ เรื่องส่วนตัวของผมจริงๆ”

“บอกพี่ได้ไหมคะ”

“ไว้เราคุยกันอีกทีครับ”

ผมบอกและลุกขึ้น เธอบอกมาว่า 

“งั้นเย็นนี้เราไปกินข้าวกัน พี่จะไปรับเจมส์ที่คอนโดเอง กลับไปสงบสตินิดนึง  แต่จริงนะที่ลิลลี่บอก ตั้งแต่กลับจากญี่ปุ่นมาเจมส์ไม่ยิ้มเลย มันทำให้ดูน่ากลัวใครๆก็ไม่กล้าคุยด้วย  ขนาดแม่บ้านยังมามาบอก เจมส์ดูเครียดจริง  กลับไปพักที่คอนโดก่อน เลิกงานแล้วพี่ตามไปนะจ๊ะ”

ผมพยักหน้ารับทราบแล้วเดินออกจากห้อง พอไปเจอฝนที่นั่งมองพร้อมแจกรอยยิ้มมาที่ผมก่อนจะทักว่า

“กล่อมอีท่าไหนละ คุณลิลลี่เดินหน้าบานออกไปเลย”

“ก็เคลียร์กันนิดหน่อย เลยเข้าใจ”

ฝนพยักหน้าแล้วถามต่อว่า

“เจมส์เย็นนี้ว่างไหม”

ผมส่ายหน้า

“ขอโทษนะฝน ช่วงนี้ขอตัวก่อน เดี๋ยวเจมส์จะกลับแล้ว ปวดหัวมากเจองานของเยอรมันเข้าไปเล่นเอามึน อดนอนมาหลายคืนแล้ว  ไว้คราวหน้าเจมส์เลี้ยงหนังไถ่โทษด้วย”

ฝนทำหน้าย่นเข้าใส่ ก่อนบอกว่า

“ยิ้มหน่อยนะคะตั้งแต่กลับมาเจมส์ไม่ยิ้มเลยมีใครบอกหรือยัง”

ผมไม่ตอบอะไรเดินกลับไปที่ห้อง แต่ผมเห็นแพรยืนมองมาที่ผมระหว่างผมเดินกลับพอไปถึงหน้าห้อง ผมถามกระต่ายทันที

“มีอะไรจะถามผมก่อนหรือเปล่า เห็นจะถามก่อนไปประชุม”

“คือมีคนบอกหรือยังคะว่าตั้งแต่คุณเจมส์กลับมาจากญี่ปุ่นแทบไม่ใครเห็นคุณเจมส์ยิ้มเลย”

 4คนแล้วนะที่ทักผม แปลว่าผมเครียดไปจริงๆ ผมไม่ตอบแต่เดินเข้าห้องแล้วเก็บของพร้อมหยิบน้ำฝรั่งติดมือมาด้วยแล้วบอกกระต่ายว่าผมกลับก่อนเจอกันวันจันทร์ ด้วยท่าทีเครียดๆของผมกระต่ายไม่กล้าถามอะไรต่อ ผมขับรถไปคอนโดด้วยความคิดที่สับสน ว่าสิ่งที่ผมทำมันแรงไปหรือเปล่าปกติผมไม่เคยเป็นแบบนี้ หรือเพราะแพร ทำให้ผมดูแรงขึ้น ยิ่งแววตาที่ตัดพ้อและดูน้อยใจที่มองมาที่ผม ยิ่งทำให้ผมกังวลผมทำร้ายจิตใจเธอมากไปหรือเปล่า จนผมถึงห้องผมนอนไปที่โซฟาร์แบบหมดอาลัยตายอยาก จนพี่กวางโทรมาผมเลยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปหาเธอ  พี่กวางขับรถพาผมไปที่ร้านประจำที่เรามากินกันบ่อย ระหว่างนั้นพี่กวางคุยกับผมเรื่องทั่วๆไป สอบถามว่าไปญี่ปุ่นเป็นยังไงบ้าง  เพราะเราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เลย เธอบอกว่าเสียดายที่ตามไปด้วยไม่ได้ติดงานด่วน  จนเรากลับมาที่คอนโดพอรถจอด ผมบอกเธอว่า

“คืนนี้อยู่กับผมนะครับพี่”

“นึกว่าจะไม่ชวนซะแล้ว ถึงไม่ชวนพี่ก็ค้างอยู่แล้วจ๊ะ“

ผมหันมามองหน้าเธอแล้วเราก็เดินลงจากรถไปห้องพอถึงห้องพี่กวางได้อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอจะมีเสื้อผ้าสำรองอยู่ที่ห้องผม 2-3 ชุดผมอาบหลังจากเธอ พอเดินออกมาเห็นเธอรินไวน์ที่ผมซื้อติดห้องไว้ แล้วเราเดินไปนั่งที่โซฟาร์ตัวยาวเธอส่งแก้วไวน์ให้ผม  พอผมนั่งพึงโซฟาร์เธอก็มานั่งพึงอกผมเรานั่งเหยีดยาวกันบนโซฟาร์พร้อมจิบไวน์  พี่กวางเล่าให้ฟังว่าหลังจากผมกลับไป ลิลลี่โทรมาบอกว่าอธิบายทีมงานให้เข้าใจจนหมดแล้ว รวมทั้งแพรที่ดูเสียใจมาก พี่กวางเลยเรียกทั้งคู่มาคุยอีกทีเพราะอยากรู้ด้วยว่าฝ่ายการตลาดเข้าใจจริงหรือเปล่าซึ่งไม่มีปัญหา แพรเข้าใจพร้อมจะทำตามสิ่งที่ผมแนะนำ พี่กวางเลยเล่าต่อว่า แพรจบที่เดียวกับผมและจบโทจากสหรัฐ แล้วทำงานที่สหรัฐกับบริษัทชั้นนำด้านการตลาดอยู่ระยะหนึ่งก่อนที่บ้านเรียกกลับเมืองไทย  และพ่อของแพรที่รู้จักกับพ่อพี่กวางก็ฝากแพรเข้ามา แต่พี่กวางเป็นคนสัมภาษณ์เองและเห็นว่าแพรมีความสามารถมากเลยรับเข้าทำงานและดูแพรน่าจะทุ่มเทให้กับงานได้เพราะแพรบอกเองว่ายังไม่มีแฟนหรือคบหากับใครอยู่พูดจบพี่กวางเหลือบตาขึ้นมามองผม  ผมถอนหายใจเบาๆและวางแก้วไวน์ข้างๆแก้วของพี่กวางก่อนที่จะโอบเธอให้แน่นขึ้น แล้วผมหอมลงไปที่ผมเธอเบาๆ 

“เอาละแล้วเรื่องของเจมส์ละ ห้ามโกหกพี่นะ โกรธตายเลย”

เธอพูดเหมือนรู้อะไรบางอย่าง ผมเงียบไปสักพักก่อนตัดสินใจเล่าเรื่องแพรให้เธอฟัง มันเหมือนได้ระบายสิ่งที่มันวิ่งวนซ่อนอยู่ในจิตใจส่วนที่ลึกของผมที่ได้เก็บงำไว้หลายปีออกมา ผมเล่าให้ฟังทุกอย่างรวมถึงความรู้สึกของผมในตอนนี้ที่ทำอะไรไม่ถูกรวมไปถึงเรื่องที่ทำเกินไปกับเธอหรือเปล่าในกิริยาที่ผมแสดงออกมากับแพร  จนผมรู้สึกโล่งใจที่ได้ระบายออกพร้อมน้ำตาที่มันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอพลิกตัวหันมาหาผมแล้วเช็ดน้ำตาให้พร้อมกอดผมดึงหน้าผมไปแนบอก ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนกอดพี่สาวที่คอยปลอบใจน้องชาย เธอพึมพำว่า

“พี่เข้าใจ  พี่เข้าใจ พี่เคยเป็นแบบนี้”

แล้วเธอประคองหน้าผมขึ้นเช็ดน้ำตาให้อีกครั้งก่อนหอมแก้มผมทั้งสองข้าง และจูบผมเหมือนปลอบใจเราแลกจูบกันยาวนานก่อนที่จะถอนหน้าออกมาแล้วกลับมาอยู่ท่าเดิม พี่กวางพึงอกผมแล้วบอกว่า ดีใจที่ผมพูดความจริงนึกว่าจะบ่ายเบี่ยง เพราะพี่กวางสังเกตแพรตั้งแต่มาทำงานแล้ว พี่กวางรู้มาว่าแพรแอบถามถึงผมกับกระต่ายและฝนจนวันนี้ พี่กวางสังเกตุเห็นสายตาของแพรที่มองผมตั้งแต่เข้าห้องประชุม ซึ่งสายตาของแพรมันบ่งออกอะไรบางอย่าง แต่พี่กวางเดาไม่ออกจนมาแน่ใจตอนที่ได้คุยกับลิลลี่กับแพรอีกรอบ  เพราะแพรหลุดปากมาว่า สมัยเรียนผมไม่เป็นแบบนี้ มาก่อน  พี่กวางเลยถามว่ารู้จักกันหรือ แพรตอนนั้นดูอึ้งๆบอกว่าพอรู้จัก พี่กวางไม่ซักอะไรต่อเพราะแพรดูอึดอัดที่จะเอ่ยถึงผมในตอนนั้นแต่พี่กวางก็ปิดท้ายว่า อย่าไปกังวลกับผมมากนัก จริงๆแล้วผมไม่มีอะไร อาจปากร้ายไปบ้างจนเป็นโสดถึงทุกวันนี้แล้วบอกผมต่อไปว่า จะบอกว่าผู้หญิงดูผู้หญิงแล้วเข้าใจมันก็ไม่ใช่ทั้งหมด แต่การกระทำบางอย่างมันเผลอแสดงออกมา แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองผม  ผมก้มจูบที่หน้าผากเธอเบาๆแต่ไม่ตอบอะไร แต่ด้วยกลิ่นกายที่หอมและความเบียดชิดของร่างกายเราสองคนมันเริ่มปลุกอารมณ์ผมรวมถึงกลิ่นของไวน์ในปากที่เราจูบกันเมื่อกี้ ทำให้ผมเริ่มมีอารมณ์ มือข้างนึงของผมที่กอดเธออยู่ล้วงเข้าไปในเสื้อเพราะผมแน่ใจว่าเธอโนบาร์จากที่เอาหน้าไปซุกเมื่อกี้  หน้าอกของพี่กวางยังเต่งตึงอยู่ขนาดประมาณ 33ผมเริ่มลูบคลำนมของเธอทั้งสองข้าง

 เธอครางออกมาเบาๆหลับตาพริ้มผมเริ่มเคล้นคลึงและบี้หัวนมเธอ ก่อนที่เธอจะแหงนหน้ามารับการจูบของผม เราแลกลิ้นการยาวนานการจูบของเราครั้งนี้มีความรู้สึกต่างกับครั้งที่แล้ว ครั้งที่แล้วเป็นการจูบเพื่อปลอบใจแต่ครั้งนี้มันเกิดจากราคะของเราทั้งสองล้วนๆ เธอแอ่นตัวรับการเคล้นคลึงนมของผม ส่วนมืออีกข้างผมล้วงเข้าไปที่กางเกงนอนของเธอ มือผมได้สัมผัสกับหมอยที่มีพอสมควรและเลยไปร่องที่แฉะแล้ว  ผมเริ่มกรีดนิ้วไปที่ร่องพร้อมกับมืออีกข้างนึงเคล้นคลึงนมพี่กวางอย่างต่อเนื่อง เธอแอ่นตัวและบิดตัวไปมารองรับการกระทำของผมปากก็คราง

“เจมส์ขาซี๊ดดดดดดดดด  อีกนิดคะ ล้วงอีกนิดอูยๆๆๆๆๆ เจมส์ขา อ๋อยๆๆๆ”

หน้าผมก็ซุกไซร้ไปตามลำคอที่ขาวผ่องและเม้มใบหูของเธอ ส่วนมือยังไม่ทั้งเลิกบีบเคล้นและล้วงชักเข้าชักออก  จนพี่กวางบิดเกร็งไปทั้งตัวและหายใจแบบหอบเหนื่อย

“ถึงแล้วคะเจมส์พี่ถึงแล้ว”

เธอดึงหน้าผมลงมาจูบพอผมถึงนิ้วออกจากรูหีของเธอและเอานิ้วเข้าปากผม

“เจมส์ขา น้ำของพี่หวานมั้ย”

“หวานสิครับ เดี๋ยวผมจะกินต่อที่เตียง”

ตอนนั้นควยผมแข็งจนดันไปที่ก้นของเธอ

“อุ้มพี่ไปที่เตียงหน่อยสิเจมส์พี่จะถ่างขาให้เจมส์กิน”

ผมทำตามที่เธอบอกก่อนจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองและของเธอก่อนที่จะก้มหน้าลงไปจัดการกับโคกหีของพี่กวางที่ดูงดงาม ผมใช้ลิ้นคว้านเข้าไปข้างในสลับแตะไปแตดทำเอาเธอสะดุ้งครวญคราง

“โอยเจมส์ทำเหอะ”

ผมเลื่อนไปดูดดื่มกับนมคู่งามของพี่กวางหัวนมเธอเริ่มคล้ำเป็นเพราะผมส่วนหนึ่ง  แม้ว่าผมจะไม่ใช่เป็นคนเปิดซิงพี่กวางตอนที่ผมเอากับเธอครั้งแรกเธอเคยผ่านมาแล้ว  แต่ดูแล้วเธอผ่านมาไม่มากแต่มีประสบการณ์พอสมควร ผมเล่นลิ้นกับเต้าพี่กวางสักพักก่อนที่จะจับเอาขาเธอมาพาดบ่าก่อนที่จะดันควยเข้าไปในรูหี ที่เจ้าตัวรอให้ผมเย็ด ซึ่งผมกระเด้าต่อเนื่องซอยไม่หยุด พี่กวางก็เด้งรับตลอดพร้อมครวญครางไม่หยุด ผมเอามือไปบี้ที่เต้าคู่งามไปมาพร้อมกระเด้า จนเราทั้งคู่เริ่มมีอาการ

“พี่กวางครับ ผมจวนแล้ว”

“จ๊ะๆๆๆๆเจมส์อีกนิด กระเด้าแรงๆเลยพี่ก็จวนแล้ว”

ผมดันส่งท้ายก่อนปล่อยน้ำกามออกมาไล่ๆกับพี่กวางที่รูหีตอดรัดแน่น ผมนอนซบไปบนตัวพี่กวางสักครู่ก่อนที่เราจะจูบกันอีกครั้งแล้วถอนควยออกมานอนข้างเธอ พี่กวางตาปรือแบบมีความสุขเอามือลูบหน้าผมไปมาก่อนบอกว่า

“เดือนกว่าแล้วสินะ ที่เราไม่ได้เอากันเลย”

“ใช่สิครับ ใครก็ไม่รู้วาดฝันให้ผมว่าจะเอาหอยทอดแม่กวางศรีไปป้อนให้ผมที่ญี่ปุ่น”

“แหมพี่ก็อดกินไส้กรอกยี่ห้อเจมส์ที่ญี่ปุ่นหมือนกัน แต่เจมส์กินหอยทอดไปแล้วไม่ใช่หรือ แต่พี่ยังไม่ได้กินไส้กรอกเลย”

“งันก็กินสิครับ”

พี่กวางพลิกตัวมานอนทับผมก่อนจูบผมแล้วเลื่อนหน้าลงที่ควยที่อ่อนตัวของผม  พี่กวางใช้ลิ้นอย่างชำนาญหลังจากใช้ปากครอบเธอรูดควยผมขึ้นลง พร้อมทั้งใช้มือรวมถึงร่องนมของเธอจนควยผมผงาดขึ้นมาอีกครั้ง ผมรอเธอขึ้นมาขย่ม แต่เธอดึงให้ผมลุกขึ้น พร้อมบอกว่า

“ไปดูวิวที่ระเบียงดีกว่าเจมส์ขา”

ผมเดินตามเธอไปตรงหน้าต่างริมระเบียงที่ติดมูลี่แล้ว เธอเอามือยันขอบหน้าต่าง แล้วเอนตัว หันมามองผมแบบเชิญชวน  ผมรู้ว่าเธอต้องการแบบไหน  เราเย็ดกันท่านี้บ่อยมาก รวมถึงที่สิงค์โปร ผมเย็ดเธอริมระเบียงของโรงแรมบนชั้น 20 โดยไม่สนใจว่าจะมีใครเห็น ผมเอามือจับเอวแล้วดันควยเข้าไปอีกครั้ง  ช่องทางรักมันชุ่มฉ่ำอยู่ แล้ว ผมดันเข้าไปสุดและกระเด้าช้าๆสลับให้เธอเด้งรับแล้วผมเอามือข้างนึงไปบี้ที่นมเธอ เราทั้งคู่ครวญครางไม่หยุด  เหมือนเป็นการปลดปล่อยสิ่งที่เครียดสะสมของเรื่องที่ผ่านมาของเราทั้งสอง พร้อมกับบางครั้งผมยื่นหน้าไปจูบที่แผ่นหลังอันขาวนวลของเธอ หุ่นของพี่กวางถ้าใส่บิกินนี่ ทำเอาใครต่อใครมอง  เพราะผมเห็นมาแล้วที่สระว่ายน้ำของโรงแรมที่สิงคโปร์ หุ่นเธอมันน่าฟัดจริงๆ อกเป็นอก ก้นเป็นก้น เอวเป็นเอว จนในที่สุดเราไปถึงสวรรค์ในเวลาไร่เรี่ยกัน แล้วผมอุ้มเธอมานอนกอดกันที่เตียง ผมหอมไปที่ผมเธอเบาส่วนเธอก็เอียงหน้ามาหอมแก้มผม

“สุขสุดๆเลยไหมครับพี่”

“อืมสุดๆเลยสมกับที่อดมานานแล้วเจมส์ละคะ”

“ก็เหมือนกับพี่ละครับ “

“แล้วที่ญี่ปุ่นละ”

“ผมจะหาจากที่ไหนละครับ รอพี่อยู่พี่ก็ไม่ไป”

เธอหยิกผมเบาๆที่แขน

“พี่นึกว่าจะหาสาวแอร์ฯที่ไหนมากินเหมือนตอนไปเยอรมัน”

เธอยังจำเรื่องนี้ได้ เพราะผมหลุดปากบอกเธอไปว่าว่าตอนผมไปเยอรมันมีแอร์ฯสายบินแห่งหนึ่งมาปรนเปรอผมถึงห้อง แล้วเธอก็นอนเบียดชิดผมเข้ามาพร้อมถามว่าเรื่องของผมกับฝนไปถึงไหนแล้ว ผมบอกไปว่าตั้งแต่กลับจากญี่ปุ่นไม่ไปถึงไหนเลย  พี่กวางรู้ด้วยว่าผมถูกฝนชวนไปทานข้าว 2 ครั้ง และเธอบอกผมแบบรู้ใจผมอย่างดีว่า ถ้ายังไม่เปิดใจให้ใครอย่าสร้างความหวัง  ฝนก็เหมือนกัน แต่คนนี้พี่กวางแอบเชียร์ ผมยังกล้าถามต่อไปอีกว่าแล้วถ้าใช่จะเป็นแม่สื่อไปสู่ขอให้หรือเปล่า  เธอตอบว่ายินดีถ้าเป็นฝน แต่ถ้าเป็นลิลลี่อย่ามาเชิญเธอไปงานเป็นอันขาด ทำเอาเราหัวเราะทั้งคู่จนเธอทักว่าในที่สุดผมก็หัวเราะได้แล้ว ตอนนั้นผมลืมแพรไปได้ชั่วขณะ แล้วเราก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียของทั้งคู่  พี่กวางอยู่กับผมอีกทั้งวันกับอีกคืน ทั้งผมและเธอมอบความสุขให้กันและกันอย่างเต็มที่ จนเช้าวันอาทิตย์ก่อนที่เธอจะกลับ เธออยู่ในชุดเสื้อคลุมขณะกำลังแต่งหน้า ผมเข้าไปคลอเคลียด้านหลังจนเธอจุ๊ปากเบาๆ 

“เจมส์ยังไม่พออีกหรือพี่ให้ไปจนอิ่มแล้ว พอก่อนเหอะเดี๋ยวตายกันพอดี”

“ยังไม่อิ่มครับ  ยังไม่ได้กินกวางเหลียวหลัง”

“เมื่อคืนอูยเบาๆสิเจมส์ขา เมื่อคืนก็กวางเหลียวหลังไปแล้วที่โซฟาร์นี่ไง”

ผมเริ่มขยำก้นเธอแรงขึ้นจนเธอร้องด้วยความสยิว

“ผมหมายถึงข้างหลังนะครับ  ไม่ได้กินนานแล้ว”

เธอหันมาค้อนผม ที่ผ่านมาเธอยอมให้ผมเย็ดตูดมาแล้วหลายครั้ง แต่ต้องเป็นตอนที่เธอเงี่ยนจัดๆและครั้งแรกนั้นเธอเป็นฝ่ายเสนอให้ผมตอนเราไปนอนกันที่โรงแรมหรูกลางใจเมืองสมัยที่เรายังเรียนปริญญาโทอยู่ ผมสนองตอบเธออย่างดีจนกลายเป็นติดใจ และผมไม่ได้เย็ดข้างหลังของเธอมานานแล้ว ยิ่งเห็นเธอทำเป็นไม่สนใจ ผมเอามือล้วงเข้าในในเสื้อคลุมสัมผัสกับเนื้อแท้ของก้นเธอก่อนทีจะขยำไปมา เธอไม่ห้ามผมแค่จุ๊ปากเท่านั้น แต่พอผมเอาเลยไปถึงบริเวณโคกหีปรากฏว่ามันเริ่มแฉะแล้ว ผมเลยซุกไซร้ไปที่ลำคอของเธอ เธอเริ่มครางออกมา หันหน้ามารับการจูบของผม ก่อนที่จะโอบคอให้ผมอุ้มไปที่เตียง พอไปถึงผมดึงเสื้อคลุมของเธอออก และถอดกางเกงตัวเอง  ก่อนที่จะยื่นควยไปจ่อที่ปากเธอ  พี่กวางดูดดื่มอย่างหิวกระหาย จนในที่สุดเรามาอยู่ในท่า 69 เพราะพี่กวางร้องขอ เราช่วยกันใช้ปากทำรักให้อีกฝ่ายจนพี่กวางทนไม่ไหวร้องให้ผมทำ  ผมเลื่อนมาประกบด้านหลังเธอขณะที่เธอยังโก้งโค้งอยู่จับขาเธอถ่างออกและค่อยๆดันควยเข้าไปที่รูตูดของเธอ พร้อมกับเสียงครางของเธอที่บอกให้ผมเบาๆ  ผมดันข้าไปจนสุดพร้อมกระตุ้นเธอด้วยการเอานิ้วล้วงไปที่หีของเธอขนาดกระเด้าตูดเธอ ประตูหลังของพี่กวางฟิตจริงๆ ระหว่างผมกระเด้าเธอครางออกมาไม่หยุด

“อูยๆๆๆๆๆ สมใจอยากแล้วสิเจมส์ อ๋อยๆๆๆเบาๆๆๆหน่อยพี่แสบซี๊ดดดดดดดดดอ๋อยๆพี่เสียวบี้เม็ดพี่เบาๆหน่อย”

“ก็ตูดพี่น่าเอานิอูยๆๆๆๆๆ”ผมตอบขณะกระเด้า

พี่กวางเด้งรับตลอดใบหน้าที่งดงามของเธอดูบูดเบี้ยวพร้อมครางด้วยความเสียวตลอดเวลาที่ผมกระเด้า จนในที่สุด

“เจมส์พอก่อน  คะอ่อยๆๆพี่ถึงแล้วอูยๆๆๆเบาหน่อยสิอูยยยยยซี๊ดดดดดดดดดดดดดดถึงแล้วววววววววววว”

ผมเด้งส่งทันทีเพราะกลั้นมานาน เรานอนซบกันครู่ใหญ่ก่อนที่ผมจะพาเธอล้างตัว ครั้งนี้ผมปล่อยให้เธอแต่งตัวจนเรียบร้อยก่อนออกไป เธอกอดผมและหอมแก้มทั้งสองข้าง ผมจูบเธอเราแลกลิ้นกันก่อนที่จะออกจากห้องเธอหันมามองแล้วบอกผมว่าอย่าลืมซักผ้าปูที่นอนหละมันเลอะไปหมด ผมพยักหน้าพร้อมขยำก้นเธอเบาๆ ผมเดินไปส่งเธอที่รถ ก่อนที่เธอจะไปเธอย้ำกับผมอีกครั้งว่า

“ถ้าเจมส์ไม่เปิดใจก็อย่าไปสร้างความหวังให้กับใครและที่สำคัญกำแพงที่เจมส์ก่อขึ้นมาโดยที่เจมส์ไม่รู้ตัวก็

พยายามทำลายมันลงซะบ้าง  เพราะไม่อย่างนั้นเจมส์อาจสูญเสียบางอย่างไปตลอดชีวิตโดยที่เจมส์ไม่รู้ตัว” เธอทิ้งท้ายให้ผมคิดแบบนี้ก่อนขับรถออกไป ผมกลับมาที่ห้องจัดการเก็บผ้ามาใส่เครื่องซักผ้า และมาครุ่นคิดกับสิ่งที่เธอบอก ก่อนที่ผมจะไปหยิบน้ำฝรั่งที่แพรซื้อมาให้และผมเอามาแช่ตู้เย็นมาจิบ มันทำให้ระลึกถึงความรู้สึกเดิมๆและผมก็ปล่อยตัวเองให้จมอยู่ในความเงียบตลอดทั้งวัน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 18, 2016, 01:08:56 pm โดย twintower »

*

xonly-809

Re: ฤาลมจะพัดหวน 1
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2016, 06:19:16 pm »
ผมชอบเพล็อตเรื่องของท่านมากเลย

สิ่งที่ขาดและควรเพิ่มในบทเสียวคือความรู้สึกของฝ่ายหญิงครับ ถึงจะเป็นการเล่าเรื่องของบุคคลที่หนึ่งแต่ตอนบทรักเพิ่มความรู้สึกของอีกคนมันจะดีมาก ใส่แต่ความรู้สึกบุคคลที่1มันเหมือนจะปลดปล่อยอย่างเดียว

ส่วนการเขียนเนื้อเรื่องถือว่าดีมากครับ

*

ออฟไลน์ xnosex

  • Full Member
  • **
  • 143
  • 62
    • ดูรายละเอียด
Re: ฤาลมจะพัดหวน 1
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2016, 09:25:25 pm »
รอน้องแพร

*

ออฟไลน์ therasak

  • Legend Member
  • *******
  • 2432
  • 640
    • ดูรายละเอียด
Re: ฤาลมจะพัดหวน 1
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2016, 12:03:48 am »
ความเจ็บในอดีตบางครั้งก็ยากจะลบเลือนนะครับ ยิ่งรักมากก็แค้นมาก จะสานต่อหรือเปล่านะ

*

ออฟไลน์ cd13579

  • Global Moderator
  • *****
  • 1645
  • 1059
  • ชายผู้มีโครงการเต็มหัว แต่ไม่มีปัญญาเขียน
    • ดูรายละเอียด
Re: ฤาลมจะพัดหวน 1
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2016, 12:12:06 am »
ชอบคาเรกเตอร์ในการทำงานของพระเอกนะ จริงจังและแบ่งชัดเจนเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว มีความเก่งและสู้ชีวิต  ::Dribbling::
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

*

ออฟไลน์ peddo

  • Ultimate Member
  • ********
  • 3658
  • 1234
    • ดูรายละเอียด
Re: ฤาลมจะพัดหวน 1
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2016, 12:53:31 am »
เล่าได้ละเอียดอย่างกับเรื่องจริงเลยนะครับ ขนาดออกตัวว่าไม่ค่อยเสียวยังซัดไปหนึ่งวันกับหนึ่งคืน ตอนหน้าท่าจะไฟลุก น่าเสียดายนะครับ สาวแต่ละคนน่าสนใจทั้งนั้นเลย ขอบคุณมากครับ

*

ออฟไลน์ elviswhat

  • Ultimate Member
  • ********
  • 3004
  • 988
    • ดูรายละเอียด
Re: ฤาลมจะพัดหวน 1
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2016, 01:31:24 am »
ขอบคุณมากครับ ขออ่านตอนต่อไปเลยแล้วกันนะครับ

*

ออฟไลน์ peat

  • Gold Member
  • *****
  • 1406
  • 1168
    • ดูรายละเอียด
Re: ฤาลมจะพัดหวน 1
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2016, 02:01:47 am »
ความรู้สึกแบบนี้..มันช่างอึดอัด..ทำอะไรไม่ถูก..
ไม่เป็นตัวของตัวเอง..ยิ่งถ้าเจอแบบนี้จังๆนะ..อาจจะถึงขั้นลาออกหนีออกมาก่อนเลย..

*

ออฟไลน์ nitty46

  • Junior Member
  • ***
  • 373
  • 367
    • ดูรายละเอียด
Re: ฤาลมจะพัดหวน 1
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2016, 02:35:54 am »
สุดยอดเลยครับ ผมก้เคยทำแบบนี้จนเค้าน้อยใจไปแต่งงานกับคนอื่นจริง T T

*

ออฟไลน์ T.2002

  • Full Member
  • **
  • 156
  • 363
  • กรุงเทพฯ
    • ดูรายละเอียด
Re: ฤาลมจะพัดหวน 1
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2016, 03:13:00 am »
ชอบพล๊อตที่มีที่มาที่ไป 
อาจจะไม่เสียวมาก แต่ผมชอบ ^^

*

earlybird

Re: ฤาลมจะพัดหวน 1
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2016, 03:46:34 am »
ชอบนะแนวนี้ ได้อารมณ์เหมือนชีวิตจริงดี

*

ออฟไลน์ swss2511

  • Ultimate Member
  • ********
  • 4763
  • 734
    • ดูรายละเอียด
Re: ฤาลมจะพัดหวน 1
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2016, 07:32:37 am »
โชคดีที่มีพี่กวางอยู่งข้างๆ

*

ออฟไลน์ taton

  • Gold Member
  • *****
  • 1139
  • 224
    • ดูรายละเอียด
Re: ฤาลมจะพัดหวน 1
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2016, 09:56:59 am »
แต่งได้ดีมากเลยครับ..ขอบคุณมากครับ

*

ออฟไลน์ kabyala

  • Gold Member
  • *****
  • 1321
  • 1047
    • ดูรายละเอียด
Re: ฤาลมจะพัดหวน 1
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2016, 01:13:18 pm »
แหมก็สมควรแค้นฝังใจละครับ แต่อาการแบบนี้เขาเรียกว่า ทั้งรักทั้งเกลียน เอ... หรือจะให้ผมร้องเพลงของกุ้ง ตวงสิทให้ฝัง ^ ขอบคุณครับ

*

ออฟไลน์ noppadoi26

  • Full Member
  • **
  • 148
  • 193
    • ดูรายละเอียด
Re: ฤาลมจะพัดหวน 1
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2016, 02:15:07 pm »
เนื้อเรื่องดีมากเลยครับ ฉากอีโรนี้ก็ถึงพริกถึงขิงเลยขอรับสนุกมากๆ

ขอบคุณผู้แต่งมากครับ

 

ช่องทางแจ้งข่าวเผื่อโดนปิด ติดตามไว้นะ