วันรุ่งขึ้นขณะที่นั่งทำงานช่วงเช้า พี่กวางไลน์มาบอกผมว่า
“เด็กบ้า ทำพี่ทั้งแสบทั้งระบมไปทั้งตัว เดินแทบไม่ไหว วันนี้พี่ไม่เข้านะ ช่วยดูงานให้ด้วย”
และสักพักฝนโทรมาที่โต๊ะผมพร้อมรายงานมาว่าวันนี้คุณกวางไม่ค่อยสบายเลยไม่เข้า มีอะไรด่วนก็โทรไปได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องปกติแจ้งผ่านฝนก่อนหลังจากนั้น ผมทำงานตามปกติและพยายามหลบหน้าแพรอยู่ตลอดแม้เจอหน้ากันจังๆผมก็พยายามไม่สบตาไม่มองหน้า จนทำเธอหน้าเสียไปหลายครั้ง ผมรู้ตัวดีว่าไม่ควรทำแต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน จะไปพูดกับเธอก่อนก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงขนาดลิลลี่จะเข้ามาคุยงานกับผมที่ห้องโดยที่แพรมาด้วย ผมยังบอกว่าให้โทรคุย จนมีการนัดกินข้าวระหว่างเพื่อนๆสมัยเรียนซึ่งนีก็ไปด้วย ทุกคนดูเหมือนจะรู้ดีว่าแพรกลับมาเมืองไทยแล้ว แต่ไม่กล้าเอ่ยชื่อต่อหน้าผมแม้กระทั่งเพื่อนสนิทผมพูดถึงแพรแต่นีก็แอบส่งสัญญาณว่าอย่าพูด จนเพื่อนสนิทผมมันเปรยๆว่า “คนที่ทำผิดยังมีการให้อภัยกัน ลดทิฐิลงหน่อยแล้วให้อภัยโลกมันจะน่าอยู่มากขึ้นนะไอ้เจมส์” ผมนิ่งอย่างเดียว
หลังจากนั้น 2-3 วัน นีโทรมาหาผมตอนแรกทำท่าจะนัดเจอแต่ผมรู้ว่าเรื่องอะไร เลยบอกปัดว่าติดงานที่กำลังจะไปเยอรมันคุยกันทางโทรศัพท์ก็ได้ นีเลยไม่อ้อมค้อม นีพูดถึงแพรบอกว่าทำไมผมใจร้ายกับแพรมาก ในช่วงที่แพรมาทำงานที่นี่ 2-3เดือน แพรเครียดมากกับสิ่งที่ผมทำกับเธออยู่ นีรู้ว่าผมเสียใจมากในตอนนั้นแต่อยากให้ผมให้อภัยแพร เพราะแพรจะรู้ตัวว่าผิดถึงความรู้สึกอาจจะกลับมาไม่เหมือน แต่ถ้าผมคุยกับแพรแล้ว แพรอาจจะดีขึ้นเพราะช่วงนี้สุขภาพจิตของแพรแย่ลงมากทั้งเรื่องงาน และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของผมที่ทำเหมือนแพรไม่มีตัวตน นีพยายามขอร้องผม จนในที่สุดนีบอกมาว่า
“จริงๆแล้ว นีมีเรื่องที่รู้อีกเยอะมากที่อยากจะบอกเจมส์ แต่เรื่องพวกนี้เจมส์ควรรู้จากปากแพรเอง นีไม่รู้ว่าเจมส์หมดรักแพรหรือยัง แต่ก็ขอให้สงสารแพรหน่อย ยิ่งเจมส์ทำตัวแบบนี้แพรยิ่งทรมาณและนีมั่นใจมันทรมาณทั้งคู่ ลดทิฐิและอย่าก่อกำแพงปิดกั้นตัวให้มากกว่านี้เลยนะเจมส์”
นีทิ้งท้าย ประโยคของนีประโยคนี้ยิ่งทำผมเครียด มันใช่ทุกอย่าง เพราะช่วงหลังๆผมได้ข่าวตลอดว่าแพรทุ่มเทให้กับงานมากทำให้ดูเครียดขึ้น ขนาดพี่กวางยังแอบมากระซิบบอกผมแต่สุดท้ายผมก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี แล้วก่อนที่ผมจะไปเยอรมันพี่กวางได้เรียกผมกับฝ่ายการตลาดและฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาคุยรายละเอียดและความคืบหน้าของโปรเจ็คที่ให้ไปแก้ไข แต่มันทำเอาผมอึ้งไปนิดนึงเพราะปกติลิลลี่จะมาคนเดียวครั้งนี้แพรเข้ามาด้วย ทำเอาผมเลี่ยงไปนั่งอีกมุมนึงในห้องพี่กวาง ระหว่างการพูดคุยพี่กวางแอบมองมาที่ผมแล้วทำหน้ายิ้มๆส่วนแพรนั้นก็แอบชำเลืองมาบ่อยครั้งจนถึงการสรุป ผมรีบบอกเป็นคนแรกทันทีก่อนที่ใครจะถาม
“ก็ค่อนข้างโอเคครับ “
ทำเอาลิลลี่ยิ้มกว้าง พี่กวางถามทุกคนก็ยืนยันตามที่ผมบอก และพอจะนัดคุยครั้งหน้าลิลลี่หันมาถามผม ผมบอกว่าผมอีกไม่กี่วันจะไปเยอรมัน 3 อาทิตย์ ประชุมได้เลย ทำเอาแพรรีบหันมามองทันที แล้วผมบอกว่าก็ลองคุยๆกันดูก่อนก็ได้ เพราะงานที่เยอรมันก็สำคัญเพราะจะเซ็นสัญญาข้อตกลงเบื้องต้นกันด้วยและผมบอกต่อไปว่าหรือจะรอสรุปเรื่องนี้ทีหลังพราะผมไม่แน่ใจว่าท่านประธานหรือพี่กวางจะเป็นคนบินไปเซ็นสัญญา ซึ่งตรงนี้ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนไปแต่จริงๆแล้วผมรู้ว่าพี่กวางจะไปเอง พี่กวางเลยรีบบอกต่อทันทีเหมือนรับลูกจากผมว่า พี่กวางจะไปเองท่านประธานไม่ค่อยสบายและมีงานที่ต้องคุยกับผู้ใหญ่ที่ประเทศไทย ส่วนเรื่องนี้ก็คุยกันเองแล้วส่งรายงานไปให้พี่กวางกับผมดูที่นั่นก็ได้ ประชุมเสร็จผมรีบเผ่นออกจากห้องพี่กวางคนแรกโดยไม่หันมาสบตากับแพรหรือพี่กวางเลย พอกลับไปที่โต๊ะพี่กวางโทรมาหาผมทางมือถือ
“ครับพี่”
“หนีทำไมละคนเก่ง”
เธอบอกมาด้วยเสียงหัวเราะ
“ก็เอ่อออออ ไม่รู้จะอยู่ทำไมครับ”
“แล้วเห็นหน้าเค้าไหมละ”
ผมรู้ว่าพี่กวาง หมายถึงแพร
“ไม่ได้มองครับ”
“แล้วรู้หรือเปล่าเค้าแอบมองไปที่เจมส์ตลอด สีหน้าตอนแรกๆก็ไม่ดีเท่าไหร่ แต่พอเจมส์บอกว่าโอเค เจมส์รู้หรือเปล่าสีหน้าของแพรดีขึ้นทันตาเห็น อย่าใจร้ายนักสิ”
ผมไม่พูดอะไรต่อแล้วพี่กวางก็เปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่นรวมถึงบอกว่าผมทำแบบนี้ทำให้ลิลลี่คงหายกลัวผมไปเยอะทั้งที่ๆที่เมื่อก่อนลิลลี่จะแสดงออกมาว่าปลื้มผมเป็นพิเศษตั้งแต่ผมมาทำงานใหม่แต่ด้วยนิสัยพร้อมบุคลิกบางอย่างทำให้ผมไม่สนใจเธอและยิ่งพอลิลลี่มาเจอผมในการประชุมครั้งก่อนเธอเปลี่ยนไปจนสังเกตุได้ว่าเธอกลัวผมก่อนที่จะบอกว่า
“คืนนี้อยู่กับพี่นะ”
“ครับ แต่ที่ไหนครับห้องผมหรือห้องพี่”
“ไปห้องพี่แล้วกัน แล้วพี่โทรหาอีกทีนะ”
ผมนั่งทำงานจนค่ำๆพี่กวางส่งข้อความมาว่าให้ไปเจอเธอที่คอนโดที่ไหน ผมรอเวลาสักพักก่อนเดินลงไปที่ลานจอดรถและผมก็เห็นแพรที่กำลังคุยโทรศัพท์พร้อมเดินไปที่ลานจอดรถเช่นกันมันเหมือนมีอะไรบอก แพรหันมาแล้วเห็นผม ทำให้เธอหยุดเดิน ผมเลยรีบเปลี่ยนทางแล้วเดินไปที่รถพอเข้าไปในรถพอมองไปที่แพร เธอยังยืนมองมาที่รถ ผมมองไปสักครู่ด้วยใจที่ว้าวุ่นแล้วตัดใจขับรถออกไปโดยแพรยืนมองตามตลอด แล้วผมไปถึงคอนโดของพี่กวางโดยที่พี่กวางไปถึงก่อนเล็กน้อยเราขึ้นไปพร้อมกัน ผมช่วยพี่กวางถือของที่เธอซื้อมาเป็นอาหารเย็นของเราทั้งสองคน และระหว่างที่พี่กวางกำลังเตรียมทำอาหารในครัว ส่วนผมกำลังช่วยหยิบจาน พี่กวางพูดออกมาว่า
“ร้ายนักนะเรา”
“อะไรหรือครับพี่”
“ทำเป็นไม่สนใจ ไม่มองแต่ใจเป็นห่วงเค้าอยู่ใช่ไหมละ”
ทำเอาผมสะดุ้ง และเงยหน้าขึ้นมามองพี่กวางที่ยืนมองผมอยู่พร้อมบอกมาว่า
“เจมส์ไม่ต้องทำเนียน ลิลลี่บอกพี่เองว่า ก่อนที่จะประชุมวันนี้ลิลลี่คุยกับเจมส์ก่อนแล้วและเจมส์ช่วยแนะนำให้เยอะมาก ไม่อย่างนั้นไม่คืบหน้าขนาดนี้”
“ก็..........”
ผมพูดต่ออะไรไม่ออก เพราะสายตาที่พี่กวางมองมาอย่างรู้ทันแล้วเธอก็ส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมใบหน้าที่ยิ้มๆก่อนเปลี่ยนเรื่อง
“มา มาช่วยพี่แกะถุงใส่ผักหน่อย”
ผมไปยืนช้างๆพี่กวางช่วยทำอย่างที่เธอบอกทำให้ได้กลิ่นกายที่หอมจากตัวเธอ พอหันไปมองผมพึ่งสังเกตุเห็นว่าพี่กวางถอดสูทออกแล้ว เหลือแต่เสื้อแขนกุดไม่มีกระดุมและกระโปรงที่รัดรูปเน้นสะโพกที่งอนงามของเธอและ กลิ่นกายที่หอมอันเย้ายวนของเธอทำให้ผมยื่นหน้าไปหอมเธอทีนึง เธอก็หันมาหอมแก้มผมแต่มือยังง่วนกับการจัดอาหารอยู่เหมือนเดิม
“กินข้าวกันก่อนจ๊ะ”
แต่ผมอดใจไม่ไหว เอามือรั้งเอวเธอเข้ามาใกล้ตัวก่อนหอมแก้มเธอแรงๆ ก่อนซุกไซร้ไปที่ลำคอ
“อูยเจมส์ขา กินข้าวกันก่อนเหอะ เรายังมีเวลากันทั้งคืน”
ผมไม่ฟังเสียงเลื่อนตัวไปประกบด้านหลัง ก่อนเลื่อนมือที่โอบเอวลงไปขยำที่สะโพกของเธอแรงส่วนมืออีกข้างก็พุ่งเป้าไปขยำที่นมของเธอ และใช้จมูกไซร้ไปที่ลำคออันขาวผ่องยิ่งพอผมล้วงเข้าไปในกระโปรงผ่านกางเกงในเพื่อขยำเนื้อแท้ทำให้เธอครางออกมา
“โอ้วววววววเจมส์ขา”
แล้วตะแคงหน้ามาจูบกับผม ส่วนมือทั้งสองของผมยังทำหน้าที่ต่อเนื่อง แล้วเธอบอกมาว่า
“เจมส์ไปตรงอื่นเหอะ ตรงนี้เดี๋ยวเลอะกับข้าว”
ผมจูงมือเธอมาที่โต๊ะกินข้าว แล้วจับเธอยืนพึงโต๊ะก่อนจูบเธออย่างหนักหน่วงเธอสนองตอบด้วยการกอดรัดผมแน่น ผมก้มหน้าลงไปแล้วเลิกเสื้อขึ้น ปลดตะขอยกทรงด้านหลัง และฟอนเฟ้น กับนมอันขาวผ่องของเธอทั้งสองเต้าสลับไปมา พี่กวางส่งเสียงครวญครางอย่างเร้าใจ แล้วผมจับเธอพลิกตัวเธอเอามือยันโต๊ะทันที พอผมประกบด้านหลัง และทำท่าจะถลกกระโปรงเธอขึ้นมาที่เอว เธอบอกมาว่า
“เจมส์ขาถอดกระโปรงพี่ออกเลยดีกว่า”
ผมจัดการปลดตะขอแล้วรูดกระโปรงลงมาพร้อมกางเกงในแล้วโยนไปข้างหลัง ก่อนรูดถุงน่องเธอออกแล้วจัดการถอดกางเกงของผมออกด้วยเราเปลือยท่อนล่างกันทั้งคู่ พี่กวางยืนเอามือเท้าที่โต๊ะพร้อมอ้าขากว้างขึ้น พร้อมรอการเสียบจากผมแล้วตะแคงหน้าหันมามองพร้อมส่งสายตาที่เว้าวอน ผมจึงยืนไปประกบข้างหลัง เอามือจับเอวแล้วค่อยๆเอาควยยัดเข้าไปในรูหีที่เปิดกว้าง
“พี่กวางครับ”
“ขาเจมส์”
“จินตนาการนะครับว่านี่เป็นโต๊ะทำงานของพี่กวาง”
“โอ้วเจมส์คิดเหมือนพี่เลย ทำเหอะพี่รออยู่อู้วววววววววววว”
เธอร้องเพราะผมยัดควยเข้าไปจนสุด แต่เธอเป็นเด้งก่อนที่ผมจะเริ่มกระเด้าอย่างต่อเนื่อง จังหวะรักครั้งนี้ผมไม่เร่งซึ่งเธอคงรู้และมีการสลับเด้งรับการกระแทกของผมเป็นหวะ ผสมกับเสียงครางอย่างรัญจวนของเราทั้งสอง ผมมาเร่งจังหวะตอนที่จวนจะถึงจุดหมาย ส่วนพี่กวางยิ่งทั้งส่ายทั้งเด้ง
“โอ้ว โอ้ว โอ้ว โอ้ววววววววววว เจมส์”
ผมกอดเธอแน่นและซบไปที่แผ่นหลังเราหายใจอย่างเหนื่อยหอบทั้งคู่ จนเธอบอกว่า
“ไปล้างตัวกันก่อนแล้วค่อยกินข้าวกัน”
เธอจูงมือผมไปห้องน้ำเราช่วยกันทำความสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้ามาทานข้าว จนทานเสร็จ เรามานั่งคุยกันที่โซฟาร์ ผมนอนหนุนตักเธอ เราคุยกันหลายเรื่องพี่กวางเอามือมาลูบที่หัวผมตลอดจนในที่สุดเธอบอกมาว่า
“เจมส์พี่มีเรื่องจะบอก”
“ผมรู้ครับพี่”
“เรื่องอะไรที่รู้”
ผมเงยหน้าขึ้นไปบอกเธอว่า ผมพอจะรู้ตั้งแต่ช่วงที่ผมไปญี่ปุ่นมีผู้ชายที่เป็นนักธุรกิจมาตามจีบพี่กวางตลอด ถ้าพี่กวางจะบอกผมก็คงหมายถึงพี่กวางอยากจะคบเป็นแฟนกับผู้ชายคนนั้น พอผมพูดจบ พี่กวางถามผมต่อว่า
“แล้วเจมส์ว่ายังไงละ”
“ก็ตามที่เราตกลงกันไงครับ”
เธอเงียบไปนิดนึง เพราะเราตกลงกันไว้ตั้งแต่ตอนที่เรามีอะไรกันว่า ไม่มีความผูกพันทางใจ เรามีอะไรกันเพราะอยากผ่อนคลายกันเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ไปหึงหวงถ้าอีกฝ่ายจะคบหากับใคร และต้องยุติความสัมพันธ์ในเรื่องเซ็กส์กัน และถ้ามองในความเป็นจริงผมกับพี่กวางต่างรู้ดีว่าเราเป็นแฟนจนถึงขั้นแต่งงานไม่ได้ ต่อให้ผมไม่ทำงานกับเธอก็ตามอะไรหลายๆของเรามันไปด้วยกันไม่ได้ แต่ถ้าเป็นความสัมพันธ์แบบคู่ขาหรือคู่นอนของเรามันก็เป็นความของความต้องการมากกว่าความรัก ผมเอื้อมมือไปลูบหน้าเธอ
“แล้วนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายของเราหรือครับ”
เธอส่ายหน้า
“ไม่จ๊ะยังไม่ใช่ วันนี้เพราะพี่เครียดกับงานมากเลยอยากผ่อนคลายส่วนครั้งสุดท้ายของเราคือที่เยอรมันจ๊ะ พี่ถึงไปกับเธอ พี่จะได้เอาหอยทอดแม่กวางศรีพร้อมสาหร่ายน้ำมันหอยไปป้อนให้เจมส์ที่นั่นไง ส่วนพี่ก็จะได้กินไส้กรอกส่วนตัวยี่ห้อเจมส์ที่เยอรมัน”
“งั้นเรามาซ้อมกินกันก่อนดีกว่าครับ”
แล้วเธอก้มลงมาจูบกับผม เราแลกลิ้นกันยาวนานก่อนที่เธอจะชวนผมไปที่ห้องนอนแล้วเราก็บรรเลงกามกันอีกครั้ง จนมาอยู่ในท่า69ก่อนที่เธอจะยู่ข้างบนพร้อมโยกตัวและส่งเสียงครางอย่างรัญจวนใจ จนในที่สุดเธอก็มาอยู่ภายใต้อ้อมกอดผมหลังจากเสร็จศึกในยกนี้เธอนอนตะแคงหันหลังให้ผม แต่ยังเอามือมาลูบที่ใบหน้าของผมแล้วบอกมาว่า
“เจมส์ อยากเอาพี่ในห้องทำงานหรือ”
“แล้วพี่ว่ายังไงละครับ”
เธอพลิกตัวมาเอาหน้ามาซุกกับผมแล้วบอกเสียงอู้อี้ว่า
“งั้นก่อนเราไปเยอรมันพี่จะลองหาโอกาสดู”
แล้วเธอก็ไม่พูดอะไรอีกคืนนั้นผมนอนกอดเธอทั้งคืน จนไม่ได้นึกถึงเรื่องของแพรตอนเช้าก่อนไปทำงานผมจัดการเธออีกยก และเธอก็จัดให้ตามที่ต้องการในคืนก่อนที่จะไปเยอรมันผมกับเธอทำงานกันจนดึกและให้เลขาของเรากลับไปก่อนทั้งคู่ จนแน่ใจว่าในตึกไม่เหลือใครแล้วเธอนั่งตักผมบนเก้าอี้ทำงานสุดหรูของเธอก่อนขย่มผมแถมเธอยังจูงมือผมไปที่ห้องทำงานผมให้ผมเย็ดเธอโดยพี่กวางยืนหันหลังให้แล้วเอามือยันที่โต๊ะทำงานผม จนเราอ่อนระโหยทั้งคู่ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน
ระหว่างการเดินทางทำให้ผมครุ่นคิดถึงเรื่องของแพรตลอดว่าจะทำยังต่อไปดี จนต้องมายอมรับกับตัวเองว่าลึกๆแล้วผมยังรักเธออยู่ จนไม่ยอมมีใครมาแทนที่แม้กระทั่งฝนที่แสดงออกชัดเจนผมก็ไม่เปิดใจให้ฝนก้าวเข้ามา เรื่องนี้เหมือนพี่กวางจะรู้ดีแต่ไม่พูดอะไรมาก แต่ทุกอย่างมันติดที่ผมเองที่ทำตัวไม่ให้แพรเข้าใกล้ได้เลย ถึงแม้บางวันแพรจะแอบฝากน้ำฝรั่งคั้นหรือขนมที่ผมชอบกับเลขาไม่ก็แม่บ้านมาให้ จนถึงเยอรมันการทำสัญญาธุรกิจเป็นไปโดยราบรื่น ผมกับพี่กวางมีเวลาไปเที่ยวกันสองต่อสอง และห้องพักถึงจะจองสองห้อง แต่เราก็นอนห้องเดียวกันตลอดผมกับเธอปรนเธอความสุขให้กันทุกคืน เธอยอมให้ผมเย็ดทั้งข้างหน้าข้างเพราะรู้ว่านี่เป็นการทิ้งท้ายของเราทั้งสองคน ผมจัดให้เธออย่างถึงอกถึงใจ ถึงแม้คนที่จีบเธอจะโทรหาเธอแทบทุกวัน โดยมีผมนอนฟังอยู่ข้างๆตลอด จนคืนสุดท้ายหลังจากที่เธอพาผมไปถึงสวรรค์ทั้งคู่ ระหว่างที่เรานอนกอดกัน ผมสารภาพให้เธอฟังในเรื่องของแพรว่าผมคิดยังไง เธอปลอบผมและบอกว่ากลับไปเมืองไทยให้หาโอกาสคุยกับแพรไม่งั้นทั้งคู่อาจไม่มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกันอีก ถึงจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่ก็ไม่สิ่งที่คาใจของทั้งคู่และปิดท้ายว่า
“ดีแล้วที่เจมส์ไม่เคยทำให้พี่รักเจมส์ไม่อย่างงั้นพี่ช้ำใจยิ่งกว่าน้องแพรแน่นอน”
แล้วผมก็ขอบคุณคำแนะนำของเธอด้วยการจับเธอเย็ดข้างประตูหลัง ตอนเช้าก่อนลงไปกินข้าวเราช่วยกันทำรักด้วย ท่า 69 และก่อนเดินทางไปสนามบินเราทั้งคู่ต่างเติมเต็มให้กันและกันเป็นครั้งสุดท้ายจนเธอแทบหุบขาไม่ลง หลังจากที่กลับมาถึงกรุงเทพผมกับพี่กวางก็ทำตัวเป็นปกติไม่มีความสัมพันธ์เรื่องเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้องกันอีก ผมทำงานหนักเหมือนเดิมจนใครๆทักว่าโทรมลงแต่กับแพรผมยังทำตัวเหมือนเดิมทั้งๆที่พี่กวางย้ำมาอีกครั้งว่าให้คุย จนคืนก่อนที่จะมีการนำเสนอโครงการของฝ่ายการตลาดผมกลับบ้านพร้อมกระต่ายที่เป็นเลขา กระต่ายบอกผมว่าคืนนี้การตลาดคงอยู่กันดึกแน่นอนเพราะต้องเตรียมพรีเซ็นต์กับท่านประธานวันพรุ่งนี้ ผมพยักหน้าแต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเพราะช่วงที่อยู่เยอรมันลิลลี่ต้องความคืบหน้ามาทางอีเมลให้ทั้งผมและพี่กวางตลอดจนกลับมาเราได้แก้ปัญหาที่เกิดได้หมดจนนำเสนอต่อที่ประชุมได้แต่ผมแกล้งถามกระต่ายว่าสนใจที่จะทำงานการตลาดหรือเปล่าเพราะกระต่ายจบมาด้านนี้ กระต่ายบอกว่าทำงานกับผมสบายใจกว่าทำงานกับลิลลี่
จนเช้าวันต่อมา ผมมาทำงานตอนเช้า พอจะเดินไปที่ลิฟท์เห็นแพรยืนอยู่ ผมเลี่ยงเดินไปขึ้นบันไดโดยไม่หันมามองว่าแพรจะเห็นผมหรือไม่ จนได้เวลาเข้าประชุม ระหว่างที่นั่งรอท่านประธานกับพี่กวาง ฝนที่นั่งติดกับผมบอกมาว่า
“เจมส์โทรมมากเลยนะ ฝนว่าหาเวลาไปพักมั่งเหอะ”
ผมหันไปตอบพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือโดยไม่สนใจสายตาของแพรกับลิลลี่ที่นั่งตรงข้ามบอกฝนว่า
“นั่นนะสิ ว่าจะลากลับบ้านไปหาน้องชายซะหน่อย”
ประโยคนี้แพรคงได้ยินแม้ผมจะพูดเสียงเบาๆ ทำเอาเธอยิ่งตั้งใจฟังเพราะแพรรู้ว่าผมลูกคนเดียว
“หาน้องชาย” ฝนก็ทำหน้าสงสัย “เจมส์ลูกคนเดียวไม่ใช่หรือ”
“นี่ไงน้องชายเจมส์ อายุขวบเศษๆ”
ผมพูดพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้ฝนดู ทำเอาฝนหัวเราะแล้วร้องว่า
“น่ารักมากเลยเจมส์ ชื่ออะไร”
ภาพในโทรศัพท์คือสุนัขพันธ์ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์
“ชื่อเล่นบ็อบชื่อเต็มไอ้คุณบ็อบ”
“ทำไมตั้งนี้ชื่อละ “
“อ๋อมาจากชื่อเพื่อนสนิทของเจมส์นะ”
“แล้วเค้าไม่โกรธหรือ”
“ไม่มั้งคือ มันเอาชื่อเจมส์ไปตั้งชื่อให้แมวของมันก่อน”
ทำเอาฝนหัวเราะรวมทั้งแพรด้วยเพราะแพรก็รู้จักเพื่อนผมคนนี้ดีและลิลลี่ที่สงสัยว่าคุยอะไรกันเลยถามมาฝนยกโทรศัพท์ให้ลิลลี่ดูทำให้สายตาของผมประสานกับแพร และแพรหยุดหัวเราะทันทีที่เห็นสายตาที่เฉยชาของผม จนท่านประธานเข้ามาพร้อมพี่กวาง ทั้งลิลลี่และแพรต่างช่วยกันนำเสนอและตอบข้อสงสัยของท่านประธานได้เป็นอย่างดีในทุกเรื่อง จนได้รับการอนุมัติ จนการประชุมเสร็จสิ้น พี่กวางเรียกผมให้ไปพบกับคุณพ่อที่ห้องทำงานของท่านประธาน ซึ่งคุณพ่อพี่กวางขอบคุณผมในทุกเรื่องพร้อมฝากให้ผมช่วยดูแลบริษัทด้วยเพราะคิดจะวางมือจริงๆแล้วพร้อมคุยกับพี่กวางในเรื่องการปรับเงินให้ผม พี่กวางบอกว่าทำแล้วแต่ยังไม่คุยกับผม คุณพ่อพี่กวางทิ้งท้ายว่า เสียดายที่ผมไม่ได้เป็นเกิดลูกชายมีแต่ลูกสาวคนเดียว และกำชับให้ผมกับพี่กวางช่วยกันดูแลบริษัทให้ก้าวหน้ามั่นคง และพี่กวางบอกว่า
“ค่ะคุณพ่อกวางจะทำให้ดียิ่งขึ้น ส่วนน้องชายคนนี้พ่อไม่ต้องห่วง กวางรักและเป็นห่วงเจมส์ตลอด”
ผมกลับมานั่งทำงานจนค่ำและพอเห็นว่าฝนทำท่าจะตก ผมเลยเตรียมตัวกลับบ้านแต่ฝนโทรมาชวนให้ไปดูหนังแต่ผมขอตัวเพราะบอกว่าจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดจนผมลงไปที่ลานจอดรถและรู้สึกว่ามีคนวิ่งตามหันมาเห็นแพรกำลังวิ่งตามมาและเรียกว่า
“เจมส์รอก่อน รอแพรด้วย”
ผมหันไปแพรหยุดวิ่งและเดินก้าวยาวๆมาที่ผม
“เจมส์ แพรมีเรื่องจะคุยด้วย”
ผมหันไปมองท้องฟ้าและหันมาบอกเธอด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า
“กลับบ้านไปเหอะ ฝนจะตกแล้ว”
และผมก็หันเดินไปที่รถโดยไม่สนใจแพรซึ่งแพรก็บอกมาว่า
“เจมส์คุยกันก่อน ทำไม ทำไม ต้องทำแบบนี้ ทำเหมือนแพรไม่มีตัวตน ทำไมเจมส์เพราะอะไร ถึงเย็นชากับแพรขนาดนี้”
เธอพูดออกมาต่อเนื่องด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมหันกลับไปมองนิดนึงแต่ตอบแพรไปว่า
“ฝนจะตกแล้ว กลับบ้านเหอะ”
แล้วผมก็เดินไปที่รถด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกขับรถออกมาโดยไม่หันไปมองแพรอีกเลย และฝนก็ตกหนักแต่ใจผมสิมันวิตกหนักกว่าสายฝนที่เทกระหน่ำ ว่าทำไมผมถึงไม่กล้าคุยกับเธอ ผมทั้งใจดำและเย็นชาจริงหรือ ผมจะโทรหาพี่กวางก็ไม่กล้าโทรเพราะไม่รู้เธอไปกับแฟนเธอหรือเปล่า ผมขับรถไปเรื่อยท่ามกลางการจราจรที่ติด จนไปถึงคอนโดผมขับรถไปจอดที่จอดในอาคารแล้วเดินด้วยความกลัดกลุ้มไปที่ห้อง พอเข้าไปที่ห้องไม่เท่าไหร่มีโทรศัพท์เข้ามาผมดูเป็นเบอร์ไม่คุ้นแต่ก็รับ
“สวัสดีครับ”
“เจมส์นี่แพรนะ ตอนนี้แพรอยู่ข้างล่างลงมาหาหน่อย”
เสียงของเธอสั่นเครือบวกกับเสียงของลมพายุฝน ผมรีบลงไปข้างล่าง พอออกจากลิฟท์เห็นแพรยืนตัวเปียกอยู่ที่ห้องโถง ผมทำอะไรไม่ถูกเลยพยักหน้าเรียกเธอมาขึ้นลิฟท์ เธอยืนหนาวสั่นตลอดพอเข้าไปในห้อง ผมบอกเธอยืนรอแล้ววิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่มาส่งให้เธอ เธอรับมาเช็ดตัวแล้วเอาผ้ามาคลุมตัวยืนหนาวสั่น ผมยืนหันรีหันขวางแล้วกลับไปที่ตู้เสื้อผ้าอีก หยิบเสื้อยืดคอกลมและกางเกงนอนขายาวของผม โดยไม่กล้าหยิบของพี่กวางที่ยังอยู่ในตู้ไปให้ ไม่งั้นความลับแตกแน่นอน พร้อมเสื้อคลุมแล้วยื่นให้แพรที่ยืนตัวสั่นปากซีดอยู่
“อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเหอะ เดี๋ยวเป็นหวัด”
แพรทำหน้าแบบสงสัยแล้วพึมพำขอบคุณวางกระเป๋าแล้วเดินไปที่ห้องน้ำที่ผมชี้ทางให้ ผมไปที่ห้องนอนแล้วรีบเอาเสื้อผ้าของพี่กวางที่ยังมีอยู่เอาไปซ่อนไว้ก่อนโดยที่ไม่คิดอะไรแต่กลัวความลับแตก แล้วมาเปิดกาต้มน้ำร้อนเตรียมยาแก้หวัดไว้พร้อมหาผ้าไปเช็ดกระเป๋าให้แพรก่อนมาวางไว้ที่โต๊ะรับแขกรอพักใหญ่ แพรเดินออกจากห้องน้ำมีเสื้อคลุมสวมทับมือถือชุดที่เปียกออกมา ผมเห็นเลยเรียกเธอมาที่เครื่องซักผ้าและบอกไปว่า
“ซักเลยแล้วกัน ไม่ต้องห่วง เจมส์มีเครื่องอบ”
แล้วผมเปิดฝาให้แพรเอาเสื้อผ้าของตัวเองที่เปียกใส่ไปในเครื่องซักผ้าเธอหันมามองหน้า ผมเลยจัดการเปิดเครื่องซักผ้าให้เสร็จสรรพจึงพาเธอมาโซฟาร์และเอาน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ให้พร้อมยายื่นไปไปให้
“กินยากันไว้ก่อน”
แพรทำตามแต่โดยดี ผมถามต่อไปว่า”เอาโกโก้ร้อนมั้ยเจมส์ชงให้” แพรพยักหน้าผมวิ่งไปในครัวจัดการชงโกโก้ร้อนให้แล้วเอาไปให้แพรที่นั่งอยู่ ผมยื่นให้แพรรับมาพร้อมบอกขอบคุณ ผมไปนั่งที่ฝั่งตรงข้าม ดูเธอจิบโกโก้เธอมองมาที่ผมก่อนวางแก้ว เรานิ่งเงียบไปสักครู่จนแพรพูดออกมาว่า
“ขอบคุณนะเจมส์”
ผมพยักหน้าแต่ยังไม่พูดอะไรจนในที่สุดแพรก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อนระหว่างที่พูดไปน้ำตาเธอเริ่มไหลออกมาด้วยความน้อยใจ ตั้งแต่เรื่องที่ผมทำเฉยชากับเธอเหมือนเธอไม่มีตัวตน มาทำงานที่เดียวกันผมพูดกับเธอไม่กี่คำมีวันนี้ที่พูดเยอะที่สุด มันทำให้เครียดยิ่งกว่าเรื่องของงาน ยิ่งผมตำหนิพวกเธอในห้องประชุมครั้งแรก น้ำเสียงของผมมันบ่งบอกว่าไม่ใช่เจมส์ที่เธอรู้จัก แพรพยายามหาโอกาสคุยกับผมแต่ไม่สำเร็จจะโทรมาก็ไม่กล้า ยิ่งผมหลบหน้าเธอตลอดเธอยิ่งน้อยใจ จนเธอเล่าย้อนไป ว่าจริงๆเธอรู้เรื่องหลังจากนั้นไม่นานว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือคนที่พ่อแม่เธอที่อยู่แถวบ้านผมฝากให้ช่วยดู แต่เธอก็มีทิฐินึกว่าผมจะมาง้อเธออีก แต่ผมก็เฉยจนเธอหันไปแกล้งคบกับเพื่อนในคณะเพื่อยั่วให้ผมหึงแล้วมาง้อจนเราเรียนจบผมก็ไม่มาง้อ เธอพยายามโทรมาหาผมก็ติดต่อไม่ได้โดยที่แพรไม่รู้ว่าตอนนั้นผมบล็อกเบอร์ของเธอ ช่วงที่รับปริญญาเธอบอกให้เพื่อนมาชวนผมไปถ่ายรูปด้วย ผมก็ไม่มา
ทำให้เธอแน่ใจว่าผมไม่สนใจเธอไม่อยากเจอเธอแล้ว ทำให้แพรยิ่งรู้ว่าตัวเองผิดมากขึ้นและคิดผิดที่นึกว่าผมจะมาง้อตลอด จนก่อนที่เธอจะไปเรียนต่อ เธออ้อนวอนให้เพื่อนผมแกล้งนัดผมให้ไปเจอที่สยาม เพื่อเธอจะได้คุยกับผมก่อนเธอไปเรียนต่อ แต่เพราะความใจร้อนของแพร ทำให้เธอไปแอบตามผมตั้งแต่ออกจากที่ทำงานจนขึ้นรถไฟฟ้าคันเดียวกัน พอผมเห็นเธอ และเธอทำท่าจะเดินเข้าไปหา ผมก็เดินหนีเธอทันทีที่รถจอด เธอพยายามตามออกมาแต่ไม่ทัน เธอลงทุนลงสถานีต่อไปแล้วย้อนกลับมาก็ไม่เจอผม และเพื่อนผมโทรมาบอกเธอว่าผมยกเลิกนัด ทำให้เธอไปเรียนต่อด้วยความความรู้สึกค้างคา แต่พยายามสอบถามเรื่องของผมจากเพื่อนๆของทั้งสองฝ่าย ทุกคนจะตอบเหมือนกันว่า พอเอ่ยถึงเธอผมจะนิ่งทำเป็นไม่สนใจจนใครๆไม่กล้าพูดถึง จนเธอกลับมาเมืองไทยและได้ทำงานที่เดียวกับผมที่เธอรู้แต่แรกแล้วว่าผมทำงานที่นี่โดยนีเป็นคนบอก เธอตั้งตารอผมกลับจากญี่ปุ่นแต่แล้วมาเจอกับสิ่งที่ผมทำกับเธอในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้เธอคิดว่าเธอทำผิดกับผมมากจนผมเกลียดเธอ จนทำเป็นไม่รู้จัก ตลอดเวลาที่แพรพูดเธอร้องไห้ไปด้วยแล้วเธอบอกว่า
“เจมส์ที่ผ่านมา แพรขอโทษจริงๆ แพรเป็นคนผิดมาตลอด เจมส์จะโกรธจะเกลียดแพรตลอดไปก็ได้ แพรไม่ว่า แต่แพรรอวันนี้มาหลายปีแล้วที่จะบอกว่า แพรขอโทษ”
พูดจบเธอเอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้ไม่หยุด ผมนิ่งไปนิดนึงแล้วเดินมานั่งที่โซฟาร์ตัวเดียวกับเธอแล้วจับมือของเธอ
“แพร เจมส์ขอโทษที่ทำให้แพรร้องไห้ ที่ผ่านมาเจมส์สับสนทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะพูดยังไงกับแพรก่อนเจมส์เลยทำตัวแบบนี้ เจมส์ไม่เกลียดแพรเลย แต่มันอยู่ที่ตัวของเจมส์เอง เจมส์รู้มาตลอดว่าแพรเครียด นีก็โทรมาบอกแต่เจมส์ก็ทำนิ่งเฉยกับความรู้สึกของแพร ความเอาใจใส่ของแพร สายตาของแพรที่มองมา แต่เจมส์ทำตัวเหมือนไม่รับรู้บอกได้ว่าเจมส์ผิด เจมส์ขอโทษ”
เธอสะอื้นออกมาเบาๆส่วนผมน้ำตาคลอ เราสบตากันซึ่งมันคงจะบ่งบอกอะไรมากกว่าคำพูด ผมเอามือไปเช็ดน้ำตาและลูบหน้าเธอเป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสนอกเหนือจากการจับมือ เธอพยักหน้าเข้าใจ ผมอยากจะกอดเธอแต่ไม่กล้าได้แต่จับมือของเธอแน่นถึงข้างนอกจะตกหนักพร้อมลมพายุแต่ใจของเราก็นิ่งไม่หวั่นไหวในเมื่อเราเข้าใจซึ่งกันและกัน จนในที่สุดผมเอ่ยมาว่า
“หิวมั้ย ถ้าหิวจะได้ไปหาอะไรกินกัน”
“แพรแต่งตัวแบบนี้จะให้แพรไปกินที่ไหนละ กางเกงก็เอวหลวมจะตาย”
ทำให้ผมนึกขึ้น
“แหะๆขอโทษ งั้นดูก่อนว่ามีอะไรกินหรือเปล่า ถ้าไม่มีเจมส์ไปซื้อมาให้”
ก่อนที่แพรจะพูดอะไรผมเดินไปที่ตู้เย็น โชคดีว่าที่ผ่านมาพี่กวางมักจะซื้อของมาแช่ไว้เพื่อทำให้ผมกินหรือไม่ก็อาหารกล่องที่ผมและเธอซื้อเข้ามาไว้ บางอย่างมันยังเหลือ ระหว่างหยิบของในตู้เย็นแพรที่เดินตามมาเห็นน้ำฝรั่งที่ผมซื้อมาและที่เธอซื้อให้แช่เย็นอยู่
“ยังชอบกินน้ำฝรั่งอยู่ใช่หรือเปล่า แล้วที่แพรซื้อให้ละกินมั่งหรือเปล่าหรือเอาไปเททิ้ง”
“โธ่กินซิแต่กินไม่ทันเลยเอามาแช่ที่นี่ ก็ที่ทำงานเสริฟ์ทั้งกาแฟ ทั้งชา”
แต่แพรบอกว่านึกไม่ถึงว่าผมจะซื้อของมาตุนไว้เยอะ ผมไม่ตอบอะไรเพราะกลัวพลาด แล้วลงมืออุ่นอาหาร แล้วไปวางที่โต๊ะกินข้าวแพรช่วยถือเข้ามาระหว่างที่เรากินข้าวมันอาจเป็นเพราะเราปรับความเข้าใจแพรเริ่มเล่าให้ผมฟังตั้งแต่เรื่องเรียนและทำงานที่สหรัฐจนมาทำงานที่นี่ แพรเล่าต่อว่าก่อนที่ผมจะกลับมาจากญี่ปุ่นสาวๆในฝ่ายการตลาดมักจะเม้าท์ผมโดยเรียกผมว่าเจ้าชายเย็นชาโดยลิลลี่เป็นตั้งให้ เพราะลิลลี่จะเห็นว่าพี่กวางมักจะฟังผมทุกครั้งและช่วยตัดสินใจในหลายๆเรื่องซึ่งเมื่อก่อนที่ผมจะทำงานไม่เป็นแบบนี้และแอบให้ท้ายผมทุกเรื่องเลยเรียกผมว่าเจ้าชายแต่คำว่าเย็นชาคือเวลาที่ผมคุยกับลิลลี่ไม่ว่าลิลลี่จะทำวิธีไหนสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเฉยชา แต่หลังจากที่เข้าประชุมลิลลี่เปลี่ยนฉายาผมเป็นเจ้าชายอสูรทันทีแต่หลังๆก็กลับมาเรียกเจ้าชายเย็นชาเหมือนเดิม และแพรดูรู้ว่าลิลลี่แอบปลื้มผมอยู่แต่หลังๆมาเปลี่ยนเป็นความกลัว ส่วนฝนแพรมั่นใจว่าฝนแอบชอบผมอยู่ฝ่ายเดียว จนแพรถามผมว่า
“แล้วเจมส์ทำไมไม่มีใครอีกละ”
ผมตอบไปทันที
“ก็ลึกๆแล้วเจมส์ยังคิดถึงแต่แพรนะสิ มันเลยไม่มีใคร”
ทำเอาแพรหน้าแดงและก้มหน้ากินข้าวอย่างอายๆ จนเรากินกันอิ่มผมเดินไปที่เครื่องซักผ้าซึ่งซักเรียบร้อยและพอทำท่าจะเปิดเพื่อหยิบเอาเสื้อผ้าของแพรมาใส่เครื่องอบแพรรีบเดินมาขวางและบอกว่า “เค้าทำเอง” แล้วแพรเอาเสื้อกับกระโปรงเข้าไปในตู้อบแล้วหันมาถามผมว่า
“ทำยังไงต่อละ”
ผมเดินเข้าไปแล้วทำให้แต่เห็นแพรเอามือข้างนึงไว้ข้างหลังเหมือนซ่อนของอะไรไว้และมองไปมาเหมือนหาของผมถามว่าหาอะไร แพรบอกว่า อยากได้ไม้แขวนเสื้อกับไม้หนีบ ผมหยิบส่งให้แพรคว้าเอาไปทันที และเธอเอาชุดชั้นในมาแขวนพร้อมสบตาผมแบบอายๆ
“ไม่กล้าเอาไปอบด้วยกลัวเนื้อผ้าจะเสีย แล้วตากได้ตรงไหนละ”
ผมชี้ไปตรงราวที่อยู่ใกล้ๆระเบียงแพรเดินไปตากแล้วหันมามองผม ทำให้ผมนึกได้ว่าเพราะอะไรแพรถึงเปียก เธอบอกว่าเอารถไปจอดหน้าคอนโดแล้วเดินตากฝนมาหาผมทันทีเลยเปียกไปทั้งตัว ผมฟังจบก็ยิ่งสงสารแต่ก็เดินนำเธอที่โซฟาร์พอเธอนั่งแล้วแพรถามว่า
“จะเอายังไงต่อละ”
“ก็ชุดแพรเปียกไปหมด จะกลับยังไงละและที่ตากอยู่กว่าจะแห้ง นอกจากคืนนี้แพรค้างที่นี่ก่อน”ผมพูดไปแบบหวังดีโดยไม่คิดอะไรแต่ไมทันสังเกตแววตาของแพรว่า ดีใจที่ผมบอกแบบนี้ แต่เธอทำหน้าเขินๆ
”แล้วแพรจะนอนยังไงละ”
“ก็นอนในห้อง เจมส์นอนข้างนอก”
“จะดีหรือ”
“ก็แล้วแต่แพรนะ หรือจะใส่ชุดชื้นๆขับรถกลับบ้าน”
“ก็ได้” เธอพยักหน้าแล้วขอโทรศัพท์บอกที่บ้านแต่เสียงของเธอพูดมาว่าไม่กลับบ้านคืนนี้ค้างบ้านเพื่อนเพราะฝนตกหนักมากขับรถไม่สะดวก คุยกันนานพอสมควรก่อนที่แพรจะเดินกลับมา ผมเปิดทีวีให้เธอดูเราคุยกันสักพักพอผมเห็นแพรเริ่มง่วงนอน เลยบอกให้เธอไปนอนก่อนจะไปหยิบแปรงสีฟันที่ผมมีสำรองไว้ส่งให้เธอ แพรเดินไปที่ห้องน้ำ หลังจากนั้นผมเดินนำเธอที่ถือกระเป๋าพร้อมโทรศัพท์ของตัวเองไปที่ห้องนอนแล้วหยิบรีโมทแอร์กับทีวีในห้องนอนให้แล้วหันไปสบตากับเธอ แพรยังอยู่ในชุดเสื้อคลุมทำให้ดูน่ารักไปอีกแบบแล้วผมออกจากห้องโดยปิดประตูให้เรียบร้อยโดยไม่พูดอะไรต่อ ผมจัดการกับตัวเองพร้อมเก็บกวาดถ้วยชามและสำรวจว่ามีอะไรที่เกี่ยวกับพี่กวางที่ยังไม่เก็บให้เรียบร้อย แล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามานั่งที่โซฟาร์ด้วยความที่รู้สึกปลอดโปร่งไม่อึดอัด ทุกสิ่งที่อยู่ในใจมานานมันได้ถูกปล่อยออกมาหมดแล้ว อนาคตจะเป็นอย่างไรอีกเรื่อง ผมจะมาคบกับแพรอีกหรือไม่ก็เป็นเรื่องของอนาคตแล้วผมเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูพบว่า มีไลน์จากพี่กวางเข้ามาว่า
“โอกาสที่เจมส์จะพูดหรือจะบอกมันมีแล้ว เจมส์ต้องรีบคว้าโอกาสนั้นไม่อย่างนั้นเจมส์จะสูญเสียสิ่งที่เจมส์รักไปตลอด ลดทิฐิและเปิดใจพร้อมทลายกำแพงที่เจมส์ปิดกั้นมาตลอด รักนะจ๊ะคนดีของพี่”
ผมนั่งอ่านแต่ไม่ตอบกลับและพึมพำว่า”ขอบคุณครับ”
แล้วผมก็ปิดทีวีดับไฟพร้อมเอนตัวลงบนโซฟาร์ ไม่นานเท่าไหร่ผมได้ยินเสียงแพรเรียกจากในห้อง ผมลุกเดินไปดูพอเปิดประตูห้องยังเปิดไฟอยู่แพรนั่งอยู่บนเตียงมีเสื้อคลุมวางไว้ที่เก้าอี้หน้าเตียงและเรียกผมให้มานั่งใกล้ๆ แล้วก่อนที่ผมจะพูดอะไรแพรเอามือมาลูบที่หน้าผมไปมาแล้วบอกว่า
“ขอบคุณนะเจมส์ที่ยังเป็นคนเดิมอยู่จริงๆ”
แล้วแพรทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนคือเธอหอมแก้มผมทั้งสองข้างแล้วเธอเอามือทั้งสองข้างโอบรอบคอผมพร้อมถามว่า
“ยังรักแพรอยู่หรือเปล่า”
“รักสิ เจมส์ไม่เคยลืมแพรเลย”
ผมพูดจบแพรเอาปากอันบางเฉียบของเธอมาประกบที่ปากผมทันทีโดยที่ผมไม่ตั้งตัว ผมเอามือไปกอดรอบตัวเธอก่อนที่ผมจะเอนตัวทับลงไปบนตัวของแพรที่ค่อยๆราบลงไปบนเตียง จนผมถอนปากออกมาแพรหลับตาพริ้มก่อนลืมตาและกระซิบมาว่า
“แพรก็รักเจมส์คะ รักมาตลอด แพรพร้อมจะมอบความรักให้กับเจมส์คนเดียว”
แล้วเธอดึงหน้าผมลงไปประกบปากกันอีกครั้ง มันปลุกอารมณ์ของผมที่สงบมานานหลังจากที่กลับจากเยอรมันให้ลุกโชนขึ้นมา ผมเริ่มซุกไซร้ไปใบตามใบหูและซอกคอของแพร เธอปล่อยอารมณ์กับผมเต็มที่ ผมเอามือไปสัมผัสที่หน้าอกที่เต่งตึงของแพร และเห็นว่าหัวนมมันดันเสื้อยืดที่ใส่จนเห็นชัดเจน ผมถอดเสื้อที่แพรสวมพอพ้นร่างกาย ผิวของแพรช่างขาวจริงๆหน้าอกขาวผ่องที่เต่งตึงหัวนมยังชมพูอยู่ แพรดูเขินอายแล้วผมก้มลงไปคลุกเคล้ากับเต้านมทั้งสองข้าง หัวนมของแพรเริ่มขยายรับลิ้นของผมที่ดูดดื่มไปมา หน้าท้องของแพรนั้นแบนเรียบจริงๆ ผมเอามือล้วงไปในกางเกงนอนก่อนที่จะสัมผัสกับเส้นขนแล้วเลื่อนไปตรงร่อง แพรยังบีบขาชิดแน่นแต่เริ่มครางออกมาเบาๆ ผมถอดกางเกงนอนออกอย่างง่ายดาย ร่างกายของแพรนั้นงดงามจริงๆ มันสมส่วนไปหมด หมอยมีพอสมควรโคกหีที่รองรับกับสะโพกที่งดงาม แพรนอนหลับตาพริ้มไม่ยอมลืมตามามองผมแล้วบิดตัวอย่างเขินอายที่ต้องเปลือยกายต่อหน้าผม
ผมจัดการถอดเสื้อผ้าตัวเอง และก้มหน้าไปที่โคกหีของแพรที่ยังปิดสนิท พอลิ้นผมเริ่มแตะไปที่ร่อง แพรผวาและร้องเบาๆ ยิ่งพอผมเอาลิ้นเลียเข้าไปข้างในแพรครวญครางทันทีเผลอเอามือมาจับที่หัวผมแน่น ผมเอามือไปคลึงที่หัวนมของเธอเจอแบบนี้แพรยิ่งครางออกมาไม่หยุด จนผมเห็นว่าช่องทางรักของแพรเริ่มชุ่ม ผมเลื่อนตัวไปกระซิบว่า
“เป็นของเจมส์นะแพร”
แพรพยักหน้าแต่ไม่ยอมสบตาเอามือมาโอบรอบคอผม ผมจับขาของแพรให้ถ่างมากขึ้นก่อนค่อยๆยัดควยเข้าไป ทุกอย่างมันทั้งแคบทั้งฟิตไปหมด
“อู๊ยเจมส์ แพรเจ็บคะ โอ๊ย”
“หายใจลึกผ่อนคลายจ๊ะแพร”
แพรทำตามผมค่อยๆดันเข้าไป ส่วนแพรก็เผลอตัวจิกทั้งแขนทั้งหลังผมใบหน้าแสดงถึงความเจ็บปวด พอผมดันจนสุดและเริ่มโยกตัว แพรดูผ่อนคลายขึ้นแต่กอดรัดผมแน่นขึ้น ใบหน้าส่ายไปมาและหยุดนิ่งเมื่อผมสลับมาจูบ แพรหลับตาตลอดแต่ใบหน้าบ่งบอกว่าเสียวพร้อมกับเสียงครางยิ่งเธอใกล้ถึงจุดหมายเธอยิ่งกอดรัดผมแน่น จนรูหีของแพรตอดรัดควยผมพร้อมกับแพรกอดผมแน่น ผมกระเด้าอีก3-4 ครั้งก่อนปล่อยน้ำรักออกมาแล้วผมพลิกตัวลงมานอนข้างเธอกอดเธอเบาๆ
“มีความสุขมั้ย”
แพรยังหลับพริ้มพร้อมพยักหน้าแต่ตอบมาว่า
“แต่แพรเจ็บจังเลยเจมส์”
ผมจูบที่เปลือกตาของเธอเบาๆก่อนเลื่อนไปจูบที่ปากเธอรับการจูบของผมอีกครั้งแล้วเบียดเข้ามาซบผม
“รักเจมส์จังเลยคะ แล้วเจมส์รักแพรมากๆนะ แพรให้ความรักของแพรกับเจมส์ไปแล้ว ความรักที่แพรไม่เคยให้ใครมาก่อน”
ผมกอดเธอแน่นเหมือนตอบรับแล้วแพรก็เล่าให้ฟังว่า หลังจากประชุมเสร็จพี่กวางเรียกแพรกับลิลลี่เข้าไปคุยพร้อมชมผลงานในวันนี้แล้วพี่กวางขอคุยกับเธอต่อโดยบอกว่าอยากรู้เรื่องมหาวิทยาลัยที่แพรไปเรียนปริญญาโทเพราะเพื่อนเธอกำลังจะไปเรียนเลยถือโอกาสคุย พอลิลลี่ออกไปพี่กวางเข้าประเด็นทันทีโดยเริ่มจากบอกให้แพรเรียกเธอว่าพี่เหมือนกับผมต่อไปอย่าเรียกเธอว่าคุณ แล้วคุยถึงเรื่องผมต่อพี่กวางบอกแพรไปว่าเธอรู้เรื่องในอดีตของเราทั้งสองเป็นอย่างดีเพราะผมเล่าให้เธอฟังเพราะความเชื่อใจ พี่กวางบอกทุกอย่างที่ผมเคยบอกไปหมดรวมถึงเรื่องที่ผมยังรักเธออยู่แต่ไม่กล้าจะพูดกับเธอ พี่กวางบอกว่าถ้าไม่มีใครพูดมันก็จะเกิดผลเสียกับทั้งคู่ต่อไปดีไม่ดีมันอาจจะเป็นบาปในใจของทั้งคู่ และบอกต่อไปว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ใครก็ใครต้องลาออกแน่นอน เพราะไม่อยากทนเห็นหน้ากัน พี่กวางแนะนำให้แพรไปพูดกับผมเลยถ้าไม่ที่ทำงานก็ตามไปที่คอนโดพี่กวางรับรองว่าได้พูดกับผมแน่ เหมือนตอนสมัยเรียนที่พี่กวางถามว่าใครจีบใครก่อน
แพรยอมรับว่าแพรจีบผมก่อน พี่กวางได้ทีเลยย้ำไปว่าถ้าครั้งนี้แพรไม่คุยก่อนมันก็จะเป็นแบบนี้ต่อไปและโอกาสมันก็หลุดไป พร้อมบอกว่าอย่าหาว่าเธอไปสอดเลยนะ เธอรักผมเหมือนน้องชายคนหนึ่ง ถ้าผมมีความสุขเธอก็มีด้วยไม่อยากเห็นผมจมกับความทุกข์ พอเธอพูดจบแพรก็ร้องไห้ออกมาจนพี่กวางต้องปลอบ พร้อมบอกต่อไปว่า เธอเข้าใจเพราะเราทั้งสามคนเป็นลูกคนเดียวเหมือนกันหมด มันย่อมมีเรื่องบางอย่างที่เราจะเอาแต่ใจตัวและบอกว่าถ้าคุยที่ทำงานไม่ได้ก็ไปคุยที่คอนโดผม พี่กวางบอกเสร็จสรรพว่าอยู่ที่ไหนพร้อมให้เบอร์โทรศัพท์มือถือของผมไว้ด้วย จนแพรตัดสินใจว่าจะคุยกับผมให้ได้ ส่วนเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น มันเป็นเพราะความเต็มใจของเธอเองที่จะมอบความสาวให้กับคนที่เธอรักสุดหัวใจ ผมได้ฟังยิ่งตื้นตันในความรักและความมีน้ำใจของพี่กวางที่มีให้ผม เธอถึงส่งข้อความมาย้ำผมอีกที
คืนนั้นเราหลับไปด้วยความสุขและความเข้าใจในอ้อมกอดของกันและกัน พอตื่นมาผมพบว่าแพรเตรียมทำอาหารเช้าให้ไว้เรียบร้อย ผมยืนเข้าไปกอดเธอจากด้านหลังแพรก็เอียงแก้มให้ผมหอม จนช่วงสายแพรก่อนที่แพรจะกลับบ้านผมอ้อนขอเธออีกครั้งแต่แพรเจ็บจนระบมแต่ยอมให้ผมใช้ปากให้ ผมทำให้เธออย่างถึงอกถึงใจ ก่อนกลับแพรหอมแก้มผมแรงๆ
จนถึงเช้าวันจันทร์ ผมไปถึงที่ทำงานเลขาผมยังไม่มาผมเข้าไปในห้องที่ประตูเปิดทิ้งไว้เลยนึกว่าแม่บ้านพึ่งมาทำความสะอาด แต่สิ่งที่ผมเห็นคือน้ำฝรั่งคั้นขวดใหญ่ที่คาดด้วยริบบิ้นสีชมพูผูกโบว์ไว้เป็นรูปหัวใจตั้งอยู่บนโต๊ะ
หลังจากนั้นผ่านไป 3 ปี ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อยและเครียดกับงานแถมต้องเดินทางบ่อยครั้งจนขอลาออก แต่พี่กวางพยายามยับยั้งไว้ ตอนนั้นเธอแต่งงานได้เกือบ 2 ปีพร้อมมีพยานรัก 1 คน ส่วนคุณพ่อของเธอก็เสียชีวิตไปเกือบปีด้วยโรคหัวใจ ชีวิตสมรสของพี่กวางเต็มไปด้วยความสุขเธอเจอคู่ที่แท้จริง ผมเฝ้าดูอยู่ห่างๆในฐานะน้องชายสุดที่รักเราไม่เคยเอ่ยถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของเราอีกเลย มันคงจะเป็นความลับที่เรารู้กันแค่สองคนไปตลอดชีวิตแต่ในที่สุดการลาออกของผมก็เป็นผลโดยมีการขอร้องว่าให้ผมเป็นที่ปรึกษาเข้ามาทำงานเดือนละครั้ง โดยพี่กวางยกเหตุผลมาสองข้อคือ ก่อนคุณพ่อเสียชีวิตได้ขอให้ผมช่วยดูแลบริษัทฯ ซึ่งผมให้สัญญาไว้ ส่วนอีกข้อคือเธออยากเจอหน้าผมเพราะเราคุยกันได้ทุกเรื่อง ส่วนเรื่องงานผมจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้พี่กวางรอผมอยู่ตลอด ผมตกลงแล้วกลับไปอยู่ที่บ้านทันที จนผ่านไป 2 อาทิตย์ที่ผมกลับมาใช้ชีวิตเงียบๆอยู่บ้าน ตอนสายๆระหว่างผมกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หลังบ้าน หลังจากช่วงเช้าเดินไปดูสวนกับพ่อมาเรียบร้อย ผมได้ยินเสียงบ็อบเห่าอยู่หน้าบ้านแล้วแม่ก็เรียกผม
“เจมส์ไปดูซิใครมา บ็อบมันเห่าอยู่นะ”
ผมเดินไปหน้าบ้านตรงประตูผมเห็นไอ้หมารับแขกกำลังเห่าเล่นอย่างบ้าคลั่งกับใครคนหนึ่งที่มีกระเป๋าลากมาด้วยอย่างเป็นมิตร ร่างอันงดงามนั้นที่กำลังก้มไปเล่นกับบ็อบพอเห็นบ็อบทำท่าจะตะกายผมส่งเสียงร้องห้ามทำให้ร่างนั้นเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วยิ้มอย่างดีใจพร้อมบอกมาว่า
“ที่นี่รับสมัครคนดูแลสวนไหมคะเจมส์”
แพรถามผมทันทีผมตอบด้วยใบหน้าที่ดีใจเพราะสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเราไม่เจอกันทำให้ผมคิดถึงเธอมาก แพรยังทำงานอยู่ที่เดิมโดยรับตำแหน่งเป็น ผจก.ฝ่ายการตลาดแทนลิลลี่ที่ลาออกไปปีกว่าๆแล้ว ซึ่งตรงนี้ทำให้พี่กวางพอใจอย่างมากที่แพรไม่ลาออกตามผมและก่อนผมออก ผมโอนย้ายกระต่ายเลขาผมให้ไปเป็นผู้ช่วยด้วยความเต็มใจของกระต่าย
“ไม่รับครับ รับแต่คนที่ชื่อแพรที่พร้อมจะมาดูแลคนสวนคนนี้ครับ”
แล้วผมเดินไปที่ร่างงามร่างนั้นก่อนที่ต่างฝ่ายจะสวมกอดกันด้วยความดีใจ ท่ามกลางเสียงเห่าของบ็อบที่วิ่งอยู่รอบๆเราทั้งสองคน