การอ่านข่าวสารในยุคนี้มันช่างสะดวกเราสามารถจะใช้โทรศัพท์หรือแท๊ปเล็ตเพื่ออ่านข่าวออนไลน์ได้ตลอด แต่ผมก็ยังติดกับการอ่านจากหนังสือพิมพ์อยู่ดีหลังจากอ่านจบทั้ง 2 ฉบับที่เลขานำมาให้ผมเลื่อนสายตามาที่คอมพิวเตอร์บนโต๊ะเพื่อเปิดอ่าน E-Mail ที่เลขาส่งมาให้ว่าวันนี้มีอะไรต้องทำบ้าง พออ่านจบผมยกหูโทรศัพท์เรียกเธอเข้ามา
“ส้มเอาเอกสารที่ผมจะเซ็นเข้ามาได้เลย”
“ได้คะ”
แล้วมีเสียงเคาะประตูแล้วร่างอันงดงามก็โผล่เข้ามาพร้อมประคองแฟ้มเอกสารอันหนาเตอะ ผมมองใบหน้าที่วันนี้แต่งหน้าค่อนข้างเข้ม ก่อนที่ส้มจะเอาเอกสารมาวางบนโต๊ะ ผมบอกให้เธอนั่ง ส้มช่วยเปิดเอกสารให้ผมเซ็นพร้อมเตรียมอธิบายเสริมในเรื่องที่ผมสงสัย แล้วผมก็ถามเมื่อสงสัยอะไรบางอย่างเธอชะโงกหน้าเข้ามาดู ทำให้ได้กลิ่นน้ำหอมจากกายของเธอ ส้มดูโน้ตย่อในมือก่อนจะอธิบาย แต่ผมยังไม่เข้าใจเลยบอกให้เธอมายืนข้างๆจะได้ดูเอกสารถนัดๆไม่ต้องอ่านกลับหัว พอเธอมายืนข้างๆ ผมเหลือบมองดูประตูห้องว่าปิดสนิทหรือยังแล้วเอามือไปลูบก้นที่งอนงามภายใต้กระโปรงสั้นฟิตรัดรูป
“อุ๊ย!!!!คุณกรนี่”
“ทำไมหรือ”
“เดี๋ยวคนเห็น”
“ใครจะกล้าเข้ามา”
“ก็ อูยยยยยยยย”
เธอพูดไม่ทันขาดคำผมเอามือล้วงเข้าไปในกระโปรงขยำเนื้ออันเปล่าเปลือยที่แน่นหนาเต่งตึง
“แหมใส่จีสติงด้วยนะ”
ผมแหย่ก่อนเอามือขยำด้วยความมันเขี้ยว เธอปล่อยให้ผมลูบคลำอย่างเต็มที่แต่จับมือผมทันทีก่อนที่จะเอื้อมไปด้านหน้าล้วงไปถึงจุดสำคัญ
“แหมหลงกลจนได้ คุณกรนี่เห็นส้มเป็นลูกไก่ในกำมือหรือไง”
ส้มพูดพร้อมดึงมือผมออกมา ผมสบตากับใบหน้าที่ผ่านการศัลยกรรมมาพอสมควรทั้งตรงจมูกตรงคางแต่ทำแล้วดูสวยงาม
“ก็กำออกบ่อยไม่ใช่หรือ”
ส้มเลื่อนสายตามามองที่เป้ากางเกงผมอย่างรู้ความหมาย
“กำทีไรก็ล้นมือส้มทุกทีคะ พอก่อนเหอะคะ เดี๋ยวคุณกิ่งกับท่านประธานเข้ามาเจอมันไม่ดี”
แล้วเธอค้อนให้ผม
“ข้อความตรงไหนละคะที่สงสัย”
พอผมชี้ให้ดูเธอก็ค้อนให้อีกทีแล้วอธิบายทั้งๆที่รู้ว่าผมหลอกให้เธอมายืนข้างๆก่อนที่เธอจะโอบหัวผมไปแนบกับหน้าอกขนาด 36 ของเธอที่ผ่านศัลยกรรมมา ปล่อยให้ผมได้รับรู้ความนุ่มและความหอมสักนิดแล้วค่อยๆดันออก
“พอก่อนเถอะคะ เข้าใจหมดแล้วนะคะ”
แล้วเธอยื่นจมูกมาชนแก้มผมเบาๆพร้อมบอกว่า
“ถ้าทำแบบนี้อีกจะจูบให้ลิปสติกติดแก้มเลย”
“ก็อยากปอกเปลือกส้มนี่”
“เมื่อคืนไม่ไปเอง”
“ก็ติดงานกับพ่อนี่ เลยไปไม่ได้ งั้นวันนี้นะ”
ส้มไม่ตอบหันมาค้อนแล้วเดินย้ายสะโพกแบบยั่วยวนเพราะเธอรู้ว่าผมต้องมองแน่ๆก่อนออกไปจากห้อง ทำเอาผมเผลอยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าแบบนี้ผมไปหาเธอที่ห้องได้แน่นอน ผมรับเธอเข้ามาเป็นเลขาได้แค่ 2 อาทิตย์ ผมก็เข้าไปสั่งงานแบบลึกซึ้งได้ถึงห้องพักในคอนโดที่หรูหราของเธอหลังจากที่เธอเปิดทางให้ผมตลอดหลังจากทำงานได้ไม่นานผมสนองตอบทันทีทำให้ผมรู้ว่าร่างกายส่วนไหนของเธอผ่านการศัลยกรรมมาแล้วจากการที่ได้สัมผัสทุกส่วนในเรือนร่างของเธอ เรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งตลอดเวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมา
ผมทำงานในบริษัทนี้ที่เป็นของพ่อผมเองมาประมาณ 6เดือนแล้วในตำแหน่งรอง M.D. ส่วนตำแหน่ง M.D.เป็นของพี่สาวผมที่ชื่อกิ่งที่มารับตำแหน่งแทนพ่อผมที่ถอยตัวเองไปเป็นประธานที่ปรึกษา ผมนึกย้อนไปถึงช่วงเรียนมัธยม ผมเกิดมาท่ามกลางกองเงินกองทอง พ่อผมประสบผลสำเร็จในธุรกิจเป็นอย่างดีจนมีบริษัทฯเป็นของตัวเอง แต่ในตอนนั้นช่วงผมเรียน ม.4 ผมเลือกที่จะสอบเข้าศึกษาต่อในโรงเรียมเตรียมทหารในตอนนั้น เตรียมทหารรับคนที่จบ ม.4 ผมพร้อมเพื่อนสนิทที่ชื่อสักเราเรียนมาด้วยกันตลอดตั้งแต่ชั้นประถมถึงมัธยมทำให้เราทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน ครอบครัวเราก็เลยสนิทกันไปด้วย สักมีน้องสาวอยู่คนเดียวชื่อเอ้ เอ้รักผมเหมือนพี่ชายคนนึง ผมกับสักสอบติดทั้งคู่ ผมเข้าไปเรียนที่เตรียมทหารด้วยความที่ไม่ค่อยพ่อใจของทั้งพ่อและแม่เท่าไหร่แต่ก็ไม่ห้ามปราม จนผ่านไป 1ปีด้วยนิสัยที่ไม่ชอบเรื่องกฎระเบียบที่เคร่งครัด ผมตัดสินใจลาออกด้วยความยินดีของทางบ้าน ส่วนสักนั้นพยายามห้ามผมแต่ไม่สำเร็จแต่เจ้าตัวก็เรียนต่อไป ส่วนผมทั้งพ่อและแม่ตัดสินใจส่งไปเรียนที่สหรัฐ ผมเริ่มเรียนในไฮสคูลจนต่อปริญญาตรี ช่วงนั้นญาติหลายๆคนนึกว่าผมคงใช้ชีวิตแบบคุณหนูที่เมืองนอก แต่เปล่าเลยผมกับใช้ชีวิตติดดินทั้งๆที่ทางบ้านส่งเงินมาให้ใช้ไม่ขาดมือ ผมทำงานทั้งส่งหนังสือพิมพ์ ทำงานในร้านฟาสฟู้ดซึ่งทางบ้านผมรู้และสนับสนุนเป็นอย่างดีและผมคงติดวินัยของทหารที่ได้ซึมซับมา 1ปี ทำให้ผมมีวินัยในตัวเองมากขึ้น
จนผมจบปริญญาตรีด้านบริหารก่อนหน้านี้พี่สาวผมจบปริญญาโทจากอังกฤษแล้วเข้าไปทำงานในบริษัทแล้วผมศึกษาต่อปริญญาโททันทีโดยเลือกมหาวิทยาลัยที่คนไทยเรียนไม่มาก ช่วงนั้นพ่อผมเริ่มป้อนงานมาให้ผมช่วยทำรวมถึงการวางโครงสร้างองค์กรใหม่และนโยบายต่างๆ ผมช่วยวางแผนและช่วยคิดให้เกือบทั้งสิ้นแต่ไม่มีพนักงานในบริษัทรู้นอกจากพี่แพทที่เป็นเลขาของพ่อผม พี่แพทนั้นช่วยงานพ่อผมมาตลอดและเป็นคนที่รู้เรื่องของบริษัทเป็นอย่างดี พี่แพทมีครอบครัวมีลูก 2 คน และครอบครัวของเราทั้งสองสนิทกันอย่างมาก ทางบ้านเราไม่เคยเห็นพี่แพทเป็นลูกจ้างมองพี่แพทเป็นคนในครอบครัว ผมกับพี่แพทจะทำงานผ่าน E-Mail เป็นหลักและพี่แพทจะนำไปแจ้งพ่อกับพี่สาวผมตลอดและผมมีงานประจำทำด้วยเช่นกันจนผมเรียนจบ แต่ผมเลือกที่จะเรียนปริญญาโทอีกใบแต่ก็กลับมาเมืองไทยช่วงสั้นๆ เพราะสักจะแต่งงานกับแฟนที่คบกันมานานผมรู้จักเจ้าสาวเป็นอย่างดีเพราะเราเรียนมาด้วยกันสมัยมัธยม แฟนของสักชื่อเพ็ญในงานผมได้เจอเพื่อนเก่าหลายๆคน พวกที่เรียนเตรียมทหารมาด้วยกันหลายคนก็เจริญก้าวหน้าในอาชีพ
ผมเลยถือโอกาสเข้าไปที่บริษัท ผมรู้ดีว่าข่าวของผมที่ออกมาที่นี่เป็นไปในทางลบตลอดทั้งข่าวที่ผมไม่ตั้งใจเรียนใช้ชีวิตเสเพล ไม่เอาถ่านข่าวพวกนี้น่าจะเริ่มจากที่ผมออกจากเตรียมทหารกลางคันเลยกลายเป็นข่าวลือในทางที่ไม่ดี ทำเอาผู้อาวุโสของบริษัทหลายๆคนเริ่มตั้งป้อมต่อต้านผมถ้าผมจะเข้ามาทำงานที่นี่ รวมถึงผู้จัดการฝ่ายบัญชีที่ทำงานมานานและ นพที่เป็นญาติห่างๆที่ทำในตำแหน่ง ผจก.ฝ่ายการตลาด นพจะอายุใกล้เคียงกับพี่สาวผมและที่สำคัญนพจะมีความรู้สึกที่เหยียดผมมาตลอด เลยมีการพูดกับผมในทำนองที่ว่าทำไมอยู่ที่อเมริกานานไม่กลับมาทำงานที่นี่ซักที ผมเลยตอบไปแบบกวนๆว่ายังเที่ยวไม่จบขอเที่ยวก่อนแล้วผมกลับไปเรียนต่อ แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ผมเสนอโครงการใหม่มาให้ตลอดรวมทั้งหาตลาดเพิ่มให้ทำความรู้จักกับผู้บริหารของบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกันเพื่อสร้างคอนเน็คชั่นจนเรียบจบ ตอนนั้นผมอยากจะเรียนต่อในระดับปริญญาเอกแต่ที่บ้านขอให้กลับมาช่วยงานเพราะจะให้พี่สาวรับตำแหน่ง M.D.แล้วต้องให้ผมไปช่วย ผมเลยจำใจกลับมารับงาน ในตำแหน่งรอง M.D.ซึ่งจะรับผิดชอบในการบริหารงานทั่วไปและด้านการตลาด ตอนแรกผมอยากให้พี่แพทรับตำแหน่งนี้แต่พี่แพทไม่รับ เธอบอกว่าตำแหน่งนี้มันต้องเป็นของผมส่วนเธอจะเป็นเลขาให้พี่สาวผมกับพ่อผมเหมือนเดิม
ยิ่งทำให้นพไม่พอใจมากขึ้นเพราะหวังจะได้ตำแหน่งนี้และต้องมาอยู่ในบังคับบัญชาของผม แต่ก็มาค่อนขอดกับผู้บริหารคนอื่นว่าตัวเองเป็นแค่ญาติ ตำแหน่งก็ต้องให้ลูกอยู่แล้ว พร้อมบอกว่าผมจะทำให้บริษัทไปไม่รอด ในบริษัทแทบจะไม่มีใครรู้ว่าผมจบปริญญาโท 2 ใบ รวมถึงโปรเจ็คมากมายที่เกิดจากผม มีแต่ญาติที่สนิทเท่านั้นที่รู้ แต่ทุกอย่างก็เงียบ ในเมื่อไม่คนถามผมก็ไม่บอก ขนาด ไหมที่เป็น ผจก.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ยังไม่สนใจที่จะนำข้อมูลของผมเพื่อจะเก็บไว้เป็นโปรไฟล์ของบริษัท น่าจะมาจากเป็นเหตุเพราะข่าวลือแต่ทั้งพ่อกับพี่สาวผมก็ไม่พูดอะไร ช่วง 2 เดือนแรกผมทำงานแบบเก็บเนื้อเก็บตัว จริงๆแล้วคือผมแอบเก็บข้อมูลของต่างๆรวมถึงนิสัยของผู้บริหารในบริษัท ยิ่งทำให้ผู้บริหารที่อาวุโสไม่ยอมรับในตัวผมแต่ก็มาเจอฤทธิ์เดชของผมจนได้ ปกติผมจะติดนิสัยทำงานที่เมืองนอกคือตรงเวลา ผมจะมาถึงที่ทำงานก่อน 8โมงเล็กน้อย และ 5 โมงกว่าๆผมก็กลับยิ่งทำให้ถูกนินทาว่าเป็นผู้บริหารประสาอะไรไม่ทุ่มเทแต่ไม่เคยมีใครรู้ว่าผมจะกลับไปทำงานต่อที่บ้านไม่ก็คอนโดของผม จนวันหนึ่งมีการเรียกประชุมจาก ผจก.ฝ่ายบัญชีตอนเวลาเกือบ 5โมงเย็นอ้างว่าประชุมด่วน และทั้งพี่สาวผมกับพ่อผมออกไปข้างนอก ผมเลยจำใจเรียกเข้าไปนั่งฟังแทน ผมนั่งฟังอย่างเดียวโดยพี่แพทนั่งจดบันทึกการประชุมอยู่ข้างๆจนเกือบ 2ทุ่มพอทำท่าจะสรุปทั้งๆที่ตลอดการประชุมผมเหมือนจะถูกมองข้ามตลอด ผจก.ฝ่ายบัญชีนั้นดูจำใจที่จะถามความเห็นจากผมที่เป็นประธาน ผมถามกลับสั้นๆว่าได้อะไรบ้างจากการประชุมวันนี้ ทั้งห้องเงียบ ผมบอกทันทีว่านั่งฟังมา 3 ช.ม.ได้แค่เรื่องตัวเลข เพิ่มขึ้น 0.2 %เท่านั้นส่วนที่เหลือน้ำทั้งนั้น ทุกคนก็นิ่ง ผมมองไปทั่งรวมทั้งนพ ที่ไม่กล้าสบตา ผมเลยร่ายยาวว่าดูแล้วไม่ใช่เรื่องด่วนและทำไมไม่ประชุมในเวลางานจะมาอ้างว่างานเยอะก็คงไม่ได้ และมาประชุมตอนนี้มันเป็นเวลาทำงานหรือเปล่าแทนที่ทุกคนจะได้พักผ่อนหรือทำภาระที่มีทางบ้านต้องมานั่งฟังเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ครั้งหน้าต้องไม่มีแบบนี้ ผมรู้ว่าหลายคนไม่พอใจแต่ไม่กล้าพูด ผมเลยทิ้งท้ายว่าจะพูดอะไรหรือจะแย้งความเห็นของผมได้ผมรับฟังไม่ใช่มัวแต่นั่งเกรงใจเพราะผมเป็นลูกพ่อเป็นน้องชายพี่กิ่ง แต่ทุกคนก็เงียบ ผมสบตากับพี่แพทนิดนึงก่อนเลิกประชุม เธอมองกลับมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแบบพอใจ
พอกลับถึงบ้านระหว่างทานข้าว ที่บ้านพ่อผมจะตั้งกฎว่าให้คุยเรื่องงานได้คนละไม่เกิน 10 นาที ก็ถามผมว่าเรื่องประชุมเป็นยังไงมั่งแต่ผมรู้ว่าพี่แพทโทรมาบอกแล้วแน่นอน ผมเล่าให้ฟัง พี่สาวผมก็ไม่พูดอะไรแต่แม่บอกว่า ค่อยๆปรับค่อยเป็นค่อยไปแล้วกันแต่ในที่สุดเรื่องของผมก็เป็นที่รู้กันในบริษัทจนได้เพราะ มีการนำเสนองานของบริษัทออแกนไนท์ฯผมต้องเข้าประชุมพร้อมกับพี่สาวแต่พอผมเดินเข้าไปในห้องประชุม มีเสียงเรียกชื่อผมดังๆ
“กรกลับมาเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่”
คนที่ทักผมคือ ปุ้มสาวร่างอ้วนอารมณ์ดีตลอด ที่จบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนใบที่ 2แต่คนละคณะเรารู้จักกันดีเพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน
“ก็กลับมาได้สักพักแล้ว”
ปุ้มเดินมาหาพร้อมจับมือผมแน่น
“ไหนบอกว่าจะเรียนต่อปริญญาเอกไง”
ปุ้มพูดเสียงค่อนข้างดัง ผมสังเกตว่าคนของบริษัทในห้องประชุมตั้งใจฟัง รวมถึงนพที่มองแบบจ้องเขม็ง
“ก็กลับมาทำงานก่อน”
“มิน่าปุ้มคุ้นๆนามสกุลของ M.D.ที่นี่แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน พอเห็นหน้ากรเลยนึกได้”
แต่พี่แพทเข้ามาแยกก่อนและบอกว่าผมเป็น รอง M.Dที่นี่ นพถามปุ้มว่ารู้จักผมด้วยหรือปุ้มบอกทันทีว่ารู้จักแถมสาธยายว่าผมจบโท 2 ใบและทำท่าจะเรียกต่อเอก ทำเอาคนที่ทำงานในบริษัทที่เข้าประชุมด้วยหันมามอง รวมทั้งไหม จนปุ้มแปลกใจว่าทำไมไม่มีคนในบริษัทรู้เรื่องนี้ ผมได้แต่ยิ้มๆจนพี่สาวผมเข้ามาการประชุมก็เริ่มขึ้น ปุ้มเป็นคนนำเสนอรายละเอียดต่างๆ ร่างนั้นผมแอบส่งไลน์ไปหาพี่สาวว่า
“แย่แล้วความลับแตก”
แต่พี่สาวผมตอบกลับมาว่า
“ช่วยไม่ได้ความลับไม่มีในโลก ว่ะ 555555”
ผมมองหน้าพี่สาวด้วยความขอบคุณมาก จนประชุมเสร็จระหว่างการประชุมพี่สาวผมปล่อยให้ผมเป็นถามตลอด จนคนของบริษัทที่เข้าประชุมด้วยมองผมด้วยสายตาที่แปลกไป และผมบอกปุ้มไปว่า ความคืบหน้าของงานให้แจ้งที่ผมก่อน ผมส่งนามบัตรให้ ปุ้มถามว่าไม่ต้องแจ้งที่นพก่อนหรือ ผมบอกว่างานนี้ผมดูแลเอง ทำเอานพหน้าเสียหลังจากประชุมเสร็จ ในบริษัทข่าวแพร่สะพัดไปทันทีว่าผมจบปริญญาโท 2 ใบวันรุ่งขึ้นมีการประชุมประจำสัปดาห์ที่ทั้งพ่อและพี่สาวผมเข้าด้วย ที่ผ่านมาผมจะนั่งฟังอย่างเดียว แต่ครั้งนี้ผมเริ่มมี บทบาทในการสอบถามรวมถึงอธิบายข้อสงสัยต่างๆได้ จน ผจก.ฝ่ายบัญชีสงสัยถามขึ้นมาว่า เรื่องบางเรื่องผมทำไมถึงรู้ละเอียดมาก พ่อผมเป็นคนตอบซึ่งคำตอบนั้นทำเอาทุกคนอึ้งเพราะพ่อผมบอกว่า ในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา ที่บริษัททำกำไรได้เยอะหาตลาดได้เพิ่มขึ้น จนเงินเดือนปรับปีละ 7-10 % รวมถึงโบนัสที่ได้คนละ 3 เดือน หลายเรื่องมาจากความคิดผมทั้งสิ้น โครงการหลายๆโครงการผมเป็นคนทำคนเขียนเลยรู้รายละเอียดทั้งหมดทำเอาทุกคนเงียบเข้าไปอีกเมื่อรู้ความจริง หลังจากนั้นทุกคนดูจะยอมรับในตัวผมไม่ค่อยมีการต่อต้านเท่าไหร่ รวมถึงนพที่จะดูเงียบๆไป ส่วนไหมนั้นมาบอกผมว่าอยากได้ประวัติผมเพิ่มเติม เพราะจะขอไปทำโปรไฟล์จะได้สร้างความเชื่อมั่นในการนำเสนอต่อลูกค้าที่ผ่านมาไม่เคยรู้เพราะผมไม่เคยบอก ผมเลยบอกไปว่าแล้วไม่มาถาม จริงๆถ้าอยากจะรู้ผมจบที่ไหน หาชื่อทาง google ชื่อผมมันก็จะโผล่มาให้เห็นว่าผมทำวิทยานิพนธ์เรื่องอะไรจบจากที่ไหนทำเอาไหมหน้าเสีย แล้วผมเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในการบริหารงานนี่เป็นชีวิตด้านหนึ่งของผม
ส่วนอีกด้านผมเป็นผู้ชายทั่วไปตอนอยู่เมืองนอกผมนอนกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาหลายเชื้อชาติแต่คนที่คบกับผมนานที่สุดเป็นสาวอเมริกันผิวสีที่สวยและหุ่นดีมากๆทำให้ผมมีความช่ำชองในเรื่องเซ็กส์เป็นอย่างมาก จนผมรับเลขาเข้ามาผมเลือกส้มเพราะเห็นอะไรหลายๆอย่างในตัวเธอ ส้มจบปริญญาโทจากเมืองนอกเช่นกันมีประสบการณ์เป็นเลขามาตลอด อายุอ่อนกว่าผมแค่ปีเดียวแต่สิ่งที่ส้มแสดงออกภายนอกนั้นตบตาคนได้สบายๆ คนจะมองเธอว่าแต่งตัวเก่งรักสวยรักงามจนไปทำศัลยกรรม และยิ่งเธอชอบแกล้งดัดจริตเรียกผมว่า บอสต่อหน้าคนอื่นๆทำให้ยิ่งโดนหมั่นไส้ แต่จริงๆแล้วส้มนั้นทำงานเก่งมาก ช่วยงานผมกับพี่สาวได้หลายเรื่อง คอยตรวจสอบงานผมทุกอย่างและเตือนทันทีถ้าเห็นความผิดพลาด จนในที่สุดส้มได้กลายเป็นทั้งลูกน้อง,ทั้งเพื่อนและคู่ขาของผม ส้มเปิดโอกาสให้ผมและผมฉวยโอกาสนั้นทันที จนผมเป็นแขกประจำที่คอนโดของเธอ ส้มให้ทั้งการ์ดและกุญแจห้องสำรองกับผม
เรามีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆเราทั้งคู่ตอบสนองให้กันและกันได้อย่างดี ส้มถือว่ามีความช่ำชองพอสมควร ที่เธอเปิดโอกาสและแสดงความช่ำชองให้เห็นมันเกิดจากที่ผมลองชวนเธอไปดูหนังหลังจากที่เธอทำท่าอ่อยผมมาเกือบอาทิตย์ ในโรงหนังเธอยอมให้ผมลูบคลำขาอ่อนเธอได้ตลอดและระหว่างทางที่ขับรถมาส่งเธอ ส้มยั่วผมตลอดในรถทั้งลูบขาทั้งซบและกัดที่ติ่งหูผมจนควยผมแข็ง และพอมาถึงลานจอดรถในคอนโดส้มเหมือนจะรู้เลยจัดการใช้ปากให้ผมอย่างไม่รังเกียจหรือมีอาการเขินจนผมรู้ทันทีว่าเธอชำนาญมากและพอเสร็จเธอยังบอกว่าถ้ายังไม่จุใจไปคุยต่อกับเธอบนห้องผมรับข้อเสนอนั้นทันที คืนนั้นผมได้เย็ดเธอในห้องนอนของเธอเอง ส้มดูแลร่างกายเป็นอย่างดีไม่มีหน้าท้องสะโพกงอนผายเป็นนางแบบได้สบายๆ ส้มยอมให้ผมทุกอย่างรวมถึงประตูหลัง
จนมาถึงวันนี้คนในบริษัทไม่มีใครสงสัยผมกับส้มเลย และพอเวลาเลิกงานส้มโผล่เข้ามาถามผมว่ามีงานอะไรอีกหรือเปล่า ผมส่ายหน้า เธอขอตัวกลับก่อนและทิ้งสายตายั่วยวนให้ผม ผมนั่งอ่านเมลสักพักเธอไลน์เขามาบอกว่า
“อย่าลืมมาปอกเปลือกส้มนะ ไม่งั้นงอนจริงๆ”
ผมส่งเป็นอีโมชั่นรูปจูบไปให้เธอ แล้วผมขับรถไปที่คอนโดของผมก่อนโดยโทรบอกที่บ้านว่าผมจะนอนที่คอนโดซึ่งที่บ้านไม่แปลกใจเพราะรู้ว่าบางครั้งผมต้องการสมาธิในการทำงานเลยไปนอนที่คอนโดคนเดียว ผมไปเอาเสื้อผ้าที่ใส่ทำงานที่คอนโดก่อนเพราะรู้ว่าคืนนี้ผมค้างที่ห้องส้มแน่นอน เก็บของเรียบร้อยผมขับรถไปที่คอนโดที่ส้มพัก พอเข้าไปที่ห้องเห็นส้มที่อยู่ในเสื้อคลุมกำลังเตรียมอาหารให้อยู่ในครัว เธอเงยหน้าขึ้นมาเมื่อเห็นผมเปิดประตูเข้ามา
“ อุ่ยคุณกร หิวหรือยังถ้าหิวรอแป็บนึงส้มทำสลัดปลาแซลม่อลให้อยู่”
“ยังไม่หิวเท่าไหร่”
ผมตอบแล้ววางกระเป๋าที่สะพายมาพร้อมเดินไปนั่งที่โซฟาร์พร้อมมองเรือนร่างที่งดงามที่ซ่อนภายใต้เสื้อคลุม ขณะกำลังทำอาหารอยู่เธอเหลือบมองมาที่ผม
“จ้องอะไรคะ”
“กำลังปอกเปลือกส้มในจินตนาการอยู่นะสิ”
พอได้ยินคำตอบเธอค้อนผมแต่พองามผมดูจนเธอประกอบอาหารเสร็จ จึงเรียกเธอมาหาที่เก้าอี้ตัวยาวที่ผมนั่งอยู่ ส้มแกล้งเดินช้าๆแล้วทำเสียงออดอ้อนว่า
“มีอะไรหรือคะบอส”
“มานั่งตรงนี้ “
ผมแกล้งทำเสียงเข้ม เธอยิ้มแบบยั่วยวนแล้วมานั่งข้างๆผม
“ไม่ใช่ต้องมานั่งตรงนี้”
ผมยังใช้เสียงเข้มแล้วชี้มาที่ตัก ส้มทำตามคำสั่งลุกมานั่งตักผมพร้อมเอียงตัวเอาแขนทั้งสองขางมาคล้องที่คอผมพร้อมยื่นจมูกมาหอมแก้ม
“ทำตามที่บอสบอกแล้วคะ มีอะไรจะสั่งงานเลขาคนนี้”
“วันนี้มีความผิด”
“ส้มทำอะไรผิด”
เธอตอบมาพร้อมทำตาโต
“ขัดใจเจ้านาย”
“แล้วจะลงโทษส้มยังไงคะ”
เธอทำเสียงออดอ้อน ผมไม่ตอบแต่ประคองตัวเธอให้นอนคว่ำบนตัวผม ส้มทำตามแต่โดยดี สะโพกเธอเด่นอยู่ตรงหน้าผมก่อนที่ผมจะถลกเสื้อคลุมเธอขึ้นมา ส้มเหลือแต่ชั้นในจีสติงก้นอันขาวผ่องปรากฏต่อหน้าผม
“ต้องลงโทษแบบนี้”
ผมใช้มือตีเบาๆไปที่ก้น เธอปรือตาหันมามอง ผมตีไป 2-3 ทีก่อนลูบไล้ไปทั่วแล้วเริ่มใช้นิ้วเลื่อนไปเนื้อผ้าที่ทาบตรงร่องก้นแล้วค่อยๆไต่ไปด้านหน้า ส้มขยับตัวให้เหมือนรู้ตัวทำให้ผมเห็นเส้นขนสีดำที่แพลมออกมาเล็กน้อย ก่อนนี้นิ้วผมจะล้วงไปในผ้าตรงเป้าด้านหน้ามันสัมผัสกับเส้นขนบางส่วนก่อนที่นิ้วจะสัมผัสร่องที่เริ่มแฉะส่วนมืออีกข้างลูบคลำเนื้อสะโพกที่แน่นหนาไปมา พอนิ้วเริ่มล้วงลึกเข้าไปในรูส้มเริ่มส่งเสียงออกมาเบาๆ และตัวเริ่มบิดไปมาเล็กน้อย ผมใช้นิ้วเขี่ยไปมาเบาๆ เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อผมลงเขี้ยวไปก้นอันขาวผ่อง
“โอ้วซีดดคุณกรขา”
“ลงโทษแบบนี้ดีมั้ยส้ม”
“อู่วๆๆๆนิดนึงคะกรขา”
ผมเขี่ยนิ้วอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเสียงครางอย่างแผ่วเบาของเจ้าของรูหีที่ผมเขี่ยอยู่ แล้วอีกไม่นานส้มมีอาการเกร็ง
“กรขาอู้วววววพอก่อนคะ”
พอผมดึงนิ้วออกมาส้มพลิกตัวพร้อมดันตัวขึ้นมานั่งบนตักผมเหมือนเดิมแล้วเอามือข้างนึงโอบคอส่วนอีกข้างเอื้อมไปที่เป้ากางเกงพร้อมลูบไปมา
“ลงโทษเบาจังเลยบอสขา”
“อยากได้หนักกว่านี้หรือ”
เธอหอมแก้มผมและกระซิบข้างหู
“จะกินสลัดก่อนหรือจะปอกเปลือกส้มก่อนดีละคะ”
ผมยื่นหน้าไปจูบกับเธอ ส้มตอบรับทันที ผมอุ้มเธอไปที่ห้องนอนที่ประตูเปิดอยู่แล้วก่อนบรรจงว่างตัวส้มลงบนเตียงแล้วจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก แล้วก้มลงไปหาส้มที่นอนรออยู่ พอร่างกายของผมไปทาบทับที่ตัวเธอ ส้มรับการจูบผมอย่างเร่าร้อน ผมดึงเสื้อคลุมเธอออก สิ่งที่ปกปิดร่างกายของส้มคือชุดชั้นในเท่านั้น
“จะปอกเปลือกส้มแล้วนะ”
ผมบอกแล้วผมจัดการดึงออกทั้งสองตัวโดยที่เจ้าตัวให้ความร่วมมือเหมือนทุกครั้ง มือของส้มกำที่ควยผมเบาๆ
“นี่ไงกำทีไรล้นมือส้มทุกที่มันใหญ่พอๆกับแขนของส้มเลย”
ก่อนที่เธอจะเริ่มรูดเบาๆ ส่วนผมก้มหน้าลงไปที่เต้า ผมดูดสลับไปมาทั้งสองข้างอย่างต่อเนื่องก่อนที่ส้มจะดันไหล่ผมลงไปที่โคกหีของตัวเอง เธออ้าขารอรับการลงลิ้น ผมสนองตอบตามความต้องการของส้มทันที เธอครางอย่างรัญจวนใจ โคกหีของส้มนั้นสมตัวมีหมอยประดับพอสมควรและเจ้าตัวก็ตกแต่งเป็นอย่างดี ผมเลียอย่างต่อเนื่องสลับกับการเหลือบตาไปมองใบหน้าที่งดงามที่ตอนนี้หลับตาครวญครางมือจิกหมอนแน่น จนเห็นว่าได้ที่แล้ว ผมจัดการแยกขาเธอให้กว้างขึ้น แต่พอจะเอาควยจ่อไปที่รูหีที่ชุ่มฉ่ำนั้น เธอบอกมาทันที
“กรขาใส่ถุงยางด้วย ส้มไม่ได้กินยา”
แต่ถุงยางอยู่ในกระเป๋าใส่เสื้อผ้า กว่าจะไปเอามันคงทำให้อารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นมาจนถึงจุดนี้ของทั้งสองฝ่ายลดลงแน่นอนผมเลยจับเธอพลิกตัวนอนคว่ำแล้วเอาหมอนข้างไปรองที่กลางตัวเธอ ก้นเธอสูงขึ้นพอผมไปคร่อมด้านหลัง ควยไปจ่อที่รูก้นของเธอ
“กรไม่วันนี้ไม่เอาข้างหลัง”
แต่ผมไม่สนใจเพราะหน้ามืดแล้วดันควยเข้าไปทันที ท่ามกลางเลียงร้องของเธอ ส้มเอามือจิกที่นอนแน่น
“กรขาส้มเจ็บ อูยๆๆๆๆๆ”
แต่ส้มเผลอตัวยกก้นสูงขึ้น เมื่อผมค่อยๆดันเข้าดันออกอย่างช้าๆ รูตูดของส้มนั้นกระชับแน่นถึงแม้จะมีคนทะลวงมาก่อนหน้าผมแล้ว จนในที่สุดก้นของส้มยกสูงขึ้น ผมจับเอวเธอให้แน่นขึ้น และกระเด้าได้สะดวกขึ้น ส้มเริ่มครวญครางยิ่งขึ้นพอผมเอานิ้วแยงไปในรูหีที่ชุ่มชื้นของเธอ
“ลงโทษแบบนี้มั้ยจ๊ะส้ม”
“โอ่วๆๆๆๆ กรขา ส้มเสียวเบามือหน่อย อูยยยยยยยย”
เธอตอบไม่ตรงแต่ส่ายก้นรับและครวญครางรับการกระเด้าของผมตลอด เสียงครางอย่างกระสันของเธอทวีคูณ
ขึ้นเมื่อเจอทั้ง 2 รูพร้อมกันแล้วผมก็สุดกลั้นปล่อยน้ำกามออกมาเต็มรูก้นของเธอก่อนที่จะนอนทับไปบนหลังของเธอที่นอนราบไปบนที่นอน เราหอบเหนื่อยทั้งคู่ แล้วผมกระซิบข้างๆหูเธอ
“ลงโทษแบบนี้ดีไหมจ๊ะ”
“ส้มเจ็บนะ บอกว่าไม่เอา กรก็เอาจนได้”
“ก็ลงโทษไง”
“ครั้งหน้าไม่ให้แล้ว”
ผมพลิกตัวลงมานอนข้างเอก่อนดึงเธอเขามากอด
“จริงหรือ” ผมทำเสียงยั่ว
“ไม่รู้”
เธอเบียดเข้ามานอนหนุนไหล่ผม พักใหญ่ก่อนที่เธอจะชวนผมไปอาบน้ำ จนอาบเสร็จเราเปลี่ยนชุดแล้วมากินอาหารเย็นด้วยกันระหว่างที่นั่งกิน ผมนึกว่าถ้าเธอยอมเป็นแฟนผม ผมก็คงยินดีอย่างมากทั้งๆที่ตลอดเวลาผมบอกเธอหลายครั้งว่าผมยินดีที่จะคบกับเธอเป็นแฟน แต่เธอปฏิเสธมาตลอด เธออยากให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบนี้ไปก่อน ทำให้รู้ว่าส้มค่อนข้างรักอิสระทั้งๆที่เธอยอมมานอนกับผมด้วยความเต็มใจของเธอเอง แต่เธอก็ไม่นึกชอบผมในแบบคู่รักหรือแฟน ส้มคงสถานนะแบบนี้มาตลอด3-4 เดือนที่ผ่านมา และเธอเองก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผมเลยไม่ว่าจะเป็นเงินสิ่งของหรือแม้กระทั่งความรัก ขนาดคอนโดของผมส้มยังไม่ยอมที่จะนอนค้าง ผมชวนเธอไปหลายครั้งแค่หลังจากที่เรามีอะไรกันส้มจะไม่ยอมค้างแต่ชวนให้ผมมาค้างที่ห้องเธอทุกครั้ง ส้มจะบอกอย่างเดียวว่าไม่สะดวกแต่ในห้องของเธอ ส้มให้ผมเอาทั้งชุดนอน,แปรงสีฟัน,ชุดโกนหนวดไว้ที่ห้องเธอได้ทำให้ผมคิดไม่ออกว่าส้มคิดยังไงกับผม แค่คู่ขาเพื่อผ่อนคลายหรือกำลังศึกษาเรียนรู้ผมอยู่
จนได้เวลานอนผมขึ้นไปนอนบนเตียงก่อน ส้มจัดการปิดไฟและเปิดไฟที่หัวเตียงแล้วมานอนข้างๆผม เธอนอนหนุนที่ไหล่ผมพร้อมบอกมาว่า
“กรขาคืนนี้ไม่เอาข้างหลังนะ ส้มเจ็บจริงๆ”
“ขอโทษตอนนั้นกรหน้ามืดนะ มันยั้งไม่อยู่แล้ว”
ส้มทำตาปรอยๆแล้วกอดผมแน่นขึ้น
“แล้วข้างหน้าละได้หรือเปล่า”
ผมถามเธอเบาๆ ส้มแสดงออกมายิ่งกว่าให้คำตอบเธอเอามือผมขึ้นมาตีเบาผมเลยถามว่า
“ตีทำไมละ”
“ต้องตีสิเมื่อเช้ามือข้างนี้มันแต๊ะอั๋งส้ม จับก้นส้มในที่ทำงาน”
แล้วเธอเอามือของผมขึ้นมาจูบก่อนที่เธอจะพลิกตัวขึ้นมานอนทับผม แล้วเป็นฝ่ายเริ่มจูบผมอย่างเร่าร้อน รสจูบของส้มนั้นเผ็ดจริงๆ สามารถปลุกอารมณ์ได้อย่างดี ก่อนที่เธอจะถอดเสื้อผมออกและเริ่มเอาลิ้นของเธอมาเล่นกับหัวนมผมทั้งสองข้างสลับไปมา ผมถอดเสื้อกล้ามตัวเล็กของเธอออกบ้าง ส้มใส่เสื้อกล้ามแค่ตัวเดียวไม่มีชั้นในพอท่อนบนส้มเปลือยเธอเลื่อนตัวเอานมของเธอมาที่ปากผมทันที เมื่อเธอเสนอให้แบบนี้ผมก็สนองให้ทันทีผมดูดทั้งสองเต้าสลับไปมาพร้อมปลดกางเกงขาสั้นพร้อมกางเกงในเธอออก ส้มขยับตัวเพื่อให้ท่อนล่างของเธอพ้นตัวไปอย่างรวดเร็ว พอกางเกงขาสั้นและซับในตัวจิ๋วพ้นจากร่างเธอ ส้มเลื่อนตัวเอาโคกหีมาจ่อที่ปากผมแต่ก่อนที่ผมจะลงลิ้นส้มโยกตัวไปมาโดยที่โคกหีถูไถไปกับปากผม พอผมแหย่ลิ้นเข้าไปเธอส่งเสียงเบาๆ ผมเอามือประคองที่ก้นของเธอ เพื่อจะได้เลียได้ถนัดๆ ส้มปล่อยให้ผมเลียหีเธอสักพัก แล้วเธอก็กลับตัวเอาหัวหันมาทางขาผม แล้วดึงกางเกงผมออกก่อนที่จะก้มลงไปดูดเลียควยผมทันที เราอยู่กันในท่า 69 กันพักใหญ่ก่อนที่ส้มจะลุกไปหยิบถุงยางที่ผมเตรียมไว้ที่โต๊ะข้างๆเตียงมาสวมให้
ส้มใช้ปากสวมให้ด้วยความชำนาญพอเธอทำท่าจะคร่อม ผมดันตัวขึ้นมานั่งพึงหัวเตียงและผมโอบตัวเธอให้มานั่งบนตัวผม แล้วส้มค่อยๆหย่อนตัวลงมาเอารูหีครอบที่ควยผมจนสุด ผมเอามือโอบโอบรอบเอวเธอ ส้มเอามือมาจับที่บ่าของผมทั้งสองข้างแล้วค่อยๆขย่มขึ้นลงช้าๆ เราทั้งคู่เริ่มส่งเสียงครวญครางสลับกับการที่ส้มก้มลงมาแลกจูบกับผมหรือผมก็เอาหน้าไปซุกกับหน้าอกอันอวบอิ่มของเธอ
“ดีไหมคะกร”
“ดีจ๊ะส้มดีจังโอยยยยยยยย”
“ซี๊ดดดดดๆ กรขาอย่าเด้งแรงอูยยยยยๆ”
“กรโอ่ว โอ่ว จวนจะถึงและนะส้ม”
“อูยกรขารอส้มก่อนอย่าพึ่งคะ โอ่วๆๆๆๆๆ”
ส้มขย่มแรงขึ้นพร้อมมือจิกที่บ่าผมแน่นขึ้นพร้อมก้มหน้ามาซบก่อนที่จะเร่งส่งท้ายพร้อมร่องหีที่ตอดรัดควยผม เราหายใจแบบหอบๆและเอาปากมาประกบกันก่อนที่ส้มจะเลื่อนตัวไปนอนและมองมาที่ผมพร้อมกางแขนออกผมถอดถุงยางออกก่อนแล้วก้มลงไปกอดกับเธอ
“พักก่อนนะส้ม”
“คะ กร ส้มเหนื่อยมากแถมแสบข้างหลังด้วย พรุ่งนี้ไม่รู้ไปทำงานไหวหรือเปล่า”
“เจ้านายอนุมัติให้ลาและเจ้านายลาด้วย”
เธอหยิกผมเบาๆแล้วเราก็หลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนทั้งคู่ หลังจากนั้นไม่กี่วันลูกของป้าที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมซึ่งตอนนี้เป็นอาจารย์สอนทีมหาวิทยาลัยชื่อดัง ได้ชวนผมให้ไปเป็นอาจารย์พิเศษช่วยสอนนักศึกษาปริญญาโทเรื่องการบริหาร ผมตอบตกลงซึ่งผมจะได้ไปสอนเดือน ละ 2ครั้ง ทำให้ผมได้รู้จักคนเพิ่มขึ้นและแนวคิดที่หลากหลายมากจนจนเวลาผ่านไป 4เดือน ผมกับส้มเรายังมีความสัมพันธ์ลับๆกันอย่างนี้แต่ส้มไม่เคยเปิดใจให้ผมทั้งๆผมเริ่มจะรักเธอแล้วแต่ก็ไม่กล้าทุ่มไปหมดทั้งใจ ทุกสิ่งยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มีครั้งเดียวที่ส้มค้างที่คอนโดผมเพราะคืนนั้นส้มจัดให้ผมหนักมากจนกลับไม่ไหวแต่ตอนสายก็รีบกลับโดยชวนผมให้ตามไปค้างที่ห้องของเธอ แม้กระทั่งช่วงหยุดยาว ผมจะขอบินไปรับเธอที่ลำปางบ้านเกิดเธอตอนขากลับ เธอยังไม่ยอมให้ผมไปรับ ให้มารับที่สนามบินที่กรุงเทพอย่างเดียวทำเอาผมรู้สึกนอยด์เหมือนกันรวมถึงเวลาที่คุยกันเรื่องที่บ้านของเธอส้มจะบ่ายเบี่ยงทำท่าไม่อยากพูดถึง จนนึกว่าเธอคิดว่าผมเป็นแค่คู่ขาเธออย่างเดียวเท่านั้นหรือทั้งๆที่เรื่องเซ็กส์ส้มปรนเปรอให้ผมเต็มที่ยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนที่ผมเคยผ่านมา