(แว่น คัดเอามาจากสำนวนต้นฉบับเลยจึงมีข้อความท่านครบถ้วนสมบูรณ์ เรื่องนี้ลงบอร์ดบ้านเมื่อ พฤศจิกายน 30,2011,12:37:28 AM) ตอน กำเนิดยอดยุทธพิศวาส คัมภีร์มารนพเก้า ณ.กรุงพาราณาสี แคว้นชมพูทวีป มีเรื่องเล่ากันว่ามีมหาราชาองค์หนึ่งนาม
บาบาตูตู้ มีความคิดที่จะมีพระชนม์ชีพเป็นนิรันดร์ จึงออกเดินทางไปหาตัวยาอายุวัฒนะ หรือวิธีที่จะทำให้มีชีวิตนิรันดร์ และได้หายสาบสูญไปในเทือกเขาหิมาลัย
อีก 300 ปีต่อมา มหาราชาบูตู ผู้เป็นหลานเหลน ก็มีความคิดเช่นเดียวกัน(
ผู้ปกครองผู้มีอำนาจ ทุกยุคทุกสมัยต่างก็มีความเช่นเดียวกันหมดที่อยากจะมีชีวิตนิรันดร์จะได้ครองอำนาจได้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ )
มหาราชาบูตู จึงเรียกพระโอรส ที่เกิดจากชายาและสนมกำนัลทั้งปวงมาเข้าเฝ้า และประกาศว่าหากผู้ใดสามารถทำให้พระองค์มีชีวิตเป็นนิรันดร์ จะแบ่งสมบัติให้ครองราชย์ครึ่งหนึ่ง มีพระโอรสและธิดาอยู่คู่หนึ่งนามว่า
เจอรูดัลและ
รัศมีเทวี ซึ่งเป็นคู่หมั้นกัน ได้ออกเดินทางไปยังเทือกเขาหิมาลัย
" เดี๋ยวก่อนย้งยี้ เจ้าว่า องค์ชายเจอรูดัล(
เจอ- รู- ดัน เขียนเป็นคำอ่านภาษาไทยอาจดูพิกล พยายามออกสำเนียงแขกแล้วกัน ) และองค์หญิงรัศมีเทวี เป็นพี่น้องกันและเป็นคู่หมั้นกันด้วยหรือ "
" ไม่ผิดหรอกท่านพี่ " อึ้งย้งบอก
" เพราะประเพณีของทีนั่นต่างมีความเชื่อไม่เหมือนเรา ที่นั่นมีความคิดเรื่องวรรณะ ชาติตระกูลที่รุนแรง ว่า จะต้องสมรสในเผ่าพันธุ์ วรรณะที่เหมือนกัน หากไปสมรสกับต่างวรรณะกัน บุตรที่เกิดมาจะถือว่าเป็นจัณฑาล ถูกดูถูกเหยียดหยาม ดังนั้นจึงนิยมให้บุตรหลานแต่งงานกันเอง "
*** (
เป็นเรื่องที่ผู้แต่งสมมุติขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับประเพณีหรือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสมัยใดๆ หากชื่อตัวละคร สถานที่ ฯลฯ ไปสอดคล้องหรือเกี่ยวพันกับบุคคล สถานที่ ประเพณีที่มีอยู่จริงต้องขออภัยมา ณ.ที่นี้*****
***ของไทยเราเอง ในสมัยหนึ่งก็เคยนิยมให้ญาติพี่น้องแต่งงานกันเอง จะเห็นว่ามีนิยายไทยเก่าๆ หลายเรื่องที่มีความนิยมแบบนี้ เข้าตำราเรือล่มในหนองเงินทองไม่ไปไหน เช่น เรื่องพลนิกรกิมหงวน พลยังแต่งงานกับนันทาซึ่งเป็นญาติมีศักดิ์เป็นพี่สาวด้วยซ้ำไป )**
ก๋วยเจ๋งเป็นผู้เคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณี ฟังแล้วครุ่นคิดว่าเป็นเรื่องประหลาด อึ้งย้งพูดต่อ ว่า
" ด้วยประเพณีที่แตกต่างกันนี้เอง จึงเป็นเหตุให้เกิดข้อขัดแย้งในภายหลัง "
อึ้งย้งหยุดกล่าวสักพักจึงเล่าต่อไปว่า
" เมื่อทั้งคู่ได้เดินทางมาเทือกเขาหิมาลัย ได้บังเอิญพบกับโยคีผู้หนึ่ง ซึ่งมีนามว่า บาบาตูตู้ มหาโยคี ซึ่งเป็นอัยกาของทั้งสองที่หายสาบสูญไปเมื่อ 300 ปีก่อน "
" ฮ่า ...นี่เจ้ากำลังจะบอกว่า บาบาตูตู้มหาโยคีผู้นี้ มีอายุยืนถึง 300 กว่าปีนะหรือ "
" อืม ตามตำนานที่ท่านพ่อบันทึกไว้ว่าอย่างนั้น "
" มหาโยคีบาบาตูตู้ เล่าให้ฟังว่าเมื่อตอนที่พระองค์เป็นกษัตริย์ได้มาแสวงหายาอายุวัฒนะจนมาถึงที่เทือกเขาหิมาลัย ได้เกิดหิมะถล่ม ทำให้ ขุนนางผู้ติดตามพลัดพรากล้มตายไปจนหมด เหลือพระองค์เพียงลำพัง อาจเป็นลิขิตแห่งฟ้า จึงทำให้พระองค์ได้พบกับเหล่าโยคีที่ซ่อนตัวให้เทือกเขาหิมาลัย พระองค์ได้สนทนากับเหล่าโยคี ที่ฝึกฝนตนที่เทือกเขานี้เห็นแต่ละคนมีอายุมากกว่าสองร้อยปีขึ้นไป เกือบทุกคน และหลักลัทธิของโยคีสอดคล้องกับเจตนาของพระองค์ จึงตัดสินใจนับถือบำเพ็ญตนเช่นโยคีทั้งหลายจนมีอายุจนถึงปัจจุบัน "
" ยังงั้นเท่ากับพระองค์ได้ค้นพบ วิธีทำให้เป็นอมตะนิรันดร์แล้วซิ " ก๊วยเจ๋งพูดขึ้น
" ยังไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่ค้นพบวิธีบำเพ็ญตนภาวนา ทำให้ร่างกายสงบนิ่งจนสามารถมีอายุยืนกว่าปกติ แต่ในที่สุดมหาโยคีบาบาตูตู้ก็ต้องถึงแก่กรรม ตายจากโลกนี้ จนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องต่อมาในภายหลังที่ข้าจะเล่าให้ฟังต่อไป "
" อืม..." ก๊วยเจ๋งผงกศรีษะรับทราบ ฟังอึ้งย้งเล่าต่อ
****(
หมายเหตุ ในชมพูทวีปสมัยก่อน มีศาสนาเกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งลัทธิต่างๆ โยคีไม่ใช่ศาสนาแต่จัดเป็นลัทธิหนึ่ง หลักของศาสนาอื่นๆ ล้วนแต่เชื่อในชาติภพ หรือการถือศีลทำบุญ เพื่อที่จะได้ตายไปแล้วขึ้นสวรรค์ หรือเกิดในชาติภูมิที่ดีขึ้น เช่น ศาสนาพราห์มเชื่อว่าคนเราเกิดมาจากพระพรหม ให้ทำบุญเพื่อที่ตายแล้วจะได้กลับไปอยู่กับพระพรหมอย่างเก่า ฯลฯ แต่ลัทธิโยคี มีหลักความเชื่อที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะสามารถมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุขและนานที่สุด โดยไม่เป็นอะไร ไม่เจ็บไม่ป่วย เพราะไม่รู้ว่าโลกหน้าจะมีจริงหรือไม่ ดังนั้นควรจะหาทางทำอย่างไรให้อยู่ในโลกนี้ได้นานที่สุด โดยไม่มีทุกข์ ลัทธิโยคีเชื่อว่าลัทธิตนเป็นลัทธิที่ดีที่สุด เพราะสามารถหลุดพ้นทุกข์ในชาติภพนี้ได้ หากต้องเกิดมาใหม่ ก็มาดำเนินชีวิตแบบโยคีก็ไม่มีทุกข์ เรื่องโยคีหากผู้ใดสนใจศึกษาเพิ่มเติมได้จาก หนังสือลัทธิโยคี ของหลวงวิจิตรวาทการ )
" ทั้งสองต่างดีใจที่ได้พบมหาโยคี ที่เป็นอัยกาของตนและต่างก็คิดว่ามหาโยคีค้นพบวิธีเป็นอมตะแล้วเช่นกันจึงคิดจะเชิญมหาโยคีไปที่วังเพื่อไปพบมหาราชาบูตู และถ่ายทอดวิธีเป็นอมตะ แต่มหาโยคีปฏิเสธและบอกว่าที่จริงท่านก็ไม่สามารถเป็นอมตะนิรันดร์เพียงแต่สามารถรักษาสังขารให้ยืนยาวได้ แต่ถึงยังไงก็ตามสังขารร่างกายของท่านก็ยังคงล่วงโรยไปตามวัฏจักรสงสารอยู่ดี และจนบัดนี้ที่แม้ท่านยังรู้สึกว่ายังไม่ได้ค้นพบหนทางที่หลุดพ้นอย่างแท้จริงจึงยังไม่ทิ้งสังขารไป "
" แต่เนื่องจากมหาโยคีบาบาตูตู้ ได้จะบำเพ็ญเพียรมาหลายปีมีวิชามากมายจนถึงขั้นมีฤทธิ์ ตามความเชื่อของชาวชมพูทวีป เช่น สามารถเหาะเดินอากาศได้ ฯลฯ (
ส่วนของชาวตง้วนในสมัยนั้น คิดว่าสามารถบรรลุวิชาตัวเบาขั้นสูงสุด ) ทั้งสองจึงขอฝากตัวเป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชาจากมหาโยคีตั้งแต่บัดนั้นจนทั้งสองก็สามารถบรรลุวิชาตัวเบาขั้นสูงจนได้ ดังที่พวกเราได้ประสบมา "
" อืม..เท่าที่เจ้าเล่ามา มหาโยคีคนนี้ นับว่าบรรลุขั้นสุดยอดของวิชาทีเดียว "
" เดี๋ยวท่านพี่ฟังข้าเล่าต่อไปจะยิ่งตระหนกมากกว่านี้"
"
อะ.." ก๊วยเจ๋งร้องออกมาอย่างสนใจ
" มหาโยคีท่านนี้ เนื่องจากบำเพ็ญเพียรมานาน จึงมีพลังลมปราณที่ล้ำลึก และยังได้บันทึกตำราขึ้นมาสองเล่มด้วยกัน หนึ่งคือคัมภีร์กามาสูตร เกี่ยวกับการร่วมรักของชายหญิง "
" เอ๊ะ ทำไมท่านโยคีถึงแต่งตำราเช่นนี้ออกมา "
" ตามที่ข้าได้บอกแล้วว่า หลักของลัทธิโยคี คือการที่จะทำให้ตนสามารถมีชีวิตที่อยู่บนโลกนี้ยังไงได้นานและเป็นสุขที่สุด ก่อนที่ท่านจะเข้าภาวะธรรมก็คิดว่า คนเราก็ต้องมีการกิน นอน และมีเพศสัมพันธ์กัน จึงคิดว่า การทำอย่างไรจึงจะมีเรื่องเพศที่เปี่ยมสุขจึงเขียนตำรา ท่าร่วมเพศขึ้น "
" ของทุกอย่างในโลกย่อมมีทั้งคุณและโทษขึ้นอยู่กับผู้นำไปใช้ แม้ตำราเล่มนี้จะดูเป็นเรื่องลามกอนาจารแต่นำไปใช้ในทางที่ถูกก็เกิดคุณได้เช่นกัน "
ก๊วยเจ๋งฟังแล้วก็พยักหน้าคล้อยตาม อึ้งย้งจึงกล่าวต่อ
" ส่วนคัมภีร์อีกเล่มที่มหาโยคีเขียนดูว่าน่าจะเป็นคุณ แต่คนไปใช้ผิดก็ทำให้เกิดโทษขึ้นมาได้เหมือนกัน "
" แล้วคัมภีร์อีกเล่ม นั้นคือคัมภีร์อะไรหรือ "
" คัมภีร์นั้นคือ
คัมภีร์วิชาพิสดารเก้าประการ "
"
คัมภีร์วิชาพิสดารเก้าประการ "
" ใช่แล้ว หรือตอนหลังที่เรารู้จักกันว่า
คัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง(
มารนพเก้า )
" ไฮ้..คัมภีร์เก้าอิมจินเก็งเป็นท่านมหาโยคีเป็นผู้เขียนหรือ"
" เดี๋ยวฟังข้าเล่าไปเรื่อยๆ ท่านก็จะกระจ่างเอง " อึ้งย้งกล่าว
" ภายหลังที่ทั้งสองฝึกวิชาลอยตัวจนสำเร็จแล้ว ก็ไปพบคัมภีร์สองเล่มนี้ในขณะที่ท่านโยคีกำลังเข้าฌาณอยู่ ทั้งคู่เห็นเป็นวิชาประหลาดจึงนำมาทดลองฝึก องค์ชายเจอรูดันมีนิสัยเจ้าชู้และชื่นชอบในเรื่องเพศอยู่แล้ว จึงชักชวน นางรัศมีเทวีที่เป็นน้องสาวให้ทดลองในตำรากามาสูตรดู ทีแรกนางก็เอียงอายแต่ถูกรบเร้าหนักเข้าจึงไม่ขัดพี่ชายซึ่งเป็นคู่หมั้น ด้วยไกลจากบ้านเมืองและอยู่ลำพังกัน จึงมีอะไรกันตั้งแต่นั้นมา "
(
เรื่องของกามารมณ์ใครยังไม่ได้ลองยังไม่เท่าไร แต่พอได้ลองแล้วยิ่งติดใจ ลองได้เสพสังวาสแล้วก็อยากจะได้ลองอีก )
" เมื่อทั้งคู่ได้เสพกาม ก็ยิ่งมัวเมาในกามารมณ์โดยไม่รู้ตัว และได้ฝึกวิชาในคัมภีร์พิสดารเก้าประการซึ่งมีทั้งด้านดีและด้านไม่ดีอยู่หลายหลาก ทั้งคู่ได้ฝึกเอาวิชาแปลกๆในคัมภีร์ เช่น การเคลื่อนย้ายดวงจิต(
สะกดจิต ) ,ระบำอสูร , การเปลี่ยนกระดูก(
เปลี่ยนโฉม ) ฯลฯ ที่สอดคล้องกับเรื่องกามารมณ์จนมัวเมาไปผิดทาง ส่วนวิชาเดินลมปราณเปลี่ยนเส้นเอ็น ทั้งสองกลับฝึกไม่สำเร็จเพราะตอนนั้นทั้งคู่กำลังหมกมุ่นกับกามารมณ์จนไม่สามารถเข้าสภาวะธรรมได้ "
" แล้วตอนหลังเป็นอย่างไรเล่า "
" ภายหลังท่านมหาโยคีออกจากฌาณทราบเรื่องเข้าก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่าตำราของตนจะทำให้ทั้งคู่เกิดมัวเมาในกามารมณ์ จึงสอนวิชาลมปราณและสมุนไพร เพื่อหวังจะให้ทั้งคู่ลดทอนด้านกามาลงบ้าง "
" จริงๆวิชาในคัมภีร์ค่อนข้างยากต้องอาศัยการตีความ ยิ่งวิชาลมปราณเปลี่ยนเส้นเอ็นในคัมภีร์ต้องอาศัยเวลาในการฝึกฝน ขนาดท่านพี่กับข้าแม้สามารถจดจำข้อความในคัมภีร์จนขึ้นใจยังไม่สามารถบรรลุได้ "
" จริงของเจ้า..เรื่องนี้ข้าก็แปลกใจอยู่ แต่อาจเป็นเพราะมันมีข้อความในคัมภีร์ที่เราแปลความหมายของภาษาบาลีนั่นไม่ออกด้วยกระมัง "
" นั่นเป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนก็คือจำเป็นต้องตัดกิเลสเข้าสู่สภาวะธรรมอันสูง และที่สำคัญข้อความในคัมภีร์ได้ถูกตัดทอนดัดแปลงไปด้วยจึงไม่สมบูรณ์ "
" อืม..น่าจะจริง เพราะข้าก็รู้สึกเช่นนั้น และที่สำคัญที่ข้าอยากรู้ก็คือ หากคัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง เป็นของมหาโยคีจากชมพูทวีปเป็นผู้เขียน เหตุไฉนจึงได้ตกทอดมาถึงแดนตงง้วนเราได้และใครเป็นผู้แปลคัมภีร์นี้ "
" เรื่องนี้ข้ากำลังจะเล่าต่อไปพอดี "
" บังเอิญต่อมา มีหลวงจีนพร้อมด้วยลูกศิษย์สองคนเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่ชมพูทวีป ผ่านมายังเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ ชื่อ
หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋ง กับ
เฮ้งซุนหงอและโป๋ยก๋า (
คล้ายๆ พระถังซำจัง ในเรื่องไซอิ๋ว )
หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งและลูกศิษย์จึงได้ขออาศัยพักค้างแรมกับมหาโยคี โป๋ยก๋าเป็นคนเจ้าชู้กลับชื่นชอบในตัวนางรัศมีเทวี แต่ไม่รู้ความในว่าพี่น้องสองคนนี้เป็นสามีภรรยากัน เพราะมหาโยคีแนะนำแต่เพียงว่า เป็นพี่น้อง ในระหว่างพักหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งและมหาโยคี ต่างแลกเปลี่ยนสนทนาธรรมกัน หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งได้อธิบายถึงวิธีที่ทำให้เป็นอมตะในทางพุทธ
ซึ่งต่างจากหลักของทางโลกหรือหลักธรรมอันสูงสุดของทางลัทธิโยคีโดยสิ้นเชิง คือทางพุทธสามารถเข้าสู่นิพพาน หลุดพ้นจากวัฏฏะสังสารทั้งปวง ไม่มีการเกิดแก่เจ็บตายอีกต่อไปมหาโยคีฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจ เพราะแค่หลักของโยคีว่าสามารถเกิดมาแล้วทำให้มีชีวิตยืนยาวนานอย่างไม่มีทุกข์ก็น่าจะสูงสุดแล้ว แต่หลักพุทธว่าสามารถหลุดจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย จึงคิดว่าไม่น่าจะมีผู้ใดทำได้
หลวงจีนเล่า ซ่า เจ๋ง จึงแสดงธรรม เรื่องวิธีทำให้พ้นทุกข์ตามหลักพุทธที่ศึกษามา(
อริยะสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ) มหาโยคีบาบาตูตู้ ได้ฟังเพียงครั้งเดียวก็เข้าใจบรรลุทันที(
เหมือนกับพระโกณฑัณญะ )
ในระหว่างที่มหาโยคีและหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋ง สนทนาธรรมกัน พี่น้องสองคนได้ออกไปหาสมุนไพรข้างนอก ในเวลานั้นได้เกิดพายุหิมะขึ้น มหาโยคีได้ฟังธรรมที่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งแสดงเกิดเลื่อมใสเห็นแจ้งในปัญญาตัดสินใจละสังขาร เข้าสู่นิพาน แต่ก่อนที่มหาโยคีจะละสังขารได้มอบคัมภีร์ของตนไว้กับหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งเป็นการตอบแทน
ทีแรกมหาโยคีคิดว่าจะทำลายทิ้งอยู่เหมือนกัน แต่หลังจากได้สนทนาธรรมกับหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งจึงได้คิดว่า แท้จริงคัมภีร์ต่างๆ เป็นสิ่งตายคนใช้เป็นสิ่งเป็น ขึ้นกับผู้ใช้จะเป็นผู้ทำให้เกิดประโยชน์หรือโทษ ตัวอย่างเช่น พระ เทวทัต ซึ่งเป็นประยูรญาติของพระพุทธเจ้า ได้ศึกษาธรรมกับพระพุทธเจ้าจนมีฤทธิ์ แต่ยังหลงผิดคิดตั้งตัวเป็นใหญ่ในหมู่สงฆ์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าหลายครั้ง สุดท้ายโดนธรณีสูบ ตกอยู่ในนรกอเวจี
มหาโยคีบาบาตูตู้ อายุ 300 กว่าปี รู้ตัวว่าสังขารเสื่อมโทรมใกล้ดับสูญ แสงหาชีวิตนิรันดร์มาตลอดได้ฟังธรรมที่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งแสดงเห็นแจ้งในปัญญา ว่าคือผลบุญที่ตนบำเพ็ญเพียรแสวงหามาช้านานจึงได้พบกับสิ่งที่ตนปรารถนาในยามสุดท้ายของชีวิต นั่งสมาธิเข้าสู่สภาวะธรรม ละซึ่งกิเลสทั้งปวง ทิ้งสังขาร เข้าสู่นิพพานไป
หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งกับลูกศิษย์รอสองพี่น้องอยู่สิบห้าวันก็ยังไม่กลับ ขณะนั้นบริเวณนั้นกำลังจะเกิดพายุหิมะ หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งเห็นท่าไม่ดีและคอยเป็นเวลานานแล้ว จึงเดินทางกลับแผ่นดินใหญ่และเขียนหนังสือบอกเรื่องทิ้งไว้ ต่อมาภายหลังสองพี่น้องกลับมาเห็นหิมะปกคลุมไปทั่วจึงขุดค้นจนพบถ้ำที่อาศัย เข้าไปเห็นมหาโยคี นั่งหลับตาสิ้นลมอยู่บนแท่นหิน น่ามหัศจรรย์ที่ร่างกายมหาโยคีไม่เน่าเปื่อย อาจเป็นเพราะความเย็นของหิมะ ก็ได้
และค้นพบว่าคัมภีร์ของมหาโยคีหายไป
จึงเข้าใจว่าหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งพร้อมลูกศิษย์ได้ฆ่ามหาโยคีและขโมยตำราไป โดยแต่งหนังสือโกหกพวกตนจึงเดินทางติดตามพวกหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งเข้ามาในตงง้วนก่อให้เกิดเรื่องขึ้น
" เดี๋ยวก่อน ย้งยี้ เรื่องที่เจ้าเล่าให้ฟังมานับว่าประหลาด เกินจะเชื่อหลายประการ "
" ยังไงหรือท่านพี่ "
" เช่น คนเราสามารถหลุดพ้น การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้ "
" เรื่องนี้ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เป็นเรื่องที่ท่านพ่อบันทึกไว้ บังเอิญข้าไปพบในห้องสมุดตอนข้าเป็นเด็ก เวลานี้ไม่ทราบว่าบันทึกนั้นหายไปไหน ตั้งแต่คราวที่อาวเอี้ยงฮงได้มาบุกเกาะดอกท้อเรา "
" อืม..."
" ทีแรกข้าก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมีอยู่จริง จนเราได้เจอกับยอดยุทธพิสศวาสในวันนี้แหละ ข้าถึงนึกเรื่องนี้ได้จึงเล่าให้ท่านพี่ฟัง "
" เพราะเรื่องนี้ยากเกินเชื่อ และในบันทึกที่ท่านพ่อเขียนก็รวบรวมมาจากคำพูดของหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งเสียส่วนใหญ่ ซึ่งก็ไม่มีประจักษ์พยานอะไร อาจจะเป็นพวกท่านกับลูกศิษย์ร่วมมือกันฆ่ามหาโยคีแล้วชิงตำราหนีมาตามที่สองพี่น้องนั้นว่าก็ได้ "
" อะ...เจ้าก็คิดเช่นนี้หรือ "
" ข้า..ก็ไม่รู้แน่ แต่ตามหลักแล้ว เราก็ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ เพราะหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งก็เป็นผู้ที่เคร่งครัดในธรรมะ แม้ลูกศิษย์จะไม่ได้สำรวมเท่าไร แต่ตามประวัติแล้วท่านเป็นสมณะที่ดีมากคำพูดน่าจะเชื่อได้ และเรื่องเล่าในทางพุทธก็ว่าหลักทางนิพพานมีอยู่จริง และมีพระสงฆ์ตั้งหลายร้อยรูปสามารถเข้าสู่นิพพานเป็นอรหันต์ได้ในชมพูทวีป จนกลัวว่าคนจะบวชในศาสนานี้ทั้งหมดไม่มีฆราวาสอยู่เลยในสมัยหนึ่ง จนถูกกีดกั้นในสมัยต่อมา "
" อืม.."
" ก็ไม่แน่เหมือนกัน บางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อในโลกก็สามารถเกิดจริงได้ ประวัติของพุทธเองก็แปลก เพราะผู้ที่สำเร็จนำมาเผยแพร่ เดิมที ก็เป็นเจ้าชายองค์หนึ่ง มีชีวิตสุขสบายในพระราชวัง แต่ต้องการให้ผู้คนพ้นทุกข์จึงสละราชบัลลังค์ออกบวชแล้วสามารถตรัสรู้ได้ด้วยตนเอง ออกสั่งสอนผู้คนก่อให้เกิดศาสนาอันยิ่งใหญ่ "
(
อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวของอึ้งย้งกับก๊วยเจ๋ง เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้นับถือพุทธ )
" และดูจากวิทยายุทธ ที่ยอดยุทธพิศวาสนั้นใช้ เราก็ไม่คิดว่าจะมีผู้สามารถฝึกจากตำรานั้นจนสำเร็จได้ แต่พวกเขาก็ฝึกออกมาจนได้ "
" จริงของเจ้า แล้วเรื่องต่อมาเป็นอย่างไรต่อไป " ก๊วยเจ๋งถาม อึ้งย้งจึงเล่าต่อ
.......................................
ตอน กำเนิดคัมภีร์มารนพเก้า 2 หลังจากที่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งได้เดินทางกลับมายังตงง้วนแล้ว ก็คงมุ่งมั่นที่จะแปลพระไตรปิฎกเพื่อออกเผยแพร่ โดยมี
โป๋ยก๋ายกับ
เฮ้งซุนหงอ เป็นผู้ช่วย ต่อมาเป็นโป๊ยก๋ายได้เข้ามาเอาของในย่ามของหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋ง พบคัมภีร์อยู่ 2 เล่ม โป๊ยก๋ายกลับสนใจใน
คัมภีร์กามาสูตร ที่มีรูปท่วงท่าการร่วมเพศ จึงแอบหยิบออกมาแล้วนำไปฝึก
โดยระหว่างที่ช่วยหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งแปลพระไตรปิฏกได้สอบถามความหมายของคำในภาษาบาลี หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งทีแรกก็แปลกใจเพราะแต่เดิม โป๋ยก๋ายเป็นคนนิสัยไม่เอาไหน แถมฝักใฝ่แต่ในเรื่องโลกีย์ แต่กลับมาสนใจช่วยแปลพระไตรปิฎก เลยคิดว่าเป็นเพราะผลบุญเลยทำให้ลูกศิษย์ของท่านกลับตัวฝักใฝ่ธรรมะได้ ส่วนคัมภีร์ล้ำค่าอีกเล่ม คือ
คัมภีร์พิสดารเก้าประการ โป๊ยก๋ายเห็นว่าตีความฝึกฝนยากเลยไม่ได้สนใจ
ฝ่ายองค์ชายเจอรูดัลกับนางรัศมีเทวี ตามหาหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งและพวกอยู่ปีเศษยังไม่พบ จนทั้งสองสามารถพูดภาษาของตงง้วนได้ จนวันหนึ่งโป๊ยก๋ายออกมาเที่ยวหอนางโลม ได้พบเห็นนางรัศมีเทวีอยู่ในโรงเตี้ยมข้างๆ โดยบังเอิญ จึงมีความคิดต้องการในตัวนางขึ้นมา ในคืนนั้นโป๊ยก๋ายจึงลอบเข้าไปที่โรงเตี้ยมที่ทั้งสองพัก แล้วไปแอบดูที่ห้องนอน พบเห็นทั้งคู่กำลังร่วมรักกันอยู่
โป๊ยก๋ายทีแรกประหลาดใจเพราะรับทราบมาว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกันไฉนมาสมสู่กันได้ พอแอบดูไปเห็นทั้งคู่ร่วมรักกันแบบถึงพริกถึงขิง จึงคิดว่าทั้งคู่ต่างมักมากในกามคุณเหมือนกันตน โป๊ยก๋ายรอทั้งคู่ร่วมพิศวาสกันจนเหนื่อยอ่อนหลับไป จึงลอบเข้ามาในห้องแล้วสวมรอยเป็นองค์ชายเจอรูดัลทำเอากับนางรัศมีเทวีต่อ ทั้งที่องค์ชายเจอรูดัลยังหลับอยู่ข้างๆ
นางรัศมีเทวีไม่รู้คิดว่าเป็นสามีนางจึงปล่อยให้โป๊ยก๋ายร่วมรักกับนางต่อไปจนเสร็จ
“
นับว่า เจ้าโป๊ยก๋ายนี่ ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้า กล้าร่วมรักกับเมียคนอื่น บนเตียงที่สามีหลับอยู่ข้างๆ ได้ ” ก๊วยเจ๋งโพล่งออกมาอย่างลืมตัว
อึ้งย้งเล่าต่อ พอเวลาผ่านไปนางรัศมีเทวี ลืมตาขึ้นมาพบว่า มีชายอื่นขึ้นมานอนร่วมรักกับตนไม่ใช่สามี จึงร้องเอะอะขึ้น จนองค์ชายเจอรูดัลตื่นขึ้นมา โป๊ยก๋ายรีบหนีออกมานอกห้อง ทั้งสองไล่ล่าออกมาต่อสู้กันกลางโรงเตี้ยมจนผู้คนในโรงเตี้ยมตื่นขึ้นมาจนหมด ทั้งสองจำโป๊ยก๋ายได้ว่าคือลูกศิษย์ของหลวงจีนเล่าซ่าเจ็งที่พวกตนตามหาจึงคลั่งแค้นยิ่งขึ้น
ขณะนั้นเจ้าสำนักดาบทองซึ่งนับถือหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งได้มาพักที่โรงเตี้ยมแห่งนี้ พร้อมกับบุตรและธิดา โป๊ยก๋ายเห็นสู้ไม่ได้ จึงร้องให้
เจ้าสำนักดาบทองช่วย เจ้าสำนักงานดาบทองเห็นแก่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งจึงยื่นมือมาไกล่เกลี่ย องค์ชายเจอรูดัลจึงว่าโป๊ยก๋ายเข้ามาลักหลับภรรยาตนรวมถึงเรื่องที่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งและพวกฆ่าอาจารย์ของตนและขโมยคัมภีร์กลับมาที่ตงง้วนด้วย
เจ้าสำนักดาบทองได้ฟังเรื่องที่โป๊ยก๋ายเข้าไปลักหลับภรรยาผู้อื่นพอจะเชื่อได้ แต่เรื่องหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งฆ่าผู้อื่นขโมยคัมภีร์ยากจะเชื่อ เพราะหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งสมณะเพศที่เคร่งครัดวินัยยิ่ง โป๊ยก๋ายรีบโต้เถียงว่า ตนไม่ได้ทำอย่างนั้นเป็นทั้งคู่เชิญชวนให้เข้ามาร่วมสนุกด้วยต่างหาก เพราะทั้งคู่ต่างมักมากในกามเช่นเดียวกับมัน และทั้งคู่ต่างเป็นพี่น้องกันยังลักลอบสมสู่กันได้
องค์ชายเจอรูดัลไม่ได้รู้ขนบธรรมเนียมของตงง้วนเรา เลยตกหลุมพรางโป๊ยก๋ายว่า ใช่ ถึงแม้ว่าจะเป็นพี่น้องกันแต่ก็เป็นคู่หมั้นกัน บัดนี้เราตกลงเป็นสามีภรรยากันแล้วก็ไม่เห็นผิดตรงไหน ถึงตรงนี้ผู้คนที่รับฟังต่างวิพากย์วิจารณ์กันอื้ออึง บังเอิญโป๊ยก๋ายทำคัมภีร์ตกลงพื้น องค์ชายเจอรูดัลเห็นจำได้จึงบอกว่านั่นเป็นคัมภีร์ของอาจารย์เราที่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งขโมยมา โป๊ยก๋ายหยิบขึ้นมากลางออกดู
ผู้คนที่นั้นจึงเห็นเป็นท่าร่วมเพศของชายหญิงอยู่มากมาย จึงยิ่งฮือฮากันใหญ่ ทั้งกระดากทั้งดูแคลนทั้งสองมากขึ้น ร้องถามว่านี่เป็นคัมภีร์ของอาจารย์เจ้าที่ทั้งสองตามหางั้นหรือ องค์ชายเจอรูดัลตอบถูกต้องแล้ว แต่ยังมีคัมภีร์ฝีมืออีกเล่มคือคัมภีร์พิสดารเก้าประการ ถึงตรงนี้ผู้คนต่างหัวเราะเยาะทั้งสองเป็นการใหญ่ ให้ทั้งสองรีบนำคัมภีร์กลับไปส่วนอีกเล่มที่ว่าก็คงจะลามกไม่แพ้เล่มนี้เช่นกัน ไหนเลยหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งจะขโมยของพวกนี้มา
ตอนนี้ผู้คนต่างดูถูกทั้งคู่และซุบซิบนินทาเรื่องพี่น้องไร้ยางอายสมสู่กันเอง ผิดธรรมเนียมร้ายแรง ทั้งคู่ฟังทีแรกไม่เข้าใจ แต่พอยิ่งรับฟังนานเข้าทุกผู้คนต่างว่าพวกตนเสียหายอย่างหนัก ทั้งที่พวกตนถูกทำร้ายแต่กลับเป็นฝ่ายถูกก่นด่า จึงโกรธจัดลงมือจัดการสั่งสอนทุกผู้คนในโรงเตี้ยมเป็นการตอบแทน เหล่าชาวยุทธในโรงเตี้ยมต่างไม่สามารถสู้กับฝีมือพิสดารของทั้งคู่ได้ถูกสยบจนหมดสิ้น
ส่วนโป๊ยก๋ายตัวแสบเลยถือโอกาสหลบหนีไปได้ ทั้งคู่ยังโมโหไม่หายเรื่องพวกตนทำผิดธรรมเนียมยังไง เพราะบ้านเมืองตนพี่น้องต่างก็แต่งงานกันได้ ชาวยุทธต่างชี้แจงว่าที่ตงง้วนเราไม่มีประเพณีอย่างนั้น องค์ชายเจอรูดัลจึงว่าดีละงั้นเราจะเปลี่ยนธรรมเนียมที่นี้ใหม่ ต่อจากนั้นองค์ชายเจอรูดัลจึงจัดการให้ชาวยุทธในโรงเตี้ยมนั้นใครเป็นพ่อลูก พี่น้องกันก็ให้ร่วมรักกันเอง
เจ้าสำนักดาบทองตอนนั้นถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส องค์ชายเจอรูดัลเลยบังคับให้บุตรและธิดาของเจ้าสำนักดาบทองสังวาสกันเอง รวมถึงเถ้าแก่โรงเตี้ยมกับลูกสาว หากใครไม่ได้พาพี่น้อง ลูกชายลูกสาวมา ก็จะซักถามบันทึกรายชื่อไว้ว่าอยู่แห่งหนใด จะไปคิดบัญชีภายหลัง
“
เหลวไหลจริง ทำไมถึงได้ก่อเรื่องบัดซบอย่างนี้ได้ ” ก๊วยเจ๋งร้องแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
จากเหตุการณ์ในวันนั้น ทั้งคู่จึงบุกสำนักต่างๆ จัดการให้เฮียม่วยบุคคลในครอบครัวร่วมรักกันเอง มีหลายครอบครัวต้องฆ่าตัวตาย เพราะอับอาย ส่วนอีกมากก็เก็บเงียบไม่กล้าให้ใครล่วงรู้ว่าโดนทั้งคู่บุกมา กลายเป็นภัยยุทธภพชนิดใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ผู้คนต่างขนานนามทั้งคู่ว่า
ยอดยุทธพิศวาส ทีแรกเรียกทั้งคู่เป็นมาร แต่กลัวว่าทั้งคู่ได้ยินแล้วไม่พอใจจะมีภัยถึงตัว จึงเรียกทั้งคู่ว่าเช่นนั้น เพราะทั้งคู่ต่างมีวิชาพิสดารสูงส่งไม่มีใครต่อกรได้
จนความรู้ถึงอาจารย์ของเราคือ
เทพยดาขอทาน อั้งชิกกง จึงยื่นเข้ามาประลองกับทั้งคู่แต่ปรากฎว่าท่านก็เสียทีเพลี่ยงพล้ำพ่ายแพ้แก่ทั้งคู่
“ อะไรกัน แม้แต่ท่านผู้เฒ่าก็แพ้แก่ทั้งคู่งั้นหรือ ” ก๊วยเจ๋งถาม
“ อืม...” อึ้งย้งผงกหัวรับ
ข่าวเทพยดาขอทานซึ่งตอนนั้นถูกจัดเป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือแห่งยุคพ่ายแพ้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งขยายถึงเรื่องสองประการคือ หนึ่งฝีมืออันล้ำเลิศของยอดยุทธพิศวาสทำให้ชื่อเสียงความน่ากลัวของทั้งคู่เพิ่มมากขึ้น สองคือที่มาของฝีมือของทั้งคู่ที่มาจากคัมภีร์วิชาพิสดารเก้าประการที่ทั้งคู่กล่าวถึง
ถึงตอนนี้ชาวยุทธเรียกคัมภีร์นั้นว่าคัมภีร์มารนพเก้า(
เก้าอิ๋มจินเก็ง ) ทำให้ชาวยุทธทุกผู้คนต่างกระหายอยากได้คัมภีร์เล่มนี้กันอย่างมากเพราะประจักษ์ถึงความพิสดารที่ยอดยุทธพิศวาสใช้ออกมา ความเรื่องนี้ระบาดไปทั่วแผ่นดิน ทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาเพราะรู้ว่าคัมภีร์เล่มนี้ ตอนนี้อยู่ที่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋ง รวมถึงยอดฝีมือที่เหลือ คือ เจ้าทักษิณต้วนอ๋อง อาวเอี้ยงฮง และบิดาข้าอึ้งเอี๊ยะซือ
“ แล้ว ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยง ละ ”
“ ข้ากำลังจะพูดถึงอยู่พอดี ”
ฝ่ายหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งได้แปลพระไตรปิฎกสำเร็จ ตั้งใจจะเดินทางเข้าวังเพื่อมอบพระไตรปิฎกให้กับทางราชสำนักตามที่ได้รับมอบหมาย จึงออกเดินทางไปกับลูกศิษย์ทั้งสองแต่ระหว่างทางโป๊ยก๋ายได้หนีไปเที่ยวจนเกิดเรื่องขึ้น รุ่งขึ้นท่านจึงออกเดินทางต่อไปกับเฮ้งซุนหงอ โดยคิดว่าโป๊ยก๋ายจะติดตามไปภายหลัง เพราะโป๊ยก๋ายมักมีนิสัยเช่นนี้เป็นประจำ
ระหว่างเดินทางได้มีชาวยุทธคิดจะมาช่วงชิงคัมภีร์มารนพเก้าจากท่าน แต่อาศัยว่าเฮ้งซุนหงอเป็นผู้มีวิทยายุทธสูงช่วยเหลือไว้ จึงได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น เฮ้งซุนหงอเห็นท่าไม่ดี จึงปรึกษากับหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งว่า ควรแวะไปหา
ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยง ซึ่งเป็นพี่ชายที่เขาจงน้ำที่กำลังจะผ่านไปดีกว่า เพื่อให้ช่วยคุ้มครองและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ด้วย
“ อ๋อ ที่แท้ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงเป็นพี่ชายของเฮ้งซุนหงอนี้หรอกหรือ ” ก๊วยเจ๋งพูดขึ้นเบาๆ
ฝ่ายท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงตอนนั้นยังไม่ได้ออกบวชแต่เลื่อมใสในลัทธิเต๋าอยู่ และเป็นผู้นำชาวยุทธในการต่อต้าน
กองทัพไต้กิมก๊ก หลังจากได้ทราบเรื่องของยอดยทธพิศวาสก็นึกเป็นห่วงน้องชายอยู่พอดี เฮ้งซุนหงอพาหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งมาหาจึงดีใจ เพราะตอนนี้เรื่องยอดยุทธพิศวาสที่กำลังอาละวาดและตามหาหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งกับพวก รวมถึงจอมยุทธต่างๆ ก็หมายจะช่วงชิงคัมภีร์ยุทธพิศดารต่างโจษจันไปทั้งแผ่นดิน
ยิ่งตอนนี้ข่าวยาจกอุดรพ่ายแก่ยอดยุทธพิศวาสยิ่งทำให้น่าวิตก ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงจึงมีความคิดว่า เรื่องแรกที่ต้องดำเนินการคือหาทางกำจัดยอดยุทธพิศวาสให้ได้เสียก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยหาทางแก้ไขต่อไป จึงได้ออกเทียบเชิญสุดยอดฝีมืออีกสี่คน คือ
ยาจกอุดร พิษปัจฉิม ภูตบูรพา และ
อ๋องแห่งทักษิณ มาร่วมมือกันกำจัดยอดยุทธพิศวาส ต่อจากนั้นเป็นอย่างไรคิดว่าพี่ก๊วยเจ๋งคงจะเดาได้
“ อืม..ข้าคาดว่ายอดฝีมือทั้งห้า คงร่วมมือกันกำจัดยอดยุทธพิศวาสสำเร็จ เพราะต่างก็มีจุดประสงค์อยากได้คัมภีร์มารนพเก้าจึงร่วมมือกันขจัดภัยในครั้งนี้ ”
“ เป็นอย่างที่ท่านคาดเดา ”
“ รายละเอียดการต่อสู้เป็นอย่างไรบ้างละ ”
“ เออ..อันนี้ข้าไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกัน เพราะในบันทึกท่านพ่อไม่ได้กล่าวถึง ”
“ เสียดายยิ่งนัก….แล้วหลังจากนั้นละ ”
“ ก็เป็นอย่างที่ท่านพี่และข้าทราบ ”
ภายหลังจากที่กำจัดยอดยุทธพิศวาสได้แล้ว คัมภีร์มารนพเก้าก็เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องการจะแย่งชิง เพื่อยุติการเข่นฆ่ากันจึงกำหนดการประลองยุทธขึ้นทั่วแผ่นดินหากใครชนะจะได้คัมภีร์ไปครอบครองห้ามแก่งแย่งกันอีก แต่ในตอนนั้นนอกจากสุดยอดฝีมือทั้งห้าแล้วก็ไม่มีใครมีวรยุทธเทียบได้ จึงคงมีแต่ยอดฝีมือทั้งห้าท่านเข้าร่วมประลองกันบนเขาหัวซาน
โดยขอให้หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งช่วยแปลคัมภีร์นั้นออกมา เพราะไม่มีใครชำนาญภาษาบาลีสันสกฤตได้ดีเท่าท่านอีกแล้ว กำหนดวันประลองอีก 2 เดือนข้างหน้าหากใครชนะจัดเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแผ่นดินได้คัมภีร์มารนพเก้าไปครอบครองแต่ผู้เดียว
“ สุดท้ายท่าเฮ้งเต็งเอี้ยงก็เป็นผู้ชนะได้คัมภีร์ไปครอบครอง ” ก๊วยเจ๋งกล่าวเสริม
“ เป็นไปตามที่ท่านทราบดี…เพียงแต่มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ข่าเล่าข้ามไปบ้าง ”
“ อะไรบ้างหรือ ” ก๊วยเจ๋งขมวดคิ้วถามต่อ
“ เช่นเรื่องที่ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงชนะเป็นผู้มีวรยุทธอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ก็ถูกกล่าวหาว่าตอนที่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งกับเฮ้งซุนหงอมาพักอยู่ เฮ้งซุนหงอก็ลอบแปลเนื้อหาในคัมภีร์นพเก้ามาบอกพี่ชายให้ฝึกก่อนอยู่แล้ว จึงมีวรยุทธรุดหน้ากว่าคนอื่น ”
“
ฮ้า..เป็นเช่นนั้นหรือ ”
“ อันนี้ไม่แน่นอนเป็นแต่คำร่ำลือกล่าวหา ตอนนั้นต่างคิดกันว่าเรื่องยอดยุทธพิศวาสเป็นเรื่องเกียรติภูมิของแผ่นดิน จะแพ้ไม่ได้ เพราะจะทำให้ต้องยอมรับเรื่องหลวงจีนเล่าซ่าเจ็งฆ่าโยคีแล้วขโมยคัมภีร์หนีมา และจะต้องเปลี่ยนประเพณีตามที่ยอดยุทธพิศวาสกำหนด เพื่อให้ได้ชัยชนะท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงจึงได้เรียนรู้วิชาในคัมภีร์เพื่อรับมือกับศัตรูในครั้งนี้ ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงก็สมเป็นอัจฉริยะบู๊ลิ้มในขณะนั้นสามารถฝึกลมปราณเปลี่ยนเส้นเอ็นได้ในเวลารวดเร็ว แม้ยังไม่บรรลุขั้นสูงสุดแต่ก็ปรับปรุงจนมีฝีมือรุดหน้าได้ ”
อีกเรื่องคือ โป๊ยก๋ายตัวแสบได้ถูกเหล่าชาวยุทธที่โดนยอดยุทธพิศวาสทำร้ายบังคับให้ร่วมรักในครอบครัวกันเองโกรธแค้นตามเข่นฆ่าในฐานะตัวการ แต่กลับหนีมาเจอพิษปัจฉิมเข้า อาศัยความเจ้าเล่ห์ให้พิษปัจฉิมช่วยเหลือ โดยวางแผนว่าจะแอบไปขโมยคัมภีร์มาให้ และมันจะเป็นผู้แปลให้เองเพราะมันก็รู้ภาษาบาลีสันสกฤตเหมือนกัน มันจึงกลับไปหาอาจารย์(
หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋ง ) ขอให้ยกโทษให้
แต่กลับลอบวางยาอาจารย์กับศิษย์ผู้พี่เพื่อขโมยคัมภีร์ โดยไม่รู้ว่ายาที่ปัจฉิมให้มามีพิษร้ายแรง ทำให้เฮ้งซุนหงอต้องเสียชีวิต ส่วนหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงใช้กำลังภายในขับพิษออกทัน แต่ทำให้หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งต้องอาพาธ(
ป่วย ) ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงโกรธจัดไปชิงคัมภีร์กลับมาได้และสังหารโป๊ยก๋ายตายไป
“ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ ”
ภายหลังที่สามารถขับไล่ยอดยุทธพิศวาสออกไปจากตงง้วน หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งถึงแม้จะป่วยอยู่ก็สู้อุตสาห์แปลคัมภีร์นพเก้าจนเสร็จ แต่มีเนื้อหาบางตอนที่ท่านไม่สามารถแปลได้ เพราะมหาโยคีบาบาตูตู้ใช้ภาษาบาลีโบราณที่ถูกยกเลิกไปแล้ว ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้จึงเขียนทับศัพท์ไว้ เมื่อแปลจบท่านก็มรณะภาพ ก่อนตายท่านได้ฝากเรื่องคัมภีร์และพระไตรปิฏกของท่านไว้ และสังเสียว่า
“
เสียใจที่อาตมานำเพศภัยมาสู่ตงง้วนโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หวังว่าคัมภีร์ยุทธที่ท่านแปลให้ ชาวยุทธที่ได้ครอบครองจงนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เสียดายที่ท่านกลับมาหวังจะเผยแพร่พระไตรปิฏกให้เป็นที่เลื่องลือ สู้อุตสาห์ดั้นด้นไปนำมาจากชมพูทวีป มาแปลความเพื่อเผยแพร่ศาสนาแต่ไม่มีผู้คนสนใจ กลับสนใจในคัมภีร์ยุทธมากกว่า หากผู้ใดเผยแพร่พระไตรปิฏกที่อาตมานำมานี้จะประเสริฐยิ่งนัก ”
“ ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงจึงสัญญาว่าหากได้ครอบครองคัมภีร์จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่แผ่นดิน และจะนำพระไตรปิฏกไปให้กับทางราชสำนัก หาผู้สืบทอดศาสนาต่อไป ภายหลังท่านเฮ้งเตี้ยงได้ออกบวช แต่ถือศีลตามลัทธิเต๋าที่ท่านนับถือ ก่อตั้งสำนักช้วนจิ้นก้าฝึกลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงขึ้นมาหลายคน แต่สาเหตุว่ากันว่าเป็นเพราะท่านต้องการฝึกยอดฝีมือในคัมภีร์ให้ถึงจุดสุดยอด เพราะจริงๆ แล้วผู้ที่เข้าถึงสภาวะธรรมขั้นสูงเท่านั้นจึงจะสามารถฝึกสุดยอดวิชาลมปราณในคัมภีร์นั้นได้ ต่อจากนั้นเรื่องเป็นอย่างไรเป็นอย่างที่เรารู้กัน ”
(
หาอ่านเอาจากนวนิยายมังกรหยกของแท้ )(*****
ต่อมาเจตนารมย์ของหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งก็มาสมปรารถนาดังใจได้ เมื่อกาลต่อมา ปรากฎมีนักบวชอินเดียรูปหนึ่ง ได้เดินทางอัญเชิญสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าเข้ามาในเมืองจีน นักบวชท่านนี้ได้ครอบครองคัมภีร์นพเก้าในเวลาต่อมา และได้ปรับปรุงตัดทอนเนื้อหาในคัมภีร์มารนพเก้าเสียใหม่ คงเหลือแต่ วิชาลมปราณ จึงได้เปลี่ยนชื่อคัมภีร์ใหม่ เป็น คัมภีร์ฝึกลมปราณเปลี่ยนเส้นเอ็น และท่านก็เป็นคนแรกที่สามารถฝึกวิชาในคัมภีร์นี้ได้ถึงขั้นสูงสุดคือ ขั้นสีขาว
ภายหลังได้ก่อตั้งวัดขึ้นมาแห่งหนึ่ง เพื่อเผยแพร่ศาสนาและฝึกวิทยายุทธให้กับพระในวัด ภายหลังจึงมีฆราวาสสนใจมาฝึกวิทยายุทธที่วัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก จนทำให้วัดแห่งนี้มีชื่อเสียง เป็นผู้นำชาวยุทธมาหลายยุคสมัย จนถึงสมัยแมนจูขึ้นปกครองแผ่นดินจีน กลัววัดแห่งนี้เป็นที่ซ่องสุมกำลังโค่นล้มราชวงศ์ จึงเกณฑ์กองกำลังทหารมาเผาวัดแห่งนี้แล้วเอาพระบรมสารีริกธาตุไป
ส่วนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นกลับหายสาบสูญไป ปัจจุบันวัดนี้ได้ถูกบรูณะสังขรขึ้นมาใหม่ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ชื่อของนักบวชอินเดียท่านนั้นเรารู้จักกันดีนามว่า ปรจารย์ตั๊กม้อ วัดที่ท่านก่อตั้งขึ้นจนลือชื่อถึงปัจจุบันก็คือ วัดเส้าหลินนั่นเอง ****)
“ ตามที่เจ้าเล่ามานั้นน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว แต่ข้ายังสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง ”
“ ท่านพี่คงหมายถึง เหตุใดยอดยุทธพิศวาสจึงกลับเข้ามาในตงง้วนอีก ในเมื่อหายไปถึง สามสิบปีแล้ว ”
“ ถูกแล้ว ”
“ ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เพราะมีจุดที่เราไม่ทราบคือ พวกเราเอาชนะยอดยุทธพิศวาสได้อย่างไร ไฉนจึงยอมออกจากตงง้วน ”
“ อืม…แล้วทำไมถึงยอมทิ้งคัมภีร์ฝีมือไว้ แล้วเรื่องยอดยุทธพิศวาสนี่ทำไมกลับไม่มีใครพูดถึง คงมีแต่ในบันทึกของพ่อเจ้า ”
“ ข้าคาดว่า ฝ่ายเราคงเจรจากับยอดยุทธพิศวาสเรื่องคัมภีร์ทางนั้นก็ว่าเราขโมยมา ส่วนเราก็ว่าได้มาโดยชอบธรรม หากจะทวงคืนฝ่ายเราคงไม่ยอมเพราะกลัวว่าหากฝ่านนั้นได้ไปฝึกวิชาจนสำเร็จ จะไม่มีใครรับมือได้แล้ว เมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องจึงต้องประลองกัน โดยมีเงื่อนไขว่าหากแพ้ต้องถือคัมภีร์เป็นของฝ่ายเราและต้องออกไปจากตงง้วน ”
“ ก็น่าจะเป็นอย่างที่เจ้าว่า หากฝ่ายเราแพ้ยอดยุทธพิศวาสคงจะควบคุมยุทธจักรของเรา และคงเรื่องสมสู่กันระหว่างในครอบครัวอีก ”
“ ก็คงเป็นเรื่องนี้ ที่ประเพณีชาวตงง้วนเราไม่ยอมรับ ฝ่ายเราคงรู้สึกเรื่องที่เกิดเป็นสิ่งที่น่าอายจึงไม่มีใครอยากจะเอ่ยถึงเรื่องที่ผ่านมาก็ได้กระมั่ง ”
" อืม ประเพณีใครประเพณีมัน การจะมาบังคับให้เปลี่ยนประเพณีกันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง "
ก๊วยเจ๋งหยุดคิดนิดหนึ่งจึงถามต่อ
" ตอนนี้เราควรจะรับมือฝ่ายตรงข้ามอย่างไรดี "
" ข้าก็คิดอยู่เหมือนกัน หากท่านพ่อข้าอยู่คงจะดี คงจะได้ทราบข้อมูลอะไรเพิ่มบ้าง ที่เรายังวางใจได้ก็คือ ค่ายกลเกาะดอกท้อเรา ไม่มีใครบุกเข้ามาได้ง่ายๆ หากโชคดียอดยุทธพิศวาส ถลำเข้ามาในค่ายกลชั้นในไม่รู้วิธีแก้จะถูกกักขังจนตาย ขนาดเฒ่าทารกจิวแป๊ะทง ยังเคยถูกค่ายกลเกาะดอกท้อเรากักอยู่ตั้งหลายปีจนท่านพี่มาพบนั่นแหละ "
" ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีทีเดียว นี่ดึกมากแล้ว เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ "
" ไม่ข้าจะขอลงไปดูที่ห้องใต้ดินหน่อย เพื่อข้าจะคิดแนวทางอะไรได้บ้าง "
ก๊วยเจ๋งดึงร่างอึ้งย้งเข้ามาประคองกอดไว้ อึ้งย้งเอียงศรีษะซบแนบอกผายของก๊วยเจ๋ง
" อย่าหักโหมนักนะ วันนี้เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว "
" ขอบคุณท่านที่ห่วงใย "
" แล้วลูกฮู้ละ "
" ข้าจี้จุดให้นางหลับพักผ่อนตั้งแต่หัวค่ำแล้ว วันนี้ลูกเราก็เจอเรื่องหนักๆมามาก "
อึ้งย้งพูดพร้อมกับถอนใจเบาๆ แต่กระนั้นก๊วยเจ๋งก็จับความรู้สึกผู้เป็นภรรยาได้
" เจ้าหนักใจเรื่องลูกฮู้หรือ "
" อืม..ฮือ ..ข้าเพิ่งรู้ว่าลูกเราเป็นสาวก็วันนี้เอง รวมทั้งเจ้าตงยู้และซิ่วบุ้นสองพี่น้องนั่นด้วย "
" ดูว่ามันทั้งสองชอบลูกเราด้วยกันทั้งคู่ "
" นี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง แล้วค่อยคิดกันเถอะ" อึ้งย้งผละจากร่างก๊วยเจ๋ง
 
...................................................
หอคัมภีร์ ผลงานของ คุณ Cobraพิศวาสมังกรหยก1 :
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
2 :
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
3 :
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
( แว่นได้นำลงให้ คุณ cobra ตามคำอนุญาตโดยตรงที่จะแบ่งปันสมาชิกใน บอร์ด two-hitchhikers.ru.
แว่น เลยคัดสำเนาต้นฉบับมาลงชนิดไม่มีเล็ดแม้ตัวอักษรเพื่อเป็นเกียรติ์แก่เจ้าของผลงานผู้อนุญาต และไว้ใจให้ดูแลผลงานท่าน
30/8/2559 )
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน