บนเที่ยวบินระหว่างปารีส-กรุงเทพหลังจากที่สัญญาณรัดเข็มขัดดับลง ในชั้นธุรกิจ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เดี่ยวริมหน้าต่าง กำลังนั่งอ่านเอกสารด้วยความรู้สึกสับสนพร้อมจดโน๊ตไปด้วย จนเห็นแอร์โฮสเตสสาวเดินผ่านมา ชายหนุ่มจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือในสิ่งที่ตัวเองกำลังสับสนอยู่
“เอ่อ คุณครับขอโทษนะครับ”
“ค่ะมีอะไรให้รับใช้คะ”
เสียงหวานๆจากแอร์ฯสาว
“เอ่อ รบกวนช่วยเขียนชื่อพวกนี้ให้เป็นภาษาไทยหน่อยสิครับ”
เป็นคำขอที่แปลกมากจากหนุ่มไทยที่หน้าตาธรรมดา ผิวค่อนข้างคล้ำเหมือนคนที่ทำงานกลางแดด รูปร่างสูงใหญ่แบบนักกีฬาแต่งกายดูดี กางเกงสแล็ค เสื้อเชิ้ต รองเท้าหนังขัดเงาและสูทที่แขวนอยู่ข้างๆเก้าอี้ และหญิงสาวทำตามคำที่ขอหลังจากชายหนุ่มยื่นกระดาษ A-4 มาให้แผ่นหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสำเนาเพราะมีตรายางประทับคำว่า “COPY” อยู่และเอกสารแผ่นนั้นมีหัวเป็นตราครุฑ แต่เป็นภาษาอังกฤษล้วนเธออ่านคร่าวๆว่าเป็นการแจ้งชื่อผู้ติดต่อประสานงานของกระทรวงการต่างประเทศไทย และตรงรายชื่อผู้ติดต่อประสานงาน 4-5ชื่อซึ่งน่าจะเป็นเอกสารหน้าท้ายๆ เธอเห็นมีการขีดเน้นทุกชื่อและลายมือหวัดๆที่เขียนภาษาไทยออกมาแต่สะกดไม่ถูก เธอช่วยทำตามคำขอของชายหนุ่มด้วยการเขียนให้ใหม่ทั้งชื่อและนามสกุล แต่ไปสะดุดชื่อ-นามสกุลอยู่ชื่อหนึ่งเพราะชื่อนั้นเป็นชื่อของเพื่อนสนิทเธอที่เรียนมาด้วยกันที่ตอนนี้ทำงานอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย แล้วส่งคืนให้ชายหนุ่มก่อนบอกว่า
“อักษรไทยที่เขียนให้อาจจะสะกดไม่ตรงกับเจ้าของชื่อนะคะ แต่ออกเสียงถูกต้องคะ อย่างชื่อนี้เจ้าของชื่ออาจเขียนด้วยศอศาลาแต่ดิฉันเขียนเป็นสอเสือให้คะ”
เธอตอบด้วยน้ำเสียงตามปกติแต่ซ่อนความไม่พอใจไว้อย่างมิดชิด เพราะนึกว่าจะถูกจีบด้วยลูกไม้แบบใหม่ จากผู้โดยสารเพราะดูแล้วจากน้ำเสียงที่พูดออกมาของชายหนุ่มนั้นภาษาไทยชัดมาก คงจะเหมือนกับผู้โดยสารขี้หลีทั่วที่เธอเคยเจอประจำ แต่ใบหน้าของชายหนุ่มกลับแสดงความดีใจอย่างมากพร้อมคำขอบคุณอย่างจริงใจ และก้มหน้าไปอ่านเอกสารชุดนั้นต่อไป เธอเดินเข้าไปห้องครัวบนเครื่องบินเพื่อเตรียมอาหารที่จะเสริฟและแอบบ่นกับเพอร์เซอร์ที่เป็นสจ๊วตเบาๆ
“เจ๊ๆ ผู้โดยสารที่นั่งในชั้นธุรกิจนะ”
“คนไหนหรือ”
เธอบอกเลขที่นั่งไปพร้อมอธิบายสิ่งที่เธอเจอเข้าไป เพอร์เซอร์ทำหน้าสงสัยและคิดนิดนึงก่อนที่จะบอกว่า
“เดี๋ยวนะ เจ๊คุ้นๆจากรายชื่อผู้โดยสารว่า......”
ทันใดนั้นลูกเรือที่ทำหน้าที่อยู่ชั้นประหยัดวิ่งกระหืดกระหอบมา บอกว่า
“เจ๊ๆๆ พี่เตยด้วยไปช่วยหน่อยมีผู้โดยสารทำท่าจะอาละวาด คุยกันไม่รู้เรื่อง”
ทำเอาทั้งคู่รีบวางมือจากงานที่ทำอยู่ แล้ววิ่งตามแอร์ฯสาวคนนั้นไป ริกที่กำลังนั่งอ่านเอกสารที่ทางต้นสังกัดให้มาพร้อมกับพยายามที่จะอ่านภาษาไทยที่แอร์ฯช่วยเขียนให้เพื่อออกเสียงให้ชัดเจนสำหรับรายชื่อของเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศไทย แต่ก็ได้ยินเสียงดังโวยวายจากชั้นประหยัด ซึ่งภาษานั้นไม่ใช่ภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศส แต่ริกฟังภาษานั้นเข้าใจ เลยรีบเดินไปทางชั้นประหยัด และภาพที่เห็นคือ ชายผิวดำร่างใหญ่กำลังยืนพร้อมส่งเสียงดังโวยวายกับบรรดาเหล่าลูกเรือ และมีผู้หญิงที่ดูแล้วน่าจะมาด้วยกันอุ้มเด็กผู้ชายอายุไม่น่าจะเกิน 5 ขวบ ทางลูกเรือที่ยืนล้อมอยู่ดูสีหน้าตื่นตระหนก แต่มีสจ๊วตที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าลูกเรือพยายามส่งภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสอยู่แต่ผู้ชายผิวดำคนนั้นดูเหมือนจะไม่เข้าใจและส่งเสียงดังขึ้นไปอีก พร้อมทั้งชี้ไปที่เด็กที่ถูกอุ้มตลอดแต่ก่อนที่จะก้าวไป ริกเหลือบไปเห็นผู้ชายคนไทยคนหนึ่งแต่งกายที่สวมแจ็คเก็ตสีดำกำลังก้าวเข้ามา ริกยกมือขึ้นระดับเอวพร้อมส่งสัญญาณให้หยุดตรงนั้นก่อน เพราะริกดูแล้วชายคนนั้นเหมือนจะเป็นแอร์มาแชลบนเครื่องบินลำนี้ ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้พร้อมกล่าวกับ สจ๊วตคนนั้นว่า
“ขอโทษนะครับ ผมอาจจะคุยกับเขาได้”
แล้วริกเริ่มส่งภาษากับชายคนนั้นก่อนจะร้องขอกระดาษจด ซึ่งแอร์คนหนึ่งรีบวิ่งไปเอามาให้ ช่วงแรกที่สนทนาริกฟังและใช้ปากกาที่ติดมือมาจดก่อนเพื่อจะแปลเป็นภาษาไทยให้ลูกเรือฟัง เพราะภาษาที่คุยกับชายผู้นั้นคือภาษา นูบัน ซึ่งเป็นภาษาหนึ่งที่ใช้ในซูดาน ช่วงแรกๆที่ริกจดลงกระดาษเพราะริกแปลจาก ภาษานูบันเป็นภาษาอังกฤษก่อนจะถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาไทยให้ลูกเรือฟัง แล้วดูมันช้าในการหาคำเป็นภาษาไทยเลยแปลเป็นภาษาอังกฤษ อย่างเดียวหลังจากส่งภาษาด้วยความคล่องแคล่วสักครู่ชายผู้นั้นก็ส่งเอกสารชุดหนึ่งให้ริกซึ่งริกรับมาดู ก่อนที่ริกจะเดินไปจับตัวเด็กคนที่ถูกแม่อุ้มอยู่สีหน้าของผู้ชายคนนั้นดีขึ้นทันที แล้วหลังจากที่สนทนาสักครู่ ริกหันมาบอกกับสจ๊วตด้วยภาษาอังกฤษอย่างชัดเจนว่า
“ผู้ชายคนนี้พร้อมภรรยาและลูกชายและญาติอีก4 คน”
ระหว่างพูดริกพยักหน้ายังกลุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ๆกันเป็นคนซูดาน
"กำลังเดินทางไปญาติหาที่มาเลเซีย แต่จะเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศไทย แต่ตอนนี้เค้าต้องการผ้าชุบน้ำเย็นกับยาลดไข้ให้ลูกชายเค้า”
ริกชี้ไปที่เด็กที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่
“เด็กคงจะแพ้วัคซีนที่พึ่งฉีดมานะครับ”
พร้อมกับที่ริกเอาเอกสารที่ระบุเรื่องการฉีดวัคซีนที่ชายคนนั้นส่งให้ริกให้สจ๊วตดู
” เลยมีอาการไข้ รบกวนช่วยจัดให้ที่ขอด้วยเถอะครับ เค้าคงตกใจเลยส่งเสียงดัง และที่มาไม่มีใครพูดอังกฤษหรือฝรั่งเศสได้เลย”
ริกพูดพร้อมหันไปมองกลุ่มคนซูดานที่มาด้วยกันพร้อมส่งยิ้มให้ หัวหน้าลูกเรือเมื่อได้ยินคำขอได้หันไปบอกลูกเรืออีกคนให้ทำตามคำขอที่ริกบอก ส่วนลูกเรือคนอื่นๆที่ยืนดูอยู่เห็นชายหญิงคู่นั้นเดินไปเหมือนจะบอกขอบคุณริกโดยเฉพาะผู้หญิง ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ แต่ริกดูเหมือนจะปลอบโยน เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ริกหันไปส่งภาษานูบันกับคนกลุ่มนั้นอีกครั้ง ก่อนหันมาบอกเพอร์เซอร์ด้วยภาษาไทยว่า
“ผมบอกพวกเค้าแล้วถ้าต้องการอะไรรบกวนให้พวกคุณไปเรียกผมได้ตลอดครับ”
แล้วริกหันไปผงกหัวเล็กน้อยให้กับผู้ขายที่ดูเหมือนแอร์มาแชลว่าเหตุการณ์เรียบร้อยแล้วก่อนเดินกลับไปที่นั่งซึ่งเพอร์เซอร์ได้ยกไหว้ขอบคุณที่ริกเข้ามาช่วย ริกรับไหว้ด้วยความยินดี หลังจากที่มานั่งไม่เท่าไหร่ แอร์ฯคนที่ริกขอให้ช่วยเขียนชื่อเป็นภาษาไทยให้เอาอาหารมาเสริฟพร้อมด้วยเพอร์เซอร์ที่เดินมาขอบคุณริกอีกครั้ง และก่อนที่จะมีคำถามจากเพอร์เซอร์ซึ่งริกรู้ว่าจะถามอะไร ริกบอกว่าตัวริกเองทำงานให้กับ UNHCR ส่วนใหญ่จะปฏิบัติงานในแอฟริกาโดยเฉพาะที่ประเทศซูดานทำให้ริกพูดได้ทั้งภาษาอาหรับและภาษาพื้นเมืองอีก 2-3 ภาษา ก่อนที่จะย้ำว่าถ้าครอบครัวชาวซูดานจะให้ช่วยอะไรให้มาบอกได้ทันทีถึงหลับอยู่ก็ปลุกได้เลย พร้อมกล่าวคำขอบคุณแอร์ฯที่เสริฟอาหารให้ ภายในห้องครัวหลังจากที่แอร์ฯคนนั้นเดินเข้ามาเก็บรถเข็นอาหารเพอร์เซอร์ซึ่งกำลังก้มลงอ่านรายชื่อผู้โดยสารอยู่พูดมาว่า
“เตย เค้าไม่ได้หาเรื่องจีบลูกหรอก ดูจากชื่อ-นามสกุลก็ไทยแท้ แต่สัญชาติอเมริกัน ย่ะ น่าจะอยู่สหรัฐมานานแล้วเลยเขียนภาษาไทยไม่ค่อยได้ แหมแต่ดูๆก็เท่ห์เหมือนกันนะ”
เพอร์เซอร์ที่จะแอ็บแมนกับผู้โดยสารเท่านั้นพูดมาแบบนี้
“หนูก็ว่าแบบนั้นแหละเจ๊ พูดภาษาอังกฤษชัดเปรี๊ยะแถมภาษาพื้นเมืองอย่างคล่อง ไม่เห็นตัวนึกว่าคนซูดาน”
ทันใดนั้นชายที่สวมแจ็คเก็ตสีดำโผล่เข้ามาเพอร์เซอร์ที่กำลังจะคุยกับเตยเลยเปลี่ยนหันไปถามชายคนนั้นด้วยเสียงเบาๆว่า
“มีอะไรหรือครับหมวด”
ชายคนนั้นถามว่า
“ผู้ชายคนที่เข้าไปช่วยคุยเป็นใครหรือครับ”
เพอร์เซอร์เลยอธิบายเรื่องของริกให้ฟัง ทำให้ชายคนนั้นหายสงสัยแต่ไม่วายทิ้งท้ายว่า
“ไม่น่าเชื่อว่าทำงานกับสหประชาชาติ ผมเห็นท่าที่เค้ายืนตอนแรกเหมือนคนที่ได้รับการฝึกอย่างดีในการต่อสู้ด้วยมือเปล่า นึกว่าเป็นทหารซะอีก”
ชายคนนั้นเป็นแอร์มาแชลจริงๆอย่างที่ริกเข้าใจ ระหว่าที่เตยเดินไปเก็บจานอาหารเธอรู้สึกอยากไถ่โทษกับริกโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
“อยากได้อะไรเพิ่มก็บอกนะคะ”
“เอ่อ งั้นขอหนังสือภาษาไทยสัก 2-3 เล่มครับ ผมไม่ได้อ่านภาษาไทยมาหลายปีแล้ว เลยสะกดไม่ค่อยได้นะครับ เรื้อไปนาน เพราะตอนทำงานไม่ได้ใช้เลย”
เตยรับคำและหานิตยสารของสายการบินที่เป็นภาษาไทยมาให้ ริก
“อยากได้เครื่องดื่มอะไรก็บอกเลยนะคะ ต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะ ที่ช่วยเหลือเรื่องเมื่อกี้ไม่อย่างนั้นวุ่นแน่คะ”
“ไม่เป็นครับคุณ”
“เตย คะ”
“ผมริกครับ”
เธอยิ้มให้ก่อนเดินจากไป ริกนั่งอ่านหนังสือที่เธอเอามาให้สลับกับการดูรายชื่อผู้ที่ต้องติดต่อฝ่ายไทยอีกครั้ง และแอบยิ้มที่เห็นอยู่ชื่อหนึ่งที่ริกไม่มีวันลืม ชื่อนั้นที่เตยเขียนเป็นภาษาไทยให้นั้นชื่อ “กชพร” หรือเดือน สาวสวยมาดเท่ห์ที่เป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศไทย
ริกนั้นเป็นคนไทยเกิดที่เมืองไทยแต่อายุไม่ถึงขวบพ่อกับแม่ก็ย้ายไปทำงานที่สหรัฐ ทำให้ริกเติบโตที่สหรัฐ จนได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลก ริกนั้นสนใจและหลงใหลในทวีปแอฟริกามากเลยศึกษาทางด้านนี้เพิ่มเติมรวมถึงเป็นนักบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัย จนความสามารถไปเข้าตาแมวมองของหน่วยสืบราชลับของสหรัฐหรือ CIA. ริกถูกทาบทามให้เข้าร่วมงานกับองค์นี้โดยเจ้าตัวตอบรับทันที หน้าที่ของริกในตอนแรกไม่ใช่สายลับหรือเจ้าหน้าที่สนาม เป็นเจ้าหน้าที่ ทำงานนั่งโต๊ะคอยวิเคราะห์ข่าวสารที่ได้รับมาจากทวีปแอฟริกา รวมถึงคอยแปลภาษาพื้นเมืองที่ริกศึกษามาจนชำนาญ 3-4 ภาษาทั้งฟัง,พูด,อ่านเขียน ได้คล่อง เพื่อเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนปัญหาในทวีปแอฟริกามากขึ้นทั้งสงครามกลางเมืองรวมถึงปัญหาทางการเมืองและที่สำคัญคือกลุ่มก่อการร้ายต่างๆที่มีจำนวนเยอะขึ้น ทางต้นสังกัดต้องส่งให้ริกเข้าไปหาข่าวในพื้นที่โดยมีฉากบังหน้าคือเป็นเจ้าหน้าที่ UNHCR เนื่องจากจะเข้าพื้นที่ได้สะดวกแถมริกมีความสามารถในการพูดภาษาได้หลายภาษาทั้งอังกฤษ,ฝรั่งเศส,เยอรมันและท้องถิ่นรวมถึงภาษาอาหรับที่ทาง CIA ฝึกให้เพิ่มเติม รวมถึงการฝึกการใช้การต่อสู้ระยะประชิดตัวและการใช้อาวุธการแทรกซึมหาข่าว ริกทำได้ดีพอสมควรชื่อรหัสของริกคือเจนัส แต่งานของริกจะเกิดปัญหาเพราะกลุ่มชนพื้นเมืองหรือกลุ่มก่อร้ายที่มีการปะทะ รวมถึงลามมาถึงขบวนช่วยเหลือของ UN ทำให้ทีมของริกต้องได้รับการคุ้มกันจาก ทางทหารจากสหประชาชาติหรือกองกำลังทหารรับจ้างของฝรั่งเศสที่เคยเป็นประเทศที่เคยเป็นเจ้าอาณานิคมของหลายๆประเทศในแอฟริกา
แต่ถ้าเป็นงานลับๆของ CIA ริกจะได้รับการประสานหรือคุ้มกันจาก หน่วยซีล,เดลต้าฟอร์ท,หรือกรีนเบเร่ต์ แต่หน้าที่ของริกบางครั้งจะคอยชี้เป้าในการลอบสังหาร บรรดาแกนนำของกลุ่มก่อการร้ายและพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะ ส่วนพ่อกับแม่ริกนั้นสอนให้ริกใช้ภาษาไทยตลอด ริกเลยพูดภาษาไทยได้คล่องแต่อาจมีปัญหาเรื่องการเขียนการอ่าน บ้างถ้าไม่ได้ใช้นานๆแต่พออ่านได้สักพักมันจะคล่องขึ้นมาเอง ซึ่งอาจจะเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งของริกในเรื่องของการใช้ภาษา ปัจจุบันพ่อกับแม่ของริกทำธุรกิจที่กรุงวอชิงตันโดยเปิดบริษัทที่ซื้อ-ขายสินค้าประเภทอาหารซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารจากไทยมาขายที่สหรัฐ ริกมาทำงานที่แอฟริกาเกือบ 5ปีแล้ว โดยทีมงานของ UN ที่ทำงานร่วมกับริกนั้นมีผู้หญิง 2 คน คือจีน่าที่เป็นหัวหน้าทีม จีน่าเป็นคนอเมริกันผิวสีอายุมากกว่าริก 2ปี แต่มีความชำนาญในพื้นที่มากและพูดภาษาพื้นเมืองได้คล่อง ส่วนอีกคนเป็นหมอที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคระบาดเป็นสาวญี่ปุ่นคือชิโอริ ที่มาอยู่ในพื้นที่ได้ 2ปีแล้ว ชิโอรินั้นอายุจะเท่าๆกับริก ส่วนที่เหลือจะเป็นผู้ชาย 3 คน งานของทีมนี้ตามปกติคือ การดูและและช่วยการแจกสิ่งของบรรเทาทุกข์รวมถึงการรักษาโรคให้กับคนในพื้นที่และนำส่งข้อมูลถึงปัญหาและความต้องการของในสิ่งของต่างๆไปทางสหประชาชาติ ซึ่งทีมงานทั้งหมดไม่รู้ว่าริกทำงานให้ CIAด้วย
ริกนั้นมีความสัมพันธ์กับจีน่ามากกว่าหัวหน้างานและลูกน้อง เนื่องจากงานนั้นหนักและเสี่ยงอันตรายและความห่างไกลจากผู้คนทั้งคู่เลยต้องหาคนมาช่วยผ่อนคลาย ริกเข้ามาทำงานที่แอฟริกาได้ไม่ถึง 6 เดือน ก็ได้ร่วมเตียงกับจีน่า มันเริ่มมาจากที่ทั้งทีมงานกลับมาที่ค่ายที่พักหลังจากไปตรวจดูของที่พึ่งส่งมาก่อนจะนำส่งไปให้ชนพื้นเมืองที่พึ่งโดนผลกระทบ การสู้รบของพวกกบฏกับทหารรัฐบาล ระหว่างที่ริกนั่งตรวจรายงานเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน จีน่าซึ่งในชุดเสื้อกล้ามและกางเกงสนามที่ใส่ประจำได้เดินมาหาและยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะ
“ริกยาได้มาครบหรือเปล่า”
“ครบนะ แต่กลัวว่าต้องขอวัคซีนกันมาเลเรียเพิ่ม เพราะบางพื้นที่ระบาดหนักว่าที่เราคาด”
“รายงานที่ส่งมาใหม่หรือ”
“ใช่ นี่ไง”
ริกทำท่าจะยื่นส่งให้จีน่าที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะแต่จีน่าก้าวเข้ามายืนข้างริกก่อนแล้วก้มดูรายงานการระบาดของมาเลเรียซึ่งปกติจีน่าจะเป็นคนไม่หวงตัวเท่าไหร่การแต่งกายบางครั้งออกจะล่อแหลมในสายตาผู้ชาย ยิ่งวันนี้ริกแน่ใจว่าจีน่าพึ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เพราะกลิ่นกายที่หอมและใส่เสื้อกล้ามเพียงตัวเดียว ยิ่งเธอก้ม นมทั้งสองข้างที่ไม่มีอะไรห่อหุ้มก็โผล่มาให้พร้อมหัวนมที่คล้ำทำเอาริกชำเลืองมองบ่อยๆ เพราะช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยริกก็มีผู้หญิงมานอนด้วยไม่ซ้ำหน้าเพราะเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัยทำให้ช่วงนั้นริกแทบไม่ขาดผู้หญิงเลยแต่พอทำงานที่นี่ มันช่างต่างกันเหลือเกิน จีน่าเหมือนจะรู้ว่าถูกริกแอบมองหน้าอก เธอไม่พูดอะไรเพราะตัวเธอก็ขาดเรื่องนี้มานาน เพราะความที่เป็นหัวหน้าของทีมเลยต้องวางตัวให้ดูดีไม่อย่างนั้นอาจเสียการปกครอง ถึงเธอจะถูกจีบบ่อยๆเพราะจีน่าจัดว่าเป็นคนที่หน้าตาดี หุ่นดี ถึงจะผิวสีก็ตามทีแต่ครั้งนี้ด้วยอารมณ์และความต้องการทางเพศทำให้เธอต้านความรู้สึกไม่ไหว เธอหันไปมองที่ริกที่สบตาเธอ จีน่าก้มลงไปจูบริกทันทีซึ่งริกรับการจูบของจีน่าอย่างเต็มใจก่อนที่จีน่าจะกระซิบบอกริกว่า
“ไปที่ห้องดีกว่า”
แล้วจีน่าเดินไปก่อนหันมามองริกแบบเชื้อเชิญ ริกเดินตามไปทันทีพอเข้าไปในห้องของจีน่า ริกไม่รอช้ารวบกายจีน่าเข้ามาจูบอย่างดุเดือด ทั้งคู่แลกลิ้นอย่างต่อเนื่องจนร่างทั้งสองล้มทับกันบนเตียงนอน ริกถอดเสื้อกล้ามของจีน่าอย่างง่ายดาย นมของจีน่านั้นพอเหมาะกับตัว หัวนมคล้ำตามสีผิว ริกจัดการเสื้อผ้าของตัวเองทันทีแล้ว เอาควยที่ยังแข็งตัวไม่เต็มที่ไปจ่อที่ปากของจีน่าโดยที่ไม่สนใจว่าหญิงสาวจะตอบสนองหรือไม่ จีน่ารีบผงกหัวขึ้นมาพร้อมใช้มือรูดควยของริกไปมาก่อนที่จะเอาปากครอบพร้อมเอาลิ้นไล้ไปมา ริกสูดปากเบาๆเพราะจีน่าสนองตอบโดยไม่ขัดขืน จนควยของริกพองขยายเต็มที่ ริกค่อยถอนควยออกจากปากจีน่า ที่ยังดูเหมือนเพลิดเพลินกับควยของริกไม่หาย ริกก้มลงไปจูบกับจีน่าอีกครั้ง เธอตอบสนองอย่างดี ก่อนที่ริกจะลงไปดูดนมของเธอทั้งสองข้างริกดูดสลับไปมากับหัวนมสีคล้ำไม่ก็รวบเข้ามาชนกัน จีน่าสนองตอบริกเป็นอย่างดี อารมณ์สาวที่มันซ่อนอยู่มานานมันระเบิดออกมาวันนี้จากชายหนุ่มเอเชีย ที่เธอแอบมองมานานแล้ว พอริกเริ่มปลดกางเกงเธอ จีน่าช่วยอำนวยความสะดวกให้ทันทีจนตัวนอกตัวในหลุดออกจากร่างกายอย่างง่ายดาย ตอนนั้นเธอพร้อมที่จะให้ริกสอดใส่แต่ริกเมื่อเห็นหมอยประปรายที่ปกคลุมเนินหีของจีน่า ริกก้มลงไปจูบเบาๆ ทำเอาจีน่าดิ้นพล่าน แต่แล้วริกก็จับเธอนอนตะแคงก่อนที่ริกจะพลิกตัวเอง ไปทางด้านเท้าของเธอ ก่อนที่จะฝังหน้าเข้าไปที่โคกหี
ส่วนจีน่าไม่รอใช้ใช้ปากจัดการกับควยของริกอีกรอบ ความรู้สึกเสียวที่ห่างหายไปนานกลับมาครอบงำทั้งคู่อีกครั้งหลังจากที่เก็บมานาน จีน่าทั้งๆที่เสียวเพราะโคกหีเธอเจอลิ้นที่ชำนาญอย่างริก แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ตั้งหน้าตั้งตาดูดเลียควยของริกให้สมใจอยากที่ห่างหายมานาน ริกก็เช่นกัน เค้าแอบมองเรือนร่างของเธอมาตลอด จนทั้งคู่เริ่มทนไม่ไหวเพราะพิษสงจากปากของอีกฝ่าย จีน่าพลิกให้ริกนอนหงาย ก่อนกลับตัวมานั่งคร่อม พร้อมเอื้อมไปหยิบถุงยางที่จะมีไว้แจกเจ้าหน้าที่และชาวบ้านมาสวมที่ควยริก ก่อนที่จะหย่อนตัวเอาโคกหีของตัวเองสวมทับ ริกค่อยๆแอ่นตัวดันขึ้น จีน่าทับจนสุดก่อนจะเริ่มโยกตัวพร้อมจับเอามือของริกให้มาประคองที่บั้นท้ายอันเต่งตึงของเธอด้วย ทั้งคู่ครางอย่างแผ่วเบาท่ามกลางเสียงลั่นของเตียงสปริงตามจังหวะที่ทั้งคู่โยกตัว แล้วจีน่าโยกตัวเร่งจังหวะขึ้นพร้อมกับริกที่บีบเค้นก้นที่งอนงามของจีน่า แล้วจีน่าก็ครางออกมาถี่ๆก่อนที่จะซบตัวไปทับตัวริกพร้อมกับริกที่ผวาขึ้นทั้งคู่กอดกันแน่นพร้อมเสียงหอบเหนื่อย จีน่าบดปากขยี้จูบกับริกอย่างแรงก่อนที่จะพลิกตัวลงมานอนข้างๆ ริกค่อยๆขยับตัวอย่างเหนื่อยอ่อนพร้อมถอดถุงยางที่ชุ่มไปด้วยน้ำรักมาใส่ตะกร้าขยะก่อนจะพลิกตัวไปนอนจีน่า ซึ่งนอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขที่พึ่งได้รับ ริกหอมแก้มของจีน่าเบาๆ
“สบายตัวเลยละซิ”
จีน่าพูดมาทั้งๆที่หลับตา
“ก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ”
ริกตอบจีน่าลืมตาขึ้น ตาทั้งคู่สบตาอย่างบ่งบอกความหมายของที่เกิดขึ้นว่ามันเพื่อความผ่อนคลายของทั้งคู่เท่านั้น ริกยื่นหน้าไปจูบซึ่งหญิงสาวตอบรับแบบเต็มใจ ริกพลิกตัวขึ้นมาทับบนตัวจีน่า ก่อนกระซิบว่า
“ครั้งนี้ผมขออยู่ข้างบนนะ”
จีน่าแสดงอาการตอบรับอย่างเต็มใจมากกว่าคำพูด หลังจากนั้นทังคู่ก็กลายเป็นคู่ขากันเมื่อมีโอกาส รวมถึงเวลาเข้ามาที่ตัวเมืองหรือไปประชุมที่ประเทศต่างๆถ้าทั้งคู่ไปด้วยกันจะนอนพักห้องเดียวกันตลอด ทั้งคู่ต่างปรนเปรอให้ต่างฝ่ายอีกอย่างเต็มที่ แต่ไม่มีอะไรไปมากกว่าคู่ขาเพื่อคลายเหงา จนชิโอริเข้ามาร่วมทีมในฐานะแพทย์แทนคนเดิมที่เสียชีวิตจากการโดนลูกหลงของการถูกซุ่มโจมตี ชิโอริปรับตัวได้เป็นอย่างดีเพราะจีน่าเป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำแถมยังมีริกที่เป็นคนเอเชียเหมือนกับเธอคอยช่วยเหลือรวมทั้งเป็นล่ามให้บางครั้งเวลาที่เธอรักษาคนป่วยชาวพื้นเมืองถ้าหมอที่เป็นคนพื้นเมืองติดทำการรักษาผู้ป่วยอยู่ไม่สามารถมาเป็นล่ามให้เธอได้ การทำงานในพื้นที่แบบนี้มันสมกับความตั้งใจของเธอที่ตั้งใจไว้ตั้งตอนเรียนแพทย์ที่ญี่ปุ่น เมื่อมีโอกาสเธอรีบคว้ามาทันทีทั้งๆที่รู้ว่าชีวิตจะลำบากทั้งเสี่ยงอันตรายจากหลายๆเรื่องแต่เธอก็ไม่ทิ้งความตั้งใจนั้นๆ แต่ตอนที่เธอมาช่วงแรกๆเวลาพักในค่ายพักเธอต้องพักห้องเดียวกับจีน่าไปก่อน แต่เธอสงสัยว่าช่วงดึกๆจีน่ามักจะหายตัวไปจากห้องแล้วกลับมาอีกทีตอนเช้ามืด ซึ่งเธอก็ไม่กล้าถามได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้ แต่แล้วมาวันหนึ่งความสงสัยของเธอก็กระจ่าง เป็นวันที่เธอออกไปรักษาคนไข้ที่เป็นคนพื้นเมืองที่บ้านไม่อยู่ห่างจากค่ายพักมากนัก ชิโอริออกไปพร้อมกับหมอที่เป็นคนในพื้นที่แต่เพราะคนไข้มีจำนวนมากทำให้เธอกลับเข้ามาที่ค่ายดึกกว่าที่คาดคิด ด้วยความเหนื่อยล้าเธอตรงกลับเข้าห้องพัก แต่พอเธอไปถึงประตูห้องเธอได้ยินเสียงบางอย่างลอดออกมา ชิโอริเลยลองเอาหูแนบซึ่งเสียงที่ลอดออกมานั้นคือเสียงสปริงของเตียงที่ดังเป็นจังหวะและเสียงครางของคนสองคน ที่ใครก็ฟังบอกว่ามันคือเสียงของอะไร
ชิโอริเลยตัดสินใจแง้มประตู ซึ่งพบว่าประตูไม่ได้ล็อคเธอมองลอดเข้าไปในช่องที่แง้มออก ภาพที่เห็นทำเอาเธอถึงกับตะลึง สิ่งที่เธอสงสัยมานาน มันได้มีคำตอบให้กับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ เพราะจีน่ากำลังนั่งโยกอยู่บนตัวริกที่นอนหงาย ทั้งคู่เปลือยเปล่า และครวญครางอย่างได้อารมณ์และที่สำคัญควยที่มันผลุบๆโผล่ๆของริกมันช่างใหญ่เหลือเกินทำเอาปลุกอารมณ์ของชิโอริได้อย่างดี พร้อมที่เธอได้ยินเสียงของจีน่าครางออกมาว่า
“โอ๊วริก เร็วๆหน่อยชั้นกลัวชิโอริจะกลับมา”
“กลัวอะไรกลับมาเราก็ชวนเข้าร่วมด้วยสิ”
ริกนั้นพูดไปเพราะอารมณ์โดยไม่คิดว่าชิโอริจะได้ยิน แล้วจีน่าก็โยกตัวเร็วขึ้นก่อนท่ามกลางเสียงครวญครางของริกที่กำลังเอามือจับนมจีน่าไปด้วยก่อนที่จีน่า จะลุกขึ้นแล้วเลื่อนตัวเอาปากลงมาอมควยของริกพร้อมผงกหัวเร่งอีก2-3ครั้ง ก่อนที่ริกจะร้องออกมายาวๆ แต่จีน่ายังใช้ปากดูดเลียควยของริกอยู่ ก่อนที่ชิโอริจะค่อยๆปิดประตูแล้วเดินออกมา
ชิโอริเดินระงับอารมณ์ที่มันเกิดขึ้นมาเพราะภาพบทรักที่ดูดุเดือดของทั้งคู่อามรณ์สาวของเธอคลุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่โกรธริกเพราะคำพูดที่พูดออกมา เธอเข้าใจว่ามันเป็นอารมณ์ต่อเนื่อง เธอตัดสินใจเดินไปที่ห้องทำงาน ก่อนไปนั่งสงบสติที่โต๊ะของเธอ ชิโอริพยายามยามทำใจให้สงบแต่ภาพควยของริกมันติดตาเธอเหลือเกิน เธอหยิบตำราแพทย์ขึ้นมาอ่านเพื่อจะระงับความพลุกพร่านของอารมณ์ ทั้งๆที่อ่านไม่รู้เรื่อง แต่เธอทำเพื่อให้ลืมสิ่งที่เธอเห็นและนึกได้ว่าทำไมจีน่าถึงได้หายไปบ่อยๆ เพราะแบบนี้นี่เองแต่เธอก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวใครจะเกี่ยวข้องกันยังไงถ้าไม่กระทบต่องานก็ไม่มีปัญหาเพราะที่ผ่าน ทั้งริกและจีน่าก็ทำงานร่วมกันอย่างดี ไม่มีการเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เธอมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นริกกำลังเดินกลับที่ห้องพัก เธอนั่งรออยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินกลับไปที่ห้องพักของเธอ ชิโอริเห็น จีน่าอยู่ในชุดเสื้อคลุมเหมือนพึ่งอาบน้ำเสร็จ เตียงนอนของจีน่าดูไม่เรียบเท่าไหร่เหมือนรีบร้อนที่จะจัด
“อ้าวชิโอริมาพึ่งมาถึงหรือ”
จีน่าทักขณะที่ชิโอริเดินไปที่เตียง เธอวางเป้ที่สะพายบนเตียงก่อนตอบว่า
“มาถึงตั้งนานแล้วแต่ไปนั่งทำรายงานที่ห้องทำงานก่อนนะ”
จีน่าพยักหน้ารับรู้โดยไม่เฉลียวใจว่า ชิโอริได้มาเห็นฉากเด็ดของเธอกับริกเข้าให้แล้ว ก่อนที่ชิโอริจะหยิบของเพื่อเตรียมไปอาบน้ำ ระหว่างที่ให้ความเย็นของน้ำที่พุ่งจากฝักบัวมาเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้ารวมถึงผ่อนคลายจากสิ่งที่เธอพึ่งเห็น แต่ระหว่างที่เธอลูบไล้ไปถึงโคกหีนิ้วของเธอไปแตะที่ร่อง ทำเอาชิโอริเริ่มเคลิ้มพร้อมจินตนาการที่กำลังมา แต่แล้วเธอก็หยุดทันทีเพราะนี่มันคือห้องน้ำรวมมีแค่พลาสติกที่กั้นเท่านั้น ชิโอริหยุดปลายนิ้วที่กำลังล้วงเข้าไปในรูหีของตัวเองทันที ก่อนจะรีบอาบน้ำให้เสร็จแล้วรีบแต่งตัวก่อนจะกลับมาที่ห้อง เธอเห็นจีน่าหลับแล้ว ชิโอริจึงล้มตัวนอนบนเตียงนอนของด้วยความรู้สึกที่ยังค้างคาจากห้องน้ำ เธอจัดการห่มผ้าให้มิดชิดก่อนชำเลืองมองไปที่จีน่าที่นอนเตียงข้างๆจีน่าพลิกกายตะแคงนอนหันหลังให้เธอ ชิโอริจึงเริ่มเอามือล้วงเข้าไปในกางเกงส่วนอีกข้างลูบคลำหน้าอกที่เต่งตึงของเธอ พร้อมบีบเคล้นไปมาอย่างเบาๆ ส่วนนิ้วมืออีกข้างเริ่มกรีดไปตามร่องก่อนที่จะล้วงเข้าไป เธอเริ่มจินตนาการว่าผู้ชายที่กำลังขย่มเธออยู่คือริก เพราะภาพควยของริกมันติดตาเธออยู่ตลอด ชิโอริห่างหายเรื่องนี้ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เธอพยายามกลั้นเสียงไม่ให้มันดังออกมา ยิ่งเธอคิดว่าริกกระเด้าเธอแรงขึ้นเธอยิ่งเอานิ้วล้วงให้เร็วขึ้นพร้อมบีบเคล้นนมตัวเองให้หนักขึ้น จนเธอเกร็งไปทั้งร่างและถอนหายใจยาวๆ
เธอคิดว่าสิ่งที่เธอพึ่งทำไปมันคงช่วยผ่อนคลายอารมณ์ที่พลุกพล่านของเธอได้ แต่เปล่าเลยชิโอริพยายามข่มตานอนให้หลับ แต่ภาพที่เธอเห็นมันติดตาอยู่ตลอดเป็นเพราะอะไรเธอก็ไม่เข้าใจ จังหวะที่เธอพลิกตัวหันไปทางเตียงของจีน่า เธอเหลือบไปมองอย่างไม่ตั้งใจ ผ้าห่มที่ร่นขึ้นมาจนถึงขาอ่อน ในสายตาของชิโอริ จีน่าถึงจะเป็นคนผิวสีแต่เธอดูสวยหุ่นดีจนชิโอริอิจฉาในรูปร่างของจีน่า และภาพที่เห็นในตอนนี้มันปลุกอารมณ์ของเธอที่ยังไม่สงบขึ้นมาอีก ชิโอริพยายามหักห้ามใจตัวสิ่งที่ต้องการมันเรียกร้องบงการจิตใจของเธอ ชิโอริลุกขึ้นจากเตียงก่อนก้าวไปที่เตียงของจีน่าก่อนนั่งลง จีน่าคงรู้ตัวว่ามีคนมานั่งบนเตียงเธอพลิกตัวพร้อมลืมตาขึ้นและเห็นชิโอริที่มานั่ง พอเธอจะถาม ชิโอริที่รออยู่แล้วก็ก้มหน้าลงมาเอาปากประกบกับเธอทันที จีน่าตอนนั้นตกใจมากไม่นึกว่าเพื่อนสาวจะจู่โจมแบบนี้พยายามจะผลักตัวชิโอริให้พ้นตัว แต่พอเจอชิโอริเอามือล้วงไปในเสื้อกล้ามที่ใส่นอนตัวเดียวและบี้หัวนมไปมา พร้อมกับรสจูบอันร้อนแรงของผู้หญิงด้วยกัน ทำเอาจีน่าถึงกับอ่อนปวกเปียกทันที มือที่จะดันกลับเปลี่ยนมาโอบกอด ถึงรสสวาทที่ได้จากริกเมื่อตอนค่ำจะเต็มที่แต่เจอแบบนี้เข้าไปอารมณ์ของจีน่าก็พลุกพล่านอีกครั้ง จีน่ารับการจูบของชิโอริอย่างเร่าร้อน พร้อมรั้งร่างลงมาให้ทับบนตัวเธอ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นตามความต้องการทางเพศ จีน่านั้นไม่เคยนอนกับผู้หญิงด้วยกันมาก่อนเลยในชีวิต แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันคงมาจากส่วนลึกของเธอเองที่อยากทดลองมีความสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน และพอชิโอริมาปลุกอารมณ์ส่วนนี้ของเธอทำให้เธอยอมรับทันที
ส่วนชิโอรินั้นก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเพศเดียวมาก่อนเช่นกัน แต่ทุกอย่างมันเกิดเพราะอารมณ์ของเธอทีมันคุและไม่สามารถดับลงได้จากการช่วยตัวเอง แถมจีน่ายังตอบสนองอย่างดี เธอเริ่มซุกไซร้ไปตามซอกคอและใบหูสลับไปมาก่อนที่จะถอดเสื้อกล้ามของจีน่าออกแล้วก้มลงไปดูดดื่มกับเต้านมของจีน่า ทำเอาจีน่าครางออกมาอย่างลืมตัวพร้อมกดหัวของชิโอริให้แนบแน่นลงไปอีก จีน่าปล่อยให้ชิโอริดูดดื่มกับเต้านมของเธอครู่ใหญ่ ก่อนที่เธอจะถอดเสื้อชิโอริออกบ้าง และปลดยกทรงด้วยความช่วยเหลือของเจ้าของอย่างเต็มใจ เต้านมที่ขาวพร้อมหัวนมสีน้ำตาลอ่อนปรากฏอยู่ตรงหน้า ชิโอริรู้ทันทีว่าต้องทำอะไร เธอเอาเต้านมไปจ่อที่ปากของจีน่า ก่อนที่จีน่าจะใช้ลิ้นเลียและดูดทั้งสองเต้าสับไปมา ชิโอริเริ่มครางออกมา จีน่าฟอนเฟ้นเต้านมคู่งามพร้อมกับกัดไปเบาๆ แล้วทั้งคู่ต่างช่วยกันปลดท่อนร่างออกจากตัวอย่างรวดเร็ว เมื่ออารมณ์จากการปลุกเร้าถึงขีดสุด แต่ชิโอริ กลับก้มหน้าลงไปที่โคกหีของจีน่าก่อนที่จะใช้ลิ้นเลียพร้อมสลับดูดที่เม็ดแตดที่บานขยายออกมา ทำเอาจีน่าครางไม่เป็นภาษาเพราะที่ผ่านมาเจอลิ้นของผู้ชาย ครั้งนี้เจอลิ้นของผู้หญิงที่รู้ว่าจุดไหนจะเป็นจุดกระตุ้นได้ดีที่สุด มือของเธอกำที่หมอนแน่นและส่ายตัวไปมา ชิโอรินั้นก็เต็มกลั้นเต็มทีหลังจากลงลิ้นที่โคกหีของจีน่าได้สักพักเธอเลื่อนตัวขึ้นมานมของทั้งคู่แนบกันสนิท สีผิวของทั้งคู่ตัดกันอย่างดี ปากคู่ทาบกันแล้วจีน่าพลิกตัวขึ้นมานอนทับชิโอริบ้างก่อนที่จะเลื่อนหน้าไปที่โคกหี ที่หมอยสีดำที่ตัดกับร่างขาวที่ปกคลุมโคกหีอยู่ จีน่าก้มลงไปเลียทันที สิ่งที่อยู่ใต้จิตสำนึกหรือภาพที่เคยเห็นในหนังสือหรือหนังที่เกี่ยวกับเลสเบี้ยนตอนนี้มันเกิดขึ้นกับตัวเธอ ชิโอริเป็นฝ่ายครางบ้างเมื่อเจอลิ้นที่ของจีน่าเข้าไป
เธอเอามือจับที่หัวของจีน่าพร้อมแอ่นตัวรองรับลิ้นของเพื่อนสาวทำเอาเธอครางไม่เป็นภาษา ก่อนที่จีน่าจะหยุดเลียหีที่ชุ่มไปทั้งน้ำลายและน้ำของเจ้าตัว ทั้งคู่รู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อเมื่อจีน่าเลื่อนตัวขึ้นมา ต่างตะแคงตัวเข้าหา แลกจูบกันทีก่อนที่จะเอานิ้วของตัวเองล้วงที่หีของอีกฝ่าย นมของทั้งคู่ต่างแนบสนิทกันอีกครั้ง สลับกับการแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม จนทั้งคู่ต่างเร่งนิ้วเข้าใส่กันแล้วเกร็งตัวในเวลาไล่ๆกัน ก่อนที่จะสบตากันแล้วจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้ง
“มันเกิดอะไรขึ้น”
จีน่าถามอย่างเหนื่อยหอบ
“เธอไม่โกรธชั้นนะจีน่า”
ชิโอริพูดอย่างสำนึกผิดพร้อมความอาย
“ชั้นอยากรู้ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นหมอ”
จีน่าถามพร้อมกอดชิโอริแน่นขึ้น ชิโอริสบตาจีน่าก่อนที่จะหลบตาเพราะความรู้สึกอายเกิดขึ้นมาแทนอารมณ์พลุกพล่าน
“จริงๆชั้นก็ไม่ใช่แบบนี้นะจีน่าแต่ชั้นห้ามอารมณ์ตัวเองไม่อยู่เพราะ ตอนที่ชั้นกลับมาชั้นเห็นเธอกับริกพอดี”
จีน่าเบิกตากว้างขึ้น พร้อมความรู้สึกอายที่เกิดขึ้นที่มีคนเห็นเธอเย็ดกับริกความลับที่ปิดมาหลายปีมีคนมารู้แล้วหรือนี่แต่เธอพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติก่อนที่จะหอมแก้มชิโอริเบาๆ
“หมอคงไม่บอกใครใช่มั้ย”
ชิโอริสบตาจีน่าพร้อมส่ายหน้าก่อนที่จะบอกว่า
“เรื่องส่วนตัวของเธอกับริกนะจีน่า ฉันไม่บอกใคร รวมถึงเรื่องนี้ถ้าเธอโกรธฉันขอโทษ”
จีน่ายิ้มอย่างเข้าใจเพราะบทรักของริกกับเธอมันดุเดือดจริงๆ ใครมาเห็นคงอดใจไม่ไหว
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจหมอแต่เรื่องแบบนี้อย่าให้เกิดบ่อยนะ ฉันก็ไม่ใช่เลสเบี้ยน แต่ถ้าหมออยากผ่อนคลายบ้างฉันก็ไม่ว่า”
“แล้วกับริกละ”
“ฉันกับริกไม่มีอะไรไปมากกว่าคู่ขา ระบายออกมาแล้วก็หมดกัน เข้าใจตามนี้นะ”