ชั่วนิจนิรันดร 12 BY Man M.16 (Man M.16 และ wattana2015 คนเดียวกันนะครับ)แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ชั่วนิจนิรันดร ตอนที่ 12 เปิดตัวเณรแก้วจอมอาคมความเดิม ตัดฉากจากอารมณ์ความเสียวที่ร้อนแรงในคุ้มเจ้ายอดฟ้าที่กำลังดำเนินไปตามครรลองของมันเสียก่อน เหตุการณ์นั้นยังยาวนานไปทั้งราตรีนี้แน่นอน ตัดไปที่พระเอกของเรากันก่อนตกหล่นจากช่วงเวลามาพอสมควร แล้วพระเอกของเรานั้นตั้งแต่ไม่ได้พบหน้าสาวเจ้าที่ตนเฝ้าแอบรักสาวแก้วของเรานั่นเองก็เศร้าซึมวันๆแทบไม่มีสมาธิที่ทำกิจใดๆที่เคยทำเป็นกิจวัตร ในกุฏิคืนนี้แม้ยังอยู่ในเพศบรรพชิตถือครองผ้าจีวรอยู่ก็ตามแต่ความรักที่เป็นความทุกข์อย่างหนึ่งในโลกก็ยังตามมาหลอกหลอนให้เจ้าหนุ่มเอกของเรานั้นเฝ้าคำนึงคิดถึงแต่วงใบหน้างามของสาวอันเป็นที่รักไม่เสื่อมคลายแม้แต่น้อย นึกไปให้ห่วงหาอาทรในตัวน้องนางแก้วเพิ่มขึ้นทุกๆวันพระเอกหรือสามเณรเอก (ทางเหนือล้านนาเรียก
สามเณร ว่า
พระ เรียก
พระสงฆ์ ว่า
ตุ๊หรือตุ๊เจ้า) นั้นนอนทรมาน ผ้าเหลืองร้อนในกุฏิหลายคืนด้วยนางอันเป็นที่รักหรือน้องแก้วหลบหน้าเพราะความที่สาวน้อยรู้สึกผิดต่อเขาที่เธอนั้นเสียท่าให้เจ้านายน้อยหนุ่มแห่งคุ้มยอดฟ้าไป แต่เจ้าหนุ่มที่อยู่ในผ้าเหลืองไม่ทราบสาเหตุและความเป็นไปที่ว่าเพราะตัวเองอยู่ในเพศบรรพชิตเลยยุ่งเกี่ยวกับทางโลกไม่ได้ ได้แต่ทรมานใจเพราะความคิดถึงแทบไม่เป็นอันกินอันนอนจนไม่มีสมาธิที่จะทำสิ่งใด
ตอนกลางวันตอนรียนกับท่านครูบาแสนเมืองท่านพระอาจารย์ก็ท่องบทสวดต่างๆผิดๆถูกๆ ความที่ท่านครูบาท่านเป็นพระสงฆ์ที่ญาณอันแก่กล้าท่านจึงล่วงรู้ความเป็นไปของศิษย์รักว่ากรรมเก่าของเจ้าตัวที่ผูกเวรสร้างกันมาตามมาทันเสียแล้ว ครูบาท่านเห็นอาการดังว่านี่ถึงกับส่ายหน้าแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เรื่องของจิตใจและกรรมเก่าของเจ้าตัวที่ผูกเวรกรรมก่อนหน้ามาแต่หนหลัง ท่านทำได้เพียงไล่เจ้าลูกศิษย์ตัวดีที่มีความรักแน่นอกนั้นไปนั่งทำสมาธิให้ใจหายฟุ้งซ่านก็เท่านั้น
เณรเอกนั้นได้เรียนปลุกเสกกุมารรักยมที่ทำจากไม้ตะเคียนทองคู่หนึ่งที่ได้ตำรามาจากผู้เป็นบิดาที่เป็นทหารกล้าเก่าแห่งเมืองนันทบุรีศรีเมืองน่านทิ้งไว้ให้เป็นวิชาที่ตกทอดมาในตระกูลของเขามาแสนนาน นัยว่าใช้เพื่อเสริมฤทธิ์และส่ง เสริมเพิ่มพลังอำนาจขณะใช้เวทย์มนต์ใดจะช่วยมีพลังเพิ่มขึ้นโดยที่ท่านพระครูบาแสนเมืองท่านไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน เขานั้นเรียนคาถาล่องหนมหาเวทย์วิรุญจำบังมาจากครูบาแสนเมืองได้ชั่วเวลาใหญ่ๆแล้ว ท่านนั้นสอนเพื่อให้เขาไว้ใช้ยามบวชเรียนจบและสึกออกมาเป็นขุนทหารผู้กล้าแห่งนครนันทบุรีศรีเมืองน่านเพราะช่วงนี้เมืองยังไม่ได้สงบปราศจากไฟสงครามจริงๆนัก
ด้วยความที่จิตยังว้าวุ่นทำให้ยังใช้คาถาอันเรืองฤทธิ์ได้ไม่สำเร็จเสียที จิตไม่มีสมาธิเพราะผู้สาวเจ้าคนสวยหนีหน้านั่นเอง แต่ในขณะนี้หนุ่มเอกของเรานั้นพยายามทำสมาธิเพราะมีจุด มุ่งหมายที่จะนำวิชาไปใช้นั่นเอง จึงพยายามเข้าสู่สมาธิและกำหนดสภาวะจิตให้มั่นคงในสมาธิตัดความกังวลภายนอกออกไป จนจิตเข้าสู่สภาวะนิ่ง หูค่อยๆจับเสียงธรรมชาติรอบตัว เสียงจักจั่น จิ้งหรีด เรไรร้องกังวานทั่วแล้วค่อยๆเงียบลงๆจนไม่ได้ยินเสียงอันใด จิตเหมือนอยู่ภวังค์แห่งสมาธิอันแรงกล้าจนอิทธิฤทธิ์ของคาถาอันเรืองอำนาจเริ่มแสดงผลเจ้าตัวเริ่มมองเห็นร่างของตนเริ่มโปร่งแสงคล้ายๆจะหายตัวได้ รักยมกุมารจากไม้ตะคียน ทองเริ่มให้พลังเสริมพระเวทย์แก่ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของทีละน้อยๆจนในที่สุดก็ใช้คาถาล่องหนมหาเวทย์วิรุญจำบังสำเร็จจนเป็นผลตามที่เจ้าตัวปรารถนา
อา... ราตรีนี้ยังอีกยาวทีเดียว เจ้าหนุ่มของเราผู้ร้อนวิชาก็ก้าวเท้าลงจากกุฏิด้วยความเงียบสงัดอันเป็นใจในราตรีนั้น เขาเดินทางก้าวเท้าไปสู่เรือนคุ้มยอดฟ้าเพื่อไปหาหญิงงามผู้เป็นเจ้าแห่งดวงใจทันที กรรมเวรเก่าแต่หนหลังที่ทุกคนผูกเวราร่วมกันมาอันแก่กล้านั้นจักแสดงผลของมันในอีกไม่ช้าไม่นานในกาลข้างหน้าที่จะถึงนี้เอง ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดโศกนาฏกรรมใดกันต่อไป
 
“อูยยยย... เจ้าน้อยเจ้า เอ็นดูข้าเจ้าตวย(ด้วย) ข้าเจ้าใจจะขาดแล้วววว...”
“อี่นางน้อย(สาวน้อย)เจ้าบ่ต้องกั๋วอะหยั๋ง(เจ้าไม่ต้องกลัวอะไร) ข้าจะหยะหื้อเจ้ามีความสุขตี่สุด(ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขที่สุด)บ่ต้องห่วง แล้วจะดีเอง”
“อ๊ายยยย... ข้าเจ้าจั๊กกะเดียม(จั๊กกระจี้)เจ้าบ่ดีไซ้ตางนั้น(ตรงนั้น)”
แก้วสาวน้อยคนสวยผวาร้องขึ้นมาเมื่อเจ้าหนุ่มแหย่ลิ้นลงเลียรูสะดือสวยวนไปมาจนเธอสยิวขนลุกไปทั้งร่าง ยังไม่พอบางจังหวะยังแอบมีดูดเล่นเสียอีก เมื่อเห็นสาวน้อยดิ้นพร่านก็เลยเปลี่ยนมุมไล้เรียวลิ้นไล่ลงมาที่หน้าท้องน้อยสวยของแก้วสาวน้อยที่ราบเรียบไร้ไขมันส่วนเกินใดๆ เมื่อเห็นหน้าท้องสวยๆนั้นเจ้ายอดคำก็พรมจูบและดูดรุนแรงด้วยอารมณ์หื่นกาม เขาดูดแรงๆและขบฟันเบาๆให้สาวน้อยเสียวสะท้านไปทั้งร่างเพราะความที่ยังอ่อนเชิงกว่ากันนัก
 
รักยมทั้งสองตนรีบนำสาวแก้วคนสวยไปไว้ที่ห้องนอนของหล่อนทันที แล้วชะตากรรมเจ้ายอดคำหนุ่มเจ้าชู้แห่งยุคล่ะจะเป็นอย่างไรกันหนอ นางผีเรือนสาวยื่นมือสวยไปที่เจ้าชะโดของเจ้าน้อยยอดคำ และแล้วนางก็ชักว่าวให้เจ้ายอดคำทั้งๆที่เจ้าตัวสลบไสลไม่ได้สตินั่นแหละ เจ้ายอดคำช่างสมกับเป็นจอมกระดอแห่งปฐพีจริงๆเจ้าชะโดที่หลับไหลตื่นยืดยาวขึ้นมาตามมือสวยๆของแม่ผีเรือนสาวสวย แล้วนางก็จับเจ้าชะโดน้อยนั้นยืดออกให้ยาวขึ้นพร้อมจับมัดเป็นปมเชือกหลวมๆ เณรเอกเห็นที่แม่ผีเรือนสาวทำให้แล้วอดหัวเราะสะใจไม่ได้ที่แก้เผ็ดไอ้จอมเจ้าชู้หนุ่มที่แอบมาเผด็จสวาทสาวแก้วที่ตนรักเสียได้ เอาล่ะแก้เผ็ดได้แล้วก็เครียมตัวกลับกุฏิเสียทีก่อนที่จะเกิดเรื่องไม่ดีกันขึ้นอีก...
เพราะเหตุว่าเณรเอกรู้ตนเองนั้นบวชเรียนมาแต่เล็กและท่านครูบาแสนเมืองท่านก็สอนให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ใครทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลกรรมตอบแทนเสมอ ท่านสอนอยู่เสมอว่าทำสิ่งใดก็ตามแต่ทำแต่พอควร แต่อย่าผูกเวรพยาบาทกับผู้ใดเป็นเวราแก่กันจนกรรมนั้นแก่กล้า กรรมนั้นถ้าเป็นเรื่องดีมันก็ดีแต่ถ้าเป็นเรื่องชั่ววันข้างหน้าจะต้องมีการเกิดมาล้างกรรมเก่าของตนเสมอไม่มีใครผู้ใดหนีกรรมพ้น
ท่านให้เหตุผลประกอบไว้ดูราแต่พระพุทธเจ้าท่านก็ยังมีเศษกรรมจนมีคนตามมาทำให้ท่านบาดเจ็บพระบาทห้อพระโลหิตนั้นก็คือพระเทวทัตตามทวงเวรานั่นเอง แต่ตัวผู้ทำกรรมนั้นกลับได้รับผลเอนกอนันต์จนธรณีสูบเพราะรับน้ำหนักแห่งผลบาปของสัตว์นรกไม่ไหวต้องตกสู่นรกมหาอเวจีชั่วกัปชั่วกัลป์... เหตุที่ท่านสอนไว้เพราะท่านรู้ว่าลูกศิษย์ของท่านได้จักได้รับผลกรรมแต่ชาติปางก่อนตามมาผจญ และผู้เป็นเจ้ากรรมของลูกศิษย์นั่นก็คือเจ้าน้อยยอดคำนายน้อยแห่งคุ้มยอดฟ้านั่นเอง มีรักก็โดนพรากเสียซึ่งคนที่ตนรักดั่งเช่นตอนนี้ที่สาวแก้วหนึ่งในผู้อยู่ในห่วงกรรมต้องมาชดใช้ในชาตินี้นั่นเอง...
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน