***จากผู้เขียน***
ใจจริงผมอยากให้เรื่องนี้จบไปแบบค้างคา เพราะพระเอกเลือกที่จะเดินจากมาเพื่อนาคตที่ก้าวหน้า แต่พออ่านความเห็นส่วนใหญ่อยากให้แต่งต่อ ก็ยอมใจอ่อนครับ ทั้งๆที่ไม่ได้คิดพล็อตเรื่องไว้เลยว่าจะต่อยังไง แบบไหนใช้เวลาคิดพอสมควร เพราะผมยังค้างเรื่องตัณหา ราคะ ความใคร่ องคที่ 3 อยู่ ทำให้สับสนในความคิดพอสมควรครับ
ครั้งนี้จะเป็นตอนสั้นๆและไม่มีบทอิโรติคเลยนะครับ ถ้าใครอยากอ่านก็ขอให้ผ่านไปอีกครั้งจะได้ไม่มาบ่นภายหลังครับ
ขอบคุณครับ
ป.ล.ขนาดบอกตั้งแต่ตอนแรกว่า เรื่องนี้จะมี"บทอิโรติคน้อย" ยังมีมาบอกอีกว่าบทอีโรติคน้อยไปหน่อย ไม่แน่ใจว่าอ่านแล้วเข้าใจหรือเปล่านะครับ
**** Twin Tower****
รถยนต์สีดำยี่ห้อหรูมาจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดเสื้อโค้ทสีดำก้าวลงจากรถและห่อไหล่อย่างไม่รู้ตัว เพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็นก่อนก้มดูนาฬิกาข้อมือที่สวมมาหลายปีพร้อมนึกว่าตนเองมาช้ากว่าเวลาที่นัดไว้ กริชเงยหน้ามองป้ายชื่อร้านอาหารอีกครั้งก่อนเปิดประตูเข้าไปในร้าน กริชมาอยู่สวิตฯได้ 3 ปีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตดูดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ที่กริชแสดงฝีมือการทำงานมาให้ทุกเห็นว่ากริชนั้นมีความสามารถขนาดไหน มีห้องพักอย่างหรูอยู่ มีรถประจำตำแหน่ง ที่กริชปฏิเสธเรื่องคนขับ มีทีมงานในบังคับบัญชารวมถึงเลขาอีก 1คน ที่เป็นชาวสวิตฯ แต่กริชนั้นไม่ได้กลับประเทศไทยเลยเหมือนจะทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง กริชเดินเข้าไปในร้านมีพนักงานเดินมารับเสื้อโค้ชไปแขวน กริชกล่าวขอบคุณเป็นภาษาฝรั่งเศสพร้อมกับรอยยิ้มเพราะคุ้นเคยกันอยู่ ก่อนมองไปรอบ และเห็นหญิงสาวคนหนึ่งโบกมือพร้อมเดินเข้ามาหา
“พี่กริชทางนี้ ทางนี้”
หญิงสาวเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างดีใจและเดินเข้ามาเกาะที่แขน
“สวัสดีคะพี่ ไม่เปลี่ยนไปเลย ดูล่ำขึ้นแต่แหมแต่งตัวซะหล่อเลยนะ ไปคะ ทุกคนรออยู่ทางนี้”
เธอจูงมือของชายหนุ่มไปที่โต๊ะอาหาร
“มากันนานหรือยังหม่อน”
“10 กว่านาทีเองพี่ กำลังนั่งคุยกันอยู่ พึ่งสั่งอาหารเสร็จพี่กริชก็มาพอดี”
หม่อนพากริชไปที่โต๊ะที่ทุกคนบนโต๊ะต่างมองมาที่ทั้งคู่ กริชยิ้มออกมาแล้วยกมือไหว้ไปที่ ผู้เป็นพ่อกับแม่ของหม่อนพร้อมกับไหมพี่สาวคนโต และส่งยิ้มไปที่ลูกสาวคนกลางของบ้าน แล้วนั่งลงตรงข้ามกับมี่ก่อนจะบอกว่า
“ขอโทษด้วยครับที่มาช้า กว่าจะเสร็จงาน ไม่ได้เข้าหลายวันเอกสารเลยเยอะ”
“ไม่ช้าหรอกจ๊ะ เราก็พึ่งสั่งอาหาร”
ไหมเป็นคนที่ตอบด้วยใบหน้าที่ดีใจที่ได้เจอกริช
“ดูดีขึ้นมากเลยกริช เมื่อก่อนว่าหล่อแล้ว แต่งตัวแบบนี้ยิ่งหล่อเข้าไปใหญ่ ราศีผู้บริหารระดับสูงจริงๆ”
ผู้ที่เป็นแม่กล่าวขึ้นมา กริชยิ้มรับก่อนที่จะทักทายทุกคนไปรอบๆโต๊ะ แต่จะมีมี่เท่านั้นที่คุยกับกริชน้อยที่สุดจนอาหารมาผู้เป็นพ่อได้ถามกริชระหว่างที่กำลังทานอาหารว่า
“งานเป็นยังไงบ้างละกริชเห็นหม่อนบอกว่าเดินทางบ่อย”
“ใช่ครับ ไปมันเกือบทั่วยุโรปได้แล้วมั้ง แต่ประเทศละ 2-3วัน บางที่ก็ไปตอนเช้าประชุม 2 ช.ม.แล้วกลับมานั่งทำงานที่นี่ต่อครับ”
“หนักพอสมควรนะ”
“ครับ แต่ก็สนุกดี ได้เปิดหูเปิดตา พบคนเยอะ ฝึกภาษาด้วย เช้าคุยฝรั่งเศสอยู่ดีๆ เย็นต้องไปนั่งส่งภาษาเยอรมัน”
“ก็แหม เป็นถึงรักษาการ ผอ.ฝ่ายการตลาดแล้วนี่คะพ่อ ก็ต้องทำงานให้สมกับตำแหน่งหน่อย ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
หม่อนเป็นคนพูดขึ้นมาเพราะตั้งแต่กริชมาทำงานที่นี่เธอจะติดต่อกับกริชตลอดเวลาทางเฟซบุ๊ก เลยรู้ความเคลื่อนไหวของกริชเป็นอย่างดี
“อ้าว เป็นมานานแล้วหรือยัง”
“6เดือนแล้วครับ”
“แล้วจะได้ขึ้นเต็มตัวเมื่อไหร่”
คราวนี้ไหมเป็นคนถามขึ้น
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ คนเก่าขึ้นไปเป็นบอร์ด แล้วแต่ผู้บริหารครับจะให้ขึ้นหรือจะหาคนมาทำตำแหน่งนี้ก็แล้วแต่ทางผู้บริหารครับ”
กริชนั่งตอบคำถามทุกคนบนโต๊ะอย่างมีความสุข ครอบครัวของมี่ได้มาเที่ยวยุโรปและแวะมาเที่ยวที่สวิตได้3-4 วันแล้ว แต่กริชนั้นมีงานที่ต้องไปทำที่เยอรมันและได้กลับมาถึงเมื่อตอนบ่ายวันนี้ เลยพึ่งมาเจอกัน ทุกคนต่างชวนกริชคุยไม่หยุด ยกเว้นมี่ที่นั่งฟังอย่างเดียวและลอบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามตลอด กริชดูดีขึ้นมากจริงๆ จนได้โอกาสเธอจึงถามขึ้นว่า
“แล้วไม่คิดกลับเมืองไทยเลยหรือไง หรือไม่มีเวลา”
ทุกคนต่างนิ่งและนั่งฟังคำตอบจากกริชโดยเฉพาะหม่อนที่จะรู้อะไรดีที่สุด
“เวลานะมีครับมี่ แต่อยากไปเที่ยวที่ไม่เคยไป เหมือนได้พาแม่เที่ยวครับถึงตอนแม่อยู่จะไม่เคยมีโอกาสได้เที่ยว แต่กริชก็อยากทำแบบนี้ กริชเอารูปของแม่ที่ถ่ายกับกริชไปด้วยตลอด วันหยุดยาวหรือวันลาพักผ่อน กริชก็จะไปตามที่ต่างๆหรือประเทศในละแวกนี้ครับ โดยเฉพาะสวิตเป็นประเทศในฝันของแม่เลย กริชพูดฝรั่งเศสได้ก็เพราะแบบเรียนแบบทดสอบที่แม่สอนเกี่ยวกับประเทศนี้แหละครับ แม่ชอบให้กริชทำรายงานส่งเป็นเรื่องของประเทศสวิตฯเป็นภาษาฝรั่งเศส มากกว่าเรื่องประเทศฝรั่งเศสเองซะอีกบางครั้งก็ขับรถไปออสเตรีย ถือเป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่งเหมือนได้พาแม่เที่ยวไปด้วยกันครับเลยไม่ได้กลับเมืองไทย”
คนถามพอได้ฟังคำตอบเหมือมีอะไรมาจุกที่ลำคอ แต่ทำเป็นไม่สนใจ ถามต่อไปว่า
“แล้วทางบ้านละกริช คุยกันมั่งหรือเปล่า”
“คุยครับกริชจะโทรไปหาพ่อทุกเดือน ส่วนพี่กลอยมาเยี่ยม2-3ครั้งแล้วครับ”
“แล้วคิดจะกลับบ้านมั่งหรือเปล่า”
“ยังครับมี่ กริชยังไม่คิด เพราะไม่มีอะไรที่ต้องกังวลหรือเป็นห่วง พ่อกริชเองก็มีคนดูแลอยู่แล้วครับ”
คำตอบที่ได้รับทำเอาหญิงสาวถึงกับอึ้ง พร้อมด้วยความคิด
“กริชเธอตัดออกหมดแล้วทุกอย่างจริงหรือนี่”
แล้วไม่ถามอะไรต่อ หม่อนได้จังหวะรับเปลี่ยนไปคุยถึงเรื่องอื่นทันทีเพราะเห็นสีหน้าของพี่สาวคนกลางไม่สู้ดีนักกริชได้บอกว่าที่พักของกริชไม่ห่างจากที่นี่เท่าไหร่นักไหมเลยได้จังหวะในการถามว่า
“แล้วอยู่คนเดียวไม่เหงาหรือไงกริช”
“ชินแล้วครับ แต่ก็สบายขึ้นกว่าตอนอยู่ที่ไทย ตอนอยู่เมืองไทย พอถึงบ้านก็ทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า รีดผ้า แล้วมาแปลเอกสารต่อ แต่พอมาที่นี่ไม่ต้องทำอะไรเลย ทางบริษัทมีแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องให้ครับ ดูแลทุกอย่าง แกนิสัยดีด้วยคุยเก่งอายุก็พอๆกับแม่ของกริช ทำให้ไม่เหงา และในตึกก็มีฟิตเนสให้ด้วยกริชเลยใช้เวลาว่างออกกำลังกายครับ ไม่ก็อ่านหนังสือ”
ระหว่างนั้นมีโทรศัพท์ของกริชเข้ามา กริชรับและส่งภาษาฝรั่งเศสคุยอย่างคล่องแคล่ว แต่มีอยู่สองคนคือมี่กับหม่อนที่สังเกตุเห็นว่ากริชใช้โทรศัพท์เครื่องใหม่รุ่นล่าสุดพอกริชวางสาย หม่อนแกล้งถามไปว่า
“พี่กริชเปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์เครื่องใหม่แล้วหรือไง”
“อ๋อใช้ 2 เครื่องนะ เครื่องเก่าที่พ่อพี่ให้เป็นของขวัญวันเกิดก็ยังใช้อยู่ แต่ใช้เป็นเบอร์ส่วนตัวนะ เวลาโทรหาใครที่เมืองไทยก็จะใช้เครื่องเก่านะ พี่ไม่อยากทิ้งหรอกพ่อซื้อให้ทั้งทีเครื่องนี้มีความหลังอยู่เยอะ”
ประโยคที่ตอบมันไปทะลุกลางใจของมี่ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่ามันสำคัญมีคุณค่าทางจิตใจขนาดไหนต่อกริชเธอยังจำได้ดีถึงครั้งสุดท้ายที่ไปหากริชที่บ้าน และรูปของเธอที่ถ่ายคู่กับกริชที่อยู่บนหน้าจอของโทรศัพท์ ที่เธอไม่รู้ว่ากริชเปลี่ยนหน้าจอไปหรือยัง วงสนทนาเป็นไปด้วยดีเพราะความสนิทสนมที่มีมาก่อนแล้ว โดยมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ค่อยคุยแม้ว่าฝ่ายชายจะมองมาแล้วสะดุดตากลับสร้อยข้อมือที่สลักขื่อหญิงสาว ที่สวมอยู่ที่ข้อมือข้างขวา ส่วนมี่ก็เช่นกันทำไมเธอจะจำเสื้อเชิ๊ตที่กริชสวมไม่ได้เป็นเสื้อที่เธอซื้อให้ตอนไปสิงคโปร์แต่เธอทำหน้าเรียบเฉยซึ่งมันตรงข้ามกับใจของเธอ จนทุกคนทานอิ่มและนั่งคุยกันสักครู่และได้เวลา กริชเป็นคนที่พูดว่า
“มื้อนี้กริชเลี้ยงครับ ขอประมาณว่าเป็นเจ้าบ้านแล้วกันนะครับ”
ก่อนที่จะมีใครทักท้วง กริชส่งสัญญาณให้พนักงานทำการคิดเงินค่าอาหาร ซึ่งใช้เวลาไม่นานที่จะจัดการทุกอย่างเรียบร้อย
“กริชมาที่นี่บ่อยหรือไง เห็นคุ้นเคยกับพนักงานที่นี่”
“ครับพ่อ ร้านนี้เป็นร้านของมาดาม CEO กริชมาทานบ่อยและมีส่วนลดให้ครับ”
ชายหนุ่มตอบยิ้มๆก่อนที่ทุกคนจะลุกเดินไปนอกร้าน กริชรับเสื้อโค้ชมาสวม ท่ามกลางเสียงแซวของหม่อนที่บอกว่าเท่ห์มาก กริชตอบไปว่าไม่ใส่ก็แข็งตาย กริชเดินไปส่งที่รถและรู้ว่าพรุ่งนี้ทั้งหมดจะไปเที่ยวที่เวียนนาต่อ แต่กริชก็ชี้ไปที่ตึกที่อยู่ห่างไปประมาณ 2 ช่วงตึก บอกทุกคนว่าพักอยู่ทีตึกนั้น แล้วอำลาทุกคนที่พรุ่งนี้จะเดินทางไปเที่ยวเวียนนาก่อนกลับประเทศไทย กริชได้ขอโทษ พ่อกับแม่ของสามสาวว่าติดงานเลยไปส่งไม่ได้ พร้อมรับปากว่าถ้ากลับเมืองไทยจะไปหาทันที ก่อนจะหันมายิ้มให้มี่ทียืนมองอยู่
“รักษาสุขภาพด้วยนะมี่ เข้มแข็งนะ”
“เช่นกันกริช ดูแลตัวด้วยละ”
ทั้งคู่สบตากันก่อนที่มี่เข้าไปในรถ กริชมองดูรถที่วิ่งจากไปก่อนเดินกลับไปที่รถแล้วขับกลับไปที่พัก
“ว้าวขับบีเอ็มรุ่นล่าสุดซะด้วย แต่งตัวก็ดีขึ้นกว่าเก่าเยอะ ใส่สูทอย่างดีน่าจะสั่งตัด”
ไหมที่รับหน้าที่คนขับรถที่มองไปทางกระจกมองหลังก่อนพูดออกมา ผู้เป็นพ่อที่นั่งข้างๆพูดทันทีว่า
“แหมระดับไหนแล้วละ รักษาการ ผอ.อีกไม่นานก็คงเป็นเต็มตัว ดูภาคพื้นยุโรปทั้งหมดอีก”
“แต่กริชยังเป็นกริชคนเดิมนะแทบไม่เปลี่ยนเปลี่ยนไปอย่างเดียว”
“ตรงไหนคะแม่ ที่แม่บอกพี่กริชเปลี่ยนไป หม่อนก็ดูทุกอย่างเหมือนเดิม”
หม่อนที่นั่งติดกับมารดาหันมาถาม มารดาที่นั่งข้างๆ
“แววตาไงลูก เมื่อก่อนกริชจะเป็นคนที่แววตาเศร้าหมอง แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เค้าดูสดชื่นขึ้นมาก”
“น่าจะเป็นแบบนั้นละคุณ คงสบายใจขึ้นกว่าตอนอยู่เมืองไทย”
ผู้เป็นพ่อเป็นคนพูดและบอกต่อมาว่า
“ไหนๆก็ตัดสินใจแล้วนี่ แล้วประสพผลสำเร็จอีก มันคงทำกริชสบายใจขึ้นมาก”
“แล้วเค้าดูทีท่าไม่คิดจะกลับเมืองไทยเลยมั้งคะพ่อ”
คราวเป็นไหมที่เป็นคนถาม
“พูดยากนะลูก แต่ถ้าจะกลับคงไม่ใช่ช่วงนี้แน่นอน คงไม่ห่วงอะไรแล้ว พี่สาวคนเล็กก็ขึ้นมาเป็นรอง MD.แล้วอนาคตคงดูกิจการแทนคุณพจน์แน่นอน “
หม่อนที่นั่งตรงหันไปทางพี่สาวคนกลางที่ไม่พูดอะไรแล้วเอามือพี่สาวมาจับก่อนบีบเบาๆเหมือนให้กำลังใจพี่สาว ส่วนกริชพอกลับมาถึงห้อง มองไปรอบๆห้องพัก ก่อนจะยิ้มให้กับรูปของตนเองที่ถ่ายคู่กับแม่ที่อยู่ในกรอบบนชั้นวางแล้วถอดเสื้อโค้ชเอาไปแขวน ถึงเดินไปที่หน้าต่างมองวิวออกไปข้างนอกแล้วคิดถึงเรื่องที่ผ่านๆมาในรอบ 3ปี หลังจากที่ตนเองมาทำงานที่นี่ กริชได้โทรไปหาพ่อทุกเดือนไม่รวมที่พ่อโทรมาหา และติดต่อกับพี่กลอยผ่านทางเฟซบุ๊กไม่รวมกับโทรคุยกัน รวมถึงหม่อนและไหมที่จะคุยกันผ่านเฟซเช่นกัน กริชมาทำงานได้ 1ปีก็รู้ข่าวว่าไก่นั้นได้แต่งงานกับนักธุรกิจชาวออสเตรเลียและย้ายไปอยู่ที่นั่นทันที มีสาเหตุหลักๆคือผู้เป็นพ่อ ได้บอกกับลูกสาวคนโตตรงๆว่าไม่เหมาะที่จะสืบทอดตำแหน่ง MD แทนผู้เป็นบิดาแน่นอน เรื่องนี้กริชพอจะรู้สาเหตุว่า ไก่ไม่ค่อยสนใจทำงานเท่าไหร่ ไปถึงที่ทำงานก็เกือบเที่ยงบ่ายๆก็ออกไปข้างนอก ห่วงแต่เรื่องแฟชั่นกับการเที่ยวต่างประเทศ จนผู้เป็นพ่อตำหนิหลายครั้ง ไก่ก็ไม่สนใจ สุดท้าย พ่อเลยตัดสินใจเปลี่ยนตำแหน่งให้กลอยขึ้นมาเป็น รอง MD.อีกคน ทำให้ไก่ไม่พอใจอย่างมากและพาลมาถึงกริช ว่าพ่อทำแบบนี้คงอยากให้กริชมาเป็น MD.
แต่ผู้เป็นพ่อไม่สนใจทำให้ ไก่ตัดสินใจแต่งงานและย้ายไปอยู่ออสเตรเลียโดยอ้างกับทุกคนว่าจะย้ายไปทำธุรกิจกับแฟนที่นั่นเลยให้น้องสาวคนเล็กมาทำแทนส่วนก้องนั่น พ่อพิจารณาแล้วความสามารถของก้องยังไม่ถึง ซึ่งก้องยอมรับแต่โดยดีและยินดีให้น้องสาวมาสืบทอดตำแหน่งแทนพ่อ สิ่งเหล่านี้กริชได้ฟังจากกลอยโดยที่พ่อไม่เล่าให้ฟัง การสนทนาของสองพ่อลูกจะเป็นแค่การคุยเรื่องทั่วๆไปเท่านั้น พ่อไม่เคยถามกริชอีกเลยว่าจะกลับเมืองไทยบ้างหรือเปล่า เพียงแต่บอกว่าส่งให้คนไปทำความสะอาดทุกอาทิตย์และพ่อยังทำเหมือนเดิมคือไปไหว้ที่รูปแม่เดือนละครั้ง แต่กริชไม่รู้ว่า บางครั้งพ่อจะไปนอนที่บ้านกริชด้วยพ่อใช้ห้องของกริชเป็นห้องนอนโดยพ่อบอกกลอยว่า ไปดูแลบ้านให้กริชแต่กำชับไม่ให้กลอยเล่าเรื่องนี้ให้กริชฟัง
ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ทุกวันเกิดของพ่อกริชจะส่งช่อดอกไม้ให้ไปเป็นของขวัญทุกครั้งส่วนพ่อจะส่งการ์ดอวยพรมาให้ทุกวันเกิดของกริช ซึ่งกริชดีใจอย่างมากเก็บการ์ดที่พ่อส่งมาให้รักษาอย่างดี พ่อมักจะบอกกับกลอยว่า ไม่รู้จะให้อะไร เพราะกริชมีหมดทุกอย่างแล้วให้ของมีราคาก็ไม่รับให้แบบนี้ดีกว่า ส่วนกลอยนั้นติดต่อกับน้องชายตลอดและบินมาเยี่ยมน้องชายด้วยความเป็นห่วง 2-3 ครั้งแล้วและกริชก็รู้ดีว่าพ่อส่งพี่กลอยมาให้ดูสภาพความเป็นอยู่ของกริชด้วย ซึ่งเป็นความจริงและกลอยกลับไปรายงานกับผู้เป็นพ่อว่า ไม่น่าห่วงเพราะห้องที่กริชพักอยู่ก็เป็นห้องพักราคาแพง มีห้องนอนสองห้อง สมกับตำแหน่งไม่รวมกับรถประจำตำแหน่งที่มีให้ การเป็นอยู่ของกริชไม่ขัดสนเหมือนตอนอยู่เมืองไทยน้องชายสุขภาพจิตดูดีขึ้นมาก ซึ่งกริชโทรไปบอกพ่อตอนมาใหม่ๆว่าถ้าไม่ได้เงินที่พ่อให้มาคงจะลำบากช่วงแรกๆเพราะต้องตัดสูทหลายตัว ที่นี่ต้องใส่สูททำงาน ถ้าไม่ได้เงินที่พ่อให้มาคงลำบากแน่นอน
เท่านี้ก็ทำให้ผู้เป็นพ่อสบายใจขึ้นมาก แต่กริชนั้นไม่บอกความจริง เพราะเงินเก็บที่มีอยู่ก็เพียงพอแล้ว แต่อยากจะเอาใจพ่อมากกว่า เพราะนึกถึงน้ำตาและคำพูดของพ่อที่บอกว่า”ขอโทษ” กริชเลยอยากให้พ่อสบายใจขึ้น แต่กลอยนั้นพยายามโน้วน้าวให้น้องชายกลับไปช่วยงานทุกครั้งที่ได้คุยกัน แต่คำตอบที่ได้รับจะเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง
“นิสัยของกริชทำงานกับครอบครัวไม่ได้ครับ กริชชอบทำงานกับฝรั่งมากกว่า พี่กลอยนะเก่งแล้วแถมละเอียดสมกับจบเกียรตินิยมอันดับ 1 ด้านบัญชี ถ้าพี่กลอยไม่เก่งจริงพ่อไม่ให้ตำแหน่งนี้หรอก ขนาดคุณก้องยังต้องยอมถอยให้ พี่กลอยทำได้อยู่แล้ว”
นี่คือคำตอบที่ได้รับ เมื่อเธอเอามาเล่าให้พ่อฟัง ผู้เป็นพ่อจะยิ้มๆแล้วบอกว่า
“กริชเวลาทำงานนะเค้าแบ่งแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานชัดเจนและค่อนข้างแรง ถ้ามาทำจริงๆคนเก่าคนแก่หลายๆคนได้ลาออกกันเป็นแถวแน่ อย่าบังคับน้องเลยลูก น้องเลือกทางเดินเองแล้วเราปล่อยไปเถอะ ในอนาคตถ้าเค้าอยากกลับมาทำ มาช่วยเราพ่อก็เปิดโอกาสให้อยู่แล้วลูก “
แต่เรื่องของตุ๊กตานั้น ปัจจุบันตุ๊กตาไม่ได้เป็นเลขา CEO ที่เมืองไทยแล้วเพราะได้เลื่อนตำแหน่งไปเป็นผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจได้ปีเศษๆ แต่ช่วงเวลาที่เธอบินมาประชุมที่นี่ตุ๊กตามาพักกับกริชทุกครั้ง ทั้งๆที่กริชอยากปฏิเสธแต่ก็ทนสายตาที่อ้อนวอนของเพื่อนสาวไม่ได้ และเธอรับปากว่าความสัมพันธ์แค่เพื่อนเท่านั้น เธอแยกกันอยู่กับสามีมานานพอสมควร ซึ่งตลอดเวลาที่ตุ๊กตาพักอยู่กับกริชเธอ มอบความสุขให้กับกริชอย่างเต็มที่ทุกครั้ง ใจจริงของกริชนั้นไม่อยากจะให้เหตุการณ์มาซ้ำรอยเดิมแต่ก็ไม่อาจห้ามอารมณ์และความต้องการของจนเองได้เช่นกัน กริชยังคิดกับตุ๊กตาเป็นเพื่อนเหมือนเดิม โดยที่ไม่รู้ว่าเพื่อนสาวของตนเองนั้นไม่อาจหักใจในความรักที่แอบรักมาตลอดได้ ตุ๊กตาได้แต่หวังว่าสักวันกริชจะใจอ่อนกับเธอหันมามองเธอบ้างแต่เธอไม่รู้เรื่องของกริชกับมี่
แต่พอคิดไปถึงมี่ กริชนั้นจิตใจจมไปสู่ความทุกข์ วันนี้กริชจงใจที่จะใส่เสื้อตัวที่มี่ซื้อให้ แต่มี่ไม่เห็นพูดอะไรแต่กริชยังดีใจที่เห็นหญิงสาวสวมสร้อยข้อมือที่ตนเองเป็นคนสวมให้ กริชถอดสูทปลดไทค์ออกแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาร์แล้วนึกถึงมี่ ตั้งแต่กริชมาที่สวิตฯกริชไม่ได้คุยกับมี่โดยตรง กริชรู้เรื่องของมี่ผ่านไหมกับหม่อนที่คุยผ่านเฟซหรือไม่ก็โทรคุยกับหม่อน กริชไม่กล้าที่จะคุยกับเธอโดยตรงด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง มี่นั้นแต่งงานได้ไม่ถึงปี ก็ต้องเลิกรากับแฟนดีที่ยังไม่ได้จดทะเบียนเหตุผลที่หม่อนบอกมา มี่นั้นปรับตัวกับครอบครัวของฝ่ายชายไม่ได้จนเป็นเหตุให้เลิกรากัน แต่กริชนั้นรู้ดีว่าอะไรแต่ไม่พูดกับหม่อน และหม่อนก็รู้เช่นเดียวกับกริช
กริชทำได้แต่เพียงส่งดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ที่ประกอบด้วยดอกคาร์เนชั่นดอกลิลลี่และดอกกุหลาบไปให้ เพื่อปลอบใจหญิงสาวพร้อมการ์ดที่กริชเขียนไปว่า “เข้มแข็งนะครับมี่”แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกัน กริชรู้ว่าสภาพจิตใจของมี่นั้นดีขึ้นหลังจากแยกทางกับสามี จนวันนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ได้คุยกันแต่กิริยาของหญิงสาวทำไมถึงดูห่างเหินไป ทำเอาจิตใจของกริชจมไปกับความเศร้าหมองเพราะรู้ว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหนตนเองก็ยังรักมี่ไม่เสื่อมคลาย
ส่วนของมี่เธอก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมวันนี้เธอถึงทำตัวแบบนี้ ดูๆไปก็เหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจเมื่อเธอมาคิดทบทวนอีกครั้งก่อนจะเข้านอน ทำไมเธอจะไม่ดีใจที่เจอกริชแถมยังใส่เสื้อตัวที่เธอซื้อให้อีกและยิ่งดีใจที่กริชจ้องมองมาสร้อยข้อมือ เธอจงใจทำให้กริชเห็นว่าเธอยังสวมอยู่และเธอสวมอยู่ตลอดตั้งแต่วันที่กริชสวมให้ยกเว้นวันที่เธอแต่งงานเท่านั้น วันที่กริชส่งดอกไม้มาให้จากสวิตฯ พอเธอได้รับเธอเอาเข้าไปในห้องนอนทันทีหลังจากได้อ่านการ์ดเธอกอดช่อดอกไม้และร้องไห้ออกมาไม่หยุดเพราะเธอรู้ดีว่า ดอกไม้สีขาวนั้นหมายถึงความรักที่บริสุทธิ์ มี่ได้แต่พึมพำว่า
“ขอบคุณนะคะกริชที่ไม่ทอดทิ้งมี่”
ทุกวันนี้ดอกไม้จะเหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลาเธอยังเก็บกลีบที่แห้งไว้บางส่วนห่อพลาสติกไว้อย่างดี มี่นั้นไม่กล้าพอที่จะแอดเฟซบุ๊กหรือโทรหากริช เธอได้แต่แอบอ่านเวลาพี่สาวหรือน้องสาวเธอคุยกับกริชผ่านเฟซบุ๊กพร้อมทั้งดีใจที่เห็นความก้าวหน้าของกริช และเสียใจกับการกระทำของเธอที่ผ่านมา จนเมื่อครอบครัวคิดจะไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างประเทศ หม่อนที่รู้ใจพี่สาวเป็นอย่างดีเสนอให้ไปแวะที่สวิตฯด้วยซึ่งทุกคนเห็นชอบด้วยเพราะอาจจะไปเยี่ยมกริช หม่อนเป็นคนโทรหากริชว่าทั้งครอบครัวมาเที่ยวยุโรปและจะแวะไปสวิตฯแต่วันถึงไปที่กริชบอกว่าไปประชุมที่เยอรมันพอดี จะมาเจอได้ก็วันนี้ มี่ตั้งตารอเจอกริชมาตลอดแต่พอมาเจอเธอก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ว่าทำไมทำตัวเหินห่างกับกริช หรือต้องการจะเรียกร้องความสนใจจากชายหนุ่ม เป็นคืนที่เธอข่มตานอนหลับยากอีกคืนหนึ่ง
ตลอดเวลาที่เหลือในเวียนนา มี่ดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่จนทุกคนดูออก จนเดินทางกลับไทยผ่านไป 2เดือนเศษๆ มี่นั้นช่วยงานธุรกิจของที่บ้านมาตลอด เธอพยายามโหมงานเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน จนวันหนึ่งช่วงบ่ายๆระหว่างที่เธอนั่งอ่านจดหมายจากทางลูกค้าต่างประเทศอยู่ โทรศัพท์ของเธอดังขึ้น มีเห็นเบอร์ไม่คุ้นและเป็นรหัสขึ้นต้นที่โทรมาจากต่างประเทศแต่พอเธอรับสายหญิงสาวแทบจะเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ เพราะเป็นภาษาฝรั่งเศสที่เธอคุ้นเคยก่อนจะเปลี่ยนเป็นภาษาไทย
“ทำอะไรอยู่ครับมี่”
“กริช กริช คะๆๆ มี่อ่านจดหมายอยู่”
ด้วยความดีใจเธอพูดอะไรแทบไม่ถูกและยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่เมื่อรู้ว่ากริชจะมาประชุมที่เมืองไทยในอีก2-3วันนี้ทำเอาวันนั้นมี่อารมณ์ดีมากจนใครๆเห็นได้อย่างชัดเจน เธอนับวันรอที่กริชจะมาเมืองไทยแม้จะเป็นช่วงสั้นๆก็ยังดี แต่อีกสองวันต่อมาก่อนวันที่กริชจะกลับ1วัน หลังจากเลิกงานเธอออกจากที่ทำงานหลังพี่สาวเธอ แต่พอกลับไปถึงบ้านเธอเห็นทุกคนในบ้านนั่งอยู่ในห้องรับแขก
“มี่มาหาแม่หน่อยสิลูก”
“มีอะไรหรือเปล่าคะแม่ แล้วทำไมมองมี่แบบนั้น”
เธอนั่งลงติดกับน้องสาวพร้อมพูดออกมา
“พ่อและพวกเราอยากจะคุยด้วยนะลูก”
เธอทำหน้าสงสัยก่อนที่พ่อจะบอกว่าตั้งแต่กลับจากเที่ยวยุโรปมี่ดูไม่สดชื่นเท่าไหร่ บางวันทำตัวเหมือนหุ่นยนต์บางวันดูเหม่อลอยแต่พอวันสองวันที่ผ่านมานี้มี่ดูสดชื่นมาก ซึ่งทุกคนพอจะรู้ว่าอะไรเลยอยากจะคุยกับเธอผู้เป็นพ่อเอ่ยต่อมาว่า
“เอาละนะมี่ พ่อพูดตรงๆในฐานะพ่อไม่ขออ้อมค้อม คือเรารู้กันดีว่า หัวใจของมี่อยู่กับกริชอยู่มานานแล้ว กริชก็เช่นกันพ่อกับแม่พอดูออก ตั้งแต่วันที่เราเจอกริชครั้งแรก พ่อก็พอจะรู้ว่ากริชนั้นแอบสนใจลูกอยู่ ล่าสุดที่สวิตฯทั้งพ่อและแม่ก็เห็นตรงกันว่า ความรู้สึกของทั้งคู่ยังไม่เปลี่ยน แต่มี่กลับทำเฉยชากับกริช”
พอพ่อพูดถึงตรงนี้ลูกสาวคนกลางได้ก้มหน้าลงหลบสายตาของผู้เป็นพ่อ
“เราก็เลยไม่รู้ว่าทำไมมี่ถึงทำแบบนี้ ทั้งๆที่ก่อนจะไปพอรู้ว่าพ่อเลือกไปที่สวิตฯด้วยมี่ก็ดีใจ แต่ก็ช่างเหอะ เพราะมี่อาจจะเขินอายอะไรบางอย่างหรืออายที่พ่อกับแม่ไปด้วยก็ไม่รู้นะ พ่อรู้จากหม่อนว่ากริชจะกลับมาที่เมืองไทย5-6วัน”
“แล้วจะให้มี่ทำยังไงหรือคะ”
เธอยังหลบสายตาผู้เป็นพ่อแต่ก็ถามขึ้นมา
“ลูกโตแล้วมี่ ตั้งแต่หนูโตมาพ่อไม่เคยบังคับให้หนูต้องเรียนอะไร วิชาไหน พ่อปล่อยให้มี่เรียนตามสบายใจ จนไปเรียนปริญญาโทพ่อปล่อยให้มี่เลือก มี่เรียนจบพ่อก็ไม่บังคับให้ลูกๆทุกคนต้องมาช่วยพ่อทำงาน แม้กระทั่งชีวิตคู่ พ่อภูมิใจที่มีลูกสาวสวยทั้งสามคนมีคนมาจีบเยอะ แม้กระทั่งตอนที่มี่จะแต่งงาน มี่จำได้หรือเปล่าว่าพ่อกับแม่พูดว่าอะไร”
“ค่ะ มี่จำได้ พ่อกับแม่ถามย้ำว่าเป็นคนที่ใช่หรือเปล่า มี่ก็ยืนยันว่าใช่”
“เรื่องนี้จริงๆพ่อไม่ควรพูดถึงนะ แต่พ่ออยากพูดให้ลูกคิดว่า สิ่งที่ผ่านมาเป็นอะไร ไม่ใช่ลูกตัดสินใจผิดหรือเลือกผิด เพราะเราไม่รู้อนาคต และผลมันเป็นอย่างไรพ่อกับแม่รับได้ ถ้าลูกทำแล้วมีความสุขพ่อกับแม่ก็มีความสุขด้วยเพราะเราคิดว่าลูกเลือกทางเดินที่ดีแล้ว ที่นี้พ่ออยากให้ลูกตรองดูนะว่าเวลาที่เหลืออยู่นะมันมีไม่มากลูกจะตัดสินใจอย่างไร เข้าใจที่พ่อพูดนะ พ่อไม่อยากให้ลูกต้องมานั่งเสียใจอีก”
“แต่ มี่คิดว่ากริชเค้าคงไม่กลับมาอยู่ที่เมืองไทยแล้วนี่คะ”
คราวนี้ผู้เป็นแม่เป็นฝ่ายตอบลูกสาว
“กลับไม่กลับเราไม่รู้หรอกลูก มันอีกยาวไกล แต่แม่อยากให้มี่คิดนะ มี่อยู่ที่นี่แต่ความรักของมี่อยู่อีกที่ กับมี่ไปอยู่กับความรักของมี่อันไหนดีกว่ากัน 3 ปีที่ผ่านมามี่ต้องมานั่งเศร้าขนาดไหน ถ้าลูกจะไปจริงๆพ่อกับแม่ก็ดีใจ พี่ๆน้องๆก็ดีใจเพราะทุกคนมั่นใจว่าลูกต้องมีความสุขแน่นอน จะบอกว่าไกลจากพ่อกับแม่ ก็ไม่เป็นไรคิดถึงมากๆก็บินมาหาไม่พ่อกับแม่ก็บินไปหาลูกได้ แม่มั่นใจว่ากริชเค้าคลายปมของเค้าได้แล้ว ดูจากสีหน้าดูจากแววตาและเค้าต้องดูแลลูกสาวของแม่ได้อย่างดี ต่อให้เป็นกริชตอนที่อยู่เมืองไทยไม่ใช่กริชที่เป็นผู้บริหารระดับสูงอย่างทุกวันนี้ นิสัยใจคอเค้าก็ไม่เปลี่ยนสุภาพอ่อนน้อมเหมือนเดิม เค้าต้องดูแลลูกสาวของแม่ได้อย่างดีแน่นอน ลองคิดดูนะมี่แต่ทุกคนคิดว่าเส้นทางเส้นนี้จะเหมาะกับมี่มากที่สุด อดีตเรากลับไปเปลี่ยนไม่ได้นะลูก แต่อนาคตสิเรามีสิทธิ์เลือกอนาคตที่ดีได้”
“เชื่อเหอะพี่มี่ หม่อนกับพี่ไหมมั่นใจอย่างที่พ่อกับแม่พูด ถ้าพี่กริชเลิกสนใจพี่มี่จริงๆ พี่กริชคงไม่โทรมาหาบอกก่อนว่าจะมาเมืองไทย โอกาสที่พี่จะคุยกับเค้ามันมีแล้ว ดีกว่าปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปอีก”
เธอนั่งก้มหน้าและคิดมันก็ใช่จริงๆ เธอยังจำได้ว่าวันที่เธอแต่งงานเธอเสียใจมากเมื่อรู้ว่าจากหม่อนที่แอบมากระซิบว่ากริชจะไปสวิตฯในวันรุ่งขึ้นที่เป็นวันเกิดของกริชพอดี โดยไม่บอกกับเธอ กริชคงจะน้อยใจเธออยู่เหมือนกันเลยไม่ยอมบอกเธอว่าจะเดินทางวันไหน และที่ผ่านๆมาเธอก็ทำพลาดกับกริชมาหลายครั้งโดยเฉพาะคำพูดที่เธอกับกริชที่สิงคโปร์จนทำให้เหตุการณ์เป็นแบบทุกวันนี้ เธอรู้ดีว่าแต่งกับคนที่ไม่รักแล้วจะเป็นแบบไหน ในเมื่อเธอฝืนใจตัวเองไม่ได้ ว่าหัวใจเธออยู่กับใครจนเป็นเหตุให้เลิกรากัน เธอเงยหน้าขึ้นมองทุกคนและพบว่าพี่สาวพยักหน้าให้ เธอหันไปยิ้มกับพ่อและแม่ก่อนจะบอกไปว่า
“คะ มี่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ทำพลาดอีก”
กริชที่พึ่งรถจากรถแท็กซี่ยืนมองไปในบ้านก่อนมองไปรอบๆ แล้วไขกุญแจประตูรั้วเข้าไปในบ้าน แล้วเดินมาไขกุญแจประตูบ้าน กุญแจยังเหมือนเดิมพ่อไม่ยอมเปลี่ยนเช่นกัน แต่สภาพของบ้านใหม่ขึ้นเพราะก่อนหน้านี้สองเดือนพ่อบอกกริชว่าจะขอปรับปรุงบ้านใหม่ เพราะบ้านเริ่มทรุดโทรม ตอนแรกกริชจะออกเงินเอง แต่พ่อบอกว่าพ่อจะทำให้แม่เพราะเป็นบ้านของแม่ กริชเลยยอม กริชที่พึ่งลงจากเครื่องบินและแยกกับทีมงานที่สนามบินตอนเช้ามืด ทีมงานจะเข้าไปพักที่โรงแรมส่วนกริชขอแยกมาพักที่บ้าน ตอนแรกพ่อจะให้ไปพักที่บ้านพ่อ แต่กริชขอมานอนที่บ้านตัวเอง พ่อเลยต้องยอมแต่ขอให้เย็นนี้ไปทานข้าวที่บ้านโดยให้กลอยมารับ เพราะมอเตอร์ไซด์คันเก่าของกริชตอนแรกกริชจะขาย แต่พ่อขอเอาไปดูแลรักษาที่บ้านของพ่อ กริชลากกระเป๋าเข้ามาเก็บในบ้าน ก่อนเดินขึ้นไปที่ห้องของแม่ และก้มลงกราบรูปแม่
“แม่ครับกริชกลับมาแล้วครับ”
นี่คือสิ่งที่กริชกล่าวเบาๆออกมา ชายหนุ่มเดินสำรวจไปรอบบ้านๆและพบว่าบ้านนั้นถูกดูแลอย่างดีตามที่พ่อบอกไว้
“ เมื่อวานพ่อคงให้ป้านีมาคุมการทำความสะอาดบ้านแน่นอน”
กริชคิดระหว่างเดินดูไปทั่วๆเพราะบ้านไม่มีฝุ่นเลย แต่พอกริชจะเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บมีเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านกริชชะโงกดูเห็นว่าเป็นมี่ ที่ลงจากรถแล้วมองเข้ามาในบ้านแต่พอเห็นประตูบ้านเปิดอยู่หญิงสาวเดินเข้ามาทันที เมื่อเข้ามาในบ้านเธอเห็นคนที่หัวใจเธอตามหาอยู่ยืนอยู่กลางบ้าน เธอยืนจ้องมองแต่กริชเดินเข้ามาหาเธอก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมาร่างของเธอถูกชายหนุ่มดึงเข้าไปกอด มี่นั้นไม่ขัดขืนเพราะเป็นสิ่งที่เธอต้องการ อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นที่เธอรอคอยมากว่า 3 ปี น้ำตาของหญิงสาวเริ่มไหลออกมาด้วยความดีใจ ทั้งคู่ต่างไม่พูดอะไรนอกจากอ้อมกอดที่มีให้กันและกัน เรือนผมของมี่ถูกหอมเบาๆ และก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา เธอได้ยินเสียงของกริชกระซิบที่ข้างหูเธอว่า
“มี่ไปอยู่สวิตฯกับกริชนะ กริชรอที่จะพูดคำนี้มานานแล้ว”
หน้าของเธอผละออกจากทรวงอกของชายหนุ่ม ดวงตาทั้งคู่ต่างจ้องมองกันก่อนที่เธอจะตอบอะไรออกไป กริชถามย้ำมาอีกทีว่า
“ตกลงนะ ไปอยู่กับกริชนะ”
ยิ่งกว่าคำพูดที่ตอบตกลง มี่โน้มใบหน้าของกริชลงมาหา ปากทั้งคู่ประกบกันสนิท ซึ่งเป็นการยืนยันคำตอบได้อย่างดีว่าเธอตอบตกลงตามคำขอของชายหนุ่ม