คุยเรื่อยเปื่อยช่วงนี้กำลังเน้นปั่น XO เป็นหลักนะครับ
แต่ก็อาจจะมีเรื่องยิบย่อยออกมาบ้างตามจังหวะอารมณ์
ผมไม่ค่อยถนัดในการเขียนเรื่องเดียวยาว ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องใช้สมองเยอะอย่างเรื่อง XO
และขอโฆษณา สำหรับท่านที่สนใจสนับสนุนเรื่อง น้องผิง
ท่านสามารถสนับสนุนผ่านทาง MEB ได้นะครับ
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
หรือหากจะแวะไปช่วยใส่ Rating 5 ดาวให้ ก็ขอขอบพระคุณล่วงหน้า ;D ;D
ลูกไม้ใกล้ไฟ ภาคสอง ตอนที่ 6 - สามหนุ่มสามมุม............................................
Assasin008 2017-01-21 โมยกแก้วเครื่องดื่มมึนเมาสีเขียวสดใสขึ้นดื่ม ลิ้นเรียวสัมผัสลิ้มรสเปรี้ยวหวานเป็นอันดับแรก และเมื่อตวัดเลียเกลือที่ทาไว้บนขอบแก้วไปพร้อมกัน ความเข้มข้นร้อนแรงทำให้ลำคอของเธอรู้สึกร้อนลวกไม่น่าพิสมัย หากทว่าเมื่อดื่มลงคอไปแล้วมันกลับรสชาติกลมกล่อมพิลึกไปอีกแบบ เธอแน่ใจว่าเธอกำลังเมามากทีเดียว เมาเสียจนไม่แน่ใจว่าจะสามารถลุกขึ้นยืนตัวตรงไม่ให้โอนเอนไปมาได้
แก้วอันว่างเปล่าโดนวางลงบนโต๊ะ ใบหน้าสวยหวานของโมแดงก่ำด้วยเลือดลมพลุ่งพล่าน แต่ใช่ว่าจะมีเธอคนเดียวที่อยู่ในสภาวะมึนเมา ตาลและแว่นเพื่อนสาวร่วมมหาวิทยาลัยอีกสองคนก็เพิ่งวางแก้วอันว่างเปล่าลงบนโต๊ะ พวกเธอต่างส่ายโอนเอนและส่งเสียงอ้อแอ้บ่งบอกอาการมึนเมาออกมาอย่างชัดแจ้ง
“น้อง ๆ คอแข็งกันจริง ๆ ที่เพิ่งดื่มไปเรียกว่า มาการิต้า มันจะมีรสขมของเหล้าผสมกับรสเปรี้ยวของน้ำมะนาวสด แถมด้วยรสเค็มของเกลือที่โรยเอาไว้บนขอบแก้ว ต้นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโกโน่นแน่ะ คราวนี้เรามาลองอย่างอื่นอันอีกสักแก้วก็แล้วกัน”
บอยหนุ่มหล่อวัยทำงานมาดนายแบบส่งเสียงสนทนาด้วยรอยยิ้ม โมสะบัดหน้าไปมาเล็กน้อยแล้วมองดูและรับฟังเรื่องราวที่บอยพูด โมยังไม่รู้จักผู้ชายคนนี้มากนัก เธอรู้แค่ว่าเขาเป็นเจ้าของโรงแรมอะไรสักอย่าง และเขามีนิสัยกรุ้มกริ่มเจ้าชู้ แต่พูดคุยสนุกถูกคอยากจะปฏิเสธ หากจะพูดว่าบอยเป็นคนเปิดบทสนทนาเป็นหลักในวงเหล้าก็ไม่ผิดนัก
หญิงสาวข้างกายที่นั่งระทดระทวยอยู่ในอ้อมกอดของบอยนั้นคือตาล เพื่อนสาวผิวสีน้ำผึ้งของโมคนนี้คล้ายจะเผลอหลงคารมนายบอยมากทีเดียว แม้แต่โมก็ยังสงสัยว่าทำไมตาลถึงได้ยอมให้บอยโอบแขนกอดเอวกอดไหล่ แถมยังมีแอบหอมแก้มและแอบใช้มือลูบไล้ลวนลามโดยไม่ต่อต้านจริงจัง ทั้งที่ตาลเพิ่งจะได้เจอกับบอยเพียงแค่ไม่ถึงสองชั่วโมงดี
ความจริงแล้วโมก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มเพื่อนสนิทของตัวเองทั้งหมด ก่อนหน้านี้เธอยังเข้าใจว่านอกจากเธอแล้ว เพื่อนของเธอเป็นเด็กเรียนที่ไม่คิดสุงสิงกับเรื่องไม่ดีงามแบบนี้ เธอจึงแทบไม่เชื่อที่เพื่อน ๆ ของเธอปล่อยตัวกันง่ายดายกว่าที่คิด
กระนั้นเมื่อขบคิดซ้ำไปซ้ำมา โมก็เริ่มเข้าใจว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าพวกเธออ่อนโลกเกินไป ในขณะที่หนุ่ม ๆ ร่วมโต๊ะทั้งสามคนนั้นเป็นหนุ่มนักรักตัวฉกาจที่รู้จักการหลอกล่อเอาใจ ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาสร้างความสนิทสนม รวมไปถึงการนำเสนอเครื่องดื่มมึนเมา ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นเหมือนการดึงพูดให้พวกเธอก้าวเท้าไปตามเส้นทางแห่งราคะ
นอกจากบอยแล้ว ข้างกายของโมยังมีเอกนั่งอยู่ด้วย การมาของเอกนั้นเป็นไปตามที่เธอวางแผนเอาไว้ แรกสุดเธอคิดว่าจะทำทีเป็นเพิ่งเจอกับเอกและโดนเขาจีบ ทั้งนี้ก็เพื่อแนะนำเอกให้เพื่อน ๆ ของเธอรู้จักสนิทสนม รวมไปถึงการหาความสนุกตื่นเต้นแอบลับ ๆ อีกอย่างหนึ่ง
กระนั้นนอกจากเอกจะจัดฉากให้บอยเข้าร่วมวงได้อย่างแนบเนียนแล้ว เอกยังพาเพื่อนซึ่งบอกว่าทำงานเป็นตำรวจอีกคนมาร่วมโต๊ะด้วย และผู้ชายชื่อเก่งคนนั้นกำลังนั่งเงียบอยู่ข้างแว่น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
โมแอบชำเลืองมองดูเก่งและแว่นที่ต่างฝ่ายต่างก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ทั้งคู่แสดงท่าทีประหม่าเขินอายอย่างเห็นได้ชัด แว่นนั้นเป็นสาวน้อยไม่ประสีประสาเรื่องนี้อยู่แล้ว เธอจึงนั่งเกร็งนิ่งแต่ก็แอบชำเลืองมองเก่งบ่อยครั้ง เพราะว่าเก่งเองก็เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มหล่อ เพียงแต่จะหล่อเข้มออกแนวลูกทุ่งแบบไทย ๆ สักหน่อย
เรื่องที่โมแปลกใจก็คือเก่งนั้นนิสัยต่างจากบอยแทบจะคนละขั้ว ในขณะที่บอยนั้นคุยเก่งจ้อได้ไม่หยุด เก่งกลับนิ่งเงียบเคร่งขรึมสำรวมไม่พูดไม่จา หากยังดีที่ในความเคร่งขรึมนั้นยังมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลา ทำให้บรรยากาศไม่เคร่งเครียด เขาดูเรียบร้อยน่ารักไม่ละลาบละล้วงลวนลาม และนั่นดูเหมือนจะโดนใจแว่นมากพอสมควร โมทราบว่าแว่นนั้นไม่ชอบผู้ชายกรุ้มกริ่มแบบบอย
โดยสรุปแล้วตอนนี้ในวงเหล้านี้มีสามสาวรุ่นวัยมหาวิทยาลัยที่ยังอ่อนโลก และยังมีสามหนุ่มวัยประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหกที่นิสัยแตกต่างกัน หากทว่าในความแตกต่างนั้นมีความเข้ากันได้ ทำให้บรรยากาศการสนทนาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
บอยมักจะเป็นคนยิงมุกและเปิดบทสนทนาที่น่าสนใจ ตาลที่ชอบคุยอยู่แล้วก็เลยรับลูกอย่างสนุกสนาน เอกนั้นพูดน้อยกว่าบอยและตาลแต่ก็ถือว่าสร้างสีสันให้ไม่แพ้กัน สามคนนี้จะเป็นตัวละครหลัก ในขณะที่โมนั้นจะนั่งยิ้มหัวเราะจนปวดท้อง เหลือเพียงเก่งและแว่นที่นั่งนิ่งไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมามากนัก
โมอยากจะแอบสืบข้อมูลของเอกจากบอยและเก่ง หากทว่าเธอไม่ค่อยมีจังหวะแทรกเหมาะ ๆ และดูเหมือนว่าบอยจะไม่ค่อยเน้นพูดเรื่องของตัวเองและเพื่อนทั้งสองมากนัก บอยมัวแต่พูดเล่าเรื่องแต่งหลอกเด็กออกมาไม่หยุด แต่ทุกคนก็ยินดีรับฟังเพราะว่าสนุกสนานตื่นเต้นพอควร
บอยเล่าด้วยน้ำเสียงอวดโอ่ว่าเขากับเอกเคยไปช่วยนางเอกชื่อดังจากพวกนักเลง พวกเขาสองคนจัดการนักเลงเป็นสิบได้ แต่พวกนักเลงมีคนเล่นคาถาอาคมแปลงร่างเป็นลิงยักษ์ด้วย ยังดีที่บอยและเอกมีของดีทำให้จัดการลิงยักษ์และช่วยนางเอกชื่อดังออกมาได้
บอยเล่าว่าเอกกับเก่งเจอกันในโรงพยาบาล ตอนนั้นแฟนของเก่งโดนผีเข้าสิง และได้เอกเข้าไปช่วยจัดการไล่ผี เอกและเก่งจึงรู้จักคบหาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่วันนั้น
บอยยังเล่าด้วยว่า เขา เอก และเก่ง เคยช่วยกู้โลกเอาไว้ เขาเล่าว่ามีนักการเมืองคนหนึ่งอยากมีชีวิตอมตะเพื่อครองอำนาจตลอดกาล และมีหมอผีเก่งวิชาอาคมสายมืดช่วยเหลือ หากหมอผีคนนั้นเปิดประตูผีได้สำเร็จ โลกจะกลับไปเป็นยุคมืดประหนึ่งนรกภูมิ แต่ว่าบอย เอก และเก่ง ได้เข้าไปต่อสู้จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็สามารถช่วยเหลือโลกใบนี้เอาไว้ได้สำเร็จ
เรื่องเล่าเหล่านี้ถึงแม้สาว ๆ ทั้งสามจะเห็นตรงกันว่าเป็นแค่เรื่องเล่าเพื่อความสนุกสนาน แต่ก็ยังอดรู้สึกตื่นเต้นไปกับลีลาการเล่าเรื่องของบอยไม่ได้ พวกเธอรับฟังจนหัวใจเต้นระส่ำในช่วงวิกฤต ก่อนจะแอบถอนหายใจและยิ้มโล่งอกเมื่อเรื่องราวจบลงด้วยดี
โมนั่งยิ้มสลับกับหัวเราะขณะฟังเรื่องราว เธอหันไปมองดูเอกที่นั่งอยู่ด้านข้างแล้วยิ้มขบขัน เพราะหากเรื่องเล่าเหล่านั้นเป็นจริงแม้สักครึ่งเดียว ชายหนุ่มที่เธอหลงรักก็คงจะต้องเป็นหมอผีทรงฤทธามากด้วยไสยเวทย์ แต่ไม่ว่าเธอจะมองเขาในแง่มุมไหนเธอก็ไม่เห็นว่าเอกจะมีอะไรใกล้เคียงกับพวกหมอผีที่เคยเห็นในภาพยนต์อะไรเลยสักนิด เขาดูเหมือนชายหนุ่มสมัยใหม่ทั่วไปคนหนึ่ง
ถึงตรงนี้โมก็ยังทราบข้อมูลของเอกแบบผิวเผินจนเรียกได้ว่าเกือบไม่รู้อะไรเลย เธอรู้แค่ว่าพวกเขาสามคนดูจะสนิทสนมกันมากพอสมควร ถึงแม้จะมีนิสัยพื้นฐาน และอาชีพการงานที่แตกต่าง แต่โมก็สัมผัสได้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนรักกัน อาจจะสนิทมากกว่าที่เธอสนิทกับแว่นและตาลด้วยซ้ำไป คล้ายกับว่าพวกเขาเคยผ่านการสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่เสี่ยงชีวิตกันมาก่อนแล้วด้วยซ้ำ
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าทั้งสามคนจะยังไม่มีแฟนกัน แต่ละคนทั้งสวยทั้งน่ารักเสียขนาดนี้ ถ้าโมยังไม่มีแฟนจริง ผมจะขอจีบแล้วนะ”
เอกซึ่งนั่งอยู่ข้างโมพูดด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับของเขา ขณะที่พูดนั้นเขาฉวยโอกาสยื่นมือมาจับไหล่เธอไว้อย่างแนบเนียน ซึ่งความจริงแล้วทั้งคู่มีความสัมพันธ์เกินเลยไปกว่านี้ไกลโข เพียงแต่วันนี้พวกเขาเลือกที่จะสวมบทบาทหนุ่มสาวเพิ่งเริ่มจีบกัน โมจึงห่อไหล่และขยับหลบเล็กน้อยด้วยจริตสตรี แต่สุดท้ายก็ยังปล่อยให้เขาแตะเนื้อต้องตัววางมือโอบไหล่อยู่ดี
“โมยังไม่มีแฟนจริง ๆ ค่ะ”
โมตอบพลางห่อไหล่ด้วยความรู้สึกวาบหวิวจนขนลุก เธอรู้สึกเช่นนี้ทุกครั้งเมื่อได้อยู่ใกล้เอก และหากว่าตอนนี้เธออยู่กับเขาสองต่อสองแล้วล่ะก็ เธอคงจะอดใจไม่ไหวต้องขยับไปขึ้นคร่อมแล้วกอดจูบกับเขาด้วยลีลาเร่าร้อนอย่างแน่นอน
“งั้นเราเป็นแฟนกันนะครับ”
เอกพูดเสียงนุ่มพลางโอบกระชับร่างบางเข้าไปกอด โมเขินหน้าแดงหากแต่ยิ้มมีความสุข ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่บทบาทการแสดง แต่จะอย่างไรเธอก็ชอบคำพูดนี้ของเขา เธอเหลือบตามองดูสายตาอีกสี่คู่ที่กำลังจับจ้องมองมาด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย โดยเฉพาะสายตาของบอยและเก่งที่คอยแต่จะมองดูเธอด้วยสายตาหื่นกระหายอยากคว้าจับเธอไปกลืนกิน
แน่นอนว่าในกลุ่มนี้โมนั้นสวยน่ารักโดดเด่นที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ไม่แอบมองดูท่อนขาขาวเพรียวและทรวงอกอวบใหญ่ใต้เสื้อสายเดี่ยวตัวเล็กจิ๋ว ผู้ชายที่ไม่ได้ร่วมโต๊ะแต่อยู่ใกล้พอมองเห็นต่างก็แอบมองดูร่องนมที่เบียดแนบแน่นและเด้งสะท้อนตามจังหวะการหายใจด้วยความกระหายอยากฟอนเฟ้นสักครั้ง
“… พี่เอก ... อืออออ”
โมส่งเสียงครางพลางห่อไหลด้วยความสยิว เอกอ้าปากงับใบหูของเธอพร้อมกับพ่นลมหายใจอุ่นร้อนราดรดใส่ มือซ้ายของเขาเกาะกุมแล้วบีบเคล้นแผ่วเบาตรงบริเวณฐานเต้านม ด้านมือขวานั้นวางลงไปลูบไล้บนท่อนขาขาวเพรียวเรียบลื่นจนเธอขนลุกวูบวาบ
“อย่าค่ะ”
โมเสียวแปลบปลาบอยากให้เขาทำต่อ แต่เมื่อขบคิดถึงการแสดงออกที่เหมาะสมแล้ว เธอจึงพยายามระงับอารมณ์ โมจับมือของเขาเพื่อให้หยุดการเล้าโลม พร้อมกับพยายามเบี่ยงตัวหลบออก
ท่าทีของเธอนั้นสื่อออกมาในความหมายที่ว่าไม่ได้ยินยอม หากแต่ก็ไม่ได้รังเกียจเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากการที่เธอยังคงปล่อยให้เขาโอบกอดเอาไว้ ท่าทีนั้นคล้ายกับสาวน้อยที่ยังลังเลใจไม่กล้ามอบเรือนกายให้ชายหนุ่มที่หลงรัก
เวลานี้เมื่อโมหันไปมองทางเพื่อนร่วมวงเหล้า เธอพบว่าบอยและเก่งนั้นต่างก็แอบมองเธอด้วยสายตาลุกวาวกลัดมัน ส่วนเพื่อนสาวทั้งสองของเธอนั้นกำลังตาปรือมองดูมาเหมือนแอบลุ้นอยากเห็นอะไรบางอย่าง พวกเธอกำลังขบคิดว่าควรจะปล่อยตัวปล่อยใจเพลิดเพลินไปกับความสุขสีดำมืด หรือว่าควรจะถอนตัวกลับเสียตั้งแต่ตอนนี้
จะอย่างไรแว่นและตาลนั้นก็ยังเป็นสาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง พวกเธอย่อมมีความหวาดกลัวลังเลไม่กล้าเดินหน้าต่อ หากแต่ในเวลาเดียวกันนั้น บรรยากาศแสงสีกลางคืน รวมไปถึงหนุ่มหล่อร่วมโต๊ะก็มีเสน่ห์ดึงดูดมากพอที่จะทำให้พวกเธอเผลอไผลเข้าไปใกล้กองไฟสีดำมืดแห่งราคะทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว
“ไปเต้นกันหน่อยดีกว่า”
เอกลุกขึ้นพลางจับมือโมพาเดินออกไปเต้นรำ โมย่อมไม่ขัดข้องเธอแค่เพียงแสดงท่าทีเอียงอายเล็ก ๆ แล้วเดินตามไปแต่โดยดี จากนั้นบอยก็จูงมือตาลตามขึ้นไปติด ๆ หนุ่มสาวทั้งสี่จึงควงคู่จูงมือกันไปเต้นสะบัดในกลุ่มฝูงชนปลดปล่อยอารมณ์สนุกสนานครื้นเครงออกมาอย่างเต็มที่
“อยากไปเต้นหรือเปล่าครับแว่น”
เก่งนายตำรวจหนุ่มหล่อเข้มผิวสีหันไปถามแว่นที่ยังคงนั่งนิ่ง แว่นมองเขาด้วยท่าทางเกร็ง ๆ เล็กน้อย ก่อนจะส่ายศีรษะเป็นเชิงบอกว่าไม่อยากไป
“หนูไม่ชอบเต้นค่ะ”
“อืม คล้ายกัน ผมก็ไม่ชอบเต้น”
ชายหนุ่มยิ้มให้พลางฉวยโอกาสยื่นมือโอบแขนไปเกาะกุมหัวไหล่ของแว่นเอาไว้ สาวรุ่นที่ยังไม่เคยผ่านเกมกามใจสั่นสะท้านหน้าร้อนผ่าว แว่นไม่ได้ปัดป้องแต่อย่างใด เธอนั่งนิ่งและหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาซดอึกจนหมดแก้วเพื่อแก้เขิน หากทว่านั่นมีแต่จะยิ่งทำให้อารมณ์ของเธอร้อนแรงยิ่งขึ้น และสติก็ยิ่งลดน้อยถอยลงไปอย่างรวดเร็ว
“แว่นชอบผู้หญิงด้วยกันหรือเปล่าครับ”
เก่งหันมาถามด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ จนแว่นสะดุ้งโหยง เธอรีบหันไปมองหน้าเขาด้วยแววตาตื่นตระหนก เพราะว่าคำถามเช่นนี้คงไม่ได้ถามออกมาโดยไม่มีต้นเรื่อง และแว่นยังมีชนักติดหลังเรื่องที่เธอเพิ่งทำกับโมไปก่อนหน้านี้
“… พี่เก่งพูดเรื่องอะไรคะ”
“พูดเรื่องที่แว่นทำกับโมนั่นแหละ ผมแอบมองแว่นก่อนหน้านี้สักพักแล้ว เลยเห็นว่าแว่นกับโมแอบทำอะไรกัน”
แว่นถึงกับหน้าร้อนวูบต้องรีบเบือนสายตาหนีไปทางอื่น แต่ว่าเก่งกลับเอื้อมมือมาจับคางของเธอแล้วขยับให้หันไปมองหน้าเขา แว่นจึงได้แต่ค่อย ๆ เหลือบตามองดูเขาพร้อมกับหอบหายใจกระเส่า ดวงตาของเธอหวานเยิ้ม
“พี่เก่ง … เห็นด้วยเหรอคะ”
“อืม … เห็นตั้งแต่แรกเลยล่ะ ว่าแต่ที่ถามไปน่ะยังไง แว่นชอบผู้หญิงหรือเปล่า ถ้าชอบผู้หญิงด้วยกัน ผมจะได้ถอยเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะได้ไม่ต้องช้ำใจทีหลัง”
เก่งหนุ่มหล่อเข้มถามด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของสาวน้อยกระตุกวูบ เธอค่อยได้รับทราบว่าถึงเขาจะพูดน้อย แต่เมื่อเขาพูดออกมาแต่ละครั้งนั้นล้วนแล้วแต่ทำให้หัวใจของเธอกระตุกร้อนวูบวาบ เธอจึงตอบออกไปด้วยน้ำเสียงประหม่าลนลาน
“เปล่าค่ะ … หนูไม่รู้ … หนูยังไม่เคยมีแฟน”
“อืม งั้นคงต้องพิสูจน์สักหน่อย”
เก่งพูดเสียงทุ้มนุ่ม แว่นยังไม่ทันทราบว่าเขาจะพิสูจน์อะไรยังไง เธอก็ต้องเบิกตากว้างเพราะว่าใบหน้าหล่อเข้มของเก่งขยับเข้ามาหาพร้อมกับประกบริมฝีปากจูบใส่โดยไม่บอกกล่าว
แว่นสะดุ้งโหยงพยายามขืนตัว แต่ว่าเพียงแค่ครู่เดียวรสจูบร้อนแรงก็ทำให้ร่างกายของเธออ่อนระทวยหมดสิ้นเรี่ยวแรง สองมือของเธอยังคงทำท่าเหมือนจะผลักไสเขาออก หากแต่ไม่ได้ออกเรี่ยวแรงจริงจัง อีกทั้งยังหลับตาพริ้มดื่มด่ำไปกับรสวาบหวามของจูบแรกในชีวิตสาว
เก่งค่อย ๆ จูบละเลียดลิ้มรสริมฝีปากบาง ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปพัวพันกระตุ้นเร้าจนสติของสาวแว่นกระเจิดกระเจิง ก่อนหน้านี้เก่งอาจจะไม่ลงมือละลาบละล้วง แต่เมื่อเขาลงมือเขาก็จูบหนักหน่วงไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายได้พักตั้งสติ ร่างบางของสาวแว่นจึงค่อย ๆ เอนลงไปนอนหงายบนโซฟา โดยมีร่างกำยำของหนุ่มผิวเข้มทาบทับบดจูบเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง
ตาลเต้นพลางชำเลืองมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเก่งและแว่นด้วยความรู้สึกร้อนวูบวาบ ก่อนหน้านี้ตาลยังลังเลไม่แน่ใจควรเปิดให้ชายหนุ่มล้ำเส้นมากกว่านี้หรือไม่ แต่เมื่อเห็นตาลซึ่งเรียบร้อยและขี้อายที่สุดในกลุ่มโดนจูบกระหน่ำใส่เต็มสองตา อารมณ์ที่พยายามเก็บกดเอาไว้ของตาลก็ยิ่งลุกโชนจนยากจะเก็บไว้ได้อีก
“ตาลสะโพกสวยจัง”
บอยซึ่งเต้นประกบจากด้านหลังส่งเสียงกระซิบที่ข้างหูจนตาลยิ่งใจสั่นหวิว บอยเป็นหนุ่มนักรักกรุ้มกริ่มฉวยโอกาสทุกจังหวะอยู่แล้ว และตอนนี้เขาก็กำลังยืนประกบร่างสาวรุ่นจากด้านหลัง สองมือของเขาเกาะกุมที่เอวคอดกิ่ว ในขณะที่ใบหน้านั้นขยับนัวเนียใกล้กับใบหน้าของตาล อีกทั้งยังแอ่นเป้ากางเกงที่ตุงแน่นเบียดใส่สะโพกของตาลไม่หยุดหย่อน
ตาลไม่ตอบคำหากแต่ไม่ได้ขัดขืนต่อต้าน เธอถึงกับแอ่นสะโพกเบียดสู้กับเป้ากางเกงของเขาแล้วส่งเสียงครางเร้าอารมณ์ออกมา บอยเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งขยับเข้าไปกระกบติดเบียดถูไปกับสะโพกหนั่นแน่น
บอยจูบไซร้ไปตามซอกคอ ในขณะที่สองมือนั้นก็เริ่มขยับจากเอวคอดขึ้นไปมาเกาะกุมตรงแถวฐานเต้านมทั้งสองข้างแล้วบีบนวดเคล้นคลึงจนตาลสูดปากครางออกมาเสียงดังกว่าเดิม สาวผิวสีน้ำผึ้งคนนี้เพิ่งจะแหย่เท้าก้าวข้ามเส้นกั้นแห่งความผิดชอบชั่วดีโดยไม่รู้ตัว
“เพื่อนของโมท่าทางจะสนุกกันดีนะ”
เอกซึ่งยืนเต้นกับโมอยู่ไม่ไกลส่งเสียงกระซิบสนทนากับคู่เต้น โมละสายตาจากสองเพื่อนสาวมามองดูเอกด้วยดวงตาหวานฉ่ำ เธอแสดงท่าทีกระเง้ากระงอดเล็กน้อยก่อนจะซบร่างเข้าหาอ้อมกอดอุ่น เรื่องราวในวันนี้ดูจะไปไกลกว่าที่เธอคิดเอาไว้ แรกสุดนั้นเธอแค่อยากเปิดตัวพี่เอกให้เพื่อน ๆ รู้จัก เธออยากให้พี่เอกแกล้งมาจีบ และให้สองเพื่อนสาวรู้ว่าเธอเป็นแฟนกับเอก
“พี่เอกวางแผนอะไรไว้ … จะทำให้เพื่อนโมเสียคนด้วยเหรอ”
“ก็ไม่ได้วางแผนอะไรพิเศษสักหน่อย โมพาเพื่อนมาด้วยสองคน ผมก็เลยพาเพื่อนมาด้วยสองคน ถือว่าเท่ากัน”
“แต่เพื่อนพี่สองคนกำลังจีบเพื่อนโม แถมเพื่อนโมยังหลงเพื่อนพี่เรียบร้อยแล้วด้วย”
“แล้วโมอยากทำอะไรล่ะ อยากจะหยุดสองคนนั้นหรือเปล่า”
เอกถามพลางลูบมือไปบนแผ่นหลังเรียบเนียนที่มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาจนเปียกชุ่ม โมส่งเสียงครางแผ่วเบาก่อนจะหันไปมองดูเพื่อนสาวทั้งสองอีกครั้ง แว่นนั้นยังคงจูบอยู่กับเก่งอย่างดูดดื่ม ส่วนตาลก็กำลังโดนบอยเล้าโลมจนเคลิบเคลิ้ม ส่วนโมเองก็คงไม่แตกต่างจากเพื่อนสาวทั้งสองมากนัก
“… ไม่หรอกค่ะ … แว่นกับตาลไม่ได้โดนบังคับ หรือมอมยาอะไรนี่นา พวกเธอตัดสินใจแบบนั้นเอง โมคงไม่ขวางพวกเธอ แต่ถ้าพวกพี่เล่นไม่ซื่อโมก็คงต้องช่วยเพื่อน”
“โมก็เล่นไม่ซื่อนะ โมสวยน่ารักเกินไปจนมีแต่คนแอบมอง พี่เองก็ยังหลงเสน่ห์โมเข้าอย่างจังเหมือนกัน โมแอบใช้ยาเสน่ห์หรือเปล่าเอ่ย”
เอกยิ้มพลางกอดรัดรวบร่างงามของโมเข้าหาแน่นขึ้น สาวสวยส่งเสียงครางซบหน้าเข้าหาร่างแกร่ง เธอมองเห็นสายตาหื่นกระหายของชายหนุ่มหลายคนที่จับจ้องมองมา เรือนร่างอัดอัดขาวโพลนของเธอเป็นเหมือนแสงไฟที่ล่อลวงสายตาผู้ชายแทบทุกคน
“ถ้าใช้แล้วพี่เอกจะหลงโมหรือเปล่าล่ะคะ”
โมตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจจนแก้มแทบปริ เธอโอบกอดเบียดทรวงอกถูไถไปกับร่างแกร่งด้วยอารมณ์ร้อนรัก ในขณะเดียวกันนั้นชายหนุ่มก็เริ่มก้มหน้าจูบไซร้ลงไปที่ซอกคอขาวผ่อง ส่วนสองมือของเขานั้นเริ่มขยับลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างงามเหมือนจะบอกว่าเขาหลงเธอมากแค่ไหน
“อืออออ ...”
โมส่งเสียงครางด้วยความสยิวซาบซ่าน สองมือของเธอลูบไล้ไปบนแผ่นหลังกำยำที่เธอหลงใหล จมูกของเธอสูดดมกลิ่นกายของชายหนุ่มที่สามารถกระตุ้นเร้าอารมณ์ทางเพศของเธอได้อย่างง่ายดาย ยิ่งสัมผัสได้ถึงท่อนลำแกร่งที่เบียดอยู่แถวน้องท้อยอารมณ์ของเธอก็ยิ่งพลุ่งพล่านจนแทบระเบิด
ท่ามกลางสายตาอิจฉาริษยาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่มองมา เอกประกบปากจูบแลกลิ้นกับโมอย่างดูดดื่ม มือข้างหนึ่งบีบเคล้นขยี้ลงไปบนทรวงอกอวบอิ่มจากด้านนอกเสื้อสายเดี่ยว ส่วนมืออีกข้างนั้นล้วงลงไปลูบคลำที่ท่อนขาขาวเรียว ก่อนจะขยับขึ้นมาตะปบบดบี้ใส่ตรงกลางหว่างขาจนสาวสวยตัวกระตุกเสียววูบแทบยืนไม่อยู่
“อืออ … พี่เอกคะ”
โมส่งเสียงครางหน้าแดงก่ำ เธอแอบชำเลืองสายตามองดูผู้คนด้วยความประหม่าตื่นเต้น เธอแน่ใจว่าจะต้องมีคนสังเกตเห็นแล้วว่าเธอกำลังโดนทำอะไร หากทว่าความเสียวแปลบปลาบที่ส่งผ่านจากลีลาเล้าโลมของชายหนุ่มนั้นร้อนแรงเกินไปจนเธอลืมเลือนความเคอะเขิน อีกทั้งยังรู้สึกตื่นเต้นเร่าร้อนเสียด้วยซ้ำ
“เราเปลี่ยนที่กันดีกว่า เพื่อน ๆ ของโมก็คงอยากเปลี่ยนที่เหมือนกัน”
เอกกระตุ้นจนโมเปียกเยิ้มแล้วก็ถอยออกห่าง เขามองเธอด้วยรอยยิ้มขำเหมือนเจตนากลั่นแกล้งให้เธออารมณ์ค้างคาเล่น โมจึงมองค้อนเขาอีกครั้งหากแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะว่าเธอก็เห็นด้วยว่าสมควรเปลี่ยนสถานที่ สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือการร่วมรักกับพี่เอก ส่วนเพื่อน ๆ ของเธอจะตัดสินใจอย่างไรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องสนใจ
เอกจูงมือโมเดินฝ่าฝูงชนไปสะกิดบอยและตาลที่กำลังยืนเต้นกอดนัวเนียกันอยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่สองหนุ่มสองสาวจะเดินกลับไปที่โต๊ะ เก่งและแว่นยังคงกอดจูบกันโดยไม่สนใจอะไร บอยจึงต้องเข้าไปสะกิดให้ทั้งคู่รู้ตัวยอมแยกห่างจากกัน แว่นเขินอายจนหน้าแดงก่ำ เธอผวาไปกอดหลบอยู่ด้านหลังเก่งไม่กล้ามองสบตากับใคร
เมื่อชำระเงินเรียบร้อย หนุ่มสาวอารมณ์ร้อนรักสามคู่ก็ช่วยกันประคองเดินออกจากผับไปขึ้นรถของเอก เอกขึ้นไปนั่งขับ โมนั่งข้างเอก ส่วนที่เหลือนั้นขึ้นไปนั่งกอดนัวเนียกันอยู่บนเบาะหลัง
รถคันหรูออกตัววิ่งแล่นไปตามท้องถนนยามราตรี โมเอี้ยวตัวมองดูภาพวาบหวามบนเบาะหลังแทบไม่กระพริบตา ตาลสาวผิวสีนั่งบนตักของบอย ส่วนแว่นและเก่งนั้นนั่งหันหน้าเข้าหากัน หนุ่มสาวสองคู่ต่างกอดจูบนัวเนียแบบไม่สนใจสายตาใครหรืออะไรทั้งนั้น
โมหอบหายใจหนักหน่วงขึ้นทีละน้อย เธอหันไปมองเอกที่เป็นคนขับรถก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือซ้ายของเขามาวางบนท่อนขาขาวเพรียว ส่วนเธอเองนั้นก็เอื้อมมือไปวางบนเป้ากางเกงที่ตุงแน่นแข็งเป็นลำ สองหนุ่มสาวต่างช่วยกันใช้มือลูบไล้ปลุกเร้าอารมณ์เสียวให้แก่กันและกันเพื่อไม่ให้น้อยหน้าสองคู่ที่อยู่ด้านหลัง
เสียงครางกระเส่าของสามสาวแว่วดังประสานขันแข่งกัน เสื้อสายเดี่ยวตัวน้อยของแว่นและตาลหลุดลุ่ยออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว ยกทรงของพวกเธอก็มีชะตากรรมเช่นเดียวกัน เวลานี้ร่างขาวโพลนของสองสาวเด็กเรียนจึงดิ้นพล่านอวดเนื้อหนังอยู่บนเบาะหลัง โดยมีสองหนุ่มวัยกลัดมันกอดฟัดเล้าโลมด้วยอารมณ์หื่นกระสันเร่าร้อน
โมมองดูก็ยิ่งต้องหนีบสองขาเข้าหากันจนแน่น เธอแอบเสียดายที่พี่เอกต้องเป็นคนขับรถ ไม่เช่นนั้นแล้วเธอคงจะกำลังได้กอดพลอดรักนัวเนียกับพี่เอกอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
“ใกล้ถึงแล้วโม ใจเย็น ๆ”
เอกพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นโมขยับตัวก้มหน้าลงมาที่เป้ากางเกงของเขา เดาได้ไม่ยากว่าโมคงจะมีอารมณ์จนอยากใช้ปากดูดเลียของเขาไปก่อน แน่นอนว่าเขาไม่ได้เจตนาห้ามปรามเสียทีเดียว หากแต่ก่อนหน้านี้โมบอกว่าอยากแสดงบทบาทเหมือนเพิ่งได้เจอกัน ดังนั้นหากจะปล่อยให้โมทำเรื่องแบบนี้ให้ก็คงไม่สมเหตุสมผลนัก
โมเงยหน้ามองดูเอกแต่สองมือยังคงบีบขยำใส่ดุ้นเนื้อแกร่งกำยำใต้กางเกงโดยไม่ยอมปล่อยออก สายตาของเธอในเวลานี้ไม่ได้ต่างอะไรไปจากแม่เสือสาวในฤดูผสมพันธุ์
ระหว่างที่โมกำลังสับสนไม่ได้เดินหน้าและไม่ได้ถอยกลับนั้น รถคันหรูก็จอดเข้าไปในช่องแห่งหนึ่ง สามสาวสะดุ้งชะงักเมื่อเอกเปิดประตูรถออกไปด้านนอก ตาลและแว่นที่อยู่ในสภาพเปลือยกายครึ่งหนึ่งนั้นย่อมตกใจกว่า เพราะว่าที่ด้านนอกนั้นมีผู้ชายอีกคนหนึ่งยืนอยู่ ซึ่งเดาได้ว่าน่าจะเป็นคนเฝ้าสถานที่แห่งนี้
ประตูรถด้านหลังโดนเอกดึงเปิดออกอีกครั้ง สาว ๆ จึงพากันส่งเสียงวี้ดว้ายพยายามยกมือขึ้นปิดป้องเนื้อตัว พวกเธอยังไม่ทันเข้าใจเรื่องราวว่าอะไรเป็นอะไร บอยที่กำลังกอดฟัดอยู่กับตาลก็เสนอหน้าออกไปให้คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเห็น
บอยสั่งการสองสามคำผู้ชายที่แอบมองสาว ๆ ในรถตาเป็นมันก็พยักหน้าแล้วถอยออกไปเสียบกุญแจเปิดประตูห้อง จากนั้นจึงรีบวิ่งไปรูดม่านขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังรถเพื่อปิดกั้นจากโลกภายนอก เวลานี้สามสาวจึงค่อยรู้ว่าที่แห่งนี้น่าจะเป็นโรงแรมม่านรูด และพวกเธอก็เพิ่งนึกได้ว่าบอยเคยพูดว่าเขาเป็นเจ้าของโรงแรม
“โรงแรมของผมเอง เข้าห้องกันดีกว่า ห้องนี้ใหญ่มาก มีอ่างน้ำ ซาวน่า มีเตียงอะไรครบทุกอย่าง รับพวกเราหกคนได้สบาย ๆ”
พอเด็กเฝ้าห้องวิ่งออกไปแล้ว บอยก็หันมาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนโฆษณาโรงแรมตนเอง ซึ่งฟังดูแล้วก็น่าสนใจแต่สิ่งที่ทำให้สามสาวแตกตื่นก็คือ เขาพูดเหมือนกับว่าทั้งหมดจะใช้ห้องใหญ่ร่วมกันห้องเดียว ไม่ได้มีการแยกห้องกันเป็นคู่
บอยไม่สนท่าทางแตกตื่นกระอักกระอ่วนของตาล เขาขยับเข้าไปอุ้มร่างที่เปลือยท่อนบนของตาลลงมาจากรถ ตาลขืนตัวเล็กน้อยเพราะความเขินอาย แต่สุดท้ายก็โดนเขาอุ้มพาเข้าห้องไปแต่โดยดี ส่วนคู่เก่งกับแว่นก็ไม่ได้แตกต่างมากนัก เก่งอุ้มแว่นเข้าไปในห้องได้โดยไม่ลำบากกินแรงอะไร ในขณะที่แว่นนั้นเกาะซุกหน้ากับเก่งไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามอง
“พี่เอกวางแผนอะไรไว้อีกคะ”
โมส่งเสียงและมองค้อนใส่เมื่อเอกเดินมาเปิดประตูรถเพื่อช่วยเธอลงไป ส่วนเอกนั้นไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงยิ้มและหัวเราะ ก่อนจะจูงมือนุ่มนิ่มของโมเดินเข้าไปในห้องหับอันมิดชิด และเป็นที่แน่ใจได้ว่าค่ำคืนนี้โมและเพื่อนสาวทั้งสองจะต้องโดนเพลิงไฟราคะสีดำมืดแผดเผาอย่างแน่นอน