เฟิร์นมุ่งมั่นกับการเรียนและการทดลองฝึกงานอย่างตั้งใจ จนเวลาผ่านไปถึงช่วงใกล้สอบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ยิ่งทำให้เฟิร์นต้องเก็บตัวอ่านหนังสือมากขึ้น ยิ่งทำให้เธอแทบไม่มีเวลาพบปะกับลุงพลที่เธอเคารพรักเหมือนญาติผู้ใหญ่ แต่เธอก็มักยิ้มทักทายและพนมมือไหว้สวัสดีลุงชุมพลทุกครั้งที่เจอ
ไม่นานนัก มีข่าวว่าลุงพลประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์คว่ำ เพราะถูกรถมอเตอร์ไซด์ที่กลุ่มเด็กแว้นวัยรุ่นหัวเกรียนเสียหลักชนเข้าที่ท้ายรถก่อนหลบหนีไป โชคดีที่แกไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก จะมีเพียงแต่รอยแผลฟกช้ำ ตอนแรกทางวิทยาลัยอนุญาตให้แกพักผ่อนที่ห้องแถวบ้านของแกที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวิทยาลัยได้ ซึ่งตอนแรกแกก็ไม่ยอม บอกว่าห่วงงาน แต่จริง ๆ แกอยากเห็นหน้าหนูเฟิร์นทุกวันใจจะขาด
ลุงพลพักฟื้นอยู่ประมาณสองอาทิตย์ จนร่างกายฟื้นตัวเป็นปกติ แกจึงรีบกลับมาทำงานอีกครั้ง เพื่อหวังว่าจะพบกับหนูเฟิร์นที่แกเพ้อถึงมานาน แต่เสียใจด้วยนะลุง ช่วงนี้หนูเฟิร์นเก็บตัวอ่านหนังสือบนห้องพร้อมกับเพื่อน ๆ แถมยังต้องขึ้นหอคนป่วยเพื่อฝึกงาน จนแทบไม่มีเวลามาเดินเล่นในสนามหญ้าหลังวิทยาลัย
ลุงพลใช้เวลาในการกวาดขยะทุกวัน และให้อาหารหมาแก้เซ็ง พอถึงวันหนึ่งแกเริ่มปลงได้แล้วว่า วาสนาของแกกับหนูเฟิร์นเป็นได้เพียงแค่ลุงกับหลานเท่านั้น ในขณะที่หนูเฟิร์นเองก็วุ่นวายอยู่กับการเรียนพยาบาลอย่างหนัก จนลืมนึกถึงเรื่องของลุงชุมพลคนดีของวิทยาลัยคนนั้นไป วันหนึ่งรูมเมทมาบอกข่าวเพื่อนร่วมห้องว่าลุงชุมพลกลับมาทำงานแล้ว พร้อมกับแยบถามไปว่าไม่ไปนั่งอ่านหนังสือที่สนามหญ้าหลังวิทยาลัยอีกแล้วเหรอ
เฟิร์นได้แต่ตอบบ่ายเบี่ยงว่าช่วงนี้ต้องติวเข้มอ่านหนังสือกับเพื่อน เพราะมีบทเรียนหลายอย่างที่เธอยังไม่ค่อยเข้าใจนัก ไหนจะยุ่งเรื่องฝึกงานที่หอคนป่วย จนรูมเมทแกล้งแซวว่าสงสัยลืมแกไปแล้ว
เฟิร์นได้แต่ยิ้มอย่างเขิน ๆ แต่ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เพราะอย่างที่รู้กันดีนั่นแหละ สำหรับเฟิร์นก็แค่เด็กกะโปโล ในขณะที่ลุงพลเป็นผู้ใหญ่ใจดี แกไม่มีเรื่องเสื่อมเสีย แกเคยได้รางวัลพนักงานดีเด่นจากทางวิทยาลัยมาแล้วอีกด้วย เฟิร์นไม่คิดว่าแกจะคิดอะไรในเชิงชู้สาวกับตัวเองแน่ แต่รูมเมทคนเดิมกลับย้ำว่า ยังไงก็ระวังไว้นิด ยังไงผู้ชายก็ยังเป็นผู้ชาย เพราะเท่าที่สังเกต ลุงชุมพลมีท่าทีหวงใยและสนิทสนมกับเฟิร์นมากกว่าเจ้าหน้าที่ภารโรงกับนักศึกษาพยาบาลจะมีต่อกัน เป็นญาติก็ไม่ใช่เสียด้วยซ้ำ
….เด็กสาวได้แต่พยักหน้าไปอย่างนั้น แต่เธอเชื่อว่าผู้ชายที่แสนดีอย่างลุงพลที่ใครหลายคนยกย่องแกจะเป็นตาแก่ตัณหาจัด อย่างที่รู้นั่นแหละว่าเธอเคยคิดด้วยซ้ำว่าลุงพลน่าจะเหมาะสมกับแม่ของเธอ แม่ของเฟิร์นอายุพึ่งจะ 42 เอง ยังสาว ยังสวย ส่วนลุงพลถึงแม้จะอายุ 60 แล้ว แต่แกก็ดูแลตัวเองดีมาก จนเจ้าหน้าที่วิทยาลัยหลายคนแซวว่าแกเป็นดาราญี่ปุ่นที่ชื่อ เคน วาตานาเบะ คนนั้นด้วยซ้ำ
ยังไงก็ตาม เฟิร์นยังมองโลกในแง่ดี และตั้งใจว่าสอบเสร็จเมื่อไรจะซื้อของกินอร่อย ๆ ไปฝากลุงพลก่อนกลับบ้านที่ต่างจังหวัด เพื่อถามอาการและสารทุกข์สุขดิบ
……………………………………………………………….
ทางด้านลุงพล ที่กลับมาจากการพักฟื้น หลังจากที่เสร็จธุระเรื่องเอกสารและงานจิปาถะภายในมหาวิทยาลัย แกก็แวะซื้อกาแฟหน้าวิทยาลัยมาดื่นกินในห้องพักภารโรงหลังเลิกงาน อาจเรียกได้ว่าที่นี่คืออาณาจักรส่วนตัวของแก หลังจาก 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ภารโรงทั้งหญิงชายต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไปหมด เหลือเพียงแค่แกที่คอยตระเวนสอดส่องดูแลความเรียบร้อยภายในวิทยาลัย บางครั้งเบื่อ ๆ ก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดบอลทีมโปรดของแกวิ่งออกกำลังกายรอบวิทยาลัย
วันนี้ก็เช่นเดียวกับทุกวัน แกวิ่งรอบวิทยาลัยเบา ๆ เพื่อเรียกเหงื่อ เพราะตอนพักฟื้นอยู่ที่บ้านแกแทบเดินไปไหนมาไหนไม่ได้เพราะปวดเข่าจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ลุงหันมองนาฬิกา ขณะนี้เป็นเวลา 18.30 น. ซึ่งนี่คือวันสุดท้ายของการสอบ เด็ก ๆ นักศึกษาต่างทยอยกันกลับบ้านตามภูมิลำเนาของใครของมัน
ลุงพลหย่อนตัวนั่งพักบนโซฟาเก่า ๆ ที่ประจำของแก แกเอนหลังนั่งทอดอารมณ์อย่างสบายใจ พลางนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมาย โดยมีเรื่องของหนูเฟิร์นเป็นเรื่องหลัง
“หนูเฟิร์น หนูจะรู้ไหมนะว่าหนูทำให้ลุงคิดถึงจนแทบนอนไม่หลับ ลุงไม่รู้จะต้องทำตัวยังไง ไอ้แก่คนนี้วาสนาน้อย ไม่ได้เกิดมาเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดี มีเงินหรือเป็นคนในเครื่องแบบอย่างไอ้หนุ่มคนนั้น เฮ้อ!” ลุงพลแกร่ายยาว เพราะแกมั่นใจว่าในตอนนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดมาเดินเพ่นพ่านในบริเวณนี้กันแล้ว เพราะต่างแยกย้ายกันกลับบ้านกันหมด เหลือเพียงแค่แกคนเดียว
ชุมพลหยิบเอามือถือขึ้นมา เปิดดูรูปถ่ายหนูเฟิร์นในชุดนางนพมาศวันลอยกระทง นี่มันเป็นคำสาบอะไรกันน้อที่ทำให้ชายแก่อย่างแกหลงไหลในตัวเด็กสาวคนนี้ มือของแกเริ่มไม่นิ่ง มันเริ่มลูบคลำท่อนเอ็นใหญ่ขนาด 8 นิ้วใต้ร่มผ้าอย่างแผวเบา เมื่อนึกถึงหน้าหนูเฟิร์นที่ไร ไอ้ช่อนของแกมีอันต้องตื่นตัวอยู่ตลอด
“หนูเฟิร์นจ๋า เป็นเมียลุงนะ ลุงสัญญาว่าจะดูแลหนูตลอดไป อ่าห์….”
………………………………………………………….
ทางฝั่งเนตรชนกหรือเฟิร์น หลังจากสอบเสร็จวิชาสุดท้าย เด็กสาวตัดสินใจเดินทางไปห้างสรรพสินค้าเพื่อเลือกซื้อของกินอร่อย ๆ ไปฝากลุงแก แต่ด้วยปัญหารถติดของเมืองหลวง ทำให้เด็กสาวกลับมาที่วิทยาลัยช้ากว่าปกติ ตอนแรกเฟิร์นจะตัดใจไม่เอาของไปฝากลุงพลแก เพราะคิดว่าแกคงกลับบ้านไปแล้ว แต่ไหน ๆ ก็หอบของมาเยอะแยะแล้ว ลองวัดใจไปหาลุงพลที่ห้องพักภารโรงสักตั้งดูดีกว่า
เฟิร์นเหลือบมอบนาฬิกาข้อมือ ขณะนี้เป็นเวลา 6 โมงเย็นเศษ ๆ โดยปกติเฟิร์นสังเกตว่าลุงแกชอบเดินตรวจตราความเรียบร้อยในวิทยาลัยจนเกือบถึงสองทุ่มเสมอ เด็กสาวจึงตัดสินใจเป็นไงเป็นกันซื้อของมาแล้ว จะทิ้งก็เสียดาย
….เด็กสาวไม่มีทางรู้เลยว่านี่คือการตัดสินใจที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของเธอไปตลอดกาล เมื่อภาพของลุงพลผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีที่เธอคุ้นเคยจะถูกเปิดโปงในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า
………………………………………………………………
ห้องพักภารโรงเป็นตึกปูนชั้นเดียวที่มุงหลังคาและติดห้องแอร์ เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเป็นห้องขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า และมีโต๊ะทำงานประจำตำแหน่งของภารโรงและแม่บ้านแต่ละคน บนฝาพนังก็มีไวท์บอร์ดที่บอกตารางเวลาการทำงานของแต่ละคน และนัดหมายสำคัญ ๆ ที่มุมซ้ายห้องเป็นทางเดินไปสู่ห้องน้ำชายหญิง ส่วนมุมขวาเป็นห้องเก็บของ ที่ลุงพลยึดมันเป็นอาณาจักรส่วนตัว
เนตรชนกหรือเฟิร์นในชุดนักศึกษาธรรมดา เนื่องจากเป็นระเบียบการสอบไฟนอล เด็กสาวเดินถือถุงกับข้าวมากมาย ท่ามกลางความมืดโดยมีแสงสว่างจากเสาไฟสลัว ๆ คอยบอกเส้นทาง ดวงอาทิตย์ใกล้ลับของฟ้า เพื่อรอคอยเวลาของรัตติกาลที่เด็กสาวอย่างเฟิร์นจะไม่มีวันลืม ประตูทางเข้าห้องพักภารโรงแค่แง้ม ๆ เอาไว้ ไฟยังเปิด เนตรชนกแง้มประตูเข้าไป ก่อนเอ่ยปากทักทายเผื่อมีใครได้ยิน
“สวัสดีค่ะ มีใครอยู่ไหมค่ะ” เด็กสาวเอ่ยปากเรียก “ลุงพล หนูซื้อของมาฝากค่ะ”
“สวัสดี หนูเฟิร์น มีอะไรเหรอ” ลุงพลตอบกลับมา เด็กสาวหันไปมองที่ห้องเก็บของที่ประตูเปิดอ้าทิ้งไว้
“หนูซื้อของมาฝากลุงค่ะ ได้ข่าวว่าลุงยังเจ็บขาใช่ไหม เดี๋ยวหนูหยิบเอาไปให้ในห้องนะ”
“ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวลุงออกไปเอง” ลุงพลปฎิเสธเสียงแข็ง นี่ถ้าหนูเฟิร์นมาเห็นภาพตอนที่แกกำลังขัดจรวดอย่างเมามันนี่เป็นอันจบเห่เลย แถมน้ำเหมือกก็เลอะเปรอะมือแกไปหมด
....มาโผล่อะไรตอนนี้นะนังหนู! ลุงพลแกรีบควักเก็บหัวรบนิวเคลียร์รัสเซียที่กำลังตื่นตัวไว้ในร่มผ้ากางเกงฟุตบอลอย่างเก่า แต่มันผองจนเป้ากางเกงแกตุงจนเห็นได้ชัด หมดกัน ภาพลักษณ์ตาแกที่แกสร้างมาตั้งกี่ปีกำลังจะพังทลาย จะเอายังไงดี มึงฉลาดไม่ใช่เหรอไอ้พล
…..ในแว้บหนึ่ง ลุงพลแกฉุกคิดได้ว่า ในเมื่อลูกกวางน้อยผู้แสนซื่ออย่างหนูเฟิร์นริอาจเดินเข้ามาในถ้ำเสือของแก คราวที่แล้วแกโชว์ความเป็นสุภาพบุรุษไปแล้ว แต่คราวนี้ราวกับฟ้าเบื้องบนมอบโอกาสเลี่ยมทองมาให้แก ถ้าครั้งนี้แกไม่ทำอะไรหนูเฟิร์น แกก็ควายล้วน ๆ ไม่มีวัวผสมแล้วล่ะว่ะ ไอ้พลเอ้ย!
ชุมพล ภารโรงวัยเกษียณอายุ 60 ปี ลุกขึ้นจากโซฟา มือที่เปื้อนสารคัดหลั่งหรือน้ำหลอลื่นจากไอ้จ้อนของแก หันซ้ายหันขวาไม่มีทิชชู่ แกเลยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการเช็ดกับกางเกงแทน หวังว่ากลิ่นเหงื่อของแกจะช่วยดับกลิ่นได้แล้วกัน
……………………………………………..
“สวัสดีค่ะลุง” เนตรชนกหรือเฟิร์นในขุดนักศึกษาพนมมือไหว้ทักทายลุงพลอีกครั้ง “ลุงหายดีแล้วเหรอค่ะ”
“ลุงหายดีแล้วจ๊ะ” ไอ้เสือเฒ่ายิ้มอย่างเป็นมิตรเช่นเคย โดยที่สาวเฟิร์นไม่มีทางรู้เลยว่า ในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า ลุงพลผู้แสนดีจะกลายร่างเป็นไอ้เฒ่าหื่นกามที่พร้อมจะบดขยี้ความสาวของเธอให้แหลกคามือ
“หนูซื้อของกินอร่อย ๆ มาฝากค่ะ” นัยน์ตาของเฟิร์นเหลือบมองไปเป็นเป้ากางเกงที่ตุงของลุงพล มันทำให้เด็กสาวนึกถึงคำเตือนของรูมเมทที่ว่า 'ผู้ชายยังไงก็เป็นผู้ชายวันยังค่ำ'
“หนูไม่น่าเปลืองเงินซื้อของให้ลุงเลย แค่หนูมีน้ำใจมาเยี่ยมลุงถึงที่นี่ ลุงก็ดีใจมากแล้ว มา ๆ มานั่งคุยกันก่อน เดี๋ยวลุงหยิบเอาน้ำเย็น ๆ ให้หนูเฟิร์นดื่มนะ เดินทางไกลมาคงเหนื่อย คงร้อนแย่”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูต้องรีบกลับไปเก็บของใส่กระเป๋ากลับบ้าน” เฟิร์นพยายามปฎิเสธอย่างสุภาพ เธอเริ่มรู้สึกถึงรังสีอำมหิตจากตัวลุงพลที่เธอเคยเคารพรัก “หนูวางไว้ที่โต๊ะทำงาน หนูไปก่อนนะค่ะ”
….กวางน้อยจะหลุดมือแล้วไอ้เสือ นี่คือโอกาสสุดท้ายของมึงแล้วไอ้พล มึงจะยอมเล่นบทเป็นคุณลุงใจดีที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้หัวใจและร่างกายของหนูเฟิร์นมาครอบครอง หรือจะยอมถอดหน้ากากพระรองหนังไทยเชย ๆ ที่อดแอ้มนางเอกทุกเรื่องไป แล้วสวมบทเป็นจอมโฉดแล้วบดขยี้พรหมจรรย์เด็กสาวคนนี้ให้สิ้นซาก
….ในเมื่อความดีไม่ใช่ผลตอบแทนของความรักแล้วไซร้ งั้นไอ้พลของสวมบทเป็นไอ้โฉดเพื่อบดขยี้ความสาวของลูกกวางน้อยที่โง่เขลาเดินเข้ามาในถ้ำเสื้อให้สาแก่ใจ เผื่อบางทีมันอาจชนะใจเด็กรุ่นหลานอย่างหนูเฟิร์นได้บ้าง
“อย่าพึ่งรีบไป!” ลุงพลรีบคว้าแขนเด็กสาวไว้แน่น เด็กสาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ แต่ลุงพลรีบประกบเข้าด้านหลังของเด็กสาว ก่อนใช้มืออีกข้างปิดปาก โดยมีไอ้ช่อนขนาด 8 นิ้วดันบั้นท้ายของเด็กสาวอยู่
เฟิร์นตกใจสุดขีด ไม่คิดว่าลุงพลจะกลายเป็นอย่างที่รูมเมทเคยเตือนเอาไว้ แม่ของเธอพูดไว้ไม่มีผิด ว่านอกจากพ่อของเฟิร์นแล้ว ไม่มีผู้ชายคนไหนแสนดีแบบนี้อีก เด็กสาวได้แต่เสียใจที่ตัวเองโงเขล่าและอ่อนต่อโลกจนตกเป็นเหยื่อของเสื่อเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างไอ้แก่พล
“ชู้ววว….ใจเย็น ๆ นะหนูเฟิร์น ลุงไม่ได้คิดทำร้ายหนู ลุงแค่มีอะไรอยากจะสารภาพกับหนู “ลุงแอบรักหนูมานานแรมปี ไม่ว่าหนูจะเชื่อลุงหรือไม่ แต่ลุงรักหนูเฟิร์น แบบที่ไม่เคยรักใครมาก่อน วันนี้ลุงยอมทำลายชื่อเสียงของตัวเองเพื่อความรัก เพื่อหนูนะเฟิร์น” ไอ้เฒ่าพลสารภาพความในใจที่มีต่อหนูเฟิร์นจนหมดสิ้น ก่อนที่มันจะเริ่มซุกไซร์ที่ซอกคอขาวของนักเรียนพยาบาล เด็กสาวพยายามเอียงตัวด้วยความกลัวปนสยิว
….แต่มันก็น่าแปลกเหมือนกัน ที่เธอกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นในอ้อมแขนของชายแก่ เธอรู้สึกดีและอบอุ่นอย่างประหลาดในอ้อมกอดของตาแก่ แต่แว้บหนึ่ง เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังจะถูกไอ้ภารโรงเฒ่าขืนใจ เด็กสาวพยายามดิ้นรนต่อสู้อย่างสุดชีวิต
แม้ไม่ได้ฟิตเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ ตอนเป็นทหาร แต่เรียวแรงของตาเฒ่าพลยังเหลือเฟือที่จะกำหราบกวางน้อยพยศตัวนี้ให้อยู่หมัด ลุงพลเริ่มซุกไซร์ซอกคอของเด็กสาวหนักขึ้น มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็เลื่อนต่ำลงไปที่ชายกระโปรง ก่อนถกมันขึ้นมาจนเห็นกางเกงชั้นในลายลูกไม้สีครีม ไอ้เฒ่าพลรีบใช้นิ้วบี้ไปที่ติ่งเนื้อที่ซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้า
“ลุง…อย่าค่ะ” เสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ของหนูเฟิร์นดังเล็ดลอดจากฝามืออันหนาและหยาบกร้านของลุงพล กลิ่นของมือลุงพลมีกลิ่นตุ ๆ ที่เด็กสาวผู้อ่อนหัดอย่างเธอไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่า นั่นคือคราบสารคัดหลั่งหรือน้ำหล่อลื่นจากอวัยวะเพศของลุง อันที่จริงเฟิร์นก็เคยเรียนเพศศึกษามาบ้าง แต่เธอมันเป็นการเรียนในทางทฤษฏี ไม่ใช่การปฏิบัติ อย่างที่ลุงพลกำลังสอนเธออยู่ในขณะนี้
“ลุงรักหนูเหลือเกิน หนูรู้ไหมว่าลุงต้องหักห้ามใจตัวเองมากแค่ไหน ลุงพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกที่มีต่อหนูมานาน ลุงไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนนอกเหนือจากเมียของลุงที่ตายไป” ลุงแกก็พร่ำเพ้อพรรณนาถึงความรู้สึกอันแรงกล้าที่เก็บซ่อนมานาน “มันคือความรัก ที่ลุงเคยบอกหนู ความรักคือสิ่งสวยงาม ลุงรักหนู และลุงจะพิสูจน์ให้หนูดูว่าลุงรักหนูมากแค่ไหน”
พอเจอคำหวานจากตาเฒ่าผู้เจนจัดและเจ้าเล่ห์อย่างลุงพล มีเหรอที่เด็กสาวจะไม่หวั่นไหวได้ โดยเฉพาะเมื่อลุงพลพร่ำเพ้อถึงความรักที่มีต่อเธอ ถึงขนาดที่ยอมเสียเกียรติที่ตัวเองสร้างมานาน มันทำให้เฟิร์นรู้สึกเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก นิ้วมือของลุงพลบดขยี้ติ่งเม็ดสยิวที่ซ่อนอยู่ภายใต้ร่มผ้าอย่างอ่อนโยน จนเธอรู้สึกถึงความเปียกแฉะตรงใต้หว่างขา และรู้สึกอ่อนแรงไร้พละกำลังจะตอบโต้ใด ๆ ด้านหลังก็มีแท่งขีปนาวุธบดเบียดบั้นทายงามงอนของเด็กสาว ข้างบนก็เจอการซุกไซร์ขั้นเทพของภารโรงใจทราม โดนโจมตีรอบทิศทางแบบนี้ หนูเฟิร์นคนสวยแทบจะละลายเหมือนขี้ผึ้งเลยทีเดียว
มันเป็นความรู้สึกที่คล้ายคลึงกับตอนที่พบเจอกับแบงค์ สมัยเรียน ม.ปลาย แต่มันทรงพลังมากกว่า ไอ้หนุ่มแบงค์เคยขอกอดและหอมแก้มเฟิร์นอยู่บ่อยครั้ง แต่ถูกเธอปฎิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าทั้งคู่ยังเป็นเด็ก การเรียนสำคัญกว่าความรัก บางครั้งเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้แบงค์ปันใจไปรักผู้หญิงคนอื่น
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด เป็นเขตแดนที่เด็กสาวไม่เคยได้เข้ามาสัมผัสมาก่อนในชีวิต และรู้สึกอิ่มเอมใจภายใต้อ้อมรักของชายแก่รุ่นลายคราม ความรู้สึกนี้มันทำให้เธอนึกถึงอ้อมกอดของพ่อตอนมีชีวิต มันอบอุ่น แต่ซาบซ่านและหวาบหวิว ไม่รู้สิ มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
ลุงพลขยี้ติ่งเสียวของเด็กสาว จนรู้สึกถึงความเปียกแฉะภายใต้ร่มผ้า การจู่โจ่มด้านล่างประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ไอ้เฒ่าพลซอกไซร์ไปตามซอกคอด้านหลังอย่างอ่อนโยน บางครั้งก็หอมฟอดด้วยแรงเสน่ห์หา เด็กสาวอ่อนระทวยในวงแขนของไอ้เฒ่า ในขณะนี้หัวรบนิวเคลียร์รัสเซียเบื้องหลังยิ่งดุนดันบั้นท้ายของเด็กสาวหนักขึ้น จนมีคราบเลอะบนกระโปรงนักศึกษาพยาบาล
“ไอ้หนุ่มแบงค์คนนั้นมันโง่ มันมีเพชรในมืออย่างหนูเฟิร์นแต่ไม่คิดเก็บรักษา ถ้าเป็นลุง ลุงจะดูแลหนูอย่างดีที่สุด ลุงรักหนูหมดหัวใจของลุง ต่อให้ลุงต้องตายซะเดียวนี้ ลุงก็ยอม แต่ลุงรักหนูจริง ๆ” ไอ้เฒ่าพลค่อย ๆ ดึงตัวหนูเฟิร์นกลับเข้าไปในห้องเก็บของ อาณาจักรส่วนตัวที่ตนเองใช้เป็นสถานที่สำเร็จความใคร่อยู่ทุกครั้ง
....ลุงพลสารภาพความในใจออกมาอีกครั้ง ก่อนหน้าเกิดอุบัติเหตุไม่นาน ลุงพลเห็นไอ้หนุ่มแบงค์มาเดินป้วนเปี้ยนแถววิทยาลัย ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ลุงแกรู้สึกหึงหวงเนตรชนกหรือหนูเฟิร์นเหลือเกิน และมันเป็นสาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้ลุงแกเหม่อลอยถูกกลุ่มเด็กแว้นเฉียวชนรถ
โชคดีที่ป้อมตำรวจอยู่แถวนั้น ไม่เช่นนั้นลุงพลคงถูกกลุ่มเด็กแว้นรุนกระทืบปางตายไปแล้วก็ได้
…………………………………………………..
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน