ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

กระบี่เย้ยยุทธจักรภาคแปลงใต้แผงหนังสือ ตอนที่ 12 เค๊กเอี้ยง-ยิ่มอิ๋งอิ่งคืนดี

เริ่มโดย wattana2015, พฤษภาคม 18, 2017, 12:37:39 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้


joenop

เค๊กเอี๊ยง ได้กับแม่นางยิ่มเสียที หลังจากถูกมารบุปผาเปิดจนเกือบบาน

sss_1234

อ้างจาก: wattana2015 เมื่อ พฤษภาคม 18, 2017, 12:37:39 หลังเที่ยงกระบี่เย้ยยุทธจักรภาคแปลงใต้แผงหนังสือ by wattana2015


กระบี่เย้ยยุทธจักรภาคแปลงใต้แผงหนังสือ ตอนที่ 12 เค๊กเอี้ยง-ยิ่มอิ๋งอิ่งคืนดี

  ตอนนี้มีบทเข้าพระเข้านางระหว่างยิ่มอิ๋งอิ๋งกับเค๊กเอี้ยงด้วย  ตอนก็ยาวขึ้นกว่าทุกตอนที่ผ่านมานะครับ  ติดตามอ่านกันได้  บทเสียวก็ซ่อนข้อความอยู่ใครอยากอ่านก็คอมเม้นต์เนื้อหานะครับ  ^_^

ความเดิม

"บ้าที่สุด ไอ้แก่นั่นมันกล้าหลอกข้า กลับไปข้าจะแล่เนื้อพวกมันให้เป็นชิ้นๆทีเดียว เอ้า พวกเจ้าจงรื้อค้นให้ทั่วทั้งสำนัก เอาให้หมดทุกซอกทุกมุม คัมภีร์ไม่อยู่กับพวกมันก็ต้องอยู่ในสำนักนี้แหละ...เอ้าค้นเข้าไป"
   ท่ามกลางความวุ่นวายน่าสงสัยที่เห็นอื้อชางไห่และลูกศิษย์พากันรื้อค้นทรัพย์สินให้ควัก งักเล็กซังและเหลาเต๊อะนู่ได้แต่มองการกระทำด้วยความแปลกใจ...


"คนในสำนักก็หนีหายไปกันจนหมดแล้ว  ตาเฒ่าอื้อชางไห่กลับมาค้นหาอะไรกันอีกนะ  น่าแปลกจริง"
"คอยดูอยู่ที่นี่แหละ  อย่าไปยุ่งกับเค้าเลยดีกว่า"
ไม่ได้ก็ข้าสงสัยนี่นาพี่รอง  ว่าตาแก่นั่นจะมาค้นหาทรัพย์สินอะไรอีก  หรือว่ายังมีของมีค่าซ่อนงำอยู่ข้าต้องรู้ให้ได้"
"อย่าน่าน้องเล็ก  เดี๋ยวก็มีปัญหาไปถึงอาจารย์หรอก"
"เอาอย่างนี้ท่านคอยข้าอยู่ที่นี่  ข้าจะตามเข้าไปดูว่าตาแก่นี่จะมีของเล่นอะไรอีก"
"น้องเล็ก  มันเสี่ยงนะ  ตาเฒ่าอื้อชางไห่นี่ฆ่าคนไม่เคยสนใจใครเลยเจ้าก็รู้"
"เหอะน่า  เชื่อมือข้าเถอะ  ข้าจะระวังตัวไว้อย่างดีเลย"

    แล้วศิษย์น้องหัวดื้องักเล็กซังก็ไม่ฟังคำทัดทานของศิษย์พี่รองตามอื้อชางไห่เข้าไปในสำนักคุ้มภัยจนได้  และแล้วก็เป็นไปดังที่ศิษย์พี่รองของนางคาดเอาไว้  บังเอิญอื้อชางไห่ย้อนกลับมาพบนางเข้าและเขาก็เกือบจะกำจัดนางที่เข้ามาวุ่นวายอยู่แล้ว  ดีที่เจ้าสำนักหัวซานงักปุ๊กคุ้งและฮูหยินตามมาเจอเหตุการณ์เสียก่อน

"ท่านอื้อแห่งสำนักชิงเฉินนั่นเอง  ยั้งมือไว้ไมตรีเสียก่อนบุตรสาวข้าคงไม่ได้ไปรบกวนอะไรท่านกระมัง"
"ท่านพ่อ  เขาจะฆ่าข้าแล้วค่ะข่วยข้าด้วย"
"เราถือว่าเป็นคนกันเอง  ลูกสาวข้าทำอะไรล่วงเกินท่านหรือถึงต้องลงมือหนักถึงเพียงนี้"
"อ้อเป็นแม่นางน้อยจากสำนักหัวซานหรอกรึเนี่ย  ก็นางเข้ามาลับๆล่อๆพฤติกรรมเยี่ยงโจร  ใครมันจะรู้ล่ะว่าเจ้าจะมาดีหรือมาร้าย ใช่หรือไม่เล่า"

   งักเล็กซังถูกกล่าวหาว่าเป็นโจรก็มองหน้าอื้อชางไห่อย่างโมโห  แล้วกล่าวตอบโต้อื้อชางไห่กลับไปด้วยความไม่พอใจ

"หนอย  ตาแก่นี่สำนักนี้ก็ไม่ใช่ของท่าน  ข้าจะมาจะไปมันก็เรื่องของข้า  ทีท่านยังเข้ามาได้แล้วทำไมข้าจะเข้ามาบ้างไม่ได้ล่ะฮึ ว่ายังไง"
"หนอย  นี่เจ้า" อื้อชางไห่โมโหจนหน้าเขียวแต่ก็เถียงไม่ออก

   งักฮูหยินเห็นว่าไม่ได้การจึงแกล้งทำเป็นถามงักเล็กซังเรื่องของสำนักคุ้มภัยแทน

"เล็กซัง  หัวหน้าลิ้มอยู่ที่ไหนล่ะ"
"ท่านแม่  ตาแก่นี่เขาจับหัวหน้าลิ้มไว้ค่ะ  ไม่แค่จับครอบครัวของหัวหน้าลิ้มเท่านั้น  เขายังบ้าฆ่าคนในสำนักคุ้มภัยไปร่วม 20 กว่าคนเลย  เขาเป็นโรคจิตช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก"
"หึ่ม  ก็พวกมันบังอาจฆ่าลูกชายของข้าก่อน  ข้าเพียงล้างแค้นให้เขาเท่านั้น  มันผิดด้วยรึไง"
"ท่านอื้อท่านก็ฆ่าคนในสำนักคุ้มภัยไปตั้งมากมาย  ถ้ายังไงละก็เราเองต่างก็เป็นชาวยุทธ์เหมือนกัน  ไม่ควรเข่นฆ่าคนมากมายเช่นนี้  เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรท่านจะละเว้นไว้สักคราได้รึไม่"
"เดี๋ยว  ท่านงัก  ช้าก่อน  เรื่องบาดหมางระหว่างข้ากับสำนักคุ้มภัยไม่เกี่ยวกับท่าน  ข้าเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชิงเฉินและหัวซานจึงขอเตือนท่านว่าอย่าแส่เข้ามาจะดีกว่า  อย่าให้เรื่องนี้มาพลอยเสียใมตรีไป เอาล่ะ  พวกเรากลับ"
 
   อื้อชางไห่เร่งรีบพาลูกน้องกลับไป ครู่ใหญ่งักปุ๊กคุ้งก็หันมาตำหนิลูกสาวเรื่องที่พาตัวไปขัดแย้งเป็นปัญหากับอิ้อชางไห่สำนักชิงเฉิน

"เล็กซัง  ข้าสั่งเจ้าไว้ว่ายังไงจำไม่ได้รึหา  สั่งให้พวกเจ้าคอยติดตามดูไว้  อย่าได้หาเรื่องปะทะกับคนของชิงเฉินนี่นา  แล้วยังไงไปมีปัญหากับอื้อชางไห่เชียวนะ  พวกเจ้าไม่รู้รึยังไงอื้อชางไห่ใช้แค่นิ้วเดียวก็สามารถทำให้พวกเจ้ากระดูกแหลกเหลวได้แล้ว  เหลาเต๊อะนู่ข้าหลงนึกว่าเจ้านั้นเป็นคนสุขุมรอบคอบถึงให้เล็กซังตามมาด้วย  เจ้ากลับทำให้ข้าผิดหวังนักรู้ตัวไหม"
"ท่านพ่อขา  อย่าว่าศิษย์พี่รองอีกเลยเพราะข้านั้นไม่ดีเอง  ไม่เชื่อฟังคำทัดทานของเขาทำอะไรหุนหันพลันแล่น  ข้าไม่พอใจวิธีการสกปรกของอื้อชางไห่  ก็เลยบังคับพี่รองขัดคำสั่งของท่านด้วย"
"อ้อ  เจ้านี่มันช่างไม่เจียมตัวซะบ้างเลย  ถ้าข้ามาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น"

   งักปุ๊กคุ้งตำหนิศิษย์พี่รอง  งักเล็กซังเห็นว่านางเป็นต้นเหตุและความสงสารเขาจึงแก้ตัวแทนเขา

"ท่านพ่อคะ  ท่านเคยสอนศิษย์พี่ใหญ่เสมอว่า  ลูกผู้ชายต้องทำในสิ่งที่ควรกระทำ  พวกสำนักคุ้มภัยฟุเวยน่าสงสารออกถึงเราเอาชีวิตให้เข้าแลกช่วยเหลือเขาบ้างก็ถูกแล้วนี้  อีกอย่างลิ้มเพ้งจือก็หนีรอดไปได้แล้ว  เราก็ถือว่าช่วยเขาสำเร็จแล้วจริงมั้ยคะ"
"อ้อ  ช่างคิดนักนะ  พวกเจ้าเอาชีวิตรอดกลับมาได้เพราะโชคช่วยหรอกนะ  ถ้าข้ามาช้ากว่านี้หน่อย  เจ้าจะยังอยู่ได้ถึงปานนี้หรือ  ยังมีหน้ามาทำเก่งอีกเจ้านี่"

    งักฮูหยินถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วกล่าวตัดบทกับงักปุ๊กคุ้งผู้สามี
"ท่านพี่คะ  แต่พวกชิงเฉินเองก็เหลือเกิน  ปากพร่ำบอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายธรรมะ  แต่กลับกล้าทำเรื่องต่ำช้าแบบนี้ได้  คิดแล้วมันน่าแค้นใจนัก  ท่านพี่คะเราต้องหาวิธีช่วยลิ้มเจิ้นหนันกับฮูหยินด้วยค่ะ"
"ข้าคงมาช้าเกินไป  ไม่อาจยับยั้งวิกฤติของสกุลลิ้มได้ทัน  จนเกิดการล้มตายมากมายเช่นนี้  เฮ้อ"
"ช่างเถอะค่ะ  สวรรค์คงลิขิตเอาไว้  อาจเป็นเคราะห์กรรมของพวกเขา  ท่านก็อย่าตำหนิตัวเองให้มากเลยค่ะ"
"เอ่อ  ท่านอาจารย์ครับข้าเห็นอื้อชางไห่รื้อค้นหาอะไรบางอย่างในสำนักฟุเวยโดยไม่แตะต้องทรัพย์สินมีค่าเลย  ท่านคิดว่าพวกเขาค้นหาสิ่งใดกันหรือครับอาจารย์" เหลาเต๊อะนู่ถามขึ้นเพราะเป็นสิ่งที่น่าสงสัย
"อืม  ถ้าข้าเดาไม่ผิดล่ะก้อ  คิดว่าพวกเขาคงมาค้นหาคัมภีร์กระบี่ปราบมารของสกุลลิ้มนั่นแหละ"
"ท่านพ่อเห็นศิษย์พี่ใหญ่เคยบอกว่า  เขาเคยเห็นศิษย์สำนักชิงเฉินฝึกปรือเพลงกระบี่ปราบมารมิใช่หรือคะ  ในเมื่อเขารู้จักวิชานี้แล้วทำไมยังต้องค้นหาคัมภีร์อีกล่ะคะ"
"ในสมัยก่อนลิ้มเอี้ยงหู้เคยใช้เพลงกระบี่ปราบมารเอาชนะฉางชิงจื่ออาจารย์ของอื้อชางไห่  แสดงว่าเคล็ดวิขานี้ต้องมีจุดเด่น  แม้นฉางชิงจื่อใช้ความทรงจำถ่ายทอดเพลงกระบี่ออกมากลับไม่มีพิษสง แต่วรยุทธ์ของพ่อลูกสกุลลิ้มกลับไม่เอาไหน  ข้าว่าคงมีเบื้องหลังอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว"
"อ้อท่านพี่คะ  หรือว่าคัมภีร์เพลงกระบี่ปราบมารชุดนี้อาจซ่อนเคล็ดวิชาบางอย่างเอาไว้  แต่ลิ้มเจิ้นหนันกลับยังไม่บรรลุถึงมันคะ"

   ที่พรรคตะวันจันทราสาขาเสือขาว  ผู้เฒ่าไผ่เขียวสั่งชำระความหวงไป๋ตังที่ขัดคำสั่งซ่างกวนหยุนหัวหน้าสาขาเสือขาวปล่อยตัวครอบครัวหลางเจี้ยผิง  ตามกฎของพรรคต้องนาบด้วยไฟ  แต่ยิ่นอิ๋งอิ๋งขัดไว้

"เฒ่าไผ้เขียวท่านอย่าใช้กำลังส่งเดชกับพี่น้องในพรรคเราได้ไหม ท่านไปบอกซ่างกวนหยุนก็แล้วกันว่าให้จับหวงไป่ตังไปขังเอาไว้ก่อน แล้วข้าจะสอบความให้เอง"
"แต่ ธิดาเทพครับ  เดือนที่ผ่านมาท่านสะสางคดีของสาขาเสือขาวไปหลายคดี ข้าเกรงว่าซ่างกวนหยุนอาจไม่พอใจก็ได้"
"ถ้าเขาไม่พอใจให้มาพบข้าเอง"
"อ้อ...ใช่แล้ว  จริงสินะ  ข้าลืมไปว่าธิดาเทพถือป้ายคำสั่งของประมุขอยู่ในมือ  ก็ต้องไม่มีใครกล้าขัดท่านอยู่แล้ว ครับข้าจะทำตามที่ท่านสั่ง"
"ถึงไม่มีป้ายคำสั่ง  ข้าก็ไม่กลัวใครหรอก  กฎเป็นของตายแต่คนมีชีวิต  จะให้ถือกฎแต่ลูกน้องตาย  แล้วลูกน้องจะเลื่อมใสพรรคเราได้ยังไงถ้าเราใช้กำลังตัดสินปัญหาอย่างเดียว"
"ครับ ธิดาเทพผู้น้อยจะจำไว้  ท่านเฉลียวฉลาดแบบนี้ข้าเลื่อมใสยิ่งนัก"
"ไม่ต้องมาชมข้ามากนัก  เพราะข้าไม่ใช่ท่านอาตงฟางนี่" นางตอบเฒ่าไผ่เขียวยิ้มๆ


    หลานฟ่งหวงกลับเข้ามาสาขาเสือขาวพอดี  ผู้เฒ่าไผ่เขียวจึงนำนางเข้ามาพบธิดาเทพ  ยิ่นอิ๋งอิ๋งมองไปที่หลานฟ่งหวงและสอบถามนาง

"เกิดเหตุอะไรขึ้นกับท่านเค๊กเอี้ยงหรือปล่าว"
"เปล่าค่ะธิดาเทพ  ท่านเค๊กเอี้ยงแค่เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยเท่านั้นแต่ไม่มีสิ่งใดเป็นอันตราย  ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะข้าจัดการให้เรียบร้อยแล้ว"
"เรื่องอะไรกันหรือ ฟ่งหวงบอกมา"
"เจ้าสำนักหัวซานงักปุ๊กคุ้ง  ไปเป็นแขกอยู่ที่บ้านท่านหลิว  เขาไปพบท่านเค๊กเอี้ยงเขาเลยพยายามจะสังหาร  สุดท้ายเขากับท่านหลิวเลยประมือกัน  ส่วนข้าก็นำท่านเค๊กเอี้ยงหนีออกมาเรื่องเลยจบลงด้วยดี  แต่ว่าท่านเค๊กเอี้ยงไม่อยากรบกวนท่านหลิวอีก  ต้องการแก้ปัญหาเลยย้ายไปพักที่ตำหนักห้าเซียนของข้าแทน"
"อ้าว  แล้วทำไมเจ้าไม่อยู่คุ้มครองท่านเค๊กเล่า  จะส่งข่าวก็ให้ลูกน้องมาแจ้งข่าวเอาก็ได้ ไม่เห็นต้องมาด้วยตัวเองเลยนี่"
"ท่านปู่  ข้าก็ไม่ได้อยากมาเองหรอก  แต่ท่านเค๊กบอกมีเรื่องสำคัญเกี่ยวถึงชีวิตคนผู้มีคุณของท่าน เลยให้ข้ามาด้วยตัวเองเพื่อไม่ให้ผิดพลาด แถมยังบอกว่าในพรรคห้าเซียน ข้าเป็นคนเก่งและลาดที่สุดแล้วก็เลยใช้ข้ามา  อ้อ ใช่แล้ว ธิดาเทพคะท่านเค๊กบอกว่า  เขามีเรื่องสำคัญอยากให้ท่านช่วยเหลือ"
"มีอะไรก็ว่ามา"

    ยิ่มอิ๋งอิ๋งถามเมื่อได้ความก็รีบเดินกลับมาพร้อมกับหมอเพื่อทำการรักษาเค๊กเอื้ยงในทันที แต่เมื่อกลับมาถึงที่พรรคห้าเซียนของหลานฟ่งหวง  เค๊กเอี้ยงกลับให้หมอรีบทำการรักษาอาการบาดเจ็บของเล่งฮู้ชงผู้มีพระตุณของเขาแทน  เล่งฮู้ชงที่แม่ชีน้อยอี้ลิ้มนึกว่าเสียชีวิตแล้วที่แท้เขาแค่บาดเจ็บอาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน  พอได้เค๊กเอี้ยงและหลานฟ่งหวงช่วยเอาไว้แต่ก็ยังไม่พ้นขีดอันตรายเช่นกัน  ยิ่มอิ๋งอิ๋งจึงรีบให้หมอเพ้งรีบทำการรักษาเขาอย่างเร่งด่วน

"หมอเพ้งเป็นยังไงบ้าง ช่วยเขาได้ไหม"
"เรียนธิดาเทพ  เล่งฮู้ชงนั้นได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสไม่น้อยทีเดียว  ยาเชื่อมกระดูกของข้าแม้จะเป็นตัวยาวิเศษ  แต่การรักษานั้นย่อมต้องใช้เวลาบ้าง  แต่ท่านไม่ต้องห่วงอันใด  แค่ใส่บาดแผลไม่นานเลือดคั่งภายในก็จะหยุดไหล และกินยาดีหมีอีก 3 เม็ดเขาก็พ้นขีดอันตรายแล้วท่านอย่าห่วงไปเลย"

  ขณะนั้นเล่งฮู้ชงมีอาการกระตุกเกิดขึ้น  เค๊กเอี้ยงมองอย่างเป็นห่วงและรีบถามหมอเพ้งทันที

"อ๊ะ  ร่างเขากระตุกแล้วท่านหมอเพ้ง เกิดอะไรขึ้นกับเขารึปล่าว"
"ท่านเค๊กอย่าห่วงไปเลย  ยาเชื่อมกระดูกกับดีหมีแม้เป็นยาดีรักษาโรคได้ผล  แต่มันก็เป็นยาแรงโดยเฉพาะดีหมีนั้นต้องสามราตรีถึงจะรู้สึกตัว"
"อ้อเป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าเข้าใจล่ะท่านหมอเพ้ง  เอาล่ะข้าไม่รบกวนท่านแล้วตามสบายเถอะ"

   เค้กเอี้ยงฟังแล้วก็รู้สึกหายห่วงเรื่องเล่งฮู้ชงไป  ยิ่มอิ๋งอิ๋งสั่งให้หลานฟ่งหวงจัดห้องพักอย่างดีและอำนวยความสะดวกในการรักษาเขาทุกอย่าง  ส่วนผู้เฒ่าไผ่เขียวปู่ของหลานฟ่งหวงก็แยกไปพักห้องของตนเอง  เค๊กเอี้ยงก่อนจะออกไปยังห้องพักของตนได้ขอบคุณยิ่มอิ๋งอิ๋งที่ให้ความช่วยเหลือเล่งฮู้ชงตามที่เขาขอร้อง

"ท่านพี่ท่านไม่ต้องห่วงไปหรอก  ข้าผิดต่อท่านมากแล้ว  เขาเป็นผู้มีพระคุณของท่านข้าย่อมต้องช่วยเขาแน่นอน  ท่านไม่ต้องขอบคุณหรอก  ท่านคงเหนื่อยแล้วไปพักผ่อนก่อนเถอะ  ข้าจะดูแลเขาให้ท่านเองสักครู่เดี๋ยวข้าจะตามไป  รอข้าด้วยข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน  นานแล้วที่เราไม่ได้พบเจอกัน"
"ก็ได้น้องหญิง  แล้วแต่เจ้าเถอะ  เดี๋ยวข้าจะออกไปพักผ่อนรอที่ห้องพักข้างนอกก็แล้วกัน"
"ค่ะ ท่านพี่" ยิ่มอิ๋งอิ๋งรับคำสามีของนาง

   ขณะที่นางนั่งเฝ้าดูแลอาการของเล่งฮู้ชงผู้มีคุณของเค๊กเอี้ยงผู้สามี  เล่งฮู้ชงก็เพ้อถึงศิษย์น้องเล็กหรืองักเล้งชังออกมา

"น้องเล็ก  เจ้าอย่าเพิ่งไป  อย่าทิ้งข้าไปนะ น้องเล็ก"

   นางได้แต่มองด้วยความเวทนาสงสารเขาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว  ที่จริงนางนั้นแอบมองว่าที่จริงเขานั้นก็เป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีทั้งยังมีคุณกับสามีของนางจนนางเกิดเป็นความรู้สึกดีๆกับเขาขึ้นมา  เมื่อได้ยินเขาละเมอถึงกับอิจฉานางที่เขาเพ้อถึงโดยไม่รู้ตัว

"โง่จริง  เล่งฮู้ชงท่านน่าจะฝึกวรยุทธ์ให้ดีกว่านี้  ไม่เช่นนั้นท่านมีกี่ชีวิตก็เป็นผู้กล้าไม่ได้หรอก"

   นางได้พึมพำกับเล่งฮู้ชงที่นอนหมดสติด้วยความเวทนาสงสาร  สักครู่นางก็ออกมาสั่งการให้หลานฟ่งหวงจัดคนเข้าไปดูแลอาการเขาและให้รีบนำเขาออกไปจากสำนักห้าเซียนอย่างเร่งด่วน  หลานฟ่งหวงรับปากว่านางจะจัดการตามคำสั่งให้เอง  เฒ่าไผ่เขียวคอยรายงานตามที่ได้รับคำสั่งการจากนางไปถึงสถานการณ์โดยรอบให้เขาดูแลความปลอดภัยของเค๊กเอี้ยง

 
    ทั้งคู่ต่างโหมกระหน่ำร่วมรักกันอย่างสุขสันต์ แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยแต่ราตรีนี้ยังนับว่ายาวนานแต่สำหรับคนทั้งคู่แล้ว  ย่อมที่จะร่วมรักกันต่อไปด้วยความคิดถึงที่ได้พลัดพรากจากกันมาแสนนาน  การพลัดพรากจากผู้ที่ตนรักนั้นย่อมเป็นความทุกข์ที่สุดในโลกใบนี้

::Angry::