นาฏกรรมแห่งรัก
'ทำไมต้องเป็นคนๆนี้' ผมเฝ้าถามตัวเองมาตลอดตั้งแต่เข้ามายังมหาวิทยาลัยแห่งนี้ใหม่ๆทั้งที่รู้ตัวดีว่ามันคงจะยากในเมื่อเราเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่ชั้นมัธยมและคงไม่มีทางเป็นไปได้มากกว่านั้นในเมื่อผมไม่กล้าที่จะสารภาพกับเธอว่าผมรักเธอ
ผมรู้จักกับนกมาตั้งแต่เรียนมัธยม เราเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันเลยสนิทกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
คงเพราะนกเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่อบอุ่น คุยเก่ง เป็นกันเองกับทุกคนจึงทำให้ผมรู้สึกผูกพันธ์กับเธอไม่น้อยเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นกเข้ามาอยู่ในใจผม เข้ามาคอยรบกวนทั้งสี่ห้องหัวใจให้ปั่นป่วนทุกค่ำคืนทำให้ผมต้องยอมแพ้ต่อความรู้สึกที่มีและหลงรักนกไปหมดทั้งหัวใจ
พอเราจบมัธยมต่างคนต่างแยกย้ายกันไปแต่ผมก็ยังได้เจอนกในมหาลัยนาฏศิลป์แห่งนี้อีก มันทำให้ผมดีใจมากๆเพราะไม่คิดเลยว่าจะได้ติดที่เดียวกันอย่างนี้ นั่นทำให้ผมที่ไม่มีหัวทางนี้เลยต้องมุเรียนอย่างหนักเพื่อให้ได้เรียนต่อไปด้วยกันกับคนที่ผมรัก
นกคอยสอนท่ารำต่างๆให้ผมยามที่ผมขอ เราหัวเราะด้วยกัน เหนื่อยด้วยกันและบางทีก็ถูกทำโทษด้วยกัน มันทำให้เราผูกพันธ์กันมากกว่าเพื่อนแต่ก็เป็นอยู่ได้แค่นั้นเพราะผมไม่กล้าพอที่จะขอนกเป็นแฟน คิดไปแล้วผมนี่มันบ้าจริงๆที่ไม่มีความกล้าพอจะพูดความรู้สึกที่มีออกไปทั้งๆที่นกก็อยู่ข้างๆ อยู่ตรงนี้เพื่อผมมาตลอด
กระทั่งมีรุ่นพี่จากที่อื่นเข้ามาจีบนก ตอนนั้นผมก็ยังใจเย็นและมั่นใจว่านกคงจะคิดอย่างเดียวกันกับผมเลยไม่ได้คิดที่จะกันท่าอะไรแต่นั่นมันคือความโง่ของผมแท้ๆเพราะหลังจากนั้นไม่นานนกก็ไปคบกับรุ่นพี่คนนั้นส่วนผมน่ะเหรอก็กลายเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่สำคัญไป
ไม่ใช่ว่าเราห่างกันมากขึ้นหรอกนะ ผมก็ยังคงอยู่กับนกเหมือนเดิม เรียนด้วยกันเหมือนเดิม แม้แต่เวลามีอะไรไม่เข้าใจนกก็ยังคงช่วยสอนให้ผมเหมือนเดิม แต่ผมน่ะสิกลับรู้สึกว่ามันว้าเหว่มากขึ้น รู้สึกว่าช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันมันลดลง รู้สึกว่านกไม่ใช่นกคนเดิมที่ผมคบหามากว่าห้าปี
ผมเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้และฝืนยิ้มต่อไปพลางด่าตัวเองในใจซ้ำๆว่าไอ้โง่เอ้ย นกไปมีความสุขแล้วทำไมไม่ดีใจกับนกวะ จะมามัวเสียดายหาพระแสงอะไรในเมื่อมึงไม่เคยคิดที่จะเริ่มความสัมพันธ์นี้เลย ในเมื่อมันไม่ถูกเริ่มมันก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น และในเมื่อรุ่นพี่คนนั้นเป็นคนเริ่มก่อนเขาก็ต้องมีสิทธิ์ที่จะได้รับความรักจากนกก่อน
ผมบอกตัวเองอย่างนี้อยู่ได้เดือนเดียวนกก็เริ่มเข้ามาปรึกษาปัญหาความรัก ปัญหาความขัดแย้งที่มีกับรุ่นพี่คนนั้น แรกๆผมคอยปลอบนกและคิดไปว่ามันคงเป็นเรื่องปกติของคู่รักทุกคู่ที่ต้องเจอเลยคอยช่วยพูดช่วยให้กำลังใจ ก็ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนดีหรอกนะใจจริงผมอยากใช้โอกาสนี้แย่งนกกลับมาด้วยซ้ำแต่อย่างว่าแหละผมรู้ตัวดีว่าผมไม่กล้าพอและรู้ดีว่าผมไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้ก็เลยต้องยอมเจ็บไปด้วยทุกครั้งที่คอยปลอบ ถึงอย่างนั้นผมก็หวังนะว่าอย่างน้อยเมื่อหมดปัญหาลงนกก็คงจะได้มีความสุขอีก
ผมได้เห็นรุ่นพี่คนนั้นทะเลาะกับนกมากขึ้น บางทีก็ถึงกับมีขว้างปาของด้วยความหงุดหงิด ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับสิ่งที่เห็น นกมาร้องไห้กับผมบ่อยขึ้น ก็เรื่องเดิมๆที่มาปรึกษาแต่มันดูรุนแรงขึ้นจนบอกไม่ถูก ผมเริ่มห่วงนกมากขึ้นและคิดว่าสักวันรุ่นพี่คนนั้นคงไม่หยุดแค่ระบายอารมณ์กับข้าวของแต่คงจะมาระบายอารมณ์กับนกด้วย ผมเลยเริ่มเตือนนกให้ระวังตัว เริ่มคอยตามดูว่านกเป็นยังไงบ้างเวลาที่ไม่อยู่กับผม แต่แฟนกันมันก็คุยกันง่าย ทะเลาะกันได้ก็ดีกันเร็วผมจึงเป็นเหมือนหมาหัวเน่าทุกครั้งที่ทั้งสองคืนดีกันและนกก็จะกลับไปใช้ชีวิตอย่สงมีความสุขแับรุ่นพี่คนนั้นอีกแม้ผมจะรู้อยู่เต็มอกว่าอีกไม่นานนกต้องเสียน้ำตาให้ผู้ชายคนนี้อีก มันทำให้ช่วงนี้ผมคอยถามตัวเองตลอดว่าทำไมต้องเป็นคนนี้วะ ทำไมไม่หาคนใหม่ หาคนอื่นที่ไม่ต้องทำให้ผมรู้สึกทรมานใจกับการรอคอยให้เขาเลิกกัน ทรมานใจกันการต้องมาคอยเป็นห่วง แต่ผมก็หาคำตอบกับตัวเองได้ทันทีว่าถ้าไม่ใช่คนนี้ต่อให้อีกกี่คนก็ไม่ใช่คนที่ผมทุ่มเทให้ทั้งใจแน่นอน
เช้าวันนี้นกมาหาผมด้วยน้ำตานองหน้าเฟมือนเดิมแต่ต่างออกไปจากเดิมที่วันนี้มีรอยเขียวช้ำปื้นหนึ่งที่ข้างลำแขน ผมถามนกด้วยความเป็นห่วงว่าไปโดนอะไรมาแต่นกก็ไม่ตอบพร้อมกับบอกผมว่าเลิกกับพี่คนนั้นแล้ว อยากให้ผมพาเที่ยว ผมตกปากรับคำทันทีด้วยใจเต้นแรง รู้ว่าไม่ควรแต่มันดีใจมากๆจนบอกไม่ถูก ไม่ได้ดีใจที่นกเลิกกับรุ่นพี่คนนั้นเพื่อที่ผมจะได้เข้าไปแทนที่หรอกนะแต่ดีใจที่นกหลุดออกจากเรื่องแย่ๆได้มาเริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที ผมจึงตกลงรับปากจะพาไปพลางวางแผนในหัวถึงวิธีต่างๆที่ทำให้นกดีขึ้นและตัดสินใจจะพาไปผ่อนคลายยังสวนหย่อมริมแม่น้ำข้างมหาลัย
เย็นๆใกล้ค่ำผมพานกมาเดินเล่นริมน้ำ ดูพรายฟองคลื่นขาวแตกกระจายครั้งแล้วครั้งเล่าพลางปลอบและแกล้งให้นกยิ้มออกมา ผมบอกว่าอยากเห็นนกยิ้มทุกวันเพราะนกยิ้มแบบนี้ทุกวัน ไม่อยากเห็นน้ำตาของนกอีกแล้ว แค่นั้นแหละนกถึงกับจ้องผมด้วยความแปลกใจเพราะผมไม่เคยพูดอะไรแบบนี้มาก่อน มันทำให้ผมเขินนะแต่ก็ยังไม่กล้าบอกความในใจออกไปอยู่ดี คิดแค่ว่ามันยังไม่เหมาะและเปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นเรื่องเมื่อสมัยที่เรารู้จักกันใหม่ๆจนได้มาเรียนมหาลัยเดียวกันถึงสี่ปีอย่างนี้
เราคุยกันไปยิ้มกันไป เล่าเรื่องราวเปิ่นๆสมัยเรายังเด็กให้กันฟังพลางหัวเราะขบขันไปด้วย เรื่องบางเรื่องที่ลืมไปแล้วก็ค่อยๆนึกออกทีละเรื่องสองเรื่องให้เราได้เอาออกมาเล่ามาคุยกัน มันทำให้เราสองคนได้คิดนะว่าเราก็ผ่านอะไรตั้งมากมายด้วยกันมาเยอะทั้งทุกข์ทั้งสุข แต่พอย้อนกลับไปคิดถึงมันเรากลับมีแต่ความสุขอย่างบอกไม่ถูก
เราสองคนมองตากัน ผมรู้สึกได้นะว่าเราน่ะสื่อใจถึงใจกันได้ ถึงไม่ต้องพูดออกมาเราก็รู้ดีว่าเรารักกันแค่ไหน
ตอนนั้นเองที่แหนรุ่นพี่ของนกขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดห่างๆพลางมองมาที่เราทั้งคู่ นกหันมองรุ่นพี่เหมือนรู้ว่าเขามาง้อและต้องการจะคุยเลยลุกเดินไปหา ตอนนั้นเองที่ผมรู้เลยว่าถ้าผมปล่อยนกไปอีกครั้งคงไม่มีทางได้บอกความในใจออกไปอีกแล้ว ผมไม่อยากให้นกต้องกลับไปเจอกับขุมนรกนั่นอีกแล้ว
"นก!"ผมเรียกพลางตั้งท่ารำ นกหันมามองดูท่าทางที่ผมรำออกไปทีละท่าด้วยความแปลกใจ เราไม่ได้พูดอะไรกันแต่ผมรู้ดีว่านกต้องเข้าใจความหมายในแต่ละท่าพวกนี้เพราะนกนั่นแหละที่เป็นคนสอนผมมาเอง
 
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
--------------------------------------------------------------------------------------------
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
------------------------------------------------------------------------------------------------
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน