สวัสดีฮะขออภัยที่หายไปนาน ช่วงนี่พอสอบก็ยุ่งๆ ใกล้จะจบก็จะเครียดๆหน่อย บวกกับภาวะหมดไฟกลับมาเยือนอีกรอบหลังสอบเลยไม่มีอะไรขยับอีก หนีไปทะเลกลับมาเลยมีแรงฮึดได้เรื่องนี้มาอีกตอน
ข่าวดีคือหลังจากลากมาถึงขนาดนี้ มายด์ก็จะโดนเปิดซิงซะที อดใจอีกไม่กี่ตอนเท่านั้น
ขอซ่อนบางฉากนะครับ ผมจะไม่ทนกับปลิงวะโทษที
สุดท้ายก็ขอบคุณที่ยังติดตามกันมาถึงตอนนี้นะครับ
ขอให้ทุกคนอ่านอย่างสนุกนะครับ Enjoy ตอนที่ 21 ผิดพลาด…. หนีตาย“ครับ…..ผมทราบตัวมันแล้วครับ ครับใช่มันแน่ๆครับ”
เงาร่างของชายคนหนึ่งกำลังเดินไปตามโรยกรวดของไร่ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพย์อยู่ “ครับนายผมจะเล่นมันให้ร้องขอความตายเลยครับ ครับไม่ผิดหวังแน่ครับ”
ด้านหลังมันมีชายอีก4คนเดินตามมา พวกมันไปที่ห้องดนัยและถีบพังประตูเข้าไปแต่ทว่าไม่มีใครอยู่ด้านใน
“หามันให้เจอและฆ่ามันซะ!”
กระเป๋าสัมภาระถูกทยอยขึ้นไปบนรถทัวร์ขนาดใหญ่พร้อมกับนักศึกษาที่กำลังร่ำลาคนงานในไร่กัน ในที่สุดพวกเขาก็ถึงเวลาต้องจากกันแล้ว
“หนูลากลับแล้วนะค่ะ”
มายด์ไหว้สามีภรรยาเจ้าของไร่ หญิงชราโผเข้ากอดเด็กสาวอย่างแสนเสียดาย
“ไม่มาเป็นหลานสะใภ้ป้าจริงๆเหรอหนูมายด์”
หญิงชรายังเสียดายที่หลานชายตัวดีพลาดจากมายด์ไปอย่างน่าเสียดาย
มายด์: “ขอเป็นหลานเฉยๆแทนดีกว่าค่ะ หนูกับน้องเขาไม่ได้ชอบกัน”
 
หญิงชราโดนมือของคู่ชีวิตตีแขนเบาๆเป็นห้าม
มาวินที่วันนี้ลุกไหวเดินมาหาเธอ
มาวิน: “ผมต้องขอโทษพี่มายด์...ทุกเรื่องครับ โดยเฉพาะเรื่อง..พี่ดนัย”
เธอยิ้มให้มาวิน โดยที่ไม่ทราบเลยว่าหน้าของเธอตอนนี้มันแสดงวามเศร้าออกมาผ่านดวงตาชัดเจนขนาดไหน
ส่วนมาวินรู้แล้วว่าชีวิตเขาควรทำอะไรต่อไป เขาเลิกกดดันตัวเอง ซึ่งนั้นคือฝีมือมายด์กับดนัย
ภายหลังที่เขาฟื้นเด็กหนุ่มคนนี้ก็ลองทบทวนทุกอย่างที่ทำลงไปใหม่อีกครั้ง ทั้งการที่เขาจมอยู่กับความทุกข์ให้ความเกลียดความเศร้าบดบังตนเอง ตอนที่มาวินเกือบตายเขาตระหนักได้ว่าชีวิตเขามีสิ่งที่อยากทำอีกหลายอย่าง เขามีไร่ มีญาติผู้ใหญ่ที่ต้องดูแล มีความฝันที่ต้องไขว้คว้าเขาปลดปล่อยตัวเองจากอดีตได้แล้ว
แต่สิ่งที่เขาทำก็สร้างความไม่เข้าใจให้มายด์กับดนัยไปเสียแล้ว ซึ่งตอนนี้เขายังแก้เรื่องนี้ไม่ได้
มายด์: “แล้ว…..เขาไม่มาเหรอค่ะ”
เธอพยายามมองหาดนัย แต่แม้แต่เงาก็ยังไม่เห็น
เสียงในคืนเมื่อวานยังกึกก้องในใจเธอ ทำไมชีวิตเขากับเธอมันต้องเจอกับเรื่องแย่ๆด้วย
หรือว่าเขากับเธอไม่ได้มีบุญจะได้คบกัน
สาวสวยนั่งเหม่ออยู่บนรถทัวร์ที่กำลังจะขับพ้นเขตไร่
แต่สายตาที่มองทอดออกไปก็เห็นว่าดนัยกำลังหันหลังกลับ
นี่เขาแอบมาส่งเธอ ในสมองเธอหยุดใช้เหตุผลทิ้งทุกความเหมาะสมออกไป อย่างน้อยถ้าจะจบกันจริงๆอย่างน้อยที่สุด เธอก็มีอะไรจะพูดกับดนัย
และเธอต้องบอกกับเขา….ตอนนี้!!
“จอดรถเดี๋ยวนี่!!”
ดนัยเดินลัดเลาะมาตามทาง สมองครุ่นคิดเรื่องมายด์อยู่ในหัวตลอดเวลา ถ้าถามว่ายังรักอยู่รึเปล่า ตอนนี้คำตอบก็คงเป็นคำตอบเดิมกับที่เขามีมาตลอด แต่ใช่ว่าคนเราจะมีแค่ความรักแล้วมันจะเพียงพอ วันนี้เขาเชื่อทฤษฎีนี้แบบไร้ข้อโต้แย้ง
ก่อนหน้านี้ระหว่างเธอกับเขามันเหมือนอยู่คนละฝั่งหน้าผาและมีสะพานง่อยๆ เขาที่เป็นคนข้ามมาจะหล่นลงตายวันนี้วันพรุ่งก็ไม่ทราบ แต่วันนี้เรื่องราวมันเป็นอันว่าเขาทั้งวิ่งทั้งโหนสะพานจนมันขาดเหลือแต่เชือกเปื่อยๆเส้นสุดท้าย
ถ้าเขาไม่ดื้อรื้นแต่แรก มันคงไม่ต้องจบกันแบบนี้
แถมเขายังจะปล้ำเธออีก เรียกแบบตรงๆคือเขาเกือบจะข่มขืนเธอสำเร็จ ขอบคุณสวรรค์ที่เธอเอาตัวเองรอด...รอดจากคนแบบเขาไปได้
ทำไมเราเลวขนาดนั้นวะ เขาถามตัวเองในใจ ถ้าเขาทำลงไปสำเร็จตอนนี้เรื่องราวจะเป็นยังไงกัน เขาที่ยึดถือคำว่าสุภาพบุรุษกลับทำระยำซะเอง ผิดแบบไม่มีหน้าไปเจอเธออีกแล้ว
แต่ดนัยชะงักเท้าเพราะรู้สึกผิดปกติอย่างกระทันหัน
เขาเหม่อลอยจนทำให้มีคนมายืนล้อมได้โดยที่เขาพึ่งจะรู้สึกตัว
5คน เวรละไงกู...ต้องหนีแต่
ผัวะ!
ทว่าโชคร้าย เขารู้ตัวช้าเกินไปแล้ว!
ชายคนหนึ่งในกลุ่มโยนท่อนไม้ทิ้งและส่งสัญญานให้คนอื่นๆจับดนัยที่นอนมึนให้ยืนขึ้นมา
“ว่าไง คุณตำรวจ”
มันตุ่ยท้องเขาอย่างแค้นใจ
ดนัยโดนจับแขนไม่ให้ทรุดลงไปและยิ้มมุมปากให้ตัวเองเบาๆ
ดนัย: “แบบนี้ นี่เอง มิน่าผมถึงคว้านหาในกลุ่มคนงานเท่าไหร่ไม่เจอ...ที่แท้ก็มาซุกตูดอยู่ที่นี่นานแล้ว คุณผู้จัดการต้นหรือจากเรียก GODEN COINดีละครับ”
หนุ่มอวบผู้จัดการฝ่ายส่งสินค้าของไร่ที่ทำงานกับที่นี่มาเกือบสิบปีคือคนที่เขาตามหาอยู่ เขามุ่งเน้นจำกัดวงค้นหาพลาดสินะ
และดูแล้วมันคงไม่ให้เขาได้แก้ตัวแน่
ดนัยส่ายหัวอย่างหมดอาลัยตายอยากเมื่อมันชักปืนออกมา
มันไม่เผลอมีช่องว่างให้เขาพลิกเกม
จริงอยู่เขาอาจจะดิ้นหลุดออกจากไอ้เวรสองตัวที่ล็อคเขาได้ แต่เขาจัดการไอ้ต้นที่มีปืนในมือไม่ทันแน่
นี่ยังไม่รวมที่เหลือสมุนอีกสองคนที่ยืนคุมเชิงอยู่
ดนัยจ้องปากกระบอกปืนพร้อมๆกับทำใจ
ทำใจให้กับความพ่ายแพ้ของตน เขารู้แต่แรกแล้วว่าถ้าพลาดเขาก็ตาย
ดนัย: “จะตายกันง่ายๆแบบนี่เหรอวะชีวิต”
เขาบ่นกับตัวเองก่อนจะหลับตาลง
โครม!! ไม้กระดานที่กองอยู่ล้มลง
ทุกสายตามองไปยังต้นเสียงพร้อมกัน
ดนัย: “มายด์!! วิ่งหนีเร็ว!”
เขาเบิกตากว้างที่เห็นเธอ เธอมาได้ไงกัน เธอควรจะกลับไปแล้วนิ แต่ทว่าไอ้ต้นมันยกปืนชี้ไปหาเธออย่างไม่ลังเล
เขากระทืบขาพวกมันด้านซ้ายและรีบเหวี่ยงมันไปหาเพื่อนที่คุมเชิงอีกสองคน และใช้มือที่เป็นอิสระชกใส่แก้มอีกที่จับเขาไว้ แต่แทนที่มันจะล้มลงไป มันดันมีสติพอจะดึงคอเขาให้ลงไปนอนอีกคน
ดนัยรีบพลิกตัวและกระโจนไปปัดปืนช่วยมายด์
แต่พวกมันคนหนึ่งกลับคว้าขอเท้าเขาทัน
ดนัยจึงได้เบิกตามองดูเธอกำลังจะถูกยิง เขาถีบมือมันด้วยเท้าอีกข้างก่อนจะกระโดดไปให้ทันเวลา แม้รู้แก่ใจว่าเขาช้าไปแล้ว
ส่วนสาวมายด์ที่วิ่งด่วนจี๊ตามเขามาและชนกับลังไม้ล้มเสียงดังก็พบว่าตัวเองนั้นกำลังจะโดนยิง ก็อยู่ในภาวะก้าวขาไม่ออก ร่างเธอชะงักนิ่ง นี่เธอกำลังจะต้องตายเหรอ เธอยกแขนบังหน้าตัวเองด้วยความหวาดกลัว
พริบตาที่กระสุนกำลังออกจากปืน เงาดำๆก็กระโดดใส่มือต้น ทำให้กระสุนนัดนั้นเฉียดคอเธอไปจนเธอรู้สึกถึงความร้อนของอากาศ
 
ดนัยเห็นจังหวะก็รีบวิ่งไปคว้าข้อมือมายด์จะวิ่งหนีทันที
 
ดนัย: “เราช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”
มายด์: “หมายความว่าไง จะปล่อยให้มันตายเหรอ ปล่อยเรา! เราจะกลับไปช่วยมัน”
เธอสะบัดแขนเขา แต่ว่าดนัยไม่ยอมให้เธอหลุดออกไป
ดนัย: “ไม่!! กลับไปเราไม่รอดแน่”
มายด์: “แต่มันมาช่วยเรานะ จะให้มันตายแบบนี้เนี่ยนะ ไอ้คนใจบาปใจร้าย เกลียดๆ ปล่อยยย!!”
เธอฝืนตัวเต็มที่ ไม่ยอมวิ่งหนีไปกับเขาแถมทั้งข่วนทั้งทุบเขาสารพัด
ดนัย: “เราไม่ให้มายด์กลับไปตายหรอก”
มายด์: “นี่มันชีวิตเรา เราเลือกเองได้อย่ามายุ่ง ปล่อยเรา”
ดนัยหยุดลากเธอ เขาหันมามองเธออย่างเศร้าๆ
 
ปัง…..ปัง..ปัง
เสียงกระสุนปืนดังสนั่นไร่
 
มายด์เองก็ทราบความหมายของเสียงกระสุนนี่ดี เธอใช้มือเช็ดน้ำตาก่อนจะพยักหน้าให้ดนัยเบาๆ ดนัยถอนหายใจก่อนจะจูงมือเธอวิ่งต่อไป
แต่ไปทางคนงานไร่และคณะนักศึกษากำลังวุ่นวายที่มายด์วิ่งออกมาจากรถ และพอไม่ทันจะหาเธอเจอ ก็มีเสียงปืนอีกทุกอย่างตอนนี้ถึงกับโกลาหลแล้ว
มาวิน: “ลุงๆ ลุงไปจัดการส่งพวกนักศึกษากลับไปก่อน เราดูแลไม่ไหวแน่ถ้าพวกเขายังไม่ไป”
มาวินที่ตอนนี้สมบูรณ์ทั้งร่างกายและอารมณ์ตัดสินใจสั่งการแทนลุงของตนทันที
ถ้าพวกนักศึกษาไปเขาจะทุ่มเทคนงานออกตามหาและจัดการมันได้ ไม่ต้องมาห่วงพะวงอะไรเพิ่มเติมอีก
ลุงศักดิ์: “นายน้อยผมโทรตำรวจแล้วครับ เขากำลังมา”
เขาสั่งให้ทุกคนที่ยิงปืนเป็นตามเขามาที่ห้องลับเพื่อหยิบปืน
เขาเริ่มแบ่งคนงานออกเป็นกลุ่มและตรวจทุกตารางนิ้วของไร่ ไม่นานนักเขาก็เจอเบาะแส
“นายน้อยๆ มานี่ด่วนครับ”
ไอ้ทิวรีบดึงแขนเขาออกไปยังหลังอาคารอีกหลัง
 
“นี่ตำรวจ….. ปลอดภัยแล้วเข้ามาเลย”
ดายชัยที่โผล่พรวดเข้ามาคนแรกตรวจห้องเมื่อเห็นว่าปลอดภัยก็เก็บปืนเหมือนตำรวจที่ตามมา
“แจ้งศูนย์ จากยักษ์คิ้วไม่พบยักษ์เล็ก คาดว่าน่าจะกำลังหนี”
“จากยักษ์ใหญ่เรากำลังผสานทุกหน่วยในพื้นที่แล้ว เครื่องบินกำลังมาเราจะรีบไป ดาบระวังตัวด้วย”
ดาบชัยรีบกลับไปหาทุกอย่างในห้องมันเพื่อหาข้อมูลต่อ แต่ทว่ามันทำลายทุกอย่างทิ้งไปหมดแล้ว เขาแทบไม่เหลืออะไรให้สืบต่อ
“อย่าพึ่งตายนะหมวด”
ดาบชัยภาวนาในใจ
ปังๆ เปรี้ยงๆ
กระสุนวิ่งชนพื้นชนไม้รอบตัวดนัยที่จูงมึงลากเธอให้หลบเขาหันกลับไปยิงสวนสองนัดก่อนจะกระชากเธอให้วิ่งต่อ เขาวิ่งหนีมันอย่างจนตรอก จริงอยู่ที่เขามีแผนสำรองไว้ตอนเจอเรื่องแย่ๆ
แต่แบบนี้มันก็เกินคาดไปหน่อย
“ตามไปเร็ว”
“นั้นไง ยิงเลยๆ”
“ฆ่ามัน!!”
ชายติดอาวุธ สิบคน หรืออาจจะมากกว่านั้นพอดีเขาไม่ได้ว่างจะยืนนับ มันใช้คนมากไล่ฆ่าเขาแบบทุ่มทุนสร้าง
แผนที่เตรียมไว้สำหรับหนีก็เลยยิ่งกว่าผิดพลาดซะอีก เรียกได้ว่าตอนนี้ไม่มีแผนใดๆ
หนีตายหัวซุกหัวซุนอย่างเดียว
เขาสับเท้าวิ่งโยกไปมาซ้ายขวาเพื่อไม่ให้โดนยิงเร็วนัก แต่เสียงกระสุนที่วูบไปเฉียวไปมาก็เล่นเอาเขาเหงื่อแตกพลั่กๆเหมือนกัน
เดิมที่คือเขาต้องไปหยิบของสองชุดที่แอบซุกไว้ในไร่และหนีตายไปตามทาง แต่ว่ามันมีเยอะเกินไปเอาเลยได้แค่แค่คว้ากระเป๋าปืนมา ส่วนอุปกรณ์เดินป่า โทรศัพท์ดาวเทียม แผนที่และของสำคัญอีกหลายชิ้นเขาไม่อาจเข้าไปเอาออกมาได้ทัน
แถมเขายังมีตัวถ่วงที่ต้องดูแลอีกคน
มายด์: “เราวิ่งไม่ไหวแล้ว”
มายด์ฝืนตอบเขาอย่างเต็มกลืน หงาดเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวเธอ
แต่ก็นั้นแหละ มันหยุดได้ซะที่ไหน
เขาลากเธอวิ่งต่อแบบไม่ให้เธอมีเวลาโต้แย้งอะไร เรียกได้ลากได้ลากกระชากได้กระชาก นี่ไม่ใช่หนังที่พระเอกจะดูแลประคบประงมตอนนี้เรื่องจริงๆแล้ว เขายอมโดนเธอโกรธละวะ
ปัง….ปัง...กริ๊ก กริ๊กๆ
ดนัยส่งเสียงอย่างขัดใจเมื่อกระสุนปืนเขาหมดไปอีกแม็ก เขาสะบัดข้อมือปลดแม็กว่างทิ้งลงก่อนจะล้วงอีกอันมาใส่แทน ก่อนจะกดดันลูกเลื่อนให้พร้อมยิงอีกครั้ง
เขาได้แต่ยิงขู่ ยิงกดดันมันไม่ให้ตามเขามาง่ายนัก
แต่เขาไม่ได้เตรียมมาไล่ฆ่าคนแบบมัน กระสุนเขาเหลืออีกหนึ่งซองรวมในปืนเป็นสองอันสุดท้าย เคาระห์ดีที่เขาวิ่งไวพอ และพวกมันเองก็ตามมาไม่สะดวกเพราะความทึบของป่าที่เริ่มมากขึ้น โชคชะตายังพอเข้าข้างเขาอยู่บ้าง
ปัง
ในที่สุดดนัยก็ได้ศพแรกของวันนี้ เขาอาศัยความย่ามใจของพวกมันที่รีบตามเข้ามาจนไม่ได้ระวังวิ่งมาเข้าทางปืนเขาแบบเต็มๆ แต่กระแสเกมยังเป็นของพวกมัน เขาเริ่มสับตีนแตกอีกครั้งเมื่อเห็นพวกมันอีกฝูงใหญ่ชี้มาที่ตน
“โอยยย!” เสียงหวานร้องเบาด้วยความเจ็บ ในที่สุดสาวน้อยก็ก่อปัญหาให้เขาจนได้เธอสะดุดล้มข้อเท้าแพลง ลุกไม่ไหว แต่ดนัยที่วิ่งตามมาก็วิ่งผ่านเธอไปอย่างไรเยื่อใย เขาไม่แม้จะเหลือบมองเธอ
ใบหน้าสวยอ้าปากค้างอย่างตื่นตะลึง นี่ดนัยโกรธเธอถึงขนาดที่ทิ้งให้ตายเลยเหรอ
มายด์: “ไอ้บ้าา!! ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนแบบนี้”
แต่พอมายด์ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ตามมาเธอก็รู้ได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาช็อคหรือด่าว่าใคร เธอลากสังขารไปหลบในพุ่มไม้ เธอสวดภาวนาให้พวกมันไม่มีใครตาดีเห็นเธอ
พวกมันส่วนใหญ่วิ่งผ่านจุดซ่อนเธอไปอย่างรีบร้อน แต่ทว่าในที่สุดก็มีคนสังเกตุเห็นเธอ
มันกับเพื่อนอีกสองคนแหวกพุ่มไม้อออก
มายด์: “ว๊ายยยย กลัวแล้ววว อย่าทำไรหนูเลย”
เธอได้แต่พนมมือไหว้มันอย่างอับจนหนทาง
“โห กูว่าเราโชคดีแล้ววะ”
มันหันไปยิ้มให้เพื่อน ของดีชัดๆ มันทั้งสามคนคิดในใจ
 
มันอีกคนรีบยกวิทยุขึ้นพูด
“เดะกูตามไป แวะเยี่ยวแปป”
จากนั้นมันก็รีบปิดวิทยุทิ้ง ถ้ามีคนมากกว่านี้พวกมันก็แบ่งเหยื่ออันแสนโอชะให้คนอื่นอีก ตัวหารน้อยๆน่าจะดีกว่า
พวกมันเดินมาล้อมเธอและนั่งชันเข่าใกล้ๆ ตอนนี้มายด์ทั้งโกรธทั้งน้อยใจดนัยที่สุดแต่ปัญหาหลักของเธอตอนนี้ไม่ใช่ดนัย
“พวกพี่ไม่ทำไรหนูหรอก พวกพี่ใจดีจะตาย”
ซึ่งประโยคที่พูดนั้นไม่ได้ตรงกับสายตาของมันที่มองเธอเลย
“แต่ว่าต้องแลกกับที่หนูต้องช่วยพี่ๆหน่อย”
 
ณ สนามบิน ดอนเมือง
เครื่อง C-130 ของกองทัพอากาศยกประตูใหญ่ท้ายลำลงพร้อมกับทหารจะขนของเข้าไป บ้างคนก็เดินเข้าไปจับจองที่นั่ง
“พร้อมกันนะทุกคน”
ผู้พันบิ้กหันมามองทีมลุยป่าที่มี ผู้กองเข้ม และหมู่สมานกับลูกทีมของทีมตัวเองทุกคนกับตำรวจในหน่วยคนอื่นอีกสามสี่คน
ทุกคนพยักหน้า เป็นเวลาเดียวกับผู้การถวิลที่เดินมากับนายทหารอากาศท่านหนึ่ง
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือครับท่าน”
ผู้การถวิลยกมือวันถยาหัตถ์ อีกฝ่ายก็ยกมือทำเหมือนกัน จากนั้นทั้งสองก็จับมือกัน
“ด้วยความยินดี ยังไงเที่ยวบินนี้ก็ออกวันนี้อยู่แล้ว ขอให้ลูกน้องคุณปลอดภัย โชคดี”
โดยปกติทางกองทัพอากาศจะมีเครื่องบินขนส่งภายในอยู่แล้ว ผู้การถวิลแค่ขอให้เที่ยวบินขนส่งรอบนี้เลื่อนขึ้นบินไวขึ้นเพื่อพวกเขาจะได้บินไปเที่ยวบินนี่ ตอนนี้มันเป็นทางเลือกที่ดีและไวสุด
ผู้การ: “ไปกันเลยพวกเรา”
ผู้การสวมแว่นดำและเดินนำตำรวจทุกคนขึ้นเครื่องบิน
“นายครับ นี่ครับศพพวกเราสามคน”
ต้นเดินเข้ามา ตามตัวมีรอยกัดและข่วนทั่วตัวโดยเฉพาะใบหน้าที่ถึงกับต้องทำแผลหน้าเกือบทั้งซีก
เขามองศพลูกน้องที่โดนห้อยหัวลงที่คอมีรอยกรีด ใต้ศพมีกองเลือดขนาดใหญ่ เดาไม่ยากว่าโดนฆ่าแล้วจับแขวนห้อยโชว์
อีกศพโดนขึงกับต้นไม้ถูกกรีดท้องจนไส้ทะลักออกมา อีกศพโดนแทงอกและแหวกเป็นแผลขนาดใหญ่
ต้นกลืนน้ำลายเพราะความสยอง นี่ฝีมือคนที่เขาตามล่าอยู่เหรอ มันเริ่มเกิดความกลัวขึ้นมา นี่เขาเจอกับอะไรอยู่
“มันก็แค่พยายามทำลายขวัญพวกเรา”
ชายอีกคนเดินออกมาจากป่าอีกด้านและลูกน้องอีกกลุ่ม ทุกคนรีบชี้ปืนไปหากลุ่มผู้มาใหม่
ต้น: “แก…. วิชระ?”
มันสั่งให้ลูกน้องลดปืนลง
วิชระ: “ท่านสั่งให้กูมาช่วย”
ต้น: “ไม่จำเป็น มึงกลับไปซะไม่ต้องเสือก”
ต้นมองชายร่างสูงกำยำอย่างไม่พอใจ
วิชระ: “อ้าว นายสั่งมาแล้วกูก็ทำตามเอง แค่นั้นอย่าให้ยุ่งยาก”
ลูกน้องมือขวาของต้นชี้ปืนใส่หน้าวิชระ
“นายกูไล่แล้วก็…”
ปัง ปืนพกที่อยู่ในซองเมื่อครู่ถูกตวัดยิงกรอกปากลูกสมุนคนเก่งของต้น ร่างนั้นหงายลงไปนอนนิ่ง
วิชระ: “มีใครจะห้ามกูอีกมั้ย”
เขามองลูกน้องของต้นที่หน้าซีดทุกคนไม่เว้นต้นเอง
มันชี้ปืนไปรอบๆด้าน
“จากนี่กูคือหัวหน้า เข้าใจกันทุกคนนะ”
วชิระแสยะยิ้มออกมา ใบหน้าที่มีแผลเป็นบากยาวมองทุกคนด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะเดินนำพวกมันไปอีกทาง
“ทำไมต้องทำขนาดนั้นด้วย”
เสียงหวานดังทำลายความเงียบ ดนัยที่กำลังเช็ดมีดอยู่ มองเธอก่อนจะเบือนหน้าออก ไม่ตอบอะไร
ตั้งแต่เขาเชือดสามคนต่อหน้าเธอ เขาก็จัดแจงคุยศพยึดกระสุนมันมาใช้ และจากนั้นเขาก็เดินนำเธอที่ขาเจ็บเดินต่อ ไม่แม้จะดูอาการเธอ และก็พูดกับเธอเท่าที่จำเป็น
ตอนนี้เธอเหมือนกับมากับหุ่นยนต์นักฆ่า ไม่ได้มากับชายที่เธอเคยรู้จัก
เย็นชา เหี้ยมโหด ไร้จิตใจ
นี่สรุปเขาเป็นตำรวจจริงรึเปล่า
เธอเริ่มสงสัย จริงอยู่ว่าเธอรู้ว่าเขาเคยฆ่าคน ส่วนใหญ่ที่เธอรู้เขาก็ทำเพราะช่วยเธอทั้งนั้น แต่ทำไมเขาถึงดูชินชากับการแทงมีดลงไปในเนื้อคนขนาดนั้น ตำรวจบ้าอะไรจะอำหมิตขนาดนี้ โดยเฉพาะศพที่เขาฆ่าระหว่างทางเขาจะทำให้ศพมันตายสยองที่สุดราวกับฆาตกรคลั่งหั่นศพ ตอนนี้เธอเริ่มสงสัยแล้วว่าใครล่าใคร แอะอะฆ่าเจอหน้าเชือด
ทั้งหมดเพราะว่าดนัยไม่เคยบอกเธอเลยว่างานของเขาไม่ใช่ตำรวจปกติ เขาไม่เคยบอกว่าก่อนมาเจอเธอเวลานัดเจอกัน บางทีที่ตัวเขายังช้ำจากรอยกระสุนไม่หาย เขาไม่เล่าอะไรเพราะเขาไม่อยากให้เธอต้องรับรู้ถึงความดำมืดในสังคม มายด์ต้องปลอดภัยไม่ว่าจากอะไรๆก็ตามเช่นด้วยกับที่บ้านของดนัย
เขาเดินนำเธอมาจนเกือบมืด เขามองหาที่พักก้อนจะเลือกเนินหินแถวนั้นเป็นที่พักในคืนนี้
อาหารกระป๋องลอยลิ่วมาตกตรงหน้าเธอ แม้จะดูไม่น่ากินแต่มายด์รู้ว่ามันไม่มีตัวเลือกอื่น
เขามองหารอบๆก็พบโพรงหินที่พอจะคลานเข้าไปนอนได้ ก่อนนี้ฟ้าใกล้มืดแล้วและเธอต้องการพักผ่อน ไม่ใช่ว่าที่เขาจะไม่ใส่ใจเธอ เขาแอบมองเธอ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย เขาแค่สร้างกำแพง สร้างระยะห่างขึ้นมา
เพื่อปกป้องตัวเองและปกป้องเธอจากตัวเขาเอง
ดนัยรู้ตัวเลยว่าตั้งแต่เขาจับเธอขึงพืดวันนั้น เขาเองรู้ตัวว่าความอดทนของตัวเองมันลดทดถอยลงจนแทบไม่เหลือ เขายังจำภาพเธอนอนเปลือยต่อหน้าตัวเองได้แม่น เสียงหวานๆที่ครางตอนเขากำลังโลมเลียร่างเธออีก
ตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่าเขานั้นแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว คลั่งจนความต้องการมันคับแน่นกางเกงจนปวด แต่เขาก็ยังมีความรู้สิกผิดและเขาละอายใจตัวเองที่จะปล้ำเธอตอนนั้น
ยิ่งตอนที่มาวินยอมเฉลยความจริงขณะที่เขาแบกมันกลับมา เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดกับเธอ ความโมโหในวันนั้นกลายเป็นความผิด
วันนั้นมันก็แค่เอานกที่มาวินนั้นจับมาให้เมฆกัดเอามาให้เธอรักษา เพื่อจัดฉากให้เธอเข้าไปในห้องเขา และเลือดบนเตียงก็เป็นเลือดนกที่เขาแอบเก็บไว้จัดฉาก และแต่งเรื่องให้เธอเสียใจที่นกตายจนร้องไห้เท่านั้น มันสารภาพกับเขาเอง เขาสิคนที่ผิด
ผิดที่เขาไม่เชื่อใจเธอเลย ผิดที่เขาวู่วามเอง เขาเป็นคนทำลายความสัมพันธ์ที่พึ่งจะพัฒนาให้แหลกคามือ
ตอนนี้เขายังไม่อยากจะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ เขาละอายใจตัวเอง
ชายหนุ่มเก็บสองความรู้สึกที่แน่นในอกไว้ลำพัง เขาก้มลงจัดกระเป๋าที่ขอใช้ต่อจากชายที่เขาพึ่งเชือดไปเพื่อรอเธอกินให้เสร็จจากนั้นก็ไล่ให้เธอเข้าโพรงไปนอน
แม้จะมีสีหน้าอิดออดไม่พอใจนักแต่สุดท้ายเธอก็คลานเข้าไปนอนแต่โดยดี
ส่วนดนัยก็ต้องท่องพุธโธๆ เพราะไอ้ตอนเธอคลานเข้าไปก้นงอนๆมันทำเลือดลมเข้าปั้นป่วนไม่น้อย
เมื่อทุกอย่างกลับมาควบคุมได้ดนัยก็เข้ามาในโพรงแอบๆและนั่งพิงผนังกำแพงมองเธอที่นอนหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า ดนัยนั่งอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะผล็อยหลับไปเช่นกัน
เวลาค่อยๆผ่านไป ดนัยที่เริ่มรู้สึกตัวเพราะกลิ่นเหงื่ออ่อนๆที่พัดเข้ามาที่จมูก เขาเปิดเปลือกตาขึ้นก็พบกับร่องอกขาวๆเต็มสองตา
ดนัยกลืนน้ำลายเอือก ก่อนจะมองดูสถานการณ์ เธอกำลังคลานข้ามตัวเขาออกไปนอกโพรงหิน
“จะไปไหน”
เขาดัดเสียงโหดๆ แกล้งเธอ
นั้นทำให้เธอสะดุ้งผงะตัวขึ้น ทว่าด้านบนหัวเธอก็คือแผ่นหิน หัวเธอเลยชนกับมันเต็มๆ
 
มายด์: “โอยยยย ไอ้คนบ้าจะทำเสียง ดุ ทำ ไม”
ท้ายประโยคเธอพูดมัน ออกมาทีละพยางค์เพราะว่าใบหน้าเธอที่ก้มลงมาอยู่ใกล้กับใบหน้าดนัยไม่ถึงคืบ
ทั้งคู่จ้องหน้ากันรสจูบในวันนั้นอย่าตราตรึงในความทรงจำของทั้งสองก่อนดนัยจะค่อยๆขยับหน้าเข้าไปหาเธอแต่วินาทีต่อมาแววตาอ่อนหวานก็สลายไป
เขาสะบัดหัวเรียกสติก่อนจะผลักเธอออกเบาๆและคลานออกไปจากโพรงแคบๆ
มายด์มองตามเงาร่างไปอย่างเศร้าๆ
นี่เขาเกลียดเธอจริงๆแล้วใช่มั้ย เธอเกลียดไอ้อาการแบบนี่ของเขา เธออยากเห็นดนัยคนเดิม ตอนนี้เธอรู้ดีแล้วว่าเธอนั้นก็ไม่อาจทนเห็นเขาเมินเฉยกับเธอแบบนี่ได้ บางทีเธอน่าจะยอมตามใจตัวเองตอนที่อยู่ในโรงม้าวันนั้น
ถ้าเธอยอมตกเป็นของเขาไป วันนี้จะเกิดอะไรขึ้น เขาคงจะไม่เย็นชากับเธอแบบตอนนี้
เธอพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอวิ่งลงมาจากรถเพื่อจะมาคุยกับเขา สาวสวยหลับตาตั้งสติและรีบคลานไปหาดนัยด้านนอกหาดนัย
ดนัยที่กำลัง…..หักคอคนอยู่
ดนัยทิ้งร่างไร้วิญญานลง เขารีบคว้ากระเป๋าและดึงแขนเธอรีบเดินทันที เขากำลังสงสัยว่าทำไมพวกมันเดินทางไวกว่าที่เขาคาด ดนัยไม่ทราบว่าอีกฝ่ายมีคนมาเสริม แถมพวกมันยังมีมากพอที่จะผลัดเวรกันตามล่าเขาทั้งกลางวันกลางคืน นั้นทำให้ดนัยนั้นกลับมาสู่วงล้อมอีกครั้ง
“พลาดแล้ว ไอ้ดนัยเอ่ยย”
ดนัยบ่นพึมพำขณะวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนอีกรอบ
“นี่คือสถานการณ์ล่าสุดครับ”
ดาบชัยเดินนำผู้การไปที่โต๊ะใหญ่ในเรือนรับรองที่ไร่มาวินซึ่งตอนนี้กลายเป็นศูนย์บัญชาการภาคสนามไปแล้ว
“ทีมพนาที่อยู่ใกล้จะเริ่มค้นหาจากอีกด้าน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อุทยาน ทหารพรานเริ่มตรงจุดนี่กับตรงนี่ครับ”
ดาบชัยวางตำแหน่งป้ายสีต่างๆตามแผนที่กางบนโต๊ะ
มาวิน: “ท่านครับ พี่ดนัยค่อนข้างขำนาญทางป่าแถวๆนี้ แต่คนของผมที่ตามไปเมื่อวานได้ยินเสียงปืนยิงกันป่าสะเทือน ท่าทางพี่ดนัยคงหนีเตลิดเข้าไปทางนี่”
ผู้การมองเส้นทางที่มาวินชี้ก่อนหลับตาครู่คิด
ผู้การ: “ทำไมเธอคิดแบบนั้น จริงอยู่ทางนั้นมันตรงและง่ายที่สุด แต่ศัตรูก็เดินง่ายเช่นกัน ไอ้แสบนั้นคงจะไปทางผาดโผนกว่านี่”
อินทรี: “ใช่ อย่างไอ้จืดที่สมิงมันสอนวิชาตะลุยป่ามาบ้าง มันน่าจะไปทางยากๆอาศัยป่าบวกกับความไวในการหนีตีนของมันสลัดพวกนั้นให้หลุด”
มาวิน: “นั้นเพราะว่า พี่ดนัยไม่ไปคนเดียวครับ ถ้าแบบเขาหนีไปคนเดียวผมจะไม่เครียดเท่านี้เลย”
เข้ม: “น้องมายด์สินะ มีคนถ่วงแบบนั้นคงยาก ไอ้ดนัยมันยิ่งห่วงมายด์ยังกะอะไรดี”
อินทรี: “มายด์ที่ว่า นี่คือ….ลูกเจ้าพ่ออสังหาที่โทรมาด่าพวกเราโครมๆใช่มั้ย เฮ้ย! ไอ้จืดไปรู้จักคนแบบนั้นได้ไง”
ข่าวที่เธอหายไปในป่าพร้อมมีชายนับสิบไล่ฆ่าไปถึงนักธุรกิจใหญ่ไวกว่าที่คาด ตอนนี้ผู้ใหญ่หลายท่านโทรมาจี๊ผู้การจนสายแทบไหม้
“แต่เราช้ากว่าพวกมันต่อให้เราไวกว่า แต่ระยะห่างของเรากับมันก็ยังตามหลังอยู่”
ปลัดหนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามาพูดขึ้น เขาคือปลัดวิจิตร เพื่อนสมัยเรียนมัธยมของดาบชัย ที่ผ่านมาดาบชัยก็อาศัยกบดานซ่อนตัวของกับเขาค่อยสืบอีกและสนับสนุนดนัยอีกทาง
บิ้ก: “เราขอคอปเตอร์บินแล้วโรยตัวลงไม่ได้เหรอ”
ผู้การ: “ในป่ามันหาจุดส่งดีๆยาก อีกอย่างเรายังหาเส้นทางหรือหาตำแหน่งดนัยไม่เจอ ขืนลงมั่วเราจะเสียโอกาสไปอีก”
ผู้การกล่าวขัดทำให้ทุกคนต่างจ้องแผนที่กันอย่างกังวล
แต่เด็กน้อยคนหนึ่งกับตบโต๊ะดังสนั่น
มาวิน: “ทุกท่านครับ ผมมีแผน”
มาวินตะโกนลั่นเมื่อเขาความคิดดีๆ
“เวรละ”
ดนัยร้องลั่นเมื่อวิ่งมาสุดทางแล้วพบกับน้ำตก นี่เขาเผ่นเตลิดออกนอกเส้นทางมาไกลมาก วันนี้เขาโชคร้ายเขาเดินไปเจอพวกมันสามคนจังๆ เขาดันพลาดที่ให้มันมีโอกาสยิงปืนแม้จะไม่โดนและเขาจัดการพวกมันหมด แต่พวกมันก็ตามเสียงปืนมาจนเขาต้องสับตีนแตกแบบเมื่อวานอีกรอบ แต่วันนี้เขาไม่มีดวงเขาพลาดมาเจอน้ำตกอีก ชีวิตจริงทำไมต้องเหมือนละครวะ ฉากคลาสสิคอีกด้วย
หันกลับไปก็เจอแต่พวกมันเต็มป่า โครตซวยแท้ๆ
เขารีบหันหลังวิ่งย้อนกลับแต่ก็ไปได้ไม่นานก็พบกับวงล้อม
ปังๆ
เขายิงพวกมันล้มลงได้อีกคนก่อนจะถูกกระหน่ำยิงใส่จนตัวถอยหลังกลับไปที่น้ำตกอย่างไม่มีทางเลือก
ดนัยพามายด์ไปนั่งหลบอยู่ใต้หินท้ายเกือบชิดหน้าผา และเขาก็รีบย้อนไปยิงสู้พวกมันอีกทาง
ปัง ปัง
กระสุนสองนัดทะลวงทรวงอกพวกมันก่อนจะสไลด์ลำกล้องปืนจะดีดออก เขารีบคว้าหากระสุนซองต่อไป แต่เขาก็ต้องหน้าซีดเพราะ ไม่มีซองกระสุนอีกแล้วเขาก็ไม่มีกระสุนจะสู้ต่อ
เมื่อดนัยเงียบหายไปนาน พวกมันก็ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับดนัย
“ยอมออกมาให้กูฆ่าดีๆ แล้วกูจะปล่อยน้องคนสวยไป”
วชิระเดินออกมาตะโกนบอกดนัย
แน่นอนว่ามายด์จะรอดตายแนจากกระสุ่นแต่จะได้ตายคาควยพวกมันแทน
เขารีบวิ่งย้อนกลับไปใกล้ๆแม่ยอดดวงใจของตน
คนดีๆแบบเขายังแทบคลั่ง คนจังไรแบบพวกมันจะไปเหลืออะไร ดนัยมองร่างบางที่สั่นเทาอยู่ สมองขบคิดหาวิธีรอดชีวิตออกไป น้ำตกที่ป่ามุมนี้แม้จะเตี้ยกว่าแต่น้ำแรงและโขดหินเยอะกว่ามาก โดดลงไปก็ถึงรอดก็มีกระดูกหักเจ็บตัว ข้างหน้าก็กลุ่มคนติดอาวุธ
“ออกมาคุยกันก่อนไอ้น้องชาย แกคงไม่ต้องให้บังคับหรอกนะ”
ดนัยค่อยๆลุกขึ้นยกมือขึ้นเหนือหัว และเดินออกมาจากโขดหินช้าๆ
“แก แกคือ…”
ดนัยมองชายที่ดูจะเป็นหัวหน้าอย่างสงสัย
วชิระ: “วชิระ รู้แค่นั้นพอ แต่แกนี่ดูละอ่อนกว่าที่คิด พวกนั้นไม่มีใครทำงานถึงขนาดต้องเอาเด็กหน้าละอ่อนมาแล้วเหรอ”
ดนัย: “ก็พอจะต่อยปากเน่าๆของมึงละกัน!”
วชิระพยักหน้าเบาๆพร่อมทำหน้าเยาะเย้ย
วชิระ: “เด็กมันปากกล้าดี แล้วน้องคนสวยไม่ออกมาทำความรู้จักพี่เหรอจ๊ะ”
ดนัย: “เธอไม่คุยกับสัตว์นรกแบบแกหรอก”
วชิระหันมายิ้มแค่นๆ ก่อนจะชี้ไปที่ลูกน้องที่ชี้ปืนพร้อมยิงดนัยได้ทุกเมื่อ
วชิระ: “มึงคิดว่ามึงจะทางรอดอีกเหรอ ถึงปากดีแบบนี้ แหกตาดูซะบ้าง มึงควรจะกอดตีนอ้อนวอนกูได้แล้ว”
ดนัยกลับโชว์นิ้วกลางในสองมือให้มันแทนพร้อมฉีกยิ้มกวนตีนที่มุมปาก
ดนัย: “โทษที กูไม่ไหว้เหี้ยวะ”
วชิระโกรธจนหน้าสั่นก่อนจะพยักหน้าให้ทุกคนฆ่าตำรวจคนนี้ซะ
แต่อีกฝ่ายกลับวิ่งไปฉวยตัวหญิงสาที่ลุกขึ้นยืนดิ่งลงไปที่น้ำตก โดยมีกระสุนพุ่งตามไปแบบติดๆ
ต้น: “คอหักตายแน่ รอเก็บศพมันได้เลย”
วชิระมองลูดน้องที่กราดปืนลงไปมั่วๆอย่างชั่งใจ
วชิระ: “กูจะไม่แน่ใจจนกว่าจะเห็นศพมัน รีบตามลงไป”
 
“อ่อนหัด!!”
“กระจอก!!”
“กาก!!”
“โง่!!”
ดนัยได้ยินเสียงนี่รอบตัว ทุกอย่างรอบตัวดำมืดมีแต่ความหนาว ความเงียบสงัด เขาเปิดเปลือกตาขึ้นก็พบว่าเขาไม่ได้อยู่ในน้ำ แต่เขานอนลุกฝุ่นอยู่บนกองใบไม้
“ที่ไหนวะ เราทำไรอยู่”
เขาสับสนมึนงง คล้ายว่าเมื่อกี๊เขาไม่ได้อยู่ที่นี่
“ไอ้จืดรีบลุกหน่อย มาช่วยเร็ว”
นายตำรวจรูปงามที่ตอนนี้ใบหน้าแตกยับจนแทบจะไม่เหลือความหล่อ เขาแค่พูดก็ทำให้อีกฝ่ายฉวยโอกาสต่อยเขาได้สองทีเน้นๆที่สีข้างขวากับซ้าย
ไอ้แก่คนนี้มันร้ายเหลือจริงๆ ขนาดอินทรีที่เก่งด้านนี้ที่สุดก็ยังได้แค่ถ่วงเวลาแพ้ ส่วนสมิงนอนนับดาวอยู่ไม่ใกล้ ไอ้จืดดนัยก็นั่งมึนอยู่
“อั่ก อั่ก!! เฮ้ยย!!!!”
อินทรีเผลอวอกแวกก็โดนเข่าขวาแทงเต็มท้อง ก่อนจะฮุดซ้ายที่ลำตัว โชคดีที่เขาเอนหลังกระโดดหลังกาหลังหลบหมัดขวาสั่งตายที่ตามมาทัน โดนที่นี่เฝ้าพระอินทร์แน่ๆ
ใช่เขาพึ่งรอดจากกับระเบิดในป่าได้ เดินต่อมาเขาก็เจอกับชายวัยกลางคนที่ตอนนี้กำลังแทงเข่าใส่อินทรีจนตัวงอ
นี่คือจ่าดำแห่งทีมยักษ์ เป็นคนที่แก่ที่สุดในทีม แต่โบราณว่าขิงแก่ยิ่งเผ็ด แต่ขิงต้นนี้ยิ่งเรียกว่าปวดแสบปวดร้อนเลยดีกว่า
ดนัย: “นี่มันแกล้งแก่ปะวะเนี่ย”
ดนัยรีบถลาไปช่วยอินทรี เขายันตีนซ้ายไปที่ข้อพับหลังที่ขาจ่าแต่ตำรวจวัยเก๋าสะบัดขาดีดกลับหลัง ปัดให้ดนัยพลาดถลำเสียหลักเข้าไปใกล้ๆแทน จ่าดำปล่อยคอเสื้ออินทรีและศอกกลับแทงเข้าไปที่กกหูดนัย แม้จะไวปานใดเขาก็ได้แค่เอียงคอลดแรงปะทะเท่านั้น ดนัยเซซวนไปอีกด้าน แต่อินทรีก็รีบฉกฉวยโอกาสต่อยเข้าที่ท้องที่เริ่มมีไขมันสะสมของจ่า
จ่าดำนิ่วหน้าก่อนจะตีเข่าเสยจัดอินทรีหน้าสะบัดเสยล้มลงไปแทน
ตำรวจแก่ คำรามเบาๆในลำคอ ถ้าเขาหนุ่มกว่านี่อีกซักสามปี ไอ้ละอ่อนสามตัวไม่มีทางทำอะไรเขาได้ เขามั่นใจ แต่สังขารก็คือสังขารย่อมทรุดโทรมลงตามเวลา
เขาสูดหายใจกลั้นอาการเจ็บก่อนจะแค่นเสียงเย้ยตำรวจหนุ่มทั้งสามที่นอนแผ่อยู่
จ่าดำ: “พวกเอ็งทำได้แค่นี่ก็กลับไป ทางข้างหน้าไม่ใช้สนามเด็กเล่น”
อินทรี: “ได้เปรียบนิดหน่อยพูดใหญ่เลยนะ”
อินทรีพยุงร่างขึ้นมา แต่เขาเดินไปปลุกสมิงจนได้สติ
จ่าดำ: “เอาสิ มาพร้อมกันเลย ข้าจะได้ตบเกรียนทีเดียว”
ดนัยที่ลุกตามมองหน้าเพื่อนร่วมทางก่อนจะตวาดลั่นให้เริ่มพุ่งเข้าใส่
เขาสารพัดหมัดศอกเข่า แต่จ่าดำกลับไม่แม้จะถอยหลักเพียงซักก้าว ดนัยแค่นเสียงก่อนกระโดดกลับหลังถีบใส่ใบหน้า เขามั่นใจในท่านี่มากแต่ตำรวจวัยดึกจับข้อเท่าและโยนเหวี่ยงเขาไปแบบสบายๆ
ดนัยลงไปนอนวัดพื้นอีกรอบ
สมิงวิ่งเข้าไปเป็นคนต่อไปก่อนจะโดนบิดแขนและทุ่มลงไปนอนตาลายที่พื้นแทบจะในทันที
อินทรีหายใจเข้าลึกๆรวมสมาธิก่อนจะสืบเท้าเข้าไปหาจ่าดำช้าๆ รอบนี้จ่าดำแววตาจริงจังมากขึ้น แต่ความห่างชั้นห่างระดับใช้เวลาพักใหญ่ อินทรีก็กระเด็นหงายลงไปนอนแผ่
ทีมสามสหายค่อยพยุงกันขึ้นมาก่อนจะพยักหน้ากันแบบไม่ค่อยเต็มใจนักทั้งสามกระจายกันล้อมจ่าดำไว้
จ่าดำ: “จะรุมข้า? ก็ลองดูแล้วจะรู้ว่ามันไม่ช่วย”
สมิง: “อย่าเรียกรุมเลยครับลุง ยุคผมเรียกพลังสามัคคี”
ก่อนทั้งหมดจะพุ่งใส่จ่าดำพร้อมๆกัน
จ่าดำรับหมัดชุดของอินทรีที่พุ่งเข้าไปถึงคนแรกด้วยแรงปะทะจ่าดำรีบถอยหลังออดไปก่อนเพื่อไม่ให้คนอื่นฉกชิงจังหวะ
แต่พวกอินทรีก็ไม่หยุดรุกไล่ ดนัยกระโดดลอยตัวตวัดแตะก้านคออย่างสง่างามแต่จ่าวัยเก๋าก็แค่ก้มหลบและเดินไปถีบสกัดสมิงที่ปรี่เข้ามาจนเสียหลักหงายหลังก่อนจะหมุนไปแตะตัดขาดนัยที่อยู่ด้านหลัง
ดนัยเคยคิดว่าขาตัวเองแข็งพอแล้ว แต่พอเจอครูระดับครูมวยของจ่าเข้าไปขาขวาที่โดนฟาดเข้าเต็มๆถึงกับปลิวลอย และทันทีที่เขาเสียหลักจ่าดำก็ดึงร่างมากระแทกเข่ากลางอกโครมใหญ่ก่อนโยนดนัยไปชนกับอินทรีทีรีบพุ่งมาช่วยเพื่อน
ทั้งสามคนล้มระเนระนาดหมดอีกรอบ
จ่าดำ: “เข้ามา แสดงให้ดูหน่อยว่าพวกเอ็งมีอะไรดี”
ทั้งสามกระโจนลุกขึ้นมาก่อนจะพุ่งเข้าหาจ่าดำอีกรอบและอีกรอบ
 
เข้มมองร่างจะเดินเซจะล้มไม่ล้มทั้งสามร่าง แววตาเป็นกังวลใจ
เข้ม: “หักแขนหักขามันแบบนี้มันจะไปถึงทันเวลาได้ยังไง?”
ชายวัยดึกโยนเศษผ้าที่ห้ามแผลทิ้งเมื่อใช้เสร็จก่อนจะมองไปยังร่างที่เดินแข้งขาอ่อนด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง
จ่าดำ: “ผู้กองก็รู้ว่าเด็กพวกนี้มีของ!! หักแขนไอ้ดนัย หักขาไอ้เด็กสมิง ทิ้งให้เป็นภาระคุณชายพันล้าน หลานชายไอ้ตัวบัดซบนั้น แค่นี้ผู้การคงได้คำตอบที่ยังคาใจ”
ผู้กองร่างใหญ่มองตำรวจชราด้วยสายที่มีแต่คำถาม
เข้ม: “คนแก่มันเข้าใจยากทุกคนรึเปล่าครับ จ่า….ไม่สิผู้การต้องการอะไรจากไอ้สามตัวนี้ และจ่าไปรู้ใจอะไรผู้การท่านได้ไง”
ตำรวจชราตบไหล่ลูกศิษย์ผู้ก้าวล้ำตนในเรื่องฝีมือ แต่ยังอ่อนเชิงในการฝึกคนบริหารคน
“แก่อีกหน่อยผู้กองก็เข้าใจเอง”
“อูยยยย”
ดนัยที่รู้สึกตัวรีบลุกขึ้นนั่งแต่ก็ทรุดลงไป ทั้งเนื้อทั้งตัวเจ็บระบมไปหมดร่างกายสิ้นเรี่ยวสิ้นแรงเพราะพิษไข้
ดนัยมองป่ารอบๆอย่างสงสัย เขาจำได้ว่าเขาหลับอากาศเพราะตีนจ่าดำแล้วเขามาตื่นที่นี้ได้ไง ที่นี้ที่ไหน เขาลุกก็ลุกไม่ไหว ร่างกายเขาไม่มีแรงแถมยังปวกไปทั้งตัว แถมมีไข้ แต่เขาจำได้ว่าพอผ่านจ่าดำไปได้ก็ลากกันไปจนสุดทาง แล้วทำไมเขามานอนที่นี้วะ?
หลังจากพยายามขยับตัวเขาก็รู้สึกถึงแผลที่สีข้าง แผลถูกเย็บปิดแล้ว แต่เขาเย็บแผลตัวเองไม่เป็น แล้วใครเย็บรอยกระสุนนี่ให้
“บ้าจริง! ใครให้ขยับตัวเนี่ย นอนลงไป”
 
ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานที่เขาอยากฟังตลอดชีวิตเขาก็จำเหตุการณ์ทั้งหมดได้
ดนัย: “ทิ้งเราไว้ รีบหนีไปมายด์”
นี่คือประโยคแรกที่เขาบอกเธอทันทีที่เห็นเธออีกครั้ง
มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมารั้งรอเขา เขาโดนยิงตอนนี้อาการไม่ดี แม้จะทำแผลแล้วแต่อาการแทรกซ้อนอื่นๆก็ทำให้เขาหนีไม่ได้อีกแล้ว อย่างน้อยก็หนึ่งวันกว่าเขาจะขยับตัวไหว
เวลามีไม่พอแน่ๆ พอมันจะตามมาเจอและพวกมันจะทำอะไรต่อมิอะไรกับเธอ
นั้นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากเห็น
ดนัย: “อาหารน่าจะเหลือได้ซัก2-3วัน ถ้ากินน้อยๆ มายด์เดินเลียบน้ำไปเรื่อยๆห้ามหยุดจนกว่าจะเจอที่ปลอดภัยนะ”
มายด์: “ไม่!!”
เธอตอบเสียงรั้น ใบหน้าจ้องที่เขาสายตาจริงจัง
เขาอยากจะเอามือกุมขมับแต่ติดที่ว่ายังไม่มีแรงพอจะขยับอะไร
ดนัย: “นี่ ฟังนะนี่ไม่ใช่เวลาจะเอาแต่ใจอะไรอีกแล้ว”
มายด์: “ไม่ ฟังเรา เราไม่ได้เอาแต่…”
ดนัย: “เอากระเป๋าเรา และเดินไปซะ”
เขาใช้สายตาดุเย็นชาไล่เธอ ทั้งคู่สื่อสารด้วยสายตาอยู่นาน มายด์ก็หมุนตัวเดินออกไป
ดนัยถอนหายใจอย่างโล่งอก และหลับตาหลับเอาแรงอีกรอบ ไม่กี่อึดใจเอาก็เข้าสู่นิทราอีกรอบเพราะสภาพร่างกายที่ชอบช่ำ
และพอเขารู้สึกตัวอีกครั้งมายด์ก็ยังไม่ยอมไปไหน แล้วทีรอบนี้พอเขาจะอ้าปากว่าเธอเธอก็ยัดยาลดไข้และอัดน้ำใส่คอเขา จากนั้นก็เดินหน้าบึ่งไปไกลๆเขา แต่ทุก15นาทีเธอจะกลับมาดู บ้างรอบเอาน้ำมาป้อนคนป่วย เอาข้าวคำเล็กๆมาป้อนเขาบ้าง ดนัยไล่เธอเท่าไหร่เธอก็ไม่ยอมไป จนเวลาตกเย็นพลบค่ำ ดนัยที่หลับๆตื่นก็หลายเที่ยวก็พอลุกนั่งได้บ้างแล้ว
และพอลุกขึ้นได้สิ่งที่เขาทำเธอดื้อกับมายด์ทุกอย่าง พยายามผลักไสเธอให้หนีไป
จนในที่สุดมายด์ก็ฟิวส์ขาด
 
“ขอบคุณ”
แม้เป็นคำสั้นๆไม่สวยหรูแต่ความอบอุ่นที่แผ่จากเขาไปหาเธอก็ดีกว่าคำพูดใดๆอีก
ในที่สุดเธอหันหมุนกลับมากอดเขาเช่นกัน
มายด์: “ไม่มีทางไล่เราอีกแล้วนะ เราจะรอดไปด้วยกัน เราจะออกไปเริ่มเรื่องของเราด้วยกันนะดนัย”
ดนัย: “จ้า ไว้ออกไปได้จะพาไปเที่ยวทุกที่เลย จะไม่ไล่ ไม่ทิ้ง ไม่ไล่มายด์แล้ว จะอยู่ด้วยกันจนมายด์จะไล่เราเอง”
ดนัยส่งยิ้มให้หน้าใสๆของเธอก่อนทั้งสองจะกอดกันกลมเขาลูบหัวที่วางซบบนไหล่ แม้แรงกายจะถดถอยแต่ตอนนี้แรงใจเขามีล้น ยังไงเขาจะต้องพาเธอรอดพ้นเงื้อมือไอ้พวกนี้ให้ได้แม้จะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน