พูดคุยก่อนอ่าน : กลับมาแล้วครับ มาต่อจากตอนที่แล้วกัน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตาเฒ่าพลกันแน่ ตอนนี้ผมขอปล่อยแค่ตัวอย่างก่อนนะครับ กำลังปั่นตัวเต็มอยู่ คาดว่าไม่เกิน 4 ทุ่มจะเสร็จ แล้วจะเอาฉบับ PDF มาแปะทันทีครับ
Edit เพิ่มเติม : เอาลงแล้วนะครับ กับเนื้อหาเต็ม ๆ ของตอนนี้ ขอให้สนุกกับการอ่านครับ ถึงไม่มีฉากเลิฟซีนแต่ก็แซ่บได้เหมือนกัน 5555+ บอกนิดนึง พี่กรมีบทเล็กน้อยตอนท้าย ๆ ไปจนถึงตอนหน้า และนี่จะเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้พี่กรแห้วครูเบสท์ 55555+ ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรขอให้ลองติดตามกันดู....................................
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
มนุษย์ลุงล้มตัวลงไปนอนกองกับพื้น คนที่อยู่ใกล้เหตุการณ์ที่สุดเห็นจะไม่พ้นครูเบสท์ หญิงสาวก้มตัวลงดูอาการอดีตภารโรงหื่นที่กำลังผันตัวเป็นคนขายน้ำเต้าหู้ในอนาคตด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
“ลุงพล!!!เป็นยังไงบ้างคะ!!!?” ภัคจิราเอื้อมมือจับแก้มของลุงพลเพื่อตรวจดูอาการ
“ผม…โอยย…ผมแน่นหน้าอกจัง” ลุงพลครวญออกมา มันหลับตาปี๋แล้วเอามือกุมหน้าอกแน่น จนหมอเบสท์เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี ที่เป็นเหตุนี้ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ภัคจิราไม่ต้องการให้เกิดอะไรร้าย ๆ ขึ้นต่อหน้าเช่นนี้ ถึงจะเป็นลุงพลก็ตาม
ก่อนหน้านั้น ภัคจิราเคยได้ข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของลุงพลจากก๊วนนักสืบอย่าง ยัยอุ๊ ยัยหมวย และสาวอีฟ จนครูเบสท์คนสวยเองก็รู้สึกคล้อยตามไม่น้อย แต่จะให้เดินหน้าสืบเรื่องราเต็มที่ เห็นทีคงทำไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่มีผู้เสียหายออกมาร้องเรียน
ตัดมาที่ฝั่งลุงพล ภาพที่เห็นมันฝ้าฟางไปหมด เสียงที่ได้ยินก็เบลอจนแทบไม่ได้ยิน ทันใดนั้นเสียงเรียกชื่อของมันเมื่ออดีตชาติก็ค่อย ๆ ดังขึ้นมา
“ท่านท้าวชุมพล!!! ท่านท้าวชุมพล!!” เสียงหวาน ๆ ที่คุ้นเคยไม่ใช่เสียงคนอื่นคนไกล แต่เป็นเสียงของภัคจิราวดี น้องสาวของพลอยพรรณราย ที่ท่านท้าวชุมพลศักดาหลงรักและเทิดทูญยิ่งกว่าสิ่งใดในสรวลสวรรค์
“ท่านหญิงภัคจิราวดี” ลุงพลเอ่ยชื่อของนาง “ภัค…จิ…รา….ครูเบสท์”
ภาพที่มันเห็นคือภาพเมื่ออดีตชาติ สมัยที่มันเป็นเทวดาบนสรวลสวรรค์ ท้าวชุมพลศักดาเป็นยอดนักรบผู้เกรียงไกร เป็นจอมทัพสวรรค์ผู้นำเหล่านักรบเทวดาเข้าสู้รบกับเหล่าบรรดาภูติผีปีศาจและอสูรกายจากนรกที่ก่อกวนโลกมนุษย์
“ข้าขออาสานำพวกเจ้าเข้าโรมรับกับเหล่าบรรดาอสูรกายทั้งหลาย ข้าขอให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเจ้าประหนึ่งพี่น้องร่วมอุทร!!!” ท่านท้าวมีชื่อชูดาบขึ้นเหนือหัวเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้เหล่าบรรดาแม่ทัพนายกองแห่งสวรรค์นับแสนองค์ ท่านท้าวชุมพลศักดาเหลือบมองไปที่แท่นบัลลังค์เหนือศีรษะ พลอยพรรณรายและภัคจิราในฐานะพี่ใหญ่ของน้อง ๆ ที่เหลือทั้งสิบคนยืนมองท่านท้าวชุมพลและเหล่าบรรดาแม่ทัพนายกองสวรรค์ด้วยความชื่นชม
“ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมา เพื่อท่านหญิงพลอยพรรณราย!!!” ท่านท้าวชุมพลประกาศต่อหน้า ทำเอาเหล่าบรรดาน้อง ๆ ของพลอยพรรณรายขวยเขินกันเป็นทิวแถว
“ท่านพี่ ท่านจะไม่ให้กำลังใจท่านท้าวเลยฤา?” ภัคจิราวดีเอ่ยปากถามพี่สาวที่ทำเมินเฉยใส่ท่านท้าวชุมพลอย่างออกหน้าออกตา
“ไม่มีทาง ถ้าเจ้าอยากพูด ก็พูดเองซิ” พลอยพรรณรายตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน ทำเอาภัคจิราวดีอดเสียความรู้สึกไม่ได้
“ขอให้ท่านคว้าชัยชนะกลับมานะ ท่านท้าวชุมพลศักดา ขอให้ท่านได้คว้าชัยชนะกลับสวรรค์อีกครา ขอให้ท่านชนะหมู่มาร พวกข้าและพี่พลอยพรรณรายจะขอเป็นกำลังใจให้ท่าน” พอไม่มีทางเลือก ภัคจิราวดีจึงเสนอตัวเป็นคนพูดความรู้สึกทั้งหมดแทนพี่สาวที่ไม่ค่อยสบอารมณ์กับท่านท้าวชุมพลศักดาเท่าไรนัก ท่านท้าวชุมพลศักดายิ้มให้ภัคจิราวดี พลางเหลือบมองพลอยพรรณรายที่ทำท่าทีเมินเฉยใส่ แต่ท่านท้าวมีชื่อยังมองโลกในแง่ดีว่าเหตุที่นางทำเช่นนี้อาจเป็นเพราะความเขินอายก็เป็นได้
“ลุงพล!! เป็นยังไงบ้างคะ?” เสียงของครูเบสท์ในชาติปัจจุบันดังขึ้น ตาเฒ่าหื่นเริ่มคืนสติ กลับสู่โลกของความจริง ภาพตรงหน้าไม่ใช่ภัคจิราวดี แต่เป็นครูเบสท์ นางฟ้าคนสวยของวิทยาลัยพยาบาล “ยังไหวไหม? เดี๋ยวเบสท์ให้คนพาลุงไปหาหมอนะ”
“ภัค…จิ…รา….” ลุงพลเอ่ยชื่อจริงของครูเบสท์ออกมา
“อะไรคะลุง?” ครูเบสท์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เรียกชื่อจริงเบสท์ทำไมคะ?”
“ภัค…จิ…รา…วดี…” ตาเฒ่าเอ่ยชื่อเรียกครูเบสท์เมื่ออดีตชาติ ก่อนหมดสติไปต่อหน้าครูเบสท์ นางฟ้าคนสวยตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น โชคยังดีที่มีคนหนุ่ม ๆ แถวนั้นที่รีบวิ่งมายังจุดเกิดเหตุ ครูเบสท์เลยร้องขอความช่วยเหลือเป็นการด่วน
“ช่วยด้วยคะ ลุงพลหมดสติไป!!!” ครูเบสท์ตอบ พลางหันไปมองเจ้าของร้านขายอาหารตามสั่ง “ป้าคะ ช่วยห่อใส่กล่องให้ทีนะ เดี๋ยวเบสท์กลับมาเอา”
ภัคจิรารีบเดินตามกลุ่มหนุ่มฉกรรจ์ที่เป็นญาติ ๆ ของพ่อค้าและแม่ค้าในโรงอาหาร มุ่งตรงไปที่ห้องพยาบาลของหมอพลอยพรรณ เพื่อให้คุณหมอคนสวยช่วยตรวจดูอาการของลุงพลเป็นการด่วนว่าแกป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่?
#########################
ตัดมาที่ฝั่งของหมอพลอย คุณหมอสาวนั่งเคลียร์งานบนโต๊ะในช่วงเช้าตามปกติ วันนี้เธอรู้สึกอ่อนเพลียไม่น้อย เพราะเมื่อคืนโรมรันเกมรักกับตาเฒ่าหื่นตลอดทั้งคืนจนแทบไม่ได้นอน พอทำงานไปได้สักพักคุณหมอสาวก็เอามือปิดปากที่กำลังหาวอยู่
“เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอคะคุณหมอ?” พี่เปิ้ล ผู้ช่วยหมอเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม “นี่ค่ะเอกสารของผู้อำนวยการ รบกวนทีนะคะ”
“ค่ะ…เดี๋ยวพลอยดูให้นะ” หมอพลอยยิ้มแก้เขิน พอเปิดได้ไม่กี่หน้า เสียงโวยวายก็ดังขึ้นหน้าห้องพยาบาล พอเสียงประตูเปิด หมอพลอยก็รีบวางกองเอกสารไว้บนโต๊ะ ด้วยสัญชาตญาณความเป็นหมอที่รู้ดีว่ากำลังมีผู้ป่วยเข้ามาเพื่อให้เธอทำการรักษา เช่นเดียวกับพี่เปิ้ล ผู้ช่วยหมอคนสนิท ที่รีบเดินตามคุณหมอสาวไปติด ๆ ทันที
“คุณหมอ!!ช่วยด้วยครับ ลุงพลแกเป็นลม!!!” ไอ้หนุ่มน้องชายเจ้าของร้านอาหารในวิทยาลัยบอกกับหมอสาวที่เปิดประตูห้องทำงานออกมา “เดี๋ยวให้ครูเบสท์อธิบายนะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“พี่พลอยคะ ลุงพลเค้าอยู่ดี ๆ ก็หมดสติล้มลงไปกองกับพื้น พี่พลอยช่วยดูอาการลุงพลให้หน่อยได้ไหมคะ?” ภัคจิราปรากฏตัวตามมาในห้องพยาบาลติด ๆ ดูท่าทางแล้วภัคจิรามีความกังวลไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน หมอพลอยกลับรู้สึกหึงไอ้เฒ่าอยู่ลึก ๆ อย่างประหลาด
#########################
“ชั้นเกลียดนังพิมจริง ๆ เลยว่ะ ทำไมมันต้องมาลงวิชาเดียวกับชั้นด้วยวะ? เช็คอื่นมีเยอะแยะไม่ลง มาลงเซ็คเดียวกัน แถมต้องทำงานกลุ่มด้วยกันอีก โคตรเซ็ง…” แนนนี่ นริศรา พริตตี้สาวสู้ชีวิตเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้ววางกระเป๋าหนังมียี่ห้อที่เธอเก็บตังค์ซื้อบนอ่างล้างหน้า พลางรูดซิปแล้วหยิบเอาเครื่องสำอางค์ขึ้นมาแต่งสวย
“เถอะน่า ทน ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็ผ่านไปนะแก” กลุ่มเพื่อน ๆ ของแนนนี่เอ่ยปากให้กำลังใจเพื่อนรักที่ไม่ค่อยจะถูกโฉลกกับพิมมี่ อันที่จริงต้องเรียกว่าเกลียดขี้หน้ากันเลยดีกว่า เพราะเมื่อปีที่แล้ว พิมมี่เคยก่อวีรกรรมด้วยการเดินปรี่เข้ามาหาแนนนี่ที่กำลังนั่งเม้าท์เรื่องผู้ชายที่ม้านั่งหินตรงริมสนามหญ้าเพราะความเข้าใจผิดเรื่องไอ้บิ๊ก
“ชั้นไม่เคยลืมเรื่องวันนั้นเลยจริง ๆ นะแก” แนนนี่หันไปมองหน้าเพื่อนสาวของเธอ “ชั้นว่าชั้นไม่เคยไปอะไรกับนังนั่นนะ แต่อยู่ดี ๆ มันก็มาตบหน้าชั้นเฉยเลย มันคิดว่าชั้นจะแย่งไอ้บิ๊กแฟนมัน เห๊อะ!!! คิดมาได้ ผู้ชายห่วย ๆ ลูกแหง่ติดแม่แบบนั้น ชั้นไม่สนหรอกเว้ย!!!
อันที่จริงแล้วแนนนี่ก็รู้กิตติศัพท์เรื่องความงี่เง่าของไอ้บิ๊กดี ดังนั้นแนนนี่จึงพยายามรักษาระยะห่างเอาไว้ สำหรับแนนนี่แล้วไอ้บิ๊กเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเท่านั้นแหละ ไม่มีทางเป็นอะไรมากกว่านั้น เหนือสิ่งอื่นใด ไอ้บิ๊กไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่แนนนี่จะรักหรือจะหลง เพราะเธอไม่ชอบพวกลูกคนรวยเท่าไร
แนนนี่ทำงานเป็นพริตตี้ เธอเจอผู้ชายหลายรูปแบบที่หวังเข้ามาในชีวิต มีทั้งเด็กมัธยมปลายที่ยังไม่หย่านม ไม่ได้หมายความว่ายังดื่มนมจากเต้าของคุณแม่อยู่นะ แต่หมายถึงยังตั้งตัวไม่ได้ ยังดีแต่แบมือขอเงินพ่อแม่ เด็กหนุ่มพวกนี้ก็ช่างกล้า คิดว่าตัวเองหล่อ ก็เลยหวังข้ามรุ่นจีบพริตตี้สาวระดับมหาวิทยาลัยอย่างแนนนี่ แต่แนนที่ไม่สนใจหรอก เธอตอกกลับไปจนเด็กหนุ่ม ม.ปลาย พวกนั้น ไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว
“นี่น้อง ถ้าคิดจะมาจีบพี่น่ะ เอาตัวเองให้รอดก่อนดีไหม? เรียนให้จบ มีงานทำ หาเงินใช้เองก่อนจะดีป๊ะ?”
เรียกได้ว่าเด็ก ม.ปลายหน้าเปื้อนสิวกลุ่มนั้นไปไม่เป็นกันเลยทีเดียวพอเจอไม้นี้ของน้องแนนนี่ ไม่ใช่แค่เด็กหนุ่ม ม.ปลายเท่านั้นนะ แต่ยังมีตาแก่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และเสี่ยพุงพลุ้ยอ้วนลงพุงขออาสาเป็นคนเลี้ยงดูน้องแนนนี่
“นี่…ลุงคะ มาจีบหนูแบบนี้ไม่กลัวเมียที่บ้านรู้เหรอคะ? หนูจะบอกลุงให้นะว่าหนูไม่ได้เดือดร้อนเงินอะไรขนาดนั้น หนูมีศักดิ์ศรี มีมือมีเท้าหาเงินเลี้ยงชีพด้วยตัวเองนะคะลุง แล้วจะบอกให้ด้วย หนูไม่ชอบเฒ่าหัวงูลามกตัณหากลับแบบลุงแน่นอน”
จะบอกว่ายังไงดีล่ะ? ดูผิวเผินแล้วน้องแนนนี่เป็นสาวเอ็กซ์ เซ็กส์แตก หุ่นก็อวบอัด เรียกได้ว่าเนื้อนมไข่ เป็นพริตตี้ที่กำลังไต่เต้าและเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาเรื่อย ๆ จากงานอีเว้นต์ต่าง ๆ รวมไปถึงแฟชั่นโชว์ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าธีมหลักของมันคือแนวเซ็กซี่ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้แนนนี่พบเจอกับผู้ชายเจ้าชู้บ้ากามและขี้หลีจำนวนมาก ที่เข้ามาขายขนมจีบเพื่อหวังจะฟันเธอ
“จะทำงานแบบนี้อีกนานไหมลูก?” แม่ของแนนนี่ที่ขอนแก่นเอ่ยปากถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วงเป็นภาษาท้องถิ่น เพราะแม่ของแนนนี่มองว่านี่เป็นอาชีพเต้นกินรำกิน ไม่มีความมั่นคง แถมยังต้องเปิดเปลือยเนื้อหนังให้พวกผู้ชายกลัดมันได้แทะโลมอีกต่างหาก
“ก็เงินมันดีอ่ะแม่จ๋า” แนนนี่ตอบ “มันอาจเปลืองเนื้อเปลืองตัวหนูไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ หนูแค่อยากให้พ่อกับแม่สบาย แค่นั้นจริง ๆ”
#########################
ตัดมาทางฝั่งของยัยหมวยและสาวอีฟ หลังจากเหตุการณ์ที่สองสาวนักสืบแอบดังฟังสิ่งที่โดนัทกับนาถพูด จนทำให้ใบเฟิร์นที่เดินมาแถวนั้นเห็นจึงเรียกชื่อทั้งสองคน ทำให้โดนัทและนาถที่อยู่ข้างในรีบเปิดประตูออกมาเผชิญหน้ากับสองสาวนักสืบทันที
“มาทำอะไรตรงนี้หาอีฟ? หมวย? มาแอบฟังอะไรกัน!!!” โดนัทต่อว่าต่อขานสองสาวนักสืบอย่างเอาเรื่อง
“มีอะไร? ทำไมไม่เคาะประตูเรียกก่อน มาแอบดักฟังคนอื่นคุยกันได้ยังไง?” นาถเองก็ไม่ต่างจากโดนัท สาวน้อยจากปักษ์ใต้มองหน้าสองสาวเพื่อนรักอย่างเอาเรื่อง น้องอีฟดูจ๋อยในบัดดล ในขณะที่ยัยหมวยยังมีท่าทีต่อต้านอย่างชัดเจน
“ก็พี่โดนัทกับนาถคุยกันเสียงดัง พวกเราไม่อยากรบกวน แถมยังได้ยินว่าคุยกันเรื่องลุงพลด้วย มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงมีชื่อของลุงพลคนนั้นในหัวข้อสนทนาด้วย ห๊ะ!!!”
โดนัทและนาถหน้าถอดทีทันที เมื่อยัยหมวยจี้ใจดำ ทำเอาใบเฟิร์นที่ยืนนิ่งอยู่ทนไม่ไหว ต้องแสดงความเห็นขึ้นมาบ้าง
“ไม่ว่าสองคนนี้จะคุยอะไร แต่น้องทั้งสองคนไม่มีสิทธิมาแอบฟังอะไรทั้งนั้นนะ นี่มันเป็นการฟ้องว่าพวกน้องไม่มีมารยาท ไม่มีคุณสมบัติของผู้ดี”
“นี่พี่เฟิร์นด่าหมวยเหรอคะ?” ยัยหมวยมองหน้าใบเฟิร์นอย่างเอาเรื่อง “คิดว่าตัวเองเป็นใครคะพี่? ถึงมาด่ามาว่าคนอื่นอ่ะ ห๊ะ!!”
หมวย!!ใจเย็น ๆ ก่อนซิ” สาวอีฟที่ใจเย็นและสงบเสงี่ยมกว่ารีบห้ามปรามเพื่อนรัก “ยังไงพวกเราก็ผิดนะ พี่เฟิร์นคะ อีฟต้องขอโทษแทนหมวยด้วยนะคะ พวกเราจะไม่ทำตัวแย่ ๆ แบบนี้อีกแล้ว”
“ยอมได้ยังไงวะอีฟ!!” เดือนดาราหันไปมองตาขวางใส่เพื่อนรัก “ก็เห็น ๆ อยู่อ่ะว่ามันเกี่ยวกับลุงพล แกยังจะ….”
“ลุงพลทำไม? บอกมาซิ!! ลุงพลทำไม!!!” โดนัทท้าทาย “พูดมาให้ชัดเจนเลยยัยหมวย อย่ามาทำตัวสอดรู้สอดเห็นแบบยัยอุ๊มัน พี่ไม่ชอบ!!”
“บอกมาเลยนะหมวย!!! อีฟก็ด้วย!!! พี่อุ๊ให้มาสืบอะไรใช่ไหม? ตอบมา!!!” นาถลดาก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน
“เอ่อ…ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อีฟต้องขอโทษแทนทุกคนด้วยนะคะ” ยิ่งตึงเครียดเท่าไร น้องอีฟยิ่งใจเสียเท่านั้น “หมวย!!!กลับห้องเราก่อน เร็วเข้า!!!”
“อย่าให้รู้นะ ว่าพวกพี่มีส่วนทำให้พี่อุ๊ต้องเป็นแบบนี้!!!” ยัยหมวยทำเสียงดุใส่ “หมวยไม่ยอมแน่ ยังไงพี่อุ๊ก็ดีกับหมวย!! หมวยไม่ยอมหรอก เห๊อะ!!!”
ลิงค์อยู่ด้านล่างครับ
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน