มีอยู่คืนหนึ่งขณะที่เราและเพื่อนร่วมงานกำลังเสริฟอาหารเครื่องดื่มมื้อค่ำบนความสูงกว่าสองหมื่นฟุต ตะขอเสื้อยกทรงตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อหมาดๆเมื่อวานนี้เองดันหลุดผึงขึ้นมากระทันหัน โชคดีที่ยังมีชุดเอี๊ยมแม่บ้านคลุมทับอีกชั้นมองจากภายนอกจึงยังมองไม่ผิดรูปผิดทรงอะไรนัก จะให้ปลีกตัวไปจัดให้เข้าที่เข้าทางก็คงไม่ได้เพราะเราเริ่มเสริฟผู้โดยสารมาสองแถวแล้ว เดอะโชว์มัสต์โกออน เราทำหน้าที่ต่อไปพยามไม่กังวลคิดถึงมัน มันอยากจะหลุดก็ปล่อยให้มันหลุดอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกของเราแปลกกว่าทุกๆวันอย่างบอกไม่ถูก ลมหายใจร้อนผ่าว คอแห้งปากแห้งพูดติดๆขัดๆ สั่นเกร็งหน่วงลึกแถวๆก้น
พอเสร็จสิ้นกระบวนการเสริฟอาหารและเครื่องดื่ม ช่วงระหว่างที่ผู้โดยสารกำลังรับประทานเรารีบเข้าห้องน้ำลูกเรือจัดการถอดเสื้อชุดยูนิฟอร์มท่อนบนออก ปรากฏว่าตะขอโลหะหลุดจากรอยเย็บออกมาเลยดูอาการแล้วซ่อมฉุกเฉินคงจะยาก และเจ้าชิ้นส่วนโลหะแหลมๆนี่ก็คอยข่วนหลังสร้างความรำคาญ ก็เลยตัดสินใจถอดบราสวมเสื้อเชิ้ตยูนิฟอร์มตามเดิมแล้วก็ทับด้วยเอี้ยมแม่บ้านสีเข้มอีกชั้น
"ยัยแหวน!! ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่ถอดเอี๊ยม!! แล้วนี่เอาที่ปิดปากมาใส่ทำไม!! เอาออกเดี๋ยวนี้เลยเดี๋ยวผู้โดยสารก็คิดว่าเธอป่วยหรอก" พี่เป้ สจ๊วตหนุ่มใหญ่หัวหน้าพนักงานต้อนรับประชิดข้างตัวหยิกจิกเนื้อที่ต้นแขนเรา
"พี่เป้อ่า.. ทำไงดี ตะขอเสื้อในหนูพังเนี่ยเลยต้องสวมเอี๊ยมทับไว้" เราดึงมาร์คปิดปากลง
"หล่อนก็รีบไปเปลี่ยนตัวใหม่ซะสิ"
"ไม่มีแล้วอ่ะ มีก็ตัวเก่าหนูซักเมื่อคืนยังเปียกๆอยู่ในถุงเลย" เราพยามอธิบายถึงความจำเป็น
"งั้นหล่อนก็โนบราไปก่อนละกันปิดไฟเคบินผู้โดยสารนอนกันหมดแล้วไม่มีใครเห็นหรอก แต่ถอดเอี๊ยมเดี๋ยวนี้เลยนะ พี่ไม่อยากรีพอร์ตเธอไม่ใช่อะไรหรอก" พี่เป้ยังยืนยัน
"ไม่ถอดไม่ได้เหรอ พี่เป้อ่ะ ไม่มีเอี๊ยมนี่ก็นมเน้นๆล้วนๆเลยนะ"
"นั่นมันเรื่องของเธอ แต่ระเบียบแต่งายของพนักงานมันเรื่องของพี่ รีบๆถอดเอี๊ยมซะเดี๋ยวนี้เลย"
"นี่พี่เป้แกล้งหนูป่ะเนี่ย.." เราค่อยๆปลดสายผูกเอี๊ยมอย่างไม่เต็มใจ
"ทำไม.. นมเล็กเลยไม่กล้าโนบรางั้นสิ" สจ้วตหนุ่มใหญ่ลดสายตาเพ่งสำรวจที่หน้าอกเรา
"พี่เป้อ่ะ.." เราเบะปากไม่ชอบใจ "งั้นหนูใส่ชุดไทยตั้งแต่ตอนนี้เลยได้มั้ยอ่ะ"
"เธอจะบ้าเหรอ!! นี่.. มืดขนาดนี้แล้วใครเค้าจะเห็นอะไรของเธอ แหม ทำอย่างกับมีล้นหลามงั้นแหละ อย่าทำตัวให้มีพิรุธเองก็แล้วกัน"
"จริงดิ.."
"เดี๋ยวเดินกลับมาอย่าให้เห็นนะว่าแต่งตัวผิดระเบียบ ตราวนี้พี่รีพอร์ตจริงๆด้วย" พี่เป้ชี้นิ้วย้ำ "นี่มันไม่ใช่กรณีเร่งด่วนนะ"
"ค่าา.."
นมเล็กๆนี่ก็ดีมีประโยชน์แบบนี้ล่ะ อุตส่าห์โชว์ก็เหมือนไม่โชว์ โนบราขนาดนั้นยังไม่เห็นมีใครตื่นมาหืออืออะไรเลย 55 กำหนดไฟล์ทแลนดิ้งแปดโมงเช้าซึ่งเวลานั้นเราก็เปลี่ยนเป็นชุดไทยแล้ว ต่อให้เป็นแสงกลางวันแต่ชุดผ้าไหมเนื้อผ้าค่อนข้างแข็งน่าไว้วางใจกว่าเสื้อเชิ้ตยูนิฟอร์มมากๆนี่มาก เราออกไปเดินดูความเรียบร้อย(ไฟล์ทนั้นแอร์เดินบ่อยเกิ๊น) จากพยามทำตัวลีบๆห่อๆลองค่อยๆสูดลมหายใจกล้าเดินหลังตรง
ผู้โดยสารชายสูงอายุในรายงานบอกว่าเป็นชาวสแกนดิเนเวียนชูมือเรียกเรา เขาขอน้ำเปล่าและถามว่าจะเปิดไฟส่องสว่างดวงเล็กๆบนหัวนี่ได้ยังไงเพราะจะกินยาตามเวลา เราก็เลยลืมตัวกดสวิทช์เปิดไฟให้ หลังจากนั้นคุณปู่ก็ไม่วางตาจากหน้าอกของเราเลย
เราเดินกลับมายืนตัวสั่นที่สเตชั่น ยอมรับว่าตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ไม่ใช่ไม่เคยผ่านเรื่องเซ็กส์นะ แต่โนบราใส่ยูนิฟอร์มลงเทคแคร์ผู้โดยสารแบบนี้ไม่เคยจริงๆและนี่คงเป็นครั้งเดียวที่จะได้ทำอะไรบ้าๆแบบนี้
คุณปู่เดินตามมาค่ะ ตอนแรกแรายอมรับว่าตกใจพอสมควรคำว่าทำอะไรไม่ถูกนั้นมันเป็นอย่างไร รู้ตัวอีกทีคุณปู่ผมขาวชาวสแกนดินเวียนก็เข้ามายืนใกล้ระยะประชิดตัวแล้ว เขาบอกเราว่าขอวิสกี้สักแก้วเราก็แจ้งให้ทราบว่าเกินเวลาเสริฟเครื่องดื่มแล้ว แกก็ต่อรองด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงหลุดโลกฟังยากจนเราใจอ่อนยอมให้ไวน์แดงไปหนึ่งแก้ว มานึกตอนหลังความจริงเราจะแกล้งเดินหนีทำเป็นว่าออกไปเซอร์วิสก็ได้ แต่วินาทีนั้นเหมือนบุคลิกของชายสูงอายุผมสีดอกเลาท่าทางอบอุ่นใจดีตรึงให้เรายืนยิ้มอยู่รงนั้น
ได้ไวน์แดงไปค่อนแก้วคราวนี้ยาวเลยค่ะ แกถือแก้วจิบไปเรื่อยไม่ยอมกลับไปที่นั่ง ยืนคุยยิ้มกลอกตาสลับมองหน้ามองนมเราอยู่อย่างนั้น ถึงแม้ตรงบริเวณนั้นจะสว่างพอสมควรแต่ความอายที่ถดถอยลงไปถูกแทนที่ด้วยความท้าทาย ถึงปู่จะแก่แต่ก็เป็นผู้ชายทั้งแท่งไม่ใช่ครึ่งแท่งแบบพี่เป้
ภาษาอังกฤษสำเนียงน่าปวดหัวของคุณปู่จับใจความได้ว่า สมัยสี่ห้าสิบปีที่แล้วภรรยาแกที่นอนหลับอยู่ตรงโน้นก็เคยเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเช่นกัน ถึงจะเป็นเที่ยวบินระยะสั้นภายในประเทศแต่เป็นที่รู้กันของหนุ่มๆว่าแอร์ของสายการบินนี้โนบราทุกคน คุณปู่เห็นเราแล้วทำให้นึกถึงคุณย่าสมัยสาวๆ แกเล่าไปยิ้มไปถึงประสบการณ์การเป็นลูกค้าของสายการบินโนบราแห่งนี้ ตอนนั้นคุณย่าสวยและเฟี้ยวมากแค่เดินเฉยๆผู้โดยสารหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เหลียวมองตามคอแทบหัก คุณปู่ตัดสินใจขอคุณย่าแต่งงานหลังจากที่ได้ข่าวว่ามีนักธุรกิจมาทาบทาม และพอหลังจากแต่งงานเรื่องราวทั้งหมดก็กลับเข้าสู่วงเวียนกรรมของชีวิตครอบครัว ผูกพันธ์ เปี่ยมไปด้วยความหวัง ทำงานหนัก หาเงินเพิ่ม มีลูก มีบ้าน มีหลายสิ่งอย่างเข้ามาแทนที่ความสดชื่นความสนุก
แกถามเราว่าพรุ่งนี้เราจะโนบราหรือเปล่า แกจะเล่าเรื่องเราให้คุณย่าฟังมั่นใจว่าคุณย่าคงจะปลาบปลื้มกับวีรกรรมของเราครั้งนี้ คุณปู่แกทำตลกเนียนๆขอจับหน้าอกเรานัยว่าเพื่อยืนยันว่าเราโนบราจริงๆ ซึ่งแน่นอนว่าเราปฏิเสธพร้อมกับคำอธิบายแย่ๆว่าแค่ดูก็น่าจะรู้แล้วไม่ถึงกับต้องจับหรอกมั้ง คุณปู่ขอให้เราดึงเสื้อให้ตึงๆเราก็ดันไปหลงทำตาม ไม่มีสติ๊กเกอร์แปะหัวนมด้วย เวรของกรรม
เรายืนไหว้พร้อมรอยยิ้มกล่าวคำอำลาส่งผู้โดยสารสู่สนามบินสุวรรณภูมิ จะมีใครรู้บ้างมั้ยว่าภายใต้ชุดไทยผ้าไหมนี้เปลือยเปล่า ไหนๆก็ไม่ต้องใส่ถุงน่องแล้วก็ฟีลเสียให้สุดซอย ความสะใจส่วนตัวครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิตโนบราโนแพนท์เลยค่ะ เพราะไม่ได้แปะแผ่นแคร์ฟรีกกน.เลยแฉะชุ่มสิ้นสถานะไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว อย่างที่บอกว่าชุดไทยเนื้อผ้ามันจะแข็งๆหน่อยเช้าวันนั้นเรายืนส่งผู้โดยสารแบบหน้าฟินมาก ถ้าให้นึกย้อนไปถึงครั้งที่ไม่ใส่ชุดชั้นในออกที่สาธารณะแบบนี้ก็คงต้องย้อนกันถึงตอนเป็นเด็กเล็กโน่น
"คุณสวยมากเลยค่ะ" คุณย่าทักทายเราที่ประตูทางออกส่วนคุณปู่ยืนยิ้มกว้าง "ว่าแต่.. นี่ใส่กางเกงในรึเปล่าจ้ะเนี่ย"
"เย้ย!! ใส่สิคะ!! ใส่ค่ะ" เราตกใจที่คุณย่าถามแบบนั้น พี่เป้หัวหน้าพนักงานต้อนรับเริ่มเหล่ตามอง
"แหม นี่ถ้าตอนนั้นสายการบินที่ชั้นทำงานเค้าให้แต่งตัวสวยๆแบบนี้นะ ชั้นไม่ใส่กางเกงในหรอกจ้ะ" คุณย่ายักคิ้วข้างเดียวปิดปากหัวเราะคิกคัก
"โนว.. โน" เราได้แต่ยิ้มส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่รู้จะทำยังไงกับแถวผู้โดยสารท่านอื่นๆที่เริ่มสงสัยว่าเราคุยอะไรกันเพราะคุณตากับคุณย่าไม่ยอมเดินต่อ
"เรารู้กันเนอะ ลูกสาว" คุณย่าอดีตสาวเฟี้ยวยุคเจ็ดศูนย์ยิ้มขยิบตาน่ารักอำลาแล้วเดินต่อไป เจอกันแป๊ปเดียวนับเราเป็นพวกเฉยเลย
....................