เกิดมาได้เพียงไม่ถึงเดือนแม่กับพ่อของเราเค้าก็ตัดสินใจแยกกันอยู่ ครอบครัวทางพ่อไม่ค่อยชอบแม่ก็เลยยุแยงว่าเราเป็นลูกของผู้ชายคนอื่น โตจนเรียนมัธยมนั่นแหละพ่อเราถึงได้กลับมาขอคืนดีเพราะมีแต่คนบอกว่าเรากับพ่อหน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบ
อายุสี่ขวบแม่เราย้ายจากบ้านยายเข้ามาอยู่ในตลาดเปิดร้านขายส่งพวกของโชว์ห่วย แกจะเปิดร้านตั้งแต่ตีสี่พร้อมๆกับเวลาเปิดของตลาดแล้วก็จะยุ่งขายของมือเป็นระวิงไปจนถึงตอนเที่ยง เราจึงเติบโตมาแบบรับผิดชอบดูแลตัวเอง ตื่นเองหาข้าวกินเองอาบน้ำแต่งตัวชุดนักเรียนหยิบตังค์ไปโรงเรียนเอง แวะไปสวัสดีแม่แล้วก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์คนงานไปส่งที่หน้าโรงเรียน เคยมีคุณครูทักผิดคิดว่าคนงานเป็นแม่เราด้วยนะคงเพราะเห็นมาส่งทุกเช้า
เรื่องมันเกิดขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งตอนเข้าแถวเคารพธงชาติตอนเรียนอยู่ชั้นป.ห้า เราเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองลืมใส่กางเกงชั้นในมาโรงเรียน ลองทำเนียนๆเอามือลูบๆก้นดูก็มั่นใจว่าลืมใส่มาแน่ๆและเนื่องจากเป็นเช้าวันศุกร์บทสวนมนต์ก็จะยาวกว่าทุกวันทำให้ต้องยืนอยู่อย่างนั้นนานเป็นพิเศษ จำได้ว่าตกใจมากผสมกับความอายกลัวว่าคนอื่นจะรู้ ทั้งที่ไม่มีลมพัดอะไรเลยแต่เรากลับจิตตกคอยจับกระกระโปรงเอาไว้ตลอดเพราะกลัวมันเปิด 55 นึกโกรธแม่กับคนงานที่ไม่ยอมเตือนแต่พอคิดมาคิดไปเขาจะเตือนได้อย่างไรเพราะเขาไม่รู้ นักเรียนทั้งโรงเรียนที่กำลังเข้าแถวอยู่นี้ดูปกติดี
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นดญ.อลิสาก็ไม่เคยลืมอีกเลยค่ะ คราวนี้จงใจไม่ใส่กางเกงในไปโรงเรียนซะเลยเพราะติดใจความปลอดโปร่งโล่งเย็นสบายแห้งสนิทไม่อับชื้นลาขาดผดผื่นคันตามรอยขอบยางกางเกงในที่เคยเป็นปัญหากวนใจให้ต้องเดินบิดไปบิดมา เริ่มจากไม่ใส่ในวันที่แต่งชุดพละเพราะต้องสวมกางเกงวอร์มอยู่แล้วส่วนวันที่ใส่กระโปรงนักเรียนเราก็จะสวมเป็นกางเกงกีฬาไว้ข้างในแทนกางเกงใน บ่อยๆเข้าเหตุการณ์ก็เป็นปกติดีชักได้ใจช่วงม.ต้นนี่ไม่ใส่อะไรข้างในเลยนะ จะใส่กางเกงในก็แค่วันที่ต้องแต่งชุดเนตรนารีกับวันที่มีประจำเดือนแค่นั้น
ช่วงเรียนม.ปลายเราย้ายเข้ามาอยู่บ้านญาติที่กรุงเทพพร้อมกับเข้าเรียนโรงเรียนใหม่ซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังย่านราชดำเนิน พวกนักเรียนที่เข้าใหม่ตอนม.สี่มักจะโดนพวกที่อยู่มาตั้งแต่ม.หนึ่งแกล้งนัยว่าเป็นการรับน้อง ธรรมเนียมของการแกล้งก็คือเปิดกระโปรง เรานี่ขนหัวลุกเลยค่ะ เป็นอันว่าต้องกลับมาใส่กางเกงในอีกรอบอย่างน้อยก็ตลอดช่วงสองเทอมตอนม.สี่ ยังไงเอาปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า 55 แต่การกลับเข้าสู่วงจรอับชื้นเหม็นเฉ่าในคราวนี้กลายเป็นการตอกย้ำว่าเรารู้สึกไม่ดีกับการใส่กางเกงในอีกต่อไป เรียกว่าจำกล้ำกลืนฝืนทนเลยก็ได้
………………..
คาบบ่ายวันศุกร์สามชั่วโมงรวดเป็นวิชาเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ห้องคอมพ์กิตติศัพท์เลื่องลือด้านความหนาวเย็นในระดับห้องแช่หมูแช่ผัก เป็นที่รู้กันว่าโรงเรียนอนุญาตให้เราใส่เสื้อแจ็คเก็ตเท่ห์ๆหรือเสื้อสเวตเตอร์แฟชั่นเก๋ๆได้เป็นกรณีพิเศษ ..ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศพัดแรงจนปอยผมปลิว เรานั่งตาปรือโงนเงนง่วงจนแทบแทบตกจากเก้าอี้
“เสียดายว่ะ งานดีขนาดนี้น่าจะอยู่ให้ดูนานๆหน่อยไม่น่ารีบไปเล้ยย..” เพื่อนสาวที่นั่งข้างๆเปรย
“ใครจะไปไหนวะ” เราถาม
“อ้าว.. นี่มึงไม่รู้เหรอว่าอาจารย์เค้าจะมาสอนวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วนะ” เพื่อนสาวคาบข่าวอันน่าเศร้าของเหล่านักเรียนสาวๆมาบอก
“อาจารย์พี่ป๊อปอ่ะนะ” เราเหลือบมองอาจารย์หนุ่มนักศึกษาฝึกสอนที่กำลังเขียนโฟลชาร์ตภาษาเบสิคบนกระดานไวท์บอร์ด
“ยังไม่หมดเทอมเลยทำไมไม่สอนแล้ววะ” เราตั้งข้อสงสัย รู้สึกตกใจอยู่เหมือนกัน
“เค้าลือกันว่าแฟนอาจารย์ท้อง”
“ห่ะ.. แฟนท้อง อาจารย์ยังเป็นนักศึกษาฝึกสอนไม่ใช่เหรอวะ”
“เค้าว่าฝ่ายหญิงเป็นนักศึกษารุ่นน้อง อาจารย์ป๊อปจะดร็อปเรียนเพื่อไปช่วยแฟนเลี้ยงลูก”
“โห.. รักแฟนว่ะ ผู้ชายแบบนี้หายาก” เราเปรยเบาๆ
“หมดอนาคตน่ะสิไม่ว่า หล่อขนาดอาจารย์ป๊อปแม่งมีแฟนเป็นดารายังได้เลย เสียดาย..”
ให้ผู้ชายหล่อหุ่นนายแบบมายืนแก้ผ้าต่อหน้าเราก็ไม่รู้สึกนะ อาจสนใจบ้างแต่จะให้เกิดอารมณ์ทางเพศทันทีแบบที่ผู้ชายรู้สึกเวลาเห็นผู้หญิงโป๊เปลือยนั้นคงไม่ใช่อารมณ์ทางเพศของผู้หญิงมันต้องเริ่มจากเหตุผลมีที่มาที่ไป เราจะรู้สึกอินมากเวลาที่ได้รับรู้เรื่องราวสวีทโรแมนติกแบบนี้ ความรัก ความเสียสละยอมละทิ้งแลกทุกอย่างเพื่อได้อยู่กับคนที่รัก เริ่มจิ้นว่าถ้าเรามีแฟนแบบนั้นบ้างคงจะมีความสุขมาก ได้ผู้ชายดีๆอย่างอาจารย์ป๊อปต่อให้ท้องก่อนวัยจนต้องหมดอนาคตให้เป็นเราเราก็ยอม(พวกหนุ่มสาวนักศึกษานี่มันล่อกันยับแตกในปล่อยท้องกันเลยเหรอวะเนี่ย..55)
จิ้นไปเรื่อยพลันเหลือบไปมองเห็นพวกแก๊งค์ทอมกำลังแอบดูเว็บโป๊หัวเราะกันคิกคักทั้งที่อาจารย์กำลังสอนอยู่ เรารู้สึกโมโหมากอยากจะเดินไปบอกให้พวกนั้นตั้งใจเรียนโดยเฉพาะนี่เป็นคาบสุดท้ายของอาจารย์ที่จะได้เจอพวกเราแล้ว แต่ก็นั่นแหละอาจารย์ป๊อปเองก็อาจไม่อยากสนใจว่าพวกนั้นมันทำอะไรกันให้เสียอารมณ์ก็ได้ ชั่งมัน
เราค่อยๆเอนตัวพิงพนักเก้าอี้สูดลมหายใจเข้าผ่อนคลายหยิบเป้ใส่หนังสือเรียนวางบนตัก ขยับดึงเสื้อสเวตเตอร์ สองตาจับจ้องไปที่อาจารย์ปล่อยอารมณ์สบายๆพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงลูบต้นขาเพลินๆเรื่อยไปที่ท้องน้อยจนถึงเนินเนื้ออวบอูมบวมเป่งอัดแน่นอยู่ในกางเกงในผ้าซาติน ทุกอย่างอย่างดำเนินไปเหมือนปกติ พวกนั้นแอบดูเว็บโป๊ส่วนเราช่วยตัวเองไประหว่างที่อาจารย์กำลังสอน
“มีกรรไกรป่าววะ” เราสะกิดถามเพื่อนสาวเจ้ากรมข่าวลือที่นั่งข้างๆ
“กรรไกร.. จะเอาไปทำอะไรวะ” มันขมวดคิ้วสงสัย
“ด้ายเย็บกระโปรงมันรุ่ยจะตัดออก คันว่ะ”
“ไม่มีว่ะ มีแต่คัตเตอร์”
“คัตเตอร์ไม่เอา.. จะเอากรรไกร”
ในที่สุดใครสักคนก็มีกรรไกรในกระเป๋านักเรียนและมันก็ถูกส่งต่อๆกันมาถึงเราจนได้ เราขออนุญาตอาจารย์ไปเข้าห้องน้ำเสร็จธุระแล้วจึงกลับมานั่งที่เดิม บัดเดี๋ยวนี้กางเกงในผ้าซาตินสีครีมตัวจิ๋วถูกขยุ้มยัดลงไปนอนอุ่นอยู่ในกระเป๋าเป้นักเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระเป๋ากระโปรงถูกตัดออกเปิดทางสะดวกให้ปลายนิ้วได้สัมผัสสะกิดตลิ่งบดคลึงสองกลีบอวบอูมชื้นแฉะได้อย่างเต็มไม้สะดวกมือ
"สา.. เป็นอะไรป่าววะ ครางอย่างกะลูกหมาเลย" เพื่อนสาวหันมาถาม
"sss อืม.. อ่าห์ ปวดท้องว่ะ สงสัยโรคกะเพาะ อืมมมห์.." เราตอบเสียงสั่นผ่อนลมหายใจหนักๆเผลอกัดริมฝีปาก "hmmhh..sss"
"กูว่ามึงขออาจารย์ไปห้องพยาบาลดีกว่าว่ะท่าทางจะปวดมากนะเนี่ย อะไรวะเมื่อกี๊ยังเห็นนั่งดีๆอยู่เลย"
"อยู่ดีๆก็ปวดว่ะไม่เป็นไร พอทนได้ ahha.. อื้มม" ไม่น่าเชื่อว่าเราจะห้าวระห่ำถึงขนาดกล้าคุยกับยัยอิ๋วไปด้วยนั่งตัวงอสแครชแผ่นไปด้วย ช่วยตัวเองคนเดียวบ่อยๆมันก็มีจืดๆเบื่อๆกันบ้าง
"ปวดขี้รึเปล่า"
"ปวดขี้พ่อง.. "
"เออ ถ้าปวดมากก็บอกละกัน แม่ง.. ครางซะกูขนลุกทั้งตัวเลยสัส"
“อิ๋ว..” เราเรียกเพื่อนสาวเจ้ากรมข่าวลืออีกครั้ง
“ไรอีกวะ..” มันละสายตาจากจอคอมพ์
“ยืมมาร์คเกอร์หน่อยดิ”
“อ่ะ..” อิ๋วยื่นปากกาเน้นข้อความให้เรา
“เอาอีกอันนึง..อันนั้นอ่ะ ฝาสีน้ำเงินแท่งใหญ่อ่ะ”
"อ่ะ.."
"ไม่เอาอ่ะ .. อืม เอาอันนั้นดีกว่า" ลองลูบๆดูแล้วฝาปากกามันมีเหลี่ยมคมๆอาจก่อให้เกิดบาดแผลได้
"อันไหนวะ"
"ลิควิด เพนซิล"
"มันจะหมดแล้ว หมดแล้วด้วยมั้ง"
“เออ งั้นกูขอเลยละกันนะ”
"มันบีบไม่ออกแล้วเนี่ย จะเอาไปทำอะไวะ" อิ๋มส่งปากกาลบคำผิดให้เราอย่างงงๆ
"อืม.. ss" ปากกาลบคำผิดค่อยๆถูกลำเลียงผ่านเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงเปรียบดังขบวนรถไฟแห่งความเสียวซ่านกำลังลอดผ่านอุโมงค์สู่จุดหมาย จากวันนั้นเราก็ใส่กางเกงในไปโรงเรียนแค่วันที่มีประจำเดือนเท่านั้น ส่วนกระเป๋ากระโปรงหรือกางเกงวอร์มถูกตัดให้ทะลุล้วงเข้าออกสะดวกสะกิดตลิ่งได้ทุกที่ทุกเวลาค่ะ 55
………………..
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ตัดภาพมาตอนมหาลัยเลยนะ เราเฝ้ามองเพื่อนร่วมห้องที่หออย่างประหลาดปนสนใจในพฤติกรรมของมันอยู่สักพักแล้ว ตัดสินใจลองถามดูในตอนเย็นวันหนึ่งระหว่างเดินกลับจากซื้อส้มตำที่หน้ามหาลัย
“แกไม่ใส่เกงในเหรอ” เราเอ่ยถาม
“เฮ่ย.. ” อิ๋วตกใจพลางหัวเราะกลบเกลื่อน
“ก็เมื่อกี๊แกอาบน้ำออกมาใส่กางเกงเราไม่เห็นแกใส่เกงในเลย” เราถามจี้
“เห้ย.. ก็ใส่ในห้องน้ำไง ใส่แล้วก็เดินออกมา”
“ไม่จริงอ่ะเช็ดตัวยังไม่ทันแห้งจะใส่ได้ไง สังเกตุหลายทีแล้วด้วย”
“เหย.. นี่โรคจิตป่าวเนี่ยมาแอบมองเราใส่เสื้อผ้าเนี่ย” อิ๋วแซวแทงใจดำ
“ป่าวโรคจิตซะหน่อย ก็แค่สงสัยเฉยๆ”
“แหม.. ก็แค่เดินออกมาซื้อส้มตำหน้ามหาลัยแค่นี้เองไม่ต้องใส่เกงในก็ได้มั้ง” อิ๋วยิ้ม “บางทีลงมาข้างล่างหอรีบๆไม่ใส่ยกทรงก็เคยนะ 55 จอแบนขนาดเราความจริงไม่ใส่ยกทรงยังได้เลย”
“แล้วไม่กลัวใครเห็นเหรอ ดูนั่นดิคนเตะบอลเยอะแยะ”
“บ้า นี่ก็กางเกงกีฬาธรรมดาใครเค้าจะมาสนใจล่ะ เอ้อ..”
“เออ ก็ดีเนอะ ชิลล์ดี”
“อลิสาลองไม่ใส่ชั้นในบ้างสิ ปล่อยให้ร่างกายเรามีอิสระบ้าง สบายดีนะไม่อับชื้นด้วย” อิ๋วเชิญชวน
“อืม..”
“เออ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่พี่ชายเรามาส่งอลิสาจำได้มั้ย คนที่หล่อๆอ่ะ” อิ๋วถาม
“จำได้สิ ทำไมเหรอ”
“ชอบมั้ย โสดสนิทแถมนิสัยดีด้วยนะ”
“ทำไม ริจะเป็นแม่สื่อแม่ชักเหรอ” เราหัวเราะแก้เขิน
“ใช่.. ที่บ้านนะพ่อแม่เราเค้าเห่ออลิสากันมากน่ารักอย่างโน้นอย่างนี้ เค้าบอกว่าเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรี” อิ๋วบรรยายจนเราเขิน “แม่เราจะเชียร์ให้พี่ชายจีบเธอ”
“เราเนี่ยนะเรียบร้อย 55” เราถาม
“ใช่ พ่อเราบอกว่าชอบที่อลิสาแต่งตัวเรียบร้อยเจอทีไรเห็นใส่กระโปรงยาวถูกระเบียบทุกที 55” อิ๋วอธิบาย “พลอยให้เราโดนบ่นเรื่องชอบใส่กระโปรงสั้นไปด้วยนะเนี่ย”
“อ๋อ.. เรื่องกระโปรง” เรายิ้ม “อิ๋วก็ลองใส่กระโปรงยาวบ้างสิคุณพ่อจะได้ชอบ”
(ซ่อนข้อความไม่มีอะไรพิเศษ)
 
………………..
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน